อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 31
ทำนายทิศทางแน้วโน้มตลาด ก็มีข้อเสียคือ
เรารู้แนวโน้มที่ควรจะเป็นไป แต่ปล่อยครั้งมันไม่ถูกจังหวะ แต่ถูกตามแนวโน้มที่มีในขณะนั้น
ส่วน DSM ไม่สนใจทิศทาง ฉันตามน้ำลูกเดียว มันไม่เครียดครับพี่ jeng แค่ต้องมาติดตามราคาตลอดวันเท่านั้นครับ
ยิ่งช่วงไหน swing ช่างมีความสุขจริงๆสำหรับ DSM ตอนนี้ผมก็มองหาปรับวิธีการใหม่ให้ได้กระแสเงินสดที่มากขึ้นอยู่ครับ
เรารู้แนวโน้มที่ควรจะเป็นไป แต่ปล่อยครั้งมันไม่ถูกจังหวะ แต่ถูกตามแนวโน้มที่มีในขณะนั้น
ส่วน DSM ไม่สนใจทิศทาง ฉันตามน้ำลูกเดียว มันไม่เครียดครับพี่ jeng แค่ต้องมาติดตามราคาตลอดวันเท่านั้นครับ
ยิ่งช่วงไหน swing ช่างมีความสุขจริงๆสำหรับ DSM ตอนนี้ผมก็มองหาปรับวิธีการใหม่ให้ได้กระแสเงินสดที่มากขึ้นอยู่ครับ
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 32
motto ของ DSMer หลักๆ มี 3 คือ
1. เราไม่สามารถทำนายตลาดได้ ว่ามันจะขึ้นหรือลง
2. เราไม่สามารถทำนายราคาหุ้นในระยะสั้นได้ มันจะขึ้นหรือลง
3. เราแน่ใจว่า หุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นดี ต่อให้เศรษฐกิจแย่สุดโต่ง ก็ไม่เจ๊ง
แปลว่า ถ้าใครทำนายตลาดได้ ไม่ควรเล่น DSM เพราะ
ซื้อขายตามเทรนด์ ได้กำไรมากกว่าเยอะ
แปลว่าถ้าใครทำนายราคาหุ้นระยะสั้นได้ ควรซื้อตัวเดียว และขายก่อนมันจะลง
กำไรมากกว่า DSM หลายร้อยเท่า
แปลว่า ถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่มีโอกาสเจ๊งพอควร ไม่ควรถือ ไม่ควรทำ DSM
DSM เป็นวิธีการเล่นหุ้นสำหรับปุถุชนที่มีวินัยดีครับ อาจจะไม่ได้กำไรสุดโต่ง
แต่เป็นวิธีการที่ปลอดภัย
1. เราไม่สามารถทำนายตลาดได้ ว่ามันจะขึ้นหรือลง
2. เราไม่สามารถทำนายราคาหุ้นในระยะสั้นได้ มันจะขึ้นหรือลง
3. เราแน่ใจว่า หุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นดี ต่อให้เศรษฐกิจแย่สุดโต่ง ก็ไม่เจ๊ง
แปลว่า ถ้าใครทำนายตลาดได้ ไม่ควรเล่น DSM เพราะ
ซื้อขายตามเทรนด์ ได้กำไรมากกว่าเยอะ
แปลว่าถ้าใครทำนายราคาหุ้นระยะสั้นได้ ควรซื้อตัวเดียว และขายก่อนมันจะลง
กำไรมากกว่า DSM หลายร้อยเท่า
แปลว่า ถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่มีโอกาสเจ๊งพอควร ไม่ควรถือ ไม่ควรทำ DSM
DSM เป็นวิธีการเล่นหุ้นสำหรับปุถุชนที่มีวินัยดีครับ อาจจะไม่ได้กำไรสุดโต่ง
แต่เป็นวิธีการที่ปลอดภัย
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 33
ขอฝากข้อความถึงผู้พันซิกกี้ในกระทู้นี้ครับ
สาวติงติงหน้าเด้งได้ส่งซิกมาทางหลังไมค์ว่า
ได้ไปนวดหน้าเด้งมาแล้ว
กว่าจะแหวกเซลเกิร์ลออกมาได้
ต้องจ่ายเงินซื้อครีมหน้าเด้งไปหนึ่งกระปุก
ยังไง ถ้าใครได้บัตรนวดหน้าเด้งจากงานมีตติ้งไป
ก็เอาสำลีอุดหูไว้ หลังนวดหน้าฟรีด้วย ฮาๆๆๆ
สาวติงติงหน้าเด้งได้ส่งซิกมาทางหลังไมค์ว่า
ได้ไปนวดหน้าเด้งมาแล้ว
กว่าจะแหวกเซลเกิร์ลออกมาได้
ต้องจ่ายเงินซื้อครีมหน้าเด้งไปหนึ่งกระปุก
ยังไง ถ้าใครได้บัตรนวดหน้าเด้งจากงานมีตติ้งไป
ก็เอาสำลีอุดหูไว้ หลังนวดหน้าฟรีด้วย ฮาๆๆๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 34
เขาเรียก BC ไม่ใช่เหรอครับ Beauty Consultant หรือไงเนี่ย
ได้แจ้งทางคณะกรรมการจัดงานและท่านประธานไปแล้วครับ ว่า
ต้องมีรายการนี้เกิดขึ้น สาวๆ ทุกคนในที่ประชุมทำสีหน้าเข้าใจ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบัตรครับ
ได้แจ้งทางคณะกรรมการจัดงานและท่านประธานไปแล้วครับ ว่า
ต้องมีรายการนี้เกิดขึ้น สาวๆ ทุกคนในที่ประชุมทำสีหน้าเข้าใจ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบัตรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 37
คนส่วนใหญ่จะคิดว่า dsm ไม่ได้ช่วยอะไร ในกรณีเช่น tpi ลดจากราคา 70 > 7 บาท แต่จริงๆแล้ว ถ้าคนที่เข้าใจวิธีคิดจริงจะรู้ว่า ราคาหุ้นจะ 100 หรือ 0.1 บาทมันก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่รายได้ (กระแสเงินสดแฝง) ไม่ลดลง
หุ้นที่ราคาไม่ลงไปเท่าเดิม อาจทำรายได้น้อยกว่าหุ้นที่ราคาไม่ขึ้นไปเท่าเดิม
DSM หากินกับฐานข้อมุลราคาหุ้นในอดีต เป็นปีสองปี ไม่ใช่วันนี้หรืออนาคต
ค่าคอมที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเสียเยอะ แต่ถ้าทำจริงๆจะรู้ว่า ทุกๆ ครั้งที่ซื้อ จะได้รายได้(หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่ากำไร) ซึ่ง cover ค่าคอม + vat 7% ไปแล้ว ดังนั้นจะไม่มีการซื้อครั้งไหนที่ขาดทุนเพราะค่าคอมครับ
ส่วนวิธีการก็ลองไปอ่านใน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 13263.html ดูได้ครับ
แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบายง่ายๆให้คนเข้าใจ ซึ่งถ้าจะทำจริงๆก็แล้วแต่ style ใคร style มัน
แต่ถึงจะทำยังงัยก็ตาม หลักสำคัญของ dsm ก็คือ
1. บัญชี ***** (ให้ห้าดาว)
2. ซื้อให้ถูกกว่าขาย
3. หุ้นก็คือหุ้น หุ้น B ก็คือหุ้น A และ หุ้น A ก็คือหุ้น B
อันนี้ผมตอบพี่ chatchai นะครับ ดังนั้นจึงขอว่าอย่าเปิดประเด็นเถียงกันว่า dsm กะ vi อะไรดีกว่ากัน หรือถ้าจะเสนอข้อเสีย ผมแนะนำที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 27284.html เลยครับ มีคนอยากรู้เยอะ
DSM ไม่ใช่สุดยอดวิชาสำหรับทุกคน แต่สุดยอดสำหรับบางคน เช่นเดียวกับ VI .. ไม่ได้มีอะไรดีกว่ากัน มันขึ้นอยู่กับคนใช้ และความเหมาะสม
แต่เท่าที่ทำมา ผมดึงต้นทุนออกมาได้เยอะมากเหมือนกัน ไม่ได้คิดอะไรเลย ทำไปตามแผน มันจะลงมันจะขึ้นก็ช่างมัน เรื่อยๆดีเหมือนกัน
ถ้าเข้าใจแนวคิดจริงๆจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว dsm กับ vi มันก็เหมือนๆกันในแง่ของการลงทุน ซึ่งหวังผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดรายเดือน ที่เอาไปใช้จ่ายได้จริง (dsm จาก กระแสเงินสดแผง vi จากปันผล) ไม่ใช่นั่งดู port ตัวเองเขียวปั๊ดแต่ไม่ได้ใช้
กระบี่อยู่ที่ใจ
หุ้นที่ราคาไม่ลงไปเท่าเดิม อาจทำรายได้น้อยกว่าหุ้นที่ราคาไม่ขึ้นไปเท่าเดิม
DSM หากินกับฐานข้อมุลราคาหุ้นในอดีต เป็นปีสองปี ไม่ใช่วันนี้หรืออนาคต
ค่าคอมที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเสียเยอะ แต่ถ้าทำจริงๆจะรู้ว่า ทุกๆ ครั้งที่ซื้อ จะได้รายได้(หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่ากำไร) ซึ่ง cover ค่าคอม + vat 7% ไปแล้ว ดังนั้นจะไม่มีการซื้อครั้งไหนที่ขาดทุนเพราะค่าคอมครับ
ส่วนวิธีการก็ลองไปอ่านใน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 13263.html ดูได้ครับ
แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบายง่ายๆให้คนเข้าใจ ซึ่งถ้าจะทำจริงๆก็แล้วแต่ style ใคร style มัน
แต่ถึงจะทำยังงัยก็ตาม หลักสำคัญของ dsm ก็คือ
1. บัญชี ***** (ให้ห้าดาว)
2. ซื้อให้ถูกกว่าขาย
3. หุ้นก็คือหุ้น หุ้น B ก็คือหุ้น A และ หุ้น A ก็คือหุ้น B
อันนี้ผมตอบพี่ chatchai นะครับ ดังนั้นจึงขอว่าอย่าเปิดประเด็นเถียงกันว่า dsm กะ vi อะไรดีกว่ากัน หรือถ้าจะเสนอข้อเสีย ผมแนะนำที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 27284.html เลยครับ มีคนอยากรู้เยอะ
DSM ไม่ใช่สุดยอดวิชาสำหรับทุกคน แต่สุดยอดสำหรับบางคน เช่นเดียวกับ VI .. ไม่ได้มีอะไรดีกว่ากัน มันขึ้นอยู่กับคนใช้ และความเหมาะสม
แต่เท่าที่ทำมา ผมดึงต้นทุนออกมาได้เยอะมากเหมือนกัน ไม่ได้คิดอะไรเลย ทำไปตามแผน มันจะลงมันจะขึ้นก็ช่างมัน เรื่อยๆดีเหมือนกัน
ถ้าเข้าใจแนวคิดจริงๆจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว dsm กับ vi มันก็เหมือนๆกันในแง่ของการลงทุน ซึ่งหวังผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดรายเดือน ที่เอาไปใช้จ่ายได้จริง (dsm จาก กระแสเงินสดแผง vi จากปันผล) ไม่ใช่นั่งดู port ตัวเองเขียวปั๊ดแต่ไม่ได้ใช้
กระบี่อยู่ที่ใจ
แก้ไขล่าสุดโดย Unexpected เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 9:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 38
มันก็คือวิธีเดียวกับที่ รายย่อยทำกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ(ตอนตกกะใจ)
ตกก็รีบขาย ขึ้นก็รีบซื้อ
ผมว่ามันสำคัญตรงตัวหุ้นที่เลือก และราคาที่หอมหวลมากกว่านะครับ
คือถ้าเป็นหุ้นที่ค่อนข้างดีและราคาถูก จะใช้วิธีไหนๆก็มีโอกาสขาดทุนน้อยมากนะครับ
ตกก็รีบขาย ขึ้นก็รีบซื้อ
ผมว่ามันสำคัญตรงตัวหุ้นที่เลือก และราคาที่หอมหวลมากกว่านะครับ
คือถ้าเป็นหุ้นที่ค่อนข้างดีและราคาถูก จะใช้วิธีไหนๆก็มีโอกาสขาดทุนน้อยมากนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 39
ที่ต่างกับรายย่อยก็คือ รายย่อยได้กำไรตอนขาย ในขณะที่ dsm ได้ "รายได้" ตอนซื้อ ครับ
เอาง่ายๆ สมมุติ TTA ราคา 40 บาท p/e = 3.6 เท่านี่ถูกหรือแพงครับ?
และอย่าง se-ed ที่ราคา 4.7 บาท p/e = 11 เท่า, ปันผลปีละ 8-9% ละครับ?
บางคนคงดูออก แต่คงไม่ทุกคนหรอกครับ
หรือคำถามง่ายๆ.. ตอนนี้ตลาดเป็นขาขึ้นหรือขาลงครับ?
ปัญหามันคือว่าจะรู้ได้งัยครับว่าราคาไหนถูก? dsm ถูก design มาสำหรับคนที่หาราคาที่เหมาะสมไม่เป็น ซึ่งถ้าคนที่ดูขาดว่าหุ้นตัวนี้ราคาถูกกว่าพื้นฐานจริงๆ ก็อย่าทำเลยครับ dsm.. เล่น vi ก็ดีแล้วคือถ้าเป็นหุ้นที่ค่อนข้างดีและราคาถูก จะใช้วิธีไหนๆก็มีโอกาสขาดทุนน้อยมากนะครับ
เอาง่ายๆ สมมุติ TTA ราคา 40 บาท p/e = 3.6 เท่านี่ถูกหรือแพงครับ?
และอย่าง se-ed ที่ราคา 4.7 บาท p/e = 11 เท่า, ปันผลปีละ 8-9% ละครับ?
บางคนคงดูออก แต่คงไม่ทุกคนหรอกครับ
หรือคำถามง่ายๆ.. ตอนนี้ตลาดเป็นขาขึ้นหรือขาลงครับ?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 41
น่าจะมีกระทู้เปรียบเทียบ VI กับ DSM นะครับ
จะได้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ
ว่าจะไปซ้าย หรือ ไปขวา
นักลงทุนจะได้ไม่สับสน
เพราะแนวคิดค่อนข้างแตกต่างกันมาก
ถ้านำมาใช้ร่วมกัน ก็ดูจะขัดกันอย่างไร ชอบกล
จะได้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ
ว่าจะไปซ้าย หรือ ไปขวา
นักลงทุนจะได้ไม่สับสน
เพราะแนวคิดค่อนข้างแตกต่างกันมาก
ถ้านำมาใช้ร่วมกัน ก็ดูจะขัดกันอย่างไร ชอบกล
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 42
ผมก็เริ่มผสานลมปราณทั้งสองแขนงนี้ ตอนแรกอาจดูเหมือนว่ามาจากคนละสำนัก แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าถึงจะเป็นคนละแนว ก็ไม่ใช่ว่าเป็นวิชาของเทพหรือมารที่ต่างสุดขั้ว และถ้าใช้อย่างรู้แจ้งก็มีแต่ความสำเร็จแน่นอน ทั้งนี้ต้องระวังธาตุไฟเข้าแทรกก่อนสำเร็จเคล็ดวิชานี้
VI AD HOC
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 43
เหมือนที่บางคนมักบอกว่า ให้นำหลัก VI คัดเลือกบริษัท แล้วนำ TA เลือกช่วงเวลาและราคาในการซื้อขาย
สำหรับผม VI ก็เพียงพอครับ กลัวผสมมากไป ลมปราณจะแตกซ่าน ร่างกายรับไม่ไหว
สำหรับผม VI ก็เพียงพอครับ กลัวผสมมากไป ลมปราณจะแตกซ่าน ร่างกายรับไม่ไหว
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 44
ผมใช้เวลาหลายชม. ต่อวันในการศึกษาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นchatchai เขียน:เหมือนที่บางคนมักบอกว่า ให้นำหลัก VI คัดเลือกบริษัท แล้วนำ TA เลือกช่วงเวลาและราคาในการซื้อขาย
สำหรับผม VI ก็เพียงพอครับ กลัวผสมมากไป ลมปราณจะแตกซ่าน ร่างกายรับไม่ไหว
หากผสมกับ DSM ผมต้องใช้เวลาอีกกี่ชม. ที่จะหาราคาซื้อขาย
และยังอาจจะต้องเฝ้าหน้าจอหุ้นทั้งวันอีก
ผมคงไม่ไหวเช่นกันครับ ลงทุนแบบ vi ผมก็ทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว :lol:
แต่หากใครจะลองก็ไม่ได้คัดค้านนะครับ ได้ผลอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังบ้าง
และหากใช้ได้ผลดีจริง แนวคิดนี้ก็น่าจะแพร่หลายในอนาคต เหมือนการลงทุนแบบ vi และเราน่าจะเปิดเป็นห้อง DSM สำหรับผู้ที่ใช้แนวทางนี้ จะได้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยน เผยแพร่ความรู้ต่อไป
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 45
โดยส่วนตัวแล้ว ผมลองผสม vi+dsm ใน excel เล่นๆกับราคาปิดย้อนหลัง ถ้าเลือกหุ้น vi จริงๆอย่าง TR, bigc เนี่ย.. -_-;; ไม่รู้ซิครับ คนอื่นอาจทำแล้ว work แต่ผมคงไม่ หรือถ้าจะทำก็ตัวที่ราคาขึ้นลงตามตลาดเยอะหน่อยอย่าง scc น่าจะโอเค
ถ้าอยากปรับพอร์ตจริงๆ ผมว่าอาจใช้ indicator ตัวอื่นทำ dsm กับหุ้น vi ได้นะครับ อย่างเช่นถ้า p/e ขึ้นไปที่ 11-13 เท่า ก็ทยอยขายดึงเงินออกมาบ้าง (คค.เรโช ป่าวหว่าเนี่ย O_O) หรือถ้าราคาลงมาที่ p/e = 6 ก็ซื้อเก็บเพิ่ม .. ทำนองนี้ น่าจะถือว่าเป็นการปรับพอร์ตมากกว่ามั้ง
ยังงัยก็ตาม ความเห็นส่วนตัวผมยังคิดว่า ลงทุนแบบ vi เดิมๆ ตัดขายบ้างถ้าราคามันสูงเว่อร์ ซื้อเก็บเพิ่มถ้า mr market ใจดี ก็ดีมากๆอยู่แล้วครับ
ส่วนถ้าอยากจะลอง dsm ก็เลือกหุ้นแบบ dsm แล้วก็ลุยแบบ dsm เต็มตัวไปเลยดีกว่า
ถ้าอยากปรับพอร์ตจริงๆ ผมว่าอาจใช้ indicator ตัวอื่นทำ dsm กับหุ้น vi ได้นะครับ อย่างเช่นถ้า p/e ขึ้นไปที่ 11-13 เท่า ก็ทยอยขายดึงเงินออกมาบ้าง (คค.เรโช ป่าวหว่าเนี่ย O_O) หรือถ้าราคาลงมาที่ p/e = 6 ก็ซื้อเก็บเพิ่ม .. ทำนองนี้ น่าจะถือว่าเป็นการปรับพอร์ตมากกว่ามั้ง
ยังงัยก็ตาม ความเห็นส่วนตัวผมยังคิดว่า ลงทุนแบบ vi เดิมๆ ตัดขายบ้างถ้าราคามันสูงเว่อร์ ซื้อเก็บเพิ่มถ้า mr market ใจดี ก็ดีมากๆอยู่แล้วครับ
ส่วนถ้าอยากจะลอง dsm ก็เลือกหุ้นแบบ dsm แล้วก็ลุยแบบ dsm เต็มตัวไปเลยดีกว่า
expect unexpected
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 46
เท่าที่อ่าน ลง 2 step ขาย ลงต่อ 3 step ซื้อคืน
อะไรทำนองนี้ ขอติดตามต่อไปครับ เพราะถ้าดีจริง อีก 2 ปี ค่อยใช้ยังไม่สาย
( ยิ่งตอนนี้ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลง ระหว่าง dsm กับนอนกอดเงิน ไป 2 ปี อิอิ ผมว่ากอดเงินไว้ดีกว่านะ แซวเล่นนะครับ คุณเด่นศรี )
อะไรทำนองนี้ ขอติดตามต่อไปครับ เพราะถ้าดีจริง อีก 2 ปี ค่อยใช้ยังไม่สาย
( ยิ่งตอนนี้ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลง ระหว่าง dsm กับนอนกอดเงิน ไป 2 ปี อิอิ ผมว่ากอดเงินไว้ดีกว่านะ แซวเล่นนะครับ คุณเด่นศรี )
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 47
มันไม่ยากเหมือนอย่างที่คิดกันครับ
DSM ไม่สนใจราคาเหมือน vi
ถ้าพูดง่ายๆคือ ตัวไหนว่าดีก็เข้าไปซื้อเลย เช่น PTT PTTEP SCC SHIN RATCH ฯลฯ หากเห็นว่าดีก็เข้าไปซื้อได้เลย ไม่ต้องดูเรื่องราคา (ถูก-แพงไม่ต้องไปคิด) เพราะเราไหลตามน้ำ
ตลาดหุ้นบ้านเรา swing มาก ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนมีเวลาครับ
อีกอย่างเป็นการจำกัดความเสี่ยง ในรูปแบบที่ดีรูปแบบหนึ่ง
ลดความเครียดจากการถือหุ้น
DSM ไม่สนใจราคาเหมือน vi
ถ้าพูดง่ายๆคือ ตัวไหนว่าดีก็เข้าไปซื้อเลย เช่น PTT PTTEP SCC SHIN RATCH ฯลฯ หากเห็นว่าดีก็เข้าไปซื้อได้เลย ไม่ต้องดูเรื่องราคา (ถูก-แพงไม่ต้องไปคิด) เพราะเราไหลตามน้ำ
ตลาดหุ้นบ้านเรา swing มาก ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนมีเวลาครับ
อีกอย่างเป็นการจำกัดความเสี่ยง ในรูปแบบที่ดีรูปแบบหนึ่ง
ลดความเครียดจากการถือหุ้น
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 49
CK,
ผมจบม.ปลายที่สามเสนวิทยาลัย
ตอนอยู่มศ.3 พวกจบ มศ.5ตอนนั้นสอบได้ที่หนึ่งประเทศไทย
เฉือนเตรียมอุดม ไป2คะแนน
ตอนเรียนมศ.4กะ5 ก็เลยได้เรียนกะอาจารย์เก่งๆเพียบ
แกก็สอนทำนองเนี้ยแหละ จำได้ แกเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น
คนเรียนเข้าใจก็ไม่ง่วงงุนงง เรียนได้ดี และสนุกกะการเรียน
อาจารย์เก่งๆพวกเนี้ยไม่นานก็ถูกจีบไปสอนกวดวิชาซะ..อ้าว..ปากท้องนะ
ปรากฎว่าโลกหมุนกลับตอนนี้
ลูกชายเรียนม.ปลายอยู่บดินทรเล่าให้ฟังว่าที่โรงเรียนมีอาจารย์ที่ปกติสอนแต่กวดวิชา
มาสมัครเป็นอาจารย์สอนตามปกติที่โรงเรียน
นักเรียนเฮกันใหญ่ ชอบใจไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆเรียน
ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนนอกเวลาตะหาก
ผมเดาว่าแกคงรวยแล้วก็เลยมาหากล่องบ้าง
แต่ถ้ามีเยอะๆ ก็แก้ปัญหาเด็กเรียนพิเศษได้บางส่วนนะ...
เปรียบเทียบแบบนี้เข้าใจง่ายดีVI คือคนที่รู้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน และที่สำคัญกว่าคือรู้ว่าทำเลทองที่ว่า
ตอนนี้ราคาถูกมาก และเข้าไปกว้านซื้อเก็บไว้ ถ้าเกิดที่ของชาวบ้านจะ
มีคนมาขอซื้อต่อแพงๆ เรา VI ก็เฉยๆ เพราะเรารู้ว่าเราจับจองทำเลทอง
ไว้อยู่ ในอนาคตเมื่อคนอื่นๆ รู้มากขึ้น การค้าก็ไหลมาเทมา รายได้จากค่า
เช่าค่าเซ้งก็จะไหลมาเทมา และราคาที่ดินก็จะขึ้นตามไปด้วยในที่สุด
DSMer คือคนที่ประมาณได้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน เลือกเอาที่คนพลุกพล่าน
หน่อยๆ จะได้ซื้อคล่องขายคล่อง แต่อาจจะไม่รู้ว่าราคาตลาดขณะนั้นเป็น
ราคาที่เหมาะสมหรือยัง ก็เข้าไปกว้านซื้อที่ไว้ เสร็จแล้วก็เอามาแบ่งขาย
เป็น lot เล็กๆ ที่ราคาตลาด ถ้าตลาดมี demand สูงก็โก่งราคาหน่อย ถ้า
ปล่อยถูกๆ แล้วยังไม่มีคนเอาก็ตั้งราคาถูกลงไปอีก แต่ที่สำคัญเมื่อปล่อยไป
แล้ว ก็ค่อยๆ ทะยอยซื้อคืนเมื่อ lot ที่เราปล่อยขายไปนั้น ราคาตกลงมาต่ำ
กว่าราคาที่เราขายไป
ผมจบม.ปลายที่สามเสนวิทยาลัย
ตอนอยู่มศ.3 พวกจบ มศ.5ตอนนั้นสอบได้ที่หนึ่งประเทศไทย
เฉือนเตรียมอุดม ไป2คะแนน
ตอนเรียนมศ.4กะ5 ก็เลยได้เรียนกะอาจารย์เก่งๆเพียบ
แกก็สอนทำนองเนี้ยแหละ จำได้ แกเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น
คนเรียนเข้าใจก็ไม่ง่วงงุนงง เรียนได้ดี และสนุกกะการเรียน
อาจารย์เก่งๆพวกเนี้ยไม่นานก็ถูกจีบไปสอนกวดวิชาซะ..อ้าว..ปากท้องนะ
ปรากฎว่าโลกหมุนกลับตอนนี้
ลูกชายเรียนม.ปลายอยู่บดินทรเล่าให้ฟังว่าที่โรงเรียนมีอาจารย์ที่ปกติสอนแต่กวดวิชา
มาสมัครเป็นอาจารย์สอนตามปกติที่โรงเรียน
นักเรียนเฮกันใหญ่ ชอบใจไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆเรียน
ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนนอกเวลาตะหาก
ผมเดาว่าแกคงรวยแล้วก็เลยมาหากล่องบ้าง
แต่ถ้ามีเยอะๆ ก็แก้ปัญหาเด็กเรียนพิเศษได้บางส่วนนะ...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 50
ผมไม่มองดีเอสเอ็มว่าดีหรือไม่ดี
ทุกวิธี่การที่มีคนใช้มากๆ จะต้องมีดีแน่นอน
สิ่งที่ผมมักจะถามตัวเองก่อนเป็นคำถามแรก
เวลาจะใช้วิธีไหนเล่นหุ้นคือ
วิธีการนั้นเราทำได้ หรือทำไม่ได้
ใครจะใช้วิธี ดีเอสเอ็มเล่นหุ้น
ให้ถามตัวเองให้ดีๆ
คุณเป็นคนเจ้าระเบียบ ระดับคุณละเอียดหรือเปล่า
ทุกวิธี่การที่มีคนใช้มากๆ จะต้องมีดีแน่นอน
สิ่งที่ผมมักจะถามตัวเองก่อนเป็นคำถามแรก
เวลาจะใช้วิธีไหนเล่นหุ้นคือ
วิธีการนั้นเราทำได้ หรือทำไม่ได้
ใครจะใช้วิธี ดีเอสเอ็มเล่นหุ้น
ให้ถามตัวเองให้ดีๆ
คุณเป็นคนเจ้าระเบียบ ระดับคุณละเอียดหรือเปล่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 51
:lovl:คุณเป็นคนเจ้าระเบียบ ระดับคุณละเอียดหรือเปล่า
ถ้าใครเคยเห็น Excel ลงบัญชีซื้อมาขายไป "แบบง่ายๆ" ของ DSM
ที่ให้ download ฟรีกันอยู่ จะเข้าใจทันทีครับ ว่าจ่าเคลี่หมายถึงอะไร
ประมาณว่าเหมือนทำบัญชีร้านขายของชำเลยครับ
ไม่ได้พูดเล่น ขนาดนั้นจริงๆ
ขนาดผมลองกับหุ้นแค่ 3 ตัว สมองดับไป 1.5 ข้างเลย
