"แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ภาพประจำตัวสมาชิก
reiter
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2308
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 31

โพสต์

เข้ามาคารวะพี่เคนครับ

ก่อนหน้านี้เคยติดตามแนวคิดของพี่เคนในฐานะนักลงทุน ก็ว่าสุดยอดแล้ว

พอมาอ่านแนวคิดของพี่ในฐานะนักธุรกิจ ยิ่งสุดยอดไปใหญ่

คารวะด้วยใจจริงครับ :bow: :bow:
Our favorite holding period is forever.

Blog การลงทุนของผม

http://reitertvi.wordpress.com
Pu
Verified User
โพสต์: 393
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 32

โพสต์

<< New >> เขียน: ดังนั้น วิธีการต่อสู้ที่ดีที่สุด ก็คือ การไม่ต่อสู้ ฉะนั้นเราจะไม่ต่อสู้กับเขา แต่เราจะต่อสู้กับความต้องการของลูกค้า
ถูกใจประโยคนี้มากๆครับ :bow: :bow: :bow:

มาร่วมลงชื่อเป็นกำลังใจให้นะครับ :D
"If you took our top fifteen decisions out, we’d have a pretty average record. It wasn’t hyperactivity,but a hell of a lot of patience. You stuck to your principles and when opportunities came along,you pounced on them with vigor"-Charlie Munger
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 33

โพสต์

ยินดีครับคุณ chotipat

ผมกลัวจะไม่ค่อยมีน่ะซิครับ

อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตายไปจะได้ไม่เสียชาติเกิด

ผมน้อมรับใช้คับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 34

โพสต์

นี่คือ ตัวอย่างของหนังสือที่ brief และ personal comment ให้ลูกค้า เป็นประจำเดือน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความคิดจุดประกาย และยังเป็นการลดเวลาการอ่านหนังสือด้วยครับ

เพราะอย่างน้อยถ้าเป็นลูกค้าเรา ต้องได้อ่านหนังสือทุกเดือนครับ ^^

หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ก็ดีใจแล้วครับ ให้แด่เพื่อน ๆ ที่แสนน่ารักครับ

คมความคิด (ตัวอย่างฉบับที่ 1)

“Attitude of the Winner : ทัศนะคติแบบผู้ชนะ”

“ความสำเร็จ” ใครๆก็อยากที่จะมีไว้ครอบครอง เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับชีวิตที่ชาตินึงได้เกิดมาบนโลกใบนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ลิ้มรสความสำเร็จที่วาดหวังไว้ หนังสือเล่มนี้ขอนำเสนอหลักคิดสำหรับผู้ที่กำลังเดินทางหรือค้นหาหนทางที่จะเดินไปสู่เป้าหมายของชีวิตเพื่อให้ได้ชื่อว่า “ผู้ชนะ”
- หลักคิดที่ 1 จงเรียนรู้ทุกความรู้ที่อยากจะรู้ให้แตกฉาน เพื่อเป็นเสบียงเลี้ยงตนในช่วงเวลาที่เรากำลังเดินทางบนเส้นทางของชีวิตที่มีเป้าหมายรออยู่ข้างหน้า แต่อย่าลืมว่าความรู้ที่ว่านั้นต้องเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย
- หลักคิดที่ 2 รู้จักใช้กุญแจที่เหมาะสมในการเปิดประตูที่ล๊อคกลอน ในการเดินทางของชีวิตย่อมพบเจอปัญหาและอุปสรรคเป็นธรรมดา เมื่อเรามีความรู้ที่แตกฉานแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการที่ต้องมีควบคู่กันคือ “สติ” เพื่อรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วเลือกใช้ความรู้ให้เหมาะสมกับวิธีการในการแก้ไขปัญหา “ทุกประตูมีกุญแจที่เหมาะสม ผู้ชนะก็คือผู้ที่รู้ว่าประตูไหนควรใช้กุญแจดอกไหน”
- หลักคิดที่ 3 คำถามคือแนวทางสู่ความสำเร็จ เราต้องเป็นคนที่กล้ารู้และกล้าถาม ไม่มีใครที่เก่งที่รู้ทุกอย่างมาตั้งแต่เกิด ชีวิตเราไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ด้วยตัวเอง ถามผู้รู้จะทำให้เรารู้มากกว่าผู้ที่ไม่ถาม “ถ้าอายที่จะถาม เท่ากับคุณอายที่จะประสบความสำเร็จ คำถามคือคุณจะอายทำไม”
- หลักคิดที่ 4 ผูกมิตรกับเวลา บริหารมันให้เป็น ผู้ชนะคือผู้ลงมือทำ คว้าทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว คิดอยู่เสมอว่าทุกนาทีมีค่าในการก้าวเดิน “เวลาเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู อยู่ที่ว่าคุณจะคบหาหรือว่าปล่อยให้มันทำตามหน้าที่”
- หลักคิดที่ 5 เป็นนักพัฒนาตนเอง แก้ไขจุดอ่อนเสมอ ต้องรู้จักตนเอง มองตนให้แจ่มแจ้ง หาจุดอ่อนให้เจอแล้วกำจัดมัน ตามด้วยการเพิ่มคุณค่าให้กับตนเอง “เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง คุณต้องทำผิดให้น้อยลง”
- หลักคิดที่ 6 ให้อารมณ์เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ การตัดสินใจท่ามกลางอารมณ์ที่ร้อนแรงนำมาซึ่งความผิดพลาด “เมื่อใดก็ตามที่อารมณ์เป็นนายเรา มันจะหอบความสำเร็จของเราหายไปหมด”
- หลักคิดที่ 7 แข่งขันคือการเข้าร่วมแบ่งปัน ไม่ใช่ห้ำหั่น จงทำให้สนามแข่งขันเป็นที่ฝึกตนในการสร้างพลังแห่งความหวังดี มีความกระตือรือร้นในการที่จะพัฒนาตนเอง แข่งขันกับคนอื่นในฐานะมิตร “ผู้ชนะไม่ใช่คนที่ชนะทุกการแข่งขัน ผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้ที่มีชัยในขณะที่ผู้ร่วมแข่งขันเสียหายน้อยที่สุด”
- หลักคิดที่ 8 คิดบวกเข้าไว้ ความเหนื่อยคือพลัง ต้องปรับตัวเองให้เป็นคนมองบวกบนพื้นฐานของความเป็นจริง “ความเหนื่อยไม่ใช่ร่องรอยของความสูญเสีย แต่เป็นเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่ช่วยต่อกันเป็นเรือนชานแห่งความสำเร็จของเรา”
- หลักคิดที่ 9 คิดแบบผู้นำ ใส่ใจรายละเอียดและไม่ยอมแพ้ มองการณ์ไกล คิดถึงคนรอบข้าง เชื่อมั่นในเหตุและผล เลือกใช้คนให้ถูก หมั่นเติมความคิด “คุณไม่สามารถคิดการใหญ่ได้ หากลืมใส่ใจจุดเริ่มต้นเล็กๆ และไม่มีหัวใจนักสู้”
- หลักคิดที่ 10 รู้จักเชื่อมตะวันตกมาผสมตะวันออก การที่โลกนี้แบ่งเป็นตะวันตกตะวันออก ไม่ใช่การแบ่งเพื่อให้แยกจากกัน แต่เป็นการแบ่งเพื่อให้มนุษย์รู้จักเรียนรู้และผสมผสานแนวคิดทั้งสองเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตบนโลกใบเดียวกัน “ต้นไม้เจริญได้ดี เพราะมันไม่เคยดูหมิ่นรากเหง้าของมัน”
- หลักคิดที่ 11 รู้จักบทบาทตนเองอย่างถ่องแท้ แบ่งเวลาให้กับสามส่วนของชีวิต คือ งาน ครอบครัว ส่วนตัว ให้เหมาะสม เพราะเมื่อปัญหาเรื่องใดเกิดขึ้น ย่อมเป็นสัญญาณเตือนว่าเราใส่ใจเรื่องนั้นน้อยเกินไป “หนึ่งคนมีหลายหัวโขน หากคุณทำให้ทุกหัวโขนดูดีเมื่ออยู่บนหัวคุณ คุณจะเป็นยอดนักใช้ชีวิตมืออาชีพ”
- หลักคิดที่ 12 ไม่ตกเป็นทาสของเงิน รวยแล้วอย่าเหลิง ความสำเร็จและเงินทองเป็นของฉลาด เพราะมันจะไม่อยู่กับคนที่ฉลาดน้อยกว่ามัน “อย่าให้ค่าของคุณแปรเปลี่ยนตามจำนวนเงินที่มี”
- หลักคิดที่ 13 คบคนที่พาเรารุ่ง “อย่าลืมมิตรที่ดี อย่ามีมิตรที่เลว อย่าเหลวเพราะเจอคนโกง”
- หลักคิดที่ 14 ทำไมต้องมีระเบียบ “ผู้ที่สามารถรักษาข้อห้ามและข้อปฏิบัติของตนเองได้อย่างเคร่งครัด ก็ย่อมสามารถปกครองคนอื่นได้ การที่จะเป็นสุภาพชนก็ต้องนำวิชามาฝึกฝนตนเอง ส่วนการปกครองคนอื่นนั้นเป็นเรื่องรอง”
- หลักคิดที่ 15 เป็นคนที่สมบูรณ์ “นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา” ไม่เพียงแค่คิดที่จะทำดี แต่ต้องลงมือทำ พรุ่งนี้อาจไม่มีให้เราทุกวัน

