สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 541

โพสต์

รูปภาพ


ชม เทศกาลพลุนานาชาติ ที่ Mirage Roof-Garden


โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ขอเชิญท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ“เทศกาลพลุนานาชาติ 2555” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน และวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคมศกนี้ ชมความงดงามอลังการของพลุดอกไม้ไฟจากนานาประเทศเหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม ภายใต้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค จาก “The Mirage Roof-Garden” บริเวณดาดฟ้าชั้น 19 ของโรงแรม ชิลล์เอาท์ไปกับเครื่องดื่มเสริฟชนิดไม่อั้น (2 ชั่วโมง) พร้อม Snack บุฟเฟ่ต์ ในราคาสุทธิเพียงท่านละ 999 บาท
“The Mirage Roof-Garden” โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนตัวบริเวณชั้น 19 ของโรงแรม พร้อมบริการในระดับ 5 ดาว สำหรับโอกาสพิเศษโดยเฉพาะ โดยจะเปิดให้บริการสำหรับช่วงเทศกาลพลุนานาชาติ ตั้งแต่เวลา 19.00 - 23.00 น.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ (038) 301-234 ต่อ 4314
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 542

โพสต์

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
รูปภาพ

รายละเอียด

ดื่มด่ำบรรยากาศริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม กับดินเนอร์กลางสายน้ำ จากราคาปกติ 1,600 บาท เหลือเพียง 800 บาทเท่านั้น ล่องหัวใจไปกับเรือสองฝั่งคลอง ดินเนอร์ครุยส์ เรือที่จะทำให้คุณสำราญใจ จากร้าน กินลม ชม สะพาน

• ล่องเรือยามค่ำคืนท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามตระการตาไปกับ “สองฝั่งคลองครุยส์” หนึ่งในบริการใหม่ของร้านอาหาร “กินลมชมสะพาน” ภายใต้เครือ Buddy Group

• เรือสองฝั่งคลอง เป็นเรือสองชั้นตกแต่งสไตล์โคโลเนียลไทย เหมือนได้ย้อนยุคไปใน สมัยรัชกาลที่ 5 ให้บริการอาหารไทยและซีฟู้ดรสชาติจัดจ้าน สามารถรองรับได้ 80 ที่นั่ง จึงให้ความรู้สึกแตกต่างจากเรือดินเนอร์ครุยส์ทั่วไป เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับคู่รัก ครอบครัว และการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ในบรรยากาศสบายๆ แบบ Open-Air

• ดื่มด่ำบรรยากาศของเมืองฟ้าอมรกับแสงสียามค่ำคืน ที่ขนาบด้วยวัดกัลยาพระปรางค์ วัดอรุณฯ พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว ที่ตั้งอยู่เรียงรายสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วย สถาปัตยกรรมที่แสดงถึงวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อันยาวนานของไทยที่งดงาม เกินคำบรรยาย พร้อมชื่นชมความงามของสะพานพุทธฯ และสะพานพระราม 8

• เพลิดเพลินกับอาหารไทยแสนอร่อยส่งตรงจากครัวร้าน “กินลมชมสะพาน” ในบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางแสงดาวเปล่งประกาย และสายลมเย็นเบาๆ ที่พัดผ่าน เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาสวีทนอกสถานที่

Buffet Dinner Menu

Appetizer and Salad

• สลัดผักรวม (Mixed Salad with Dressing)

• ทอดมันกุ้ง (Deep Fried Shrimp Ball)

• ยำตะไคร้กุ้งแก้ว (Spicy Salad Shrimps with Lemon Glass)

• ยำคอหมูย่างส้มโอ (Spicy Grilled Pork Neck Salad with Pomelo)

Soup

• ต้มข่าไก่ (Hot and Sour chicken Soup in Coconut Milk)

Main

• ผัดผักรวมมิตร (Stir-Fried Mixed Vegetable)

• หมูผัดน้ำมันหอย (Stir-Fried Pork with Oyster Sauce)

• ไก่ผัดเม็ดมะม่วงแห้ง (Chicken with Cashew Nut)

• ปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา (Fried Squid with Roasted Chili Paste)

• ข้าวผัดปู / ข้าวสวย (Fried Rice with Crab Meat / Steam Rice)

Seafood BBQ

• รวมมิตรทะเลเผา (Grill Mixed Seafood)

Dessert

• ผลไม้รวม (Mixed Fruit)

กินลมชมสะพานเป็นร้านอาหารไทยซีฟู๊ดที่มีเสน่ห์ บรรยากาศดีอากาศโปงสบายที่ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านอาหารที่มีสระบัวอยู่หน้าร้านและมีสามศาลากว้างขวางตรงกลาง มีท่าเรือเพื่อให้คุณสามารถมาโดยทางเรือส่วนตัวของท่านเองหรือเหมาลำทางแม่น้ำเจ้าพระยาและมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับผู้ที่ต้องการจะนั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาร้านอาหารกินลมชมสะพานได้เปิดดำเนินการมานานกว่า 10 ปี ที่ให้บริการที่มีคุณภาพสูงอาหารทะเลเป็นๆ ในบรรยากาศ วิวสะพานพระราม 8 สวยสุดๆ

ร้านอาหารกินลมชมสะพานมีอาหารคุณภาพ และดนตรีสดคืนละ 3 วงทุกคำคืน ตั้งแต่เวลา 18.30-24.00 นาฬิกา รวมทั้งพื้นที่รับประทานริมแม่เจ้าพระยาที่กว่างขางและมีห้องส่วนตัวสำหรับ 30 ท่าน ไว้คอยบริการท่าน และยินดีต้อนรับสู่กินลมชมสะพานสถานที่รับประทานอาหารที่บรรยากาศดีที่สุดของไทยที่คุณจะรู้สึกลืมไม่ลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 543

โพสต์

ดาวโจนส์ปิดลบ 42.31 จุด วิตกศก.สหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 42.31 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 12,967.37 จุด
ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.86 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 1,406.29 จุด และ
ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 9.93 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 2,976.78 จุด


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐ ในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และสภาคองเกรส กำลังพยายามหาทางประนีประนอมกันให้ได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังหรือมาตรการที่จะบีบให้รัฐบาลต้องขึ้นภาษีและลดรายจ่ายลงตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นไป

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรีซ โดยมีรายงานว่ารมว.คลังยูโรโซน, ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ประชุมร่วมกันที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่มูลค่า 3.12 หมื่นล้านยูโร

นายปิแอร์ มอสโควิซี รมว.คลังฝรั่งเศสแสดงความหวังว่าที่ประชุมยูโรกรุ๊ป จะสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือทางการเงินสำหรับกรีซ ในการประชุมรอบใหม่ ขณะที่นายสเตเฟน แคมเพเตอร์ รมช.คลังเยอรมนีก็มีความคาดหวังแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงไม่เชื่อมั่นว่าการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่นี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากบริษัทวิจัยตลาด GfK เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีปรับตัวลงในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่วงหน้า รูดลงมาอยู่ที่ 5.9 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 6.1 ในเดือนพ.ย.

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 544

โพสต์

ค่าระวางเรือปิดวานนี้บวก 0.37%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ (26 พ.ย.) บวก 4 จุด หรือ 0.37% สู่ระดับ 1094 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647 ส่วนระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 1793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554


ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา

วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)
23 พ.ย. 1090 +6
22 พ.ย. 1084 +11
21 พ.ย. 1073 +7
20 พ.ย. 1066 +12
19 พ.ย. 1054 +18

รูปภาพ
วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 545

โพสต์

รูปภาพ

ชนวน300บ.เหตุ"พยุงศักดิ์"พ้นประธานส.อ.ท.

139 เสียงลงมติปลด "พยุงศักดิ์" พ้นประธาน ส.อ.ท. คณะกรรมการเสียงเอกฉันท์เลือก "สันติ วิลาสศักดานนท์" เป็นประธานคนใหม่ ระบุสมาชิกขอร้องให้มาแก้ปัญหา เร่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาแก้ปัญหาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทีมกฎหมาย"พยุงศักดิ์" ไม่ถือเป็นการประชุม ยันประธานมีอำนาจเลื่อนการประชุม ไม่มีสิทธิปลดประธาน ชี้ตีความกฎหมายต่างกันอาจเสนอศาลปกครอง

วานนี้ (26 พ.ย.) ตั้งแต่เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บริเวณโซนซี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีคณะกรรมการ ส.อ.ท. เข้ารอประชุมคณะกรรมการสายงานต่างจังหวัดและคณะกรรมการ แต่ปรากฏว่านายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. ได้ส่งหนังสือถึงนายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลงวันที่ 25 พ.ย. เพื่อยกเลิกการจองห้องประชุมมีทติ้งรูม 1-2 และยกเลิกจองห้องประชุมบอร์ดรูม 1 โดยแจ้งให้ทราบว่าเลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ด้านพื้นที่ทางเข้าห้องทำงานของนายพยุงศักดิ์ มีตำรวจรักษาการณ์ 9 นาย ซึ่งนายพยุงศักดิ์ เดินทางเข้ามาตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ไม่ได้ออกมาพบกับกรรมการ ส.อ.ท.ที่มารอประชุม และกรรมการ ส.อ.ท.รวมกลุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ ของสำนักงานเพราะห้องประชุมถูกยกเลิกการจอง

นายพยุงศักดิ์ ยังได้ออกคำสั่งเปลี่ยนสายงานรับผิดชอบคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท. 7 คน ที่ร่วมเคลื่อนไหว ให้ไปประจำสำนักงานประธาน ส.อ.ท. ประกอบด้วยนายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส ส.อ.ท. ให้ดูแลสายงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดแทนนายสุชาติ วิสุวรรณ รองประธานอาวุโส ส.อ.ท.เพื่อให้มาดูแลสมาชิกต่างจังหวัด ให้นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท.มาดูสายแรงงานแทนนายทวีกิจ และให้นายเจน นำชัยศิริ รองประธาน ส.อ.ท.มาดูแลสายงานเศรษฐกิจโลจิสติกส์แทนนายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. รวมทั้งออกคำสั่งให้งานบางเรื่องที่อยู่ในอำนาจรองประธานและเลขาธิการกลับมาอยู่ที่ประธาน

ฝ่ายก.ม.ชี้ไม่ถือเป็นการประชุม

จากนั้น เมื่อเวลา 14.10 น. นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา รองประธาน ส.อ.ท.สายงานกฎหมาย ได้แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการสายงานกฎหมาย ส.อ.ท.ว่า ประธาน ส.อ.ท.มีอำนาจเลื่อนประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท.และการกำหนดวันประชุมเป็นอำนาจของประธาน ส.อ.ท.ที่จะแจ้งให้คณะกรรมการทราบ หากมีการประชุมวันนี้ (26 พ.ย.) ไม่ถือว่าเป็นการประชุมของคณะกรรมการ ส.อ.ท. เพราะนายพยุงศักดิ์ได้แจ้งเลื่อนการประชุมแล้ว ส่วนการเพิ่มวาระปลดประธาน ส.อ.ท. เป็นวาระจรในที่ประชุมคณะกรรมการไม่มีกำหนดในข้อบังคับ ส.อ.ท. เพราะต้องมีการแจ้งวาระก่อน

การปลดประธานและคณะกรรมการบริหาร ที่ประชุมคณะกรรมการไม่ได้ระบุใน พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงเห็นว่าการตีความกฎหมายมหาชนจะต้องตีความอย่างเคร่งครัดและถ้าไม่ได้ระบุในกฎหมายก็ไม่อาจทำได้ การที่กรรมการจะพ้นจากตำแหน่งกำหนดใน พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จากการลาออก เสียชีวิตหรือทำผิดกฎหมายและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอครม.อนุมัติให้พ้นจากกรรมการ รวมทั้งพ้นได้จากที่ประชุมใหญ่ ส.อ.ท. มีมติ 2 ใน 3 ของที่ประชุมให้พ้นจากความเป็นกรรมการ

นายกิตติ กล่าวว่าที่ผ่านมาประธานเคยขัดแย้งกับเลขาธิการแต่ไม่ออกมาเป็นข่าวให้ ส.อ.ท.เสื่อมเสีย หรือมีการเสนอให้ปลดประธาน ซึ่งคณะกรรมการกฎหมายได้แจ้งนายพยุงศักดิ์ว่าเลื่อนประชุมได้ ที่ผ่านมาเคยมีข้อขัดแย้งภายใน ส.อ.ท.เกี่ยวกับการเลือกตั้งคณะกรรมการ ส.อ.ท.ชุดที่นายพยุงศักดิ์เป็นประธานวาระที่ 1 ว่าเตรียมการเลือกตั้งโดยไม่ชอบและมีการเสนอเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณา ซึ่งศาลปกครองรับเรื่องไปพิจารณาแต่ไม่แน่ใจว่ามีคำพิพากษาออกมาหรือไม่ ที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าการพิจารณาจะอยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองหรือศาลแพ่ง

สมาชิกเดินหน้าประชุมปลดกรรมการ

ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่หน้าห้องประชุมมีทติ้งรูม 1-2 กรรมการ ส.อ.ท.182 คน ได้ทยอยลงทะเบียนประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท. ครั้งที่ 9/2555 เมื่อครบองค์ประชุม นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการ ส.อ.ท.ได้เปิดการประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท.และชี้แจงที่ประชุมว่าตามอำนาจกรรมการ ส.อ.ท.ระบุว่าการประชุมครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายและตอบไม่ได้ว่าทำไมนายพยุงศักดิ์ ไม่เข้าร่วมประชุม เมื่อการประชุมครั้งนี้ไม่มีนายพยุงศักดิ์ที่ประชุมจึงเลือกนายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท.เป็นประธานแทน ซึ่งที่ประชุมได้หารือวาระต่างๆ เมื่อถึงวาระอื่นๆ ได้มีข้อเสนอให้ปลดนายพยุงศักดิ์และคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท.ชุดปัจจุบัน ให้ที่ประชุมได้อภิปราย

นายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วสนิทกับนายพยุงศักดิ์ ไม่มีอคติ แต่เห็นว่าการทำงานในฐานะประธาน มีปัญหาจนเกิดปัญหาในวันนี้ รัฐบาลประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการในขอนแก่นย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งผู้ประกอบการบางรายต้องเปลี่ยนการจ้างจากรายวันเป็นการจ้างตามชิ้นเพื่อความอยู่รอด ซึ่งเอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบมาก

ทุกคนที่มาประชุม เห็นตรงกันว่านายพยุงศักดิ์ ไม่ได้ดูแลสมาชิกให้เหมาะสมกับตำแหน่งประธาน ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบแต่เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบ การเลื่อนประชุมจากผลกระทบการชุมนุมทางการเมืองหรือความกังวลปัญหาแตกแยกใน ส.อ.ท.แต่เราเป็นนักธุรกิจคงไม่มาสร้างความรุนแรงจึงเห็นว่าเหตุผลของนายพยุงศักดิ์ไม่น่าจะเพียงพอที่จะเลื่อนการประชุม

139เสียงปลดพยุงศักดิ์ดันสันติ

ด้าน นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกรรมการไม่กี่คนที่ออกมาคัดค้าน 300 บาท และเมื่อออกไปคัดค้านก็ถูกต่อว่า ว่าออกไปคัดค้านทำไม รวมทั้งที่ผ่านมานายพยุงศักดิ์ ไม่ออกมาคัดค้านการปรับค่าจ้างขั้นต่ำและกล่าวว่าทำไมกรรมการสายต่างจังหวัดพูดไม่รู้เรื่องที่ยังออกไปคัดค้านค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท จึงเป็นเหตุผลให้ถอดถอนนายพยุงศักดิ์

ต่อมาที่ประชุมได้เสนอวาระถอดถอนนายพยุงศักดิ์และคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท. ซึ่งที่ประชุมออกเสียงปลดคณะกรรมการบริหารทั้งคณะ 139 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม และที่ประชุมเสนอเลือกตั้งประธาน ส.อ.ท.คนใหม่เพื่อมาแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยที่ประชุมเสนอชื่อนายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตประธาน ส.อ.ท.และนายพยุงศักดิ์ แต่มีผู้รับรองนายพยุงศักดิ์ 1 เสียง ผู้เสนอจึงขอถอน และที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้นายสันติเป็นประธาน ส.อ.ท. ตามวาระนายพยุงศักดิ์ถึงเดือนมี.ค. 2557

"สันติ"ลุยตั้งกรรมการบริหารใหม่

นายสันติ กล่าวว่า ขอบคุณสมาชิกที่เลือกมาเป็นประธานอีกครั้ง โดยที่รับเป็นประธาน เพราะมีสมาชิกขอร้องมา และเห็นว่าเป็นกลางน่าจะทำงานให้กับสมาชิกได้ ซึ่งที่ผ่านมาบอกกับสมาชิกว่าเป็นประธานมาแล้ว 2 สมัย และต้องการให้ผู้อื่นเป็นประธานมากกว่า แต่สมาชิกเห็นว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อต้องการให้มาเป็นประธาน โดยค่อนข้างหนักใจเพราะถือว่าเป็นคนนอกแล้วและเคยตั้งใจว่าจะกลับไปทำธุรกิจ และเมื่อรับตำแหน่งแล้ว จะรีบเข้ามาดูปัญหาของสมาชิกรวมถึงปัญหาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท

ซึ่งจะรีบตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ขึ้นมาให้เร็วที่สุดเพื่อเข้ามาทำงาน และถ้านายพยุงศักดิ์จะร้องศาลปกครองก็เป็นสิทธิของทุกคน โดยเชื่อว่าศาลปกครองจะพิจารณาเหตุผลทุกฝ่ายและการจัดประชุมที่ผ่านมา ก็ทำอย่างเปิดเผย

พลิกปูมพยุงศักดิ์ก่อนหลุดเก้าอี้

ทั้งนี้ นายพยุงศักดิ์ เป็นประธาน ส.อ.ท. วาระแรกเมื่อปี 2553-2555 โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตประธาน ส.อ.ท.จากเครือสหพัฒน์ ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 นายพยุงศักดิ์ แข่งขันกับนายสุรพร สิมะกุลธร อดีตประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส.อ.ท. และ นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน อดีตรองประธาน ส.อ.ท. ซึ่งกลุ่มนายสันติช่วยหาเสียงจากสมาชิกในต่างจังหวัดได้มากกว่าให้สนับสนุนนายพยุงศักดิ์ ทำให้ชนะการเลือกตั้ง

เมื่อครบวาระแรกก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานสมัยที่ 2 วาระการทำงานปี 2555-2557 การทำงานในสมัยที่ 2 ของนายพยุงศักดิ์ ได้แต่งตั้งรองประธาน ส.อ.ท.เพิ่มขึ้นจากวาระแรก 7 คน ในจำนวนนี้เป็นรองประธาน ส.อ.ท.จากเครือเอสซีจี 4 คน คือ 1.นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 2.นายขจรเดช แสงสุพรรณ บริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด 3.นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช บริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด 4.นายสมยศ ตั้งมีลาภ บริษัทสยามอุตสาหกรรมวัสดุทนไฟ จำกัด โดยเป็นรองประธานที่แต่งตั้งเพิ่มจากวาระที่ 1 ที่มี นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา และ นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ จากบริษัท กฎหมาย เอสซีจี จำกัด

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 546

โพสต์

TCAPซื้อหุ้นคืนไม่เกิน3.4พันลบ.
ราคาหุ้นสุดถูก-หมดกังวลเพิ่มทุน


วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2555

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” TCAP หลังประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 3.4 พันล้านบาท แรงกดดันเรื่องเพิ่มทุนลดลงหลังตัดขาย TLIFE และรับรู้กำไรพิเศษหลังหักภาษีระดับ 6.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 5.16 บาท/หุ้น ใน 1Q56 ขณะที่มูลค่าหุ้นยังคงถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซื้อขายที่ระดับ 0.82 เท่า PBV ปี 56 และ7.0 เท่าของ Norm P/E และ dividend yield ระดับ 4-5% โดยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้



TCAP ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินไม่เกิน 3.4 พันล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 127.8 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยจะซื้อคืนในตลาดฯ เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น TCAP ซึ่งเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 47.5 บาท

ความเห็นและคำแนะนำ

TCAP ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินไม่เกิน 3.4 พันล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 127.8 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยจะซื้อคืนในตลาดฯ โดยราคาหุ้นซื้อคืนจะไม่เกิน 1.1 เท่าของ Book Value ของงบการเงินที่ประกาศล่าสุด (Book Value ณ 3Q55 อยู่ที่ 32.33 บาท/หุ้น) และไม่เกินกว่า 115% ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้านั้น โดยกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อคืน ตั้งแต่ 11 ธ.ค. 55 – 10 มิ.ย. 56

โดยก่อนหน้านี้ TCAP ได้เคยมีโครงการซื้อคืนหุ้นมาแล้วในช่วงปี 2551-52 โดยซื้อคืนหุ้นไปจำนวน 55.3 ล้านหุ้น (คิดเป็น 4.2% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้ว) และใช้เงินซื้อคืนจำนวน 387 ล้านบาท และได้มีการลดทุนเรียกชำระแล้วด้วยวิธีตัดหุ้นซื้อคืนจำนวนดังกล่าวในช่วงในเดือน มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ EPS และ BVpS ของ TCAP เพิ่มสูงขึ้น

เรามีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากการซื้อหุ้นคืนจะส่งผลให้ EPS และ BVpS ของ TCAP เพิ่มขึ้น โดยหากประเมินในเบื้องต้นโดยใช้สมมติฐานราคาหุ้นซื้อคืนเฉลี่ยที่ราคาปิดของหุ้น TCAP เมื่อวานนี้ ที่ 33.75 บาท และใช้วงเงินซื้อคืนเต็มจำนวน 3.4 พันล้านบาท จะได้หุ้นซื้อคืนจำนวน 100.7 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.9% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด

ในด้านปัจจัยพื้นฐานเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 47.5 บาท โดยเรามองว่าการขาย TLIFE ออกไปนอกจากจะทำให้ TCAP สามารถรับรู้กำไรพิเศษหลังหักภาษีระดับ 6.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 5.16 บาท/หุ้น (รับรู้ใน 1Q56) แล้ว ยังจะช่วยลดความกังวลเรื่องการเพิ่มทุนของ TCAP และ Coverage Ratio ที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นประเด็นที่กดดัน Valuation ของ TCAP ในอดีต ขณะที่Valuation ปัจจุบันของ TCAP ยังคงถูกที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซื้อขายที่ระดับ 0.82 เท่า PBV ปี 56, 7.0 เท่า Norm PER และ dividend yield ระดับ 4-5%

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 547

โพสต์

SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบปรับลง

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์


**ต่างประเทศ

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบในวันจันทร์ หลังจากบวกขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้น

กลุ่มค้าปลีกร่วงลงจากความวิตก เกี่ยวกับการให้ส่วนลดอย่างมากในช่วงเริ่มต้น

ฤดูกาลใช้จ่ายวันหยุดของสหรัฐ และความวิตกเกี่ยวกับภาวะ fiscal cliff

ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.33%

*วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยตลาดหุ้นฟิลิปปินส์

พุ่งแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย

นำโดยหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง ขณะที่นักลงทุนรอการประชุมของยูโรโซน เกี่ยวกับ

การทำข้อตกลงช่วยเหลือกรีซ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดบวก 0.51% ขณะที่

มาเลเซีย และเวียดนาม ต่างปิดในแดนลบ

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดวานนี้ ร่วงลง 54 เซนต์

หรือ 0.6% ปิดที่ 87.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวล

เรื่องการเจรจาหนี้กรีซ และการเจรจาต่อรองเรื่องงบประมาณสหรัฐ

*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ บวก 4 จุด หรือ 0.37% สู่ระดับ

1094 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647

*เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รมว.คลังยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

ได้บรรลุข้อตกลง เกี่ยวกับเป้าหมายหนี้ใหม่สำหรับกรีซแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งจะนำ

ไปสู่การเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่ให้กับกรีซ ซึ่งใกล้เผชิญกับภาวะล้มละลาย

*นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังปรับตัวแข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจยูโรโซน

และญี่ปุ่นในปีหน้า โดยตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2013 ที่ออกมาในช่วง

นี้แสดงให้เห็นว่า นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเห็น

สอดคล้องกับหลายๆคนในเรื่องที่ว่า ปี 2013 อาจจะเป็นปีที่ดีมาก สำหรับเศรษฐกิจ

สหรัฐ ถ้าหากนักการเมืองสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ fiscal cliff ได้สำเร็จ


**เศรษฐกิจทั่วไป


*วันนี้ หุ้นบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็สJMT ซึ่งเป็นบริษัทย่อย

ของบมจ.เจ มาร์ท <JMART.BK> เข้าซื้อขายใน SET เป็นวันแรก โดยกำหนดราคา

IPO ที่หุ้นละ 4 บาท

*วันนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนต.ค.

*กระทรวงพาณิชย์ เผยการส่งออกในเดือนต.ค. มีมูลค่า 19,524 ล้านเหรียญสหรัฐ

เพิ่มขึ้น 15.57% จากต.ค.ปีก่อน จากปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมส่งออก

ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 54 รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

และการขยายการส่งออกในตลาดใหม่ และคาดการส่งออกปีนี้ จะขยายตัวได้ 4.5-5.0%

โดยมั่นใจว่า 2 เดือนที่เหลือของปี การส่งออกจะขยายตัวได้เดือนละมากกว่า 10%

*สภาพัฒน์ ระบุความสามารถในการชำระคืนของภาคครัวเรือนในไตรมาส 3/55 ลดต่ำลง

ซึ่งบ่งชี้ว่าครัวเรือนมีการใช้จ่ายเกินตัวมากขึ้น เป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง

*นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงโครงการรับจำนำข้าวว่า เป็นนโยบายที่ต้องการสร้างความ

มั่นคงของรายได้ให้เกษตรกร และดำเนินการด้วยความ โปร่งใสและตรวจสอบได้

พร้อมยืนยันไทยยังเป็นแชมป์ส่งออกข้าวในแง่มูลค่าการส่งออก

*เอ็นจีโอ จับตา กมธ.การค้า อียู พบ"กิตติรัตน์" 29 พ.ย.นี้ เชื่อจี้ไทยเร่ง

เดินหน้า เอฟทีเอไทย-อียู ด้าน "เอฟทีเอ ว็อทช์" เผยเหตุ อียูเร่งเจรจาหวั่น

เสียเปรียบยูเอสเดินหน้าเจรจาทีพีพี(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)

*ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยว่าอยู่ระหว่างติดตาม

ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งหากมีทิศทางปรับขึ้นอาจมีการประชุม

กบง.พิจารณาปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซล

เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกดีเซล ไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท จากปัจจุบัน

ที่รักษาระดับราคาไว้ที่ 29.79 บาท/ลิตร (นสพ.โพสต์ทูเดย์)

*รองเลขาธิการสศช. ระบุการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท จะส่งผลกระทบต่อต้นทุน

ที่ส่งผ่านไปยังราคาสินค้าไปยังผู้บริโภค ซึ่งนอกจากกระทบกลุ่มแรงงานที่เป็น

ลูกจ้างแล้ว ยังส่งผลกระทบต่ออาชีพอื่นๆเช่นเกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ

แรงงานนอกระบบ นอกจากนี้ยังส่งผลให้แรงงานย้ายไปสู่ภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น

(นสพ.โพสต์ทูเดย์)

*ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย มองว่าปีหน้าจะเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจเช่าซื้อไทย

สามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถได้ถึง 1.1 ล้านล้านบาท หรือเติบโตถึง 20% จาก

ยอดขายรถที่คาดว่าอยู่ประมาณ 1.3 ล้านคัน เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าธุรกิจ

เช่าซื้อทั้งระบบจะปล่อยสินเชื่อได้ 8.3-8.5 แสนล้านบาท จากยอดขายรถ 1.4

ล้านคัน(นสพ.โพสต์ทูเดย์)


**การเมือง


*โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่านายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิก

ใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ 3 เขตของกรุงเทพฯ

หลังกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ยุติชุมนุมที่บริเวณลานพระรูปทรงม้าเมื่อ 24 พ.ย.

*สมาพันธ์ครูชายแดนใต้ มีมติหยุดการเรียนการสอน 332 โรงเรียนในปัตตานี ชั่วคราว

แสดงพลังกดดันรัฐบาล-หน่วยงานมั่นคง ทบทวนแผนรปภ.ครู เรียกร้องโรงเรียนยะลา-

นราธิวาส ร่วมแสดงจุดยืนด้วย (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)

*"เสธ.อ้าย"ปัดรับเงิน"ทักษิณ"ล้มม็อบ เผยเคยถูกทาบนั่งรมว.กลาโหมสมัย"สมัคร"แต่

ปฏิเสธ เผยน้อยใจทหารรุ่นน้องไม่ช่วย เล็งแจ้งความตร.ใช้กำลังไม่ถูกต้อง นปช.

แจ้งความ"เสธ.อ้าย-พวก"กบฏ ปชป.ช่วยเหยื่อม็อบสู้คดี ร้องสภาทนายเอาเรื่องคน

สั่งการตีม็อบ ผบ.ตร.ชงนายกฯเซ็นยกเลิกพ.ร.บ.มั่นคงฯ(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)

(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--บร--)
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 548

โพสต์

SET:คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นกรอบแคบ จับตาความคืบหน้าแก้ปัญหาหนี้กรีซ

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์


*นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ แต่จะปรับขึ้น

ในกรอบแคบๆ เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นปัจจัยที่กดดัน

ตลาด ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังมีน้ำหนักต่อการลงทุน ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้า

ในการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซต่อไป

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบในวันจันทร์ หลังจากบวกขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้น

กลุ่มค้าปลีกร่วงลงจากความวิตก เกี่ยวกับการให้ส่วนลดอย่างมากในช่วงเริ่มต้น

ฤดูกาลใช้จ่ายวันหยุดของสหรัฐ และความวิตกเกี่ยวกับภาวะ fiscal cliff

ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 0.33%

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดวานนี้ ร่วงลง 54 เซนต์

หรือ 0.6% ปิดที่ 87.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวล

เรื่องการเจรจาหนี้กรีซ และการเจรจาต่อรองเรื่องงบประมาณสหรัฐ

*วันจันทร์ต่างชาติขายสุทธิ 773.13 ลบ.จากวันศุกร์ขายสุทธิ 409.89 ลบ.

*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 30.68/70 จากเมื่อวันจันทร์อยู่ที่ 30.67/71

*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 1,285 ส่วนแนวต้านที่ 1,295


"ดัชนีวันนี้มีโอกาสที่จะขึ้นต่อ คงมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ 1,295 แต่คงจะยัง

ไม่สามารถผ่านไปได้...โดยรวมแล้วดัชนีวันนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,295-1,285"

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าว

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ยังเป็นปัจจัยที่กดดัน

ตลาดหุ้นโดยรวม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ยังมีน้ำหนักต่อทิศทางการลงทุน โดยต้อง

ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซว่าจะเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(28 พ.ย.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)

จะมีการประชุมพิจารณาเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตามองว่าจะมีการปรับ

ดอกเบี้ยอีกหรือไม่

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 ต.ค.55 กนง.ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

0.25% มาที่ 2.75% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 3.0%


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันจันทร์ ปิดบวก 9.15 จุด หรือ 0.71% มาที่ 1,290.85

ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27,169.05 ล้านบาท

*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันจันทร์ ปิดลบ 42.31 จุด หรือ 0.33% มาที่

12,967.37 และดัชนีแนสแดค ปิดบวก 9.93 จุด หรือ 0.33% มาที่ 2,976.78

*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่ปรับขึ้นกรอบแคบ โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ บวก

0.18%, ญี่ปุ่น บวก 0.41% ,เกาหลีใต้ บวก 0.95%, ไต้หวัน บวก 0.03%

และฮ่องกง บวก 0.32%


จับตาหุ้น

*วันนี้ หุ้นบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์คฯJMT ซื้อขายวันแรก ราคา IPO

หุ้นละ 4 บาท

*SSI คาดมีโอกาสพลิกมีกำไรตั้งแต่ Q2/56, จะขายหุ้นบริษัทร่วมทุน

*TOG ตั้งเป้ารายได้ปีหน้า 1.75 พันลบ.,Q1/56 สรุปดีลห้องแล็ปในเวียดนาม

*PYLON ตั้งเป้ารายได้ปี 56 โต 15-20%, โครงการขนาดใหญ่ภาครัฐหนุน

รูปภาพ


รูปภาพ

http://www.thairath.co.th/gallery/view/region/5890
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 549

โพสต์

*"อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์"กำหนดราคา IPO หุ้นละ 4.20 บาท, ขาย 28-30 พ.ย.

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์


บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ระบุในแบบไฟลิ่ง

ว่า ได้กำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่หุ้นละ

4.20 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นในวันที่ 28-30 พ.ย.55

อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จะเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมดจำนวน 1.33 พันล้านหุ้น ราคา

พาร์หุ้นละ 0.10 บาท โดยหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ซึ่ง

มีบล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วนแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ได้แก่ บล.บัวหลวง และบล.เคที ซีมิโก้

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน

ประมาณ 3,000 ล้านบาท, ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและค่าใช้จ่ายค้างจ่าย จำนวน 400

ล้านบาท, ซื้อหุ้นบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ วัน จำนวน 500 ล้านบาท และอีก 1,468

ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 550

โพสต์

รูปภาพ
อำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด


WHAPF พร้อมเพิ่มทุนกว่า 2 พันล้าน
บลจ.กสิกรไทยเดินหน้าเพิ่มทุนกองทุน"WHAPF"ครั้งที่ 2 อีกกว่า 2 พันล้านบาท
เตรียมคว้าคลังยา-คลังสินค้าชั้นนำทำเลยุทธศาสตร์ขนส่งเข้าพอร์ต

นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย เตรียมเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมียม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม ในวันที่ 11 – 13 ธันวาคม 2555 และสำหรับผู้ลงทุนรายใหม่ในวันที่ 19 - 25 ธันวาคม 2555 โดยจะระดมทุนอีก 2,142 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนไปในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารคลังสินค้า 2 โครงการ คือ โครงการคลังสินค้า Healthcare บนถนนบางนา-ตราด ขนาดประมาณ 52,700 ตารางเมตร และโครงการคลังสินค้า Kao 3 ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ. ชลบุรี ขนาดประมาณ 16,800 ตารางเมตร ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย เชื่อมั่นว่าคลังสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจรวมทั้งการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาว

"คลังสินค้าทั้ง 2 โครงการที่กองทุน WHAPF เตรียมจะลงทุนหลังจากดำเนินการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ลงทุน เพราะนอกจากคลังสินค้าทั้ง 2 โครงการจะมีผู้เช่าเต็ม 100% จากสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้เช่ารายใหญ่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลแล้ว ยังมีจุดเด่นที่ทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของคลังสินค้าในโครงการ Healthcare ที่กองทุนจะเข้าลงทุนนั้น เป็นอาคารคลังสินค้าปรับอากาศพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐานสากลเหมาะสำหรับการจัดเก็บเวชภัณฑ์ ซึ่งคลังสินค้าที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ยังมีไม่มากนักในประเทศไทยจึงทำให้เป็น ที่ต้องการสูงจากผู้เช่า ซึ่งในปัจจุบันบริษัทชั้นนำอย่างบริษัทดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีทแฮล์มเดิม บริษัทเม็นโล เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทคราวน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด เป็นผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ สำหรับอาคารคลังสินค้าโครงการ Kao 3 ในจังหวัดชลบุรีนั้น มีบริษัทคาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทชั้นนำของโลกในการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และเวชภัณฑ์ เป็นผู้เช่าระยะยาว ทำให้กองทุนมั่นใจว่าอาคารคลังสินค้าที่กองทุนจะเข้าลงทุนทั้ง 2 โครงการจะสามารถรักษาอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ได้จนครบสัญญาเช่า ทั้งยังมีโอกาสสูงมากที่ผู้เช่าจะต่อสัญญาออกไปอีกเมื่อครบอายุสัญญา"นายอำพลกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน WHAPF นายอำพลเปิดเผยว่า กองทุนมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนได้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในรอบการดำเนินงานระหว่างปี 2554-2555 นี้ ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนแล้วรวม 4 ครั้ง เป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 0.7241 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนสำหรับผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 เฉลี่ยประมาณ 7.22% ต่อปี มูลค่าการจ่ายปันผลในปีนี้รวม 159.35 ล้านบาท ซึ่งบลจ. กสิกรไทย เชื่อว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้กองทุนยิ่งมีรายได้ระยะยาวที่สม่ำเสมอและเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนในแง่โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจต่อไป

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) มีการลงทุนในอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวม 7 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคลังสินค้า 5 โครงการ
ได้แก่ โครงการคลังสินค้า Kao 1 และโครงการคลังสินค้า Kao 2 ในพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี พร้อมด้วย อาคารคลังสินค้า DKSH (หรือดีทแฮล์มเดิม) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการคลังสินค้า DKSH ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการคลังสินค้า DKSH Consumer และโครงการคลังสินค้า DKSH 3M บริเวณ ถ. บางนา-ตราด กม.20 (ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) และโครงการโรงงานอีก 2 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง ปัจจุบันมีมูลค่าโครงการเดิมประมาณ 3,110 ล้านบาท และภายหลังดำเนินการเพิ่มทุนแล้วจะส่งผลให้กองทุนจะมีขนาด 5,252 ล้านบาท

สำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนของกองทุน WHAPF ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมสามารถจองซื้อได้ตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในวันที่ 11 - 13 ธันวาคม 2555 ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท โดยจะได้สิทธิจองซื้อในอัตราส่วน 1 หน่วยลงทุนเดิมต่อ 0.6887 หน่วยลงทุนใหม่ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปรายใหม่สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนของกองทุน WHAPF ได้ในวันที่ 19 - 25 ธันวาคม 2555 ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท โดยมีกำหนดขั้นต่ำที่ 5,000 หน่วย และจองซื้อเพิ่มได้เป็นทวีคูณของ 100 หน่วย ผู้ที่สนใจลงทุนสามารถขอรับหนังสือ ชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนและจองซื้อหน่วยลงทุน ได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Call Center 0 2673 3888

รูปภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 551

โพสต์

SSIหนี้เดินปกติปี’57

รูปภาพ

วอนเจ้าหนี้ลดวงเงินชำระก่อนพ้นจุดต่ำสุดไตรมาส2ลุ้นกำไร


SSI อ้อนธนาคารเจ้าหนี้ลดวงเงินในการชำระหนี้ พ้นปีหน้ากลับมาจ่ายได้ตามปกติ มั่นใจผลประกอบการฟื้น ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเจรจากับสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 3 ราย เพื่อขอลดวงเงินในการชำระหนี้ ซึ่งธนาคารเจ้าหนี้มีความเข้าใจ เพราะมีการหารือมาโดยตลอดว่าธุรกิจมีขึ้นมีลง ประกอบกับบริษัทเผชิญกับหลายปัจจัย ทั้งราคาเหล็กที่ลดลงรับผลกระทบจากวิกฤตในยุโรปและเศรษฐกิจ

“ธนาคารเห็นด้วยและเข้าใจปัญหาของอุตสาหกรรม เพราะรับผลกระทบเรื่อยๆ ตั้งแต่สึนามิในประเทศญี่ปุ่น ผลกระทบจากน้ำท่วมในไทย ทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียน และได้คุยกับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อปรับการชำระเงินให้ตรงกับสภาพกระแสเงินสดของบริษัท โดยจ่ายแต่ละงวดลดลง ซึ่งคาดว่าพ้นปีหน้าไป จึงจะสามารถกลับมาชำระได้ตามปกติ” นายวิน กล่าว

กรณีที่มีข่าวที่ว่า บริษัทเพิ่มทุนไม่สำเร็จนั้น นายวิน กล่าวว่า เป็นผลมาจากนักลงทุนไปหยิบยกในบางรายการขึ้นมาอ้างอิง ว่าบริษัทเพิ่มทุนไม่สำเร็จ ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะหากให้เพิ่มทุนทั้งจำนวนบริษัทสามารถทำได้ เพียงแต่เห็นว่า หากขายทั้งจำนวนอาจส่งผลกระทบด้านราคา (ไดลูท) ของผู้ถือหุ้น บริษัทจึงตัดสินใจขายเท่าที่จำเป็น

ทั้งนี้ การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้เป็นเงินประมาณ 386 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยมีเงินส่วนหนึ่งเข้ามาแล้วประมาณ 3,200 ล้านบาท ที่เหลืออีกประมาณ 8,000 ล้านบาท จะทยอยเข้ามาภายในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยเงินที่ได้จะนำไปใช้ลงทุนธุรกิจถลุงเหล็กในอังกฤษ

สำหรับสัดส่วนการถือครองหุ้นหลังการเพิ่มทุนล่าสุด เครือสหวิริยายังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 38% จากก่อนการเพิ่มทุนถือในสัดส่วน 35% และวาโนเมทจะเพิ่มเป็น 22% จากเดิม 15%

นายวิน กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4 นี้ คาดว่าปริมาณการขายน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำสถิติสูงสุด โดยยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศจำนวน 6.2 แสนตัน และธุรกิจโรงถลุงเหล็กในประเทศอังกฤษ จะอยู่ที่ 6 แสนตัน แต่ในแง่ของส่วนต่างราคา (มาร์จิน) น่าจะดีขึ้น เนื่องจากกำลังการผลิตสูงขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาระดับกำลังการผลิตอยู่ที่ 70% ทำให้ต้นทุนถูกลง

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าไตรมาส 4 นี้ยังมีผลขาดทุน แต่สถานการณ์ราคาเหล็กในระยะ 2 สัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% น่าจะเริ่มเห็นผลดีตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีหน้าเป็นต้นไป แต่ยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่ในไตรมาส 2 ขนาดของกำลังการผลิตจะสูงขึ้น แต่โดยรวมทั้งปีจะกลับมามีกำไรสุทธิได้

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ กล่าวว่า คงคำแนะนำขายหุ้น SSI รอผลการเพิ่มทุนเพิ่มและผลประกอบการฟื้นตัว คาดจะยังขาดทุนต่อในไตรมาส 4 ประมาณ 3,000 ล้านบาท และต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้า ทำให้ฐานทุนปรับลดลงเรื่อยๆ

บริษัทมีภาระหนี้เงินกู้ต่อทุนสูงถึง 4.7 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 SSI มีภาระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสูงถึง 53,998 ล้านบาท เทียบกับฐานทุน 11,546 ล้านบาท โดยให้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 0.50 บาท เท่ากับ มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น ณ สิ้นปีนี้

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 552

โพสต์

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 553

โพสต์

รูปภาพ

"ไซ" ฟันค่าตัวเฉียด 2 ล้านบาทต่อหนึ่งโชว์ เจ้าตัวบินถึงไทยคืนนี้
เผยตัวเลขค่าตัวนักร้องหนุ่มสุดฮ็อตเกาหลี "ปาร์คแจซัง" เจ้าของท่าเต้น "กังนัม สไตล์" ฟันค่าตัวเลขหลักล้านต่อโชว์ไม่กี่นาที เจ้าตัวเดินทางถึงไทยคืนนี้เตรียมขึ้นคอนเสิร์ต "GANGNAM STYLE THAILAND EXTRA LIVE"

จากข้อมูลของสื่อในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ไซ สามารถทำเงินได้ถึง 13,000 ล้านวอน (367 ล้านบาท) เมื่อถึงเดือน ต.ค. หรือนับเป็นช่วง 3 เดือนแรกหลังเพลง Gangnam Style ของเขาโด่งดังไปทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งถึงตอนนี้เขาก็น่าจะทำเงินทำทองเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า เป็นรายได้ที่มาจากทั้งยอดขายซิงเกิลเพลงสุดฮิต, ค่าตัวในการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา และค่าตัวในการขึ้นแสดงคอนเสิร์ต

โดยสื่อต่างชาติเปิดเผยว่า ไซ จะได้รับเงินค่าตัวต่อโชว์ประมาณ 60,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,800,000 บาท) สำหรับการโชว์หนึ่งครั้ง ที่มีระยะเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง และจำนวนเพลงอาจไม่เกิน 4 - 5 เพลง ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชมส่วนใหญ่ล้วนต้องการเต้น และมันส์ไปกับเพลง Gangnam Style จากศิลปินต้นตำรับเพียงเพลงเดียวก็พอแล้ว ซึ่งถือว่าค่าตัวของเขา ขึ้นไปสูสีกับศิลปินแนวแดนซ์สุดดังของสหรัฐฯ อย่าง LMFAOs ที่จะมีค่าตัวต่อหนึ่งโชว์ประมาณ 75,000 เหรียญฯ เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามสำหรับคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบ ไซ ก็จะได้รับค่าตัวที่สูงขึ้นไปกว่านั้นอีกหลายเท่า อย่างการแสดงที่กรุงโซลประเทศบ้านเกิด ที่รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้จัดขึ้น ว่ากันว่าศิลปินหนุ่มเจ้าของเพลง Gangnam Style ได้รับค่าตัวไปถึง 360,000 เหรียญฯ (11 ล้านบาท) เลยทีเดียว สำหรับการโชว์เต็มรูปแบบในวันนั้น ต่อหน้าแฟนเพลงถึง 80,000 คน เพราะแม้แฟนเพลงทั่วโลกจะรู้จัก ไซ จากเพลง Gangnam Style เพียงเพลงเดียว แต่ในบ้านเกิดเขาถือเป็นซูเปอร์สตาร์คนหนึ่ง ที่มีผลงานดังมาร่วม 10 ปีเต็ม กับเพลงฮิตมากมาย และยังได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่มีการแสดงคอนเสิร์ตอันน่าตื่นเต้นด้วยพลังอันล้นเหลือ และลูกบ้าที่จะทำให้ทุกคนมันส์ไปพร้อม ๆ กันได้

ในช่วงที่ชื่อเสียงของเขายังไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ ยังมีข่าวลือว่าทาง CCTV สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของจีน ได้พยายามติดต่อทาบทามให้ ไซ ไปปรากฏตัวในรายการพิเศษของวันตรุษจีนปีหน้า ด้วยค่าตัวมหาศาล 3,000,000 หยวน (14 ล้านบาท) สำหรับการโชว์เพียง 30 นาที อย่างไรก็ตามทางต้นสังกัดได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่ายังไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

โดยสื่อในเกาหลีใต้เปิดเผยว่าทาง ไซ กับต้นสังกัด YG Entertainment จะแบ่งส่วนรายได้ด้วยอัตรา 7:3 ซึ่งฝ่ายของ ไซ จะเป็นผู้ได้รับส่วนแบ่งมากกว่า และหากสัญญาดังกล่าวหมดอายุลง ก็เชื่อแน่ว่าสัญญาฉบับต่อไปของ ไซ ต้องมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล และคงมีบริษัทบันเทิงทั้งในเกาหลี และต่างชาติ แย่งชิงลายเซ็นศิลปินหนุ่มเลือดกิมจิรายนี้เข้าสู่สังกัดแน่ ๆ

ขณะที่ในส่วนของความเคลื่อนไหวของนักร้องดังที่จะเดินทางมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลลอยกระทงในประเทศไทยในคืนวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้กับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า "GANGNAM STYLE THAILAND EXTRA LIVE" จากการร่วมมือกันของบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด และ ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค ประเทศไทยนั้น มีรายงานว่า "ไซ" จะเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเวลา 22.30 น. ของคืนนี้ ก่อนจะจัดให้มีการแถลงข่าวในช่วงบ่ายของวันถัดไปที่สยามพารากอน

รูปภาพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
27 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 554

โพสต์

รูปภาพ

ออร์เดอร์โคมลอยกระฉูด 3 แสนดวง เชียงใหม่คุมเข้มป้อง "อัคคีภัย-การบิน"

เมื่อถึงเทศกาลลอยกระทง หรือ "ยี่เป็งเชียงใหม่" ปัญหาเรื่องการปล่อย "โคมลอย" จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดทุกครั้ง ทุกปี กลายเป็นปัญหาระดับจังหวัดที่ยังแก้ไม่ตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อ "ความปลอดภัยการบิน" ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

การปล่อยโคมลอยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในประเพณียี่เป็งของชาวเหนือ เป็นที่รวมแห่ง "ศรัทธา-สามัคคี" ของชาวบ้านกับวัด โดยมีความเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยเป็นการปล่อยเคราะห์กรรม สิ่งที่ไม่ดีงามให้ลอยออกไปจากชีวิต และบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์

การจัดงานยี่เป็งเชียงใหม่ในปีนี้ จัดขึ้นวันที่ 27-29 พฤศจิกายนนี้ สถิติการปล่อยโคมลอยตั้งแต่ปี 2545 ถึงปัจจุบัน มีการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2550 มีจำนวนการปล่อยโคมลอยมากที่สุดถึง 1,162 ลูก รองลงมาคือปี 2552 จำนวน 737 ลูก และระหว่างวันที่ 1-30 พ.ย. 2554 พบว่ามีการปล่อยโคมลอยถึง 426 ลูก การปล่อยโคมลอยและโคมควันจำนวนมาก ได้สร้างปัญหาต่อการบินเป็นอย่างมาก

ฉะนั้น นักท่องเที่ยวและผู้คนในเชียงใหม่จึงต้องตระหนักเรื่องนี้ให้ดี เพราะล่าสุดจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกประกาศจังหวัด

เรื่องการป้องกันปัญหาจากการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2555 เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการบินและท่าอากาศยาน รวมถึงเกิดกระแสไฟฟ้าดับ หรืออัคคีภัยจากการปล่อยโคมลอยและโคมควันที่ไม่ได้มาตรฐาน

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทงในปีนี้ประกอบด้วย 1.การจัดทำโคมลอย ให้ใช้วัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ วัสดุลวดที่ใช้ยึดไส้โคมยาวไม่เกิน 20 เซนติเมตร ใช้เชื้อเพลิงในปริมาณที่ทำให้โคมลอยอยู่ในอากาศไม่เกิน 5 นาที

2.การปล่อยโคมลอย ให้คำนึงถึงทิศทางลม ความปลอดภัยของอาคารบ้านเรือน สายไฟฟ้า และการบินขึ้นลงของเครื่องบิน ส่วนกรณีที่มีการปล่อยโคมลอยในพื้นที่เป็นเส้นทางการบินขึ้น-ลงในพื้นที่ อ.เมือง แม่ริม สันทราย หางดง สันป่าตอง และสารภี รวมถึงการปล่อยโคมลอยที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 ลูกบาศก์เมตร หรือการปล่อยโคมลอยจำนวนมาก ให้ประสานไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ หรือกรมการขนส่งทางอากาศ

และ 3.หากเกิดความเสียหายใด ๆ จากการปล่อยโคมลอย สามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ ผู้ปล่อยโคมลอย ผู้จำหน่าย รวมถึงผู้ผลิต/ผู้จัดทำโคมลอย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งทางแพ่งและทางอาญา

ในปีนี้อนุญาตให้ปล่อย "โคมควัน" ได้ในวันที่ 28 พ.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. ส่วน "โคมลอย" อนุญาตให้ปล่อยได้ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 18.30-19.30 น. และหลังเวลา 21.30 น. เท่านั้น

นายเกียรติศักดิ์ เรียนวัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ กล่าวว่า การปล่อยโคมลอยส่งผลกระทบต่อการทำการบินในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาโดยตลอด หากโคมลอยเข้าไปในเครื่องยนต์ของเครื่องบินจะทำให้เครื่องยนต์ระเบิด และทำให้เครื่องบินตกได้

นอกจากนี้ ยังพบว่าในปี 2554 ภาคเหนือตอนบนเกิดไฟฟ้าดับเนื่องจากโคมลอย 78 ครั้ง นานกว่า 43 ชั่วโมง จังหวัดเชียงใหม่ไฟฟ้าดับ 30 ครั้ง นานกว่า 13 ชั่วโมง เหตุไฟฟ้าขัดข้องเนื่องจากโคมลอย วันที่ 11 พ.ย. 54 ไฟฟ้าดับ 10 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 24 นาที ที่จังหวัดลำปางมีปัญหาไฟฟ้าดับ 34 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 12 นาที ที่จังหวัดกำแพงเพชร

ดังนั้น จึงขอให้มีการใช้โคมลอยธรรมชัย ซึ่งได้มาตรฐาน ได้แก่ ลวดยึดไส้โคมยาวไม่เกิน 30 เซนติเมตร จะมีผลทำให้เกิดไฟฟ้าดับน้อย ไส้โคมไม่หยด เผาไหม้หมดก่อนตก ไม่เกิดปัญหาอัคคีภัย ขนาดน้ำหนักเวลาลอยอยู่ในอากาศ
ได้มาตรฐานตามประกาศของกรมการขนส่งทางอากาศ และจำหน่ายราคาเดียวกับโคมลอยแบบเดิม

ด้านนายรุ่งโรจน์ บุญมั่น ผู้ผลิตโคมลอยธรรมชัย กล่าวว่า ความต้องการใช้โคมลอยในช่วงเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก มีกำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 3 แสนดวง ราคาขายส่งดวงละ 10 บาท และขายปลีกประมาณ 15 บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของโคมลอย เช่น ขนาดใหญ่ที่สุด ราคาไม่เกิน 80 บาท เทียบกับปี 2554 มีการผลิตราว 2 แสนดวง

ปัจจุบันจำนวนผู้ผลิตในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะความต้องการโคมลอยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลยี่เป็ง นอกจากผลิตขายในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ผู้ประกอบการหลายรายยังส่งไปขายในภาคอีสาน ซึ่งมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น

นับวันการปล่อย "โคมลอย" ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยว ในอนาคตผู้ผลิตควรปรับเปลี่ยนการผลิตโคมลอยให้มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 555

โพสต์

TOPNEWS:ข่าวเด่นในประเทศวันนี้

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์

ข่าวตลาดเงิน-ตลาดทุน


*NOBLE คาดกำไรสุทธิปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน,รายได้ปี 56 ทรงตัวแม้ยอดขายโต(9411)

*หุ้นไทยพักเที่ยงบวก 0.41% ซื้อกลุ่มแบงก์-ไอซีทีนำตลาด, คาดบ่ายแกว่งแคบ(900)

*ฟิวเจอร์ส SET50 ปิดพักเที่ยงปรับขึ้น ตอบรับปัจจัยบวกจากกรีซ(9410)

*ยูบิลลี่ฯ เพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นโต 30% จากเดิมคาดโต 20%(9404)

*บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน, คาดผลตอบแทนราว 3.0% ต่อปี(9403)

*TMI เพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นโต 70-80% จากปีก่อน, ปีหน้าโตอีก(9402)

*ซีเอ็มโอ ตั้งกิจการร่วมค้า รับงานอีเว้นต์ทั้งใน-ตปท.,มองตลาดคึกคักใน Q4(9398)

*ธ.กรุงศรีฯเผย"อาร์โนลด์"ลาออกจากผู้บริหาร BAY-จีอี,กลับไปทำงานที่ยุโรป(9390)

*"อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์"กำหนดราคา IPO หุ้นละ 4.20 บาท, ขาย 28-30 พ.ย.

(9386)

*JMT ราคาวันแรกบวกแรง เกินกว่าราคาเป้าหมายของโบรกฯ, แนวโน้มกำไรเติบโต

(9383)

*BAY ร่วง 3% โบรกฯชี้กังวลกลุ่มจีอีจะขายหุ้นอีก หลังผู้บริหารจะลาออก(9377)

*TCAP บวก 3.7% หลังบอร์ดอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน, โบรกฯแนะซื้อ(9373)

*โนเบิลฯ เผยมียอดขายรอรับรู้รายได้ 1.2 หมื่นลบ.,ทยอยรับรู้ใน 1-4 ปี(9369)

*หุ้นเจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์คฯ เปิดตลาดที่ 12 บาท เพิ่ม 200% จากราคา IPO(9367)

*ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ-ราคาน้ำมันดิบปรับลง(9361)


ข่าวตลาดเงิน-เศรษฐกิจ


*ดัชนีผลผลิตอุตฯในต.ค.บวกครั้งแรกรอบ 5 เดือน, คาดฟื้นต่อเนื่อง(9412)

*ธปท.เตรียมหารือแบงก์พาณิชย์สัปดาห์หน้า หลังหนี้ครัวเรือนเร่งตัวขึ้น(9409)

*"ประสาร"เผยประชุมกนง.พรุ่งนี้ไม่มีประเด็นพิจารณาพิเศษ, เน้นติดตามข้อมูล(9408)

*สศอ.คงคาดการณ์คาด MPI ปี 55 โต 5-6%, ปี 56 คาดโต 3.5-4.5%(9387)

*ทองแท่งในปท.เช้านี้ทรงตัวหลังปัจจัยกรีซจบตามคาด, จับตาการคลังสหรัฐ(9381)

*ผลประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 28, 91 และ 182 วัน ในวันนี้(9376)

*ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของไทย ต.ค. เพิ่มขึ้น 36.12% เทียบปีต่อปี(9370)

*โตโยต้าฯคาดยอดขายรถยนต์ทั้งระบบในพ.ย.โตต่อเนื่อง, รถรุ่นใหม่-รถคันแรกหนุน

9362)

*บาท/ดอลลาร์เช้านี้ยังทรงตัว, คาดวันนี้แกว่งกรอบแคบหลังขาดปัจจัยใหม่(901)


ข่าวทั่วไป


*โฆษกศาลปกครองฯเผยสัปดาห์นี้ศาลจะมีคำสั่งจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่กรณี 3G

(9397)

*ศธ.ส่ง"เสริมศักดิ์"หารือครูใต้กรณีปิดร.ร.ในปัตตานี,เพิ่มมาตรการคุ้มครอง(9389)

รูปภาพ

***ครึ่งเช้า ต่างชาติซื้อ 520 ลบ.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 556

โพสต์

ผ่าแผน “ซีทีเอช” ระดมทุน 2 หมื่นล้านจ่ายลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกแพงสุดในโลก

รูปภาพ

เปิดแผน “ซีทีเอช” ระดมเงินทุนลุยโปรเจกต์ยักษ์พรีเมียร์ลีก วงในชี้ต้องเพิ่มทุนกว่าครึ่งจากเงินกู้แน่ สื่อนอกเผยไทยแย่งกันซื้อลิขสิทธิ์ส่งผลให้ต้องจ่ายแพงสูงสุดเป็นอันดับที่สองของโลกเพิ่มขึ้นถึง 432% ทะลุหมื่นล้านบาท

หลังจากที่บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด หรือซีทีเอช คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาล (2013/2014, 2014/2015, 2015/2016) ในไทย ลาว และเขมร ไปได้แบบพลิกความคาดหมายแล้ว หลายฝ่ายต่างจับตาดูว่า แล้วจากนี้ซีทีเอชจะบริหารจัดการอย่างไร

โดยเฉพาะในเรื่องของแหล่งเงินทุน กับโครงการที่ “วิชัย ทองแตง” ประธานกรรมการบริหารซีทีเอชย้ำว่า การลงทุนงานนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

โจทย์หินเงินทุน 2 หมื่นล้าน

การลงทุนหลักมี 2 ส่วน คือ

1. การลงทุนเพื่อวางโครงข่ายกว่า 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งซีทีเอชไม่ได้วางระบบเองแต่เป็นในลักษณะของการเช่าจากทีโอที และซิมโฟนี่ โดยจะแล้วเสร็จเริ่มใช้ได้จริงช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป และเป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ซีทีเอชจะเริ่มทำการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างโครงข่ายเคเบิลทั่วประเทศของสมาชิกผู้ประกอบการทั้งหมดกับระบบกลาง เพื่อเป็นการทดลองก่อนที่จะเริ่มแพร่ภาพพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ในปีหน้า

2. การลงทุนเพื่อจัดซื้อและจัดหาคอนเทนต์มาลงในเคเบิลทีวีกว่า 13,000 ล้านบาท โดยเม็ดเงินจำนวนนี้เป็นงบในส่วนที่นำไปซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้ด้วย

ว่ากันว่า มูลค่าการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยจากนายวิชัยแต่อย่างใด

ณ เวลานี้ซีทีเอชมียอดการใช้จ่ายจริงจากงบดังกล่าวอยู่ที่ 5,000 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นการเช่าเทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติก และการสั่งซื้อเซตท็อปบอกซ์ หรือกล่องรับสัญญาณ 2.5 ล้านกล่อง ซึ่งเป็นยอดทยอยจ่ายกับเจ้าหนี้ ส่วนมูลค่าซื้อพรีเมียร์ลีกนั้นจะแบ่งจ่ายแบบปีต่อปี ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มจ่าย ซึ่งนายวิชัยขอสงวนรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานจากสื่อมวลชนต่างประเทศ เดลีเมล์ออนไลน์ ระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมลาว และกัมพูชา เป็นประเทศที่มีการซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลติดต่อกันแพงที่สุดติดอันดับที่สองของโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 432% จากเดิมที่ค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่ 38 ล้านปอนด์ มาเป็น 202 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 10,100 ล้านบาทเศษ (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 ปอนด์ต่อ 50 บาท) ขณะที่ประเทศพม่าแพงขึ้นสูงที่สุดในโลก 12,400% จากเดิม 0.2 ล้านปอนด์ มาเป็น 25 ล้านปอนด์ แต่ก็เป็นฐานตัวเลขที่ยังต่ำ แต่ค่าลิขสิทธิ์ที่แพงที่สุดคือ 205 ล้านปอนด์ แต่ทั้งทวีปแอฟริกา และเพิ่มขึ้นเพียง 20.5% ซึ่งไทยยังแพงกว่าทวีปอเมริกาที่ค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่ 80 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้นแค่ 280.9% ส่วนในเอเชียด้วยกันนั้น ญี่ปุ่นแพงขึ้น 36% จาก 22 ล้านปอนด์ เป็น 30 ล้านปอนด์ เกาหลีใต้เพิ่มขึ้นแค่ 6.6% จากเดิม 30 ล้านปอนด์เป็น 32 ล้านปอนด์

แผนจัดการแหล่งเงินทุน
แต่ที่สำคัญคือ แหล่งเงินทุนที่สำคัญของซีทีเอชจะมาจากไหน?

นายวิชัยกล่าวว่า เงินทุน 20,000 ล้านบาทจะมาจากแหล่งใหญ่คือ 1. จากกลุ่มผู้ถือหุ้นซีทีเอช ซึ่งเดิมมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ชำระแล้ว 800 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการเดิม 30%, นายวิชัย 25%, ไทยรัฐ 25% ส่วนอีก 20% ยังไม่มีการสรุป

2. การกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้มีอยู่อย่างต่ำ 3 แบงก์แล้วที่ตอบตกลงในเบื้องต้น คือ แบงก์กรุงเทพ แบงก์ไทยพาณิชย์ และแบงก์ธนชาต

3. รายได้จากกล่องรับสัญญาณ ที่คาดว่าจะไม่ได้ขายแต่ใช้วิธีจ่ายเป็นค่ามัดจำประมาณ 500-600 บาท เบื้องต้นตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 ล้านกล่อง โดยผลิตตามระบบมาตรฐานของยุโรปกับอเมริกา แต่ผลิตจากประเทศจีนเพื่อต้นทุนที่ต่ำ

ราคาแพกเกจมีหลบใน
อย่างไรก็ตาม ที่ซีทีเอชประกาศตั้งแต่แรกว่าราคาแพกเกจขั้นต่ำอาจจะเป็น 300-500 บาทนั้น ว่ากันว่าเป็นราคาเฉพาะพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่เมื่อรวมกับค่าแพกเกจเดิมขั้นต่ำของซีทีเอชที่มีผู้ประกอบการมากกว่า 350 ราย เฉลี่ยแพกเกจลัประมาณ 350-400 บาทนั้น ก็เท่ากับว่าถ้าคิดอย่างหยาบๆ แพกเกจขั้นต่ำสุดที่จะมีพรีเมียร์ลีกดูได้ก็ต้องปาเข้าไปมากกว่า 650-900 บาท ซึ่งจริงหรือไม่คงต้องรออีกระยะ เพราะซีทีเอชย้ำว่า ราคาแพกเกจของซีทีเอชอย่างน้อยยต้องต่ำกว่าที่ทรูเคยขายแพกเกจที่มีพรีเมียร์ลีกดูได้ไม่น้อยกว่า 30-50% ซึ่งราคาของทรูวิชั่นส์สำหรับแพกเกจแพลทินัมเฮชดีดูพรีเมียร์ลีกได้ราคา 2,000 บาท

ปัจจุบันซีทีเอชมีฐานสมาชิกประมาณ 3.5 ล้านครัวเรือน โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปีจากนี้จะมีฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 7 ล้านครัวเรือน ก็จะเป็นส่วนที่ทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก

นอกจากเงินทุนที่มาจากรายได้จากการขายกล่องและการขายแพกเกจสมาชิก ก็ยังมีรายได้จากการขายโฆษณาอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาหมุนเวียนในช่วงของการดำเนินการแต่ละฤดูกาลด้วย

แหล่งข่าวจากซีทีเอชประเมินคร่าวๆ ว่า ทั้งสปอนเซอร์และเม็ดเงินโฆษณาที่จะเข้ามาสู่ช่วง 3 ปีของพรีเมียร์ลีกไม่น่าจะต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

ฐานรายได้หลักของซีทีเอช ประเมินว่าจะต้องมาจากค่าบริการรายเดือน ค่าสมาชิก 50% ค่าโฆษณา 20-30% และรายได้อื่น เช่น จากอินเทอร์เน็ต จากโฮมชอปปิ้งในอนาคต

“ซีทีเอชคงไม่ใช่เป็นผู้จ่ายรายเดียว เพราะเราคงมีพันธมิตร เช่น ผู้ที่รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดต่อเป็นช่วงๆ ในแพลตฟอร์มต่างๆ” แหล่งข่าวกล่าว

นายวิชัยยืนยันว่า ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกจะเป็นตัวหลักในการสร้างรายได้ให้แก่ซีทีเอชตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งก็หมายความว่าเริ่มมีเงินทุนและรายได้เข้ามาบ้าง

เพิ่มทุนเข้าตลาดหุ้นระดมทุน
แหล่งข่าวจากซีทีเอชอธิบายว่า จากนี้จะต้อมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก และจะนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยเพื่อเป็นช่อทางในการระดมทุน

อีกทั้งจำนวนหุ้นที่เหลืออีก 20% นั้น แม้ว่าจะไม่สามารถสรุปกับทางนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่งจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ได้ เนื่องจากแหล่งข่าววงในระบุว่าทางนายไพบูลย์ต้องการเข้ามาถือหุ้นในนามส่วนตัว แต่ทางซีทีเอชต้องการให้เอาจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เข้ามาถือหุ้นแทน แต่หลังจากนี้เชื่อได้ว่าจะมีผู้สนใจขอเข้าถือหุ้นเป็นจำนวนมากเนื่องจากซีทีเอชมีพรีเมียร์ลีกเป็นแม่เหล็กดูดอย่างแรง

รูปภาพ

ชี้ซีทีเอชต้องขาดทุนต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวจากวงการตลาดเงินตลาดทุนกล่าววิเคราะห์ถึงการบริหารจัดการแหล่งเงินทุนของซีทีเอชไว้ว่า

“ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่ซีทีเอชได้มาไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้แก่การลงทุนได้ แต่มองว่าเป็นกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจมากกว่า โดยใช้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นหัวหอกในการสร้างแรงจูงใจให้คนเข้ามาเป็นสมาชิก ต่อจากนั้นจะมีการต่อยอดธุรกิจอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อช่วยสร้างจุดคุ้มทุน กระแสเงินหมุนเวียนและทำกำไรให้ธุรกิจ ซึ่งทำให้เชื่อว่าโดยรวมซีทีเอชจะต้องขาดทุนจากต้นทุนรายการที่สูงไปต่อเนื่อง 2-3 ปี กว่าจะเริ่มมีฐานลูกค้าที่เพียงพอช่วยบริษัทลดภาระได้

โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกนั้น หากมีมูลค่าถึง 9,000 ล้านบาท ก็หมายถึงเงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท ยิ่งรวมกับแผนลงทุนในด้านการวางโครงข่ายตามแผนธุรกิจที่ใช้รวม 20,000 ล้านบาทใน 3 ปี ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากสำหรับซีทีเอช

ขณะเดียวกันมองว่า ค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษที่ซีทีเอชชนะคงไม่ได้หมายถึงบริษัทต้องหาเงินจำนวนมากไปจ่ายให้หมดภายในทันที แต่อาจมีค่ามัดจำส่วนหนึ่ง ที่เหลือทยอยจ่ายเป็นงวด ซึ่งนั่นหมายถึงจะช่วยผ่อนปรนความตึงเครียดทางการเงินได้อีกระดับ

ต้องเพิ่มทุนครึ่งหนึ่งของวงเงินกู้
ส่วนวงเงินกู้ยืมเพื่อใช้ลงทุนเพิ่มเติม ด้วยความที่เป็นบริษัทใหม่และยังมีขนาดเล็ก หากเงินลงทุน 20,000 ล้านบาทก็จะทำให้บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นไปถึงครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ต้องการกู้ยืมธนาคารเพื่อใช้เป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

โดยในเรื่องนี้หากเปรียบเทียบกับทรูวิชั่นส์ที่ดำเนินกิจการมาก่อน การระดมทุนจำนวนมหาศาลของบริษัทลูกของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น น่าจะมีน้ำหนักและความได้เปรียบมากกว่า ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ผู้ถือหุ้นต้องลงขันเงินทุนบางส่วนด้วยเงินตนเอง

ปัจจุบันตัวเลขโดยประมาณของผู้บริโภคที่เป็นสมาชิกเคเบิลภูมิภาคทั่วประเทศอยู่ถึง 10-15 ล้านจาน หากโอนมาเป็นสมาชิกซีทีเอชประมาณ 10 ล้านจาน ค่าแพกเกจรายเดือน 500 บาท ก็จะมีเม็ดเงินเข้าสู่บริษัทเดือนละ 5,000 ล้านบาท ยังไม่นับเม็ดเงินจากรายได้ค่าโฆษณา และค่าสัมปทานที่จะเรียกเก็บจากสถานีโทรทัศน์ และเคเบิลท้องถิ่นในกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีก

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 557

โพสต์

รูปภาพ

สถาบันสอนเต้นร่วมสมัยดานซ์ ซินเนอร์จี
แดนซ์กันให้สนุกทุกท่วงท่าด้วยความสมบูรณ์แบบและยังได้บุคคลิคภาพที่สวยสง่า

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=348


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 558

โพสต์

รูปภาพ

ไรมอน แลนด์ ฉลองส่งท้ายปีกับข้อเสนอสุดพิเศษไม่ควรพลาด
“The River Zero Pay Celebration”


กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--แฟรนคอม เอเชีย

ไรมอน แลนด์ เตรียมส่งท้ายปี 2555 พร้อมเฉลิมฉลองสิทธิพิเศษน่าประทับใจที่เดอะริเวอร์ คอนโดมิเนียม ด้วยสุดยอดดีลของโปรเจ็คท์แห่งปีที่คุณไม่ควรพลาด กับโปรโมชั่น“The River Zero-Pay Celebration” ที่พร้อมมอบสุดยอดแห่งความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าโครงการเดอะริเวอร์ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม ศกนี้ ด้วยส่วนลดราคาห้องชุดสูงสุด 7% และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ ฟรีค่าธรรมเนียมสินเชื่อบ้าน* ฟรี ดอกเบี้ยปีแรก* (สำหรับห้องชุดราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท) ฟรีค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต** (สำหรับการทำสัญญาซื้อขายเท่านั้น) ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ฟรีค่าเงินกองทุน และฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี พร้อมปิดท้ายด้วยสิทธิพิเศษเหนือระดับ ด้วยบัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์หรูจาก ยูโร ครีเอชั่นส์ มูลค่า 100,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จับจองห้องชุดมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
ลูกค้าที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเดอะริเวอร์ โครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูบนทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้ โทร 02 651 9600 หรือที่เว็บไซต์ http://www.raimonland.com

ข่าวประชาสัมพันธ์อสังหาริมทรัพย์ วันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 559

โพสต์

รูปภาพ

PJW มั่นใจQ4 โชว์ทีเด็ดโดนใจ-รับไฮซีซั่น ออเดอร์กระฉูด


กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--IR network

บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ประกาศไตรมาส 4/2555 ขอทำผลงานโตต่อเนื่องอีกครั้งส่งท้ายปี หลังไตรมาส 3/2555 โชว์ผลงานสุดประทับใจด้วยกำไรสุทธิ 57.6 ล้านบาท เหตุเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ผลักดันให้รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 31.2% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.5% "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" มั่นใจผลประกอบการทั้งปีไม่พลาดเป้าโต 20-25%





นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยถึงทิศทางของผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2555 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์นมและน้ำมันหล่อลื่น รวมถึงชิ้นส่วนรถยนต์ โดยขณะนี้บริษัทมีเครื่องจักรใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทจะเติบโตได้มากกว่า 20-25% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวมอยูที่ 1,644 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นตั้นบริษัทมีเป้าหมายที่จะรักษาไว้ที่ 19-20% โดยมุ่งเน้นการบริหารประสิทธิภาพด้านการผลิตและผลักดันยอดขายในส่วนของธุรกิจหลักที่บริษัทดำเนินการอยู่ให้เติบอย่างต่อเนื่อง

"จากภาพรวมทางเศรษฐกิจในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาที่ถือว่ายังขยายตัวได้ดี ส่งผลทำให้ธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ได้รับผลดีตามไปด้วย เห็นได้จากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร ไม่ว่าจะเป็นนมและนมเปรี้ยว หรือแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/55 ของบริษัทออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ทำให้มั่นใจภาพรวมในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยในไตรมาส 4 ก็ยังเป็นช่วงที่จะสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องและเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจด้วย" นายวิวรรธน์กล่าวในที่สุด

สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมไตรมาส 3/2555 ปรากฎว่าบริษัทและบริษัทย่อยว่ามีกำไรสุทธิเท่ากับ 57.6 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 25.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 78.3 ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 151.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น39.8 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 112.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 35.5 เป็นผลสืบเนื่องมาจากมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 120.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.2 จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ บรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยว บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22-65 ขณะที่อัตราส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 20.4 เป็นร้อยละ 22.5 เนื่องจากอัตราการใช้กาลังการผลิต (Utilized Rate) สูงขึ้นโดยเฉพาะสาขาชลบุรี ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 1.6 ล้านบาท จากการจ่ายคืนชำระหนี้เงินกู้ตามเงื่อนไขการใช้เงินเพิ่มทุน 100 ล้านบาท


ข่าวข่าวประชาสัมพันธ์หุ้น การเงิน การธนาคาร วันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 560

โพสต์

รูปภาพ

TMI ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิต 100% รองรับออเดอร์พุ่ง


กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น

บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/2555 เน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้ากลุ่มโคมไฟและหลอดไฟ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์แสงสว่างแบรนด์กาต้าเป็น 50% พร้อมเผยโรงงานแห่งใหม่จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ต้นปีหน้ารองรับอัตราการผลิตอีกเท่าตัว เตรียมทุ่มงบ 50-100 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตหลอดไฟฟ้าประเภท LED






นายธีระชัย ประสิทธิรัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI ผู้นำธุรกิจออกแบบ ผลิตและจัดจำหน่าย อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง อุปกรณ์ควบคุม หลอดไฟและคมไฟ ภายใต้ แบรนด์สินค้า “GATA” กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯช่วงไตรมาส 4/2555 จะเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในกลุ่มของโคมไฟและหลอดไฟ ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ควบคุมระบบแสงสว่างและหลอดไฟในระบบแสงสว่างอย่างครบวงจรมากขึ้น ซึ่งคาดว่ายอดขายช่วงไตรมาส 4/2555 ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้บริษัทยังมีไลน์สินค้าใหม่คือ ผลิตภัณฑ์คาร์ชาร์จเจอร์สำหรับมือถือในรถยนต์ที่เพิ่มเข้ามาและได้รับการตอบรับดีพอสมควร

สำหรับโครงการโคมไฟจะเน้นเป็นพวกสินค้าทดแทนการนำเข้าจากประเทศ ส่วนโครงการหลอดไฟจะเน้นผลิตเพื่อการส่งออกและรองรับการขยายตัวของประชาคมอาเซียนที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้ยังเน้นการร่วมธุรกิจกับภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ภาครัฐได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว อาทิเช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กระทรวงพลังงานที่มีนโยบายส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน

นอกจากนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์แสงสว่างทั้งหมด ภายใต้แบรนด์กาต้า (GATA) จากเดิม 30-40 % เพิ่มขึ้นเป็น 50% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์จะเน้นความหลากหลาย ใช้งานง่าย สะดวก ผู้บริโภคสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเอง คุณภาพผลิตภัณฑ์ได้รับการรองรับมาตรฐานระดับโลก และมีการรับประกันคุณภาพถึง 5 ปีเต็ม

นายธีระชัย กล่าวต่ออีกว่า บริษัทฯได้มีการสร้างโรงงานแห่งใหม่ คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในต้นปี 2556 ซึ่งปัจจุบันอัตราการผลิตอยู่ที่ 80% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมด และคาดว่าเมื่อโรงงานแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อยแบบเดินเครื่องการผลิตได้อย่างเต็มกำลังจะสามารถเพิ่มอัตราการผลิตดขึ้นอีกเท่าตัว หรือ100% ตามยอดออเดอร์ผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทฯมีแนวโน้มจะทุ่มงบประมาณ 50 – 100 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตหลอดไฟฟ้าประเภท LED หวังขายไลน์สินค้าของธุรกิจ โดยใช้เงินลงทุนจากการเพิ่มทุน และการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หลังพบว่าแนวโน้มความต้องการมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบและค้นคว้าข้อมูล นายธีระชัยกล่าว



ข่าวข่าวประชาสัมพันธ์หุ้น การเงิน การธนาคาร วันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 561

โพสต์







ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 562

โพสต์

รูปภาพ
เซอร์ไพรส์...“โตโน่” ปล่อยหมัดเด็ดในมิวสิควิดีโอเพลง “บ้าคิดถึง

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--สังกัดอัพจี

มิวสิควิดีโอเพลง “บ้าคิดถึง” ซิงเกิ้ลและมิวสิควิดีโอเปิดอัลบั้มแรกในชีวิตของ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หนุ่มหล่อเสียงดีที่มีดีกรีจากเวทีเดอะสตาร์ 6 ที่ได้มีโอกาสมาทำอัลบั้มในสไตล์ที่ชื่นชอบในแนว Pop Rock กับ สังกัดอัพจี ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยมิวสิควิดีโอเพลง “บ้าคิดถึง” ได้รับเกียรติจาก พี่ต่อ-แสนคม สมคิด กรรมการผู้จัดการสังกัดอัพจี มากำกับมิวสิควิดีโอนี้ให้อีกด้วย งานนี้หนุ่มโตโน่ของเราทั้งร้องและเล่นแบบเกินร้อย ตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน จนขาเป็นตะคริว แต่ด้วยสปิริตก็ยังคงร้องและเล่นต่อไปแบบม้วนเดียวจบกันเลย.. โตโน่ เล่าว่า “...สำหรับมิวสิควิดีโอเพลง”บ้าคิดถึง” เป็นมิวสิควิดีโอที่ผมรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากๆ เลยครับ เพราะผมได้พี่ต่อ-แสนคม สมคิด มากำกับให้ แถมพี่ต่อยังมีเซอร์ไพรส์พวกเราด้วย อย่างเวทีที่ผมและเพื่อนๆ ในวงต้องขึ้นไปร้องและเล่นดนตรีเป็นเวทีมวยจริงๆ ทำให้ผมและเพื่อนๆ ในวงรู้สึกทั้งตื่นเต้นและสนุกมากเลยครับ สำหรับผมรู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ทำมิวสิควิดีโอเพลงนี้ครับ วันนั้นเหมือนเราทำงานกันแค่แป๊ปเดียวทั้งๆ ที่เราเริ่มถ่ายทำกันตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน ถึงขาผมจะเป็นตะคริวแต่ผมก็ไม่อยากพักเลยครับ เพราะผมไม่อยากให้พี่ๆทีมงานต้องรอ และอีกอย่างคือผมรู้สึกสนุกจนลืมเจ็บไปเลยครับ มิวสิควิดีโอเพลงนี้มันเหมือนฝันของผมทุกอย่างเลย ที่ผมได้ร้องและเล่นในสไตล์ร็อกเต็มที่ และทุกฉากที่พี่ๆ ทีมงานเซตไว้ให้ผมชอบและประทับใจกับทุกฉากเลยครับ และที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คือขาไมค์ ที่มีโลโก้วงรูปสายฟ้าที่สั่งทำมาให้ผมเป็นพิเศษมันสุดยอดจริงๆ ครับ ยังไงผมและเพื่อนๆ ในวงต้องขอฝากมิวสิควิดีโอเพลง “บ้าคิดถึง” ไว้ให้แฟนๆ คอยติดตามรับชมกันด้วยว่าจะออกมาสนุกถูกใจทุกคนกันหรือเปล่า อย่าลืมติดตามมิวสิควิดีโอเพลงนี้กันนะครับ ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับ”

ติดตามชมมิวสิควิดีโอเพลง “บ้าคิดถึง” จากโตโน่ และเพื่อนๆ ในวง ได้ทางช่อง GMM MUSIC และรายการต่างๆ ของทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปลายเดือนนี้แน่นอน หรือดาวน์โหลดเพลง “บ้าคิดถึง” ได้ที่ *123 4666 สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดทุกข่าวสารความเคลื่อนไหวของโตโน่สามารถติดตามได้ที่ www.facebook.com/UPGband และ www.twitter.com/UPGband

ข่าวประชาสัมพันธ์บันเทิง-ดารา วันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 563

โพสต์

เสวนาออมไว้ในหุ้น by TSI
ตอน ค้นหาหุ้นคุณค่า ผ่านงบการเงิน 24 ต ค 55 Part 1 of 2




เสวนาออมไว้ในหุ้น by TSI
ตอน ค้นหาหุ้นคุณค่า ผ่านงบการเงิน 24 ต ค 55 Part 2 of 2


ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 564

โพสต์

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 565

โพสต์

บลจ.ทิสโก้ออกทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทย
เป้าผลตอบแทน 8%,มองกำไรบจ.-สภาพคล่องหนุน


กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์


บลจ.ทิสโก้ ออกกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%#6 ซึ่งเป็น

ทริกเกอร์ฟันด์ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 8%

ขณะที่มองการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.) และสภาพคล่องในตลาด จะ

หนุนดัชนีหุ้นไทยให้ขึ้นไปแตะระดับ 1,450 จุด ได้ในปีหน้า

กองทุนดังกล่าวจะเสนอขายระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-13 ธ.ค. โดยไม่มี

การกำหนดอายุกองทุน แต่จะเลิกกองทุนเมื่อมีมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ หรือมากกว่า

10.80 บาท

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน

ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า

ทิสโก้ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น พร้อมตั้งเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย

ในปี 56 ไว้ที่ 1,450 จุด จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของบจ. ที่คาดว่าจะเติบโต

ได้มากกว่า 20% และสภาพคล่องในตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ คาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น จะส่งผลบวก

ต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ในตลาด อีกทั้ง ในปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมีระดับ

การซื้อขายที่พีอีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่ม TIPS(ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์) จึงมี

ความเป็นไปได้ ที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปซื้อขายที่ระดับพีอีเฉลี่ยของกลุ่มดังกล่าว

ดัชนีหุ้นไทยช่วงบ่าย บวก 6.18 จุด มาที่ 1,297.03 จุด-

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 566

โพสต์

***หุ้นโค้งสุดท้าย...คาด SET พรุ่งนี้ทะลุ 1,300 จุด

ดัชนี SET วันนี้ปิดอยู่ที่ระดับ 1,297.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด หรือ +0.48%
มูลค่าการซื้อขาย 30,523.97 ล้านบาท


- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +311.52 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +726.86 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -1,161.01 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ +122.63 ล้านบาท




นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่ามีโอกาสทะลุ 1,300 จุด แต่ทั้งนี้ต้องมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มหลักๆพอสมควร ซึ่งในช่วงระยะสั้นกลุ่มพลังงานยังมีความกังวลเรื่อง ของ PTTEP แต่ถ้าประเด็นนี้จบกลุ่มพลังงานน่าจะเริ่มดี แม้ theme ถึงปัจจัยพื้นฐานไตรมาส 4/55 อาจไม่สดใสและไม่โดดเด่นมากนัก แต่ ณ ระดับราคาปัจจุบันจะทำให้นักลงทุนกลับมาสนใจอีกครั้ง

ทั้งนี้ยังมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1,314-1,315 จุด แต่จะทะลุหรือไม่นั้นต้องดูปริมาณการซื้อขายเป็นหลัก

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เล่นรอบ โดยเลือกหุ้นที่มี upside มาก

จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันพรุ่งนี้ดังนี้
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,290-1,305จุด หุ้นเด่น INTUCH
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,310 จุด หุ้นเด่น LH
บล.ไอร่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,280-1,310 จุด หุ้นเด่น IVL

รูปภาพ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 567

โพสต์

รูปภาพ

ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดบวก 6.18 จุด แนวเดียวกับตลาดภูมิภาคหลังปัญหาหนี้กรีซตกลงกันได้

วันนี้(27 พ.ย. 55)ตลาดหุ้นไทย ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,297.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด(+0.48%)มูลค่าการซื้อขาย 30,535.38 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นแนวเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก รับ Sentiment ต่างประเทศที่ยูโรโซนตกลงกันได้ในการช่วยแก้ปัญหาหนี้กรีซ แต่ปัญหาในยุโรปยังมีความเสี่ยงอีกมาก และต้องเฝ้าจับตา Fiscal Cliff ในสหรัฐใกล้ชิด ส่วนการเมืองในประเทศคงมีเรื่องรบกวนใจอีก และการประชุมกนง.พรุ่งนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ย พรุ่งนี้ตลาดฯคงแกว่งในกรอบ มีลุ้นขึ้นต่อได้แต่ไม่แรง พร้อมให้แนวรับ 1,290-1,280 แนวต้าน 1,300-1,310 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,297.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด(+0.48%)
มูลค่าการซื้อขาย 30,535.38 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน
โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,298.47 จุด
ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,292.47 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 329 หลักทรัพย์
ลดลง 219 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 185 หลักทรัพย์

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก รับ Sentiment ที่ดีจากต่างประเทศ หลังจากยูโรโซนสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ แต่ตลาดฯ ก็ยังไม่ได้ดีดตัวขึ้นไปแรงมาก แม้วาจะพยายามขึ้นไปทดสอบ 1,300 จุด แต่ก็ยังไปไม่ถึง เพราะตลาดฯยังเฝ้าจับตาเรื่อง Fiscal Cliff ในสหรัฐฯอยู่อย่างใกล้ชิด และปัญหาหนี้ในยุโรปด็ยังไม่ได้สิ้นสุดทีเดียว เพราะยังมีความเสี่ยงอีกมาก

ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง แต่ก็คงมีเรื่องเข้ามารบกวนใจได้ตลอด ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพรุ่งนี้ คาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ดังนั้นจึงยังไม่เห็นปัจจัยดันตลาดฯได้แรงมากเลย แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(28 พ.ย.)น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อแต่ไม่แรง เนื่องจากยังมีแรงซื้อจากองทุนช่วยพยุงไว้ พร้อมให้แนวรับ 1,290-1,280 จุด แนวต้าน 1,300-1,310 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,416.37 ล้านบาท ปิดที่ 12.00 บาท จากราคา IPO ที่ 4.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,335.30 ล้านบาท ปิดที่ 203.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,120.02 ล้านบาท ปิดที่ 5.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,118.85 ล้านบาท ปิดที่ 160.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,057.82 ล้านบาท ปิดที่ 314.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 568

โพสต์

SET:หุ้นไทยปิดบวก 0.48% หลังกรีซบรรลุข้อตกลงปรับลดหนี้, จับตา fiscal cliff

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--รอยเตอร์


ดัชนีหุ้นไทย ปิดบวก 0.48% ภาวะการซื้อขายภาคบ่ายดัชนียังเคลื่อนไหวในกรอบ

แคบๆเหมือนกับภาคเช้า ซึ่งดัชนีขึ้นมาเข้าใกล้แนวต้านที่ 1,300 จุด โดยมีแรงซื้อหุ้น

ในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มไอซีที นำตลาด

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการที่

กรีซสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับหนี้ได้ ขณะที่ปัจจัยที่จะต้องติดตามต่อไป ได้แก่ภาวะ

หน้าผาการคลังหรือ fiscal cliff ของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อภาวะการซื้อขาย

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดบวก 6.18 จุด มาที่ 1,297.03 ดัชนีสูงสุดอยู่ที่

1,298.47 ดัชนีต่ำสุดอยู่ที่ 1,292.47 โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 30,535.38 ล้านบาท

ขณะที่ SET50 ปิดบวก 4.74 จุด หรือ 0.54% มาที่ 879.61 และ SET100

ปิดบวก 9.80 จุด หรือ 0.51% มาที่ 1,933.28

ดัชนีกลุ่มแบงก์ บวก 0.78% มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 22.68% รองลง

มาได้ แก่กลุ่มไอซีที บวก 2.08%, และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บวก 0.61%


"ตลาดปรับขึ้น เพราะได้รับผลดีในเรื่องของกรีซ ที่สามารถบรรลุข้อตกลงได้

โดยจะลดหนี้ใหักับกรีซ จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด"

นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการ

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าว

รัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

บรรลุข้อตกลงในการปรับลดหนี้กรีซแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการเบิกจ่ายเงินกู้

งวดใหม่ เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจกรีซที่ใกล้จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย

นายสมชาย กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายหุ้นในระหว่างวัน ได้มีแรงขายทำกำไรออกมา

จึงทำให้ดัชนีปรับขึ้นได้ไม่มาก ซึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไปได้แก่ fiscal cliff

ของสหรัฐ ว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ เขา คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ และ

ในระหว่างวันดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงมาในแดนลบ เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง

2 วันแล้ว จึงอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาได้

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพรุ่งนี้ เขา คาดว่าจะเป็น

ลักษณะคงอัตราดอกเบี้ย จึงไม่น่าจะมีผลต่อภาวะตลาดหุ้น โดยดัชนีมีแนวต้านที่ 1,303

ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,290


หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

JMT ซื้อขายวันแรก อยู่ที่ 12.00 บาท

ADVANC บวก 6.00 บาท มาที่ 203.00 บาท

JAS บวก 0.14 บาท มาที่ 5.00 บาท

SCB บวก 2.00 บาท มาที่ 160.50 บาท

PTT บวก 2.00 บาท มาที่ 314.00 บาท

รูปภาพ

คืนนี้ขอจองทีวี เค้ากำลังติดแรงเงาอ่ะ >_<
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 569

โพสต์

รูปภาพ
ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด

สยามเซ็นเตอร์พลาดโกยปลายปี มาเลเซียบี้ไทยตกที่5รีเทลเอเซีย


สยามเซ็นเตอร์ เลื่อนเปิดเป็น 11 ม.ค. ปีหน้า ฟันธงปีนี้สถานการณ์เอื้อต่อธุรกิจค้าปลีกมากที่สุดปีหนึ่ง
วอนภาครัฐสนับสนุนนักลงทุน หวังไทยกลับสู่ท็อป 4 ผู้นำรีเทลในเอเชียอีกครั้ง
หลังโดนมาเลเซียแซงขึ้นเป็นอันดับที่สอง


นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ปิดศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ตั้งแต่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมวางแผนเปิดให้บริการอีกครั้ง 15 ธ.ค.นี้ ล่าสุดจากแผนการรีโนเวตที่ใช้งบรวมกว่า 1,800 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 1,000 ล้านบาท สำหรับการตกแต่งภายนอกอาคารและภายในศูนย์ฯ บวกกับของทางผู้เช่าและเจ้าของแบรนด์รวมกว่า 300 ร้านอีก 800 ล้านบาท ในการรีแบรนด์ดิ้งออกแบบและสร้างสรรค์ร้านค้าให้มีความแตกต่างจากที่อื่นๆ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดให้บริการมาเป็นวันที่ 11 ม.ค. 56 แทน

ทั้งนี้เพื่อให้โฉมใหม่ของสยามเซ็นเตอร์ เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ Ideaopolis หรือ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ที่จะช่วยยกระดับกรุงเทพฯให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าชั้นนำระดับโลกต่อไป โดยมองว่าภายหลังการเปิดให้บริการในคอนเซ็ปต์ใหม่แล้ว จะช่วยให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นอีก 20-25% จากปกติต่อวันอยู่ที่ 1.5 แสนคนต่อวัน พร้อมช่วยให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่ในศูนย์ฯมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 2 ชม.ต่อคนต่อครั้ง

อย่างไรก็ตามแม้ว่าสยามเซ็นเตอร์จะไม่สามารถเปิดให้บริการทันในช่วงส่งท้ายปลายปีนี้ แต่ภาพรวมยอดขายในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ มองว่าอีก 2 ศูนย์ คือ สยามดิสคัฟเวอรี่และ สยามพารากอน ก็ยังไม่ตกลง หรือยังมียอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% เนื่องจากลูกค้าบางส่วนของสยามเซ็นเตอร์ก็จะกระจายไปใช้บริการในทั้ง 2 ศูนย์

ขณะเดียวกันมองว่าปลายปีนี้ เป็นปีที่ดีของธุรกิจรีเทลอย่างมากอีกปีหนึ่ง หากไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย อีกทั้งฐานลูกค้านักท่องเที่ยวก็เข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น ทั้ง ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย จีน ต่างก็มีตัวเลขเติบโตขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าจะส่งให้ตลาดค้าปลีกในไทยจะกลับมาได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามปีนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ท่องเที่ยวเว็บหนึ่ง ที่ได้ทำสำรวจเกี่ยวกับท็อป5รีเทลในเอเชีย พบว่า ไทยตกจากอันดับ 4 สู่อันดับ 5 ในปีนี้ ส่วนมาเลเซียจากเดิมอยู่ในอันดับ 5 ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 โดยอันดับ 1 คือ ฮ่องกง และอันดับสามคือ สิงคโปร์ ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลของมาเลเซียให้การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว เชิญนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลไทยช่วยสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น รวมทั้งวางโครงข่ายด้านโลจิสติกส์เพื่อเป็นฮับในภูมิภาคนี้ให้ได้ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจรีเทลและท่องเที่ยวไทยกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 570

โพสต์

รูปภาพ

ANAN เคาะ IPO หุ้นละ 4.20 บาท-บล.บัวหลวงโวความต้องการเกิน 2 เท่า

“อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” สรุปราคาไอพีโอที่ 4.20 บาทต่อหุ้น ระดมทุนมูลค่า 5,598.6 ล้านบาท นำเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจ พร้อมประกาศแต่งตั้ง 4 โบรกเกอร์ชั้นนำ บล.บัวหลวง-Barclays Bank Public Company Limited บล.เคที ซีมิโก้ และ CIMB Bank (L) Limited เป็นแกนนำอันเดอร์ไรต์ขายหุ้นให้นักลงทุนใน และต่างประเทศ พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่าย 6 แห่ง ได้แก่ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บล.กสิกรไทย-บล.คันทรี่ กรุ๊ป-บล.เคจีไอ-บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.เอเซีย พลัส เตรียมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายนนี้ ก่อนลงสนามเทรดใน SET กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ วันที่ 7 ธันวาคมนี้ ด้าน บล.บัวหลวง โว ความต้องการเกินกว่า 2 เท่า ดังอีกทั้งจัดสรรให้นักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ ประมาณ 75%

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า “อนันดา” จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจของบริษัท เพื่อให้ธุรกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพราะเป้าหมายของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อต้องการยกระดับฐานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC

ทั้งนี้ ANAN จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 1,333 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ และเตรียมเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2555 ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 7 ธันวาคม 2555 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขาย คือ ANAN

นายพิเชษฐ์ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า การกำหนดราคาขายหุ้น ANAN ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 4.20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ได้จากการ Book Building โดยหุ้นไอพีโอของบริษัททั้งหมด จำนวน 1,333 ล้านหุ้น แบ่งสัดส่วนการขายให้นักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศจำนวนรวมประมาณ 75% นักลงทุนรายย่อยประมาณ 25% ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนสถาบันเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศประมาณ 55% และเป็นสถาบันในประเทศ 45%

“กระแสความต้องการหุ้น ANAN ดีมาก มีการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ และนักลงทุนรายย่อยมีเข้ามาอย่างท่วมท้น ทำให้หุ้นที่เสนอขายไปไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยพบว่ามียอดแสดงความจำนงขอจองหุ้นจากนักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาเกินความต้องการถึงกว่า 2 เท่า ดังนั้น เชื่อว่าเมื่อหุ้นน้องใหม่ ANAN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 7 ธ.ค.นี้ จะได้รับการการตอบรับที่ดี และน่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ผู้ลงทุนได้”

รูปภาพ