ต้องลดขนาดเหลือตัวเดียว และหยุดทำไปในที่สุด
เพราะเป็นคนไร้ระเบียบอย่างร้ายกาจ
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 52
ผมก็ทำใน excel ครับ เก็บใน file เดียวแต่แบ่งแยก sheet/หุ้น
เป็นแบบร้านขายของชำที่ว่าครับ :lovl:
เพียงแต่มีการจขีดเส้นใต้เมื่อเคลียร์ รายการได้
แต่มีการระบายสีช่อง cell ในส่วนที่ขายไปแต่ยังซื้อกลับไม่ได้
ไม่งงครับ ง่ายต่อการเช็คในภายหลัง (แต่คงมีผมเข้าใจคนเดียว)
เป็นแบบร้านขายของชำที่ว่าครับ :lovl:
เพียงแต่มีการจขีดเส้นใต้เมื่อเคลียร์ รายการได้
แต่มีการระบายสีช่อง cell ในส่วนที่ขายไปแต่ยังซื้อกลับไม่ได้
ไม่งงครับ ง่ายต่อการเช็คในภายหลัง (แต่คงมีผมเข้าใจคนเดียว)
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 53
ผมนั่งอ่าน
มีความรู้สึกเหมือน
คนสำนักเส้าหลิน กำลังคุยกันว่า
วิชาสำนักบู๊ตึ้งดียังไง
หากเอามาผสมกันแล้ว ผมว่าสู้
วิชาเพียวๆ ของทั้งสองสำนักไม่ได้ :lol:
มีความรู้สึกเหมือน
คนสำนักเส้าหลิน กำลังคุยกันว่า
วิชาสำนักบู๊ตึ้งดียังไง
หากเอามาผสมกันแล้ว ผมว่าสู้
วิชาเพียวๆ ของทั้งสองสำนักไม่ได้ :lol:
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 55
ผมพลาดเจอทั้งคุณฉัตรชัย และคุณเด่นศรีJeng เขียน:แต่พวกเราชอบนะ คนไทยคิดแถมมีคนไทยใช้ และงานสัมนา คุณเด่นศรีก็มานะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 57
ตั๋วราคาแพงเท่าไหร่ ไม่สำคัญหรอกครับพี่เจ๋งJeng เขียน:อยากไปมั๊ย มีตั๋วผีขายให้ ใบละ 2200 บาท
เมื่อเทียบกับคุณภาพของงานที่จัด
ผมมีธุระในครอบครัวผมเองทีไปไม่ได้ พูดไปก็ถือว่าผมเห็นแก่ตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 58
ผู้พันซิกกี้
แวะไปช่วยปั่นเรตติ้งกระทู้นี้หน่อยซิครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 42315.html
เดี๋ยวจะเอาบัตรนวดหน้าเด้งมาแจกเพิ่มให้
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
แวะไปช่วยปั่นเรตติ้งกระทู้นี้หน่อยซิครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 42315.html
เดี๋ยวจะเอาบัตรนวดหน้าเด้งมาแจกเพิ่มให้
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 59
สำหรับพี่ chatchai แล้ว DSM คงไม่ต้องใช้ แต่สำหรับผม ผมว่ามันเหมาะเพราะแต่เดิมผมมักจะ
- ตอนซื้อไม่รู้จะซื้อเท่าไรดี ซื้อทีเดียวเยอะๆก็กลัวเจ๊ง จึงซื้อทีละน้อยๆพอหุ้นขึ้นก็ไม่กล้าซื้อแล้วหุ้นขึ้นเยอะเพราะวิเคราะห์ถูกแต่ได้กำไรนิดเดียว พอหุ้นลงก็รอซื้อเฉลี่ย ยิ่งเฉลี่ยมันยิ่งลงจนไม่ซื้อเฉลี่ยอีกแล้วพอหุ้นเด้งได้กำไรนิดหน่อยก็ขายแล้ว
- ตอนขายก็ไม่รู้จะขายเท่าไรอีก พอหุ้นขึ้นมาสัก 3-4 % ก็ขายแล้วเพราะไปคิดว่าได้กำไรแล้วดีกว่า เดี๋ยวมันลงไปกลายเป็นขาดทุน
ผมว่าหลายคนก็เป็นคล้ายๆนี้จนเมื่อรู้จัก DSM เราไม่ได้คิดแค่ว่าลง 2 ช่องขายหรือขึ้นกี่ช่องซื้อคืน แต่จุดมันอยู่ที่ว่าผมจะซื้อหุ้นทีเดียวตามที่ผมคิดว่าจะซื้อ เช่น ผมซื้อทีเดียว 5 แสนบาท (อาจน้อยสำหรับบางคน) จากเมื่อก่อนซื้อทีละ 5 หมื่น ดังนั้น เมื่อมันลงทีละ 2 ช่อง ผมก็ขาย ถ้ามันลงตลอดผมก็จะขาดทุนไม่เกิน 10 % หลังจากขายหุ้นหมด ขณะที่ถ้ามันลงแล้วเด้งขึ้น เช่น ขายไป 3 ครั้ง แล้วหุ้นเด้งกลับ ผมก็ยังมี 70% ในมือที่จะทำกำไรได้
หรือ เมื่อก่อนซื้อแล้วหุ้นขึ้นผมก็มักจะขายมันไปก่อน แต่เดี๋ยวนี้ผมรอมันขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าหักลงแล้วค่อยขาย
อยากจะบอกเพื่อนๆว่าถ้าเราไม่ได้ใจที่แข็งแกร่งพอในการเป็น VI จริงลองลงทุนเวลาในการศึกษา DSM ดู แล้วประยุกต์อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง
อย่าเพิ่งขยะแขยงว่าต้องเฝ้าจอทั้งวัน จริงๆมันประยุกต์ได้ แล้วเดี๋ยวนี้ technology ก็มีเยอะแยะ ตั้งเวลาเตือนราคาหุ้นก็ได้
มันเจ็บปวดแค่ไหนถ้าหุ้นที่เราคิดว่าดีๆ ลงไปเรื่อยๆ แล้วเราก็ปลอบใจว่าถือไปเถอะตราบใดที่มันเป็นหุ้นที่ดี เราไม่ได้อยากได้หุ้นที่ดีเท่านั้นเราอยากได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
หุ้นที่เราซื้อกันที่ไม่มีสภาพคล่องมากก็ทำได้ เราไม่ได้หวังกระแสเงินสดมากๆแบบพี่เด่นศรี เราเพียงแต่เอาวิธีของพี่เค้ามาในการทำให้เรามีระบบในการลงทุนมากขึ้นไม่ใช่ ปล่อยไปเรื่อยๆ
- ตอนซื้อไม่รู้จะซื้อเท่าไรดี ซื้อทีเดียวเยอะๆก็กลัวเจ๊ง จึงซื้อทีละน้อยๆพอหุ้นขึ้นก็ไม่กล้าซื้อแล้วหุ้นขึ้นเยอะเพราะวิเคราะห์ถูกแต่ได้กำไรนิดเดียว พอหุ้นลงก็รอซื้อเฉลี่ย ยิ่งเฉลี่ยมันยิ่งลงจนไม่ซื้อเฉลี่ยอีกแล้วพอหุ้นเด้งได้กำไรนิดหน่อยก็ขายแล้ว
- ตอนขายก็ไม่รู้จะขายเท่าไรอีก พอหุ้นขึ้นมาสัก 3-4 % ก็ขายแล้วเพราะไปคิดว่าได้กำไรแล้วดีกว่า เดี๋ยวมันลงไปกลายเป็นขาดทุน
ผมว่าหลายคนก็เป็นคล้ายๆนี้จนเมื่อรู้จัก DSM เราไม่ได้คิดแค่ว่าลง 2 ช่องขายหรือขึ้นกี่ช่องซื้อคืน แต่จุดมันอยู่ที่ว่าผมจะซื้อหุ้นทีเดียวตามที่ผมคิดว่าจะซื้อ เช่น ผมซื้อทีเดียว 5 แสนบาท (อาจน้อยสำหรับบางคน) จากเมื่อก่อนซื้อทีละ 5 หมื่น ดังนั้น เมื่อมันลงทีละ 2 ช่อง ผมก็ขาย ถ้ามันลงตลอดผมก็จะขาดทุนไม่เกิน 10 % หลังจากขายหุ้นหมด ขณะที่ถ้ามันลงแล้วเด้งขึ้น เช่น ขายไป 3 ครั้ง แล้วหุ้นเด้งกลับ ผมก็ยังมี 70% ในมือที่จะทำกำไรได้
หรือ เมื่อก่อนซื้อแล้วหุ้นขึ้นผมก็มักจะขายมันไปก่อน แต่เดี๋ยวนี้ผมรอมันขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าหักลงแล้วค่อยขาย
อยากจะบอกเพื่อนๆว่าถ้าเราไม่ได้ใจที่แข็งแกร่งพอในการเป็น VI จริงลองลงทุนเวลาในการศึกษา DSM ดู แล้วประยุกต์อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง
อย่าเพิ่งขยะแขยงว่าต้องเฝ้าจอทั้งวัน จริงๆมันประยุกต์ได้ แล้วเดี๋ยวนี้ technology ก็มีเยอะแยะ ตั้งเวลาเตือนราคาหุ้นก็ได้
มันเจ็บปวดแค่ไหนถ้าหุ้นที่เราคิดว่าดีๆ ลงไปเรื่อยๆ แล้วเราก็ปลอบใจว่าถือไปเถอะตราบใดที่มันเป็นหุ้นที่ดี เราไม่ได้อยากได้หุ้นที่ดีเท่านั้นเราอยากได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
หุ้นที่เราซื้อกันที่ไม่มีสภาพคล่องมากก็ทำได้ เราไม่ได้หวังกระแสเงินสดมากๆแบบพี่เด่นศรี เราเพียงแต่เอาวิธีของพี่เค้ามาในการทำให้เรามีระบบในการลงทุนมากขึ้นไม่ใช่ ปล่อยไปเรื่อยๆ