ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 91

โพสต์

ประเด็นต่อมา
พี่หวีจ๋า...พระธรรมที่ระบุไว้ในพระไตรปิฏกน่ะ ก็เกิดมาจากความเห็นของคนๆนึง(ในที่นี้เชื่อกันต่อๆมาว่า คือของพระพุทธเจ้า)
หรือในความเป็นจริง น่าจะกล่าวได้ว่า เป็นความเห็นของไม่ใช่แค่คนนึง แต่เป็นของหลายๆคน ที่บันทึกเข้าไปอย่างสืบต่อๆกันมา(ย่อมมีเพิ่มนู่น ตัดนี่ ไรต่างๆ)

ซึ่งสาระที่ท่านบันทึกลงไปในนั้น ล้วนแต่เอาความเห็นเข้าไปจับหาสาระนั้นๆ
สำหรับผม ผมไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่
(ถ้าเรียกพี่หวีขาอาจจะเห็นด้วย 555)

ผมเชื่อว่าสิ่งซึ่งพระพุทธองค์ทรงค้นพบคือสิ่งที่เราเรียกว่า "สัจธรรม"
ไม่ว่าพระองค์ท่านจะทรงค้นพบหรือไม่ก็ยังเป็นความจริงอยู่เช่นนั้นเอง
ธรรมมะของพระพุทธเจ้าจึงไม่มีวันล้าสมัย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่เรียกสิ่งที่พระองค์ท่านทรงสั่งสอนว่าเป็น "ความเห็น"

ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะดับขันธ์ปรินิพพานนั้น พระองค์ทรงตรัสว่า
"ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้ และบัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่าน สืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไปแล้ว"

ครั้นแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักขอเตือนพวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลก มีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็นประโยชน์แก่ตน และคนอื่น ให้สำเร็จบริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด"


ผมเชื่อว่าหลังจากนั้น ด้วยความเกรงว่าพระธรรมที่ท่านได้ทรงสั่งสอนไว้จะสูญสลายหายไป หรือมีความผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา

จึงได้มีการรวบรวมกันขึ้น ผ่านการสังคายนามาหลายต่อหลายสมัย
ทั้งนี้จุดประสงค์หลักก็เพื่อพยายามรักษาคำสอนให้คงเดิมที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดังนั้น พระธรรมที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎก จึงไม่ใช่ข้อความที่เกิดจาก "ความเห็น" จากพระหลายๆรูป แต่ประการใด

(ผมไม่ได้คิดเอาเอง ผมอ่านจากผลงานของปราชญ์ด้านศาสนาพุทธที่ได้ศึกษาเอาไว้)

ผมขีดเส้นใต้ไว้เพราะว่าใครจะไม่เชื่อเหมือนผมก็ได้
และสิ่งที่ผมเชื่ออาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ผมเชื่อว่ามันถูกและสอดคล้องกับความเป็นจริง
"Winners never quit, and quitters never win."
macarian
Verified User
โพสต์: 384
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 92

โพสต์

พี่พอใจ พี่เจ๋ง พี่สายลับ และทุกท่าน
จะมาบอกว่าจะไปอยู่วัดภัททันตะอาสภาราม
ที่บ้านบึงอ่ะ
ตอนแรกว่าจะไปนู่น สกลนู่น
แต่ว่ามันไกลจัด ที่บ้านไม่ค่อยอยาก
พอดีเจออาจารย์ท่านนึง
ท่านพาไปคุยกะหลวงพ่อที่วัดมหาธาตุ
หลวงพ่อท่านบอกว่าถ้าสนใจจริงก็แนะนำที่นี่
เคร่งดี เริ่มตั้งแต่ตีสามครึ่ง :shock:

คุยๆกับท่านท่านว่าที่ผ่านมาของผมเป็นแนว "สมถะ"
แต่ที่นี่จะเป็นสติปัฎฐานสี่ แนวพี่สายลับเลย
ผมก็เลย เออน่าสนแฮะ ก็ว่าจะเอาซะหน่อย

อยากถามนี๊ดนึงครับ
พี่ๆ ไปนั่งไปปฎิบัติเนี่ยคนรอบข้างเขาเข้าใจไหมครับ
คือคนรอบข้างผมเขาถามว่า "เป็นไรเปล่า"
แต่คนที่ถามนี่ไม่เคยบวชหรือนั่งมาก่อนนะ
ผมก็ว่าไม่ได้เป็นไรหรอก
เวลาตีแบดนะ บางจังหวะมันต้องแย๊บแล้ว
แต่เพราะร่างกายไม่ฟิตน่ะ เลยต้องเข้าไปหยอดหรือโยนแทน
คนเล่นคู่มันเห็นเลย ว่าร่างกายนาย "ช้า"
ไอ้นี่เรื่องจิต เรื่องสติ ก็คล้ายๆกันอ่ะ
ผมรู้ว่าทำไม ผมถึงจะไปนั่ง
แต่เขาไม่ค่อยเข้าใจอ่ะ
เขากลัวผมไปไม่กลับ ฮ่าฮ่าฮ่า
อะไรมันจะขนาดน๊าน...จ๊ะ

แค่อยากถามว่า พวกพี่ๆทำไงครับ
พยายามอธิบาย หรือ เอ่อ เงียบๆดีกว่า

ผมก็อธิบายนะ แต่ดูเหมือนว่า
มันยิ่งไปทำเขางงใหญ่
แค่เริ่มคำว่า ขันธ์5 เวทนา อะไรพวกนี้
ก็สร้างความงุนงงและเป็นห่วงซะแล้ว :lol:
แมนยู โรม่า ลิสบอน เคี๊ยฟ
หมาป่าสู้สู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 93

โพสต์

8) จะอธิบายให้ใคร ก็ให้จำแนกคนซะก่อน
    ดูว่าเป็นบัวระดับไหน
    พอแยกได้แล้ว ก็เลือกอธิบายได้ ตามความเหมาะสม
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 94

โพสต์

ค่ะ พี่หวี เอาตามนั้นก็ได้ค่ะ  :D

...........................................

พี่ macarian ...

พี่จะไปสายไหน ก็สุดแล้วแต่พี่ค่ะ (มันอยู่ที่ถูกจริตกะพี่มั้ย ซึ่งพี่ต้องลองดูค่ะ)

จะอธิบายคร่าวๆก่อน ว่า จริงๆ ในสติปัฐฐานสี่ คือจะประกอบด้วย อาณาปานสติทั้ง 16 ขั้นค่ะ
ซึ่งในกรณีแบบที่ดิฉันใช้ปฏิบัติ นั่นก็มีสมถะร่วมอยู่ด้วยนะคะ แล้วขั้นท้ายๆจึงจะเข้าสู่วิปัสสนาล้วนๆ โดยเฉพาะในหมวดสุดท้าย คือ ธัมมานุปัสสนาสติปัฐฐาน

ในสูตรอาณาในแบบที่ พุทธทาสแนะนำ (หรือเข้าใจว่าเป็นสูตรมาตรฐานทั่วไปนั่นเอง) ถ้าทำความเข้าใจในสูตรนั้น จะพบว่า มีการผสมผสาน ระหว่าง สมถะ และ วิปัสสนา อย่างลงตัว

คำว่าลงตัว ในความเห็นดิฉัน หมายถึงว่า เป็นสูตรมาตรฐาน ซึ่งหมายถึง มันเหมาะสมพอดีๆ กะทุกระดับบัว(ผู้ปฏิบัติ) หรือว่าง่ายๆ มันอยู่กลางๆระหว่างความยากง่าย สำหรับคนทั่วไปเฉลี่ยกัน

วิธี สมถะ อธิบายง่ายๆ ภาษาบ้านๆคือ ใช้วิธีใดใดที่เข้าไปทำให้จิตสงบระงับได้ด้วยวิธีการ กระทำ ในที่นี้เช่น การบังคับลม การบังคับให้เกิดนิมิต การบังคับจิตให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ บังคับลม ให้ลมไปบังคับกาย ให้กายบังคับจิต ...ทำนองนี้

วิธี วิปัสสนา มีหลักการต่างออกมา คือ การใช้ปัญญา การรอบรู้เป็นรากฐานของการรู้แจ้ง ในที่นี้คือ เข้าใจ และ พิจารณาถึง ไตรลักษณ์(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

(พี่ลอง กลับไปอ่านที่ดิฉันโพสท์ ในกระทู้ หัดทำสมาธิของพี่ก้อนหิน ก่อนก็ได้ค่ะ จะเห็นว่ามันสอดประสานกันอยู่ ทั้งสองวิธี)

ที่ว่า ลงตัว ดิฉันอยากให้ลองนึกภาพตามแบบนี้ค่ะ
สมมติ เราอยากจะฝึกโยคะ แต่ไม่เคยเรียนมาก่อน ไม่เคยมีพื้นฐานใดใด ในทำนองว่า เคยฝึกให้ตัวอ่อนมาก่อน อย่างนี้เราควรต้องเริ่มจากท่าพื้นฐานง่ายๆ ...ดัดให้เส้นสายต่างๆ กระดูกกระเดียวไร มันพริ้ว มันเหมาะควรแก่การจะเรียน โยคะ ...ถูกมั้ยคะ นั่นล่ะ ทำนองนั้นเลยค่ะ


ทีนี้ ที่ว่ามันเหมาะสม มันพอดีๆ ใช้ได้กะพวกบัวในทุกระดับทั่วไป(คือหมายถึงบัวที่ปริ่มๆหรือพ้นน้ำมาแล้วหน่อยๆ ก็ยังใช้ได้)
ก้เพราะว่า ในขั้นที่กำหนดจนเกิดปีติสุขอย่างธรรมได้เองแล้ว (พวกเส้นยึดอาจบอกว่าขั้นนี้ยากแล้ว แต่พวกเส้นพริ้วอาจบอกว่าขั้นนี้หมู) ก็จะต้องปฏิบัติในขั้นยากกว่า คือ ต้องกำราบการยึดปีติสุข(อันแสนหวานนั้น)ให้หมดสิ้นไป
ซึ่งพวกเส้นพริ้ว ชักเริ่มรู้ว่า ไม่หมูมากนักแล้ว
แล้วพอกำราบให้จิตอันดื่มด่ำในสุขนั้น ให้มันสงบระงับลงได้ ก็ยังต้องฝึกดูและทำความเข้าใจในจิตประเภทต่างๆว่า มันมีมากมายกี่แบบ
แล้วจากนั้น ยังต้องกลับมาทดลองซ้ำอีก ให้กำหนดให้เกิดปีติปราโมทย์อีกรอบ แต่คราวนี้ ต้องฝึกบังคับพวงมาลัยด้วย คือ บังคับให้คงอยู่ บังคับให้ตั้งมั่น ว่า เมื่อใดก้ได้ เท่าไรก็ได้
...จนกว่าจะ นิ่ง จนถึงขั้นที่สุดของความนิ่ง คือความว่าง เป็นความนิ่ง อย่างถึงที่สุด.....นี่ กว่าจะมาถึงปากประตู ของหมวด ธัมมานุปัสสนา ....มันก็เล่นเอาหอบแห่กๆ  :lol: ต้องปลุกปล้ำกันสนุกสนานอย่างนี้ จนกว่าจะขับขี่ได้คล่องแคล่วอย่างแท้จริง...ถึงจะเข้าสู่หมวดสุดท้ายได้............


ทีนี้ บางท่าน ที่มั่นใจว่า ฉันเป็นคนไม่ชอบติดยึด ฉันไม่สนใจในอารมณ์ ความรู้สึก ซักเท่าไรอยู่โดยกมลสันดานเดิม อยู่โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แล้วฉันก็รู้ว่า จิตต่างๆทั้งหลาย ล้วนไม่เที่ยงแท้ ...อะไรทำนองนี้
เขาก็ลัดมาจ่ออยู่ที่ ปากทางของ ธัมมานุปัสสนา ได้เลยก็ได้ คือสามารถหยิบอาวุธ ไตรลักษณ์ มาใช้การได้เลย
เดินไปไหนก็ อนิจจัง ไปไหนก็ ทุกขัง ไปไหนๆก็ อนัตตา ...

คำว่า ไม่ยึดติด มันเป็นคำง่ายๆ ซิมเปิ้นๆอีซี่ๆโซๆเพลนๆ ล่ะ ว่าได้งั้น
มันเป็นคำที่เข้าใจความหมายได้ง่ายมากๆ แต่ทำจริงๆได้ยากแสนเข็ญ

ลองฟังตย.นี้ดู....
มีพระสงฆ์รูปนึง ไปฝึกปฏิบัติที่วัดท่านพุทธทาส แล้วก็มีกล้องไปถ่ายรูปไว้(ก็ไม่แปลกล่ะ ไว้เป็นที่ระลึกมั้ง)
แล้วคนที่วัดก้เยอะแยะ แล้วกล้องท่านก็หาย ท่านก็มาหาพุทธทาส เพื่อแจ้งว่า นี่นะ กล้องหายล่ะ

ท่านพุทธทาส ก็พูดแค่ประโยคสั้นๆ...."มีมาก ก็แบ่งคนอื่นเขาใช้บ้าง"

ไม่ต่างนักกะเวลาที่ เราทำบุญ ทำทาน...เราทำเพราะอยากได้บุญ หรือ ทำเพราะจะฝึกการ ปล่อยวาง....อันนี้ใครก็ตอบแทนไม่ได้ นอกจากตัวเราเอง

เช่นกัน เราปฏิบัติภาวนา เราทราบของเราเอง ว่าเราทำไปเพื่อคาดหวังจะได้เป็นนั่นเป็นนี่ ...หรือเราทำไปเพื่อจะไปสู่ทางแห่งการหลุดพ้นจากวัฏฏะ



:bow:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 95

โพสต์

อ้าว ลืมตอบคำถามค่ะ ...ทั้งปีอ่า  :lovl:
พี่ๆ ไปนั่งไปปฎิบัติเนี่ยคนรอบข้างเขาเข้าใจไหมครับ
คือคนรอบข้างผมเขาถามว่า "เป็นไรเปล่า"
ธรรมดาค่ะ ก็เจอแบบนี้อยู่พอสมควร
คนทั่วไป เขายึดถือว่า คนที่หันหน้าเข้าหาวัดหรือหาธรรม (ตามความเข้าใจของเขา) ก็คือว่า คงเป็นคนที่เจ็บป่วย เจ็บปวด (บางท่านอาจมีความเห็นบิดเบี้ยวไปถึงขนาดว่า ไอ้นี่เพ้อ ใกล้บ้า :lol: )

จริงๆ คนที่ยังยึดมั่นอย่างสูงในอารมณ์ทุกข์ (หรืออารมณ์อื่นๆก็ตาม) ไม่มีสติเพียงพอ ที่จะค้นหาทางแห่งความสงบหรอก...เพราะต้องรอจนกว่า อาการติดยึดในอารมณ์มันจางคลายก่อน สติจึงเกิดได้ แล้วปัญญาถึงจะตามมาได้

ที่เขายังไม่เข้าใจ ก็อาจเป็นได้ที่ เขาเองยังไม่จางคลายในอาการติดยึดใดใดนั้น ...มองว่าไม่แปลกอะไรค่ะ คนเราเกิดมากี่ปี เจอะเจอสะสมเรื่องราวมากมาย ให้เกิดสำคัญมั่นหมายใดใด ตามแต่ระดับกันเรื่อยมา ...มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะจางคลายจากการยึดถือนั้นๆ

แค่อยากถามว่า พวกพี่ๆทำไงครับ
พยายามอธิบาย หรือ เอ่อ เงียบๆดีกว่า

ผมก็อธิบายนะ แต่ดูเหมือนว่า
มันยิ่งไปทำเขางงใหญ่
แค่เริ่มคำว่า ขันธ์5 เวทนา อะไรพวกนี้
ก็สร้างความงุนงงและเป็นห่วงซะแล้ว
ข้อนี้ ขอลอกการบ้านพี่พอใจเลยค่ะ... :lol:
จะอธิบายให้ใคร ก็ให้จำแนกคนซะก่อน
   ดูว่าเป็นบัวระดับไหน
   พอแยกได้แล้ว ก็เลือกอธิบายได้ ตามความเหมาะสม

ทีนี้ เพิ่มเติมนิดค่ะ...
ไอ้เรื่องที่ว่า เขาจะเข้าใจหรือไม่ เป็นประเด็นใหญ่หลวงหรืออย่างไร
ประเด็นว่า เขาจะเข้าใจมั้ย แค่ไหน อย่างไร ...มันมีอิทธิพลกรุ้มรุมจิตใจเรา หรือไม่....นั่นคือ ประเด็นที่สำคัญกว่า


นี่...ฝึกจิต มันฝึกได้ตลอดเวลา ตลอดไปกะทุกสถานการณ์ ตลอดทุกเรื่องราว ตลอดทุกทั่วตัวคน สัตว์ และสิ่งของ...
:wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 96

โพสต์

8) ครับน้องสายลับ
    ทุกวันนี้ก็คอยพยายามรักษา จิต ของผมให้มันนิ่งๆทุกวัน ทุกเวลา
    ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่อิจษยา  ไม่ร้อนอกร้อนใจ ให้มันมากมายนัก
    เกิดมาหวังว่าทำได้แค่นี้  ก็ มีความสุขพอประมาณ
   
    แถมช่วงนี้เพลาๆเบียร์ไปได้ รู้สึกแจ่มใสกว่าปกติ
    ตอนหยุดก็พูดเงี้ย
    เมื่อก่อนตอนกิน ใครถาม ทำไมถึงกิน
    ก็บอกว่าชอบความรู้สึกมึนๆ
    แต่หยุดไงๆก็ดีกว่าครับ  เพราะรักษาศีล5ได้ครบถ้วน ในรอบหลายๆปีทีเดียว
    จริงๆแล้วก็ไม่ได้ยึดติดอะไรนัก
    เมื่อไรอยากกลับไปกินอีก ก็คงหาเหตุผลได้อีก...ฮ่า.....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 97

โพสต์

ค่ะ พี่(ป๋า :lol: )พอใจ
เวลาหยุดเมา ทุกอย่างก็จะเป็นภาพที่เคลียร์ขึ้น
ทีนี้ บางคนก็ไม่ค่อยชอบเห็นภาพที่เคลียร์ จึงบางครั้ง พยายามทำให้ หรือชอบให้เกิดภาพที่มัวๆหน่อย

ที่กล้าวิจารณ์คนเมา เพราะตนเองมีช่วงเวลานึงเช่นกัน ที่หลงไหล คลั่งไคล้ในอาการเมา เที่ยวราตรี เคล้าเสียงเพลง และโลกแห่งฝันในยามยังตื่น

แล้วก็เป็น ประเภท มาวม่ายกลับ มิใช่แค่พวกจิบเพื่อแจ่ม แต่ประการใด  :oops:
จึงคิดว่า ตนก็สามารถแสดงความเห็นเรื่อง คนเมา ได้ใกล้เคียงพอควรค่ะ :lol:

ทุกวันนี้มันเบื่อไปเอง หยุดดื่มเที่ยว นานมาแล้ว แต่ก็มิใช่ว่าจะแตะต้องมิได้ นานๆเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็จะสามารถนั่งจิบเพื่อแจ่มได้บ้าง หากมีเหตุอันสมควรแก่ทางสังคมโลก (แต่ก็ไม่บ่อยนักค่ะ น้อยมาก ประเภทเพื่อนซี้จัดๆมันบังคับให้ไป งี้ก็ไปพอทำเนา ให้เพื่อนมันได้คลายเหงาปาก,อ่ะ โยนให้เพื่อนซะ :lol: , อาจจะปีละ 1-2ครั้ง ไม่น่าจะเกิน)

แต่เมื่อไป ก็ไม่ได้รู้สึกชมชอบในบรรยากาศแห่งการร่ำสุรา เหมือนครั้งยังวัยมันส์ อีกแล้ว มันเป็นไปเอง คงเพราะทราบแล้วว่า เจ้าภาพมัวๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น อย่างแท้จริง

คนไม่ชอบภาพที่เคลียร์ จึงทำให้ภาพมัว เรื่องมันแค่นั้น

ไม่ชอบนี่ก็อาจมาจากหลายสาเหตุ แต่ละปัจจัยของแต่ละคนไป
ไม่ชอบนี่ก็อาจจะไม่ใช่ตลอดเวลา แต่เป็นเพียง ไม่ชอบให้มีภาพเคลียร์อยู่ตลอดเวลา
ไม่ชอบ อาจไม่ใช่รังเกียจ แต่อาจแค่เบื่อ แค่เหงา แค่ไม่กล้า แค่กลัว แค่อยากสนุก แค่อยากลดความรู้สึกสำนึกลงเสียบ้างในบางโอกาส อะไรต่างๆ...

แต่บางคนนี่ ก็มีนะ ที่ไม่ชอบ ไม่อยาก รังเกียจ แม้นบางทีถึงขนาดเจ็บปวด เมื่อต้องปล่อยให้ภาพเคลียร์... อย่างนี้น่าจะเรียกทุกข์หนัก แล้วก็ยิ่งพยายามทำทุกทาง ทุกเวลา ให้ภาพมัวอยู่ตลอด ตามที่กำลังจะทำได้...อย่างนี้คงเรียกได้ว่า จิตป่วยหนักในระดับหนึ่งแล้ว

หากทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ว่า ความมัว ไม่ได้ช่วยให้หลีกหนีอะไรได้ อย่างแน่นอนถาวร และแท้จริง ...ก็จะค่อยๆ ลดความอยากหนีภาพเคลียร์ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ก็จะสามารถ ไม่เบื่อ ไม่เหงา กล้า ไม่กลัว สนุก และแม้นไร้ยึดติดในสำนึกใดใด ได้อย่างธรรมดาๆ โดยไม่ต้องทำให้มันมัวเสียก่อนก็ย่อมได้

ความสุข มีอยู่เองตามธรรมดาอยู่แล้ว โดยไม่ต้องไปพยายามฝืนทำให้มันมี
และหากมันจะไม่มี ไปฝืนทำอย่างไร มันก็ยังคงไม่มีอยู่อย่างนั้น

แต่การจะหยุดการทำให้ภาพมัว ก็อาจต้องให้เวลา แหมนะ ก็ลงทุนกะมันมาซะเนิ่นนานแล้ว :lol:  จะให้หยุดได้อย่างง่าย ก็คงลำบาก เข้าใจค่ะ
ดื่มบ้าง หยุดบ้าง ก็แล้วแต่ ค่อยๆใส่สติลงไปในการกระทำ ดิฉันว่าก็จะเข้าใจมันได้เองในที่สุดแหละ นิ  :wink:


:D  :D  :D
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 98

โพสต์

007-s เขียน:แต่ก็มิใช่ว่าจะแตะต้องมิได้ นานๆเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็จะสามารถนั่งจิบเพื่อแจ่มได้บ้าง หากมีเหตุอันสมควรแก่ทางสังคมโลก (แต่ก็ไม่บ่อยนักค่ะ น้อยมาก ประเภทเพื่อนซี้จัดๆมันบังคับให้ไป งี้ก็ไปพอทำเนา ให้เพื่อนมันได้คลายเหงาปาก,อ่ะ โยนให้เพื่อนซะ :lol: , อาจจะปีละ 1-2ครั้ง ไม่น่าจะเกิน)
โว้ว... พี่สายลับ
ไว้ปีหน้าเรามาจิบเบียร์ถกปริศนาธรรมกันมั้ยครับ
ข้ามมาง่ายนิดเดียวอ่ะ
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 99

โพสต์

[quote="007-s"]ที่กล้าวิจารณ์คนเมา เพราะตนเองมีช่วงเวลานึงเช่นกัน ที่หลงไหล คลั่งไคล้ในอาการเมา เที่ยวราตรี เคล้าเสียงเพลง และโลกแห่งฝันในยามยังตื่น

แล้วก็เป็น ประเภท มาวม่ายกลับ มิใช่แค่พวกจิบเพื่อแจ่ม แต่ประการใด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 100

โพสต์

8) พระพุทธเจ้าท่านว่าปริยัติมี 3 อย่าง

1.  อลคัททูปมปริยัติ (ปริยัติเปรียบด้วยอสรพิษร้าย)
2.  นิสสรณัตถปริยัติ (ปริยัติเพื่อประโยชน์แก่การสลัดออก)
3.  ภัณฑาคาริกปริยัติ (ปริยัติเปรียบด้วยขุนคลัง)

ในอรรถาธิบายนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านว่า อลคัททูปมปริยัติ อุปมาดั่งบุรุษผู้มีความต้องการงูพิษมีพิษร้าย  เมื่อจะจับก็ไปจับเอาข้างหาง งูมันก็แว้งกัดเอาแม้นไม่ตายในที่นั้นก็จะได้แต่ทุกข์ทรมานเจียนตาย อันว่าโมฆบุรุษก็เป็นเช่นนี้ อุตส่าห์ลำบากยากเย็นเรียนพระธรรมวินัยแต่ก็มิได้ใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมด้วยปัญญา พึงแต่จะเอาสิ่งที่เรียนไปทะเลาะโต้เถียงผู้อื่นหวังแต่จะให้ชนะด้วยคารม โมฆบุรุษเหล่านั้น ล้วนมีการโต้แย้งเป็นอานิสงส์ ย่อมไม่ได้ประโยชน์โภชผลเสวยผลแห่งธรรมนั้นเลย

แต่หากเล่าเรียนพระธรรมวินัยด้วยหวังซึ่งความบริบูรณ์แห่งศีล สมาธิ ปัญญา วิชชา จรณะ เป็นต้นนั้น นับเป็น นิสสรณัตถปริยัติ เล่าเรียนเพื่อการสลัดออก ย่อมเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้นั้น

ในส่วนพระขีณาสพผู้ทำนิโรธให้แจ้งแล้ว มีธรรมไม่กำเริบอันแทงตลอดแล้ว ย่อมเรียนปริยัติเพื่อรักษาประเพณี  เพื่อรักษาวงศ์ รักษาพระพุทธศาสนา จึงได้ชื่อว่า ภัณฑาคาริกปริยัติ (ปริยัติเปรียบด้วยขุนคลัง)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 101

โพสต์

ที่จริง ผมอ่านความเห็นพี่สายลับ ก็กลัวๆ อยู่ครับ ให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า :| จะว่าไปในอดีตก็มีจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจจะแย้งเพราะไม่เห็นประโยชน์แห่งการกระทำเช่นนั้น จะอย่างไรผมก็เห็นว่าพี่สายลับมีเจตนาดีแต่ก็อดขยาดครั่นคร้ามมิได้ :|  :|  :|

เรื่องความเห็นนั้นผมขอยกนี่มาให้ดูนะครับ :pray:
                        มหาสมยสุตฺตํ  
      [๒๓๕]   เอวมฺเม  สุตํ  ฯ  เอกํ  สมยํ  ภควา  สกฺเกสุ  วิหรติ  
 กปิลวตฺถุสฺมึ    มหาวเน    มหตา    ภิกฺขุสงฺเฆน   สทฺธึ   ปญฺจมตฺเตหิ  
 ภิกฺขุสเตหิ   สพฺเพเหว   อรหนฺเตหิ   ฯ  ทสหิ  จ  โลกธาตูหิ  เทวตา  
 เยภุยฺเยน   สนฺนิปติตา   โหนฺติ   ภควนฺตํ   ทสฺสนาย   ภิกฺขุสงฺฆญฺจ  ฯ  
 อถโข   จตุนฺนํ   สุทฺธาวาสกายิกานํ  เทวานํ  (๑)  เอตทโหสิ  อยํ  โข                  #(๑) ม. เทวตานํ ฯ
 ภควา   สกฺเกสุ   วิหรติ   กปิลวตฺถุสฺมึ   มหาวเน  มหตา  ภิกฺขุสงฺเฆน  
 สทฺธึ    ปญฺจมตฺเตหิ   ภิกฺขุสเตหิ   สพฺเพเหว   อรหนฺเตหิ   ทสหิ   จ  
 โลกธาตูหิ   เทวตา   เยภุยฺเยน  สนฺนิปติตา  โหนฺติ  ภควนฺตํ  ทสฺสนาย  
 ภิกฺขุสงฺฆญฺจ    ยนฺนูน    มยมฺปิ    เยน    ภควา   เตนุปสงฺกเมยฺยาม  
 อุปสงฺกมิตฺวา   ภควโต   สนฺติเก   ปจฺเจกคาถํ  (๒)  ภาเสยฺยามาติ  ฯ                 #(๒) ปายโต เอวํ ฯ ปจฺเจกคาถาติปิ ปาเฐน ปน ภวิตพฺพํ ฯ ม.   ปจฺเจกํ คาถํ ฯ  
 อถโข   ตา   เทวตา   เสยฺยถาปิ   นาม   พลวา   ปุรโส  สมฺมิญฺชิตํ  
 วา   พาหํ   ปสาเรยฺย   ปสาริตํ   วา   พาหํ  สมฺมิญฺเชยฺย  เอวเมว  
 สุทฺธาวาเสสุ  เทเวสุ  อนฺตรหิตา  ภควโต  ปุรโต  ปาตุรหํสุ  ฯ  อถโข  
 ตา   เทวตา   ภควนฺตํ   อภิวาเทตฺวา  เอกมนฺตํ  อฏฺฐํสุ  ฯ  เอกมนฺตํ  
 ฐิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ  
      [๒๓๖] มหาสมโย ปวนสฺมึ  
              เทวกายา สมาคตา  
             อาคตมฺห อิมํ ธมฺมสมยํ  
            ทกฺขิตาเยว (๑) อปราชิตสงฺฆนฺติ ฯ                                              #(๑) ม. ยุ. ทกฺขิตาเย ฯ
      [๒๓๗] อถโข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ  
            ตตฺร ภิกฺขโว สมาทหํสุ  
            จิตฺตํ อตฺตโน อุชุกมกํสุ  
            สารถีว เนตฺตานิ คเหตฺวา  
            อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตาติ ฯ  
      [๒๓๘] อถโข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ  
            เฉตฺวา ขีลํ เฉตฺวา ปลีฆํ  
            อินฺทขีลํ โอหจฺจมเนชา (๒)                                                         #(๒) ม. ยุ. อูหจฺจมเนชา ฯ
            เต จรนฺติ สุทฺธา วิมลา  
            จกฺขุมตา สุทนฺตา สุสูนาคาติ (๓) ฯ                                              #(๓) ม. ยุ. สุสุนาคาติ ฯ  
      [๒๓๙] อถโข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ  
            เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส  
            น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ (๔)                                                      #(๔) สพฺพตฺถ ปายโต อปายนฺติ ปาโฐ ทิสฺสติ ฯ  
            ปหาย มานุสํ เทหํ  
            เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตีติ ฯ  
      [๒๔๐]   อถโข   ภควา   ภิกฺขู  อามนฺเตสิ  เยภุยฺเยน  ภิกฺขเว  
 ทสสุ   โลกธาตูสุ   เทวตา   สนฺนิปติตา   โหนฺติ   ตถาคตํ   ทสฺสนาย  
 ภิกฺขุสงฺฆญฺจ    เยปิ   เต   ภิกฺขเว   อเหสุํ   อตีตมทฺธานํ   อรหนฺโต  
 สมฺมาสมฺพุทฺธา    เตสมฺปิ   ภควนฺตานํ   เอตปรมาเยว   (๑)   เทวตา            #(๑) ม. เอตํปรมาเยว ฯ
 สนฺนิปติตา   อเหสุํ   เสยฺยถาปิ   มยฺหํ   เอตรหิ   เยปิ  เต  ภิกฺขเว  
 ภวิสฺสนฺติ     อนาคตมทฺธานํ     อรหนฺโต    สมฺมาสมฺพุทฺธา    เตสมฺปิ  
 ภควนฺตานํ  เอตปรมาเยว  (๒)  เทวตา  สนฺนิปติตา  ภวิสฺสนฺติ เสยฺยถาปิ      #(๒) ม. เอตํปรมาเยว ฯ
 มยฺหํ    เอตรหิ    อาจิกฺขิสฺสามิ    ภิกฺขเว    เทวกายานํ    นามานิ  
 กิตฺตยิสฺสามิ    ภิกฺขเว    เทวกายานํ   นามานิ   เทสิสฺสามิ   ภิกฺขเว  
 เทวกายานํ   นามานิ   ตํ   สุณาถ  สาธุกํ  มนสิกโรถ  ภาสิสฺสามีติ  ฯ  
 เอวมฺภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ ฯ ภควา เอตทโวจ  
      [๒๔๑] สิโลกมนุกสฺสามิ          ยตฺถ ภุมฺมา ตทสฺสิตา  
            เย สิตา คิริคพฺภรํ              ปหิตตฺตา สมาหิตา ฯ  
            ปุถู สีหาว สลฺลีนา             โลมหํสาภิสมฺภุโน  
            โอทาตมนสา สุทฺธา          วิปฺปสนฺนมนาวิลา (๓) ฯ                        #(๓) ยุ. วิปฺปสนฺนามนาวิลา ฯ
            ภิยฺโย ปญฺจสเต ญตฺวา       วเน กาปิลวตฺถเว  
            ตโต อามนฺตยิ สตฺถา         สาวเก สาสเน รเต  
            เทวกายา อภิกฺกนฺตา          เต วิชานาถ ภิกฺขโว  
            เต จ อาตปฺปมกรุํ             สุตฺวา พุทฺธสฺส สาสนํ ฯ  
            เตสมฺปาตุรหุ ญาณํ           อมนุสฺสาน ทสฺสนํ  
            อปฺเปเก สตมทฺทกฺขุํ         สหสฺสํ อถ สตฺตรึ ฯ  
            สตํ เอเก สหสฺสานํ            อมนุสฺสานมทฺทสุํ  
            อปฺเปเกนนฺตมทฺทกฺขุํ        ทิสา สพฺพา ผุฏา อหุํ ฯ  
            ตญฺจ สพฺพํ อภิญฺญาย       ววกฺขิตฺวาน (๑) จกฺขุมา       #(๑) ววตฺถิตฺวานาติ วา ปาโฐ ฯ
            ตโต อามนฺตยิ สตฺถา        สาวเก สาสเน รเต  
            เทวกายา อภิกฺกนฺตา         เต วิชานาถ ภิกฺขโว  
            เย โวหํ กิตฺตยิสฺสามิ         คิราหิ อนุปุพฺพโส ฯ  
            สตฺตสหสฺสา ว (๒) ยกฺขา     ภุมฺมา กาปิลวตฺถวา           #(๒) ม. เต ฯ
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต (๓)      วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน        #(๓) สี. ยุ. สพฺพตฺถ ชุตีมนฺโต ฯ  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            ฉสหสฺสา เหมวตา            ยกฺขา นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            สาตาคิรา ติสหสฺสา          ยกฺขา นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            อิจฺเจเต โสฬสสหสฺสา       ยกฺขา นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            เวสฺสามิตฺตา ปญฺจสตา       ยกฺขา นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            กุมฺภีโร ราชคหิโก             เวปุลฺลสฺส นิเวสนํ  
            ภิยฺโย (๑) นํ สตสหสฺสํ       ยกฺขานํ ปยิรุปาสติ ฯ              #(๑) ภีโยติปิ ปาโฐ ฯ
            กุมฺภีโร ราชคหิโก             โสปาค สมิตึ วนํ ฯ  
      [๒๔๒] ปุริมญฺจ ทิสํ ราชา        ธตรฏฺโฐ ปสาสติ  
            คนฺธพฺพานํ อาธิปติ           มหาราชา ยสสฺสิ โส ฯ  
            ปุตฺตาปิ ตสฺส พหโว          อินฺทนามา มหพฺพลา (๒)        #(๒) อฏฺฐกถายํ สพฺพวาเรสุ มหาพลาติ ปาโฐ ฯ
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            ทกฺขิณญฺจ ทิสํ ราชา         วิรูโฬฺห ตปฺปสาสติ (๓)         #(๓) ม. ยุ. ตํ  ปสาสติ ฯ อิโต ปรํ อีทิสเมว ฯ  
            กุมฺภณฺฑานํ อาธิปติ          มหาราชา ยสสฺสิ โส ฯ  
            ปุตฺตาปิ ตสฺส พหโว         อินฺทนามา มหพฺพลา  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            ปจฺฉิมญฺจ ทิสํ ราชา         วิรูปกฺโข ปสาสติ  
            นาคานํ อาธิปติ                มหาราชา ยสสฺสิ โส ฯ  
            ปุตฺตาปิ ตสฺส พหโว         อินฺทนามา มหพฺพลา  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            อุตฺตรญฺจ ทิสํ ราชา          กุเวโร ตปฺปสาสติ  
            ยกฺขานํ อาธิปติ                มหาราชา ยสสฺสิ โส ฯ  
            ปุตฺตาปิ ตสฺส พหโว         อินฺทนามา พหพฺพลา  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทนานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            ปุริมทิสํ ธตรฏฺโฐ           ทกฺขิเณน วิรูฬฺหโก  
            ปจฺฉิเมน วิรูปกฺโข          กุเวโร อุตฺตรํ ทิสํ  
            จตฺตาโร เต มหาราชา      สมนฺตา จตุโร ทิสา  
            ททฺทลฺลมานา (๑) อฏฺฐํสุ      วเน กาปิลวตฺถเว ฯ                  #(๑) ททฬฺหมานาติปิ ปาโฐ ฯ
      [๒๔๓] เตสํ มายาวิโน ทาสา       อาคู (๒) วญฺจนิกา สฐา          #(๒) ม. อาคค ฯ สี. ยุ. อาคค ฯ อิโต ปรํ อีทิสเมว ฯ  
            มายา กุเฏณฺฑุ เวเฏณฺฑุ (๓)   วิฏู (๔) จ วิฏุโฏ (๕) สห        #(๓) มา. วิเฏณฺฑุ ฯ (๔) ม. ยุ. วิฏุจฺจ ฯ (๕) ยุ. วิฏุจฺโจ ฯ
            จนฺทโน กามเสฏฺโฐ จ       กินฺนุฆณฺฑุ (๖) นิฆณฺฑุ จ ฯ          #(๖) ม. กินฺนิ ฆณฺฑุ ฯ  
            ปนาโท โอปมญฺโญ จ        เทวสุโต จ มาตลิ  
            จิตฺตเสโน จ คนฺธพฺโพ       นโฬราชา ชโนสโภ (๗)            #(๗) ม. ยุ. ชเนสฺสโภ ฯ
            อาคู (๘) ปญฺจสิโข เจว      ติมฺพรู สุริยวจฺฉสา (๙) ฯ         #(๘) ม. อาคา ฯ ยุ. อาคุ ฯ   (๙) สี. ยุ. สุริยวจฺจสา ฯ  
            เอเต จญฺเญ จ ราชาโน       คนฺธพฺพา สห ราชุภิ  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            อถาคู (๑๐) นาภสา นาคา    เวสาลา สห ตจฺฉกา               #(๑๐) ม. อถาคค ฯ ยุ. อถาคุ ฯ เอวมีทิเสสุ ปเทสุ ฯ  
            กมฺพลสฺสตรา อาคู          ปายาคา สห ญาติภิ  
            ยามุนา ธตรฏฺฐา จ         อาคู นาคา ยสสฺสิโน  
            เอราวโณ มหานาโค        โสปาค สมิตึ วนํ ฯ  
      [๒๔๔]   เย นาคราเช สหสา หรนฺติ  
              ทิพฺพา ทิชา ปกฺขิ วิสุทฺธจกฺขู  
              เวหายสา (๑) เต วนมชฺฌปตฺตา                                     #(๑) สี. ยุ. เวหาสยา ฯ
              จิตฺรา สุปณฺณา อิติ เตส นามํ  
              อภยนฺตทา นาคราชานมาสี  
              สุปณฺณโต เขมมกาสิ พุทฺโธ  
              สณฺหาหิ วาจาหิ อุปวฺหยนฺตา  
              นาคา สุปณฺณา สรณมกํสุ พุทฺธํ ฯ  
            ชิตา วชิรหตฺเถน           สมุทฺทํ อสุรา สิตา  
            ภาตโร วาสวสฺเสเต        อิทฺธิมนฺโต ยสสฺสิโน ฯ  
            กาลกญฺชา มหาภิสฺมา (๒)     อสุรา ทานเวฆสา               #(๒) สี. ยุ. มหาภึสา ฯ
            เวปจิตฺติ สุจิตฺติ จ          ปหาราโท นมุจี สห ฯ  
            สตญฺจ พลิปุตฺตานํ           สพฺเพ เวโรจนามกา  
            สนฺนยฺหิตฺวา พลึ เสนํ (๓)     ราหุภทฺทมุปาคมม             #(๓) ม. พลิเสนํ ฯ  
            สมโยทานิ ภทฺทนฺเต         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
      [๒๔๕] อาโป จ เทวา ปฐวี จ      เตโช วาโย ตทาคมม  
            วรุณา วารุณา (๔) เทวา     โสโม จ ยสสา สห ฯ            #(๔) ม. วารณา วารณา เทวา ฯ  
            เมตฺตากรุณากายิกา            อาคู เทวา ยสสฺสิโน  
            ทเสเต ทสธา กายา            สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            เวณฺฑู (๑) จ เทวา สหลี จ   อสมา จ ทุเว ยมา                #(๑) ม. เวณฺฑุ เทวา สหลิ จ ฯ
            จนฺทสฺสูปนิสา เทวา          จนฺทมาคู ปุรกฺขิตา ฯ  
            สุริยสฺสูปนิสา เทวา          สุริยมาคู  ปุรกฺขิตา  
            นกฺขตฺตานิ ปุรกฺขตฺวา        อาคู มนฺทวลาหกา  
            วสูนํ วาสโว เสฏฺโฐ          สกฺโก ปาค (๒) ปุรินฺทโท ฯ     #(๒) ม. ปาคา ฯ
            ทเสเต ทสธา กายา           สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            อถาคู สหภู เทวา          ชลมคฺคิสิขาริว  
            อริฏฺฐกา จ โรชา จ        อุมฺมาปุปฺผนิภาสิโน  
            วรุณา สหธมฺมา จ          อจฺจุตา จ อเนชกา  
            สูเลยฺยรุจิรา อาคู          อาคู วาสวเนสิโน ฯ  
            ทเสเต ทสธา กายา        สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            สมานา มหาสมานา         มานุสา มานุสุตฺตมา  
            ขิฑฺฑาปทูสิกา (๑) อาคู       อาคู มโนปทูสิกา (๒)          #(๑) ม. ขิฑฺฑาปโทสิกา ฯ  (๒) ม. มโนปโทสิกา ฯ
            อถาคู หรโย เทวา            เย จ โลหิตวาสิโน  
            ปารคา มหาปารคา          อาคู เทวา ยสสฺสิโน ฯ  
            ทเสเต ทสธา กายา          สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            สุกฺกา กรุมฺหา (๓) อรุณา     อาคู เวฆนสา สห ฯ            #(๓) ม. กรุมฺภา ฯ
            โอทาตคยฺหา ปาโมกฺขา      อาคู เทวา วิจกฺขณา  
            สทามตฺตา หารคชา         มิสฺสกา จ ยสสฺสิโน  
            ถนยํ อาคา (๔) ปชุนฺโน      โย ทิสา อภิวสฺสติ ฯ            #(๔) เยภุยฺเยน อาคูติ  ปาโฐ ทิสฺสติ ฯ
            ทเสเต ทสธา กายา           สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            เขมิยา ตุสิตา ยามา           กฏฺฐกา จ ยสสฺสิโน  
            ลมฺพิตกา (๕) ลามเสฏฺฐา     โชตินามา จ อาสวา           #(๕) ม. ยุ. ลมฺพีตกา ฯ  
            นิมฺมานรติโน อาคู            อถาคู ปรนิมฺมิตา ฯ  
            ทเสเต ทสธา กายา           สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            อิทฺธิมนฺโต ชุติมนฺโต         วณฺณวนฺโต ยสสฺสิโน  
            โมทมานา อภิกฺกามม         ภิกฺขูนํ สมิตึ วนํ ฯ  
            สฏฺเฐเต เทวนิกายา           สพฺเพ นานตฺตวณฺณิโน  
            นามนฺวเยน อาคญฺฉฉ         เย จญฺเญ สทิสา สห  
            ปวุตฺถชาติมกฺขีลํ (๑)         โอฆติณฺณมนาสวํ                   #(๑) ม. ปวุฏฺฐชาติมลิลํ ฯ สี. ยุ. ปวุตฺถชาตึ อขิลํ ฯ
            ทกฺเขโมฆตรํ นาคํ          จนฺทํว อสิตาติตํ (๒) ฯ              #(๒) อสิตาติคนฺติ วา ปาโฐ ฯ  ยุ. อสิตาติกํ ฯ
      [๒๔๖] สุพฺรหฺมา ปรมตฺโต จ        ปุตฺตา อิทฺธิมโต สห  
            สนงฺกุมาโร ติสฺโส จ        โสปาค สมิตึ วนํ ฯ  
            สหสฺสพฺรหฺมโลกานํ          มหาพฺรหฺมาภิติฏฺฐติ  
            อุปปนฺโน ชุติมนฺโต          ภิสฺมากาโย ยสสฺสิ โส ฯ  
            ทเสตฺถ อิสฺสรา อาคู        ปจฺเจกวสวตฺติโน  
            เตสญฺจ มชฺฌโต อาคา (๓)    หาริโต ปริวาริโต ฯ           #(๓) ปายโต อาคูติ ปาโจ ทิสฺสติ ฯ
            เต จ สพฺเพ อภิกฺกนฺเต      สินฺเท (๔) เทเว สพฺรหฺมเก      #(๔) ม. สอินฺเท ฯ ยุ. สอินฺทเทเว ฯ  
            มารเสนา อภิกฺกามิ         ปสฺส กณฺหสฺส มนฺทิยํ ฯ  
            เอถ คณฺหถ พนฺธถ          ราเคน พนฺธมตฺถุ โว  
            สมนฺตา ปริวาเรถ          มา โว มุญฺจิตฺถ โกจิ นํ ฯ  
            อิติ ตตฺถ มหาเสโน         กณฺหเสนํ อเปสยิ  
            ปาณินา ตลมาหจฺจ          สรํ กตฺวาน เภรวํ ฯ  
            ยถา ปาวุสฺสโก เมโฆ       ถนยนฺโต สวิชฺชุโก  
            ตทา โส ปจฺจุทาวตฺติ        สงฺกุทฺโธ อสยํวเส (๕) ฯ         #(๕) สี. ยุ. วสี ฯ
            ตญฺจ สพฺพํ อภิญฺญาย         ววกฺขิตฺวาน (๖) จกฺขุมา        #(๖) ม. ววตฺถิตฺวาน ฯ  
            ตโต อามนฺตยิ สตฺถา        สาวเก สาสเน รเต  
            มารเสนา อภิกฺกนฺตา        เต วิชานาถ ภิกฺขโว  
            เต จ อาตปฺปมกรุํ          สุตฺวา พุทฺธสฺส สาสนํ ฯ  
            วีตราเคหิ ปกฺกามม          เนสํ โลมมฺปิ ํ(๑) อิญฺชยุํ          #(๑) ม. โลมาปิ ฯ  
            สพฺเพ วิชิตสงฺคามา         ภยาตีตา ยสสฺสิโน  
            โมทนฺติ สห ภูเตหิ          สาวกา เต ชเนสุตาติ ฯ  
                    มหาสมยสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ สตฺตมํ ฯ  
:bow:  :bow:  :bow:  :pray:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 102

โพสต์

มหาสมยสูตรนี้เป็นสูตรที่ผมชอบมากเพราะเป็นคาถาประพันธ์มีความไพเราะ พระสงฆ์องค์เจ้าท่านก็นิยมสวด ในงานมงคลก็นิยมสวด ในมนต์พิธีนั้นจะมีเพียง สฏฺเฐเต เทวนิกายา นั้นลงมาจนจบเท่านั้น

จุดมุ่งหมายสำคัญที่ยกมาให้ดูคือ อยากให้สังเกตที่หมายเหตุ พระไตรปิฎกบาลีปกติจะเป็นแบบนี้เพราะคัดลอกกันมายาวนาน บางทีอักขระที่บันทึกไว้เกิดพร่าเลือนหมองมัวไปตามกาลเวลา พอย้อนมาดูภายหลังก็เกิดไม่แน่ใจขึ้นมาว่าต้นฉบับเดิมเป็นยังไงแน่ พระท่านจึงหมายเหตุเอาไว้ หาได้เอาความเห็นส่วนตัวเข้าจับว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แล้วปรับแก้พระไตรปิฎกตามอำเภอใจไม่ นานวันเข้ามันก็ยุ่บยั่บไปหมดอย่างที่เห็น แทบจะไม่มีหน้าใดเลยที่ไม่มีหมายเหตุ

ต้นฉบับถูกรักษาไว้ในภาษาบาลีซึ่งนับเป็นภาษาที่ตายแล้ว ต่างกันกับฉบับแปลเป็นสยามภาษาที่คนเขาก็ยังใช้กัน ผมได้ลองอ่านทั้งพระไตรปิฎกฉบับแปล 25 พุทธศตวรรษ ที่พิมพ์มา 80 เล่ม และฉบับแปลเฉลิมพระชมน์พรรษา 5 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันมี 45 เล่ม เพียงผิวเผินก็เห็นชัดว่าสำนวนต่างกันแม้จะแปลห่างกันเพียงไม่กี่สิบปี หากว่าสำนวนแปลครั้งสมัยอยุธยามาก็เห็นจะแปลกประหลาดพิสดารออกไปมากยิ่งขึ้นอีก

อันว่าภาษาดิ้นได้ แต่บาลีนั้นไม่ดิ้นเพราะถือว่าตายแล้ว พระไตรปิฎกภาษาไทยนั้นมิได้ห้อยหมายเหตุมากมายอย่างต้นฉบับเพราะผู้แปลท่านเห็นว่าเนื้อความควรเป็นอย่างไรก็จะแปลเอาอย่างนั้นไว้ การที่พระสาวกมีศรัทธาปสาทะแลอุตสาหะในอันจะชำระพระไตรปิฎก ยอยกพระพุทธศาสนาท่านย่อมทราบดีว่าการใดควรไม่ควร ที่จะประมาทอาจหาญตู่เอาความคิดความเห็นส่วนตัวยัดเข้าไปเป็นพุทธพจน์นั้นไม่มี ด้วยความที่ท่านเป็นสาวกเป็นพุทธบุตรย่อมยำเกรงพระศาสดา ในอันที่จะกระทำการหยาบช้าไม่เกรงนรกจะกินกบาลนั้นไม่มี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 103

โพสต์

เมื่อครั้งหลังที่พระโมคคัลลีปุตตติสสะเถระเจ้าประมวลซึ่งกถาวัตถุขึ้นภายหลังก็เกรงจะมีข้อแย้ง แต่ปวาทะก็สิ้นสุดลงได้ด้วยว่าพระศาสดาทรงตั้งมาติกาเอาไว้แล้ว แม้นพระโมคคัลลีปุตตติสสะเถระจะประมวลความขึ้นภายหลังก็นับว่าความเป็นเช่นเดียวกันอันนับว่าเป็นพุทธพจน์

แม้พระสูตรทั้งหลายอันเราท่านทราบดีว่าล้วนขึ้นต้นด้วย เอวมฺเม สุตํ ที่ว่า เอวมฺเม สุตํ นั้นย่อมเป็นคำของพระอานนทเถระเจ้า แต่เนื้อความตามมาทั้งหลายก็นับเป็นพุทธพจน์

ความเป็นมวยวัดนั้นผมก็เข้าใจแต่ก็เกรงกลัวขนลุกขนพองอยู่ไม่น้อย :| อุปมาดังว่า เด็กวัด อยู่วัดมาแต่เล็กแต่น้อย หลวงปู่หลวงตาที่อยู่ในวัดนั้นก็เมตตาชุบเลี้ยงรักใคร่เอ็นดู ตัวเด็กนั้นก็รักดีมิใช่เป็นคนใจบาปหยาบช้า ถึงวันพระวันอุโบสถก็เข้าไปฟังเทศน์ฟังธรรม หาได้หลงผิดคิดทะนงตนว่าตนเก่งตนดีฟังธรรมมาแต่น้อยย่อมรู้แจ้งพระธรรมดีกว่าผู้อื่นไม่ แต่ว่าเด็กก็เป็นเด็ก ที่จะทะลึ่งทะโมนบ้างก็เป็นปรกติวิสัย เห็นหลวงปู่หลวงตารักใคร่เอ็นดูตนก็เกิดทะโมนไปหยอกล้อเล่นหัวท่าน ความที่ว่าหลวงปู่หลวงตาท่านเป็นพระอริยะเจ้า ทำนิโรธธรรมให้แจ้งแล้ว ผลร้ายนั้นจะไปอยู่ไหนเสียก็คงไปตกเอากับเด็กวัดนั้นเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 104

โพสต์

อย่างที่กล่าวแล้วนะครับว่าผมเห็นเสมอว่าพี่สายลับมีเจตนาดี :D ผมเองก็ชอบอ่านที่สายลับโพส ถึงผมกล่าวอะไรไปพี่สายลับก็คงไม่โกรธ แต่อ่านอันก่อนนี่กลัวจริงๆ จึงขอระบายความกลัวเสียหน่อย :|

สำหรับพุทธศาสนิกชนทุกท่านนะครับ เราไปวัดฟังเทศน์ฟังธรรม อารธนาศีล อารธนาธรรม บทหนึ่งเราก็ว่า ขอถึงซึ่งพระพุทธเป็นสรณะ ขอถึงซึ่งพระธรรมเป็นสรณะ ขอถึงซึ่งพระสงฆ์เป็นสรณะ แม้ครั้งที่สองที่สามก็ยืนยันซ้ำไปว่าขอถึงซึ่งพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะ ครั้นออกวัดมาเราก็วิจารณ์พระพุทธเจ้าว่าท่านเอาความคิดความเห็นส่วนตัวของท่านมากล่าว วิจารณ์พระธรรมว่าก็แค่นั้นเอง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใครก็รู้ วิจารณ์พระสงฆ์ว่าบกพร่อง สืบพระไตรปิฎกมาไม่ดีหนำซ้ำยังเอาคิดความเห็นส่วนตัวยัดเยียดเข้าไปในพระไตรปิฎกอีกด้วย

ตอนทำวัตรเย็นเราก็ก้มกราบแล้วว่า

กาเยน วาจาย  ว เจตสา  วา
พุทฺเธ  กุกมฺมํ  ปกตํ  มยา ยํ
พุทฺโธ  ปฏิคฺคณฺหตุ  อจฺจยนฺตํ
กาลนฺตเร สงฺวริตุ  ว พุทฺเธ


แม้พระธรรมพระสงฆ์ เราก็ก้มกราบแล้วว่าคล้ายๆ กันนี้ เสร็จสรรพออกจากวัดมาเราก็ยังล่วงละเมิดพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ด้วยกาย วาจา ใจ เหมือนเดิม
ผีเข้าผีออกอะไรจะปานนั้นหนอ :la:

สำหรับพี่ๆ ทั้งหลายที่นับถือศาสนาอื่น นับถือพระศาสดาองค์อื่นก็ถือว่าอ่านผ่านๆ ละกันนะครับ ที่ผมกล่าวทั้งหมดนี้นั้นก็ล้วนแล้วแต่กล่าวด้วยความไม่สบายใจ แลด้วยความสยดสยองขนลุกขนพองเป็นอาทิ ทั้งนี้ผมมิได้มีเจตนาจะว่าใคร เพียงแต่อยากระบายความหวาดกลัวของตนประกอบกับอยากให้พี่ท่านทั้งหลายสำรวมระวังในการกล่าวถึงพระรัตนตรัยเอาไว้ให้มากเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 105

โพสต์

ท่านขงจื่อ กล่าวว่า ถ้อยคำมิอาจสื่อความลึกล้ำของภาษา ภาษามิอาจสื่อความลึกล้ำของความหมาย

แต่ครั้งปฐมเทศนาภายหลังจากพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วนั้น พระองค์อธิบายที่ว่ารู้ ว่าพระองค์รู้อย่างไรแก่พระปัญจวัคคีย์โดยใช้ศัพท์ถึง 5 คำ ว่า รู้ด้วยจักษุ รู้ด้วยญาณ รู้ด้วยปัญญา รู้ด้วยวิชชา รู้ด้วยอาโลโก ในจตุราริยสัจโดยรอบ 3 มีอาการ 12

เพียงแต่ความหมายของคำว่ารู้พระองค์ยังต้องใช้ถึง 5 คำ

ข้อจำกัดแห่งภาษาก็เป็นเช่นนี้ แม้ปราชญ์ทางโลก รอบรู้เรื่องทางโลกเป็นอย่างดี ศึกษามามากมาย รู้หมดว่าลัทธินั้นว่าอย่างนั้น นิกายนั้นว่าอย่างนี้ สำนักอาจารย์ท่านนั้นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ปัญญาความรู้เหล่านั้นจะพ้นไปจากสุตตมยปัญญาแลจินตมยปัญญาหาได้ไม่ จะเทียบได้อย่างไรกับภาวนามยปัญญาอันลึกซึ้ง

ที่บ่นๆ มาก็มิใช่อะไรหรอกครับ เพียงแต่จะอธิบายที่ว่าหลายๆ อย่างที่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับพี่สายลับ แต่ก็ไม่ได้แย้งนั้น ติดด้วยว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้เห็นอะไรมากมายไปกว่าคนอื่นจึงไม่กล้ามาวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะเรื่องพระธรรมวินัย ชะรอยจะเป็นว่าผมเป็นพวก อลคัททูปมปริยัติ เล่าเรียนไปก็เพียงเพื่อจะเอาชนะคะคานผู้อื่นด้วยถ้อยคำ เป็นโมฆบุรุษอันสั่งสอนมิได้ :lol:
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 106

โพสต์

:pray:
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 107

โพสต์

HVI เขียน: คำสั่งสอนของพระพรหมคุณาภรณ์ที่ผมเลื่อมใส ท่านกล่าวว่า
การปฏิบัติควรตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้
และระวังจะยึดติดในความไม่ยึดติด
สาธุ สาธุ สาธุ ครับพี่หวี :pray:  :pray:  :pray:

ผมนั้นวาสนาน้อยด้วยว่าขยาดแขยงแขงขน อุปนิสัยส่วนตัวก็ชั่วร้าย ว่ายากสอนยาก เกรงกลัวจะผิดพระวินัย ไม่ยังศรัทธาปสาทะแก่ใครกลับจะยังความเสื่อมเสียมาให้บวรพระพุทธศาสนา ตั้งแต่เกิดมาก็ยังมิเคยได้บวชเรียนกับใครเขา
ทุกวันนี้ปากเสียเป็นปกติ หลังๆ มาก็พยายามระงับอาการวิจารณ์หุ้นชาวบ้านเขาเสียๆ หายๆ มัวแต่เพ่งโทษผู้อื่น โทษตนมองไม่เห็น :lol:

พี่หวีดีกว่าผมเยอะครับ บวชเรียนก็เคยมาแล้ว
ปักกลดนอนป่าช้าก็เคยมาแล้ว ผมยังไม่เคยเลย อยากไปมั่งหงะ :lol:
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 108

โพสต์

Ryuga เขียน:ปักกลดนอนป่าช้าก็เคยมาแล้ว ผมยังไม่เคยเลย อยากไปมั่งหงะ :lol:
ก่อนหน้านี้อาจจะเขียนให้ชวนเข้าใจผิดไปนิดนึง
ที่เคยพูดว่าลองแนวๆนี้ สถานที่ไม่ใช่ป่าช้านะครับ
เป็นป่าเหมือนกันแต่เป็นป่าโปร่ง อยู่บนเขาแถบภาคอิสาน

ปกติก็นอนกุฏิแต่เย็นวันนั้นเกิดอารมณ์ฮึกเหิมในธรรม
เราก็เดินขึ้นภูคนเดียวช่วงเย็นๆ พร้อมอุปกรณ์

อุปกรณ์ก็มีเสื่อผืนหมอนใบ เอ๊ย
เสื่อผืน กลด + มุ้ง ไฟฉายแล้วก็เทียน
เช้ามาก็ลงมาบิณฑบาตรตามปกติ

ไม่ใช่การบวชพระนะครับ เป็นการบวชเณร
การบวชเณรครั้งนั้นรู้สึกคล้ายๆกับการผจญภัยวัยเด็ก
ได้นอนถ้ำ นอนป่า นอนเขา อยู่หน้าผา ต้องไต่บันไดลิงขึ้นไปเพื่อไปบิณฑบาตร
ทางเดินไปบิณฑบาตรก็เต็มไปด้วยก้อนกรวด เท้าบางๆของเราพอสัมผัสทีก็แทบสะดุ้ง
ป่าแถวภูกระดึง แถวน้ำหนาว ก็ได้ไปครับ
ได้เดินทางข้ามภูเขาเป็นลูกๆ
ได้สัมผัสวัตรปฏิบัติของพระสายวัดป่า สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ฉันอาหารมื้อเดียว ฉันเฉพาะในบาตร

เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและสงบมากช่วงหนึ่งของชีวิตครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 109

โพสต์

ขอบคุณค่ะ พี่หวี และ พี่ริว

พี่ริว อย่าได้เป็นห่วงไปเลย อีกทั้งไม่ต้องหวาดกลัว อย่าได้แขยงแขงขนใดใด

ทำตัวสบายสบาย ทำใจสบายสบาย

หากพี่ริว ใจสยองอันเนื่องจากมาเป็นห่วงดิฉัน ต้องขออภัยอย่างมากด้วยค่ะ
ก็ต้องขอบอกว่า หากดิฉันเป็นเหตุให้ใจพี่ริวกังวล จิตของพี่ริวสั่นคลอน ก็จะพยายามระวังการแสดงออกที่ไปสะกิดใจพี่ริว(รวมทั้งท่านอื่นๆ) ให้มากขึ้นก็แล้วกันค่ะ  :D

หากการห่วงใยดิฉัน ทำให้พี่ริวทุกข์ใจ ได้โปรดอย่าห่วงนะคะ
ทำใจสบายๆค่ะ ไม่มีไรต้องเป็นห่วงนะคะ ขอบคุณมาก

:bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 110

โพสต์

Ryuga เขียน:
มัวแต่เพ่งโทษผู้อื่น โทษตนมองไม่เห็น :lol:
8) พี่ริวไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคร้าบ
    หุ้นที่พี่ว่า ผมอ่านแล้วออกจะน่ารัก
    อ่านไปขำไป แต่ก็ระวังไปด้วย
   
    เรื่องความรู้ในโลกหล้านี้
    เราเองก็เหมือนคนที่เดินเข้าป่าอเมซอนไป
    เดินทั้งชีวิตก็คงไม่รู้จักทั้งป่าไปได้
    อาศัยความรู้ในการเดินป่าบ่อยๆ
    ก็คงพาตัวรอดออกมาได้
    แต่ความรู้ที่ว่าก็แตกฉานไม่เท่าเทียมกันในแต่ละอย่าง
    บางคนเก่งเรื่องพืช บางคนเก่งเรื่องสัตว์
    บางคนเก่งในน้ำ บางคนเก่งบนบก
    ป่ามันใหญ่ ความรู้มันเยอะ ก็ว่ากันไป
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 111

โพสต์

sunny เขียน: พี่อ่านไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็นยังคะ
ตัวเองอ่านแล้ว .... :?:
อ่า ลืมตอบอีกแย้ววว (ทั้งปี  :lol: )ขออภัยค่ะ

อ่านแล้วค่ะ ส่วนที่น่าสนใจตามความเห็นดิฉัน ของหนังสือเล่มนี้ คือ การที่นำเอาการปฏิบัติธรรม มาเทียบเคียงให้เห็นในรูปแบบ แนววิทยาศาสตร์ ค่ะ

สำหรับดิฉันนั้น ก็จะชอบอ่านหลายๆเล่ม เจอเล่มไหนน่าสนใจ ก็จะหามาอ่านไปเรื่อยๆ

และที่ถึงขณะนี้ยังคงจัดให้เป็นเล่มที่ชอบที่สุดสำหรับตัวดิฉันเอง คือ ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม ของพุทธทาส ค่ะ

แล้วก็ยังรวมไปถึง ท่านอื่นๆ ก็ชื่นชอบที่จะหามาอ่านอยู่เนืองๆ อาทิ อย่างของท่าน กฤษณมูรติ นี่ก็เป็นอีกคนนึงที่ดิฉันชอบอ่านค่ะ ดิฉันชอบวิธีการพูดคุย ถามตอบ และแนวการคิด การมองโลก ของท่าน

ท่านโอโช ก็อ่านแล้วชอบ ท่านนี้ออกจะเปรี้ยวปรี๊ดอยู่บ้าง

ถ้าพี่ซันนี่ ชอบแนววิทยาศาสตร์ ก็ลองอ่านควบคู่ไปกะ หนังสือแนววิยาศาสตร์ ก็จะสนุกไม่ใช่น้อย
เช่นเล่ม ประวัติย่อของกาลเวลา นี่ก็อ่านแล้วสมองขมวดหยักๆยิกๆไปเลยทีเดียว  :lol:
หรือ ก็เล่ม จักรวาลหนึ่งในอะตอม ของท่าน ทะไลลามะที่ 14 เล่มนี้ท่านอิงการศึกษาแนววิทยาศาสตร์อยู่ตลอดเล่ม


:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Eyore
Verified User
โพสต์: 606
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 112

โพสต์

post ครั้งเดียว กระทู้ยาวไปอีกหน้า อิอิ

ความเห็นผมนะ
อันว่าการบรรลุโสดาบันนั้น ประกอบไปด้วยการละสังโยชน์เบื้องต้น 3 ประการ ดังที่พี่หวีว่า

1. สักกายทิฐิ ความสำคัญว่าเราเป็นกาย เราเป็นใจ
2. ศีลลัพผัสปรามาส มีศีลแบบไม่รู้เหตุผล ถือโชคลาง
3. วิจิกิจฉา สงสัย ทำให้ใจ ผัวผันอยู่กับความสงสัย

ผู้ที่ละวิจิกิจฉาได้นั้น ย่อมไม่มีความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย
ไม่ลังเลสงสัยใน พระพุทธเจ้า ในความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ไม่ลังเลสงสัยใน ธรรมะ อันเป็นความจริงแท้ (ยังไม่พูดถึงพระไตรปิฏกนะครับ)
ไม่ลังเลสงสัยใน พระอริยสงฆ์

เมื่อไม่มีความลังเลสงสัย ย่อมไม่มีการนับถือสิ่งต่างๆตามกันโดยปราศจากเหตุผล
(ศีลลัพผัสปรามาส)
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ย่อมเกิดมาจากการละความเห็นเรื่องสักกายทิฐิให้ได้เสียก่อน

อันว่า เรื่องพระไตรปิฏกนั้น
ผู้ที่เคยอ่านงานของท่านพุทธทาสแล้ว
มักมีความเห็นเป็นสองทาง
หนึ่ง คือเห็นว่าท่านพุทธทาสนั้นเป็นมิจฉาทิฎฐิ เพราะไม่เชื่อพระไตรปิฏก
สอง คือเห็นด้วยว่าพระไตรปิฏกนั้นเชื่อถือไม่ได้

ทั้งสองทางนี้ ล้วนเป็นทางสุดโต่งทั้งสองฝ่าย
ท่านพุทธทาส แสดงธรรมตรงกลางระหว่างทางสุดโต่งทั้งสองฝ่ายนั้น

ถ้าอ่านงานท่านพุทธทาสมากๆเข้า จะสังเกตุได้ว่า
ท่านพุทธทาสนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องพระไตรปิฏกอย่างชนิดที่หาคนมาเทียบเคียงได้ยาก
แม้ท่านจะชี้แจงว่าพระไตรปิฏกนั้นอาจมีการแต่งเติมมาตลอด 2500 ปี
แต่ท่านไม่เคยปรามาสพระพุทธเจ้า
ไม่เคยปรามาสพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้


ที่ท่านทำเช่นนั้นได้ เพราะท่านไม่มีความยึดมั่นในตัวตนของท่านแล้ว
ท่านไม่มีความลังเลสงสัยในข้อธรรมที่ได้บรรลุแล้ว
จึงไม่ได้ยึดติดกับสิ่งที่เขียนไว้ในตำราที่ถือต่อๆกันมา
เพราะทุกอย่างที่นำมาสอนนั้น ออกมาจากใจของท่านเองแล้ว
จึงไม่ต้องอ้างอิงตำราใดๆ จึงสามารถวิพาษ์ตำราได้

อันพวกเรา ที่ยังไม่พ้นน้ำ
มิได้มีสิ่งอันใดอยู่ภายในเพียงพอที่จะแสดงออกมาได้
จึงไม่เป็นการสมควรที่จะ พูด หรือแสดงความคิดเห็น ไปในทางลบหลู่พระรัตนตรัย
โดยคิดไปเองว่า ท่านพุทธทาสก็ยังพูดเช่นนี้ได้
เป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
เพราะนอกจากเป็นการไม่ดีกับตัวเองแล้ว
ยังทำให้คนอื่นที่มาอ่านพลอยเข้าใจท่านพุทธทาสผิดๆไปด้วย ดังที่มีคนเข้าใจผิดๆมาแล้วเป็นจำนวนมาก

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ คนนอกที่ยังไม่มั่นคงในพระศาสนา ก็พลอยลดความเชื่อถือในพระรัตนตรัยไปอีกด้วย
เป็นการ discredit ศาสนาตัวเองเป็นอย่างยิ่งครับ
sunny
Verified User
โพสต์: 101
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 113

โพสต์

หวัดดีพี่ Eyore  
ขอบคุณพี่ 007 ที่แนะนำหนังสือให้อีกหลายเล่ม
จะไปลองหามาอ่านค่ะ รายการรออ่านยาวเหยียด  :oops:
ตอนนี้อ่าน กะลาภิวัฒน์ อยู่ค่ะ
...
Verified User
โพสต์: 1817
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 114

โพสต์

ได้ความรู้ดีจริงๆครับกระทู้นี้ สุดยอดๆ :cool:





แต่ทำไมผมอ่านไปแล้วมันร้อนๆไงไม่รู้หว่า  :la:
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 115

โพสต์

[quote="007-s"]ขอบคุณค่ะ พี่หวี และ พี่ริว

พี่ริว อย่าได้เป็นห่วงไปเลย อีกทั้งไม่ต้องหวาดกลัว อย่าได้แขยงแขงขนใดใด

ทำตัวสบายสบาย ทำใจสบายสบาย

หากพี่ริว ใจสยองอันเนื่องจากมาเป็นห่วงดิฉัน ต้องขออภัยอย่างมากด้วยค่ะ
ก็ต้องขอบอกว่า หากดิฉันเป็นเหตุให้ใจพี่ริวกังวล จิตของพี่ริวสั่นคลอน ก็จะพยายามระวังการแสดงออกที่ไปสะกิดใจพี่ริว(รวมทั้งท่านอื่นๆ) ให้มากขึ้นก็แล้วกันค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 116

โพสต์

[quote="..."]แต่ทำไมผมอ่านไปแล้วมันร้อนๆไงไม่รู้หว่า
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 117

โพสต์

อืม ปรามาสพระพุทธเจ้า เชียวรึนั่น

ลบหลู่พระรัตนตรัย อืมมม

โห เป็นมารศาสนาแล้วเรา

แหร่ม

เอาเลยค่ะ ได้อีก ยำตามศรัทธา จินตานาการตามกำลัง


คิดเห็น แสดงอะไรก็ไม่เข้าตาไปหมด ยังว่า มาสไตล์พี่สายลับ

เอาสไตล์ไหนดี :lol:



ก็พี่เองบอกว่า พี่เกิดขนพอง เพราะอ่านที่ดิฉันเขียนไป ก้เลยจะขออภัย
พี่บอกกลัวแทนดิฉันจริงๆ อ้าว ก็แล้วไง ก็ความกลัวมันเป็นอารมณ์ที่ทำให้จิตสั่นไหว ก็เลยบอกงั้นพี่ไม่ต้องมาทุกข์กะดิฉันเรื่องนี้ เพราะพี่มาเกิดขนพองเพราะดิฉันเป็นเหตุ ดิฉันก็เลยว่า โอ อย่าอย่างนั้นเลย อย่าได้ไม่สบายใจเลย

ไปๆ ชักหนักขึ้นๆ ดูเหมือน เป็นตัวไรไม่ทราบไปแล้วเนี่ย  :lovl:
สีเต็มตัวเยย อิอิ

อ่ะ เอาๆ ชอบก้เอา


ดิฉันรู้แก่ใจดี ดิฉันไม่เคยรู้สึกแย่ๆกะพระพุทธเจ้า หรือกะธรรม
แต่หากใครอยากจะวาดภาพดิฉัน ไปถึงขนาดไหนนั้น ก็ตามแต่แล้วกัน

โอเคนะคะ


แหมแหร่มจิงๆน้า ปรามาส

อืม ท่าทางจะมันใหญ่ ได้ๆ ชอบก็จัดให้ค่ะ

รับหนมจีบซาเปาเพิ่มมะคะ

:mrgreen:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 118

โพสต์

อืม พยายามกลับไปอ่าน หลายรอบแล้วนะ

ชอบอันนี้ที่สุดอ่ะ
แต่อยู่ที่หากเกิดเหตุอันเข้าข่ายติเตียนปรามาสพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดีนั้น ควรที่พุทธบริษัททุกท่านจะไม่สบายใจ

อืม มันมาได้ไกลขนาดนี้นะนั่น
ชอบจิงๆน้า

:ohno:




อันนี้ชอบรองลงมาอ่า
อันว่า เรื่องพระไตรปิฏกนั้น
ผู้ที่เคยอ่านงานของท่านพุทธทาสแล้ว
มักมีความเห็นเป็นสองทาง
หนึ่ง คือเห็นว่าท่านพุทธทาสนั้นเป็นมิจฉาทิฎฐิ เพราะไม่เชื่อพระไตรปิฏก
สอง คือเห็นด้วยว่าพระไตรปิฏกนั้นเชื่อถือไม่ได้
โหอันนี้ก็คม
แม้ท่านจะชี้แจงว่าพระไตรปิฏกนั้นอาจมีการแต่งเติมมาตลอด 2500 ปี
แต่ท่านไม่เคยปรามาสพระพุทธเจ้า
ไม่เคยปรามาสพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้

ปรามาส นี่ คล้ายๆดอกเบญจมาศ มะคะ




เอาอีกมะ ได้อีกนะ  :lovl:

ใส่มะนาวอีกนิดมะ ไหนๆก้ไหนๆแล้ว หรือเติมพริกให้เผ็ดซักหน่อย น่าจะอร่อยขึ้นค่ะ


พูดดีๆ ไม่ชอบ แปลก คน

ชอบวาดให้ใครเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ไปตามใจตน ประหลาดมาก :!:  :!:  :!:

ขอบอกจากใจ ว่ารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ที่สามารถบิดเบือนเจตนาของผู้อื่นได้ด้วยคำพุดที่ค่อนข้างไพเราะ :cool:

มีความสามารถเป็นอย่างสูง และล้ำลึก(นี่...อันนี้ eat &put ค่ะ ...ชอบล่ะสิ :B )



เวทนา ได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเรายอมรับหรือไม่
และมันก็จะ แปรเปลี่ยน จนดับไป และเกิดเวทนาใหม่ ไม่ว่าสติจะรับรู้หรือยัง
หากพอมีสติรู้ จับไปที่การเกิด ตั้ง ดับ ก็จะพบความไม่เที่ยงแท้นั้น


ดิฉันไม่ไรมากอ่า เถียงไปทันก็ไปนอน ง่ายๆ  :lovl:

พุดนิ่มๆไม่เข้าหู ก็จะได้พูดกวนๆ

เราหยุดแล้ว เมื่อท่านไม่อยากหยุด เราก็จะเล่นด้วย หากเราเล่นแล้วไม่หนุกเราก็จะหยุดเล่น หากเล่นแล้วเพลีย เราก็ไปนอน

ปรามาสอีกมะคะ หรือดอกเบญจมาศดี

ยัดยาบ้าใส่เพื่อเปิดคดี ได้อะไร
แม้ท่านจะชี้แจงว่าพระไตรปิฏกนั้นอาจมีการแต่งเติมมาตลอด 2500 ปี
ดิฉันแสดงความเห็นด้วยกับกรณีนี้ แค่นั้น แล้วยังไง ปรามาส อย่างไร

ก็มันมีโอกาส ที่น่าจะมีทางเป็นเช่นนั้นก็ย่อมเป็นไปได้
แล้ว ปรามาส อย่างไร


หลักธรรม คือของธรรมดา ไม่ใช่สิ่งที่เมื่อแตะต้องแล้วจะคันคะเยอ
พระไตรปิฏกเองก็ตาม ไม่ใช่สิ่งที่จะกล่าวเห็นด้วย หรือขัดแย้งใดใดมิได้

แค่นี้ คือ ปรามาส หรือคะ
(โอ นี่ยังจะใส่"คะ"นะ....อ่ะ  :B แวะกวนหน่อย เด๋วไม่บายใจ)


โอเคไหมคะเฮีย

ชอบมะแบบนี้

ดิฉันชอบนะ "ปรามาส" ไพเราะมาก คล้าย เบญจมาศ ชื่อเหมือนดอกไม้ชนิดหนึ่ง


นี่ล่ะ ....ดิฉัน มาสไตล์พี่สายลับมะ หรือสายสมร

ชอบมะคะ สไตล์ สายสมร หนุกมะ พอใจยัง(คะ)



โอ เจ้าเวทนา เกิด ตั้ง ดับ ....
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 119

โพสต์

อ่ะ ยังไม่จบ

ขออภัยท่านอื่นๆด้วยค่ะ  :bow:



และสุดท้ายแล้ว....

ดิฉันจะไม่ทำให้ใครหมองใจอีก อันนี้จะเป็นหมองใจครั้งสุดท้ายที่เกิดจากดิฉัน

เนื่องจาก มีการมอง ดอกเบญจมาศ เป็นดอกปรามาสไป

คนเราก็เห็นดอกต่างกัน เช่นนี้แล

เช่นนั้นเอง

ดิฉันไม่อยากจะทำให้ใจใครหมองอีกแล้ว และไม่อยากให้ใครมาทำให้ใจดิฉันหมองด้วย ยังบังคับพวงมาลัยไม่เก่งนัก ต้องขอหลีกเลี่ยงจากทางอันตรายไว้ก่อน

เมือไม่หนุก ก็ไปนอนล่ะ เชิญท่านหวดให้เต็มข้อกันได้เลย  :lol:

สวัสดีจ้า
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

ทำไมเราควรเชื่อพุทธศาสนา

โพสต์ที่ 120

โพสต์

เดี๋ยวจะไปกันใหญ่

ต้องออกตัวก่อนว่าผมก็ยังเป็นปุถุชนธรรมดา ถูกอวิชชาเล่นงานเป็นประจำ
แต่ก็พยายามสำรวมระวังในการแสดงความคิดเห็น
โดยเฉพาะเกี่ยวกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธบริษัท

ผมเชื่อว่าผู้ที่พยายามแก้ผิดให้เป็นถูกนั้น ก็ไม่ได้อยากจะพูดหรอก
แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจที่เห็นข้อความที่ชักจะผิดเพี้ยนและอาจจะเสียหายในวงกว้าง

ส่วนการโต้ตอบโดยใช้สำนวนโวหาร ตอบโต้เช่นนี้
จะเหมาะสมหรือไม่ แต่ละท่าน ก็ลองพิจารณาเอาแล้วกัน

[quote]ขอยกเอา บัญญัติ อนุบัญญัติ และอนาปัตติวาร มาแสดง ดังนี้
แก้ไขล่าสุดโดย MarginofSafety เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 12:24 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
"Winners never quit, and quitters never win."