มารอฟังความรู้neo_potato_Th เขียน:Paul VI เขียน:reiter เขียน:เดี๋ยวมาตอบนะครับ ขอเรียบเรียงก่อน
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1232
เอามาไว้หน้าใหม่ จะได้ไม่งง ว่าจะรอฟังอะไรกันPaul VI เขียน:ถามหมอแป๊ะ บ้างดีกว่า เห็นว่า แม่น 2 ตัวนี้มากๆ
ขอถาม มุมมองจากตอนนี้ ถึง อนาคตข้างหน้า เอาไม่เยอะ ซัก 3-4 ปี
สำหรับ 2 ตัวนี้หน่อย ขอเอ่ยชื่อนะ MOONG SENA
ถามกันตรงๆเลยล่ะ

- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1236
SENA
ขอเล่าเป็นวิธีคิดแล้วกันนะครับ
ผมเริ่มลงทุนกับเสนาตั้งแต่ปลายปี 2008 ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมปรับพอร์ตมาใช้กลยุทธ์ Low PE เป็นหลักในการคัดหุ้น
สิ่งหนึ่งที่ผมพบก็คือว่าใน segment ของ developer โดยเฉพาะ developer ขนาดกลางเล็ก มีหุ้น low PE ที่จ่ายปันผล 8 -10% อยู่มากมาย ซึ่งก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจอะไร เพราะถ้าเข้าไปดูงบการเงินของบริษัทเหล่านั้นอย่างละเอียดจะพบว่ายอดขายและกำไรไม่ค่อยมีความแน่นอน และผันผวนต่อเศรษฐกิจมหภาคอยู่มาก
ที่ผมมาสะดุดตากับเสนา ก็เพราะยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ปีซับไพรม์ ผิดวิสัยกับ developer อื่นๆ

เห็นข้อมูลดังนี้ ผมก็เลยสนใจเสนาอย่างมาก เพราะเมื่อคิดเป็นค่า PEG แล้วต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ จึงศึกษางบการเงินของเสนาให้ละเอียดยิ่งขึ้น
เมื่อศึกษาละเอียดขึ้น ผมยิ่งพบว่าเสนามีอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น D/E ratio ที่ต่ำมากแค่ประมาณ 0.4 ( บริษัทอื่นอยู่ที่ประมาณ 0.8 -1 ), GPM ( ซึ่งผมมองว่าเป็น financial ratio ที่บ่งบอกประสิทธิภาพในการทำกำไรของ developer ที่ดีมาก และผมจะให้น้ำหนักเป็นตัวแรกๆ ) ที่สูงมากกว่า 41% ซึ่งสูงเป็นอันดับสองในตลาดรองจาก SPALI ตัวเดียว
อันนี้เป็นข้อมูล GPM ของ developer ในตลาดทั้งหมด ( งบปี 2009 )

ตอนแรกผมก็คิดว่า Gross ที่ดีของเสนา ( ทั้งๆที่โดยสถานะของ product ไม่ควรจะมีมาร์จินสูงได้ขนาดนั้น ) เป็นเรื่อง one time หรือไม่ ( เช่นอาจจะเกิดจากการที่ต้นทุนที่ดินผืนนั้นถูกมาก เพราะเป็นแลนด์แบงค์ที่สะสมมานาน )
แต่เมื่อดูข้อมูลย้อนหลังกลับไป ก็พบว่ามาร์จินของเสนาสูงอยู่ในระดับนี้มาตลอด

มาถึงจุดนี้ผมก็สนใจเสนาอย่างมากๆแล้ว ว่าอะไรเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพที่ทำให้เสนาสามารถเติบโต และรักษาประสิทธิภาพในการทำกำไรได้ต่อเนื่องแบบนี้
ขอเล่าเป็นวิธีคิดแล้วกันนะครับ
ผมเริ่มลงทุนกับเสนาตั้งแต่ปลายปี 2008 ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมปรับพอร์ตมาใช้กลยุทธ์ Low PE เป็นหลักในการคัดหุ้น
สิ่งหนึ่งที่ผมพบก็คือว่าใน segment ของ developer โดยเฉพาะ developer ขนาดกลางเล็ก มีหุ้น low PE ที่จ่ายปันผล 8 -10% อยู่มากมาย ซึ่งก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจอะไร เพราะถ้าเข้าไปดูงบการเงินของบริษัทเหล่านั้นอย่างละเอียดจะพบว่ายอดขายและกำไรไม่ค่อยมีความแน่นอน และผันผวนต่อเศรษฐกิจมหภาคอยู่มาก
ที่ผมมาสะดุดตากับเสนา ก็เพราะยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ปีซับไพรม์ ผิดวิสัยกับ developer อื่นๆ

เห็นข้อมูลดังนี้ ผมก็เลยสนใจเสนาอย่างมาก เพราะเมื่อคิดเป็นค่า PEG แล้วต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ จึงศึกษางบการเงินของเสนาให้ละเอียดยิ่งขึ้น
เมื่อศึกษาละเอียดขึ้น ผมยิ่งพบว่าเสนามีอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น D/E ratio ที่ต่ำมากแค่ประมาณ 0.4 ( บริษัทอื่นอยู่ที่ประมาณ 0.8 -1 ), GPM ( ซึ่งผมมองว่าเป็น financial ratio ที่บ่งบอกประสิทธิภาพในการทำกำไรของ developer ที่ดีมาก และผมจะให้น้ำหนักเป็นตัวแรกๆ ) ที่สูงมากกว่า 41% ซึ่งสูงเป็นอันดับสองในตลาดรองจาก SPALI ตัวเดียว
