MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
i-salmon
Verified User
โพสต์: 293
ผู้ติดตาม: 0

MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

MoneyTalk@SET25Sep16

ช่วงที่ 2 สัมมนา หัวข้อ “ประสบการณ์เซียน ฝ่าอดีตวิกฤตหุ้น"
1) คุณมนตรี ศรไพศาล CEO บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง
2) คุณธานินทร์ งามวิทยาพงษ์ นักลงทุนอาวุโส ฉายา “คลายเครียด”
3) คุณกวี ชูกิจเกษม นักวิเคราะห์และกลยุทธ์หุ้น
4) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ

เกริ่นนำ
อ.ไพบูลย์ เซียนต่างกับคนธรรมดาอย่างไร?
อ.เสน่ห์ ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน เซียนแปลว่า เทวดา ผู้สำเร็จผู้เก่งผู้วิเศษผู้เก่งชำนาญในทางหนึ่งทางใด เช่น “เซียนการพนัน”
มีคนวิเคราะห์ว่าเซียนเป็นเทพของจีน จะถือว่าเซียนเป็นอมตะไม่รู้จักตาย
ร่างอาจจะหายไปแต่ความเป็นเซียนยังอยู่
โป๊ยเซียน หรือ 8 เซียน ได้แก่ เซียนยา/รักษาโลภ โชคลาภ การค้า ดีงามกตัญญู ความมีอายุยืน อุปชาติอุดมสมบูรณ์ พยากรณ์หยั่งรู้ ลาภยศตำแหน่ง
คนจีนมีความเชื่อว่าถ้าบูชาโป๊ยเซียนทั้ง 8 นี้ก็จะนำมาซึ่งสิ่งที่ปราถนา
แต่วันนี้เรามี 4 เซียน ได้แก่…
เซียนคลายเครียด เซียนหลักทรัพย์ เซียนนักวิเคราะห์ เซียนนักลงทุน
เราจะได้ฟังว่าทั้ง 4 เซียนผ่านวิกฤติมาอย่างไร?

เริ่มลงทุน?
คุณ ธานินนทร์ เริ่มลงทุนยุค ราชาเงินทุน ปี 2522
ดร.นิเวศน์ เริ่มลงทุนราวปี 2532 ช่วงกลับจากเรียนจบต่างประเทศ
คุณมนตรี เริ่มปี 2531 ทำงาน ผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ที่ เจเอฟธนาคม วันที่ 18/8/1988 เพราะเป็นบริษัทฮ่องกงชอบเลข 8
คุณกวี ลงทุนครั้งแรกปี 2537 สมัยตลาดหุ้น 1700 จุด ตอนนั้นก็มีนักวิเคราะห์บอกว่าจะไป 2000 จุด

แต่ละคนผ่านวิกฤติอะไรมาบ้าง?
คุณธานินทร์
รากศัพท์ภาษาจีนคำว่าเซียน เป็นคำสมาสระหว่าง คนกับภูเขา เซียนปลีกวิเวกบนภูเขา แต่ถ้าเล่นหุ้นก็อยู่บนภูเขากับเต็มไปหมด
ขอแยกวิกฤติเป็น 2 ประเภท
1. วิกฤติแบบเรื้อรัง vs วิกฤติไม่เรื้อรัง – อย่างเช่น สมัยบริษัทเงินทุนที่ไม่มีแบงค์หนุนหลังล้มละลาย ฟองสบู่แตก ธนาคารก็เอาไม่อยู่ ล้มไปหลายธนาคาร
ส่วนที่ไม่เรื้อรัง Subprime มาจากอเมริกาไม่เกี่ยวกับเรา , สงครามอิรัก, black Monday
2. วิกฤติมีโอกาสให้แก้ตัว vs วิกฤติที่ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว – วิกฤติไม่มีให้แก้ตัว เช่น บริษัทออกจากตลาดไปแล้ว(ยกใบหุ้นให้ดู) อีกแบบคือบริษัทยังอยู่

