แนวคิดการจัดพอร์ตลงทุน แบบ Pokémon trainer! / Pocket investor

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pocket investor
Thai VI Partner
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 1

แนวคิดการจัดพอร์ตลงทุน แบบ Pokémon trainer! / Pocket investor

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Investor's practice: สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้จะมาแชร์มุมมองในประเด็นที่สำคัญอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ "การจัดพอร์ตหุ้น...ควรถือหุ้นกี่ตัวและจะกระจายการลงทุนที่เหมาะสมได้อย่างไร" นั่นเองครับ
.
ต้องบอกก่อนเลยว่า "ศิลปะการบริหารพอร์ต" เป็นสิ่งที่ ไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่เป็นเรื่องความพึงพอใจของแต่ละปัจเจกบุคคลครับ ดังนั้น บทความนี้จะเป็นเพียงแนวคิดในการบริหารพอร์ตส่วนตัวของผมเท่านั้น ลองมาดูกันเลยครับ
.
"จงเลือกหุ้นให้เหมือนกับเลือก Pokémon เข้าทีม"
.
ถ้ามีคนถามว่าผมมีมุมมองในการบริหารพอร์ตอย่างไร ผมก็มักจะนึกเสมอว่า มันก็คล้ายๆกับการรับบทเป็น Pokémon trainer ในเกม นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆการลงทุนมันก็คล้ายๆกับเล่นเกม Pokémon ในหลายแง่มุมจริงๆนะ น่าจะมีคนคิดเหมือนผมบ้างแหละ 555+
.
เชื่อว่าท่านใดที่เป็นคน Gen Y และเติบโตมากับเกมและการ์ตูน Pokémon น่าจะ get idea ได้ไม่ยาก ส่วนท่านไหนที่อาจจะไม่ได้สัมผัสกับ Pokémon มากนัก ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะทำให้เข้าใจง่ายหรือยากขึ้น 555 ยังไงลองอ่านดูก่อนได้นะครับ วันนี้จะขอยก 6 ประเด็นที่น่าจะมาปรับใช้กับการลงทุนได้ ดังนี้
.
1. Pokémon 6 ตัว เป็นจำนวนที่เหมาะสมที่สุดที่ Trainer พึงจะมี
คำถามยอดฮิตอันดับแรกๆในการจัดพอร์ต คือ เราควรถือหุ้นในพอร์ตประมาณกี่ตัว? สำหรับคนที่ใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบ "Focus" คงต้องเลือกบริษัทที่เรามั่นใจและเข้าใจเป็นอย่างดีจริงๆจำนวนหนึ่ง คงจะมีจำนวนไม่มากเกินไปจนไม่สามารถติดตามข้อมูลได้ทัน ซึ่งจำนวนหุ้นนั้นคงคล้ายๆกับ ที่ Pokémon trainer จะสามารถมี Pokémon ในทีมได้ 6 ตัว ที่เป็นจำนวนที่สามารถดูแลได้เหมาะสม
.
"กติกาของโปเกมอนลีก เค้าถึงได้บัญญัติไว้ว่าเทรนเนอร์ 1 คน จะมีโปเกมอนได้แค่ 6 ตัวไง เพราะมันเป็นจำนวนที่เหมาะสมที่สุดที่เทรนเนอร์ควรมี"
- ดร.ออคิดส์ (จาก Pokémon special เล่ม 10)
.
อย่างไรก็ตามในโลกการลงทุนคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องถือหุ้น 6 ตัวทุกช่วงเวลา ในบางช่วงเวลาคุณอาจจะถือหุ้นแค่ 3-4 ตัว หากคุณมั่นใจและเข้าใจธุรกิจนั้นจริงๆ หรือบางเวลาอาจจะถือ 7-8 ตัวหรือมากกว่านั้นก็ได้ หากมีหุ้นหลายๆตัวที่คุณสนใจและยังสามารถติดตามข้อมูลได้ทัน แต่สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด คือ การถือหุ้นเพียงตัวเดียว (All-in) เพราะมันมีความเสี่ยงสูงที่ผมจะอธิบายต่อในข้อที่ 2
.
2. ความสมดุลของทีมเป็นสิ่งสำคัญ ต้องสามารถรับมือ Pokémon คู่แข่งได้ทุกธาติ
ทีมที่ดีคงจะต้องมี Pokémon หลากหลายประเภทหลากหลายธาตุ และเลี้ยงให้ Level พอๆกัน เพื่อให้สามารถรับมือและต่อสู้กับ Pokémon ของคู่แข่งที่อาจจะมีหลายๆธาตุ เพราะ Pokémon แต่ละตัวก็ได้เปรียบเสียเปรียบธาตุแตกต่างกันออกไป
.
คงจะคล้ายกับพอร์ตลงทุนที่เราควรมีหุ้นที่อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมจัดสัดส่วนให้พอๆกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและสามารถรับมือกับสถานการณ์ภายนอกต่างๆที่เข้ามากระทบกิจการได้อย่างเหมาะสม
.
สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การมี Pokémon แค่ตัวเดียวแล้วใช้สู้ในทุกศึก เพราะ บางครั้งถ้าคุณเจอกับตัวที่แพ้ทางธาตุ คุณก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำได้ ซึ่งคงไม่ต่างอะไรกับการถือหุ้นตัวเดียว ที่ถ้าคุณคิดผิดอาจจะทำให้เสียหายหนักได้ครับ
.
