Thamel ในวันนี้ดูแปลกตาไปจากเดิมตามสภาพของวัฎจักรชีวิต ร้านรวงเพิ่มขึ้นหนาตา รวมถึงบริการเสริมต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับตัวฤทธิ์นั่นก็คือ internet ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าเห็นจะเป็นระบบโทรศัพท์มือถือที่เริ่มแพร่กระจายในกลุ่มคนบางชนชั้นภายในระยะเวลาเปิดให้บริการไม่นานนัก ในสิ่งที่เห็นและเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ การติดต่อสื่อสารระหว่างกันเป็นสิ่งที่ช่วยชโลมใจให้แต่ละคนยังสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตต่อไปได้ โดยเฉพาะในดินแดนที่ห่างจากแผ่นดินแม่ ห่างจากความคุ้นชิน ในซอกหลืบของโมงยามแห่ง Lost in translation การประชันกันของ Live band ตามร้านอาหารหลายร้านทำให้ค่ำคืนในนครแห่งนี้ดูยาวนานและมีสีสรรมากขึ้นราวกับว่าเสียงเหล่านั้นเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถปลุกเร้าและปลอบประโลมจิตวิญญาณให้ห่างหายจากความหม่นเหงาในราตรีที่ไร้แสงดาว
ลมที่พัดกรรโชกแรงมาจากทิศใต้ในช่วงบ่ายทำให้ฝุ่นทรายเม็ดเขื่องและเม็ดละเอียดปลิวว่อนล่องลอยแล้วแต่สายลมจะพาไป คราใดที่มากระทบผิวกายก็เสมือนหนึ่งถูกซัดด้วยเข็มเล็ก ๆ เป็นร้อยๆ เล่ม หยาดน้ำตาที่เอ่อท่วมก็ทำให้พอจะคาดคะเนได้ว่าจำนวนเม็ดทรายที่เข้าไปเริงระบำอยู่ในเบ้าตานั้นมีปริมาณมากน้อยเพียงใด บททดสอบบทนี้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดในตอนที่ต้องเดินข้ามสะพานแขวนยาวเกือบ 200 เมตร สะพานที่แกว่งไกวจากกระแสลม ภาพของผืนดินและสายน้ำที่เชี่ยวกรากเบื้องล่าง ฝุ่นทรายที่โบกระบัดเข้าปะทะร่างกายและสายตา เป็นเสมือนเครื่องเตือนใจว่านี่คือด่านแรกของการรอนแรมเข้าสู่บริบทของ Lo Manthang - the land of aspiration.
Gompa เก่าแก่อายุหลายร้อยปีระหว่างทางก่อนถึง Lo Manthang ภาพจิตรกรรมฝาผนังและพระพุทธรูปข้างในสวยงามมาก แต่ห้ามถ่ายรูป ภาพวาดบนผนังเป็นแบบ Fresco มีการบูรณะครั้งใหญ่โดยช่างวาดจากอิตาลี
King of Lo Manthang
การได้เข้าเฝ้า King ของ Lo ถือว่าเป็นที่สุดแล้วของการเดินทางครั้งนี้ เพราะถึงแม้ว่าจะได้เดินทางไปถึงเมือง Lo แล้วแต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้เข้าเฝ้า เป็นความโชคดีอย่างมากขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่ที่ guest house หนึ่งในเมือง Tsarang ซึ่งเจ้าของก็เป็นเชื้อพระวงศ์ Guide ของคณะก็มาตามแล้วบอกว่า King ประทับอยู่ห้องข้าง ๆ และอนุญาติให้คณะเราเข้าเฝ้าได้ ท่านกำลังทรงม้าเดินทางเข้าไปยังเมือง Pokhara และแวะพักที่ Tsarang หนึ่งคืน
ตามธรรมเนียมทิเบต การถวายผ้า Kata (ผ้าไหมสีขาวปักลวดลายของมงคล 8 อย่างของทิเบต) เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและความเคารพของผู้ให้ต่อผู้รับซึ่งเป็นวัตรปฏิบัติปกติเมื่อได้เข้าเฝ้าดะไลลามะ พระลามะชั้นสูง หรือ ผู้สูงศักดิ์ ผู้รับก็จะมอบ Kata คล้องคอกลับคืนมายังผู้ให้ เป็นการแสดงความยอมรับ
ช่วงพักการเดินทาง ท้องฟ้าฟ้าใส เมฆลอยตัวเป็น form สวยงามแปลกตา
Pass สุดท้าย หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เห็น Walled city of Lo Manthag อยู่แค่เอื้อม
Lo Manthang, the last forbidden Kingdom เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ระยะใกล้เคียงกับการก่อตัวของอาณาจักรสุโขทัย ระยะของเมืองพระนครที่ศิลปะเขมรรุ่งเรืองจากอิทธิพลของศาสนาพุทธ ระยะที่ยุโรปยังอยู่ในยุคมืดจากสงคราม Crusade
ในทางการเมือง เป็นอาณาจักรที่ถูกขนาบด้วยดินแดนกว้างใหญ่ของทิเบตและด้านล่างเป็นเนปาล แต่วิถีชีวิตและวัฒนธรรมก็รับจากทิเบตมาเป็นหลัก ท้ายที่สุดก็ถูกรวมมาอยู่กับราชอาณาจักรเนปาลในช่วงศตวรรษ 18-19 หลังจากที่ทิเบตถูกยึดครองโดยจีนในปี 1952 พื้นที่ของ Lo Manthang ได้ถูกใช้เป็นแหล่งรวมพลของกลุ่มต่อต้านการยึดครองโดยได้รับการสนับสนุนจาก CIA ในระยะเวลาต่อมาเมื่อ CIA ได้ถอนตัวไปแล้วก็ยังมีชนกลุ่มน้อยเรียกว่า Khampa ยังยึดครองพื้นที่อยู่ โดยที่รัฐบาลเนปาลก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยประกาศเป็นเขตหวงห้ามแต่ยังคงสถานภาพของกษัตริย์ไว้อยู่ เริ่มอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ตั้งแต่ปี 1991