wacc หาอย่างไรครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
Punch
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

wacc หาอย่างไรครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ต้องเอาค่าจากไหนของงบการเงินครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

wacc หาอย่างไรครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

•WACC หรือ Weighted Average Cost of Capital ก็คือ ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของกิจการต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ต้นทุนของเงินกู้ยืม (Cost of debt) และต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of equity)

แถม....
หน้าที่หลักของผู้บริหารการเงินก็คือ ต้องพยายามบริหาร WACC ให้มีค่าต่ำ ที่สุด ซึ่งโดยทั่วไป ต้นทุนของเงินกู้ยืม จะมีค่าต่ำกว่าต้นทุนของส่วนของ ผู้ถือหุ้นค่อนข้างมาก ดังนั้น บริษัทใดก็ตามมีโครงสร้างทางการเงินที่สามารถกู้ยืมเงินได้ในระดับที่เหมาะสมกับฐานะการเงินย่อมจะทำให้ WACC มีค่าต่ำกว่าบริษัทที่ใช้ equity ทั้งหมด
rotero
Verified User
โพสต์: 32
ผู้ติดตาม: 0

...

โพสต์ที่ 3

โพสต์

WACC เป็นการถ่วงน้ำหนักระหว่างต้นทุนเงินทุนของเจ้าหนี้
และต้นทุนของส่วนเจ้าของ สูตรคือ
WACC = Kd*Wd + Ke*We
         ซึ่ง Kd = อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังขั้นต่ำที่เจ้าหนี้ต้องการ
              Wd= สัดส่วนของหนี้สิน
              Ke  =  อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังขั้นต่ำที่เจ้าของต้องการ
              We = สัดส่วนของเจ้าของ
ลองไปซื้อหนังสือวัดมูลค่าของพี่สุมาอี้ดูครับ พี่เค้าจะอธิบายวิธีหาได้ละเอียดมาก
Punch
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

wacc หาอย่างไรครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
Verified User
โพสต์: 4526
ผู้ติดตาม: 0

Re: ...

โพสต์ที่ 5

โพสต์

[quote="rotero"]WACC เป็นการถ่วงน้ำหนักระหว่างต้นทุนเงินทุนของเจ้าหนี้
และต้นทุนของส่วนเจ้าของ สูตรคือ
WACC = Kd*Wd + Ke*We
kpboy
Verified User
โพสต์: 40
ผู้ติดตาม: 0

wacc หาอย่างไรครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สอบถามเพิ่มเติมนิดนึงครับ

คือ อยากถามว่า เราจะหาค่า market risk premiumของไทย กับ ค่า beta ของหุ้นในsetแต่ละตัว ได้จากที่ไหนบ้างครับ

และไม่ทราบว่าเวลาพี่ๆคิดค่า intrinsic value ของหุ้นแต่ละตัว เราใช้ wacc ของหุ้นแต่ละตัวมาคิด หรือว่าจะ assume ไปเลยครับว่า discount rate เป็นสัก 10% หรือ 15% เพราะผมรู้สึกว่าบางทีหุ้นในเมืองไทยมันหาค่า waccออกมาไม่ค่อยตรงมากน่ะครับ

ขอบคุณมากๆนะครับ
momoproject
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

สูตร ตกหล่นไปนะครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

สูตร wacc = wdkd (1-T) + weke

wd= หนี้สินระยะยาว / สินทรัพย์

kd = ต้นทุนของเงินกู้ เช่น ต้นทุนหุ้นกู้ของบริษัทนั้น

T = tax rate โดยแล้วแต่ประเทศ
ที่ต้องมี ตัวนี้เพราะ ถ้าเราจ่ายดอกเบี้ย  มันเป็นค่าใช้จ่ายก่อนคิดภาษี  คือเราไม่ต้องเสียภาษี  นั่นเอง


We = ส่วนของผู้ถือหุ้น / สินทรัพย์

ส่วน ke คืออัตราผลตอบแทนที่ต้องการซึ่งมีวิธีหาอยู่ 3 วิธี

1. capm = krf + ( Km - Krf )b  แต่วิธีนี้ใช้เบต้า ซึ่งเบต้านั้น เป็นการนำข้อมูลในอดีตมาคำนวน  บัฟเฟต์ เลยไม่ชอบ

2. d/p + g  คำถามคือ Growth rate มาจากไหน

3. วิธีสุดท้ายก็คือกะ ๆ เอา โดย = krf + km  คือเอาพันบัตร บวก กะส่วนชดเชย กับการลงทุนในหุ้นนั้น  กะ กะ เอา ครับ เช่น  พันธบัตร  สิบปี 8%  บวกกับ  ส่วนชดเชย  อีกสัก หก  เป็น 14%  แล้วก็ไปแทนครับ
momoproject
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

beta หาได้จากไหน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

beta   หาได้จาก bloomberg ครับ  

สำหรับ เบต้านั้นคือการนำเอาราคาของหุ้นมาเปรียบเทียบกับตลาด

นักวิชาการ รวมถึง  บัฟเฟต์  จีงค้านเพราะเป็นข้อมูลในอดีต  


บัฟเฟต์  จึงใช้ FCF/พันธบัตรสัก 10-20 ปี  ไปเลย

สูตรนี้คล้าย ๆ กับ การหา terminal value  : FCF ปีท้าย x   ( 1+ g / wacc - g )

แต่บัฟเฟต์ ให้ growth rate เป็นศูนย์  และให้ผลตอบแทนที่ต้องการ
คือเท่าพันธบัตรรัฐบาล เพราะเขาถือว่า  เขาจะลงทุนในบริษัทที่เขาเข้าใจ  จึงไม่มีความเสี่ยง

หลังจากนั้นถ้า เขาจะเพิ่มการเติบโต  เขาจะ คูณ การเติบโตเข้าไปทีหลัง

ไม่ก็เอาผลตอบแ ทนที่เราต้องการเลยก็ได้ครับ  เช่น อยากได้ 20%  ก็ใส่ไป

ดังตัวอย่าง  ถ้าบริษัท มีรายได้ปีนี้ 1oo ล้าน มีหนี้ 80 ล้าน มี 50 ล้านหุ้นและเราคิดว่าจะได้รายได้ประมาณนี้ตลอด  

ถ้าอยากได้ผลตอบแทน 10%  =  100/10% - 80 = 920  /50

ซื้อที่ 18.4 บาท  หัก mos 2/3  เหลือ 12.27


ถ้าอยากได้ผลตอบแทน 20%  =  100/20% - 80 = 420  /50

ซื้อที่ 8.4 บาท    หัก mos 2/3  เหลือ 5.6

ซึ่งราคาจะมีความเป็นไปได้แค่ไหน  ก็ขึ้นอยู่ที่เรากำหนดตัวแปรนี้แหละครับ
โพสต์โพสต์