อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 1
เห็นงงกันหลายคนครับ เลยจะลองเรียบเรียงเป็นภาษาชาวบ้าน เผื่อจะได้
เข้าใจกันมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเอาไปใช้หรอกครับ เพราะ DSM ไม่ได้เหมาะ
กับทุกคน แต่แม่ผมสอนมาว่า "ลูกไม่จำเป็นต้องชอบกินอาหารทุกอย่าง
แต่ต้องลองชิมอาหารทุกอย่าง"
ถ้าเราลืมเรื่องหุ้นไปชั่วคราว และเปรียบเทียบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
กับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อาจจะทำให้เราเห็นภาพมากขึ้น
VI คือคนที่รู้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน และที่สำคัญกว่าคือรู้ว่าทำเลทองที่ว่า
ตอนนี้ราคาถูกมาก และเข้าไปกว้านซื้อเก็บไว้ ถ้าเกิดที่ของชาวบ้านจะ
มีคนมาขอซื้อต่อแพงๆ เรา VI ก็เฉยๆ เพราะเรารู้ว่าเราจับจองทำเลทอง
ไว้อยู่ ในอนาคตเมื่อคนอื่นๆ รู้มากขึ้น การค้าก็ไหลมาเทมา รายได้จากค่า
เช่าค่าเซ้งก็จะไหลมาเทมา และราคาที่ดินก็จะขึ้นตามไปด้วยในที่สุด
DSMer คือคนที่ประมาณได้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน เลือกเอาที่คนพลุกพล่าน
หน่อยๆ จะได้ซื้อคล่องขายคล่อง แต่อาจจะไม่รู้ว่าราคาตลาดขณะนั้นเป็น
ราคาที่เหมาะสมหรือยัง ก็เข้าไปกว้านซื้อที่ไว้ เสร็จแล้วก็เอามาแบ่งขาย
เป็น lot เล็กๆ ที่ราคาตลาด ถ้าตลาดมี demand สูงก็โก่งราคาหน่อย ถ้า
ปล่อยถูกๆ แล้วยังไม่มีคนเอาก็ตั้งราคาถูกลงไปอีก แต่ที่สำคัญเมื่อปล่อยไป
แล้ว ก็ค่อยๆ ทะยอยซื้อคืนเมื่อ lot ที่เราปล่อยขายไปนั้น ราคาตกลงมาต่ำ
กว่าราคาที่เราขายไป
รายได้จากกาปล่อยขายนี้ เราก็เอาไปลงทุนในทำเลอื่นบ้าง เพิ่มพื้นที่ใน
ทำเลเดิมบ้าง หรือย้ายทำเลไปจังหวัดใหม่บ้าง ตามแต่แผนการลงทุน
VI จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเฟ้นหาทำเลทอง และประเมินมูลค่าทำเล
นั้นว่าถูกแสนถูกหรือยัง ถ้าทำเลนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่ปล่อยเช่าได้ จะยิ่งดี
เงินสดจะเก็บเอาไว้จนกว่าจะเจอทำเลทองที่ถูกใจถูกราคาจริงๆ
DSMer ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการวางแผนว่า วันพรุ่งนี้จะต้องขายอะไร
และซื้ออะไร เมื่อราคาตลาดเป็นเท่าไหร่
คนส่วนมากมักจะคิดว่าเวลาของDSMer หมดไปกับการเทรด แต่จริงๆ แล้ว
เป็นการวางแผนตอนกลางคืนครับ ปกติ DSMer (ยกเว้นผม) จะใช้เวลาวาง
แผนกันประมาณครึ่งถึงสองชั่วโมง แล้วแต่จำนวนหุ้นที่ติดตาม (ทั้งถือและ
ไม่ได้ถืออยู่) ส่วนเวลาในการเทรด น่าจะรวมกันทั้งวันไม่เกิน 15 นาที
บางคนใช้เวลาแค่ 2 นาที คือช่วงปิดตลาดเช้าเย็น วันละสองครั้ง
ไม่รู้ว่าจะทำให้สับสนกว่าเดิมรึเปล่า :lol:
ปล. ผมใช้ DSM น้อยมากครับ แต่คิดว่าเป็นแนวทางการลงทุนที่สำเร็จ
แน่นอน แทบจะปราศจากความเสี่ยง (ในแง่หมดเนื้อหมดตัว) และให้ผล
ตอบแทนที่น่าพึงพอใจ ถ้าสามารถรักษาวินัยการลงทุนได้อย่างเคร่งครัด
และไม่เอาอารมณ์มาช่วยตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจทำไปแล้วตั้งแต่
ตอนกลางคืนก่อนตลาดเปิด
เข้าใจกันมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเอาไปใช้หรอกครับ เพราะ DSM ไม่ได้เหมาะ
กับทุกคน แต่แม่ผมสอนมาว่า "ลูกไม่จำเป็นต้องชอบกินอาหารทุกอย่าง
แต่ต้องลองชิมอาหารทุกอย่าง"
ถ้าเราลืมเรื่องหุ้นไปชั่วคราว และเปรียบเทียบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
กับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อาจจะทำให้เราเห็นภาพมากขึ้น
VI คือคนที่รู้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน และที่สำคัญกว่าคือรู้ว่าทำเลทองที่ว่า
ตอนนี้ราคาถูกมาก และเข้าไปกว้านซื้อเก็บไว้ ถ้าเกิดที่ของชาวบ้านจะ
มีคนมาขอซื้อต่อแพงๆ เรา VI ก็เฉยๆ เพราะเรารู้ว่าเราจับจองทำเลทอง
ไว้อยู่ ในอนาคตเมื่อคนอื่นๆ รู้มากขึ้น การค้าก็ไหลมาเทมา รายได้จากค่า
เช่าค่าเซ้งก็จะไหลมาเทมา และราคาที่ดินก็จะขึ้นตามไปด้วยในที่สุด
DSMer คือคนที่ประมาณได้ว่าทำเลทองอยู่ที่ไหน เลือกเอาที่คนพลุกพล่าน
หน่อยๆ จะได้ซื้อคล่องขายคล่อง แต่อาจจะไม่รู้ว่าราคาตลาดขณะนั้นเป็น
ราคาที่เหมาะสมหรือยัง ก็เข้าไปกว้านซื้อที่ไว้ เสร็จแล้วก็เอามาแบ่งขาย
เป็น lot เล็กๆ ที่ราคาตลาด ถ้าตลาดมี demand สูงก็โก่งราคาหน่อย ถ้า
ปล่อยถูกๆ แล้วยังไม่มีคนเอาก็ตั้งราคาถูกลงไปอีก แต่ที่สำคัญเมื่อปล่อยไป
แล้ว ก็ค่อยๆ ทะยอยซื้อคืนเมื่อ lot ที่เราปล่อยขายไปนั้น ราคาตกลงมาต่ำ
กว่าราคาที่เราขายไป
รายได้จากกาปล่อยขายนี้ เราก็เอาไปลงทุนในทำเลอื่นบ้าง เพิ่มพื้นที่ใน
ทำเลเดิมบ้าง หรือย้ายทำเลไปจังหวัดใหม่บ้าง ตามแต่แผนการลงทุน
VI จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเฟ้นหาทำเลทอง และประเมินมูลค่าทำเล
นั้นว่าถูกแสนถูกหรือยัง ถ้าทำเลนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่ปล่อยเช่าได้ จะยิ่งดี
เงินสดจะเก็บเอาไว้จนกว่าจะเจอทำเลทองที่ถูกใจถูกราคาจริงๆ
DSMer ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการวางแผนว่า วันพรุ่งนี้จะต้องขายอะไร
และซื้ออะไร เมื่อราคาตลาดเป็นเท่าไหร่
คนส่วนมากมักจะคิดว่าเวลาของDSMer หมดไปกับการเทรด แต่จริงๆ แล้ว
เป็นการวางแผนตอนกลางคืนครับ ปกติ DSMer (ยกเว้นผม) จะใช้เวลาวาง
แผนกันประมาณครึ่งถึงสองชั่วโมง แล้วแต่จำนวนหุ้นที่ติดตาม (ทั้งถือและ
ไม่ได้ถืออยู่) ส่วนเวลาในการเทรด น่าจะรวมกันทั้งวันไม่เกิน 15 นาที
บางคนใช้เวลาแค่ 2 นาที คือช่วงปิดตลาดเช้าเย็น วันละสองครั้ง
ไม่รู้ว่าจะทำให้สับสนกว่าเดิมรึเปล่า :lol:
ปล. ผมใช้ DSM น้อยมากครับ แต่คิดว่าเป็นแนวทางการลงทุนที่สำเร็จ
แน่นอน แทบจะปราศจากความเสี่ยง (ในแง่หมดเนื้อหมดตัว) และให้ผล
ตอบแทนที่น่าพึงพอใจ ถ้าสามารถรักษาวินัยการลงทุนได้อย่างเคร่งครัด
และไม่เอาอารมณ์มาช่วยตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจทำไปแล้วตั้งแต่
ตอนกลางคืนก่อนตลาดเปิด
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 2
ผมว่า "สาเหตุหลัก" ที่คนไม่เข้าใจระบบนี้ น่าจะเป็นเพราะ "การไม่มีระบบบัญชี" แน่ๆเลยครับ...ที่ผมเข้าใจระบบนี้ เพราะผมมีโปรแกรมระบบบัญชี (เขียนเอง-เป็นโปรแกรมเมอร์ ตอนนี้เพิ่มระบบ SAP เข้าไปแล้ว)
พอคุณเด่นศรีอธิบายปุ๊บ ผมก็ Get ปั๊บ เพราะผมเคยทำอยู่บ้างในบางครั้ง แต่ไม่เป็นระบบเหมือนคุณเด่นศรี
ผมว่า "พี่ CK น่าจะหาระบบบัญชีมาแจกนะครับ"
พอคุณเด่นศรีอธิบายปุ๊บ ผมก็ Get ปั๊บ เพราะผมเคยทำอยู่บ้างในบางครั้ง แต่ไม่เป็นระบบเหมือนคุณเด่นศรี
ผมว่า "พี่ CK น่าจะหาระบบบัญชีมาแจกนะครับ"
-
- Verified User
- โพสต์: 715
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 5
DSM เข้าใจตามไม่ยากครับ ไม่เกี่ยวกับระบบบัญชีหรืออะไร แต่ปัญหา่คือมันทำตามได้ยากส์มากกว่า เหมือน Turtle Trading นะแหละครับ หลักการทำได้ไม่ยาก แต่จะมีซักกี่คนที่ทำตามได้ ถ้าเอามาประยุกต์ใช้ นิดๆหน่อยๆ ก็อาจจะไม่ค่อยได้ผล กลายเป็นผลเสียอีกต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 6
โฮ่ๆ ผมว่าคุณยังไม่เข้าใจเงื่อนไขรางวัลโนเบลเลยนะน้องด๋อย เขียน:คุณเด่นศรี น่าจะได้รางวัลโนเบลนะครับ สุดยอดมากครับ DSM
คิดได้ยังไงเนี่ย
และอีกอย่างวิธีนี้ใช่ว่าจะมีแต่คุณเด่นศรีที่คิด ผมว่าฝรั่งเขาก็คิดเป็น อย่างอเมริกามีประชากร 270 กว่าล้าน มากกว่าเราเกิน 4 เท่าครึ่ง
ถ้ามีคนอย่างคุณเด่นศรีคนเดียวในประเทศไทย ก็น่าจะมีคนอย่างคุณเด่นศรีอย่างน้อย 4 คนในอเมริกา และอาจจะมีมากกว่า 40 คนด้วยซ้ำ สัดส่วนคนลงทุนในหุ้นต่อประชากรของอเมริกาน่าจะมากกว่าไทยเราสูงถึง 20 เท่าด้วยซ้ำไป
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ว่า วิธี DSM นี้ ไม่อาจนับว่าสุดยอด
8) 8) 8) 8) 8) 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 7
ก่อนอื่นลองดูคำจeกัดความต่อไปนี้นะba_2l เขียน: ไม่ทราบว่ามีวิธีไหนที่นับว่าสุดยอดบ้างครับ อยากรู้จัง
A trend is a divergence of price away from value.
Up trend means price higher than value.
Down trend means price lower than value.
Balance means lack of price divergence (price and value are the same)
Balance is the same as Market Equilibrium in Economics.
โอกาสที่ดีก็คือซื้อ เมื่อราคาออกจากเขตแดนของ Balance เข้าสู่ Up trend
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 9
อ่า ... ไม่เข้าใจอะครับ โอกาสที่ดี น่าจะเป็นช่วงที่ price lower than value มากกว่าไม่ใช่หรือmidastrader เขียน: โอกาสที่ดีก็คือซื้อ เมื่อราคาออกจากเขตแดนของ Balance เข้าสู่ Up trend
แต่ก็เห็นด้วยนะครับว่า จะไปยก DSM ให้ถึงกับโนเบล ก็ออกจะเว่อร์ไปหน่อยนะ
แก้ไขล่าสุดโดย Minesweeper เมื่อ เสาร์ มี.ค. 12, 2005 9:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 10
ok ครับ ได้ความรู้ อีกแล้ว
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 11
ถ้าแก้นิดเป็นราคาออกจาก downtrend เข้า uptrend ผมจะชอบมากกว่านี้นะ
คำถามคือ คุณรู้ได้อย่างไรว่า down หรือ up trend ครับ ถ้ารู้ เทรดดิ้งซิสเต็มทุกชนิด ก็ไม่ต้องใช้แล้ว
ผมคิดว่า DSM คิดขึ้นมาเพื่อ ชดเชยความไม่รู้ตรงนั้นมากกว่า คุณอาจรู้มูลค่า แต่คุณไม่รู้ว่าตลาดจะให้ราคามันเท่าไหร่
ก็เลยดักมันทุกทางเลย
คำถามคือ คุณรู้ได้อย่างไรว่า down หรือ up trend ครับ ถ้ารู้ เทรดดิ้งซิสเต็มทุกชนิด ก็ไม่ต้องใช้แล้ว
ผมคิดว่า DSM คิดขึ้นมาเพื่อ ชดเชยความไม่รู้ตรงนั้นมากกว่า คุณอาจรู้มูลค่า แต่คุณไม่รู้ว่าตลาดจะให้ราคามันเท่าไหร่
ก็เลยดักมันทุกทางเลย
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 13
แต่การเล่นแบบ DSM ก็ยังเสียค่าคอมน้อยกว่า day trade นี่ครับ
และจริงก็คือกลยุทธืการขายขาลงเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนขาลงและ ซื้อขาขึ้นเผื่อ การเสียโอกาสการทำกำไร
แต่กลยุทธ์เกี่ยวกับช่องราคาที่จะซื้อ-ขายผมยังไม่ได้ศึกษาเลยครับ พี่ๆช่วยอธิบาย + ยกตัวอย่างได้ไหมครับว่า DSM ทำยังไง
และจริงก็คือกลยุทธืการขายขาลงเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนขาลงและ ซื้อขาขึ้นเผื่อ การเสียโอกาสการทำกำไร
แต่กลยุทธ์เกี่ยวกับช่องราคาที่จะซื้อ-ขายผมยังไม่ได้ศึกษาเลยครับ พี่ๆช่วยอธิบาย + ยกตัวอย่างได้ไหมครับว่า DSM ทำยังไง
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 14
ผมว่า DSMer ส่วนใหญ่จะวางแผน (จน ช่อง, ราคา, etc) เพื่อ cover ค่าคอมมิสชั่นไว้แล้วนะครับ จากที่ลองเล่นๆมา 4-5 วันนี่ใช้ได้เลย แต่ก็ต้องลองกันต่อไป
expect unexpected
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 15
"การไม่มีระบบบัญชี"
ระบบบัญชีนี่ จำเป็นต้องเป็น software มั้ยครับ
คือ ผมใช้คิดในใจคร่าวๆ แล้วทำตามนั้น ไม่ทราบว่าถูกมั้ยครับ
อืมม์ ระบบบัญชีนี่ คือ แผนการซื้อขายเท่านั้นเอง ใช่ไหมครับ
แล้ว ราคาที่ตอนนั้น เป็น ราคาของ อะไรครับ?
Value
Volume
หรือ อารมณ์
ระบบบัญชีนี่ จำเป็นต้องเป็น software มั้ยครับ
คือ ผมใช้คิดในใจคร่าวๆ แล้วทำตามนั้น ไม่ทราบว่าถูกมั้ยครับ
อืมม์ ระบบบัญชีนี่ คือ แผนการซื้อขายเท่านั้นเอง ใช่ไหมครับ
ถามด้วยๆโอกาสที่ดีก็คือซื้อ เมื่อราคาออกจากเขตแดนของ Balance เข้าสู่ Up trend
แล้ว ราคาที่ตอนนั้น เป็น ราคาของ อะไรครับ?
Value
Volume
หรือ อารมณ์
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 16
ผมก็เชื่อว่าคุณเด่นศรีและDsmersba_2l เขียน: ไม่ทราบว่ามีวิธีไหนที่นับว่าสุดยอดบ้างครับ อยากรู้จัง
คิดว่าDSMไม่มีวันถึงจุดสุดยอด
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 18
น่าจะเป็นจุดไคลแมก กระมังครับคุณแฮรี่harry เขียน:สุดยอด นี่คือ ยอดเยี่ยม หรือยอดดอยครับ 555 :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 21
ผมว่า dsm มันก็เหมือนกับการ bet trend การขึ้นลงของราคาหุ้นเท่านั้นเอง
ไม่ใช่ว่าคุณสามารถลดต้นทุน หรือเพิ่มจำนวนหุ้นได้ร้อยเปอร์เซนต์
ยังไงผมก็ชอบ buy and hold มากกว่า
ไม่ใช่ว่าคุณสามารถลดต้นทุน หรือเพิ่มจำนวนหุ้นได้ร้อยเปอร์เซนต์
ยังไงผมก็ชอบ buy and hold มากกว่า
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
DSM is not that unvaluable
โพสต์ที่ 22
DSM โดยหลักการจริงๆ เป็น Trading System ที่ "ต้อง" อาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานช่วย
เพราะการทำ DSM กับหุ้นตัวใด หมายความว่าคุณลงหลักปักฐานที่จะอยู่กับหุ้นตัวนั้นไปอีกนาน
* DSM ไม่ใช่ system ที่ perfect ถึงขนาดลดความเสี่ยงได้มากอย่างทีึ่หลายๆ ท่านพูดข้างบน
เพราะสมมุติว่าเราวิเคราะห์มูลค่าหุ้นไม่ดี แล้วเลือกหุ้นสุ่มสี่สุ่มห้ามาทำ DSM
อย่างเช่น เลือก TPI มาทำ DSM ตอนราคา 70 บาท
แล้วทำ DSM ได้กระแสเงินสดแฝง (เหมือนกับค่าเช่า) มาเรื่อยๆ ในรูปของจำนวนหุ้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงจุดหนึ่งซึ่ง เราได้จำนวนหุ้นมามากถึง 200% ของจำนวนหุ้นเดิม
แต่ราคา TPI ตอนนี้เหลือแค่ 7 บาท
จะเห็นว่าค่าเช่า (กระแสเงินสดแฝง) ที่ได้มาในรูปจำนวนหุ้นนั้น ไม่สามารถ cover ราคาที่ลดลงมาถึงจุดนี้
...ฉะนั้น DSM ไม่ใช่ระบบที่ปลอดความเสี่ยงอย่างที่หลายๆ ท่านเข้าใจ
...แต่ข้อสังเกตุอีกอย่างก็คือ ถ้านำ DSM มาใช้ร่วมกับ Value Investing แล้ว
อันนี้ล่ะครับจะเรียกได้ว่า "สุดยอดไปเลย"
เพราะลำพัง Value อย่างเดียว ซื้อหุ้นมาได้ตอนถูก แล้วถือรอจนได้ผลตอบแทนสูง แต่จำนวนหุ้นยังเท่าเดิม
แต่ถ้าเราวิเคราะห์แบบ Value แล้วซื้อหุ้นตัวนั้นมาถือ ระหว่างถือรอราคาขึ้น
ก็ทำ DSM ไปด้วย เราจะได้จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องลงเงินเพิ่มเลย
นี่ล่ะครับจะทำให้เกิดความสุดยอดจริงๆ
เพราะการทำ DSM กับหุ้นตัวใด หมายความว่าคุณลงหลักปักฐานที่จะอยู่กับหุ้นตัวนั้นไปอีกนาน
* DSM ไม่ใช่ system ที่ perfect ถึงขนาดลดความเสี่ยงได้มากอย่างทีึ่หลายๆ ท่านพูดข้างบน
เพราะสมมุติว่าเราวิเคราะห์มูลค่าหุ้นไม่ดี แล้วเลือกหุ้นสุ่มสี่สุ่มห้ามาทำ DSM
อย่างเช่น เลือก TPI มาทำ DSM ตอนราคา 70 บาท
แล้วทำ DSM ได้กระแสเงินสดแฝง (เหมือนกับค่าเช่า) มาเรื่อยๆ ในรูปของจำนวนหุ้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงจุดหนึ่งซึ่ง เราได้จำนวนหุ้นมามากถึง 200% ของจำนวนหุ้นเดิม
แต่ราคา TPI ตอนนี้เหลือแค่ 7 บาท
จะเห็นว่าค่าเช่า (กระแสเงินสดแฝง) ที่ได้มาในรูปจำนวนหุ้นนั้น ไม่สามารถ cover ราคาที่ลดลงมาถึงจุดนี้
...ฉะนั้น DSM ไม่ใช่ระบบที่ปลอดความเสี่ยงอย่างที่หลายๆ ท่านเข้าใจ
...แต่ข้อสังเกตุอีกอย่างก็คือ ถ้านำ DSM มาใช้ร่วมกับ Value Investing แล้ว
อันนี้ล่ะครับจะเรียกได้ว่า "สุดยอดไปเลย"
เพราะลำพัง Value อย่างเดียว ซื้อหุ้นมาได้ตอนถูก แล้วถือรอจนได้ผลตอบแทนสูง แต่จำนวนหุ้นยังเท่าเดิม
แต่ถ้าเราวิเคราะห์แบบ Value แล้วซื้อหุ้นตัวนั้นมาถือ ระหว่างถือรอราคาขึ้น
ก็ทำ DSM ไปด้วย เราจะได้จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องลงเงินเพิ่มเลย
นี่ล่ะครับจะทำให้เกิดความสุดยอดจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 23
ถ้ามั่นใจว่า TPI ไม่เจ๊ง ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวครับ จะ 70 บาท หรือ 7 บาท ก็สร้างกระแสเงินสดแฝงได้เหมือนกัน* DSM ไม่ใช่ system ที่ perfect ถึงขนาดลดความเสี่ยงได้มากอย่างทีึ่หลายๆ ท่านพูดข้างบน
เพราะสมมุติว่าเราวิเคราะห์มูลค่าหุ้นไม่ดี แล้วเลือกหุ้นสุ่มสี่สุ่มห้ามาทำ DSM
อย่างเช่น เลือก TPI มาทำ DSM ตอนราคา 70 บาท
แล้วทำ DSM ได้กระแสเงินสดแฝง (เหมือนกับค่าเช่า) มาเรื่อยๆ ในรูปของจำนวนหุ้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงจุดหนึ่งซึ่ง เราได้จำนวนหุ้นมามากถึง 200% ของจำนวนหุ้นเดิม
แต่ราคา TPI ตอนนี้เหลือแค่ 7 บาท
จะเห็นว่าค่าเช่า (กระแสเงินสดแฝง) ที่ได้มาในรูปจำนวนหุ้นนั้น ไม่สามารถ cover ราคาที่ลดลงมาถึงจุดนี้
...ฉะนั้น DSM ไม่ใช่ระบบที่ปลอดความเสี่ยงอย่างที่หลายๆ ท่านเข้าใจ
แต่ในกรณี ถ้าไม่แน่ใจว่าบริษัทจะเจ๊งหรือเปล่า (ไม่มีความรู้ในการวิเคราะห์พื้นฐานเลย) เมื่อราคาต่ำกว่า 50% ของตอนเริ่มซื้อ ก็ไม่ควรนำกระแสเงินสดแฝงมาเพิ่มหุ้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 24
แม้แต่หุ้นใหญ่ๆอย่าง SCC ผมยัง DSM ได้ดีเลยครับ ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด (มีวัดใจหลายครั้ง ซื้อกลับได้ก็มี ไม่ได้ก็มี)
มีอยู่ 3000 หุ้น ทำ DSM มาได้กำไรรวม +7600 บาท แม้จะดูไม่เยอะ แต่พอร์ตผมราคาลงมาอยู่กับปัจจุบันครับ (ถ้า hold ไว้ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 60,000 แน่ๆ) แล้วพอผ่านไป 1 ปีจะมาบอกว่าได้กำไรเท่าไหร่ครับ
อีกตัวคือ UMS มี 18000 หุ้น ได้กำไรประมาณ 7000 กว่าเหมือนกัน ตอนนี้รอช้อนซื้อคืนอยู่
รายย่อยอย่างพวกเราควรมีวิธีไม่แพ้รายใหญ่ ข้อเสียของวิธีนี้คือต้องเฝ้าหน้าจอตลอด
เพื่อนๆลองหาวิธี ผสมเข้ากับ vi ดูก็ได้ครับ
มีอยู่ 3000 หุ้น ทำ DSM มาได้กำไรรวม +7600 บาท แม้จะดูไม่เยอะ แต่พอร์ตผมราคาลงมาอยู่กับปัจจุบันครับ (ถ้า hold ไว้ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 60,000 แน่ๆ) แล้วพอผ่านไป 1 ปีจะมาบอกว่าได้กำไรเท่าไหร่ครับ
อีกตัวคือ UMS มี 18000 หุ้น ได้กำไรประมาณ 7000 กว่าเหมือนกัน ตอนนี้รอช้อนซื้อคืนอยู่
รายย่อยอย่างพวกเราควรมีวิธีไม่แพ้รายใหญ่ ข้อเสียของวิธีนี้คือต้องเฝ้าหน้าจอตลอด
เพื่อนๆลองหาวิธี ผสมเข้ากับ vi ดูก็ได้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย โป้ง เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 4:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 26
ทำนายทิศทางแน้วโน้มตลาด ก็มีข้อเสียคือ
เรารู้แนวโน้มที่ควรจะเป็นไป แต่ปล่อยครั้งมันไม่ถูกจังหวะ แต่ถูกตามแนวโน้มที่มีในขณะนั้น
ส่วน DSM ไม่สนใจทิศทาง ฉันตามน้ำลูกเดียว มันไม่เครียดครับพี่ jeng แค่ต้องมาติดตามราคาตลอดวันเท่านั้นครับ
ยิ่งช่วงไหน swing ช่างมีความสุขจริงๆสำหรับ DSM ตอนนี้ผมก็มองหาปรับวิธีการใหม่ให้ได้กระแสเงินสดที่มากขึ้นอยู่ครับ
เรารู้แนวโน้มที่ควรจะเป็นไป แต่ปล่อยครั้งมันไม่ถูกจังหวะ แต่ถูกตามแนวโน้มที่มีในขณะนั้น
ส่วน DSM ไม่สนใจทิศทาง ฉันตามน้ำลูกเดียว มันไม่เครียดครับพี่ jeng แค่ต้องมาติดตามราคาตลอดวันเท่านั้นครับ
ยิ่งช่วงไหน swing ช่างมีความสุขจริงๆสำหรับ DSM ตอนนี้ผมก็มองหาปรับวิธีการใหม่ให้ได้กระแสเงินสดที่มากขึ้นอยู่ครับ
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 27
motto ของ DSMer หลักๆ มี 3 คือ
1. เราไม่สามารถทำนายตลาดได้ ว่ามันจะขึ้นหรือลง
2. เราไม่สามารถทำนายราคาหุ้นในระยะสั้นได้ มันจะขึ้นหรือลง
3. เราแน่ใจว่า หุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นดี ต่อให้เศรษฐกิจแย่สุดโต่ง ก็ไม่เจ๊ง
แปลว่า ถ้าใครทำนายตลาดได้ ไม่ควรเล่น DSM เพราะ
ซื้อขายตามเทรนด์ ได้กำไรมากกว่าเยอะ
แปลว่าถ้าใครทำนายราคาหุ้นระยะสั้นได้ ควรซื้อตัวเดียว และขายก่อนมันจะลง
กำไรมากกว่า DSM หลายร้อยเท่า
แปลว่า ถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่มีโอกาสเจ๊งพอควร ไม่ควรถือ ไม่ควรทำ DSM
DSM เป็นวิธีการเล่นหุ้นสำหรับปุถุชนที่มีวินัยดีครับ อาจจะไม่ได้กำไรสุดโต่ง
แต่เป็นวิธีการที่ปลอดภัย
1. เราไม่สามารถทำนายตลาดได้ ว่ามันจะขึ้นหรือลง
2. เราไม่สามารถทำนายราคาหุ้นในระยะสั้นได้ มันจะขึ้นหรือลง
3. เราแน่ใจว่า หุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นดี ต่อให้เศรษฐกิจแย่สุดโต่ง ก็ไม่เจ๊ง
แปลว่า ถ้าใครทำนายตลาดได้ ไม่ควรเล่น DSM เพราะ
ซื้อขายตามเทรนด์ ได้กำไรมากกว่าเยอะ
แปลว่าถ้าใครทำนายราคาหุ้นระยะสั้นได้ ควรซื้อตัวเดียว และขายก่อนมันจะลง
กำไรมากกว่า DSM หลายร้อยเท่า
แปลว่า ถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่มีโอกาสเจ๊งพอควร ไม่ควรถือ ไม่ควรทำ DSM
DSM เป็นวิธีการเล่นหุ้นสำหรับปุถุชนที่มีวินัยดีครับ อาจจะไม่ได้กำไรสุดโต่ง
แต่เป็นวิธีการที่ปลอดภัย
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 28
ขอฝากข้อความถึงผู้พันซิกกี้ในกระทู้นี้ครับ
สาวติงติงหน้าเด้งได้ส่งซิกมาทางหลังไมค์ว่า
ได้ไปนวดหน้าเด้งมาแล้ว
กว่าจะแหวกเซลเกิร์ลออกมาได้
ต้องจ่ายเงินซื้อครีมหน้าเด้งไปหนึ่งกระปุก
ยังไง ถ้าใครได้บัตรนวดหน้าเด้งจากงานมีตติ้งไป
ก็เอาสำลีอุดหูไว้ หลังนวดหน้าฟรีด้วย ฮาๆๆๆ
สาวติงติงหน้าเด้งได้ส่งซิกมาทางหลังไมค์ว่า
ได้ไปนวดหน้าเด้งมาแล้ว
กว่าจะแหวกเซลเกิร์ลออกมาได้
ต้องจ่ายเงินซื้อครีมหน้าเด้งไปหนึ่งกระปุก
ยังไง ถ้าใครได้บัตรนวดหน้าเด้งจากงานมีตติ้งไป
ก็เอาสำลีอุดหูไว้ หลังนวดหน้าฟรีด้วย ฮาๆๆๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อุปมา DSM -- ความเข้าใจพื้นฐานของ Den Sri Method
โพสต์ที่ 29
เขาเรียก BC ไม่ใช่เหรอครับ Beauty Consultant หรือไงเนี่ย
ได้แจ้งทางคณะกรรมการจัดงานและท่านประธานไปแล้วครับ ว่า
ต้องมีรายการนี้เกิดขึ้น สาวๆ ทุกคนในที่ประชุมทำสีหน้าเข้าใจ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบัตรครับ
ได้แจ้งทางคณะกรรมการจัดงานและท่านประธานไปแล้วครับ ว่า
ต้องมีรายการนี้เกิดขึ้น สาวๆ ทุกคนในที่ประชุมทำสีหน้าเข้าใจ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบัตรครับ