VI บ้าน ๆ

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 181

โพสต์

Paul VI เขียน:ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยครับ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายกัน

ขอเอาใจช่วยน้องที่จะผ่าตัดและพ่อแม่ด้วยครับ

เข้าใจหัวอกพ่อแม่ดีครับ
ถ้าเจ็บได้ก็ขอเจ็บแทนดีกว่าครับ

แต่ถึงแม้หลายคนจะมองว่ามีลูกก็เหมือนมีห่วง มีทุกข์ แต่ผมกลับมองว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก
เพราะความสุขที่มีเค้า เห็นเค้าเติบโตไปในเส้นทางชีวิตเค้า มันสวยงามมากกว่าความทุกข์ครับ
เห็นด้วยกับพี่หมอมุขค่ะ เส้นทางชีวิตลูกสวยงามจริงๆ
ลูกชายตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนเป็นวัยรุ่นแล้ว
แต่ละวันก็มีเรื่องขำๆ ที่เค้าคิดว่าเค้ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างโน้น อย่างนี้
ด้านร่างกาย ก็มาให้ดู (โป๊นิดๆ เล่าไม่ได้ค่ะ) เป็นเด็กผู้ชายแต่ติดแม่งอมแงมค่ะ

พี่หมอมุขยุ่งๆ อยู่ยังกรุณานำบทความาลงในกระทู้อยู่เลย
เมื่อตอนค่ำนุชยังเข้าไปอ่านอยู่เลยค่ะ เห็นกระทู้พี่หมอมุขมาอยู่ข้างบนเมื่อไหร่ก็ติดตามอ่านเสมอค่ะ :wink:
หวานกับแวว
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 182

โพสต์

Paul VI
ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยครับ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายกัน
ช่วงปิดเทอม เข้าใจได้ค่ะ ยิ่งมีลูกที่ยังเด็ก จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเค้ารอคอย ต้องพาไปเที่ยว ไปหากิจกรรมเสริม คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายก็วิ่งรับ ส่ง กันสนุกสนาน

จำได้ว่าในที่ทำงาน พวกเราที่มีลูกเป็นเด็กๆ อยู่ในวัยเดียวกัน จะต้องจองคิวลาพักร้อนไม่ให้ชนกันหลายคนนัก (เดี๋ยวไม่มีคนทำงาน) เพราะต่างคนต่างจะต้องพาเด็กๆไปทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมนี่แหละค่ะ
theenuch
แผนกไหนหนอ :roll: ใช้เลือดมากที่สุด เดาว่าเป็น OR ใช่มั้ยคะ


คุณนุชเดาได้เก่งมากค่ะ ถูกทุกเรื่องเลย :)

งานนอก OR ก็มีประเภทต้องจัดการความปวดให้คนไข้มะเร็งและไม่มะเร็งทั้งหลายด้วยค่ะ ต้องเจอคนไข้ ญาติคนไข้มะเร็ง คล้ายๆคุณนุชเลยค่ะ ไว้จะต้องขอโอกาสคุยหลังไมค์ขอคำปรึกษาวิธีการให้กำลังใจพวกเค้าอย่างถูกหลักจิตวิทยาด้วยนะคะ เท่าที่พยายามทำอยู่ทุกวันเนี่ย ใช้วิชา temple boxing school ค่ะ :wink:
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 183

โพสต์

syj เขียน:ในวงการกีต้าร์คลาสสิคที่ผมอยู่
ก็ไม่เห็นมีนักกีต้าร์อังกฤษที่เก่งเอกอุเลย หลังๆ นี่คนที่ชนะ
รายการใหญ่สุด มักมาจากฝรั่งเศส (สำหรับกีต้าร์คลาสสิคนะครับ)
ขอบอกว่าชอบเสียงกีตาร์มากที่สุดเลยค่ะ แต่เล่นดนตรีไม่เป็นนะคะ
ชอบซื้อเพลงบรรเลงโดยกีตาร์มาฟัง
หรือถ้าเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องด้วยเพลงไหนเสียงกีตาร์นำนี่ใจละลายเลยค่ะ
แต่ไม่ได้ฟังเพลงระดับสูงอะไรนะคะ เพราะเราไม่ได้อยู่ในวงการเพลงน่ะค่ะ
ชอบฟัง Depapepe เวลาขับรถค่ะ เพลินดี เสียงกีตาร์ใสมากๆ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 184

โพสต์

หวานกับแวว เขียน:
Paul VI
ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยครับ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายกัน
ช่วงปิดเทอม เข้าใจได้ค่ะ ยิ่งมีลูกที่ยังเด็ก จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเค้ารอคอย ต้องพาไปเที่ยว ไปหากิจกรรมเสริม คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายก็วิ่งรับ ส่ง กันสนุกสนาน

จำได้ว่าในที่ทำงาน พวกเราที่มีลูกเป็นเด็กๆ อยู่ในวัยเดียวกัน จะต้องจองคิวลาพักร้อนไม่ให้ชนกันหลายคนนัก (เดี๋ยวไม่มีคนทำงาน) เพราะต่างคนต่างจะต้องพาเด็กๆไปทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมนี่แหละค่ะ
theenuch
แผนกไหนหนอ :roll: ใช้เลือดมากที่สุด เดาว่าเป็น OR ใช่มั้ยคะ


คุณนุชเดาได้เก่งมากค่ะ ถูกทุกเรื่องเลย :)

งานนอก OR ก็มีประเภทต้องจัดการความปวดให้คนไข้มะเร็งและไม่มะเร็งทั้งหลายด้วยค่ะ ต้องเจอคนไข้ ญาติคนไข้มะเร็ง คล้ายๆคุณนุชเลยค่ะ ไว้จะต้องขอโอกาสคุยหลังไมค์ขอคำปรึกษาวิธีการให้กำลังใจพวกเค้าอย่างถูกหลักจิตวิทยาด้วยนะคะ เท่าที่พยายามทำอยู่ทุกวันเนี่ย ใช้วิชา temple boxing school ค่ะ :wink:
ไม่บังอาจเลยค่ะ คงขอโอกาสมาเรียนปรึกษาคุณหมอเสียมากกว่าค่ะ
ที่ทำอยู่ก็แค่สอนคนไข้ที่มารอตรวจที่ OPD เรื่องพื้นๆ เพื่อให้เค้าได้เตรียมตัวว่า
เดี๋ยวฉายแสงไปจะเป็นอย่างไรบ้าง อาจมีปากแห้งนะ ทำอย่างไร พื้นๆ เลยค่ะ
แต่ก็จะให้กำลังใจและชื่นชมว่าที่เค้ามารับการรักษาและเราได้มาเจอกัน
เพราะตัวคนไข้เองเป็นผู้ที่มีกำลังใจดี และสู้ค่ะ เพราะหลายคนที่ไม่สู้เค้าไม่มาเลย
หนีไปรักษาแต่แผนโบราณไป ไม่ยอมมารักษาแผนปัจจุบัน
ก็จะเน้นให้กำลังใจและชื่นชม และขอบคุณเค้าด้วยที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความเข้มแข็งของเค้า
และเราก็รู้สึกว่าการที่เค้าสู้นั้นมีพลัง และพลังนั้นก็ส่งกลับมาหาเราด้วยค่ะ
เท่าที่มองตาขณะที่พูดคุยด้วย ส่วนใหญ่ตายิ้มค่ะ คือเค้ายิ้มทั้งหน้าทั้งตาน่ะค่ะ

เราก็มีความสุขไปด้วย เลยไม่รู้ว่าใครสอนใครเลยค่ะ น่าจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ถ่ายทอดพลังแก่กัน และผู้ป่วยด้วยกันเอง บอกกันเองจะขลังกว่าด้วยค่ะ
บางทีเราก็ถามกับบางคนเดี่ยวๆ ก่อน กรณีน่าสนใจและเป็นคนที่รักษามานาน
จนตอนนี้มาแค่ติดตามผลเฉยๆ ก็จะขออนุญาตเค้าว่าเดี๋ยวตอนเราคุยเป็นวงกว้าง
ขออนุญาตเล่าถึงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้อื่น เค้าก็ตกลงค่ะ พอเราพูดถึง
ผู้ป่วยและญาติคนอื่นๆ ก็หันไปมอง เค้าก็ยิ้มส่งกำลังใจให้กันและกันค่ะ
คิดว่าได้กำลังใจกันไปถ้วนหน้าค่ะ :D

เมื่อคืนอ่านหนังสือเล่มนึงรวดเดียวจบ
เป็นเรื่องของคุณหมอชาวญี่ปุ่นท่านนึงที่อายุครบ 100 ปี
ดีมากๆ เล่าถึงความรู้สึกขณะที่ได้ดูและผู้ป่วยแบบ empathy มากๆ
งดงามมากเลยค่ะ และถ่ายทอดได้ดีอ่านเพลินถึงตี 2 กว่าเลย

ส่วนตัวเองก็เป็นคนที่ empathy เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
เราเลยมีแนวโน้มจะใส่ใจความรู้สึกผู้อื่นมาก และบางครั้ง
เลยเถิดไปเป็น sympathy ซึ่งไม่ดีค่ะ ต้องปรับปรุงส่วนนี้ค่ะ :oops:
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 185

โพสต์

theenuch เขียน:
syj เขียน:ในวงการกีต้าร์คลาสสิคที่ผมอยู่
ก็ไม่เห็นมีนักกีต้าร์อังกฤษที่เก่งเอกอุเลย หลังๆ นี่คนที่ชนะ
รายการใหญ่สุด มักมาจากฝรั่งเศส (สำหรับกีต้าร์คลาสสิคนะครับ)
ขอบอกว่าชอบเสียงกีตาร์มากที่สุดเลยค่ะ แต่เล่นดนตรีไม่เป็นนะคะ
ชอบซื้อเพลงบรรเลงโดยกีตาร์มาฟัง
หรือถ้าเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องด้วยเพลงไหนเสียงกีตาร์นำนี่ใจละลายเลยค่ะ
แต่ไม่ได้ฟังเพลงระดับสูงอะไรนะคะ เพราะเราไม่ได้อยู่ในวงการเพลงน่ะค่ะ
ชอบฟัง Depapepe เวลาขับรถค่ะ เพลินดี เสียงกีตาร์ใสมากๆ
ทีนี้เป็น Piano ราชาแห่งเครื่องดนตรี (มันสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ผมยอมรับ
เลยว่าคนที่คิดมันขึ้นมาเก่งจริงๆ) รายการที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในยุทธภพ
ก็คือ Chopin International Competition ซึ่งจัดทุกๆ 5 ปี ผมไปค้นมา
ปรากฎว่า ไม่เคยมี และย้ำว่าไม่เคยมีนักเปียโนจากอังกฤษ/แคนนาดา/ออสเตรเลีย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ชนะแม้แต่รางวัลเดียว (ที่ 1 ถึงที่ 6 และหมายความว่าไม่ได้ Finalist สักคนด้วยซ้ำ) ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมีนักเปียโนอังกฤษ ได้รางวัลที่ 4 แค่คนเดียว และทั้งสามประเทศที่กล่าวใน
เครือจักรภพ มีการจัดสอบเกรดของเปียโนจากสถาบันต่างๆ หลายสถาบันและนำมา "หลอก" คนประเทศอื่นๆ แุถวๆ นี้ (ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ) ให้เสียตังค์สอบมากมาย แสดงถึง ความล้ัมเหลวของระบบสอบเกรดของอังกฤษ (ที่เราอุตส่าห์ไปยอมรับ มันตลกมากๆ เลยครับ) ครูญี่ปุ่นของลูก บอกว่าคนญี่ปุ่นจะไม่สอบเกรด นอกจากมีความจำ
เป็นจริงๆ (ต้องไปเรียนต่อเพราะได้ทุนจากอังกฤษ แต่ส่วนมากคนญี่ปุ่นจะไป
เรียนดนตรีที่เยอรมัน/ออสเตรีย/ฝรั่งเศส มากกว่า) ส่วน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา
เยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรีย ก็ไม่มีการสอบเกรด

สำหรับคนเอเชียคนแรกที่ชนะเลิศคือ คนเวียดนาม (แต่เรียนเปียโนที่รัสเซีย) ชื่อ
Dang Thai Son (ครั้งที่ 10 ปี 1980) และคนที่สอง Yundi Li จากประเทศจีน
และฝึกเปียโนที่ประเทศจีน (ครั้งที่ 14 ปี 2000) นอกนั้นก็ยังมีคนญี่ปุ่น เกาหลี
จีนฮ่องกง ที่ได้รับรางวัลอื่นๆ (บางคนอาจมีชื่อเสียงและผลงานมากกว่าคนที่
ชนะเลิศก็ได้)

ข้อมูลจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Internatio ... ompetition

*** แล้วเรายังจะต้องไปเสียเงินตราของเราและของประเทศเราให้กับการสอบเกรดที่ไร้ความหมายทำไม ***
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 186

โพสต์

oatty เขียน:วันศุกร์นี้ผมบริจาคเลือดแล้วจะเอามาโชว์ครับว่าได้กี่ครั้งแล้ว
เนื่องจากผมบริจาคเลือดประจำอยู่แล้ว เวลามีประกาศเลยได้แต่เอาใจช่วยน่ะครับ ไม่อาจไปบริจาคให้ ณ เวลานั้นได้

จุดหมายคืออยากบริจาคให้ได้เกินร้อยครั้ง หากไม่วายชีวาเสียก่อน
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2748
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 187

โพสต์

syj เขียน:ผมไปค้นมา
ปรากฎว่า ไม่เคยมี และย้ำว่าไม่เคยมีนักเปียโนจากอังกฤษ/แคนนาดา/ออสเตรเลีย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ชนะแม้แต่รางวัลเดียว (ที่ 1 ถึงที่ 6 และหมายความว่าไม่ได้ Finalist สักคนด้วยซ้ำ) ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมีนักเปียโนอังกฤษ ได้รางวัลที่ 4 แค่คนเดียว และทั้งสามประเทศที่กล่าวใน
เครือจักรภพ มีการจัดสอบเกรดของเปียโนจากสถาบันต่างๆ หลายสถาบันและนำมา "หลอก" คนประเทศอื่นๆ แุถวๆ นี้ (ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ) ให้เสียตังค์สอบมากมาย แสดงถึง ความล้ัมเหลวของระบบสอบเกรดของอังกฤษ (ที่เราอุตส่าห์ไปยอมรับ มันตลกมากๆ เลยครับ) ครูญี่ปุ่นของลูก บอกว่าคนญี่ปุ่นจะไม่สอบเกรด นอกจากมีความจำ
เป็นจริงๆ (ต้องไปเรียนต่อเพราะได้ทุนจากอังกฤษ แต่ส่วนมากคนญี่ปุ่นจะไป
เรียนดนตรีที่เยอรมัน/ออสเตรีย/ฝรั่งเศส มากกว่า) ส่วน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา
เยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรีย ก็ไม่มีการสอบเกรด

สำหรับคนเอเชียคนแรกที่ชนะเลิศคือ คนเวียดนาม (แต่เรียนเปียโนที่รัสเซีย) ชื่อ
Dang Thai Son (ครั้งที่ 10 ปี 1980) และคนที่สอง Yundi Li จากประเทศจีน
และฝึกเปียโนที่ประเทศจีน (ครั้งที่ 14 ปี 2000) นอกนั้นก็ยังมีคนญี่ปุ่น เกาหลี
จีนฮ่องกง ที่ได้รับรางวัลอื่นๆ (บางคนอาจมีชื่อเสียงและผลงานมากกว่าคนที่
ชนะเลิศก็ได้)

ข้อมูลจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Internatio ... ompetition

*** แล้วเรายังจะต้องไปเสียเงินตราของเราและของประเทศเราให้กับการสอบเกรดที่ไร้ความหมายทำไม ***
ผมมองว่าการศึกษาต่อในหลายๆประเทศมันเป็นธุรกิจที่เล่นกับความรู้สึกของคนระดับหนึ่งครับ คนที่ไปเรียนต่อนั้นมักจะพิจารณาว่า ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงเรียนจบ หรือต้องใช้เงินแค่ไหนถึงจะจบ การเรียนต่อที่ยุโรปกลางนั้นนักเรียนจำเป็นต้องมาเรียนภาษาก่อน และต้องให้คล่องแคล่วพอที่จะคุยกับเพื่อนร่วมงานได้

ผมเคยเรียนดนตรีกับอาจารย์คนรัสเซียในเมืองดุสเซลดอร์ฟ เขาเล่าให้ฟังว่าทฤษฎีของรัสเซีย เยอรมัน อิตาลีและอเมริกานั้นมีความแตกต่างกันตั้งแต่พื้นฐาน แค่เรียกตัวโน้ตก็แตกต่างกันแล้ว แม้รวมๆแล้วอาจคล้ายกัน แต่ผลของความแตกต่างเล็กๆก็นำไปสู่ความแตกต่างที่สำคัญ เวลาสื่อสารกันมันต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกัน

ผมไม่รู้ว่าในอังกฤษนั้นเป็นอย่างไร แต่ในเยอรมันนั้นการเล่นดนตรีเป็นเรื่องพื้นฐานของคนทั่วไป เกือบทุกคนต้องเล่นเครื่องดนตรีเป็นสักชิ้นหนึ่ง หลายๆคนก็มีวงเป็นของตัวเองและมีการจัดซ้อมจัดแสดงเป็นบางโอกาส ดนตรีที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานอดิเรก

การเรียนดนตรีในขั้นสูง ทั้งการเรียนในมหาวิทยาลัยภาคทฤษฎีหรือมหาวิทยาลัยภาคปฎิบัตินั้น การสอบเข้ามหาลัยที่นี่อาจจะไม่ยากถ้าเข้าใจภาษา แต่ผู้ที่เรียนก็จะถูกกดดันจากสังคมว่าการที่เขาก้าวมาในสายอาชีพ หมายความว่าเขาต้องทำให้ได้ดีกว่าคนที่เล่นเป็นงานอดิเรก อย่างน้อยก็ต้องให้เก่งกว่าคนในวงที่มาเล่นเป็นครั้งๆคราวๆ

คนต่างชาติ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่มาเรียนดนตรีที่นี่นั้น ต้องดิ้นรนมากในช่วงแรกเพื่อปรับตัวให้ทันกับสังคม จากที่ตัวเองเคยได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูที่มีพรสวรรค์ในที่ที่ตัวเองมา ต้องมาเริ่มกับวงที่มีสมาชิกทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟแต่มีประสบการณ์สูงกว่ามาก

ผมเองมองจากฐานะคนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีอะไรกับเขาเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าคนที่เรียนในสายนี้นั้นมีความกดดันมากกว่า มีรายได้น้อยกว่า ต้องสู้ชีวิตมากกว่า ต้องการการยอมรับที่มากกว่า ด้วยความกดดันนี้ผมเข้าใจว่าตรงนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนในสาขานี้ประสบความสำเร็จครับ
Vi IMrovised
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 188

โพสต์

วันนี้ได้นั่งคุยกับแม่ค้าขายข้าวมันไก่คนหนึ่งซึ่งแกเป็นมะเร็ง

แกก็ถามผมหลายเรื่องว่าผมทุกข์เรื่องอะไร ผมก็เล่าให้แกฟังหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องงานและเรื่อง "ตัวกู" แกก็ตลก ฮาชวนผมคุย

ผมก็ถามว่าทำไมหัวเกรียน แกบอกว่าเป็นมะเร็ง ทำคีโม มา สี่รอบมั้ง เป็นมะเร็งเต้านม

เราก็คุยกันต่อ แกก็มานั่งโต๊ะเดียวกับผม ผมไปคนเดียว ผมก็คุยไปเรื่อย เฮียพี่ชาย ก็มานั่งคุยอีก เฮฮากันเรื่อย

ประโยคนึงที่แกบอกคือ "เรามาถึงวันนี้ก็กำไรแล้ว"
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 189

โพสต์

oatty เขียน:
oatty เขียน:วันศุกร์นี้ผมบริจาคเลือดแล้วจะเอามาโชว์ครับว่าได้กี่ครั้งแล้ว
เนื่องจากผมบริจาคเลือดประจำอยู่แล้ว เวลามีประกาศเลยได้แต่เอาใจช่วยน่ะครับ ไม่อาจไปบริจาคให้ ณ เวลานั้นได้

จุดหมายคืออยากบริจาคให้ได้เกินร้อยครั้ง หากไม่วายชีวาเสียก่อน
ชื่นชมและนับถือคุณ oatty จากใจค่ะ :bow: :bow: :bow:
ว่าแล้วว่าประโยคสั้นๆ นั้นแฝงความภูมิใจจนรู้สึกได้จริงๆ ค่ะ

เชื่อแน่ว่าจิตของการเป็นผู้ให้นั้นผ่องแผ้วจนทำให้เกิดปัญญา
ซึ่งคุณ oatty เองย่อมรู้สึกได้ด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
ขอให้ปัญญานั้นส่งผลให้การตัดสินใจในการลงทุนและทุกเรื่องในชีวิตลงตัว
และขอให้สุขภาพของทั้งครอบครัวสมบูรณ์แข็งแรงนะคะ :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 190

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:วันนี้ได้นั่งคุยกับแม่ค้าขายข้าวมันไก่คนหนึ่งซึ่งแกเป็นมะเร็ง

แกก็ถามผมหลายเรื่องว่าผมทุกข์เรื่องอะไร ผมก็เล่าให้แกฟังหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องงานและเรื่อง "ตัวกู" แกก็ตลก ฮาชวนผมคุย

ผมก็ถามว่าทำไมหัวเกรียน แกบอกว่าเป็นมะเร็ง ทำคีโม มา สี่รอบมั้ง เป็นมะเร็งเต้านม

เราก็คุยกันต่อ แกก็มานั่งโต๊ะเดียวกับผม ผมไปคนเดียว ผมก็คุยไปเรื่อย เฮียพี่ชาย ก็มานั่งคุยอีก เฮฮากันเรื่อย

ประโยคนึงที่แกบอกคือ "เรามาถึงวันนี้ก็กำไรแล้ว"
เรื่องงาน และเรื่อง "ตัวกู" น่าสนใจ เล่าได้มั้ยนะ :?:

บางทีการมีโอกาสได้คุยกับผู้คนหลากหลายก็ให้สิ่งดีๆ มากมายเลย เราก็ชอบ

แต่ถ้ากับเพื่อนใกล้ตัวมากบางทีคุยไม่ค่อยเก่ง เค้าจะชอบบอกว่าเราขรึมเกิน
อาจเป็นเพราะวงสนทนาของผู้หญิงส่วนใหญ่อยู่นอกขอบเขตความรู้ของเราก็เป็นได้
เนื่องจากไม่ค่อยดูทีวี (ดูแต่ข่าวกับสารคดี) เวลาที่ละครแต่ละเรื่องดังๆ
บางทีจะอยู่ในบทสนทนาของกลุ่มสาวๆ อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ เราเอ๋อไปเลย
และเราก็ไม่ใช่นัก shop อีก เวลาเค้าไปเดินซื้อข้าวซื้อของกัน เราเคยไปด้วย ต่างคนต่างเซ็ง 555

ใช่สิคุณ NB เหมือนเราที่ชอบคุยเรื่อง "ยากเกิ๊น" ไงจำได้แล้ว
ที่จริงเราว่ามันคือเรื่องพื้นๆ บ้านๆ ที่คนทำมาหากิน
อย่างแม่ค้าข้าวมันไก่เค้าก็คุยกับเราได้ในมุมของเค้า
คือเรื่องการใช้ชีวิต ประเด็นทางสังคม
คนทั่วไปที่เราคุยด้วยแบบที่คุณ NB คุยกับเค้าเนี่ย
บางคนเก่ง และมีมุมมองที่ดีมาก แต่บางคนเค้าขาดโอกาสทางการศึกษาเท่านั้นเอง

และอีกกลุ่มก็เป็คนที่เลือกวิถีชีวิตเองที่จะทำอาชีพนั้น กลุ่มนี้ยิ่งเก่งใหญ่

เคยเจอน้องร้านก๋วยเตี๋ยวคนนึงอายุยังน้อย
เค้าทำร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็น พออยู่ตัวมีลูกค้าติดแล้ว
ก็เซ้งกิจการให้คนที่อยากขายแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
แล้วเค้าก้ไปเปิดที่ไหม่ พออยู่ตัวก็เซ้งให้คนอื่นมาทำ
แต่ตัวเค้าเองทำสัญญาเช่าที่ขายระยะยาวกับเจ้าของที่ไว้

และตัวเองก็มี townhouse ให้เช่าอีกหลายหลัง
ซึ่งเป็นหลังที่เป็นทำเลค้าขายของโครงการหมู่บ้านใหญ่
ที่นึงแถวคลองสามหนึ่งในนั้นมี 7-11 เช่าอยู่ด้วย
และหลังที่เค้าอยู่เองก็ยังเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง และก๋วยเตี๋ยวอีกด้วย

คุยกับเค้าแล้วรู้สึกชื่นชม และได้มุมมองดีๆ หลายอย่างเลย

ยุงมากวนแล้วค่ะ ต้องย้ายทำเลเข้าในบ้านก่อนนะ :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 191

โพสต์

vim เขียน: ผมเองมองจากฐานะคนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีอะไรกับเขาเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าคนที่เรียนในสายนี้นั้นมีความกดดันมากกว่า มีรายได้น้อยกว่า ต้องสู้ชีวิตมากกว่า ต้องการการยอมรับที่มากกว่า ด้วยความกดดันนี้ผมเข้าใจว่าตรงนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนในสาขานี้ประสบความสำเร็จครับ
เห็นด้วยค่ะ คุณครูเปียโนของลูกอยู่วงดุริยางค์ทหารอากาศ
ก็เข้าข่ายที่น้อง vim บอกมาแต่เค้าก็เก่งนะสู้ชีวิตดี คงประสพความสำเร็จในชีวิตได้ในไม่ช้า

ลูกพี่เรียนเปียโนเริ่มเรียนของ YAMAHA JMC JXC แล้วมาเรียนเดี่ยว ที่ KPN
อ่านโน๊ตต่างกันเลยสองค่ายนี้ และคุณครูก็ให้ไปสอบเกรดของยุโรป
อย่างที่คุณ syj บอกทั้ง 2 ค่ายค่ะ ดีที่สอบ pass grade ไปบ้าง

แต่ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว เพราะระหว่างเรียนเราก็สังเกตว่าเค้าทำได้ดีนะ
แต่ดูรู้ว่าไม่ได้ชอบ ถามเค้าว่า ตอบแบบไม่ต้องเกรงใจคุณแม่นะ
จริงๆ แล้วลูกอยากเรียนเปียโนหรือเปล่า (ที่กลัวเค้าจะเกรงใจ
เพราะย้ำเสมอว่าเราซื้อเปียโนมาหลายตังค์อยู่ถ้าเรียนก็ให้ตั้งใจ)
พอถามและให้โอกาสตัดสินใจ เค้าบอกไม่ถึงกับชอบมาก เลยให้หยุดไปก่อนค่ะ

วันนี้บ้านเราคึกคักดีนะคะ ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง :wink:

SE-ED โทรมาแจ้งว่าหนังสือที่สั่งได้แล้ว ต้องไปรับก่อน ค่อยคุยกันใหม่นะคะ
หวานกับแวว
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 192

โพสต์

theenuch
แต่ก็จะให้กำลังใจและชื่นชมว่าที่เค้ามารับการรักษาและเราได้มาเจอกัน
เพราะตัวคนไข้เองเป็นผู้ที่มีกำลังใจดี และสู้ค่ะ เพราะหลายคนที่ไม่สู้เค้าไม่มาเลย
หนีไปรักษาแต่แผนโบราณไป ไม่ยอมมารักษาแผนปัจจุบัน
ก็จะเน้นให้กำลังใจและชื่นชม และขอบคุณเค้าด้วยที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความเข้มแข็งของเค้า
และเราก็รู้สึกว่าการที่เค้าสู้นั้นมีพลัง และพลังนั้นก็ส่งกลับมาหาเราด้วยค่ะ
เท่าที่มองตาขณะที่พูดคุยด้วย ส่วนใหญ่ตายิ้มค่ะ คือเค้ายิ้มทั้งหน้าทั้งตาน่ะค่ะ

เราก็มีความสุขไปด้วย เลยไม่รู้ว่าใครสอนใครเลยค่ะ น่าจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ถ่ายทอดพลังแก่กัน
น่ารักมากค่ะ เห็นภาพเลย เป็นบรรยากาศของการให้และรับที่สร้างความสุขใจที่หาได้จากงานประจำ ส่วนตัวเชื่อในเรื่องกรรมวิบากค่ะ ว่าคนที่เราพบเจอ ล้วนแล้วแต่เคยมีวาสนาต่อกัน คราวนี้ก็ได้มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันอีก คนที่ได้รับการฉายแสง หรือคีโมนี่เค้าต้องเผชิญกับความทุกข์ทางกายไม่น้อยเลยนะคะ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากจริงๆ

รอยยิ้มและคำทักทาย สายตาที่ส่งมอบความปรารถนาดี ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา เหล่านี้เป็นยาเสริมที่ทำให้คนไข้และญาติมีกำลังใจโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วยนะคะ อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณนุช :bow:
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หวานกับแวว
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 193

โพสต์

ขอบคุณคุณ syj และคุณ vim ที่เอาข้อมูลเรื่องดนตรีมาแบ่งปันนะคะ

ลูกสองคนก็ไปเสียเงินสอบเกรดกับเค้ามาเหมือนกันค่ะ ค่าสอบไม่น้อยเลย ตอนนั้นก็ดีใจคิดว่ามีอะไรมาวัดความก้าวหน้าในการเรียนดนตรีของลูกได้ เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยถนัดในเรื่องศาสตร์ด้านนี้ ต่อไปเห็นจะต้องปรับความคิดใหม่แล้วสิ

ความจริงก็อยากให้เด็กๆเค้ามีความสามารถพิเศษด้านนี้นะคะ ถ้าเค้าทำได้ดี มีความสุข อยากยึดเป็นอาชีพก็๋ได้ น่าจะมีความสุขดี ได้เล่นดนตรีเพราะๆให้คนฟัง แต่พอโตหน่อยเค้าก็ไม่มีเวลาให้กับวิชาเหล่านี้แล้ว เห็นแต่วิ่งเรียนกวดวิชาเตรียมสอบอะไรก็ไม่รู้มากมาย หลายต่อหลายรอบ ต้องวิ่งไปสอบหลายที่ซะด้วย น่าเห็นใจจริงๆ เรียนยังไม่ทันจบหลักสูตรก็ต้องเตรียมสอบแล้ว คิดถึงสมัยก่อนที่เราสอบหนเดียวทั่วประเทศ แม้จะลุ้นได้ทีเดียว แต่ก็ไม่ต้องกระทบเด็กกระทบผู้ปกครองมากเท่าวิธีการปัจจุบัน
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 194

โพสต์

ช่วงนี้ไซนัสอักเสบที่เคยผ่าไปถึง 2 ครั้ง เหมือนจะกลับมากวน...ปวดหัวปวดตาไปหมดเลย
ไม่ค่อยได้มาทักทาย เพื่อนๆ คุยกันไปพลางๆ ก่อนนะคะ

เอา " Depapepe " ที่เราชอบมาฝากค่ะ น่ารักดี :wink:

[youtube]c4niNrQrRHM[/youtube]
Nutth147
Verified User
โพสต์: 241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 195

โพสต์

[quote="theenuch"]ช่วงนี้ไซนัสอักเสบที่เคยผ่าไปถึง 2 ครั้ง เหมือนจะกลับมากวน...ปวดหัวปวดตาไปหมดเลย
ไม่ค่อยได้มาทักทาย เพื่อนๆ คุยกันไปพลางๆ ก่อนนะคะ

เอา " Depapepe " ที่เราชอบมาฝากค่ะ น่ารักดี :wink:

ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าจะไปพูด money talk ด้วย ขอให้หายไวๆครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 196

โพสต์

Nutth147 เขียน:ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าจะไปพูด money talk ด้วย ขอให้หายไวๆครับ
ขอบคุณค่ะ วันนี้เลยลาป่วยอยู่บ้านเพื่อสะดวกแก่การล้างโพรงจมูกค่ะ
(มีวิธีการมาฝากด้วยค่ะ...มีประโยชน์มาก)

คำแนะนำในการล้างโพรงจมูก
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e- ... asp?id=283

เรื่อง money talk@set นั้น ขอบคุณที่ติดตามนะคะ...ตื่นเต้นมากทีเดียว
แต่จะพยายามให้ดีที่สุด ให้สมกับที่อาจารย์ท่านไว้วางใจและให้การสนับสนุนค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 197

โพสต์

Wow อย่าตื่นเต้นนะครับ

Keep step เหมือนตอบกระทู้นี่หล่ะครับ

จะดูดีมากบนเวทีครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 198

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:Wow อย่าตื่นเต้นนะครับ

Keep step เหมือนตอบกระทู้นี่หล่ะครับ

จะดูดีมากบนเวทีครับ
ขอบคุณ คุณ NB คุณหมอหวานกับแววที่ cheer อยู่หลังไมค์ และเพื่อนๆ นะคะ
"Keep step เหมือนตอบกระทู้นี่หล่ะครับ" เป็นคำแนะนำที่ดีค่ะ

และสำคัญที่สุดขณะอยู่บนเวที
คงจะเป็นพลังจากท่านอาจารย์ที่จะกรุณาถ่ายทอดมาให้
และทุกท่านในที่นั้นที่จะกรุณาส่งมาให้ด้วยค่ะ

คงต้องลืมตัวเองไปชั่วขณะ และนำวัตถุประสงค์ของ money talk
ที่อาจารย์ท่านตั้งใจถ่ายทอดสิ่งดีมีประโยชน์แก่สังคมเป็นวงกว้างมาเป็นที่ตั้งแทน
เมื่อคิดได้แบบนี้ จะพบว่าเราเองเป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดหนึ่งของทีมงาน money talk
และเป็นจุดเล็กๆ ของความดีทั้งหมดที่อาจารย์ท่านทำอยู่ หวังว่าจะทำให้ตื่นเต้นน้อยลงค่ะ

......................

ขอถือโอกาสอธิบายเบื้องหลังของการเขียนเรื่องต่างๆ นิดนึงค่ะ

ปกติเวลาที่อ่านเจอ หรือถูกสอนเรื่องใดๆ ก็ตามโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม
แบบคำขวัญวันเด็ก เช่น ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน มีวินัย ไฝ่คุณธรรม ฯลฯ
เราจะรู้สึกว่าบางเรื่องมันยากและเชื่อแน่ว่าคนอื่นๆ ก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน

อันเนื่องมาจากเป็นคนช่างคิดและพอมีเวลา จึงพยายามจับเอา
สิ่งที่เป็นนามธรรมเหล่านั้นมาแปลงให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ตัวเองลงมือทำได้
และเมื่อลองทำแล้วเกิดผลดี ก็เกิดความคิดว่าถ้าเราลองถ่ายทอด
โดยการเขียนออกมา น่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นได้บ้าง
โดยเฉพาะเรื่องการออม การวางแผนการเงิน และการเลี้ยงลูกที่ดูจะถนัด

ในแต่ละวันที่ลูกหลับไป เราก็จะคิดว่า อืม... วัยนี้ควรสอนเรื่องไหนดีนะ
เมื่อได้ประเด็น ก็จะมาออกแบบวิธีการและกิจกรรม หรือเรื่องที่เราพบเจอ
ในชีวิตประจำวันว่าเราจะเชื่อมโยงมาสู่คุณธรรมข้อไหน หรือความรู้เรื่องใด
แล้วค่อยๆ ดึงมาปฏิบัติ ไปตามที่เรามีโอกาสค่ะ

แต่มันจะมีประโยชน์แค่กับตัวเองและเพื่อนๆ วงเล็กๆ เท่านั้น
ถ้าเราไม่เขียนออกมา ถึงเขียนออกมาแล้วก็ยังไม่มีประโยชน์เป็นวงกว้างอยู่ดี
ถ้าไม่มีผู้ให้โอกาสที่จะนำไปเผยแพร่ในที่ที่เหมาะสม
ดังนั้นถ้ามีใครที่จะได้ประโยชน์เล็กๆน้อยๆ จากสิ่งที่เราตั้งใจถ่ายทอดนี้
คงต้องขอยกความดีทั้งหมดให้แก่ท่านอารจารย์ ดร.ไพบูลย์ ทีมงาน money talk
คุณโจ_ลูกอิสาน และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า คือ web thaivi
ที่เป็นช่องทางให้ได้สื่อสารข้อคิด ข้อเขียนผ่านสังคมคุณภาพค่ะ

.................

สุดท้ายที่ไม่ขอบคุณไม่ได้เลย ก็คือเพื่อนๆ ที่ติดตามอ่านค่ะ
ทั้งใน fb/ money talk และ thaivi
หลายๆ ท่านก็มาช่วยแลกเปลี่ยนให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น
เพราะถ้าไม่มีผู้อ่านก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไม ใช่มั้ยคะ :wink:

.....................

จะบอกว่าวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันก็เป็นอีกเรื่องที่ดึงมาจัดเป็นกิจกรรม
เพื่อสอนเรื่องความมีเหตุผลและปลูกจิตวิญญาณแห่งการค้นคว้าลงไปในตัวลูกได้ดีมาก

.................

ล้างจมูกและทานยาไปแล้วดีขึ้นมา...เขียนสักเรื่องดีกว่า

.................

แรงเฉื่อย

..........

นำรถของเล่นมาประกอบการสอนดังนี้ค่ะ
เอาของอะไรก็ได้วางบนรถของเล่น
แล้วใช้ดินน้ำมันหรือของอย่างอื่นมาทำเป็นอุปสรรค
เพื่อให้รถที่บรรทุกของนั้นพุ่งชน
ที่เลือกดินน้ำมันเพราะเราสามารถปั้นให้มีความสูงเหมาะสมได้
และเอาไว้ใช้ประกอบการสอนเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก
(เช่น แรงหนีศูนย์กลางแบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ค่อยทยอยมาเล่า)

แล้วให้ลูกเป็นแล่นรถไปชนและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ
ทำหลายๆ ครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นไม่ต้องให้ชน
เพียงแต่แล่นมาเร็วๆ แล้วเราจับให้รถหยุดกระทันหัน
ก็ให้ผลที่คล้ายกัน ทีนี้ก็มาเปิด youtube ที่เราเตรียมไว้ให้ดู
ผลของการไม่คาด seatbelt และตามด้วยข่าวความสูญเสีย
ที่เกิดจากกรณีดังกล่าวที่เราควรเตรียมไว้แต่ต้น จะได้ต่อเนื่อง

เวลาอยู่ในรถเราก็สามารถดึงเรื่อยแรงเฉื่อยและแรงเสียดทาน
มาสอนเรื่องระยะเบรคที่สัมพันธ์กับน้ำหนักของรถ
และสอนเรื่อง การต้องมี MOS ที่มากพอ (คุ้นๆ นะคำนี้)
ระหว่างรถเรากับรถคันหน้า และถ้ามีรถคันไหนขับจี้ท้ายเรา
เราก็จะให้เค้าแซงไปเลย เพราะเค้าไม่ให้โอกาสตัวเอง
และไม่ให้โอกาสเพื่อนร่วมทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในท้องถนน
ถ้าเราอยู่หน้าเค้าก็มีโอกาสสูงที่เราจะกลายเป็นคู่กรณี
ถ้าข้างหน้าเรามีอะไรที่ทำให้เราต้องเบรคแม้จะไม่กระทันหันก็ตาม

ในเรื่องเดียวสามารถสอนลูกไปได้หลายเรื่องเลย
และเราก็ได้เล่นกับลูกไปด้วย :D
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 199

โพสต์

เพิ่งหัดล้างจมูกเป็นเมื่อวานเองครับ
ไม่ยากเลยครับ รู้งี้หัดตั้งนานแล้ว
ไม่ต้องเจ็บจมูก เวลาสั่งน้ำมูกด้วย
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 200

โพสต์

ลูกอิสาน เขียน:เพิ่งหัดล้างจมูกเป็นเมื่อวานเองครับ
ไม่ยากเลยครับ รู้งี้หัดตั้งนานแล้ว
ไม่ต้องเจ็บจมูก เวลาสั่งน้ำมูกด้วย
ขอบพระคุณคุณโจที่เป็น Idol สำหรับการลงทุนมาตลอด
การให้โอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งดี
แล้วยังกรุณาแวะมาทักทายด้วยค่ะ

เขินมากๆ เพราะแอบช่ืนชมคุณโจไว้ในกระทู้เยอะเลยค่ะ :oops:

การลงทุนแนววีไอที่ถูกต้องตามแบบที่คุณโจได้ทุ่มเทสอนแก่พวกเรา
เป็นวงกว้างโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนและไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยนั้น
ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความก้าวหน้าในการลงทุนไปตามอัตภาพ
และยังทำให้มีเวลามานั่งเขียนเรื่องบ้านๆ อย่างนี้ ด้วยค่ะ

........................

ดีจังที่คุณโจล้างจมูกเป็นแล้ว
ถ้าลูกๆ ของคุณโจเป็นหวัดก็สามารถล้างจมูกให้ได้นะคะ
การล้างจมูกมีประโยชน์ทั้งการป้องกันไซนัส
และป้องกันหูชั้นกลางอักเสบในเด็กด้วยค่ะ
(ของตัวเองให้ความสำคัญกับการล้างจมูกช้าไปเลยเป็นไซนัสไปแล้วค่ะ)
tanoppan
Verified User
โพสต์: 135
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 201

โพสต์

Theenuch
ช่วงนี้ไซนัสอักเสบที่เคยผ่าไปถึง 2 ครั้ง เหมือนจะกลับมากวน...ปวดหัวปวดตาไปหมดเลย

:arrow: ขอถาม :?: เป็นข้อๆหน่อยนะค่ะ เพื่อเก็บสถิติส่วนตัวใว้ค่ะ
1. ตอนอยุ่บ้านเป็นคนชอบใส่เสื้อสายเดี่ยว
2. ตอนเช้าเข้าห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัว
จะต้อง ถอดเสื้อ ยืนแปรงฟัน
เมื่อแปรงฟันเสร็จก็นั่งโถส้วม
3. อาบน้ำเสร็จ เดินหาผ้าเช็ดตัว
4. อาบน้ำเสร็จยืนตากพัดลม
5. สระผมเสร็จยืนเป่่าผมด้วยพัดลมแรงๆ
6. ออกกำลังเสร็จ ตัวเปียก ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะถอดเสื้อออกทันที
7. พฤติกรรมที่ทำให้ร่างกายเปลี่ยนอุณหภุมิอย่างทันที

:arrow: ส่วนตัว
จะเป็นข้อ 2 , 3 และข้อ1
ตัวเองรู้สึกว่าเหมือนจะเป็นหวัด เย็นๆ คล้ายจะเป็นภูมแพ้
สังเกตพฤติกรรมส่วนตัว
จึงเลี่ยงทั้ง 3 ข้อ ก็ไม่เป็นอีกเลย

:arrow: พี่ชายบอกว่าเป็นไซนัส
พฤติกรรมของพี่ชายเป็นดังนี้
ตอนเด็กๆอยู่บ้านเดี่ยวกัน
พี่ชายก่อนนอนจะนั่งถ่ายฯโดยถอดเสื้อ(อากาศไม่ได้หนาว)
ถ่ายก็หลายนาที
พอถ่ายเสร็จก็จะอาบน้ำ พบว่าสบู่ไม่มี
เดินออกมาหน้าบ้านเพื่อหยิบสบู่ระยะทางประมาณ 10 ม.
โดยเดินใส่กางเกงในเพียงตัวเดียว
หยิบสบู่เสร็จก็เดินโถงๆเข้าห้องน้ำ

:arrow: เพื่อนๆที่บอกว่าเป็นภูมิแพ้
พฤติกรรมก็จะเป็นข้อ 1,2,3

:arrow: เพื่อนที่เป็นนายเก่า
พฤติกรรมก็จะเป็นข้อ 2, 6

:arrow: ลูกน้องของเพื่อนที่เป็นนายเก่าไปตัดตอมซิน 2 ข้างเลย
ชอบนอนถอดเสื้อ พร้อมเปิดพัดลม

ถ้าชอบทำพฤติกรรมด้งกล่างข้างต้น
ก็ควรดื่ม น้ำที่เป็นฤทธิ์ร้อน คือ
นำ้ขิง/ตะไคร้/น้ำร้อน/ พริก/ ต้มยำ ฯลฯ
ดื่มฤทธิ์ร้อนมากก็ไม่ดี เพราะผมหงอกเร็ว :ohno:

ให้สังเกตุพฤติกรรมผู้ดีอังกฤษ
ในหนังการ์ตูนที่เห็นกัน
ตอนเช้า ตื่นนอน
เมื่อลุกจากเตียง ก็จะคว้าเสื้อคุมมาใส่ทันที่
เป็นการปรับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่หรือเปลี่ยนแปลงน้อย
เพราะเปลี่ยนจากอุณหภูมใต้ผ้าห่ม

ในเรื่องอุณหภูมิในร่างกาย
ทุกคนยีนส์ไม่เหมือนกัน
พฤติกรรมเลี่ยนแบบกันไม่ได้
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 202

โพสต์

tanoppan เขียน:
ถ้าชอบทำพฤติกรรมด้งกล่างข้างต้น
ก็ควรดื่ม น้ำที่เป็นฤทธิ์ร้อน คือ
นำ้ขิง/ตะไคร้/น้ำร้อน/ พริก/ ต้มยำ ฯลฯ
ดื่มฤทธิ์ร้อนมากก็ไม่ดี เพราะผมหงอกเร็ว
:ohno:

ให้สังเกตุพฤติกรรมผู้ดีอังกฤษ
ในหนังการ์ตูนที่เห็นกัน
ตอนเช้า ตื่นนอน
เมื่อลุกจากเตียง ก็จะคว้าเสื้อคุมมาใส่ทันที่
เป็นการปรับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่หรือเปลี่ยนแปลงน้อย
เพราะเปลี่ยนจากอุณหภูมใต้ผ้าห่ม


ในเรื่องอุณหภูมิในร่างกาย
ทุกคนยีนส์ไม่เหมือนกัน
พฤติกรรมเลี่ยนแบบกันไม่ได้
ขออนุญาตไม่ตอบคำถามนะคะ
เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้ต่ำกว่า 18 ห้ามอ่าน ไปค่ะ :wink:

แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่มีประโยชน์เรื่องการปฏิบัติตัวนะคะ

คิดว่าไซนัสเป็นพัฒนาการด้านลบของภูมิแพ้ค่ะ (ภาวะแทรกซ้อน)
จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต้องรักษาด้วยยา หรือบางกรณีก็ต้องผ่าตัดค่ะ

ของตัวเองที่เป็นเพราะผนักกั้นจมูกคด (ผ่าครั้งที่ 1 เพื่อแก้ไข)
และโรคภูมิแพ้ทำให้เยื่อบุภายในโพรงจมูกบวมค้างทางเดินหายใจตีบแคบ
ส่งผลให้ระบายของเสียจากโพรงไซนัสได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ (ผ่าครั้งที่ 2)

ซึ่งก็ดีขึ้นมาก หายไปนานมากค่ะและเพิ่งเริ่มกลับมาใหม่

ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ
ตัดทอนซิลไปแล้วทั้ง 2 ข้าง ค่ะ

แต่การล้างโพรงจมูกมีประโยชน์จริงๆ ค่ะ
สำหรับคนที่เป็นหวัด อย่างที่คุณโจก็ได้กรุณาแบ่งปันไว้ว่า
การล้างจมูกช่วยให้ "ไม่ต้องเจ็บจมูก เวลาสั่งน้ำมูกด้วย"
นั่นเป็นประโยชน์สำคัญประการแรกเลยค่ะ

สามารถทำความเข้าใจเรื่องไซนัสอักเสบพร้อมๆ ทั้ง
ประโยชน์ของการล้างจมูกอย่างเข้าใจง่าย ได้ตาม link นี้ค่ะ

[youtube]BinaUHPdrKY[/youtube]
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 203

โพสต์

“ปล่อยมือ” พัฒนาการก้าวสำคัญของการเป็นพ่อแม่

................

ตอนอยู่ทาวน์เฮาส์ เด็กๆ มักเล่นกันอยู่ในถนน (เพราะไม่มีที่เล่น)
ส่วนผู้ใหญ่ก็จับกลุ่มคุยอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มเด็กมากนัก
ตอนนั้นลูกเรายังไม่ถึงขวบ (จึงได้แต่สังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม)
พบว่า...สิ้นเสียงตะโกน “รถมา” เด็กๆ จะวิ่งไปแอบข้างถนน
ยกความรับผิดชอบ และการตัดสินใจหลบรถ ให้ผู้ใหญ่ไป

....................

ตอนลูกอยู่อนุบาล 2 ไปตลาดกัน เราเดินนำหน้า+จูงมือลูก
รู้สึกว่าแขนตึงๆ ชะลอฝีเท้าให้แล้ว ลูกก็ยังเดินไม่ทัน
หันไปดูพบว่า ลูกถือของเล่นติดมือมาด้วย...ขาเดินแต่ตาไม่ดูค่ะ
”ยกความรับผิดชอบให้คนจูงไปเล๊ย...สบายแล้วเรา”

ด้วยความเป็นห่วงลูก เราจำเป็นต้อง “ปล่อยมือ”
ให้ลูกมาเดินข้างหน้า แล้วเราระวังหลังให้
“ลูกต้องดูทางเองนะ” เหลือบดูที่พื้นถนนด้วยว่า
“มีน้ำขังมั้ย” “มีหลุมร่อง หรือพื้นต่างระดับหรือไม่"
มองไปไกลๆ สลับกับดึงสายตามามองใกล้ๆ เหลือบซ้าย แลขวา
อย่าให้ชนคนอื่น ระวังท่อไอเสียรถมอเตอร์ไซค์ด้วย ฯลฯ

แรกๆ ดูเค้าไม่มั่นใจ พยายามจะหันมามองเราอยู่บ้าง
ต้องเตือนว่าให้มองไปข้างหน้าเราไม่หายไปไหนหรอก

ไม่นานหลังจากนั้น เวลาไปตลาดเดินตัวปลิวเชียว
"คุณแม่ระวัง..ฝาท่อปิดไม่สนิท" เสียงใสๆ เตือนเราเสียอีกแน่ะ

………………….

ถ้าเด็กมีโอกาสรับรู้ว่า “เราทำได้” บ่อยครั้ง ตั้งแต่วัยต้นๆ
จะมีความ "ภูมิใจ" และ "นับถือตนเอง" และมีแนวโน้ม
ที่จะ "เลือก" สิ่งที่เข้ามาในชีวิตให้เหมาะกับ "คุณค่า" นั้น

ซึ่งความรู้สึก "ภูมิใจในตนเอง" นั้นลูกต้องรับรู้เอง
ผ่าน "ความสำเร็จ" ในแต่ละก้าวเล็กๆ ของลูกเอง
มีเงินมากขนาดไหนก็ซื้อประสบการณ์ "ความสำเร็จ"
และ "ความภูมิใจในตนเอง" ให้ลูกไม่ได้

ในยุคที่การสื่อสารผ่านสังคม online เข้ามีบทบาทมาก
และเร็วขึ้น ลูกจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณของตนเอง
เป็น “ตัวกรอง” ที่สำคัญ หากลูกรู้สึกว่าตัวเขามีคุณค่า
โอกาสที่จะ "ถูกชักจูง" ไปในทางด้อยค่าย่อมเป็นไปได้ยาก

.........................

ในการเลี้ยงลูก แน่นอนเราอยากเห็นลูกมีพัฒนาการที่สมวัย
แต่อยากบอกว่า การเรียนรู้ที่จะ “ปล่อยมือ” จากลูก
ก็เป็นพัฒนาการก้าวสำคัญ...ที่พ่อแม่ต้องเรียนรู้เช่นกันค่ะ
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 204

โพสต์

ชอบไอเดียเรื่องการปล่อยมือของพี่นุชครับ

ถ้าไม่ได้อ่านโพสนี้ของพี่ผมคงจูงมือลูกไปอีกนานทีเดียว
เพราะใจคิดว่าเค้ายังเล็ก หากปล่อยมือเกิดเดินไปชนรถ พลัดหลง หรือโดนจับตัวไปเราคงเสียใจแน่
แต่อ่านโพสนี้แล้วจะลองทำตามกับลูกคนโตของผมดูครับ

ส่วนคนเล็กนี่กำลังหัดเดิน แกจูงมือเราเดินไม่หยุดเลย
บางครั้งเราเดินจนเหนื่อยจะขอพักหน่อยแกก็ยังไม่ค่อยยอม
เดี๋ยวให้เดินคล่องหน่อยจะปล่อยมือทั้ง2คนตามที่พี่แนะนำเลยครับ

แวะมาทักทายและจะบอกว่า
แต่ละโพสของพี่มีประโยชน์กับผมมากครับ :D
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 205

โพสต์

saichon เขียน:ชอบไอเดียเรื่องการปล่อยมือของพี่นุชครับ

ถ้าไม่ได้อ่านโพสนี้ของพี่ผมคงจูงมือลูกไปอีกนานทีเดียว
เพราะใจคิดว่าเค้ายังเล็ก หากปล่อยมือเกิดเดินไปชนรถ พลัดหลง หรือโดนจับตัวไปเราคงเสียใจแน่
แต่อ่านโพสนี้แล้วจะลองทำตามกับลูกคนโตของผมดูครับ

ส่วนคนเล็กนี่กำลังหัดเดิน แกจูงมือเราเดินไม่หยุดเลย
บางครั้งเราเดินจนเหนื่อยจะขอพักหน่อยแกก็ยังไม่ค่อยยอม
เดี๋ยวให้เดินคล่องหน่อยจะปล่อยมือทั้ง2คนตามที่พี่แนะนำเลยครับ

แวะมาทักทายและจะบอกว่า
แต่ละโพสของพี่มีประโยชน์กับผมมากครับ :D
ยินดีจ้ะ...น้องสายชล
ดูให้เหมาะสมตามบริบทของเรานะ
ถ้าผู้ใหญ่ 1 เด็ก 2 แถมเล็กมากๆ คนนึงก็อาจต้องจูงก่อน
ค่อยเลือกฝึกตอนที่ 1 ต่อ 1 จนเค้ามั่นใจ

พี่ค่อนข้างให้เึค้าดูข่าว และดูนาทีฉุกเฉินด้วย
เช่น ข่าวยาเสพ ปล้นร้านทอง เวลาที่จับคนร้ายได้
แล้วนำมาแถลงข่าว หลายคนหน้าตาสะอาดสะอ้าน
บางคนเข้าข่ายหน้าตาหล่อเลยหละ บางแก๊งค์มีผู้หญิงและคนท้องปนอีก

ก็บอกเค้าว่าอย่าดูคนจากภายนอก
ให้นึกถึงวิธีล่อลวงเด็ก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้าทรัพย์
และจำวิธีการที่มิจฉาชีพเอามาใช้ด้วย

สถานที่ไหนเป็น "ที่อโคจรบ้าง" เช่น ร้านเกมส์
ที่มักจะเป็นแหล่งรวมของวัยรุ่นแม้ส่วนใหญ่
จะไม่ได้เป็นคนที่ร้ายๆ แต่บ่อยครั้งมีคนที่ออกจะเกเร
ปะปนอยู่ แม้แต่คนเดียว ก็อาจสร้างปัญหาได้
ก็เปิด ภาพจากกล้องวงจรปิดตามข่าวให้ดู

พบว่าร้านเกมส์มี "ความชุก" ของการเกิดเหตุ
ตามมายิงถล่มกัน ตามมาจัดการคู่อริ ในอัตราสูง
(อาจเป็นเพราะซุ่มสังเกตความเคลื่อนไหวง่ายและเป็นระบบปิด)
หลายๆ ครั้ง คนเสียชีวิตโดนลูกหลง....ก็สอนทำนองนี้ค่ะ

เค้าเลยเป็นเด็กที่สนใจดูข่าวและสังเกตสิ่งรอบตัว
และเริ่มมีความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ไปในทางที่เหมาะสม

เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ เค้าบอกว่ามีข่าวปล้นร้านทองรายวัน
และเค้าเชื่อว่าจะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีตัวอย่างที่จับไม่ได้
และปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลเยอะขึ้น หนี้ใช้จ่ายเกินตัว
ทั้งหนี้พนันบอล และเค้าก็วกกลับมาชวนพี่คุยว่า
ผู้หญิงคนนั้นที่จะมาขายตึกให้คุณแม่แต่คนเช่าทำกิจการโต๊ะบอล
เค้าดีใจที่คุณแม่ไม่เลือกซื้อตึกนั้น เพราะเค้าคิดว่าโต๊ะบอล
เป็นแหล่งมอมเมาเยาวชน แถมตึกนั้นอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอีกด้วย

ยังบ่นๆ ต่อด้วยว่า "ยังมีหน้ามาบอกกับเราอีกว่าเคลียร์กับตำรวจได้แล้ว"

พี่รู้สึกปลื้มเลยทีเดียว จากสิ่งที่เค้าพูดมาทั้งหมด
ทำให้เรารู้ว่ามีเค้าสามารถประเมินสภาพสังคมรอบตัวได้แม่นตรง
และแน่นอน เค้าไม่เลือกเดินไปในสายนั้นแน่ๆ
ถือได้ว่ามีคุณธรรมอยู่ในระดับน่าพอใจเลยค่ะ

พี่รู้สึกว่าน้องสายชลเองก็เลี้ยงลูกได้ดีมากทีเดียวนะ :wink:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 206

โพสต์

saichon เขียน:ชอบไอเดียเรื่องการปล่อยมือของพี่นุชครับ

ถ้าไม่ได้อ่านโพสนี้ของพี่ผมคงจูงมือลูกไปอีกนานทีเดียว
เพราะใจคิดว่าเค้ายังเล็ก หากปล่อยมือเกิดเดินไปชนรถ พลัดหลง หรือโดนจับตัวไปเราคงเสียใจแน่
แต่อ่านโพสนี้แล้วจะลองทำตามกับลูกคนโตของผมดูครับ

ส่วนคนเล็กนี่กำลังหัดเดิน แกจูงมือเราเดินไม่หยุดเลย
บางครั้งเราเดินจนเหนื่อยจะขอพักหน่อยแกก็ยังไม่ค่อยยอม
เดี๋ยวให้เดินคล่องหน่อยจะปล่อยมือทั้ง2คนตามที่พี่แนะนำเลยครับ

แวะมาทักทายและจะบอกว่า
แต่ละโพสของพี่มีประโยชน์กับผมมากครับ :D
อีกเรื่องที่เด็ดมากๆ วันก่อนมีโอกาสนั่งคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึง
เค้าเล่าถึงเรื่องหลานชายที่ติดเกมส์ บางคืนเล่นถึงตีสอง
เช้าไปโรงเรียนก็สมองไม่แล่นแล้ว..ผลการเรียนแย่ลงมาก
และหยิบเงินที่จ่ายเป็นค่ากับข้าวแม่บ้านไปประจำเลย
เค้าก็ไม่กล้าบอกพ่อเด็กกลัวเด็กถูกทำโทษแรง

ลูกพี่นั่งฝึกเล่นกลไพ่อยู่ใกล้ๆ เหมือนเค้าไม่สนใจฟังนะ
แต่พอมาในรถเค้าบอกว่า เค้าไม่เห็นด้วยที่ไม่บอกพ่อเด็ก
และมันจะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นถ้าไม่ได้รับการแก้ไขแต่ต้น
และไม่อยากจะเชื่อว่าทำไมคนในบ้านไม่สามารถดูแล
เรื่องการใช้เวลาในการเล่นเกมส์ให้เหมาะสมได้

และลงท้ายที่เด็ดสุดว่า
"...._(ชื่อเด็กคนนั้น)...อาจเป็นคนที่ระวังในการคบหาด้วย"
ถ้าว่าทำไม เค้าบอกว่า อาจชวนเราไปร้านเกมส์ก็ต้องไม่ไปด้วย
ถ้ามาชวนไปไหนต้องให้อธิบายให้ชัดเจน
เค้า "กลัวตัวเองถูกชวนไปร้านเกมส์" 5555
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 207

โพสต์

เรื่องนี้อยู่ในข้อความยาวๆ ที่ตอบคุณ NB
เกรงว่าจะมีเพื่อนๆ ที่อ่านข้ามไป
เลยดึงออกมาแยกไว้ให้ดีกว่าค่ะ

แรงเฉื่อย

..........

นำรถของเล่นมาประกอบการสอนดังนี้ค่ะ

เอาของอะไรก็ได้วางบนรถของเล่น
แล้วใช้ดินน้ำมันหรือของอย่างอื่นมาทำเป็นอุปสรรค
เพื่อให้รถที่บรรทุกของนั้นพุ่งชน
ที่เลือกดินน้ำมันเพราะเราสามารถปั้นให้มีความสูงเหมาะสมได้
และเอาไว้ใช้ประกอบการสอนเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก
(เช่น แรงหนีศูนย์กลางแบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ค่อยทยอยมาเล่า)

แล้วให้ลูกเป็นแล่นรถไปชนและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ
ทำหลายๆ ครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นไม่ต้องให้ชน
เพียงแต่แล่นมาเร็วๆ แล้วเราจับให้รถหยุดกระทันหัน
ก็ให้ผลที่คล้ายกัน ทีนี้ก็มาเปิด youtube ที่เราเตรียมไว้ให้ดู
ผลของการไม่คาด seatbelt และตามด้วยข่าวความสูญเสีย
ที่เกิดจากกรณีดังกล่าวที่เราควรเตรียมไว้แต่ต้น จะได้ต่อเนื่อง

เวลาอยู่ในรถเราก็สามารถดึงเรื่องแรงเฉื่อยและแรงเสียดทาน
มาสอนเรื่องระยะเบรคที่สัมพันธ์กับน้ำหนักของรถ
และสอนเรื่อง การต้องมี MOS ที่มากพอ (คุ้นๆ นะคำนี้)
ระหว่างรถเรากับรถคันหน้า และถ้ามีรถคันไหนขับจี้ท้ายเรา
เราก็จะให้เค้าแซงไปเลย เพราะเค้าไม่ให้โอกาสตัวเอง
และไม่ให้โอกาสเพื่อนร่วมทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในท้องถนน
ถ้าเราอยู่หน้าเค้าก็มีโอกาสสูงที่เราจะกลายเป็นคู่กรณี
ถ้าข้างหน้าเรามีอะไรที่ทำให้เราต้องเบรคแม้จะไม่กระทันหันก็ตาม

......................................

ในเรื่องเดียวสามารถสอนลูกไปได้หลายเรื่องเลย
และเราก็ได้เล่นกับลูกไปด้วย :D
sorageol46
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 208

โพสต์

การจูงมือเด็ก กับการปล่อยมือให้เขาเดินเอง

ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับกับการเลี้ยงลูกที่ให้เขาคิดเอง และ ทำอะไรเอง (ผมยังไม่มีลูกนะครับ แต่คิดว่าถ้าถึงเวลาที่ผมมี ผมก็อยากเลี้ยงลูกในแนวทางนี้ครับ)

ผมสังเกตุเห็นคนที่นี่เขาจะปล่อยให้ลูกเขาเดินไปเองโดยมี พ่อกับแม่เดินตามหลังอยู่ห่างๆ เวลาหลังเด็กวิ่งซน
ก็แค่ตะโกนเตือนว่า มาทางนี้ อย่าไปทางนั้น ไม่ค่อยเห็นไปอุ้มรึไปจูงเด็กให้ไปทางนั้นทางนี้มากเท่าไหร่ครับ ไม่ค่อยโอ๋ลูกมาหเท่าไหร่
ผมคิดว่าทำให้เด็กกล้าคิด กล้าแสดงออก และตัดสินใจด้วยตนเองครับ
เคยเห็นอยู่ครั้งตอนเด็กน้อย วิ่งๆ ละล้มลง ตอนแรกทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่ พอ แม่เขา บอก get up please boy
สักพัก เด็กก็ลุกขึ้นเอง ไม่เห็นร้องไห้นะครับ ผมชอบที่เห็นพ่อแม่เวลาคุยกับลูก มักใช้คำว่า please ด้วยเสมอ เปเนการสอนให้เด็กมีความสุภาพมากครับ แต่พ่อแม่บางท่านก็ เอ็ดใส่ลูกตัวเองเหมือนกัน ประมาณใช้ F-word เลยครับ แบบนี้ก็ไม่ไหว ดูแล้วน่าสงสารเด็กครับ
" ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา....
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินให้ไปถึงฝัน เท่านั้นพอ"
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 209

โพสต์

sorageol46 เขียน:การจูงมือเด็ก กับการปล่อยมือให้เขาเดินเอง

ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับกับการเลี้ยงลูกที่ให้เขาคิดเอง และ ทำอะไรเอง (ผมยังไม่มีลูกนะครับ แต่คิดว่าถ้าถึงเวลาที่ผมมี ผมก็อยากเลี้ยงลูกในแนวทางนี้ครับ)

ผมสังเกตุเห็นคนที่นี่เขาจะปล่อยให้ลูกเขาเดินไปเองโดยมี พ่อกับแม่เดินตามหลังอยู่ห่างๆ เวลาหลังเด็กวิ่งซน
ก็แค่ตะโกนเตือนว่า มาทางนี้ อย่าไปทางนั้น ไม่ค่อยเห็นไปอุ้มรึไปจูงเด็กให้ไปทางนั้นทางนี้มากเท่าไหร่ครับ ไม่ค่อยโอ๋ลูกมาหเท่าไหร่
ผมคิดว่าทำให้เด็กกล้าคิด กล้าแสดงออก และตัดสินใจด้วยตนเองครับ
เคยเห็นอยู่ครั้งตอนเด็กน้อย วิ่งๆ ละล้มลง ตอนแรกทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่ พอ แม่เขา บอก get up please boy
สักพัก เด็กก็ลุกขึ้นเอง ไม่เห็นร้องไห้นะครับ ผมชอบที่เห็นพ่อแม่เวลาคุยกับลูก มักใช้คำว่า please ด้วยเสมอ เปเนการสอนให้เด็กมีความสุภาพมากครับ แต่พ่อแม่บางท่านก็ เอ็ดใส่ลูกตัวเองเหมือนกัน ประมาณใช้ F-word เลยครับ แบบนี้ก็ไม่ไหว ดูแล้วน่าสงสารเด็กครับ
เยี่ยมเลยค่ะขนาดยังไม่มีลูกยังสนใจประเด็นนี้
แสดงว่าถ้ามีลูกน่าจะเลี้ยงได้ดีนะคะ

..........................
ตอนฝึกใหม่ๆ...เวลาไปถึงจุดหมายแล้วค่อยกอดชื่นชมที่เค้าทำได้
แต่ระหว่างนั้นต้องไม่รับผิดชอบแทนเค้าค่ะ

ลูกพี่โตเร็ว "ทางความคิด" มากเลย
แต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยของพ่อแม่อยู่เสมอค่ะ "ยังกล่อมนอน"
อยากให้ "การกล่อมนอน" เป็นเชิงสัญลักษณ์ระหว่างกัน
เวลาโตไปก็คิดถึงการกล่อมนอนที่ไม่ธรรมดานี้ทีไรก็อมยิ้มได้ อะไรประมาณนี้ :wink:

เคยเห็นเหมือนกันที่เด็กโดนดุแรงเกิน
เห็นแล้วสงสารค่ะ เช่นกรณีที่ร้องจะเอาของเล่น
จริงๆ แล้วถ้ายังไม่ถึง กาละ เทศะ ที่ควรให้
ก็แค่ไม่ให้ แล้วอธิบายด้วยความสงบ 1 ครั้ง พอ

แล้วเดินไปทางอื่นเลย
แต่บ่อยครั้งเด็กลงไปนอนดิ้นกับพื้นก็ต้องเดินหนีไป
เดี๋ยวเค้าจะวิ่งตามมาเองแล้วเราก็ชมว่าเค้าพูดรู้เรื่อง
(จริงๆ ไม่ได้พูดรู้เรื่องหรอก แต่ถูกทิ้งแล้วไง 555)

เท่าที่เคยเห็นมี 2 อย่าง (ที่ไม่ดี) ที่พ่อแม่ทำคือ

1. ไม่ให้อยู่ดี ตวาด หรือ อาจตี ด้วย
- อันนี้เจ็บซ้ำซ้อน "การไม่ได้ของตามที่ต้องการ"
- แน่นอนเสียใจอยู่แล้ว แต่แป๊บเดียวก็ลืม
- แต่ทั้งโดนตวาด โดนตีอีก
สรุป ด้านของลูก มีแต่เสียกับเสีย
ด้านของพ่อแม่ มีแต่ ได้ กับได้
ได้อะไร "ไม่ต้องซื้อของให้" และ "ระบายอารมณ์" ด้วย
ซึ่งอย่างหลังคนเป็นพ่อแม่ควรทำได้ดีกว่าลูกและควรจะเป็นหน้าที่
ที่พ่อแม่ต้องฝึกด้วยเช่นกัน

2. ตอนแรกไม่ให้ แต่ตอนหลังยอมให้เพราะ "อาย" และ "ไปคิดบัญชีทีหลัง"
- แบบนี้ยิ่งแย่ใหญ่ เด็กสับสนมาก เพราะถ้าพ่อแม่ซื้อให้
- เด็กไม่รู้หรอกว่าไม่เต็มใจให้นัก ยิ่งเด็กเล็กๆ นี่
- ได้ของมาแล้วบางคน "ยิ้มทั้งน้ำตา" คือน้ำตายังไม่ทันแห้งก็ยิ้มไปด้วย
- แต่พ่อแม่คุกรุ่นอยู่ข้างใน ทันทีที่กลับเข้ารถ บางรายโดนหนักเลย

อีกอย่างที่เห็นแล้วอยากเดินเข้าไปบอกเลยคือ
ที่ดุเด็กเล็กมากๆ ฟังเนื้อหาก็ดูดีมีเหตุผลมากๆ ยาวๆ ซ้ำๆ
เสียงดังมากๆ บางทีหยิก ตี ไปด้วย และที่บอกว่าทรมานใจที่สุด
ที่ได้เห็นคือ สั่งให้ "เงียบ" "บอกว่าอย่าร้อง"
บางรายที่เห็นเด็กก็พยายามจะกลั้น แต่สะอื้น และกลั้นร้องไห้
ยังไม่พอ พ่อแม่บางคน แค่เสียงสะอื้นเล็ดรอด ออกมา ก็ตี หรือดุซ้ำอีก
"บอกว่าให้เงียบ ให้เงียบ" "ร้องทำไม" "ไม่กลัวใช่มั้ย นี่ นี่" ตีซ้ำไปอีก
แล้วเด็กก็ร้องอีก ก็วนเข้าวงจรเดิม

เห็นอย่างนี้ อยากเข้าไปแยกค่ะ อยากเอาเด็กมากอดด้วย

ที่สำคัญเด็กอายุไม่ถึง 2 ขวบ ซึ่งทฤษฎีจิตวิทยาพัฒนาการ
และพัฒนาการทางจริยธรรมแทบทุกสำนัก จะบอกไว้
ตรงกันหมดเลยว่า จะคุยเหตุผลกับเด็กได้เมื่ออายุครบ 2 ขวบ
ถ้าก่อนหน้านั้นอย่าไปพยายามเลย อาจต้องเบี่ยงเบนความสนใจแทน

จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้มีหนังสือหลายเล่มเขียนถึงไว้

เคยเจอแบบที่ยกตัวอย่างมาที่สัั่่งให้เงียบกริบ หยุดร้อง
เราเห็นบ่อยๆ เพื่อนๆ ที่มีลูกก็เห็นตรงกันว่าสงสารเด็ก
ก็เลยเอาหนังสือเรื่องเลี้ยงลูกไปให้เค้ายืม
(ตอนนั้นพี่ยังไม่มีลูก แต่เรียน ป.โท อยู่และชอบอ่านหนังสือแนวนี้)

โดนพูดประชดว่า "พวกที่จิตวิทยาจ๋านี่" อยากจะรู้นักว่า
ถ้า "มัน" มีลูกตัวเป็นๆ มานั่ง "แหกปาก" (เค้าใช้คำนี้จริงๆ ค่ะ)
อยู่ตรงหน้ามันจะงัดทฤษฎีมาใช้ทันมั้ย

ที่ถึงกับเอาหนังสือให้เค้ายืมเพราะ
บางวันเค้ามาเล่าเป็นวงกว้างว่าไม่ได้นอน โมโหลูก
"มันละเมอร้องไห้กลางดึก" ก็ถามไปว่าแล้วทำยังไง
เค้าบอกว่าก็ไปดุมันและบอกว่าให้หยุดแหกปากเดี๋ยวนี้
และลูกก็ไม่หยุด เลยปิดไฟและขังมันไว้คนเดียวอีกห้องนึง
เพราะเดี๋ยวน้องเล็กอีกคนตื่น (ใช้คำแบบนี้ตลอด)

หลังๆ มาต้อง "อุเบกขา" เลยสำหรับรายนี้ :cry:

ไปกล่อมลูกนอนก่อนนะคะ ลูกอายุ 13 แล้วหละ
แต่ยังกล่อมนอน "เชิงสัญลักษณ์" กันอยู่้ค่ะ :wink:
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI บ้าน ๆ

โพสต์ที่ 210

โพสต์

theenuch เขียน:
พี่รู้สึกว่าน้องสายชลเองก็เลี้ยงลูกได้ดีมากทีเดียวนะ :wink:
ขอบคุณครับ
ผมหวังแค่ว่าเมื่อพวกเค้าโตขึ้น แค่ไม่ทำตัวเป็นภาระของสังคม
ผมก็ดีใจและภูมิใจมากแล้วครับ

อ่านโพสด้านล่างเรื่องการเบี่ยงเบนความสนใจนี่ผมเห็นด้วยมากครับ
ผมใช้กับลูกคนโตตั้งแต่เล็กๆ ค่อนข้างได้ผลดีระหว่างเรากับเค้าครับ
เราใช้จนตอนหลังเวลาเราจะทำอะไรที่เค้าไม่ชอบ เช่นแปรงฟันให้
เค้าจะใช้มุขนี้เบี่ยงเบนความสนใจเรากลับด้วย
ขำดีเชียวครับ :D
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด