|0 คอมเมนต์
Nevercry.boy เขียน:Wow อย่าตื่นเต้นนะครับ
Keep step เหมือนตอบกระทู้นี่หล่ะครับ
จะดูดีมากบนเวทีครับ
ขอบคุณ คุณ NB คุณหมอหวานกับแววที่ cheer อยู่หลังไมค์ และเพื่อนๆ นะคะ
"Keep step เหมือนตอบกระทู้นี่หล่ะครับ" เป็นคำแนะนำที่ดีค่ะ
และสำคัญที่สุดขณะอยู่บนเวที
คงจะเป็นพลังจากท่านอาจารย์ที่จะกรุณาถ่ายทอดมาให้
และทุกท่านในที่นั้นที่จะกรุณาส่งมาให้ด้วยค่ะ
คงต้องลืมตัวเองไปชั่วขณะ และนำวัตถุประสงค์ของ money talk
ที่อาจารย์ท่านตั้งใจถ่ายทอดสิ่งดีมีประโยชน์แก่สังคมเป็นวงกว้างมาเป็นที่ตั้งแทน
เมื่อคิดได้แบบนี้ จะพบว่าเราเองเป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดหนึ่งของทีมงาน money talk
และเป็นจุดเล็กๆ ของความดีทั้งหมดที่อาจารย์ท่านทำอยู่ หวังว่าจะทำให้ตื่นเต้นน้อยลงค่ะ
......................
ขอถือโอกาสอธิบายเบื้องหลังของการเขียนเรื่องต่างๆ นิดนึงค่ะ
ปกติเวลาที่อ่านเจอ หรือถูกสอนเรื่องใดๆ ก็ตามโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม
แบบคำขวัญวันเด็ก เช่น ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน มีวินัย ไฝ่คุณธรรม ฯลฯ
เราจะรู้สึกว่าบางเรื่องมันยากและเชื่อแน่ว่าคนอื่นๆ ก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน
อันเนื่องมาจากเป็นคนช่างคิดและพอมีเวลา จึงพยายามจับเอา
สิ่งที่เป็นนามธรรมเหล่านั้นมาแปลงให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ตัวเองลงมือทำได้
และเมื่อลองทำแล้วเกิดผลดี ก็เกิดความคิดว่าถ้าเราลองถ่ายทอด
โดยการเขียนออกมา น่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นได้บ้าง
โดยเฉพาะเรื่องการออม การวางแผนการเงิน และการเลี้ยงลูกที่ดูจะถนัด
ในแต่ละวันที่ลูกหลับไป เราก็จะคิดว่า อืม... วัยนี้ควรสอนเรื่องไหนดีนะ
เมื่อได้ประเด็น ก็จะมาออกแบบวิธีการและกิจกรรม หรือเรื่องที่เราพบเจอ
ในชีวิตประจำวันว่าเราจะเชื่อมโยงมาสู่คุณธรรมข้อไหน หรือความรู้เรื่องใด
แล้วค่อยๆ ดึงมาปฏิบัติ ไปตามที่เรามีโอกาสค่ะ
แต่มันจะมีประโยชน์แค่กับตัวเองและเพื่อนๆ วงเล็กๆ เท่านั้น
ถ้าเราไม่เขียนออกมา ถึงเขียนออกมาแล้วก็ยังไม่มีประโยชน์เป็นวงกว้างอยู่ดี
ถ้าไม่มีผู้ให้โอกาสที่จะนำไปเผยแพร่ในที่ที่เหมาะสม
ดังนั้นถ้ามีใครที่จะได้ประโยชน์เล็กๆน้อยๆ จากสิ่งที่เราตั้งใจถ่ายทอดนี้
คงต้องขอยกความดีทั้งหมดให้แก่ท่านอารจารย์ ดร.ไพบูลย์ ทีมงาน money talk
คุณโจ_ลูกอิสาน และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า คือ web thaivi
ที่เป็นช่องทางให้ได้สื่อสารข้อคิด ข้อเขียนผ่านสังคมคุณภาพค่ะ
.................
สุดท้ายที่ไม่ขอบคุณไม่ได้เลย ก็คือเพื่อนๆ ที่ติดตามอ่านค่ะ
ทั้งใน fb/ money talk และ thaivi
หลายๆ ท่านก็มาช่วยแลกเปลี่ยนให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น
เพราะถ้าไม่มีผู้อ่านก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไม ใช่มั้ยคะ
.....................
จะบอกว่าวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันก็เป็นอีกเรื่องที่ดึงมาจัดเป็นกิจกรรม
เพื่อสอนเรื่องความมีเหตุผลและปลูกจิตวิญญาณแห่งการค้นคว้าลงไปในตัวลูกได้ดีมาก
.................
ล้างจมูกและทานยาไปแล้วดีขึ้นมา...เขียนสักเรื่องดีกว่า
.................
แรงเฉื่อย
..........
นำรถของเล่นมาประกอบการสอนดังนี้ค่ะ
เอาของอะไรก็ได้วางบนรถของเล่น
แล้วใช้ดินน้ำมันหรือของอย่างอื่นมาทำเป็นอุปสรรค
เพื่อให้รถที่บรรทุกของนั้นพุ่งชน
ที่เลือกดินน้ำมันเพราะเราสามารถปั้นให้มีความสูงเหมาะสมได้
และเอาไว้ใช้ประกอบการสอนเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก
(เช่น แรงหนีศูนย์กลางแบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ค่อยทยอยมาเล่า)
แล้วให้ลูกเป็นแล่นรถไปชนและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ
ทำหลายๆ ครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นไม่ต้องให้ชน
เพียงแต่แล่นมาเร็วๆ แล้วเราจับให้รถหยุดกระทันหัน
ก็ให้ผลที่คล้ายกัน ทีนี้ก็มาเปิด youtube ที่เราเตรียมไว้ให้ดู
ผลของการไม่คาด seatbelt และตามด้วยข่าวความสูญเสีย
ที่เกิดจากกรณีดังกล่าวที่เราควรเตรียมไว้แต่ต้น จะได้ต่อเนื่อง
เวลาอยู่ในรถเราก็สามารถดึงเรื่อยแรงเฉื่อยและแรงเสียดทาน
มาสอนเรื่องระยะเบรคที่สัมพันธ์กับน้ำหนักของรถ
และสอนเรื่อง การต้องมี MOS ที่มากพอ (คุ้นๆ นะคำนี้)
ระหว่างรถเรากับรถคันหน้า และถ้ามีรถคันไหนขับจี้ท้ายเรา
เราก็จะให้เค้าแซงไปเลย เพราะเค้าไม่ให้โอกาสตัวเอง
และไม่ให้โอกาสเพื่อนร่วมทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในท้องถนน
ถ้าเราอยู่หน้าเค้าก็มีโอกาสสูงที่เราจะกลายเป็นคู่กรณี
ถ้าข้างหน้าเรามีอะไรที่ทำให้เราต้องเบรคแม้จะไม่กระทันหันก็ตาม
ในเรื่องเดียวสามารถสอนลูกไปได้หลายเรื่องเลย
และเราก็ได้เล่นกับลูกไปด้วย