อันนี้เป็นข้อมูล GPM ของ developer ในตลาดทั้งหมด ( งบปี 2009 )

ตอนแรกผมก็คิดว่า Gross ที่ดีของเสนา ( ทั้งๆที่โดยสถานะของ product ไม่ควรจะมีมาร์จินสูงได้ขนาดนั้น ) เป็นเรื่อง one time หรือไม่ ( เช่นอาจจะเกิดจากการที่ต้นทุนที่ดินผืนนั้นถูกมาก เพราะเป็นแลนด์แบงค์ที่สะสมมานาน )
แต่เมื่อดูข้อมูลย้อนหลังกลับไป ก็พบว่ามาร์จินของเสนาสูงอยู่ในระดับนี้มาตลอด

มาถึงจุดนี้ผมก็สนใจเสนาอย่างมากๆแล้ว ว่าอะไรเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพที่ทำให้เสนาสามารถเติบโต และรักษาประสิทธิภาพในการทำกำไรได้ต่อเนื่องแบบนี้
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1237
ผมเลยเริ่มศึกษาจาก 56-1, หาข่าวจากที่ดร.เกษราเคยให้สัมภาษณ์ไว้, ลองไปเยี่ยมชมโครงการของเสนา ( รวมทั้งคอนโดคู่แข่ง ) และสอบถาม IR ในประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย
ข้อมูลที่ผมได้มาว่าทำไมเสนาถึงเติบโตได้ทุกปี
1. ตลาดอสังหาโดยรวมเองก็เติบโตอยู่แล้ว เนื่องจากการขยายแนวของรถไฟฟ้า ปีซับไพรม์เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวที่ทำให้ความมั่นใจในการบริโภคสินทรัพย์ขนาดใหญ่ และการเก็งกำไรลดน้อยลงไป แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ developer ที่เน้นตลาดกลางล่างอย่างเสนาซึ่งปกติเป็นตลาดแห่ง real demand ซึ่งมีการเก็งกำไรน้อยอยู่แล้ว ย่อมได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดบน ( ซึ่งก็สะท้อนมาให้เห็นว่าคอนโดเดอะคิธ ของเสนาก็ยังขายได้หมดในปี 2008 )
2. เสนาเน้นลูกค้าระดับกลางล่าง ( คอนโด เดอะคิธ เดอะแคธ ) ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ ( จากรีเสิรชของบริษัทเองพบว่าประชากรในกทม.กว่าครึ่งมีรายได้ < 40000 บาท / เดือน / ครัวเรือน และหนึ่งในสามของประชากรกลุ่มนี้ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ) และไม่มีจ้าวตลาดชัดเจน ทำให้บริษัทมี space อีกมากที่จะเติบโตจากลูกค้ากลุ่มนี้
ผมมองว่าการที่เสนา ( หรือแม้กระทั่ง developer รายอื่น ) ทำคอนโดระดับ 7 -8 แสนออกมาทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ตัดสินใจง่ายขึ้นในการที่ซื้อคอนโดของเสนา เนื่องจากราคาเช่ากับผ่อนไมได้แตกต่างกันเท่าไร
ส่วนเหตุผลที่เสนามีมาร์จินที่ดีผมมองจากสามประการ
1.บริษัทมีขนาดเล็ก โครงการไม่มาก ทำให้ผบห.ดูแล site งานทั่วถึง
2.โดยโครงสร้างของบริษัท ผบห. ถือ หุ้นอยู่มาก ทำให้มีแรงจูงใจที่จะรักษา wealth ของบริษัท
อย่าลืมนะครับว่า ยิ่งบริษัทเป็นของครอบครัวเท่าไร สิ่งที่ผูกพันธ์กับผบห ย่อมไม่ใช่แค่รายได้ แค่ wealth ของเขานะครับ แต่มันคือหน้าตา คือสถานะทางสังคม คือกงสี ดังนั้นผบห จะมีแรงจูงใจอย่างยิ่งที่จะปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท ( เรื่องโครงสร้างผถห ผมอาจไม่ให้น้ำหนักมากนักกับธุรกิจทีค่อนข้างคลีน แต่สำหรับธุรกิจที่โดยธรรมชาติมันเทาอยู่แล้วอย่างอสังหา หรือรับเหมา ผมให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆนะคับ เพราะถ้าผบห ไม่ใช่ผถห ใหญ่ ก็มีแนวโน้มที่จะไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัท และอาจจะมีลูกตุกติกที่ผถห รายย่อยอย่างเราๆ ไม่มีทางเข้าถึงข้อมูลตรงนั้นได้ )
3. Land Bank ที่ถูกก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ GPM ของบริษัทออกมาดี ซึ่งตรงนี้ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากงบดุลที่แข็งแรงนะ... ทำให้บริษัทมีความสามารถจะสะสมแลนด์แบงค์ราคาถูกในยามที่เกิดวิกฤติ อย่างรอบซับไพรม์ที่ผ่าน บริษัทก็สะสมแลนด์แบงค์ดีๆ ในราคาถูกได้หลายแปลง ( ยกตัวอย่างเช่น แปลงที่ลาดพร้าวที่ดร.เกษราพูดถึงในออปเดย์ ที่ซื้อมาในราคาถูกกว่ายามปกติมาก ชนิดที่เก็บค่าเช่าโกดังที่ติดมาบนที่ดินอย่างเดียว 5 -6 ปีก็คืนทุนแล้ว )
ข้อมูลอีกอย่างที่ผมได้จากการไล่ตามอ่านข่าวของบริษัทคือ ดร.เกษรามีธรรมาภิบาลให้แง่การให้ข่าวที่ดีมาก ขยันให้ข่าวตลอด และให้ข่าวไม่เคยผิด ( แต่อาจจะ conservative ไปบ้าง ) ทำให้ผมรู้สึกว่าการทำนายงบแต่ละไตรมาสของเสนาไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย
ข้อมูลที่ผมได้มาว่าทำไมเสนาถึงเติบโตได้ทุกปี
1. ตลาดอสังหาโดยรวมเองก็เติบโตอยู่แล้ว เนื่องจากการขยายแนวของรถไฟฟ้า ปีซับไพรม์เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวที่ทำให้ความมั่นใจในการบริโภคสินทรัพย์ขนาดใหญ่ และการเก็งกำไรลดน้อยลงไป แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ developer ที่เน้นตลาดกลางล่างอย่างเสนาซึ่งปกติเป็นตลาดแห่ง real demand ซึ่งมีการเก็งกำไรน้อยอยู่แล้ว ย่อมได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดบน ( ซึ่งก็สะท้อนมาให้เห็นว่าคอนโดเดอะคิธ ของเสนาก็ยังขายได้หมดในปี 2008 )
2. เสนาเน้นลูกค้าระดับกลางล่าง ( คอนโด เดอะคิธ เดอะแคธ ) ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ ( จากรีเสิรชของบริษัทเองพบว่าประชากรในกทม.กว่าครึ่งมีรายได้ < 40000 บาท / เดือน / ครัวเรือน และหนึ่งในสามของประชากรกลุ่มนี้ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ) และไม่มีจ้าวตลาดชัดเจน ทำให้บริษัทมี space อีกมากที่จะเติบโตจากลูกค้ากลุ่มนี้
ผมมองว่าการที่เสนา ( หรือแม้กระทั่ง developer รายอื่น ) ทำคอนโดระดับ 7 -8 แสนออกมาทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ตัดสินใจง่ายขึ้นในการที่ซื้อคอนโดของเสนา เนื่องจากราคาเช่ากับผ่อนไมได้แตกต่างกันเท่าไร
ส่วนเหตุผลที่เสนามีมาร์จินที่ดีผมมองจากสามประการ
1.บริษัทมีขนาดเล็ก โครงการไม่มาก ทำให้ผบห.ดูแล site งานทั่วถึง
2.โดยโครงสร้างของบริษัท ผบห. ถือ หุ้นอยู่มาก ทำให้มีแรงจูงใจที่จะรักษา wealth ของบริษัท
อย่าลืมนะครับว่า ยิ่งบริษัทเป็นของครอบครัวเท่าไร สิ่งที่ผูกพันธ์กับผบห ย่อมไม่ใช่แค่รายได้ แค่ wealth ของเขานะครับ แต่มันคือหน้าตา คือสถานะทางสังคม คือกงสี ดังนั้นผบห จะมีแรงจูงใจอย่างยิ่งที่จะปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท ( เรื่องโครงสร้างผถห ผมอาจไม่ให้น้ำหนักมากนักกับธุรกิจทีค่อนข้างคลีน แต่สำหรับธุรกิจที่โดยธรรมชาติมันเทาอยู่แล้วอย่างอสังหา หรือรับเหมา ผมให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆนะคับ เพราะถ้าผบห ไม่ใช่ผถห ใหญ่ ก็มีแนวโน้มที่จะไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัท และอาจจะมีลูกตุกติกที่ผถห รายย่อยอย่างเราๆ ไม่มีทางเข้าถึงข้อมูลตรงนั้นได้ )
3. Land Bank ที่ถูกก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ GPM ของบริษัทออกมาดี ซึ่งตรงนี้ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากงบดุลที่แข็งแรงนะ... ทำให้บริษัทมีความสามารถจะสะสมแลนด์แบงค์ราคาถูกในยามที่เกิดวิกฤติ อย่างรอบซับไพรม์ที่ผ่าน บริษัทก็สะสมแลนด์แบงค์ดีๆ ในราคาถูกได้หลายแปลง ( ยกตัวอย่างเช่น แปลงที่ลาดพร้าวที่ดร.เกษราพูดถึงในออปเดย์ ที่ซื้อมาในราคาถูกกว่ายามปกติมาก ชนิดที่เก็บค่าเช่าโกดังที่ติดมาบนที่ดินอย่างเดียว 5 -6 ปีก็คืนทุนแล้ว )
ข้อมูลอีกอย่างที่ผมได้จากการไล่ตามอ่านข่าวของบริษัทคือ ดร.เกษรามีธรรมาภิบาลให้แง่การให้ข่าวที่ดีมาก ขยันให้ข่าวตลอด และให้ข่าวไม่เคยผิด ( แต่อาจจะ conservative ไปบ้าง ) ทำให้ผมรู้สึกว่าการทำนายงบแต่ละไตรมาสของเสนาไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1238
ส่วนตัวก็ตัดสินใจลงทุนกับเสนามาตั้งแต่ช่วงนั้นนะครับ ผลประกอบการณ์ก็เป็นไปตามคาด แต่หุ้นก็ยังถูกเรื้อรังมาตลอด ซึ่งผมเข้าใจว่าส่วนหนึ่งตลาดไปรับรู้ว่าเสนาเป็นหุ้นที่ไม่มี growth
ผมเคยถามเพื่อนนักลงทุนที่รู้จักมักคุ้นกันว่าทำไมถึงไม่ลงทุนกับเสนา คำตอบนึงที่ผมมักจะได้คือนักลงทุนเหล่านั้นมักจะเข้าใจว่าเสนาไม่มี growth ซึ่งถ้าดูข้อมูลย้อนหลังกลับไปดังที่ผมโพสต์ไว้จะพบว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด
แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนมากกับการที่ตลาดไม่ไปรับพีอีให้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ low PE investor จะต้องทำใจไว้อยู่แล้วว่าสักวันเราจะต้องเจอ และผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 10% / yr ก็ไม่ใช่เรื่องที่ขี้เหร่อะไร ( และอันที่จริง หุ้น low PE ตัวอื่นของผมก็โดนนายตลาดปรับ PE ให้ไปเกือบหมดแล้วทั้งสิ้น ทำให้ผลตอบแทนรวมของพอร์ตชนะตลาดอยู่มาก )
สำหรับผลประกอบการณ์ปีนี้ ดร.เกษราตั้งเป้าการเติบโตไว้อย่างต่อเนื่องที่ 20% ซึ่งรายได้รวมสองไตรมาสแรกอยู่ที่ 650 ล้าน.... แบคลอกในมือมีอยู่ 1200 ล้าน ซึ่งจะรับรู้ในครึ่งปีหลังอีกประมาณ 1000 ล้าน ดังนั้นเป้าการเติบโตที่ 20% ( 1700 ล้าน ) ก็คงถึงอย่างไม่ยากเย็นอะไร
ซึ่งอันที่จริงผมมองว่าช่วงเวลาอีก 4 -5 เดือนที่เหลือบริษัทก็น่าจะขายโครงการเก่าได้เพิ่มอีก ทำให้ยอดรายได้รวมทั้งปีน่าจะเกินเป้าที่ผบห ให้สัมภาษณ์เสียอีก
สำหรับโครงการใหม่ ในไตรมาสสี่บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่อีกสามโครงการ เป็นโครงการแนวราบหนึ่ง, เดอะคิธ ที่สุขุมวิทหนึ่ง และ apartment & mall ให้เช่าที่เจริญนครอีกหนึ่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1500 ล้าน
สำหรับปีหน้า ดร. ให้สัมภาษณ์ว่าตั้งเป้าจะเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยกว่ากว่าปีนี้ ( อย่างน้อยก็ 7 โครงการ ) และกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะ take over สนามกอล์ฟ pattaya country club มาบริหาร เพื่อเพิ่ม recurring income และต่อยอดการบริหารที่ดินรอบโครงการ
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับกับการที่ดร.พยายามจะจับบริษัทธุรกิจให้เช่า เพื่อเพิ่ม recurring income เพราะถึงแม้บริษัทจะพยายามดำเนินงานแบบอนุรักษ์นิยมมากขนาดไหน แต่ถ้าหากบริษัทยังคงเป็น pure developer ก็คงไม่สามาถลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมได้
การพยายาม diversify ไปทำธุรกิจ mall ให้เช่า ( รวมทั้งโครงการจะไปลงทุนสนามกอล์ฟที่พัทยา ที่ดร.กล่าวถึง ) นั้น จะสามารถลดความเสี่ยงตรงนี้ และจะทำให้ earning ของบริษัทมีคุณภาพและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ( ผมมองว่าสาเหตุที่เสนาถูกเทรดกันที่แค่พีอี 4 -5 มาตลอด ส่วนนึงคงเป็นเพราะตลาดคงมองว่ากำไรของบริษัทอสังหามันไม่เสถียร.... หากธุรกิจให้เช่าประสบความสำเร็จ และ contribute รายได้ในสัดส่วนที่มากพอสมควร น่าจะทำให้ตลาดมีมุมมองที่ต่อ positive เสนา มากขึ้น และน่าจะให้พีอีที่สูงขึ้นกับบริษัท )
อีกประเด็นที่ผมเห็นนลท.หลายท่านกังวลกันคือเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น ประเด็นนี้ในแง่ต้นทุนทางการเงินออกจะเป็นประโยชน์กับเสนาด้วยซ้ำ เพราะเสนามีงบดุลที่แข็งแรงมาก ทำให้ได้รับผลกระทบในแง่นี้น้อยกว่าบริษัทอื่นๆ ส่วนในแง่ของการที่กลัวว่ากำลังซื้อจะลดลงหรือไม่ ในแง่นี้ผมเห็นด้วยกับที่ ดร เกษราเคยให้สัมภาษณ์ไว้นะครับ ว่าไม่กลัวดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะถ้าหากสภาพคล่องยังล้นตลาด อย่างไรเสียแบงค์ก็ต้องพยายามโปรโมชั่นแข่งกันหาลูกค้าอยู่ดี ( ลองหาข่าวแบงค์แข่งโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านได้นะครับ มีแปะไว้ในห้องเสนา )
สำหรับประเด็นการประมาณการณ์ผลกำไร อันที่จริงผมทำประมาณการณ์ไว้รายไตรมาสซึ่งก็ตรงพอสมควร ( ไม่ใช่ว่าผมเก่งนะครับ แต่เพราะผบห. ให้ข่าวตรงเกือบตลอด ) แต่ผมไม่ค่อยอยากจะโพสต์ในนี้เนื่องจากเกรงจะเป็นการชี้นำและผิดกติกาของเวบ เอาเป็นว่าเพื่อนนลท.ท่านใด ลองประมาณการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทแล้วได้ผลอย่างไร ลอง pm มาแลกเปลี่ยนทัศนะกันได้ครับ
ในแง่ valuation ประเด้นนี้เป็นปัจเจกครับ แล้วแต่คนจะมอง
ส่วนตัวของผมเอง สำหรับ developer ขนาดกลางเล็ก ผมให้พีอี 5 -6 นะครับ เพราะ earning ของบริษัทมีความผันผวนอยู่มาก และอ่อนไหวต่อ macroeconomic
สำหรับเสนา ผมให้พีอีที่ 6 ซึ่งเป็น upper limit ของพีอีที่ผมจะให้กับบริษัทในกลุ่มนี้ เพราะผมมองว่าเสนามีจุดเด่นเหนือกว่า developer ขนาดกลางเล็กอื่นๆ หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบดุลที่แข็งแกร่ง การมีตลาดเฉพาะที่ตัวเองถนัด และมีผู้บริหารซึ่งผมรู้สึกว่าผมสามารถไว้ใจในเรื่องธรรมาภิบาลได้มากพอสมควร
ในอนาคตถ้าเสนา ทำตลาดอสังหาให้เช่าได้ดี และมี earning จากตรงนี้มากในระดับหนึ่ง ผมเองก็อาจจะมองเสนาในอีกรูปแบบ และคงจะคิดพีอีเหมาะสมที่มากกว่าในระดับปัจจุบัน เนื่องจากคุณภาพของ earning ที่ดีขึ้น
อย่างไรก้ดีขอย้ำอีกทีว่า PE เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ขึ้นอยู่กับมุมมองของนลท.แต่ละท่าน ที่ผมกล่าวมาก็เป็นเพียงแต่ทัศนะส่วนตัวของผมเท่านั้นเอง
จบแล้วครับสำหรับเสนา ส่วนมุ่งขอผลัดเป็นพรุ่งนี้นะครับ
พี่หมอพอล และน้องนีโอ รสมทั้งเพื่อนนลท.ท่านอื่นมีอะไรจะเสริมหรือชี้แนะ เชิญเลบนะครับ :D :D
ผมเคยถามเพื่อนนักลงทุนที่รู้จักมักคุ้นกันว่าทำไมถึงไม่ลงทุนกับเสนา คำตอบนึงที่ผมมักจะได้คือนักลงทุนเหล่านั้นมักจะเข้าใจว่าเสนาไม่มี growth ซึ่งถ้าดูข้อมูลย้อนหลังกลับไปดังที่ผมโพสต์ไว้จะพบว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด
แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนมากกับการที่ตลาดไม่ไปรับพีอีให้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ low PE investor จะต้องทำใจไว้อยู่แล้วว่าสักวันเราจะต้องเจอ และผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 10% / yr ก็ไม่ใช่เรื่องที่ขี้เหร่อะไร ( และอันที่จริง หุ้น low PE ตัวอื่นของผมก็โดนนายตลาดปรับ PE ให้ไปเกือบหมดแล้วทั้งสิ้น ทำให้ผลตอบแทนรวมของพอร์ตชนะตลาดอยู่มาก )
สำหรับผลประกอบการณ์ปีนี้ ดร.เกษราตั้งเป้าการเติบโตไว้อย่างต่อเนื่องที่ 20% ซึ่งรายได้รวมสองไตรมาสแรกอยู่ที่ 650 ล้าน.... แบคลอกในมือมีอยู่ 1200 ล้าน ซึ่งจะรับรู้ในครึ่งปีหลังอีกประมาณ 1000 ล้าน ดังนั้นเป้าการเติบโตที่ 20% ( 1700 ล้าน ) ก็คงถึงอย่างไม่ยากเย็นอะไร
ซึ่งอันที่จริงผมมองว่าช่วงเวลาอีก 4 -5 เดือนที่เหลือบริษัทก็น่าจะขายโครงการเก่าได้เพิ่มอีก ทำให้ยอดรายได้รวมทั้งปีน่าจะเกินเป้าที่ผบห ให้สัมภาษณ์เสียอีก
สำหรับโครงการใหม่ ในไตรมาสสี่บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่อีกสามโครงการ เป็นโครงการแนวราบหนึ่ง, เดอะคิธ ที่สุขุมวิทหนึ่ง และ apartment & mall ให้เช่าที่เจริญนครอีกหนึ่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1500 ล้าน
สำหรับปีหน้า ดร. ให้สัมภาษณ์ว่าตั้งเป้าจะเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยกว่ากว่าปีนี้ ( อย่างน้อยก็ 7 โครงการ ) และกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะ take over สนามกอล์ฟ pattaya country club มาบริหาร เพื่อเพิ่ม recurring income และต่อยอดการบริหารที่ดินรอบโครงการ
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับกับการที่ดร.พยายามจะจับบริษัทธุรกิจให้เช่า เพื่อเพิ่ม recurring income เพราะถึงแม้บริษัทจะพยายามดำเนินงานแบบอนุรักษ์นิยมมากขนาดไหน แต่ถ้าหากบริษัทยังคงเป็น pure developer ก็คงไม่สามาถลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมได้
การพยายาม diversify ไปทำธุรกิจ mall ให้เช่า ( รวมทั้งโครงการจะไปลงทุนสนามกอล์ฟที่พัทยา ที่ดร.กล่าวถึง ) นั้น จะสามารถลดความเสี่ยงตรงนี้ และจะทำให้ earning ของบริษัทมีคุณภาพและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ( ผมมองว่าสาเหตุที่เสนาถูกเทรดกันที่แค่พีอี 4 -5 มาตลอด ส่วนนึงคงเป็นเพราะตลาดคงมองว่ากำไรของบริษัทอสังหามันไม่เสถียร.... หากธุรกิจให้เช่าประสบความสำเร็จ และ contribute รายได้ในสัดส่วนที่มากพอสมควร น่าจะทำให้ตลาดมีมุมมองที่ต่อ positive เสนา มากขึ้น และน่าจะให้พีอีที่สูงขึ้นกับบริษัท )
อีกประเด็นที่ผมเห็นนลท.หลายท่านกังวลกันคือเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น ประเด็นนี้ในแง่ต้นทุนทางการเงินออกจะเป็นประโยชน์กับเสนาด้วยซ้ำ เพราะเสนามีงบดุลที่แข็งแรงมาก ทำให้ได้รับผลกระทบในแง่นี้น้อยกว่าบริษัทอื่นๆ ส่วนในแง่ของการที่กลัวว่ากำลังซื้อจะลดลงหรือไม่ ในแง่นี้ผมเห็นด้วยกับที่ ดร เกษราเคยให้สัมภาษณ์ไว้นะครับ ว่าไม่กลัวดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะถ้าหากสภาพคล่องยังล้นตลาด อย่างไรเสียแบงค์ก็ต้องพยายามโปรโมชั่นแข่งกันหาลูกค้าอยู่ดี ( ลองหาข่าวแบงค์แข่งโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านได้นะครับ มีแปะไว้ในห้องเสนา )
สำหรับประเด็นการประมาณการณ์ผลกำไร อันที่จริงผมทำประมาณการณ์ไว้รายไตรมาสซึ่งก็ตรงพอสมควร ( ไม่ใช่ว่าผมเก่งนะครับ แต่เพราะผบห. ให้ข่าวตรงเกือบตลอด ) แต่ผมไม่ค่อยอยากจะโพสต์ในนี้เนื่องจากเกรงจะเป็นการชี้นำและผิดกติกาของเวบ เอาเป็นว่าเพื่อนนลท.ท่านใด ลองประมาณการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทแล้วได้ผลอย่างไร ลอง pm มาแลกเปลี่ยนทัศนะกันได้ครับ
ในแง่ valuation ประเด้นนี้เป็นปัจเจกครับ แล้วแต่คนจะมอง
ส่วนตัวของผมเอง สำหรับ developer ขนาดกลางเล็ก ผมให้พีอี 5 -6 นะครับ เพราะ earning ของบริษัทมีความผันผวนอยู่มาก และอ่อนไหวต่อ macroeconomic
สำหรับเสนา ผมให้พีอีที่ 6 ซึ่งเป็น upper limit ของพีอีที่ผมจะให้กับบริษัทในกลุ่มนี้ เพราะผมมองว่าเสนามีจุดเด่นเหนือกว่า developer ขนาดกลางเล็กอื่นๆ หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบดุลที่แข็งแกร่ง การมีตลาดเฉพาะที่ตัวเองถนัด และมีผู้บริหารซึ่งผมรู้สึกว่าผมสามารถไว้ใจในเรื่องธรรมาภิบาลได้มากพอสมควร
ในอนาคตถ้าเสนา ทำตลาดอสังหาให้เช่าได้ดี และมี earning จากตรงนี้มากในระดับหนึ่ง ผมเองก็อาจจะมองเสนาในอีกรูปแบบ และคงจะคิดพีอีเหมาะสมที่มากกว่าในระดับปัจจุบัน เนื่องจากคุณภาพของ earning ที่ดีขึ้น
อย่างไรก้ดีขอย้ำอีกทีว่า PE เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ขึ้นอยู่กับมุมมองของนลท.แต่ละท่าน ที่ผมกล่าวมาก็เป็นเพียงแต่ทัศนะส่วนตัวของผมเท่านั้นเอง
จบแล้วครับสำหรับเสนา ส่วนมุ่งขอผลัดเป็นพรุ่งนี้นะครับ
พี่หมอพอล และน้องนีโอ รสมทั้งเพื่อนนลท.ท่านอื่นมีอะไรจะเสริมหรือชี้แนะ เชิญเลบนะครับ :D :D
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1239
อ่านแล้วต้องอ่านอีก หลายรอบ เพราะเนื้อๆ เน้นๆเลย
ขอถามตรงนี้
ส่วนประเด็นอื่น ผมพยายามไปอ่านที่ กระทู้ เสนา ด้วย ไว้จะมา discuss ด้วยครับ
ขอถามตรงนี้
หมอแป๊ะ หรือ ผู้รู้ท่านอื่น พอจะทราบมั้ยว่าตรงไหน ของเจริญนคร ครับ :?:สำหรับโครงการใหม่ ในไตรมาสสี่บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่อีกสามโครงการ เป็นโครงการแนวราบหนึ่ง, เดอะคิธ ที่สุขุมวิทหนึ่ง และ apartment & mall ให้เช่าที่เจริญนครอีกหนึ่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1500 ล้าน
ส่วนประเด็นอื่น ผมพยายามไปอ่านที่ กระทู้ เสนา ด้วย ไว้จะมา discuss ด้วยครับ
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1240
หมอแป๊ะ หรือ ผู้รู้ท่านอื่น พอจะทราบมั้ยว่าตรงไหน ของเจริญนคร ครับPaul VI เขียน:อ่านแล้วต้องอ่านอีก หลายรอบ เพราะเนื้อๆ เน้นๆเลย
ขอถามตรงนี้
สำหรับโครงการใหม่ ในไตรมาสสี่บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่อีกสามโครงการ เป็นโครงการแนวราบหนึ่ง, เดอะคิธ ที่สุขุมวิทหนึ่ง และ apartment & mall ให้เช่าที่เจริญนครอีกหนึ่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1500 ล้าน
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1242
หมอแป๊ะ หรือ ผู้รู้ท่านอื่น พอจะทราบมั้ยว่าตรงไหน ของเจริญนคร ครับPaul VI เขียน:อ่านแล้วต้องอ่านอีก หลายรอบ เพราะเนื้อๆ เน้นๆเลย
ขอถามตรงนี้
สำหรับโครงการใหม่ ในไตรมาสสี่บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่อีกสามโครงการ เป็นโครงการแนวราบหนึ่ง, เดอะคิธ ที่สุขุมวิทหนึ่ง และ apartment & mall ให้เช่าที่เจริญนครอีกหนึ่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1500 ล้าน
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1243
พี่หมอครับ...ผมมันก็สังกัดเหาฉลามอ่ะพี่...เมื่อก่อน เสียเงินค่าโง่จากการซื้อตามคนอื่นก็เยอะ คิดไม่ค่อยเป็นเท่าไร...(เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ :lol: )
ง่ายๆเลยนะพี่ ผมชอบหุ้นเติบโต ตอนนี้พยายามจะหาหุ้นฟื้นตัวด้วย...เพราะสังเกตดูว่า หุ้นพวกนี้ราคาจะวิ่งมาก และได้เงินจากมันมาก็เยอะสุด
ส่วนเรื่องปันผลของหุ้น แน่นอนว่า ถ้ากำไรมาก ปันผลก็เพิ่ม ราคาก็จะเพิ่มตามด้วย
และหุ้นเติบโตพอมันโตไปถึงช่วงนึง หรืออิ่มตัว ผมก็ต้องขาย เปลี่ยนตัวแล้วละครับ แต่คงไม่ใช่เก็งกำไร รายไตรมาส....แต่ถ้ารายปีนะใช่:oops:
อีกเรื่องก็คือ หุ้นเติบโต หรือฟื้นตัว ตัวนั้นๆ ต้องเจ๋งจริงๆ แบบเบอร์ 1-3 ในอุตสาหกรรมนั้นๆครับ (เพราะเคยเจ๊งไปกับตัวที่คิดว่าดี แต่ท้ายสุดมันก็ไม่ดีจริง)
สรุปง่ายๆ ถ้าหุ้นตัวใหน ปันผล+ผลต่างราคาหุ้นมันได้สัก 15-20% เฉลี่ยภายในปีนึง ผมก็ซื้อทิ้งไว้....ถ้าน้อยกว่านั้น ก็ไปหาตัวอื่นเท่านั้นเองละครับ
ง่ายๆเลยนะพี่ ผมชอบหุ้นเติบโต ตอนนี้พยายามจะหาหุ้นฟื้นตัวด้วย...เพราะสังเกตดูว่า หุ้นพวกนี้ราคาจะวิ่งมาก และได้เงินจากมันมาก็เยอะสุด
ส่วนเรื่องปันผลของหุ้น แน่นอนว่า ถ้ากำไรมาก ปันผลก็เพิ่ม ราคาก็จะเพิ่มตามด้วย
และหุ้นเติบโตพอมันโตไปถึงช่วงนึง หรืออิ่มตัว ผมก็ต้องขาย เปลี่ยนตัวแล้วละครับ แต่คงไม่ใช่เก็งกำไร รายไตรมาส....แต่ถ้ารายปีนะใช่:oops:
อีกเรื่องก็คือ หุ้นเติบโต หรือฟื้นตัว ตัวนั้นๆ ต้องเจ๋งจริงๆ แบบเบอร์ 1-3 ในอุตสาหกรรมนั้นๆครับ (เพราะเคยเจ๊งไปกับตัวที่คิดว่าดี แต่ท้ายสุดมันก็ไม่ดีจริง)
สรุปง่ายๆ ถ้าหุ้นตัวใหน ปันผล+ผลต่างราคาหุ้นมันได้สัก 15-20% เฉลี่ยภายในปีนึง ผมก็ซื้อทิ้งไว้....ถ้าน้อยกว่านั้น ก็ไปหาตัวอื่นเท่านั้นเองละครับ

You only live once, but if you do it right, once is enough.
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1244
ถามพี่หมอ reiter
ณ ตอนนั้น ทำไมไม่สน SPALI แต่มาสนเสนาครับ ทั้งๆที่ตอนไครซิส ราคามันก็ต่ำพอกัน ปันผลที่ให้ก็เยอะพอกัน แถม spali ตัวเลขroa, roe น่าจะดีกว่าด้วยไม่ใช่เหรอครับ
ผมชอบแนวคิดของ low pe, แบบ จอน เนฟ มากๆเลย ไว้วันใหนเจอตัว ขอคุยนานๆเลยนะครับ
ณ ตอนนั้น ทำไมไม่สน SPALI แต่มาสนเสนาครับ ทั้งๆที่ตอนไครซิส ราคามันก็ต่ำพอกัน ปันผลที่ให้ก็เยอะพอกัน แถม spali ตัวเลขroa, roe น่าจะดีกว่าด้วยไม่ใช่เหรอครับ
ผมชอบแนวคิดของ low pe, แบบ จอน เนฟ มากๆเลย ไว้วันใหนเจอตัว ขอคุยนานๆเลยนะครับ

You only live once, but if you do it right, once is enough.
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1245
จริงๆ แล้วก็ชอบทั้งคู่นะคับ แต่ราคาตอนที่ผมสนใจ forward pe ของ spali ประมาณ 5 ครับ ในขณะที่เสนาประมาณ 4 แล้วก็อีกอย่างฟังดร เกษราพูดแล้วรู้สึกชอบผบห ครับ
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1247
MOONG ขอผลัดไปก่อนนะครับ พอดีตัวนี้ไม่เคยทำ present แบบเป็นเรื่องเป็นราวมาก่อน ต้องขอเรียบเรียงข้อมูลและแนวคิดอีกที :D :D
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1249
~_~ เริ่มมีความสุขมากขึ้นบนward~_~ ไม่รู้ทำไม
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1250
เริ่มรู้เรื่องมากขึ้นมันก็จะสนุกไปเองneo_potato_Th เขียน:~_~ เริ่มมีความสุขมากขึ้นบนward~_~ ไม่รู้ทำไม
สมัยเด็กๆ พี่ enjoy การขึ้นวอร์ดเมดมาก ตอนนั้นอะไรก็น่าเรียนรู้ไปหมด :D :D
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1251
เริ่มรู้เรื่องมากขึ้นมันก็จะสนุกไปเองreiter เขียน:neo_potato_Th เขียน:~_~ เริ่มมีความสุขมากขึ้นบนward~_~ ไม่รู้ทำไม
สมัยเด็กๆ พี่ enjoy การขึ้นวอร์ดเมดมาก ตอนนั้นอะไรก็น่าเรียนรู้ไปหมด
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1252
เริ่มรู้เรื่องมากขึ้นมันก็จะสนุกไปเองneo_potato_Th เขียน:reiter เขียน:neo_potato_Th เขียน:~_~ เริ่มมีความสุขมากขึ้นบนward~_~ ไม่รู้ทำไม
สมัยเด็กๆ พี่ enjoy การขึ้นวอร์ดเมดมาก ตอนนั้นอะไรก็น่าเรียนรู้ไปหมด
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1255
[quote="reiter"]
พี่เคยเกือบโดนฟ้องอยู่ครั้งนึง ทำเอาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพของพี่เปลี่ยนไปเลย.... สาเหตุที่พี่ตัดสินใจมาเป็น value investor ที่มุ่งมั่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนะ
ไว้เจอกันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง
พี่เคยเกือบโดนฟ้องอยู่ครั้งนึง ทำเอาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพของพี่เปลี่ยนไปเลย.... สาเหตุที่พี่ตัดสินใจมาเป็น value investor ที่มุ่งมั่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนะ
ไว้เจอกันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1256
croyoty เขียน:เป็นหมอสมัยปัจจุบัน ลำบากกว่าในอดีตมากคับ
สมัยพี่ จบใหม่ ก็ยังโอเคนะ แต่เดี๋ยวนี้ยอมรับว่า ต้องทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และเน้นการสื่อสาร ให้มากขึ้น
แต่ทีสำคัญ พี่ว่า ใช้ใจ แลกใจ กัน ก็ดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1258
[quote="Paul VI"][quote="reiter"]
พี่เคยเกือบโดนฟ้องอยู่ครั้งนึง ทำเอาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพของพี่เปลี่ยนไปเลย.... สาเหตุที่พี่ตัดสินใจมาเป็น value investor ที่มุ่งมั่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนะ
ไว้เจอกันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง
พี่เคยเกือบโดนฟ้องอยู่ครั้งนึง ทำเอาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพของพี่เปลี่ยนไปเลย.... สาเหตุที่พี่ตัดสินใจมาเป็น value investor ที่มุ่งมั่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนะ
ไว้เจอกันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1259
@paul vi
ตอนนี้อยู่liver surgeryคับ:D hepatectomyทั้งวัน~_~
ตอนนี้อยู่liver surgeryคับ:D hepatectomyทั้งวัน~_~
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1260
[quote="neo_potato_Th"][quote="Paul VI"][quote="reiter"]
พี่เคยเกือบโดนฟ้องอยู่ครั้งนึง ทำเอาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพของพี่เปลี่ยนไปเลย.... สาเหตุที่พี่ตัดสินใจมาเป็น value investor ที่มุ่งมั่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนะ
ไว้เจอกันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง
พี่เคยเกือบโดนฟ้องอยู่ครั้งนึง ทำเอาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพของพี่เปลี่ยนไปเลย.... สาเหตุที่พี่ตัดสินใจมาเป็น value investor ที่มุ่งมั่น ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนะ
ไว้เจอกันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง