เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เรื่องสุวรรณภูมิ airport
 
    รูปภาพ

    เรื่องจริงเหมือนกันครับ

     
   เช็ดอินที่  counter เดินเข้า  gate ต่างๆ  จะต้องผ่าน เจ้าหน้าที่ security ตรวจตั๋วผู้โดยสารอีกชั้นหนึ่งก่อน เข้าเครื่องตรวจอาวุธ

    เจ้าหน้าที่ถามผู้โดยสารต่างชาติ  "where are you going?  Show your ticket"
   
    ไปไหน  เอาตั๋วมาให้ดู

     สาวฝรั่งก็มอง ผมก็มอง ถามอย่างนี้ไม่สุภาพมาก ๆ

 ที่นี่ airport หน้าบ้านต้อนรับแขก   น่าจะฝึกเรื่องภาษาให่ดีกว่านี้  
 
This is where I am going  ฝรั่งชี้เข้าช่องทางที่จะไป  ทำหน้าแบบไม่ค่อยประทับใจ

    ประโยคที่ควรใช้น่าจะดีกว่ามาก

   "May I have your ticket please ?"

     
    ไปกินข้าวที่ร้านอาหารใน airport

   พนักงานคุยกับลูกค้าฝรั่งไม่รู้เรื่อง หันมาคุยกับเพื่อนร่วมงานเป็นภาษาอีสานบ้านเฮา แล้วก็หัวเราะคิก ๆ  ฝรั่งก็มองหน้า ทำหน้าไม่พอใจ  อยากกินอย่างนี้ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง    

    สำเนียง คน Australia  ฟังลำบากมากซะด้วยซิครับ ทำอย่างไรดีละ  

    คิดฮอดย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน รุ่นพี่คนหนึ่งมาจากเมืองไทยอายุห่างจากผม 10 ปี

    พูดไม่รู้เรื่อง แต่เพื่อนฝรั่งเยอะมาก  ขนาด  Dean ของ MBA ชมนักชมหนาว่าเก่ง  

    ผมสงสัยมาก แกพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ

   อย่างเช่น ครั้งหนึ่ง...ผมเดินไปกับแกสวนกับเพิ่อนเกาหลี แกก็พูดว่า

   "I garden you yestrerday"

  เกาหลีก็ทำหน้างง ๆ

    แกทำท่าทำทาง วิ่งไปตรงโน้น เดินมา วิ่งไปตรงนี้ เดินไป

   ผมกับเกาหลีก็หัวเราะพร้อมกัน

     garden หมายถึง "สวน" คือ เดินสวนกันละครับ

   ท่าทางแกตลก น่ารักดีครับ มิน่า เพื่อนๆ ฝรั่ง เยอะ    

      attitude สำคัญกว่าจริงๆ  
       
    กลับมาที่ Chek Lap Kok  
 
    ผมไปถามตารางเวลารถไฟ คนทำความสะอาด แก่แล้วครับ ผู้ชาย 60 up แน่นอน  เขาพูดภาษอังกฤษสำเนียง ดีมาก ๆเลยครับ จนผมตกใจมาก อธิบายชัดถ้อยชัดคำ นี่แค่คนกวาดขยะนะครับ
       
         เพือนๆ คิดว่า เราควรปรับปรุงไหมครับ

      อาทิ ให้สถาบันสอนภาษาไปตั้ง office ที่สนามบิน

       พนักงานว่าง ๆ  ก็มาอบรม

            ได้ใช้ไป เรียนไป  

        ไม่เกิน 3 เดือน อย่างนี้เก่งเร็วแน่นอนครับ

        อย่าลืมสอนเรื่อง attitude ด้วยละครับ
แผ่วเบา
Verified User
โพสต์: 391
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมก็รู้สึกนะครับว่า
ภาษาอังกฤษช่างสุภาพอะไรเช่นนั้น

ปัญหาเลยเกิดเพราะภาษาไทย
ก็จะถามกันตามธรรมดา
และเราไม่รู้สึกอะไร
เพราะเราคุ้นเคย

"where are you going?  Show your ticket"
ถ้าถามเป็นไทยก็ต้อง
คุณจะไปไหนครับ(แต่อังกฤษไม่มีครับ)
ขอดูตั๋วหน่อยครับ(ไม่มีครับอีกล่ะ)

