เศรษฐกิจการเงินประจำเดือนมกราคม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Amorna
Verified User
โพสต์: 454
ผู้ติดตาม: 0

เศรษฐกิจการเงินประจำเดือนมกราคม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ในเดือนมกราคม 2548 อุปสงค์ภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลง เทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2547 โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ยังคง ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง ด้านอุปสงค์ต่างประเทศ มูลค่า การส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเร่งตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะในหมวดวัตถุดิบและสินค้าทุน ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณของการขยายตัวของการผลิตเพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ และการลงทุนในระยะต่อไป

ด้านอุปทาน ผลผลิตพืชผลหลักยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง แต่รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักยัง ขยายตัวดีจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการผลิตภาค

สำหรับอุตสาหกรรมชะลอตัว ซึ่งเป็นไปตามอุปสงค์และปัจจัย ชั่วคราวที่มีการปิดซ่อมโรงงานขนาดใหญ่ในบางอุตสาหกรรม ในภาคบริการ การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากทั้งเหตุการณ์ ภัยธรรมชาติในฝั่งทะเลอันดามันและเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลงมาก

เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทรงตัว อัตราการว่างงานทรงตัวในระดับต่ำ และแม้ดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลจากการเร่งตัวของมูลค่าการนำเข้าสินค้าในเดือนนี้ แต่เงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูงและความมั่นใจของนักลงทุนต่อปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยส่งผลให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพต่อเนื่อง

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมกราคม 2548 มีดังนี้

1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (สินค้า 76 รายการ) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 3.9 ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศในหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งโดยเฉพาะรถยนต์นั่ง และการอ่อนตัวลงของอุตสาหกรรมแผงวงจรในตลาดโลก รวมทั้งความต้องการในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าจากต่างประเทศลดลง ประกอบกับในเดือนนี้มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดปิโตรเลียม อย่างไรก็ดี หมวดวัสดุก่อสร้างและหมวดสิ่งทอยังขยายตัวดี

อัตราการใช้กำลังการผลิต (สินค้า 69 รายการ) ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 71.2 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนนี้มีการขยายกำลังการผลิตในหลายหมวดอุตสาหกรรม เช่น หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ ขนส่ง และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า

2. การใช้จ่ายภายในประเทศ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ในเดือนมกราคมลดลงร้อยละ 0.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่หดตัวร้อยละ 1.2 ในเดือนธันวาคม 2547 โดยเป็นการลดลงตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซินในประเทศและปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งเป็นหลัก ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนนี้ แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่หดตัวลงร้อยละ 7.4 ในเดือนธันวาคม 2547 โดยมีการขยายตัวของการลงทุนในหมวดการก่อสร้างเป็นปัจจัยสำคัญ



3. ภาคการคลัง ในเดือนมกราคม รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.9 จากการ เพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีและรายได้ที่มิใช่ภาษี ร้อยละ 7.9 และร้อยละ 87.8 ตามลำดับ ผลการดำเนินงานในเดือนนี้ รัฐบาลเกินดุลเงินสด 15.6 พันล้านบาท โดยนำไปชำระคืนเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศจำนวน 12.3 พันล้านบาท



4. ภาคต่างประเทศ ในเดือนมกราคม ดุลการค้า ขาดดุล 1,475 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากที่เกินดุล 813 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน จากการนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นมาก โดยมีมูลค่าสูงถึง 9,170 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 33.6 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินค้านำเข้าที่ขยายตัวสูงได้แก่ น้ำมันซึ่งมี มูลค่าสูงขึ้นจากทั้งปัจจัยด้านราคาและปริมาณ เหล็ก ทองคำ และเครื่องจักรกลและชิ้นส่วน ในขณะที่การส่งออกมีมูลค่า 7,695 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 11.6 โดยสินค้าส่งออกสำคัญยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยานพาหนะและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์โลหะสามัญ และผลิตภัณฑ์เคมี ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 533 ล้านดอลลาร์ สรอ. ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่เกินดุล 556 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ แม้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะ ลดลงอย่างชัดเจนจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.0 และ 26.9 ตามลำดับ แต่เนื่องจากเงินบริการด้านจ่ายในเดือนนี้ก็ลดลงเพราะไม่ได้อยู่ใน ช่วงตกงวดการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างชาติ ทำให้สุทธิแล้วดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ยังคงเกินดุลใกล้เคียงกับเดือนก่อน อย่างไรก็ดี เมื่อรวมกับดุลการค้าที่ขาดดุลในเดือนนี้ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 942 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่เกินดุล 1,369 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 22 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2548 อยู่ที่ระดับ 48.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.

5. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยราคาหมวดที่ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8 ชะลอลงจากเดือนก่อนตามราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินเป็นสำคัญ ส่วนราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 โดยยังเป็นผลจากราคาในหมวดผักและผลไม้ ไข่และผลิตภัณฑ์นม รวมทั้งราคาหมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.7 โดยค่าเช่าบ้านไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน

ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.5 ชะลอลงจากร้อยละ 10.1 ในเดือนก่อน เป็นผลจากราคาในหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับลดลงเป็นสำคัญ

6. ภาวะการเงิน ในเดือนมกราคม 2548 ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 4.9 5.2 และ 5.9 ตามลำดับ ตามการชะลอตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคเอกชน โดยสินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ เอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ ที่บวกกลับการตัดหนี้สูญและสินเชื่อที่โอนไปบริษัทบริหารสินทรัพย์ แต่ไม่รวมสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2548 ขยายตัวร้อยละ 9.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจาก ร้อยละ 9.6 ในเดือนก่อน สำหรับเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 3.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นของ ยอดคงค้างเงินฝากในเดือนนี้จากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคธุรกิจ

อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินแม้ว่าสภาพคล่องโดยรวมในเดือนนี้มีค่อนข้างสูงเนื่องจากมีเม็ดเงินไหลกลับ เข้าสู่ระบบหลังผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินก็ปรับสูงขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ ร้อยละ 1.85 และ 1.89 ต่อปี ตามลำดับ

7. เงินบาท ค่าเงินบาทเฉลี่ยในเดือนมกราคม 2548 อยู่ที่ 38.75 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนธันวาคม สอดคล้องกับค่าเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค จากการที่ความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ยังอ่อนแอเนื่องจากปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ กอปรกับกระแสข่าวการปรับค่าเงินหยวน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติต้องการถือ หลักทรัพย์ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น เช่น นำมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

ในช่วงวันที่ 1-21 กุมภาพันธ์ 2548 เงินบาทโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมาเฉลี่ยอยู่ที่ 38.50 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากกองทุนต่างชาติยังนำเงินมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง กอปรกับความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยปรับตัว ดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง



ธนาคารแห่งประเทศไทย

28 กุมภาพันธ์ 2548
Price is what you pay, value is what you get.
ล็อคหัวข้อ