|0 คอมเมนต์
SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบปรับลง
กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์
**ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบในวันจันทร์ หลังจากบวกขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้น
กลุ่มค้าปลีกร่วงลงจากความวิตก เกี่ยวกับการให้ส่วนลดอย่างมากในช่วงเริ่มต้น
ฤดูกาลใช้จ่ายวันหยุดของสหรัฐ และความวิตกเกี่ยวกับภาวะ fiscal cliff
ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.33%
*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยตลาดหุ้นฟิลิปปินส์
พุ่งแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย
นำโดยหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง ขณะที่นักลงทุนรอการประชุมของยูโรโซน เกี่ยวกับ
การทำข้อตกลงช่วยเหลือกรีซ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดบวก 0.51% ขณะที่
มาเลเซีย และเวียดนาม ต่างปิดในแดนลบ
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดวานนี้ ร่วงลง 54 เซนต์
หรือ 0.6% ปิดที่ 87.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวล
เรื่องการเจรจาหนี้กรีซ และการเจรจาต่อรองเรื่องงบประมาณสหรัฐ
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ บวก 4 จุด หรือ 0.37% สู่ระดับ
1094 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647
*เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รมว.คลังยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
ได้บรรลุข้อตกลง เกี่ยวกับเป้าหมายหนี้ใหม่สำหรับกรีซแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งจะนำ
ไปสู่การเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่ให้กับกรีซ ซึ่งใกล้เผชิญกับภาวะล้มละลาย
*นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังปรับตัวแข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจยูโรโซน
และญี่ปุ่นในปีหน้า โดยตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2013 ที่ออกมาในช่วง
นี้แสดงให้เห็นว่า นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเห็น
สอดคล้องกับหลายๆคนในเรื่องที่ว่า ปี 2013 อาจจะเป็นปีที่ดีมาก สำหรับเศรษฐกิจ
สหรัฐ ถ้าหากนักการเมืองสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ fiscal cliff ได้สำเร็จ
**เศรษฐกิจทั่วไป
*วันนี้ หุ้นบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็สJMT ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
ของบมจ.เจ มาร์ท <JMART.BK> เข้าซื้อขายใน SET เป็นวันแรก โดยกำหนดราคา
IPO ที่หุ้นละ 4 บาท
*วันนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนต.ค.
*กระทรวงพาณิชย์ เผยการส่งออกในเดือนต.ค. มีมูลค่า 19,524 ล้านเหรียญสหรัฐ
เพิ่มขึ้น 15.57% จากต.ค.ปีก่อน จากปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมส่งออก
ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 54 รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
และการขยายการส่งออกในตลาดใหม่ และคาดการส่งออกปีนี้ จะขยายตัวได้ 4.5-5.0%
โดยมั่นใจว่า 2 เดือนที่เหลือของปี การส่งออกจะขยายตัวได้เดือนละมากกว่า 10%
*สภาพัฒน์ ระบุความสามารถในการชำระคืนของภาคครัวเรือนในไตรมาส 3/55 ลดต่ำลง
ซึ่งบ่งชี้ว่าครัวเรือนมีการใช้จ่ายเกินตัวมากขึ้น เป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง
*นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงโครงการรับจำนำข้าวว่า เป็นนโยบายที่ต้องการสร้างความ
มั่นคงของรายได้ให้เกษตรกร และดำเนินการด้วยความ โปร่งใสและตรวจสอบได้
พร้อมยืนยันไทยยังเป็นแชมป์ส่งออกข้าวในแง่มูลค่าการส่งออก
*เอ็นจีโอ จับตา กมธ.การค้า อียู พบ"กิตติรัตน์" 29 พ.ย.นี้ เชื่อจี้ไทยเร่ง
เดินหน้า เอฟทีเอไทย-อียู ด้าน "เอฟทีเอ ว็อทช์" เผยเหตุ อียูเร่งเจรจาหวั่น
เสียเปรียบยูเอสเดินหน้าเจรจาทีพีพี(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยว่าอยู่ระหว่างติดตาม
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งหากมีทิศทางปรับขึ้นอาจมีการประชุม
กบง.พิจารณาปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซล
เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกดีเซล ไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท จากปัจจุบัน
ที่รักษาระดับราคาไว้ที่ 29.79 บาท/ลิตร (นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*รองเลขาธิการสศช. ระบุการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท จะส่งผลกระทบต่อต้นทุน
ที่ส่งผ่านไปยังราคาสินค้าไปยังผู้บริโภค ซึ่งนอกจากกระทบกลุ่มแรงงานที่เป็น
ลูกจ้างแล้ว ยังส่งผลกระทบต่ออาชีพอื่นๆเช่นเกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ
แรงงานนอกระบบ นอกจากนี้ยังส่งผลให้แรงงานย้ายไปสู่ภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น
(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย มองว่าปีหน้าจะเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจเช่าซื้อไทย
สามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถได้ถึง 1.1 ล้านล้านบาท หรือเติบโตถึง 20% จาก
ยอดขายรถที่คาดว่าอยู่ประมาณ 1.3 ล้านคัน เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าธุรกิจ
เช่าซื้อทั้งระบบจะปล่อยสินเชื่อได้ 8.3-8.5 แสนล้านบาท จากยอดขายรถ 1.4
ล้านคัน(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
**การเมือง
*โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่านายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิก
ใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ 3 เขตของกรุงเทพฯ
หลังกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ยุติชุมนุมที่บริเวณลานพระรูปทรงม้าเมื่อ 24 พ.ย.
*สมาพันธ์ครูชายแดนใต้ มีมติหยุดการเรียนการสอน 332 โรงเรียนในปัตตานี ชั่วคราว
แสดงพลังกดดันรัฐบาล-หน่วยงานมั่นคง ทบทวนแผนรปภ.ครู เรียกร้องโรงเรียนยะลา-
นราธิวาส ร่วมแสดงจุดยืนด้วย (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*"เสธ.อ้าย"ปัดรับเงิน"ทักษิณ"ล้มม็อบ เผยเคยถูกทาบนั่งรมว.กลาโหมสมัย"สมัคร"แต่
ปฏิเสธ เผยน้อยใจทหารรุ่นน้องไม่ช่วย เล็งแจ้งความตร.ใช้กำลังไม่ถูกต้อง นปช.
แจ้งความ"เสธ.อ้าย-พวก"กบฏ ปชป.ช่วยเหยื่อม็อบสู้คดี ร้องสภาทนายเอาเรื่องคน
สั่งการตีม็อบ ผบ.ตร.ชงนายกฯเซ็นยกเลิกพ.ร.บ.มั่นคงฯ(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--บร--)
