เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เรื่องแรกคือคำว่า Backlog ของอสังหาริมทรัพย์

เมื่อก่อนผมเคยเข้าใจว่า ถ้าในปีหน้า บ. A มี Backlog 100ล้าน และ บ B มี backlog 200 ล้าน แสดงว่า บ. B ขายเก่งกว่า ปีหน้าจะได้รับเงินสดเข้ามามากกว่า ...

พออ่านงบบ้างรายงานวิเคราะห์ไปสักพักถึงรู้ว่า  Backlog เนี่ยเขาหมายถึงยอดขาย (ได้ทำสัญญาซื้อขายแล้ว)ที่ยังไม่รับรู้ร่ายได้ทางบัญชี.. ดังนั้นวิธีการคิดรายได้ทางบัญชีจึงมีผลอย่างมาก

ดังนั้น ถ้า A ขายคอนโดได้ 200ล้าน และรับรู้รายได้แบบ% completionในปีนี้ไปแล้ว 100ล้าน ก็จะพูดได้ว่า A มี backlog 100ล้าน

ถ้า B ขายคอนโดได้ 200ล้าน และรับรู้รายได้ตอนโอนในปีหน้าครั้งเดียว ก็จะพูดได้ว่า B มี backlog 200ล้าน



:P
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
Verified User
โพสต์: 2565
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับที่เอามาแชร์ แต่สงสัยว่าการรับรู้รายได้ของคอนโดแต่ละบริษัทไม่เหมือนกันหรอครับ?
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ไม่เหมือนกันครับ
เลือกได้ 3 วิธีครับ
1. รับรู้แบบ % completion
2. รับรู้ตามค่างวด
3. รับรู้ตอนโอนครับ

แบบ % completion หาอ่านได้ใน กระทู้คุณค่าของคุณสุมาอี้ได้ครับ หรือจะอ่านในหมายเหตุการรับรูรายได้ของแต่ละ บ. ก็ได้ครับ

คาดว่าปีหน้าหลายๆบริษัทจะต้องเปลี่ยนเป็นรับรู้ตอนโอนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

[quote="wpong"]เรื่องแรกคือคำว่า Backlog ของอสังหาริมทรัพย์

เมื่อก่อนผมเคยเข้าใจว่า ถ้าในปีหน้า บ. A มี Backlog 100ล้าน และ บ B มี backlog 200 ล้าน แสดงว่า บ. B ขายเก่งกว่า ปีหน้าจะได้รับเงินสดเข้ามามากกว่า ...

พออ่านงบบ้างรายงานวิเคราะห์ไปสักพักถึงรู้ว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เรื่องต่อมา บ.อสังหา ตกแต่งบัญชี.... ดูยาก.....

ผมไปดูแล้ว ยุคนี้มันแปลกๆครับ

บ.สุกี้เปลี่ยนวิธีการประเมินค่าสนามกอล์ฟมาเป็นราคาทุน อันนี้มันทำให้มูลค่าทางบัญชีต่ำลงไม่ใช่สูงขึ้น เขามีเหตุผล แต่ผมจำไม่ได้แล้วครับ หาอ่านได้ในหมายเหตุงบการเงินของเขานะครับ

อีกบ.หนึ่งก็ช่างบันทึกรายการขาดทุนทางบัญชีเหลือเกินมีรายการขาดทุนจากการลดมูลค่าต้นทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ และการด้อยค่าที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ รายการขาดทุนจากการด้อยค่าความนิยมเงินลงทุน และเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย และขาดทุนจากการแก้ไขแบบอาคารชุดพักอาศัย

อีกบ.หนึ่งก็เลิกบ.ย่อยแทงเป็นหนี้สูญในปีที่ผ่านมา

มันทำให้ดูยากอย่างเขาว่าจริงๆ แต่ดูยากแบบเพิ่ม หรือ ลดมูลค่า Book valueกันแน่ครับ...
pol256
Verified User
โพสต์: 201
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รอซักปีสองปีครับ IFRS กำลังจะบังคับใช้สำหรับ SET50 ในปีหน้า  