3. ทีมที่ดีต้องประกอบด้วย Pokémon ที่เติบโต และ Pokémon ที่แข็งแกร่ง
การจัดทีมที่ดีคงต้องมีทั้งในส่วน Pokémon ที่เติบโต ยังสามารถพัฒนาการให้เก่งขึ้นได้ และ Pokémon ที่แข็งแกร่ง เช่น Pokémon ในตำนานต่างๆ ที่เก่งและหวังพึ่งได้
.
ไม่ต่างอะไรกับการจัดพอร์ตที่อาจจะมีทั้งส่วนของหุ้นเติบโตที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้มากในอนาคต และคุณอาจจะมีถือหุ้นแข็งแกร่งบ้างก็ได้ ซึ่งคงไม่ได้ให้ผลตอบแทนได้ดีเท่าหุ้นเติบโต แต่ก็ทำให้อุ่นใจและสร้างความเสถียรให้พอร์ตได้
.
4. การจะพัฒนาร่าง ต้องอาศัยเวลา
บางครั้งในทีมอาจจะมี Pokémon ที่ยังเป็นร่างแรกที่ยังไม่เก่ง ต้องเลี้ยง (Farm) ไปเลื่อยๆจนกว่า เค้าจะพัฒนาร่างและเก่งขึ้นได้ ซึ่งต้องอาศัยเวลาพอสมควร คงไม่ต่างอะไรกับการถือหุ้นที่ "Under value" ที่ต้องรอเวลาให้บริษัทแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา และรอผู้คนในตลาดเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ของเค้า
.
5. โอกาสในการจับที่ดีที่สุด คือ ตอนที่ Pokémon อ่อนแรง
วิธีการจับ คือ ต้องต่อสู้ให้ Pokémon อ่อนแรงหรือติดสถานะ "ผิดปกติ" ยิ่ง Pokémon เหลือพลังชีวิตน้อยเท่าไรก็ยิ่งจับได้ง่ายมากเท่านั้น (แต่ต้องมั่นใจนะว่าไม่ได้อัดจน Knock ไปซะก่อน) โดย คุณอาจจะใช้เพียง Pokeball ที่มีต้นทุนต่ำก็จับได้แล้ว ขณะที่ถ้าคุณจับโดย Pokémon ยังไม่อ่อนแรง อาจจะต้องใช้ Hyperball ที่มีราคาแพงกว่า และอาจจะต้องใช้หลายลูก ทำให้ต้นทุนสูงกว่า หลังจากจับแล้วเราก็จะนำเค้าเข้า Pokémon center เพื่อฟื้นฟู HP ก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้
.
คงจะเหมือนกับช่วงเวลาในการซื้อหุ้น ที่เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อ คือ ช่วงเกิดวิกฤตทั้งวิกฤตเศรษฐกิจภาพรวมหรือวิกฤตจากตัวบริษัทเอง ซึ่งเราเข้าใจเป็นอย่างดีว่าบริษัทที่เลือกเป็นบริษัทที่ดี แค่อาจจะเจอ "ปัญหาชั่วคราว" เมื่อกิจการฟื้นตัวแล้วก็จะกลับมาเก่งได้ มันก็น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า มี Margin of safety และมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีมาก
.
6. โลกของเรายังมี Pokemon อีกมากมายให้เราได้ไปศึกษาอย่างสนุก
ถ้าใครเป็น Trainer ยุคเก่าแบบผม ส่วนมากเราจะรู้จักกับ Pokemon Gen1 ในเขตคันโต ที่มีอยู่ประมาณ 151 ตัว เท่านั้น แต่รู้มั้ยครับว่าในปัจจุบันเกม Pokemon ได้ออกมาถึง 8 Gen แล้ว ซึ่งมี Pokemon รวมเกือบ 900 ตัว ซึ่งประกอบด้วยตัวเก่งๆรวมถึง Pokemon ในตำนานอีกมากมาย ให้เราสามารถเลือกมาเข้าทีมได้
.
"โปเกมอน ไม่ได้มีแค่ Gen1 เพียง 151 ตัว ฉันใด หุ้นก็ไม่ได้มีแค่หุ้นไทย 700 กว่าตัว ฉันนั้น"
.
ในปัจจุบันการออกไปศึกษาหุ้นต่างประเทศอีกนับ 10,000 บริษัท สามารถทำได้ไม่ยาก และคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ครับ การขยายพอร์ตการลงทุนไปต่างประเทศ คงเป็นทางเลือกที่ดีที่ทำให้คุณมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น บางครั้ง คุณอาจจะพบเจอบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ ที่เป็นสุดยอด Super stock ก็ได้ครับ : )
.
ในช่วงวัยเด็กผมชอบเล่นเกม Pokémon มากๆเลย ขนาดที่ชื่อเพจ "Pocket investor" ส่วนหนึ่งก็มีแรงบันดาลใจมาจาก "Pocket monster" นั่นแหละครับ และอย่างที่บอกว่า Pokémon กับการลงทุนมันมีส่่วนที่คล้ายๆกันในหลายแง่มุม โดยเฉพาะการลงทุนแบบ VI
.
นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมหลงไหลในการลงทุนและสนุกกับการศึกษาธุรกิจและการเลือกหุ้นมั้งครับ ผมเชื่อว่าการที่เรามี Mindset แบบนี้ มันทำให้ลงทุนได้อย่างมีความสุขทุกช่วงเวลา ซึ่งคงจะดีกว่าการลงทุนที่เกิดจากแรงผลักดันด้วยความโลภเพียงอย่างเดียวเป็นไหนๆ ดังนั้น
.
"จงลงทุนด้วยจิตวิญญาณของ Trainer อันลุกโชน!"
.
ทั้งหมดเป็นแค่มุมมองของผมเพียงคนเดียว อาจจะถูกบ้างผิดบ้างนะครับ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถ comment มาคุยกันได้เลยนะครับ : )
Writer: Pocket investor
โพสต์โพสต์