บ้านอื่นอังกฤษก็พอๆกับเรา
อาจจะดูดีกว่าเราหน่อยหนึ่ง
แต่เกาหลี ญี่ปุ่น จีน
พอๆกับเรา
อาจจะแย่กว่าเราด้วยซ้ำ

แต่ถ้าแก้ได้
เราก็จะดูดีกว่าบ้านใกล้เรือนเคียงเยอะเลย
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

สวัสดีครับ คุณแผ่วเบา

    คุยกับคุณแผ่วเป็นครั้งแรกครับ คุณแผ่วเบาแซวแล้วรู้สึกได้ถึงความขี้เล่นที่ลุ่มลึกแต่แฝงไว้ด้วความเป็นมิตรเหมือนรู้จักกันมานาน ทำให้ผมอดคิดถึงพี่หมอศรรามสุดหล่อของผมไม่ได้

  นี่จริง ๆนะครับ ....พูดถึงเรืองภาษานะ

    ผมอยากเห้นเจ้าหน้าที่คนไทยใน airport พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงบ้านเกิดเขาเองครับ

   อย่างมาจากสุพรรณ ก็พุดอังกฤษสำเนียงสุพรรณ มาจากสุราษฏร์ ก็พูดอังกฤษสำเนียงใต้

    วิธีนี้จะทำให้คนเหล่านั้นพูดภาษาได้อย่างคุ้นเคยมั่นใจและสนุกไปด้วยทุกครั้งที่พูดครับ
แผ่วเบา
Verified User
โพสต์: 391
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

สวัสดีครับพี่โหน่ง

ผมอ่าน tvi มานานมากแล้ว
เลยรู้แนวคิดและความสามารถของเพื่อนสมาชิกพอสมควร

ถ้ามีอะไรที่ผมแซวอย่างเกินเลยไปบ้าง
ต้องขออภัยด้วยนะครับ

ผมชอบข้อเขียนของพี่โหน่งมากครับ
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมว่าคนไทยพูดภาอังกฤษ ได้นะ
เเต่เราไมรู้ว่า ระดับภาษามันอยู่ระดับไหน
อันไหนสุภาพ ไม่สุภาพ
อย่างเจอกันถาม  Where are u going ?
มันเป็นคำทักทายภาษาไทย เเต่ฝรั่งคง งง ว่าอยากรู้ไปทำไม


เมื่อก่อนก็เคยเจอคนมาถาม  How are u doing ?
ตอนนั้นผมกินข้าว ที่โรงอาหารอยู่ เลยตอบไปว่า
" Sorry, I don't know how to cook this food"
ฝรั่ง งงไปเลย......

8)  8)  8)
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

พี่ๆ ที่นี่เก่งกันหลายๆ ภาษาเลยนี่คะ

ขอแปะหน่อย ที่มาจำไม่ได้แล้ว ไว้มาให้เครดิตทีหลังนะ

10 Rules by Andrew Bigg กฏ 10 ข้อ

ข้อ 1. Forget the rule ลืมกฏซะ
นั่นคือเวลาเราพูดภาษาอังกฤษ อย่าไปพะวงเรื่องของภาษาเราจะไม่ถูกไวยากรณ์ หรือใช้กริยาผิดช่อง เพราะฝรั่งเขาไม่เข้มงวดเรื่องนี้เองเลย

ข้อ 2. Make mistake พูดผิดซะ
พูดไปเถอะครับ ไม่ต้องกลัวผิด ถ้าเราผิดฝรั่งเขาก็เข้าใจครับว่าภาษาอังกฤษเป็น ภาษาที่ 2 ของเรา เขายังยินดีช่วยแก้ให้คุณได้ ถ้าเค้าไม่แก้ให้คุณก็อย่าไปคบเขาเลย

ข้อ 3. Don't translate อย่าแปลตรงตัว
ใช่ครับภาษาไทยกับอังกฤษ ไม่เหมือนกัน ห้ามไปแปลตรงตัวเช่นบอกว่า ภาษาอังกฤษของผม งูๆปลาๆ My english is snake snake fish fish พูดแบบนี้ฝรั่งงงแน่ๆครับ หรือบอกให้เปิดทีวีว่า open the TV อันนี้ผิดอย่างแรง เครื่องใช้ไฟฟ้าเค้าต้องพูดว่า turn on the TV นะ

ข้อ 4. Keep it simple ใช้ภาษาง่ายๆ
ใช่เลย จะพูดอังกฤษ คนไทยบางคนต้องคิดเอาให้ภาษาตัวเองดูไฮโซ พยายามใช้คำยากๆแทน เช่นจะไปกินข้าวที่บ้าน I'm going to dine at my house ไม่รู้จะใช้คำนี้ทำไมครับ ใช้ eat สิครับ จบ

ข้อ 5. Could you please slow down กรุณาพูดช้าๆหน่อย
คนไทยเป็นโรคขี้เกรงใจ หรือ หน้าแตก ครับ ฟังฝรั่งไม่เข้าใจ ก็ยังฟังต่อไป ไม่บอกให้เขารู้ว่าเราไม่เข้าใจ พอเป็นแบบนี้ก็เกิดความเข้าใจผิดทีหลัง หรือเขาสั่งงานมาเราก็ทำไม่ได้เพราะฟังไม่เข้าใจ ไม่ต้องกลัวครับถ้าฟังไม่ทัน ก็ขอให้เขาพูดช้าๆลงหน่อย

ข้อ 6. Relax ทำตัวสบายๆ
คนไทยเป็นโรคเกร็งเวลาคุยกับฝรั่ง หลายคน ไม่ต้องกลัวครับฝรั่งไม่ใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน เวลาคุยกับเขา ก็หักเป็นฝ่ายซักถามหรือชวนคุยไปเลยครับ เราจะได้ผูกมิตรกับเขา แล้วหมดโรคกลัวนี้ไปได้

ข้อ 7. Listen and Copy ฟังแล้วเลียนแบบ
ผมสนับสนุนมากๆครับ คือฝึกภาษา เราต้องหัดฟังแล้วเลียนแบบ และวิธีที่ดีที่สุดที่ผมชอบคือ ฝึกภาษาอังกฤษจากหนังนั่นแหละ ฝึกฟังแล้วเลียนแบบ เราจะได้ออกเสียงเป็น เผลอๆสำเนียงดีไปในตัวด้วย จะฝึกคำหยาบ คำสบถก็ทำไปเถอะ ถ้ามันช่วยคุณได้

ข้อ 8. Guess เดา
บางครั้งเวลาอ่านภาษาอังกฤษ แล้วเราไม่เข้าใจคำศัพท์ ผมมีวิธี ที่ผมเองก็ทำประจำ คือ เดาครับ อ่านหาใจความโดยรวมของเรื่องที่เราอ่าน บางครั้งเจอคำยากๆ เราก็ลองเดาว่ามันแปลว่าอะไร

ข้อ 9. Give yourself time ให้เวลากับตัวเอง
หมายถึงให้เวลากับตัวเองในการฝึกภาษาอังกฤษ จะบ่อยจะถี่แค่ไหนก็ขึ้นกับตัวเรา ไม่ใช่เห็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็ไม่สนใจที่จะขวนขวายหรือเรียนรู้

ข้อ 10. Read read read อ่าน อ่าน และก็อ่าน
ข้อสุดท้ายคือหัดอ่านอะเป็นภาษาอังกฤษเยอะๆ เราจะได้ภาษาเข้ามาให้หัว จนบางทีเก่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตัวผมเรียนในมหาวิทยาลัยอินเตอร์ ผมอ่าน textbook ทั้งเล่มมาแล้วก็มี สิ่งที่ผมได้ ผมได้ทั้งคำศัพท์เฉพาะทางก็มีเยอะแยะ

ข้อโบนัสแถม Find a foreign friend หาเพื่อนฝรั่ง
มีเพื่อนฝรั่ง ทำให้เราได้ฝึกใช้ภาษา และมีครูที่แนะเราได้อยู่ใกล้ตัว ถ้าให้ดีและได้ผลดีที่สุดนะครับ หาแฟนฝรั่งเลยมั๊ย
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

กล้วยทอด เขียน: ข้อโบนัสแถม Find a foreign friend หาเพื่อนฝรั่ง
มีเพื่อนฝรั่ง ทำให้เราได้ฝึกใช้ภาษา และมีครูที่แนะเราได้อยู่ใกล้ตัว ถ้าให้ดีและได้ผลดีที่สุดนะครับ หาแฟนฝรั่งเลยมั๊ย
  ฝากหาด้วยคน ชอบ ๆ
  ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะค่ะ
    จากพี่ กรรเชียง
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เมื่อวานตอนเช้า 6.10 น. อยู่ดีๆก็มีการตั้ง ตม.ขึ้นมาข้างหน้า(เดือนก่อนไม่มี)
พอตรวจเสร็จ ก็บอกให้เดินผ่านไปทางนี้

เดินไป 10 นาที... มันบอกว่าด้านนี้ไม่ให้เดินมา ให้เดินกลับ

ไม่อยากใช้มัน แต่รู้สึกสรรพนามนี้สุภาพมากกว่าที่ "มัน"พูดกับคณะผู้เดินทางที่มาร่วมกับผม

ไม่ได้อยากอวดเบ่งว่าทำงานอะไร แต่รู้สึกว่า

เวาลเราให้บริการใคร เราบริการด้วยใจ
ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำเหมือนกับที่เราทำให้ญาติคนหนึ่ง

บนเครื่องบินของ บริษัท(ที่มีอยู่ไม่กี่อัน) ก็พูดจาได้เลวดี(เป็นบางคนนะ)
....สมกับที่เขาโฆษนาไว้

เคย feedback ไป

ผลก็ออกมาเหมือนเคย

....

บ่นไปก็เท่านั้นเนอะ


เอาเป็นว่า ไหนๆก็สร้างสถาณที่นี้มาเพื่อให้เป็นประโยชน์แล้ว

อยากให้ภาษีของคนไทย ทำประโยชน์สู่คนไทยมากๆอ่ะ

ติ เพื่อปรับปรุงนะครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมเป็นคนนึงที่ภาษาอังกฤษห่วยมาก  :oops:  คือฟังได้แต่พูดไม่ค่อยออก เพราะพูดแล้วกลัวว่าเราสื่อสารผิดเลยจะติด คำว่า please เพราะคิด (ไปเอง) ว่าน่าจะทำให้ประโยคที่พูดอ่อนลง

ขอบคุณ คุณกล้วยทอดสำหรับ แนวคิดดีๆ

สำหรับเรื่องที่พี่โหน่งเล่ามาผมเห็นด้วยกับที่พี่ terati20 พูดนะครับว่าเราพูดได้แต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยค ว่าคำที่พูดออกไปนั้นผู้ฟังจะรู้สึกว่าอย่างไร ความผิดน่าจะอยู่ที่ผู้บริหารนะครับที่วิสัยทัศน์ไม่ยาวพอ ซึ่งจริงๆแล้วถ้ามีการอบรมพนักงานให้รู้ถึงประโยคที่ควรหรือไม่ควรใช้ก่อนที่จะให้บริการลูกค้า ผลที่ได้คงจะดีกว่านี้
สติมา ปัญญาเกิด
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

มาหัดออกเสียง ตัว F กัน

Fox and Frog

Fred is a fox. A very furry fox.
Fred has a friend. Her name is Fran.
Fran is a frog. A very funny frog.
Fred and Fran live in the forest.

"I don't like the forest," says Fred.
"I want to live on the farm."
"The farm is very far," says Fran.
"The farm is four miles from here."

"We are fit
We can get there fast," says the fox.
"If we don't fall or get in a fix,
we can get there by five or maybe six."

The fox and the frog set off to the farm.
They cross five fields of flowers.
They cross four fields of hay.
They must go fast to get there today.

They come to a river. It's flowing fast.
"I can hop across in a flash," says the frog.
"You, Mr.Fox, can crawl across that log."
Hoppity-hop, over the rocks.
The frog is across. Now for the fox.

The fox takes few steps on the log.
He is halfway across.
His foot hits some moss.
He fall off the log.
He lands with a splash.

The fox is wet. He's freezing too.
He's tired. He's hungry.
He needs some food.

"Let's go back to the forest.
We can make a fire. We can fry a fish.
We can feed on fresh fruit.
We can sleep all day. That's what I wish.
Forget the farm. The forest is fine."


ผมชอบเล่านิทานเรื่องนี้กล่อมลูกครับ
อ่านออกเสียงไปมั่วๆ ไม่รู้ลูกจะรู้เรื่องหรือเปล่า  :oops:
Jangster
Verified User
โพสต์: 493
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ผมว่าคนไทยเนี่ยภาษาอังกฤษไม่ได้แย่หรอกครับ หากว่าตั้งใจที่จะพยายาม.... ผมสังเกตุเด็กๆนะครับว่าเวลาฝรั่งถามอะไรก็จะกลัว แถมเวลาตอบก็ติดนิสัยถามคำตอบคำ.... เช่น  "yes" หรือ "no" แล้วก็เหนียมอายหนีไป

อีกอย่างคือ ทุกๆครั้งที่ผมกลับมาจากต่างประเทศเวลาเรียน ผมก็จะได้นั่งข้างฝรั่งเสมอ... ซึ่งแน่นอน ผมก็คุยกับเค้าตามธรรมเนียมคนนั่งข้างกัน.... เค้าก็จะบอกเสมอว่าคนไทยเป็นมิตร.... ยิ้มเก่ง แต่ดูจะขี้อาย..... ผมว่าถ้าเค้ามาอยู่ไทยซักพัก เค้าก็จะชินกับคนไทยนะครับ

เพียงแค่ว่าภาษาไทยปกติพูดกันตรงๆ เค้าเลยไม่เข้าใจว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาท...... เช่น show me your ticket.... จริงๆควรจะเป็น "Sir, may i see your ticket please?"....... แน่นอน ท่าการบินคงไม่สามารถทำให้คนเก่งได้ทุกคน... แต่อย่างน้อยน่าจะหัดให้คนเติมคำว่า "Please" ต่อไปข้างหลัง.....ทำให้ดูนุ่มลงเยอะเลยครับถึงแม้จะใช้ผิด เช่น
"Show me your ticket please"

ฝรั่งเวลาสอนลูกๆให้สุภาพ (เคยเห็นลูกคุยกับแม่) ก็มีแบบนี้ครับ
child: Can i have a candy?
mom: what's the magic word?
child: can i have a candy, please?

เห็นแล้วยิ้มเลยครับ
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ไปเจอ Fwd mail ฝรั่งถามทางไป The wet .ที่ทำเอาคนไทยเจ้าของพื้นที่ มึนงง
รูปภาพ

แล้วนึกถึงอีกหลายคำ ถ้าเขียนให้ถูกหลัก...เฮ้อ...

ชื่อพ่อหลวงเรา...... King Bhumibol Adulyadej
ธัมม................... Dhamma
สิงห์................... Singha  

ยังมีอีกหลายคำ ถ้าให้เขียนเอง จะเขียนถูกไม๊คะ เช่น...
Krishna (กฤษณ) <--เคยชินกับ kris-sa-na

Vishnu (วิษณุ), <-- เคยชินกับ Vi-sa-nu

Shinawatra (ชินวัตร) <-- เคยชินกับ shin-a-wat

Srinagarindra (ถ.ศรีนครินทร์) <-- แต่ก่อนผ่านบ่อย

Suvarnabhumi airport (สนามบินสุวรรณภูมิ) <-- ไม่คุ้นเล้ย

Suwannaphum (อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด) <-- อ้าวคำเดียวกัน เขียนไม่เหมือนกันซะงั้น

ภาษาไทย ง่ายนิ๊ดด เดียว นอกนั้นยากจังค่ะ :shock:
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

8) กล้วยจ๋า
    คาร์ลอส tevez
    อ่านว่า เทเวศน์
    หรือเตเบซ อย่างที่เขาอ่านกันแน่
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

เคยเล่าไว้ในกระทู้หนึ่งแล้วเกี่ยวกับภาษาอังกฤษทับศัพท์ไทย
เนื่องจากภาษาไทยส่วนใหญ่มีต้นรากจากภาษาสันสกฤต
ซึ่งมีต้นแบบจากภาษาคฤนห์และเทวนาครีอีกที
..อุ๋ย ยิงสาวความ ชักจะลึกไป ดึงกลับมาก่อนครับ

ดังนั้นการอ่านออกเสียงเพื่อจะแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษ
ต้องอ่านให้เต็มคำ
เช่น นายอินทร์ (เอ..ชื่อคุ้น เปล่าโฆษณาหุ้นนะ หึ หึ)
ภาษาอังกฤษแบบเราๆก็จะเขียน Nai In อ่านง่าย เขียนง่าย
แต่ภาษาเขียนที่ถูกต้องจะต้องอ่านเต็มคำ คือ นาย อิน-ทะ-ระ
ฉะนั้นต้องเขียน เป็น Nai Indhara  (dh=t)


สังฆ์ - Sang = Sangha
สิงขร - Singhon = Singhara
นนท์ - Non = Nondha ( นนทบุรีกลับเขียน Nonthaburee อาศัยการอ่านเข้าใจเป็นหลัก)
เปรม - Prem = Premma
พงศ์ - Pong = Phongsa ( พ มีเสียงน้ำฟุ้งเลยต้องเพิ่ม h เข้ามา)
ภูมิ - Poom = Phoomi

ดูง่ายครับ จะลงท้ายด้วยคำสะกดสุดท้ายแล้วยืดคำยาว
จะเจอภาษาอังกฤษสะกดแบบนี้มาก
ถ้าอ่านชื่องานเขียนอินเดีย(ส่วนใหญ่เขียนเป็นภาษาสันสกฤต )
ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
ภาพประจำตัวสมาชิก
energizer
Verified User
โพสต์: 505
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องนี้ไม่แปลก เกิดขึ้นกับตัว ติดมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมว่ามันเกี่ยวกับความใฝ่รู้ของคนมากกว่าครับ ถ้ากระตุ้นให้คนใฝ่รู้ได้ เขาก็จะอยากที่จะเรียนรู้ครับ

อย่างผมไปเสม็ดมานี่ ผมอายตัวเองจริงๆเลยครับ พนักงานต้อนรับที่รีสอร์ท(ไม่หรูด้วย) กับพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น พูดกับฝรั่งได้สบายมากครับ พูดได้ดีกว่าผมอีก เพราะว่าความสามารถทางภาษาของเขาหมายถึงรายได้ที่จะมากขึ้น(คุยกับฝรั่งรู้เรื่องก็ขายดีขึ้น) ผิดกับพนักงานในสนามบินที่จะจนไฟแลบขนาดไหนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฝรั่งมันคงไม่ tip ให้เจ้าหน้าที่ที่พูดอังกฤษได้ประทับใจหรอกครับ
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

ซ้ำกับขำขำข้างบนหรือยังนะ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

อ่านมาจาก FWD mail ค่ะ

    สำหรับท่านที่ซื้อแผ่น DVD หนังต่างประเทศเถื่อน ที่ไม่ได้ copy จากแผ่นมาสเตอร์ ที่มี Subtitle ประมาณว่า ออกมาชนโรง อาจจะเคยเจอการแปลแบบแม่งๆ ดูทั้งเรื่องยังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้ว่า พูดอะไรกัน โดยเฉพาะแผ่นที่มาจากทางมาเลย์ เค้าจะใช้โปรแกรมแปลอัตโนมัติ
มามะมาลองดูว่าเขาแปลอย่างไร จะเอาตัวอย่างการแปลมั่ว ๆ มาให้ดู

1 "King Of Kondor" = เจ้าแห่งคอนโด (จาก lord of the ring)

2 "I think that's not right"=ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่ทางขวา

3 "Come on' Man. = มานี่อย่างลูกผู้ชาย

4"Where's your the head = หัวคุณอยู่ไหน

5"I'm gonna to the head =ฉันจะไปที่หัว
(สองประโยคนี้ เขาถามหาหัวหน้า)

6"Count Dooku" คำณวนดูกู ....จาก Star War : Episode II

7"Keep the change"= .ให้มันเปลี่ยนแปลง ...ตอนนี้พระเอกให้นางเอก เอาเงินทอน

8.ในฉากยิงกันของหนังเรื่องหนึ่งเพื่อนพระเอกเข้ามาช่วย
"Don't worry,I got your back.=ไม่ต้องกังวลฉันจะเอาหลังคุณ
(หนังสงครามกลายเป็นหนังเกย์แล้วครับ)

9.ตอนหนึ่งในหนัง Black howk down ฮ.โดนยิง
"Mayday!Mayday!,We got to the hit. = วันแรงงาน! วันแรงงาน! เราถูกตี
(อันนี้เจอเองกะตา ตูจะบ้าตายกะมัน)

10" I 'll kick your ass" = ฉันจะเป็นเมียแก
(นางเอกหมกมุ่นซะแล้ว)

11.จาก Notting Hill ........" time for bed" = ขึ้นเตียงกันเถอะ
(หมกมุ่นกันหนักทุกที ไม่มันก็ผมแหละ)

12.Do you want to take a shower?
(คุณอยากจะแสดงอะไรให้ผมดูไหม)

13.Come on = มาบน

14.อันนี้สุดยอดมากเลยครับ
( Can you hear me?)=กระป๋อง คุณได้ยินฉันไหม
"คนบ้าอะไร คุยกับกระป๋อง"

Happy papa 's day bye bye ค่ะ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
โพสต์โพสต์