สำหรับผมเอง ผมคิดเสมอว่าจุดเริ่มต้นของความสำเร็จเกิดจากความคิดที่แตกต่างกัน ถึงวันนี้ผมคิดว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว แต่เป้าหมายชีวิตของผมต่อไปคือการทำให้ลูกน้องของผมประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกับผม ผมจึงพยายามที่จะให้ตัวเขาคิดเองและก็ทำเองและสามารถสอนให้คนอื่นคิดและคนอื่นทำได้ด้วยซึ่งจะเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน ด้วยการปลูกฝังความคิดตามแนวทางของคนที่ประสบความสำเร็จ โดยการใช้ห้องเรียน Pantalk ในการหยิบยกตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก เพื่อนำเอาหลักคิดต่างๆของคนเหล่านั้น มาถ่ายทอดเพื่อนำมาปรับใช้และต่อยอดในชีวิตของตัวเขาเอง เพราะชีวิตคนเราไม่ยืนยาวพอที่จะลองผิดลองถูกในทุกๆอย่าง หากเราสามารถที่จะเดินในเส้นทางที่มีความสำเร็จรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ก็ควรที่จะเดินอย่างมุ่งมั่นบนเส้นทางเหล่านี้จะดีกว่า

ขอบคุณครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1495
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 35

โพสต์

:cool: :cool: :cool:
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ดีใจจังที่เห็นคุณค่าของสิ่งที่ผมมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอด

แปลว่า คุณค่าจะต้องเกิดจากตัวบุคคลนั้น ๆ ก่อน จึงจะสะท้อนเข้าสู่ การลงทุนแบบคุณค่า แล้วก็ไปสู่ หุ้นคุณค่า ครับ


บุคคล ==> การลงทุนแบบคุณค่า ==> หุ้นคุณค่า

ขอบคุณคับคุณ kotaro

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
Dekfaifah
Verified User
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 37

โพสต์

เข้ามาสนับสนุนความคิดดีๆ ของคนไทยครับ บ. เล็กกว่า ทำอะไรย่อมคล่องแคล่วว่องไว และเติบโตไปด้วยผู้บริหารที่ดี ขอบคุณครับสำหรับบทความนะน้องนิว และต้องชื่นชนพี่ Ken ด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ขอบคุณครับ คุณ dekfaifah

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
scg
Verified User
โพสต์: 67
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 39

โพสต์

ผมไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากจะบอกพี่ว่าสุดยอดครับ
การลงทุนในหุ้น
เกล้า
Verified User
โพสต์: 1165
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 40

โพสต์

เข้ามาขอบคุณพี่เคนสำหรับแนวความคิดดีๆและหลักการที่เป็นประโยชน์
สำหรับผมแล้วพี่เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เป็นผู้ให้โดยถ่ายเดียวขอบคุณครับ :D :D :D
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
IWILLBEVI
Verified User
โพสต์: 363
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 41

โพสต์

ยอดเยี่ยมครับทั้งหลักความคิด การใช้ชีวิต และที่สำคัญ ความมีน้ำใจแบ่งปันความสำเร็จให้ผู้อื่น
ผมตามไปอ่านที่เวปของบริษัทแล้ว ได้แง่คิดดีๆมากมายครับ

นับถือ :D :D :D
กระโจมไฟ
Verified User
โพสต์: 199
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 42

โพสต์

เข้าแสดงความชื่นชมความคิดดีๆของคุณเคนด้วยคนครับ
ได้เจอคุณเคนตอนไป Visit MAJOR แวบนึง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ที่นำพาธุรกิจของครอบครัวผ่านวิกฤติมายืนหยัดได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้
:bow: :bow: :bow:
choosak
Verified User
โพสต์: 1487
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 43

โพสต์

เข้ามาทักทายคุณเคนครับ :D
ในการลงทุนระยะยาว ใครนิ่งได้มากกว่า คนนั้นชนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 44

โพสต์

สวัสดีครับ คุณชูศักดิ์ สบายดีไหมครับ

ขอบคุณที่เข้ามาทักทายครับ ขอให้ port ถึง ร้อยล้าน เร็ว ๆ นะครับ

จะได้เหลือเวลามาทำประโยชน์ต่อสังคมไทย ด้วยกันครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
กล้วยไม้ขาว
Verified User
โพสต์: 1074
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 45

โพสต์

สุดยอดเลยครับ นับถือๆ
ขอน้อมรับพรของพี่นะครับ :mrgreen:

พี่เป็นตัวอย่างของผู้นำยุคใหม่ตัวจริงครับ
sontaya pranweerapaibul
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 46

โพสต์

ถึงเเม้ผมจะมีอายุมากเเล้ว เเต่ขอให้กําลังใจ คุณเคน
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 47

โพสต์

ขอบคุณครับ ช่วยกันนะครับ เราต้องช่วยกันเพื่อสังคมจะได้ดีขึ้น แม้เป็นเพียงกำลังเล็ก ๆ แต่ด้วยอุดรการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เหล็งฮู้ชง
Verified User
โพสต์: 275
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 48

โพสต์

ชื่นชมในความสามารถที่หาช่องว่างทางธุรกิจได้
ซึ่งส่วนใหญ่จะมองเรื่องต้นทุนเป็นหลัก
ทำให้ต้องผลิตในจำนวนที่มากๆ แต่ทำแล้วก็ไม่รู้วาจะขายใคร
เพราะทำมาเหมือนคู่แข่ง
ดังนั้นง่ายที่สุด ลูกค้าต้องการอย่างไรทำให้อย่างนั้น
แต่ขอราคาต่อหน่วยสูงหน่อยนะ

สุดยอดมากเลยครับ
จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท
ภาพประจำตัวสมาชิก
SEHJU
Verified User
โพสต์: 1238
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ฝีมือล้นเหลือ....
แถม หล่อเบียดกันมากับเคนธีระเดช อีกต่างหาก...
ใครจะว่าก็ว่านะ นี่แหละพี่เคน โพ้มมมมม....
:lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 50

โพสต์

ขอบคุณครับ

แต่ใจลึก ๆ ผมหวังอยากจะให้เพื่อน ๆ นักลงทุนเปิดกิจการเล็ก ๆ สักหนึ่งกิจการนะครับ จะได้สัมผัสว่า เจ้าของเค้ารู้สึกกันอย่างไรจริง ๆ นะครับ

เหมือนกินมะนาวครับ แม้คนไม่เคยกินก็บรรยายความเปรี้ยวได้เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน

ประเด็นนี้แหละ คือ "จุดตัดความสำเร็จ" ครับ แล้วการลงทุนระยะยาวจะเป็นเรื่องที่ง่ายมากครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

ปล ผมมีทางแก้สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมครับ ก็คือ พูดคุยกับเจ้าของกิจการบ่อย ๆ โดยเฉพาะถามถึงทั้งสองด้านคือ ความคิดและความรู้สึก ครับ
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 51

โพสต์

นี่เป็นอีกตัวอย่างจดหมายอีกหนึ่งฉบับที่ส่งให้กับคู่ค้าคู่คิด ของผม ครับ

ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่อยากจะแบ่งปันเพื่อน ๆ นักลงทุนนะครับ

คมความคิด (ฉบับ 2)
เดอะ ท็อป ซีเคร็ต 2

เดอะ ท็อป ซีเคร็ต ถือว่าเป็นหนังสือที่คุ้นหน้า คุ้นตากันมาพอสมควรเพราะในปี 51 ได้มีการจัดพิมพ์ไปถึง 78 ครั้ง เดอะ ท็อป ซีเคร็ต เป็นสุดยอด “หนังสือความลับ” ที่สามารถนำมาใช้จริงทั้งในเชิงบริหารและการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งอัจฉริยบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของโลกต่างก็นำมาใช้จนประสบความสำเร็จ แถมยังนำมาใช้ในศาสตร์กลยุทธ์ของชาวตะวันออกใกล้ตัวเราอีกด้วย
แต่ในฉบับนี้จะเป็นการบอกเล่าเรื่องของ เดอะ ท็อป ซีเคร็ต 2 “ความลับสู่ความสำเร็จ” ที่เป็นการขยายเส้นทางและเทคนิคที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ชี้จุดอ่อน จุดแข็ง ทิศทางและเป้าหมายที่ชัดจเน หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีอิสรภาพทางการเงิน ธุรกิจเจริญก้าวหน้า ครอบครัวอบอุ่น สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย ห้ามพลาดที่จะรอความลับในหนังสือเล่มนี้แล้วจะรู้ว่า สมอง จิต และสติ มีพลานุภาพยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิด
• ความลับของสมอง คนเราเกิดมามีโครงสร้างสมองที่ไม่เหมือนกัน บางคนเก่ง บางคนฉลาดมาก บางคนฉลาดน้อย โดยสมองของคนเราจะถูกแบ่งเป็น 2 ซีก ซีกซ้ายเป็นส่วนของตรรกะ เหตุผล ซีกขวาเป็นส่วนของอารมณ์ ความรู้สึก จิตนาการ ซึ่งทางการแพทย์ วงการวิทยาศาสตร์ การศึกษาจะให้ความสำคัญกับการทำงานของสมองซีกซ้ายมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเติบโตสมองซีกซ้ายจะทำงาน 90% ส่วนซีกขวาจะทำงานเพียงแค่ 10%เท่านั้นเอง แต่สมองซีกขวาสามารถทำงานได้เร็วกว่าสมองซีกซ้ายหลายเท่า การตัดสินใจที่ฉับไวจึงมาจากสมองซีกนี้ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลกล้วนใช้สมองซีกขวาเป็นหลัก ถึงจะครองใจประชาชนได้ โดยผู้ที่ใช้สมองซีกขวาจะประสบความสำเร็จเหนือคนอื่นๆ เช่น นักเขียนชื่อดังไม่จำเป็นที่จะต้องจบอักษรศาสตร์ นักเล่นหุ้นที่เก่งๆไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเอกด้านการเงิน เพราะการดูราคาหุ้น ตัวเลข เพื่อวิเคราะห์ตามทฤษฎีเป็นเรื่องเชิงตรรกะ ซึ่งถ้าใครเล่นหุ้นจะรู้ว่าบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์มักจะสวนทางกับราคาจริงอยู่บ่อยๆ สมองซึกซ้ายมักยึดตัดกับข้อมุลในอดีต ไม่มีการคาดการณ์ ตัดสินใจด้วยความไม่เสี่ยง แต่สมองซีกขวาจตะสนใจอนาคตมากกว่าอดีต มองภาพรวมมากกว่ารายละเอียด กล้าได้กล้าเสีย แม้จะผิดพลาดก็จะไม่ทุกข์ร้อนจนเกินไป เพราะคนที่ใช้สมองซีกขวาจะเข้าใจความเป็นธรรมชาติได้มากกว่า
• การแปลงศาสตร์ให้เป็นศิลป์ ความสำเร็จด้านการงานจะเกิดจากแรงขับและแรงบันดาลใจเป็นสำคัญ แรงขับคือแรงผลักดันที่ทำให้ชีวิตไปข้างหน้า แรงจูงใจคือแรงดึงไปสู่ความสำเร็จ แรงจูงใจจะมาจากภาพแห่งความสำเร็จ ซึ่งเกิดจากการทำงานของสมองซีกซ้าย ส่วนภาพแห่งความรู้สึก ซึ่งทำให้เกิดแรงบันดาลใจจะเกิดขึ้นในสมองซึกขวา สติทำให้เกิดแรงบันดาลใจและเกิดปัญญาตามมา ส่วนสมาธิที่แนบแน่นกับทุขเวทนาจะทำให้เกิดแรงขับ และถ้ามาสมาธิกับความสุขที่คาดว่าจะได้ในอนาคต จะทำให้เกิดแรงจูงใจ
และนี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างคร่าวๆในหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ต 2 ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็สามารถร่วมลุ้นกับเกมส์การตอบคำถามท้ายจดหมายนะครับ

สำหรับผมแล้ว ”ความลับสู่ความสำเร็จ” มีบุคคลตัวอย่างที่ผมได้นำคำสอนของท่านมาใช้ในการบริหารธุรกิจ และการดำเนินชีวิตประจำวันผมยึดหลักคำสอนของ พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นความลับที่มหัศจรรย์มากกับหลักคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ เรียกได้ว่าเป็น ”พลังธรรม” ในการดำเนินชีวิตก็ว่าได้ ซึ่งหลักธรรมที่ผมได้นำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารธุรกิจของผมได้มีอยู่หลายบทด้วยกัน เช่น อิทธิบาท 4 พรหมวิหาร 4 สัปปุริธรรม 7 สังคหวัตถุ 4 ฆราวาสธรรม 4 แต่การกำหนดความรู้สึกเพื่อปฏิบัติตนตามหลักธรรมได้ จำเป็นต้องมี ”สติ” เป็นสิ่งควบคู่กันครับ ผมจึงได้มีการเจริญสมาธิในทุกๆวันก่อนนอน เพราะ ”สมาธิ” จะทำให้ผมเกิดสติในการคิดทบทวน และวางแผนในการทำทุกๆสิ่ง และสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อผมได้เรียนรู้หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ทำให้ผมได้มองเห็นอีกสัจจะธรรมหนึ่ง นั่นก็คือ เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง คนเราก็จะสามารถเอาอะไรติดตัวไปได้เลยไม่ว่าจะเป็น ลาภ ยศ ชื่อเสียง ความสำเร็จด้านต่างๆ สิ่งที่จะติดตามตัวเราไปและสิ่งที่จะจารึกไว้ให้ทุกคนกล่าวขานก็คือ ความดี ความชั่ว ผมตั้งคำถามกับมนุษย์พีเอของผมในทุกๆเดือนในช่วงกิจกรรมวันกำเนิดที่เป็นการรวบรวมมนุษย์พีเอที่เกิดในแต่ละเดือนมาพบกับเฮียเคน(ตัวผมเองครับ) ซึ่งก็จะมี Presentation ให้พวกเขาได้เห็นภาพของความรักจากผู้ให้กำเนิด และหลังจากนั้นผมก็จะได้เข้าไปพูดคุยกับลูกน้องถึงเรื่องราวต่างๆของพวกเขา และจะมีคำถามถึงเป้าหมายในชีวิตของทุกคนคืออะไร บ้างก็จะบอกว่ามีรถ มีบ้าน มีครอบครัวที่ดี มีงานที่มั่นคง มีสุขภาพที่แข็งแรง เลี้ยงดูผู้ให้กำเนิด เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่พอมาถึงคำถามสุดท้ายที่ผมถามก็คือ ถ้าหากเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมงก่อนตายทุกคนจะทำอะไร บ้างก็ตอบว่าจะโทร.บอกแฟน โทร.หา/ไปหาพ่อแม่ โทร.หาลูก แต่ไม่มีใครตอบว่าจะกลับไปนอนตายที่รถ นอนตายที่บ้าน นอนตายกับงานที่ทำ หรือใช้นาทีสุดท้ายที่สิ่งเหล่านี้ที่เป็นเป้าหมายของชีวิตกันเลย นั่นก็แสดงให้เห็นกันแล้วว่าสิ่งไหนล่ะที่เป็น “ความสำเร็จที่แท้จริง” ของชีวิต

ขอบคุณครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความสุขสงบและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น คือคุณค่าในชีวิตของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Segasus_Seiya
Verified User
โพสต์: 105
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 52

โพสต์

kensorat เขียน:.....

ขอบคุณครับ

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ขอบคุณครับพี่เคน

ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความจริงใจ ความตั้งใจ ความหวังดี ความรัก ความเมตตากรุณา และอีกหลายๆอย่าง จากทุกเนื้อหาที่พี่เคน share ให้

ขอติดตามต่อไปด้วยคนนะครับ :P

ปล.โลกของดารา มีพี่เคน ธีรเดช
โลกของการต่อสู้ มีพี่เคน สตรีทไฟต์เตอร์
โลกของการลงทุนและธุรกิจ ก็ยังมีพี่เคนอีกคน ผู้เก่งและใจดีของพวกน้องๆครับ :)
Nice
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 53

โพสต์

ขอบคุณครับ

เล่นซะเขินเลยนะครับ

การเรียนรู้ยังคงดำเนินต่อไป เพราะต่อไปโลกจะแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่เรียนรู้ตลอดเวลา และ กลุ่มคนที่ไม่ค่อยเรียนรู้เท่าไหร่ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 54

โพสต์

นี่ก็คือ อีก หนึ่ง book brief ที่ผมทำให้กับคู่ค้าคู่คิด คับ

คมความคิด (ฉบับที่ 3)
อัจฉริยะสร้างสุข

คุณหนูดี วนิษา เรซ คงจะเป็นนักเขียนอีกหนึ่งคนที่หลายๆท่านคงจะพอรู้จักกันบ้างพอสมควร เพราะนอกจากจะเขียนหนังสือ “อัจฉริยะสร้างได้” แล้วยังเป็นถึงนักวิชาการด้านสมอง เจ้าของรางวัลล้านที่ 15 ในรายการอัจฉริยะข้ามคืน และแถมยังมีดีกรีปริญญาโทด้านสมองและการเรียนรู้จากมหาวิทยาฮาร์ดวาร์ดอีกด้วย และที่ครั้งนี้คุณหนูดีได้เขียนหนังสือเรื่อง “อัจฉริยะสร้างสุข” ขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางให้คำแนะนำที่ดีๆสำหรับให้คนธรรมดาๆได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้จะเป็นความสุขเพียงเล็กๆน้อยๆก็ตาม
คนเรามักคิดว่าเรื่องความคิด เหตุผลเป็นเรื่องของสมอง ส่วนเรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องของหัวใจ คนที่คิดอยากใช้สมองให้เป็นจึงมุ่งเรียนรู้เรื่องของความจำ ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดนอกกรอบ การทำงานเป็นทีม โดยหวังว่าถ้าทำงานเป็น เรียนเป็น ชีวิตก็จะมีความสุขเอง ส่วนการดูแลหัวใจก็คือการตามใจตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่รัก ไม่ต้องเคร่งเครียดมากมาย จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆว่า “สุข-ทุกข์อยู่ที่ใจ” เดี๋ยวเรามาดูตัวอย่างของการ “สร้างสุข” ให้กับตัวเองกันบ้างนะครับ
1. ไม่มาก ไม่น้อย ปัญหาของคนเก่งคือ รู้เยอะแต่ทำไม่ได้ เราเห็นคนเก่งมากมายที่เรียนจบปริญญาเอกแต่มีปัญหาชีวิตครอบครัว เห็นคนจบด้านการเงินแต่ลงทุนพลาดจนล้มละลาย เด็กเรียนเก่งระดับเกียรตินิยมแต่กระโดดตึกฆ่าตัวตาย รู้มาก..มีมาก ไม่ได้รับประกันว่าเราจะมีความสุขขึ้น ความสุขจะมีขึ้นเมื่อรู้ว่าควรวางสิ่งใดลง วางลงเมื่อไหร่ วางลงเพื่ออะไร ความสุขประเภทนี้จะมาพร้อมปัญญา มาพร้อมกับการ ”ตั้งคำถาม” ที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งคำถามที่สำคัญและสร้างสรรค์น่าจะเป็น “ทำอย่างไรจึงจะช่วยให้ตัวเรา ครอบครัวเรา สังคมของเราและโลกของเรามีความสุขได้ แม้อีกเพียงสักนิดก็ยังดี”
2. ความสุขทำให้คนฉลาดได้ คนมีความสุขมากๆนอกจากหน้าตาแจ่มใส ผิวพรรณดี เพราะถ้ายิ่งเรามีอารมณ์ดี มีความสุขนานเท่าไหร่จะทำให้สมองหลั่งสารอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้สมองโล่ง ตื่นตัว พร้อมทำงาน สารแห่งความสุขจะทำให้เราเรียนรู้ได้ดี ได้เร็ว จดจำสิ่งต่างๆได้อย่างมีความสุข ยิ่งเรามีอารมณ์ดีบ่อย เราก็ยิ่งอารมณ์ดีง่าย แต่ถ้าเรายิ่งอารมณ์เสียบ่อย เราก็จะยิ่งอารมณ์เสียง่าย เพราะว่ายิ่งเรามีพฤติกรรมใดบ่อยๆ สมองก็จะสร้างเส้นใยนั้นออกมาเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากเป็นคนอารมณ์ดีเราต้องฝึกอารมณ์ดีบ่อยๆจนติดเป็นนิสัย
3. การนอนหลับให้เพียงพอ นอกจากจะทำให้เรามีความจำดีแล้ว ยังทำให้เราอารมณ์ดีด้วย และการเป็นที่อารมณ์ดีก็จะเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและเจ้านายด้วย แต่สำหรับใครที่นอนหลับยากจึงมีคำแนะนำดีๆมากฝากกันครับ
• ลดหรืองดการดูโทรทัศน์สัก 1-2 ชั่วโมงก่อนนอน โดยเฉพาะรายการที่ทำให้หัวใจเส้นแรง และอารมณ์ขึ้นๆลงๆ
• เสียงดนตรีช่วยขับกล่อม โดยเฉพาะดนตรีบรรเลงเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงฝน เสียงลม เสียงแม่น้ำ
• การอาบน้ำอุ่นก่อนนอนมีผลบวก ช่วยให้เราหลับสบายได้จริง
• การดื่มนมร้อนผสมน้ำผึ้งจะช่วยให้เราหลับได้ง่ายยิ่งขึ้น
• การอ่านหนังสือก่อนนอนที่มีเนื้อหานุ่มนวล เช่น หนังสือธรรมะ หนังสือนิยายรักเบาๆไม่เครียด
• การนวดก่อนนอนมีผลดีช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายก็จะทำให้เราหลับได้อย่างสบาย
• การฝึกสมาธิก่อนนอนแม้สั้นๆสักวันละ 10 นาที จะช่วยให้ทำให้จิตใจของเราสงบ และทำให้เราหลับลึกและหลับได้หลายๆชั่วโมง
เคล็ดลับความสุขง่ายๆ นั้นไม่มาก..ไม่ยาก แค่รู้ในสิ่งที่ต้องการ รับในสิ่งที่ใช่ ไขว่คว้าในสิ่งที่คิดแล้ว่าเหมาะสม และปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ใช่หรือเกินจำเป็น ฟังดูเหมือนง่าย เหมือนธรรมดาไม่มากและไม่ยาก แล้วทุกท่านมาเริ่มต้นสร้างความสุขในการใช้ชีวิตให้กับตนเองกันดีกว่านะครับ
สำหรับผมแล้ว ผมสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ในทุกๆกระบวนการของการใช้ชีวิตครับ แต่ก่อนอื่นผมก็ต้องขอยอมรับแบบปุถุชนคนธรรมดานะครับว่าผมก็เคยผ่านช่วงที่มีความทุกข์มาบ้างเหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมพบกับความสุขได้เร็วกว่าคนอื่นๆก็อาจจะเป็นเพราะว่าผมรู้จักกับคำ 2 คำนี้ครับ คำว่า “รู้จักพอ” กับคำว่า “รู้จักให้”
1. รู้จักพอ ความสุขที่เกิดจากการการรู้จักพอของผมก็คือ พอใจในสิ่งที่ตนมี พอใจในสิ่งที่ตนทำ ผมไม่ได้หวังว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีกำไรเป็นร้อยล้านหรือพันล้านหรือมุ่งหวังกำไรเพียงอย่างเดียวในการดำเนินธุรกิจ ผมยังทำการการหา no-know หรือเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาปรับปรุงสินค้า เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าของผมให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการหาเครื่องมือหรือเครื่องจักรในการมาช่วยผ่อนแรงในการทำงานของมนุษย์พีเอของผมด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องทำงานหนักกันจนเกินไป
2. รู้จักให้ ถือว่าเป็นความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือบอกว่าเป็นความสุขแบบ “ยั่งยืน” ก็เป็นไปได้ครับ เพราะการให้ของผมนอกจากจะให้กับมนุษย์พีเอที่เป็นสวัสดิการที่ดีๆแล้ว ผมยังรู้จักให้คืนกับสังคมหรือการทำ CSR โดยผ่านโครงการที่ชื่อว่า “โครงการทดแทนพระคุณแม่และแผ่นดิน” โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆด้วยกันคือ
• โครงการทดแทนพระคุณแม่ให้บัวพ้นน้ำ โดยผมจะร่วมกับมนุษย์พีเอของผมในการไปมอบทุนการศึกษา/การสร้างห้องเรียน/ห้องจริยธรรม/ห้องสมุด ซึ่งโครงการนี้ผมจะให้ความสำคัญกับการเรียนสำหรับเด็กๆ เพราะผมเชื่อว่าการให้โอกาสในทางการศึกษากับเด็กๆเหล่านี้เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและรู้จักการให้สิ่งๆดีต่อไปให้กับคนอื่นๆและสังคมต่อๆไปครับ การให้สำหรับผมจึงถือว่าไม่มีวันสิ้นสุด
• โครงการทดแทนพระคุณแผ่นดิน โครงการนี้เป็นโครงการที่ผมได้ออกไปบรรยายให้กับภาครัฐและเอกชนให้ทราบไม่ว่าจะเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ/ความรู้ด้านพลังงาน/การดำเนินธุรกิจกับการใช้คุณธรรม/การบริหารการจัดการต่างๆ/HRD/CSR และโครงการนี้ผมถือว่าผมเป็นผู้ที่บุกเบิกและนำร่องให้กับมนุษย์พีเอรุ่นต่อๆไปของผมครับ เพื่อที่ในโอกาสต่อๆไปมนุษย์พีเอของผมจะสามารถออกไปสื่อสารและประชาสัมพันธ์สิ่งต่างๆที่องค์กรของเราได้ทำให้กับบุคคลทั่วๆไปได้รับทราบแทนตัวผม
• โครงการสุขจากการแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นการให้กับเด็กกำพร้า/เด็กพิการ/คนแก่ชราหรือรวมไปถึงคนที่เขามีโอกาสน้อยกว่าพวกเรา ทุกๆครั้งในการออกไปทำกิจกรรมเหล่านี้ผมต้องยกกองทัพไปทั้งบริษัทฯกันเลยทีเดียวครับ เพราะว่าโครงการนี้ผมสอนให้มนุษย์พีเอทุกคนของผมรู้จักการให้แม้จะเป็นการให้แบบเล็กๆน้อยๆก็ถือว่าพวกเขาได้ฝึกรู้จักการให้ครับ
ครับสำหรับผมแล้วสิ่งเหล่านี้แหละครับที่ผมถือว่าเป็นความสุขของการได้เกิดมาและการได้ใช้ชีวิตของผมอย่างคุ้มค่าแล้ว เพราะผมเชื่อเสมอว่าคนเราเมื่อตายไปแล้วเราไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง แต่สิ่งที่จะเหลือไว้ให้กับชนรุ่นหลังก็มีเพียงแค่ “ความดี” และ “ความชั่ว” เท่านั้นแหละครับ ผมจึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเสมอว่า “แม้จะต้องตายในวันนี้ก็ไม่เสียชาติเกิด...ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้” แล้วคุณล่ะครับ...ได้สร้างความสุขให้กับชีวิตกันแล้วหรือ...ยัง?????


หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
Verified User
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 55

โพสต์

พี่เคน สุดยอดเลยครับ :cool:

ปล. ผมเคยเห็นสินค้า OTOP ที่ชาวบ้านทำกัน แล้วเป็นที่ถูกใจของต่างประเทศหลายอย่างครับ

แต่ส่วนใหญ่มักจะทำแบบครัวเรือน ทำให้ได้สินค้า มีไม่แน่นอน ของบางอย่างผมชอบ แต่หาซื้อไม่ได้
เช่น แชมพูแก้ผมร่วงของเรา เคยไปคุยกับร้านที่ขาย บอกว่า คนเยอรมันชอบมาก
เพราะมีคนไทย เอาไปให้ฝรั่งลองใช้แล้วติดใจ
หรืออย่างพวก ไวน์ผลไม้ไทย ผมว่ารถชาติใช้ได้เลย แถมก็มีดีแบบไม่มีใครเหมือน คือ ผลิตจากผลไม้ที่หลากหลายมาก
ของฝรั่ง มีแค่ผลิตจากองุ่น

อยากเห็นสินค้าพวกนี้ไปตีตลาดต่างประเทศแบบเป็นจริงเป็นจัง
เอ๋ๆ หรือว่ามีแล้ว แต่ผมไม่รู้ เหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 56

โพสต์

ไว้เรามาร่วมกันไหมล่ะครับ

เหนื่อยหน่อยแต่ก็สนุกและมีความสุขนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 57

โพสต์

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างมี book brief ประจำเดือนให้กับคู่ค้าคู่คิดของผมครับ

อย่าพึ่งเบื่อไปก่อนนะครับ หวังว่าจะได้ประโยชน์บ้าง

คมความคิด (ฉบับที่ 4)
Life ของขวัญ ของชีวิต

ถ้าอยากมี ความสุข ...เราต้องผ่าน ความทุกข์ ไปให้ได้ก่อน ในขณะเดียวกัน ถ้าอยาก เข้มแข็ง ..เราก็ต้องผ่านความอ่อนแอ ไปให้ได้เช่นกัน เพราะว่าในการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ของคนเราจะต้องเจอะเจอกับบททดสอบของชีวิตในหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน คงจะไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้ว่าชีวิตนี้ไม่เคยความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่มีใครที่ไม่เคยเจอกับความทุกข์ เพราะความทุกข์กับความสุขมักจะมาเป็นของคู่กัน บางคนความสุขอาจจะมาก่อนความทุกข์ แต่อีกคนอาจจะมีความทุกข์แล้วความสุขค่อยตามมาทีหลังก็ได้ จนบางคนอาจจะถึงขั้นตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาไม่มีความยุติธรรม ที่มอบของขวัญในแต่ละชีวิตไม่เหมือนกัน
คนที่รู้จักดูแลชีวิตของตนเองให้ดีเท่านั้น จึงจะได้รับ ของขวัญ ชิ้นใหญ่ที่ชีวิตมอบให้ นั่นคือ ความสุข แต่อย่าลืมไปนะว่าคนที่จะสร้างความสุข ความทุกข์ต่างๆต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนเสมอ ที่จะเป็นผู้กำหนดทุกข์-สุขที่แท้จริงในชีวิต และเราเองอีกนั่นแหละที่จะเป็นคนสร้าง ของขวัญ ของชีวิตให้กับตัวเราเอง หนังสือเล่มนี้จึงได้นำวิธีในการสร้างความสุข มุมมองใหม่ๆ ข้อคิดดีๆ มาบอกเล่าให้กับทุกท่านได้รับรู้ เพื่อที่จะได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
• ตัวอย่างข้อคิดในการใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวัน
1. ถ้าลมหายใจยังมี นี่แหละคือโอกาสที่ดีที่สุด
ถ้าหากชีวิตของเราต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม อย่าท้อใจหรือท้อถอย แม้ว่าการสูญเสียไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียอะไรก็ตาม แค่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ เราก็ยังมีสิ่งที่มีค่าสูงสุด เพื่ออยู่และสู้ต่อไปได้ อย่างน้อยเมื่อยังมีลมหายใจก็เท่ากับว่าเรายังมีเวลาพอที่จะได้ชื่นชมความงามของโลกใบนี้ มีเวลาพอที่จะได้ทำสิ่งที่ดีๆต่อไปอีก เพราะเราจะได้รับรู้ความสุขอีกแบบหนึ่งนั่นก็คือ “การให้เป็นเหตุให้เกิดความสุขยิ่งกว่าการรับ”

2. ความสุขหาซื้อได้ด้วยความสงบ
คนเรามักจะคิดกันอยู่เสมอว่า การได้ไปโน่น ได้ทำนี่ เราคงจะมีความสุข ได้กินโน่น ได้ดูนี่ เราคงจะไม่ทุกข์เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันจึงสะท้อนให้เราเห็นว่า เรากำลังหาซื้อความสุขใส่ตัวเองด้วยความหวัง ด้วยจินตนาการ แล้วเราก็จะไม่มีความสุขบนโลกของความเป็นจริงไปได้ เพราะโลกของความเป็นจริงเราไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ใจต้องการไปซะหมดแน่นอน ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าชีวิตไม่ค่อยสนุก ไม่มีความสุข ลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองแบบเงียบๆสัก 10 นาที โดยการทำสมาธิอยู่กับการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เวลาที่เราไม่คิดอะไรเลยจะทำให้เรารู้สึกสบายตัว สบายใจ ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่กดดัน ไม่เป็นทุกข์ร้อนกับความวุ่นวายของชีวิต เพราะเมื่อเรานิ่งเบาสบาย ความสุขก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็นเงาตามตัวเราเอง

แต่สำหรับผมแล้วการให้ ของขวัญ สำหรับชีวิตผมเองนั้น ผมไม่ได้ต้องการได้รับของขวัญใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลต่างๆ แม้กระทั่งในวันคล้ายวันกำเนิดของผมเอง แต่ถ้าจะให้ผมคิดถึงการได้รับของขวัญ สิ่งแรกที่ผมคิดถึงก็คือการได้ให้ความอยู่ดีกินดีกับมนุษย์พีเอของผมก่อนเสมอ เพราะผมคิดว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดี นั่นก็เท่ากับว่าผมได้รับ ของขวัญ ชิ้นพิเศษสุดแล้วครับ เพราะที่นี่ที่บ้านหลังที่สองของผมแห่งนี้เปรียบเสมือนกับ “ชีวิต” ของผมก็ว่าได้ มนุษย์พีเอก็เปรียบเสมือนกับอวัยวะทุกๆส่วนในร่างกาย หากพวกเขาได้รับแต่สิ่งดีๆ ก็เท่ากับว่าร่างกายและชีวิตของผมก็ต้องดีตามมาด้วย แต่สำหรับเรื่องของการบริหารธุรกิจผมไม่เคยที่จะพลาดในการมองหาโอกาสต่างๆในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ เพราะผมคิดอยู่เสมอว่า “ความเสี่ยง”มีอยู่ในทุกๆสถานการณ์อยู่แล้วครับ ฉะนั้นผมจึงไม่เคยกลัว “ความเสี่ยง” แค่ผมไม่เคยประมาทมันเท่านั้นครับ เพราะแม้ว่าหากสถานการณ์ดี/เศรษฐกิจดีก็มีความล้มละลายได้ แต่ในทางตรงกันข้าม สถานการณ์ไม่ดี/เศรษฐกิจไม่ดี ก็มีคนร่ำรวยเยอะแยะมากมายได้เช่นกันครับ “อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ” ประโยคนี้ผมชอบมากครับ เพราะในบางครั้งคนเราก็ต้องรู้จักช่วงจังหวะ เวลาในการทำสิ่งต่างๆอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นช่วงจังหวะการใช้ชีวิต หรือแม้แต่กระทั่งการบริหารธุรกิจก็เช่นกันครับ

สวัสดีเช้าวันใหม่ครับ

^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 58

โพสต์

ตามมาอ่านครับ ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมไทยเลย

และขออนุญาตินำบทความไปใช้ด้วยนะครับ
Attitude of the Winner : ทัศนะคติแบบผู้ชนะ
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
icegrefis
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 59

โพสต์

ขอบคุณครับ ได้อะไรดีๆเยอะเลยครับผม
หลังจากไม่ได้เข้าเว็บนี้มานานมาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 60

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับ ซึ่งก็จะเป็นอีกหนึ่งวันที่ผ่านไปเหมือนทุก ๆ วัน แต่ที่ไม่เหมือนก็คือ วันนี้คุณทำอะไรให้เกิดคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่นบ้าง ครับ

นี่คือ คมความคิดฉบับ 4 ครับ จะได้แบ่งปันความรู้คับ

วิถีแมนเดลา (Mandela's way)
“นี่คือความเป็นปราชญ์ของผู้นำทรงคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่ถ่ายทอดออกมาอย่างเฉลียวฉลาดของนักเขียนมหัศจรรย์ นับจากเวลาที่พวกเขาทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดในการเขียนบันทึกความทรงจำของ แมนเดลา ริค สเตงเกิล ได้วาดภาพบทเรียนอันยิ่งใหญ่ของชีวิตสิบห้าบทประกอบกับความเห็นอันลึกซึ้งอีกนับร้อย ขณะเดียวกันก็ทำให้เราเข้าถึงความเป็นตัวตนและความซื่อสัตย์อย่างน่าตกตะลึงของผู้เป็นแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจผู้นี้” นี่เป็นเพียง คำนิยม ของนักเขียนชื่อดังท่านหนึ่งที่ชื่อ วอลเตอร์ ไอแซคสัน ยังสามารถทำให้ผมรู้สึกถึงพลัง ความยิ่งใหญ่และแรงบันดาลใจของหนังสือเล่มนี้กับชีวประวัติเชิงข้อคิดของ เนลสัน แมนเดลา ได้เป็นอย่างดี หนังสือเล่มนี่ได้รวบรวมบทเรียนชีวิตที่ได้ตกผลึกแล้ว 15 ข้อคิดของ เนลสัน แมนเดลา นักต่อสู้เพื่อสิทธิและความเสมอภาคของคนผิวสีอย่างมุ่งมั่นและยาวนานภายหลังได้รับเลือกเป็นประธานธิบดีผิวสีคนแรกของประเทศแอฟริกาใต้ หลังจากถูกคุมขังเป็นนักโทษการเมืองนานถึง 27 ปี
หาญกล้า ใช่ว่าไม่หวาดกลัว
ก่อนหน้าการดำรงตำแหน่งประธานธิบดี เขาได้เป็นที่รู้จักกันทั้งในและนอกประเทศในฐานะที่เคยเป็นนักเคลื่อนไหวตัวยงเพื่อต่อต้านนโยบาย แยกคนต่างผิวออกจากกันในแอฟริกาใต้ จากที่แรกเริ่มเป็นผู้เคลื่อนไหวในทางสันติ ได้กลายมาเป็นผู้นำกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา และได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อต้านใต้ดินโดยใช้อาวุธ เช่น การก่อวินาศกรรม ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้นำต่างชาติที่นิยมมีนโยบายแยกคนต่างผิวออกจากกันในแอฟริกาใต้ เช่น มากาเรท เท็ตเชอร์ และโรนัลด์ เรแกน ได้ประณามกิจกรรมเหล่านี้ว่าเป็นการก่อการร้าย ในขณะที่แมนเดลาเปลี่ยนวิถีที่ใช้ในการต่อสู้เพื่อสิทธินั้น ในใจของเขาเกิดความกลัวที่จะปฏิบัติด้วยวิธีนี้เพราะเป็นวิธีที่เสี่ยงได้สามารถเกิดอันตรายได้ง่าย แต่เขาก็สามารถผ่านและทำมันได้เป็นอย่างดี แมนเดลาบอกว่า ความกล้าหาญที่จะทำสิ่งใดนั้นมิใช่ปราศจากความกลัว มันคือการเรียนรู้ที่จะชนะความกลัวต่างหาก ในบางครั้ง จำต้องทำเป็นว่าไม่กลัว คุณจึงจะค้นพบความกล้าที่แท้จริง บางครั้งการทำเป็นกล้านั่นแหละ คือความกล้าของคุณ
ยึดหลักการให้มั่น เรื่องอื่นเป็นเพียงยุทธวิธี
เมนดาลา เป็นบุรุษแห่งหลักการ หลักการเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ สิทธิความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติไหน ผิวสีใด หรือเพศใดก็ตาม สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นเป็นเพียงยุทธวิธี เรื่องนี้อาจดูเกินจริงไปแต่แมนเดลาเป็นนักสัมฤทธิผลนิยมในสายเลือด ผู้กระตือรือร้นในการประนีประนอม เปลี่ยนแปลง ปรับตัว และขัดเกลากลยุทธ์ของตนตราบเท่าที่มันสามารถนำเขาไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางได้ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดย่อมคุ้มค่าต่อปลายทาง ซึ่งปลายทางของเขาคือการยุตินโยบายแบ่งแยกสีผิว และการบรรลุถึงระบอบประชาธิปไตยที่ไม่จำกัดเชื้อชาติด้วยระบบหนึ่งคนหนึ่งคะแนนเสียงเพียงเท่านั้น แม้ว่ากลยุทธ์ในการบรรลุเป้าหมายจะทำให้เขาต้องถูกจองจำนาน 27 ปี แต่เขากลับคิดว่า การเป็นนักโทษบนเกาะร็อบเบินสามารถรับปริญญาจากการศึกษาทางไกลได้เรียนรู้วิถีแห่งชีวิตภายในคุกสี่เหลี่ยมอันแสนโหดร้าย จนภายหลังนักโทษการเมืองจำนวนมากเรียกเกาะแห่งนี้ว่า มหาวิทยาลัยเกาะร็อบเบิน เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแมนเดลาจริงๆ นั่งเป็นเพียงเพราะหลักการที่ยึดมั่นแม้ต้องเจอกับเรื่องโหดร้ายแต่มุ่งไปที่เป้าหมายที่เมื่อไปถึงจะหอมหวานเท่านั่นเอง
เมื่อผมได้อ่านวิธีคิดที่ตกผลึกแล้วของวิถีแมนเดลา ผมรู้สึกว่าเขาเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่และมุ่งมั่นในวิถีแห่งหลักการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง บทเรียนทีได้เรียนรู้นั้น ทำให้ผมกลับมามองว่า การเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีกลยุทธ์อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ก็สามารถทำได้ไม่ยากเกินความสามารถของคนคนหนึ่งที่มีสมองและสองมือเท่าเทียมกัน หลักการในความเท่าเทียมของมนุษย์ที่แมนเดลา ได้ยึดถือเป็นเป้าหมายในชีวิต เป็นหลักการที่ผมคิดและทดลองกับพนักงานของผมเอง ผมเชื่อว่าพนักงานทุกคนมีศักยภาพที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมาทั้งนั้น เพียงแต่อาจไม่มีโอกาสในการแสดงออกเท่านั้นเอง อาจเป็นเพราะการปฏิบิติงานที่เคยชิน จำเจ ทำให้ลืมที่จะคิด จินตนาการ สร้างสรรค์ความรู้ใหม่ๆได้ ดังนั้น ผมจึงได้มีการ เปลี่ยนตำแหน่งงานของพนักงานไปเรื่อยๆ โดยการดูจากงานที่เกี่ยวข้องกันและความสามารถที่น่าจะเกิดการสัมฤทธิ์ทางการกระทำได้ ในช่วงแรกนั่นพนักงานอาจเกิดความกลัวเพราะเข้าไปนั่งในตำแหน่งที่เราไม่เคยได้ปฏิบัติ แต่ความกลัวที่มีประโยชน์จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนทำให้มนุษย์ PA เหล่านั้น ได้ทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เพราะ ความกล้าหาญที่เกิดขึ้นนั้น ใช่ว่าจะไม่หวาดกลัว แต่เราต้องเอาชนะความกลัวในตัวเองเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น
การถูกจองจำในที่ใดที่หนึ่งนานๆ คงมีไม่กี่คนที่จะสามารถแปรเปลี่ยนความกดดันเหล่านั้นเป็นพลังอันมหาศาลในการเรียนรู้ และปรับวิถีแห่งชีวิตอย่างแมนเดลาผู้ซึ่งอาจเป็นข้อยกเว้นในกรณีนี้ แต่เราเป็นเพียงกลุ่มคนที่กำลังสร้างความยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้น การถูกพันธนาการด้วยกรอบ หรือการถูกจองจำทางความคิดนั้นเป็นการก่ออาชญากรรมอันร้ายแรงในองค์กรของผม เพราะผมต้องการความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนไปเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมในอนาคต เพราะผมเชื่อว่า การคิดอย่างสร้างสรรค์และจินตนาการจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทางความคิดได้ตลอดเวลา เพราะองค์กรสมัยใหม่ต้องยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ทันกับสถานการณ์ภายนอก จึงจะสามารถยืนอยู่บนสงครามธุรกิจที่โหดร้ายนี้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จได้อย่างภาคภูมิใจนั่นเอง

แล้วคุณล่ะครับ ???