การรับรู้รายได้จะ สะท้านความเป็นจริงมากขึ้น ในทุกๆเดือนและไตรมาส ไปเลย

แต่ก็มีช่องว่างมากจาก Fair Value นี่แหละที่จะมีโอกาศในการแต่งบัญชีมาก หากไม่มีมาตรฐานกลางที่ชัดเจน แต่ก็อีก..ใครจะประเมิน  Useful life ใครวัด  มากน้อยแค่ไหนมันยากเกินไป   (เช่นปกติ ตัดเสื่อม 10ปี  กลายเป็น Useful life 15 ปี   แต่ความจริงถ้าดูแลไม่ดี อาจจะพังก่อน 10ปี หรือ หากดูแลดีแล้ว Overhaul ได้ อายุการใช้งานก็จะเพิ่มไปเรื่อยๆ เป็นต้น)
มือใหม่หัดเดิน โตไปวิ่งให้ได้!
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมไม่ได้หมายความว่าเขาซื่อสัตย์มากนะครับ เพราะบางเรื่องผมก็ไม่เข้าใจ เช่นหนี้สูญของพวกบ.ย่อย หรือ การซื้อกิจการของ.บ.ย่อยที่ดูแล้วน่าจะขาดทุน
แต่เมือเทียบมูลค่ากับสินทรัพย์ของ บ. ก็ถือว่าพอรับได้
pol256
Verified User
โพสต์: 201
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="wpong"]เรื่องแรกคือคำว่า Backlog ของอสังหาริมทรัพย์

เมื่อก่อนผมเคยเข้าใจว่า ถ้าในปีหน้า บ. A มี Backlog 100ล้าน และ บ B มี backlog 200 ล้าน แสดงว่า บ. B ขายเก่งกว่า ปีหน้าจะได้รับเงินสดเข้ามามากกว่า ...

พออ่านงบบ้างรายงานวิเคราะห์ไปสักพักถึงรู้ว่า
มือใหม่หัดเดิน โตไปวิ่งให้ได้!
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมกลับคิดอีกแบบนะครับ คุณPol 256
ผมคิดว่าแบบ % completion ช่วยให้เห็นอะไรมาก และก็ตกแต่งยากครับ
และก็เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับ Useful life นะครับ เพราะคอนโดแต่ละแท่งสร้างไม่เกิน 5 ปีหรอกครับ

เขาแบ่งไว้ค่อนข้างชัดเจนเช่น
1. สินค้าคงเหลือ ก็พวกที่ยังไม่เข้าข่ายรับรุ้รายได้ ที่สร้างเสร็จแล้ว สงสัยจะยังไม่โอน หรือยังขายไม่ออก
2. ต้นทุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็พวกที่ยังสร้างไม่
3. มูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บ ก็คือสร้างเสร็จแล้วรับรู้รายได้แล้วไปมากกว่าเงินสดที่เข้ามา


รายละเอียดดูในหมายเหตุการเงินได้

ปล.ผมไม่ได้จบบัญชี ถ้ามั่วตรงใหนก็เตือนกันได้ครับ
เด็กเลี้ยงไม้
Verified User
โพสต์: 983
ผู้ติดตาม: 0

Re: เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

[quote="Paul VI"][quote="wpong"]เรื่องแรกคือคำว่า Backlog ของอสังหาริมทรัพย์

เมื่อก่อนผมเคยเข้าใจว่า ถ้าในปีหน้า บ. A มี Backlog 100ล้าน และ บ B มี backlog 200 ล้าน แสดงว่า บ. B ขายเก่งกว่า ปีหน้าจะได้รับเงินสดเข้ามามากกว่า ...

พออ่านงบบ้างรายงานวิเคราะห์ไปสักพักถึงรู้ว่า
เริ่มนับหนึ่ง...
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

Backlog คือการขายที่ยังไม่รับรู้รายได้ รึเปล่าคับ?
Backlog คือการขายที่ทำสัญญาซื้อขายแล้วที่ยังไม่รับรู้รายได้ครับ

ไม่ใช่แค่ใบจองครับ
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ดีใจที่ ยอดฝีมือคุณ wpong กลับมาบ้านหลังนี้ หลังจากหายไปนาน  

รวย rci เหมือนเดิมป่าวครับ เห็น บ.กระเบื้อง ต่างๆ  กำไรดีวัน ดีคืน
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
pol256
Verified User
โพสต์: 201
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

wpong เขียน: Backlog คือการขายที่ทำสัญญาซื้อขายแล้วที่ยังไม่รับรู้รายได้ครับ

ไม่ใช่แค่ใบจองครับ
ขออภัยคับ คือก็ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งกับอสังหานะครับ

ส่วน Useful life ไม่ได้เกี่ยวกับ อสังหาหรอกครับ แค่พูดถึง IFRS

แต่ระบบบัญชี IFRS ใหม่ จะสะท้อนเงินจริงมากขึ้น อะไรที่เป็นส่วนลด  การขาย การรับรู้รายได้ต่างๆ จะสะท้อน ณ วันที่ปิดบัญชี พอดีที่บริษัทำอยู่ก็ไปนั่งฟังคอนเซทมานิดนึง  ฉะนั้น กำไรขาดทุนจะชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นเองครับ  

สรุปว่าแค่คิดว่า อีกหน่อย IFRS มาใช้ การรับรู้รายได้ต่างๆจะชัดเจนมากขึ้นครับ แค่นี้จริงๆ ไม่มีเจตนาก่อกวนใดๆครับ  :)
มือใหม่หัดเดิน โตไปวิ่งให้ได้!
pol256
Verified User
โพสต์: 201
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

อีกนิดผมได้พูดถึง %completion ใดๆนะครับ  ยังไงรอมาตรฐานบัญชีใหม่ประกาศสิ้นปีนี้คงชัดเจนเรื่องเกณฑ์ต่างๆคับ ตอนนี้สภาวิชาชีพบัญชียังแปลไม่ครบเลย
มือใหม่หัดเดิน โตไปวิ่งให้ได้!
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณครับ ตุณ Perfect Lucky
RCI ผมขายไปนานแล้วครับ
ได้กำไรเป็นจำนวนเงินไม่มากเท่าไห่ครับ แต่ก็มากกว่าที่เคยคาดไว้ครับ

ฝีมือยังห่างไกลกับยอดฝีมืออีกมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ถ้าคุณ Pol256 มีอะไร Update ก็ยินดีมากครับ
pol256
Verified User
โพสต์: 201
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

wpong เขียน:ถ้าคุณ Pol256 มีอะไร Update ก็ยินดีมากครับ
สงสัยผมต้องขอคำชี้แนะจากพี่ Wpong มากกว่านะครับ  :D  เห็นวันที่ login 2003  :shock:   มือเก๋าแล้ว

ผมเพิ่งเข้า Thaivi ได้ไม่กี่เดือนเองครับ และเพิ่งปรับพอร์ตจากเก็งกำไรตามเจ้า มาเป็นลงทุนหุ้นตามแนว VI รอบระยะกลางแทนหนะครับ เลยเข้ามาศึกษาจากพี่ๆ ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาก   อยากให้ ThaiVI น่าอยู่ไปนานๆครับ
มือใหม่หัดเดิน โตไปวิ่งให้ได้!
booklover
Verified User
โพสต์: 1061
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

Percentage of Completion จะมีเงื่อนไขแบบนี้ครับ

แนวราบ
1.ได้เงินเกิน020%

2.ก่อสร้างเกิน10%

3.ลูกค้าไม่ขาดผ่อนเกิน3งวด

แนวสูง
1.ได้เงินเกิน020%

2.ก่อสร้างเกิน10%

3.ลูกค้าไม่ขาดผ่อนเกิน3งวด

4.ยอดขายเกิน 40% ของพทขาย

วิธีนี้จะไม่สะท้อน  cash flow จริงนักปี 54 จะเปลี่ยนเป็น

รับรู้เมื่อมีการส่งมอบซึ่งจะมีผลต่อคอนโดที่จับลูกค้ากลุ่มบน

ทั้งหมดมาจากฟังอ.เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม สอนครับ

เอามาแชร์ เผื่อจะมีประโยชน์:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
getkung
Verified User
โพสต์: 286
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ที่ผมได้ไปเรียนกับ อ.วรศักดิ์ ท่านบอกว่าปีหน้า มาตรฐานบัญชีใหม่ จะเปลี่ยนการรับรู้รายได้ จากเดิมมีอยู่ 3 วิธี จะเหลือแค่แบบเดียวคือ จะรับรู้รายได้เมื่อโอนแล้วเท่านั้นครับ
ซักวันหนึ่ง port จะโต๊ port จะโต
ภาพประจำตัวสมาชิก
jo7393
Verified User
โพสต์: 2486
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

getkung เขียน:ที่ผมได้ไปเรียนกับ อ.วรศักดิ์ ท่านบอกว่าปีหน้า มาตรฐานบัญชีใหม่ จะเปลี่ยนการรับรู้รายได้ จากเดิมมีอยู่ 3 วิธี จะเหลือแค่แบบเดียวคือ จะรับรู้รายได้เมื่อโอนแล้วเท่านั้นครับ
หากทำได้อย่างนั้น กลุ่มอสังหาจะน่าสนใจขึ้น เพราะจะสะท้อนความจริง ได้เปมือนๆกัน ทุก บ.  เพราะทุกวันนี้คนละวิธีการทำให้ คนที่ไมู่รู้เรื่องนี้ลึกๆจะลงทุนผิดพลาดได้ครับ เป็นอีกเหตุผลที่ผมก็ไม่กล้าลงทุนในกลุ่มอสังหาครับ  รอ เปลี่ยนวิธีการบันทึกก่อนครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร  ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม  และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่

อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอบาน่า
Verified User
โพสต์: 257
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

wpong เขียน:ไม่เหมือนกันครับ
เลือกได้ 3 วิธีครับ
1. รับรู้แบบ % completion
2. รับรู้ตามค่างวด
3. รับรู้ตอนโอนครับ

แบบ % completion หาอ่านได้ใน กระทู้คุณค่าของคุณสุมาอี้ได้ครับ หรือจะอ่านในหมายเหตุการรับรูรายได้ของแต่ละ บ. ก็ได้ครับ

คาดว่าปีหน้าหลายๆบริษัทจะต้องเปลี่ยนเป็นรับรู้ตอนโอนครับ
กลุ่มอสังหาก็แบ่งเป็นรับเหมากับพัฒนาที่ดิน(บ้าน คอนโด) การรับรู้รายได้ไม่เหมือนกัน
อย่างรับเหมา มี backlog จริงแต่จะเบิกได้ตามผลงานที่ทำ ก็รับรู้โดยแบบที่ 1 ส่วนกลุ่มพัฒนาที่ดินก็คิดได้จากยอดโอน ก็รับรู้แบบที่ 3 ส่วนแบบที่ 2 ไม่แน่ใจ
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
โว้กว้าก
Verified User
โพสต์: 430
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

jo7393 เขียน:
getkung เขียน:ที่ผมได้ไปเรียนกับ อ.วรศักดิ์ ท่านบอกว่าปีหน้า มาตรฐานบัญชีใหม่ จะเปลี่ยนการรับรู้รายได้ จากเดิมมีอยู่ 3 วิธี จะเหลือแค่แบบเดียวคือ จะรับรู้รายได้เมื่อโอนแล้วเท่านั้นครับ
หากทำได้อย่างนั้น กลุ่มอสังหาจะน่าสนใจขึ้น เพราะจะสะท้อนความจริง ได้เปมือนๆกัน ทุก บ.
ภาพประจำตัวสมาชิก
jo7393
Verified User
โพสต์: 2486
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

SPALI

PS

QH

LH----->สร้างเสร็จก่อนขายSPALI
ขอบคุณครับ จะได้ลองเข้าไปศึกษาครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร  ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม  และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่

อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ผมลองปรับปรุงยอด Backlog ของ Noble จากแบบ Completion เป็นแบบเมื่อโอน ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น Noble ตาม Link ด้านล่างนี้ครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 5&start=90

ผิดถูกยังใง แนะนำได้นะครับ :P
ภาพประจำตัวสมาชิก
potato
Verified User
โพสต์: 233
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

เข้ามาดูครับ ขอบคณครับ อิๆ :D :D
วอน นอน ดอย
ภาพประจำตัวสมาชิก
hsf
Verified User
โพสต์: 256
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
ยังกังวลเลยว่ามาตราฐานบัญชีใหม่มันคืออะไร พอดีอ่านเจอในเว็บนี้แบบผ่านๆ ต้องขอบคุณมากเลยครับ :D

แล้ว MK ที่ทำแบบที่ว่านี้ดีรึเปล่าครับเพราะ bv ได้ต่ำลงคนได้ไม่มาว่า ว่าที่ p/bv ต่ำเพราะสนามกอล์ฟ พอดีถือหุ้นตัวนี้ด้วย

ถ้าตอบแล้วขออนุญาตนำไปลงในห้อง mk นะครับเพราะในห้องมีคนเข้ามาพูดเรื่องสนามกอล์ฟด้วย ผมเพิ่งลงทุนเลยไม่ค่อยรู้เรื่องสนามกอล์ฟอะไรนี้ซักเท่าไหร่

ขอบคุณนะครับ :)
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส แต่ทำไมฝนตกนานจัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ในหน้า 58 ของรายงานประจำปี MK แจ้งว่า ปี 2551 ได้เปลี่ยนแปลงวิธีบันทึกสนามกอล์ฟจากวิธีราคาประเมิน มาเป็นวิธีราคาทุน ทำให้ Book value ในงบรวม ลดลง672 ล้านบาทครับ

ที่เปลี่ยนเพราะว่าสถานะทางการเงินของบ.ดีขึ้นเป็นอย่างมากจึงไม่จำเป็นต้องแสดงส่วนของผู้ถือหุ้นที่โตขึ้นด้วยส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ รายละเอียดอ่านเพิ่มเติมในรายงานประจำปีได้ครับ  :P

ปล. หัวข้อ8.2 ของรายงานประจำปีแจ้งว่า MK มีมูลค่าซื้อขายที่ได้ทำสัญญาแล้วทั้งสิน 14,547 ล้านบาทเชียวนา :P
ภาพประจำตัวสมาชิก
hsf
Verified User
โพสต์: 256
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :D  :D  :D
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส แต่ทำไมฝนตกนานจัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1336
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องที่ผมเพิ่งพอจะเข้าใจ

โพสต์ที่ 29

โพสต์

เรื่องเดียวกันแท้ๆ นักวิเคราะห์เลือกที่จะพูด ครึ่งหนึ่งที่เป็นด้านมืดให้ Noble  ครึ่งหนึ่งที่เป็นด้านสว่างให้ SPALI

nasesus เขียน:บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : NOBLE แนะนำ 'Fully Valued' ราคาพื้นฐาน 5.81 บาท


                เราคาดว่าบริษัทจะประกาศกำไรสุทธิ 2Q53 น่าผิดหวังเป็นเพียง 73
ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 33% y-o-y และ 63% q-o-q สาเหตุคือ 1) รายได้จาก
การขายลดลงเป็น 650 ล้านบาท เพราะการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ให้ทันมาตรการกระตุ้น
อสังหาฯจากภาครัฐใน 1Q53 พอมาถึง 2Q53 จึงแผ่วลง อีกทั้งมีปัจจัยลบทางการ
เมือง คือ การชุมนุมของ นปช. 2) บริษัทกลับมาเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราปกติที่
3.3% หลังหมดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทำให้ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเพิ่มสูงขึ้นมาก
และ 3) ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารสำหรับฐานเปรียบเทียบ q-o-q หรือ 1Q53 นั้นต่ำผิด
ปกติ เพราะมีการบันทึกภาษีธุรกิจเฉพาะที่ลดลงมากกว่า 70 ล้านบาท การที่เรามี
สมมุติฐานว่า 2Q53 ไม่มีรายการการพิเศษ กำไรปกติจากการดำเนินงานใน 2Q53 จึง
เท่ากับกำไรสุทธิเป็น 73 ล้านบาท ลดลง 33% y-o-y และ 42% q-o-q ก็ยังถือว่าไม่ดี
นัก
            นอกจากนี้ปัจจัยลบอื่นๆคือ 1) คาดว่ากำไรสุทธิที่สูงสุดในรอบปี ได้เกิด
ขึ้นไปแล้วใน 1Q53 ที่ 196 ล้านบาท ด้วยเหตุผลที่อธิบายข้างต้น และ 2) หากในปี
54 มีการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชีเกี่ยวกับนโยบายการรับรู้รายได้เป็นเกณฑ์การ
โอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น จากปัจจุบันที่บริษัทใช้นโยบายการรับรู้รายได้เป็นเกณฑ์ร้อย
ละของงานที่เสร็จ เราคาดว่าผลลบที่จะเกิดขึ้น คือ มีความผันผวนของกำไรสุทธิ
ระหว่างไตรมาสที่สูง โดยเฉพาะในปี 54 นั้น จะมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม 2
โครงการกว่าจะเกิดขึ้นเป็นช่วงปลายปี 54 คือ Noble Reveal และ Noble Reform ดัง
นั้นผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกนั้น เราคาดว่าจะไม่สดใส และส่งผลลบต่อราคา
หุ้นได้

            ปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น เต็มมูลค่า (Fully Valued) หลังแนะนำซื้อ
เมื่อรายงานฉบับก่อนที่ออก 7 มิ.ย.53 ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาแล้ว 55% และเกินกว่า
ราคาพื้นฐานแล้ว 15% สำหรับราคาพื้นฐานประเมินด้วย P/E ปี 53 ที่ 5.0 เท่า และ
คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 53 ที่ 5.2% แรงกระตุ้นราคาหุ้นที่ผ่านมาคือ
การประสบความสำเร็จในการเปิดขายคอนโดมิเนียม 2 โครงการคือ Noble R:ED
และ Noble Revent แม้เราเห็นว่าบริษัทมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จอีกใน
การเปิดขายคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการคือ สุขุมวิท 36 ซึ่งจะเปิดขายใน 3Q53 แต่
ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนไปยังราคาหุ้นมาก
พอควรแล้ว อีกทั้งระยะสั้นนักลงทุนจะต้องเผชิญกับผลการดำเนินงาน 2Q53 ที่น่า
ผิดหวังอย่างมากของ NOBLE



เรียบเรียง โดย ปุณณภา นาเมืองรักษ์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น  [email protected]




ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย     วันที่   28/07/10   เวลา   12:29:25
chartchai madman เขียน:ฟาร์อีสท์-แนะนำ "Buy" SPALI

SUPALAI PCL.(SPALI)

Buy

Price                      3.80   Bt
Target                     5.25   Bt
             
Company Visit Notes & 1Q51Earnings Preview

Presales 1Q51 ค่อนข้างดี
         SPALI มียอด Presales 1Q51 ที่ 2,528 ล้านบาท (รวม Presales จากโครงการ Supalai Premier Sathorn-Narathiwas เปิดตัวช่วงปลายปี 50 ที่ยังไม่มีการทำสัญญาจำนวน 500-600 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเป้า Presales ที่ 9,999 ล้านบาท ก็ถือว่ายอด Presales ใน 1Q51 ทำได้ตามเป้า อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในแง่ของ Product Mix แล้ว สัดส่วน Presales จากโครงการคอนโดมิเนียมยังมีส่วนแบ่งที่ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 67% ของยอด Presales สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่เพียง 55% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการแนวราบที่ค่อนข้างน้อยในช่วง 1Q51 เราคาดว่าสัดส่วนคอนโดมิเนียมจะยังคงสูงต่อเนื่องใน 2Q51 และจะเริ่มทยอยลดสัดส่วนลงในช่วง 2H51 เนื่องจากใน 3Q51 SPALI จะมีการเปิดตัวโครงการแนวราบจำนวน 6 โครงการ  มูลค่ากว่า 3,743 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอด Presales ของโครงการแนวราบให้ฟื้นตัวได้  

คาดผลประกอบการ 1Q51 ออกมาน่าผิดหวัง
         จากเดิมที่เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q51 ของ SPALI จะยังทรงตัวในระดับที่ค่อนข้างดีเนื่องจากมีการโอนโครงการ City Home Sukumvit 101/1 แต่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธดรรมเนียมการโอน ทำให้ SPALI มีการเลื่อนโอนโครงการดังกล่าวออกไปในช่วง 2Q51 ส่งผลให้ยอดโอนใน 1Q51 ของ SPALI จะออกมาต่ำกว่าที่เราเคยคาดไว้ โดยประเมินยอดรับรู้รายได้ใน 1Q51 ไว้ที่ 926 ล้านบาท ลดลง 28.24%QoQ และ 36.95%YoY ด้าน GPM ประเมินไว้ที่ 42.36% เพิ่มขึ้นจาก 39.57% ใน 4Q50 และ 39.51% ใน 1Q50 ซึ่งเป็นผลมาจากสัดส่วนการรับรู้รายได้จากโครงการ Casa Riva ที่สูงถึง 50% ของยอดรับรู้รายได้รวม ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายงวด 1Q51 คาดว่าจะอยู่ที่ 17.52% ทรงตัวจาก 17.63% ใน 4Q50 แต่เพิ่มขึ้นจาก 12.55% ใน 1Q50 และประเมิน effective tax rate ไว้ที่ 30% ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 1Q51 คาดว่าจะอยู่ที่ 147 ล้านบาท ลดลง 35.67%QoQ และ 41.82%YoY

อานิสงส์ปรับวิธีบันทึกบัญชี กระตุ้น Backlog เพิ่มประมาณ 450 ล้านบาท
         เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานบัญชีใหม่ SPALI ได้มีการปรับวิธีการรับรู้รายได้โครงการ Casa Riva จาก Percentage of Completion เป็นรับรู้เมื่อโอน ส่งผลให้ต้องมีการ Restate งบการเงินปี 49-50 ใหม่ โดยผลกระทบจากการปรับวิธีบันทึกบัญชีดังกล่าวจะช่วยให้ SPALI สามารถรับรู้รายได้โครงการ Casa Riva ได้อีกประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งยอดรับรู้รายได้ดังกล่าวถูกรับรู้ตามวิธี Percentage of Completion ไปแล้วในช่วงปี 49-50 แต่หลังจากการปรับวิธีการรับรู้รายได้ ยอดรับรู้รายได้ดังกล่าวจะถูกยกเลิกออกจากงบปี 49-50 และจะถูกนำมารับรู้ในปี 51 จากการปรับมาตรฐานบัญชีดังกล่าวช่วยให้ SPALI มียอด Backlog ที่จะรอรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 450 ล้านบาท ส่งผลให้การเติบโตของยอดรับรู้รายได้ปี 51 มีความชัดเจนขึ้นทันที


ปรับเพิ่มประมาณการปี 51 ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้สอดคล้องกับ Backlog ที่สูงขึ้น
         เราปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 51 ของ SPALI ขึ้น 3.93% มาอยู่ที่ 5,278 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับ Backlog ที่สูงขึ้น และปรับเพิ่มกำไรสุทธิของ SPALI ขึ้น 2.8% มาอยู่ที่ 1,028 ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ดังกล่าวมีความแน่นอนค่อนข้างมากเนื่องจาก SPALI จะมียอด Backlog หลังการรับรู้รายได้ใน 1Q51 อีกประมาณ 3,163 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอดรับรู้รายได้ใน 1Q51 ที่ 926 ล้านบาท จะทำให้ SPALI มีฐาน Backlog รองรับจำนวน 4,089 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของประมาณการรายได้ปี 51 และจากฐาน Backlog สำหรับปี 52 จำนวน 4,561 ล้านบาท และ Backlog สำหรับปี 53 จำนวน 4,912 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณ Backlog ที่ค่อนข้างสูง ได้สร้างความมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 52 และ 53 จะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง

ผลประกอบการ 1Q51 ที่น่าผิดหวังจะเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในช่วงสั้น ประเมินว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมโดยคาดหวังผลประกอบการใน 2Q51 จะโดดเด่นมาก แนะนำ "ซื้อ
         แม้เราจะประเมินผลประกอบการงวด 1Q51 ของ SPALI จะน่าผิดหวังเนื่องจากการเลื่อนโอนโครงการ City Home Sukumvit 101/1 แต่จากการที่โครงการดังกล่าวจะรับรู้รายได้เข้ามาใน 2Q51 กว่า 1,300 ล้านบาท ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการใน 2Q51 ของ SPALI จะออกมาโดดเด่นมาก และเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มสูงขึ้นได้ ทั้งนี้เราประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 51 ของ SPALI ไว้ที่ 5.25 บาท โดยอิง Prospective PER ที่ 9 เท่า จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3.80 บาท ยังมี upside อีก 38.16% ถือว่าน่าสนใจ นอกจากนี้เรายังคาดว่า SPALI จะสามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 1H51 ได้อีก 0.15 บาทต่อหุ้นคิดเป็น dividend yield ที่ระดับ 3.95% ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน เราจึงยังคงแนะนำให้ ซื้อ
///

ฟินันซ่า- แนะนำ "BUY" SPALI

Supalai Plc. (SPALI) - BUY

Recommendation            BUY
Share price               Bt3.80
Target price              Bt5.65
Upside/(Downside)         48.68%
Warrant price             Bt2.24
52W range high/low        Bt4.50/Bt3.26
Foreign limit/ownership   35%/22.07%
Foreign premium           N/A
SET index                 845.4

ดีขึ้นต่อเนื่องนับจากนี้ เพราะวางแผนมาดี

อย่าตกใจถ้ากำไร 1Q08 จะหด 33% QoQ & 40% YoY เหลือ 152 ลบ.
         ในเดือนมี.ค. SPALI แทบไม่มียอดโอนเลย เพราะลูกค้ารอให้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯมีผลบังคับใช้ (29 มี.ค.08 เป็นเวลา 1 ปี) ซึ่งภาษีโอนส่วนที่ลูกค้าต้องจ่ายจะลดลงจาก 1% เหลือ 0.005% ทำให้การรับรู้รายได้ใน 1Q08 จะต่ำเพียง 935 ลบ. (-28% QoQ & -36% YoY) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการคอนโด Casa Riva 550 ลบ. ที่เหลือมาจากโครงการแนวราบ ทั้งนี้ Casa Riva มี GPM สูงมากถึง 45% ส่งผลให้คาด GPM โดยรวมใน 1Q08 จะสูงถึง 42.5% (vs. 39.9% ปี 07) แต่จากยอดรับรู้รายได้ที่น้อยส่งผลให้ SG&A/Sales พุ่งขึ้นเป็น 17.5% (vs. 14.7% ปี 07) และกำไรชะลอเหลือแค่ 152 ลบ. (-33% QoQ & -40% YoY) ทั้งนี้ SPALI จะมีการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่โดยปรับงบการเงินย้อนหลังเป็นแบบรับรู้รายได้ตามการโอน (vs. ปัจจุบันใช้วิธีอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ) ส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิของปี 07 ลดลง 2% และ 4% เหลือ 4.92 พันลบ. และ 816 ลบ.ตามลำดับ แต่สำหรับผลประกอบการในปัจจุบันจะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

ปีนี้ลุยเปิดโครงการเพิ่มเท่าตัวจากปีก่อนเป็น 14 แห่ง (1.4 หมื่นลบ.)
         โดยการเติบโตจะเริ่มปรากฎใน 2Q08 นี้ที่คาดว่าการรับรู้รายได้จะพุ่งขึ้นเป็น 1.77 พันลบ. (+89%QoQ & +39% YoY) โดยมาจาก 2 โครงการหลัก คือ City Home สุขุมวิท 730 ลบ. และ Casa Riva อีก 635 ลบ. (ที่เหลืออีก 400 ลบ. มาจากโครงการแนวราบ) สำหรับปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอด Presales ไว้ที่ 1 หมื่นลบ. (vs. 7.35 พันลบ.ปีก่อน) โดยแต่ไตรมาสแรกก็ทำได้แล้ว 1/4 หรือ 2.5 พันลบ. (+228% YoY แต่ -37% QoQ เนื่องจากใน 4Q07 เปิดคอนโดใหม่ถึง 3 โครงการ มูลค่ารวม 7.2 พันลบ. ขายได้ 3.4 พันลบ.) ส่วนอีก 9M ที่เหลือของปีนี้น่าจะยิ่งดีขึ้นอีกเพราะรัฐช่วย (มาตรการภาษี) และช่วยตัวเองโดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 14 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นลบ. (vs. 7 โครงการ 9.3 พันลบ.ในปี 07) แบ่งคอนโด: แนวราบ = 71: 29 ณสิ้น 31 มี.ค.08 SPALI มี Backlog คงเหลือ 1.26 หมื่นลบ. ซึ่งจะรับรู้รายปีนี้ 3.1 พันลบ., ปีหน้า 4.6 พันลบ. และ ปี 10 อีก 4.9 พันลบ. ส่งผลให้ประมาณการรายได้ปีนี้ของเราที่ 5.2 พันลบ. (+4% YoY) มี
Backlog รองรับแล้วถึง 76% จึงไม่น่าพลาด ส่วน GPM ปี 08 คาดอยู่ที่ 39%(vs. 40% ปี 07) เพราะปีนี้รับรู้โครงการที่มี GPM ต่ำอย่าง City Home สุชุมวิท(GPM ~30%) มูลค่า 1.38 พันลบ. แต่จะถัวกับโครงการอื่นๆ ที่มี GPM สูงถึง 40-45% อีกทั้งวัสดุก่อสร้างอย่างเหล็กได้ซื้อล่วงหน้าไป
แล้ว 1 ปี ส่วนกำไรสุทธิปีนี้คงไว้ที่ 970 ลบ.(+14% YoY) แต่จะไปตื่นเต้นปีหน้าที่ทั้งรายได้ (+43% YoY เป็น 7.5 พันลบ.) และกำไร (+30% YoY เป็น 1.26 พันลบ.) จะเติบโตโดดเด่น เพราะรับรู้รายได้คอนโดถึง 3 โครงการมูลค่า 5 พันลบ. ส่วน EIA ยังไม่ได้อีก 4 โครงการ(จากที่เปิดไปแล้ว)คือรัชดา-ปิ่นเกล้า เกษตร สาทร และท่าพระ ซึ่งทั้งหมดจะรับรู้ในปี 10-11 จึงไม่มีปัญหากับปี 08-09
         - คงประมาณการ คำแ นะนำ ซื้อ & เป้าที่ 5.65 บาท (+49%)

         โดยบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ประจำวันที่ 21 เม.ย. 2551

///

ดีบีเอสฯ-แนะนำ "ซื้อ" SPALI

SPALI คำแนะนำ ซื้อ
ราคาปิด 3.80 บาท ราคาพื้นฐาน 5.21 บาท (เดิม 5.00 บาท)

น่าสนใจ! หลังเปลี่ยนนโยบายบัญชี กำไรปีนี้โตดีมาก
         -  หลังกลับมาจากเยี่ยมเยียนบริษัท เรายิ่งมีมุมมองที่ดีกับบริษัทมากยิ่งขึ้นไปอีก สืบเนื่องจากแนวโน้มของบริษัทที่สดใส
         -  ยอดขาย (Presales) เติบโตก้าวกระโดด 228% y-o-y เป็น 2.5 พันล้านบาท ใน 1Q51 ผลพวงจากการความสำเร็จในการเปิดขายโครงการใหม่ สองโครงการ คือ ภูเก็ตซิตี้รีสอร์ท และสาทรพรีเมียร์นราธิวาส เมื่อไม่นานนี้ ส่งผลดีให้ยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงเป็น 12.6 พันล้านบาท ณ ปลาย 1Q51 นั่นหมายถึงการรับรู้รายได้ระหว่างปี 51-53 ก็จะมีความมั่นคงสูง นอกจากนี้บริษัทวางแผนที่จะเปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีรายได้ จากเดิมเป็นร้อยละของงานที่เสร็จ มาเป็นเมื่อโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีไทย (Thai GAAP) ซึ่งจะประกาศใช้ในไม่ช้านี้ และโครงการคอนโด คาซ่าริว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์มากในปีนี้ เราจึงได้ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 51 ขึ้นไปอีกถึง 22% เพื่อสะท้อนถึงเรื่องนี้ และเมื่อเทียบกับ y-o-y แล้ว กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 51 และ 52 เติบโตดีเป็น 39% และ 12% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามเรื่องคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q51 ที่ใกล้ประกาศจะออกมาไม่ดีนัก สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่ผู้ซื้อบ้านชะลอการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรอกฏหมายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเพิ่งประกาศใช้ตั้งแต่ 29 มี.ค.51 เป็นต้นไป
         -  คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E ปี 51 ถูกมากเป็น 5.1 เท่า ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในอุตสาหกรรม ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเป็น 5.21 บาท อิงตามวิธีประเมินด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (RNAV) ซึ่งเทียบเท่า P/E ปี 51 ที่เพียง 7.0 เท่า ราคาพื้นฐานให้ส่วนเพิ่ม 37% เทียบกับราคาปิด อีกทั้งคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 51 น่าประทับใจสูงเป็น 9.4%

        โดยบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประจำวันที่ 21 เมษายน 2551[/b]
http://www.thunhoon.com/home/
โพสต์โพสต์