คุณมนตรี
เจอเหมือนกับคุณธานินทร์ ยกเว้นอย่างเดียวคือ ราชาเงินทุน เพราะเด็กไป ช่วงสมัยลงทุนอายุ 24
เราควรเอาความเสียหายมาเป็นบทเรียน ที่หนักสุดคือปี 40 ช่วงนั้นเป็นขาขึ้น เรากำลังสอนเรื่อง warrant บอกว่าถ้าหุ้นดี หุ้นลูกจะยิ่งดี
จึงเข้าไปซื้อหุ้นธนสยามวอร์แรนต์ ได้ราคา 50-60 บาท (ตัวแม่ราว 600) ราคาใช้สิทธิ์ไม่สูง ปรากฏ วอร์แรนต์ราคาขึ้นไป 400 อยากจะขาย
แต่ได้ยินว่าจะไป 2000 ตอนนั้นก็เอาบ้านไปจำนองแล้วไปซื้อเพิ่ม พอเจอช่วงที่สับสนตกหนัก หัวใจเขย่ามาก มีทั้งข่าวดีร้ายสลับกัน
หุ้นลงแรงก็ขาย พอข่าวดีหุ้นขึ้นก็ซื้อกลับมาอีก โดนแบบนี้ไปหลายรอบ อีกทั้งตอนนั้นไปซื้อบ้านเพิ่มไว้ด้วย เจอวิกฤติปี 40 พอดี หมดตัว
ตอนนั้นก็ได้อธิษฐานกับพระเจ้า พระองค์ก็ได้สอนเรื่องความเสี่ยงให้กับเรา
เราต้องเรียนรู้ที่จะขอบคุณพระเจ้าและยอมรับสถานการณ์ เปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นบทเรียน
ตอนนั้นก็กลับไปกอดภรรยาสารภาพที่ตัดสินใจผิด และสู้ต่อด้วยกัน เจอปัญหาแล้ว เราจะปล่อยให้เสียใจทุกข์ใจไปทำไม
หน้าที่เราคือ ต้องเก็บบทเรียนราคาแพงมาเป็นบทเรียนชีวิตและก้าวหน้าต่อไป
ช่วงนั้นรายได้ในฝ่ายก็ลดลงมากจากหลายร้อยล้านเหลือแค่ 5 ล้าน ก็ลำบาก พอดีจบ CFA และได้รับเสนองานใหม่
ให้ดูเรื่องการลงทุนที่ AIA ตอนนั้นมานั่งคิดถือว่าเรายังโชคดี 56 finance ปิด แต่ก็ยังดีที่ไม่ตกงาน ช่วงนั้นโดนลดเงินเดือน ก็คิดว่ายังดีกว่าตกงาน
จึงมาเขียนหนังสือร่วมกันพลิกเศรษฐกิจ ให้กำลังใจกับผู้คน
และได้มาออกรายการ money talk อ.อยากให้กำลังกับผู้คน ก็เอารูปมาโชว์ Attitude เป็นภาพภูเขาที่มีเมฆทึบมาก มีแสงริบหรี่มาก
มีข้อความภาษาอังกฤษว่า Your face to the sunshine, and you will not see the shadow
ตราบเท่าที่คุณยังไม่ละสายตาจากแสงสว่าง คุณจะไม่เห็นความมืด เราเจอวิกฤติมาด้วยกัน ก็ต้องช่วยกันฟื้น
ชอบคำที่ผู้ใหญ่ของ BANPU เคยเล่าให้ฟัง ว่าเคยถามผู้บริหารในบริษัทแต่ละคนว่าวิกฤติครั้งนี้เกิดจากอะไร
ซึ่งผู้บริหารแต่ละคนก็ตอบกันหลากหลาย ท่านประธานบอกว่าไม่ใช่ ปัญหาคือ ผู้บริหาร ให้พวกเรายอมรับอย่างมีกำลังใจ
ปัญหาต่างๆอาจมาจากภายนอก แม้เราควบคุมไม่ได้ แต่อาจจะคาดการณ์และระมัดระวังได้
ถ้าเป็นปัญหาของประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่คนไทยต้องร่วมกัน อีกหลายปีต่อมาก็ได้เป็นผู้บริหารกิมเอ็ง(ซึ่งรวมกับหยวนต้า)
ถือว่าเป็น CEO คนหนุ่ม ตอนนั้นอายุ 37 ปี มานึกย้อนไปว่าทำไมเราถึงมาจุดนี้ได้ ส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะวิกฤติ
เราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็มีพี่ๆหลายคนหายไปจากวงการ ก็เป็นโอกาสให้คนรุ่นหลัง
มันเป็นหลักการคล้ายๆ pursuit of happiness ไม่ว่าจะความยากลำบากแค่ไหน
สิ่งที่เราตัดสินใจได้คือการเลือกจะมีความสุข มีคำกล่าวว่า “คุณไม่มีความสุขหรอก จนกว่าคุณจะตัดสินใจเลือกที่จะมีความสุข” เราเลือกได้เสมอ

ดร.นิเวศน์
ที่เป็นวิกฤติจริงๆก็ปี 40 ทุกคนโดนกันหมด ตอนนั้นเป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ ชีวิตไม่เคยก้าวมาเป็นผู้นำ
ตอนอายุ 30 กว่าเพิ่งเริ่มทำงาน ตำแหน่งก็ไม่ค่อยดีเด่น ส่วนใหญ่เป็นคนยืนข้างๆคอยสังเกตการณ์ ตั้งแต่เด็กรู้ว่าตัวเองไม่มีความเป็นนักพนัน เรียนจบวิศวะ
ทำงานวิศวะ ไม่รู้จักหุ้น พวกคนที่เล่นหุ้นใช้ไม่ได้ รู้สึกว่าเป็นคนชีวิตไม่ขยัน ไม่ทำงาน เก็งกำไรหาเงิน จนเรียนจบปริญญาเอกด้านการเงิน
จบมาก็ยังรู้สึกไม่น่าเล่นหุ้น ปริญญาสอนว่าไม่สามารถเอาชนะตลาดได้หรอก เราอยู่สถาบันการเงินไม่ได้ทำเรื่องลงทุนหุ้นโดนตรง(อยู่หน่วยงานIB)
แต่พอมีวิกฤติก็ต้องโดนออกจากงานมาด้วย ก่อนหน้าก็ไม่ค่อยเชื่อ ไม่ค่อยเล่นหุ้นเท่าไร ซึ่งหลักจากวิกฤติก็มาเข้าตลาดมาเต็มๆโดยมองแบบนักลงทุน
ซื้อหุ้นแล้วเก็บไว้ผ่านมาหลายๆปีก็ค่อยขาย ตั้งใจลงทุนซื้อหุ้นเพื่อเป็นธุรกิจของเราเอาตัวรอด ได้เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนหนึ่ง

คุณกวี
ถือว่าโชคดีช่วงเกิดวิกฤติเริ่มเงินเดือน 11,500 บาท จบปริญญาตรีวิศวะ ได้เงินเดือน 15,000 บาท ไปเรียนปริญญาโท 2 ปี ได้เงินเดือน 11,500 บาท
ซึ่งการเงินช่วงที่เรียนเป็นมนุษย์ทองคำ ได้โบนัส 12 เดือน เข้าไปช่วงตลาดหุ้น 1700 จุด ซื้อหุ้นตัวแรกคือ ธนาคาร ทุกคนเห็นภาพสถาบันการเงินดีมาก
ไม่มีใครคิดว่าจะล้ม ธนาคารแรกที่ซื้อคือ นครหลวงไทย ซื้อ 30 กว่าบาท ใช้เงินไม่เยอะมาก มาขายได้ตอน 1 บาท (ยังดีที่ขายได้ไม่เป็นกระดาษ)
คุณธานินทร์ เสริม ตอนนั้นก็ซื้อศรีนคร ได้ใบหุ้นมา 2 หุ้น ยังมีเรียกประชุมทุกวันนี้

คุณกวี
ข้อดีตอนนั้นเสียหายไม่เยอะ เพราะเงินเรายังไม่เยอะ แต่สอนอะไรเราเยอะมาก วิกฤติยังไงก็ต้องมี และข้างหน้ายังต้องมี การล้มมันคล้ายๆกัน
เลห์แมนบรอเธอร์ ล้มก็เป็นโดมิโน ราชาเงินทุน(ฟินวัน) ต้มยำกุ้ง ก็เหมือนกัน ถ้าใครเป็นนักลงทุนแล้วรู้ว่าข้างหน้าจะมีวิกฤติ ก็จะปลอดภัยในการลงทุน
ความสุขมันอยู่ที่คุณเลือกเองจะมีความสุข คุณจะไม่ไปโลภ รู้ว่าจุดไหนว่าต้องพอ หลายปีแล้วที่เราไม่เจอวิกฤติเรื้อรัง ยังไงก็คงมีวิกฤติอีก

ดร.นิเวศน์
ถ้าเราเอาตัวรอด ไม่อยู่ในวิกฤติได้ก็จะรอด หน้าที่เราคือไปอยู่ข้างๆมัน อย่าอยู่ในวิกฤติ
ช่วงก่อนเกิดวิกฤติก็มักจะเป็นช่วงที่มีความสุขรืนเริงสุขเหมือนปาร์ตี้ เราก็ต้องยอมหลบเลี่ยงก่อน เวลาวิกฤติหุ้นลงหนัก 50% ถ้าเราหลบวิกฤติได้ทุกครั้งก็สบาย

กลยุทธ์ผ่าวิกฤติ?
คุณธานินทร์
หุ้ยจีโหย่วจีหุ้ย วิกฤติมีโอกาส หุ้นจีโหย่วหุ้นจี โอกาสมีวิกฤติ
อีกวิกฤติที่คนไม่คิดถึงคือการเสพติดข้อมูลข่าวสาร หุ้นขึ้นพูดอย่างหุ้นลงพูดอย่าง ใครเสพติดมากสภาพจิตใจจะแย่ การลงทุนจะผิดพลาด ส่วนตัวไม่ตามข้อมูลในไลน์เลย
ปัจจุบันโอกาสกับวิกฤติสลับกันเร็วมาก คนที่แทงถูกข้างเป็นโอกาสของคนที่แทงผิดข้าง ถ้าเรารู้สึกว่าเป็นโอกาสแต่แทงผิดข้างก็กลายเป็นวิกฤติ
เหมือนยังในหนัง the big short เขาบอกว่าจะไม่เกิดวิกฤติได้ไง ขนาดชื่อหมายังเอามาใส่เป็นชือกู้ซื้อบ้านได้
ก็เป็นโอกาสให้ Short หุ้นรวยได้

ดร.นิเวศน์ บัฟเฟตต์เคยบอกว่า คน 2 คนทำเหมือนกัน แต่คนที่ทำทีหลังโง่ เหมือนคนซื้อหุ้นตัวเดียวกันแต่คนละช่วงเวลา

คุณมนตรี
1. ทุกความเสียหาย ทุกความเจ็บปวดให้เปลี่ยนเป็นบทเรียน พระเจ้าตรัสเรื่องความเสี่ยง เราไม่ควรกลัวความเสี่ยง
แต่ควรประเมินความเสี่ยงให้ได้ จากวิกฤติที่เคยเจอ กับกลุ่มผู้บริหารที่ maybank ผู้บริหารก็ลำบาก เจอลูกค้าก็ลำบาก ทุกครั้งต้องอธิบายหนี้เสียบริษัทเคยเห็นเป็น
npl 400 ล้าน ซึ่งตั้งแต่ปี 98 ผู้บริหารก็ตกลงกันว่าจะดูแลความเสี่ยงให้ดี ซึ่งบลจ.เสียหายคือลูกค้าหมดตัว
ปี 2008 ตลาดหุ้นไทยแกร่งกว่าต่างประเทศเยอะ แต่ก็ยังมีหลายบริษัทที่เป็นลูกโป่งแตกในตลาด market cap. จาก 20,000 ล้านบาท เหลือ 200 ล้านบาทใน 8 วัน
บางโบรกเกอร์ที่ปล่อยสินเชื่อไปบางแห่งขาดทุนเป็น พันล้าน ร้อยล้าน หลายสิบล้านบาท
แต่ Maybank kimeng ขาดทุนเป็น 0 บาท ซึ่งเรามีโอกาสที่เอาบทเรียนมาปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบ
ในแง่นักลงทุนต้องดูปัจจัยพื้นฐาน ไม่ใช่ใช้ข่าวลือ หุ้นอภินิหารขึ้นได้โดยไม่มีเหตุผล มักจะลงได้ง่ายๆอย่างมีเหตุผล
ต้องฝึกบริหารความเสี่ยง ถ้ามาขอ margin แล้วบอกว่าทำไมโบรกเกอร์อื่นให้แต่เราไม่ให้ หรือให้จำกัด เพราะเป็นห่วงลูกค้า
2. โบรกเกอร์มีหน้าที่ช่วยนักลงทุน ต้องใช้เหตุผลในการประเมินวิกฤติช่วงใกล้ 1600-1700 คนจะถามว่าใกล้วิกฤติเท่า
ตอนปี 40 ตลาด pe 28 เท่า มองไปข้างหน้า pe20 เท่า คิดส่วนกลับได้ผลตอบแทน 5% ฝากธนาคารตอนนั้นได้ดอกเบี้ย 10%
ตอนนี้ตลาดหุ้นไทย pe 14 เท่า แต่ดอกเบี้ยเงินฝากประมาณ 1%
ตอนต้นปีเราฟันธงว่าตลาดจะผันผวน แปลว่าหุ้นลงก็อย่ากลัวเกินไป ปลายปีน่าจะดี บริษัทจดทะเบียนกำไรดีขึ้น การท่องเที่ยวยังดี การลงทุนเดินหน้า
คำแนะนำคือ ถ้าประเมินเองไม่ออก ก็ศึกษาจากงานวิจัย มีหลายโบรกเกอร์
3. นอกจากเลือกดูจังหวะ อีกทางเลือกโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ซื้อหุ้นทุกเดือนในจำนวนเงินเท่ากัน ที่เรียก dollar cost average(dca)
เวลาลงยาวๆจะเหมือนทอยลูกเต๋า ความเสี่ยงจะลดลง ถ้าเราทอยลูกเดียว 1 แย่สุด 6 ดีสุด คือไม่ดีก็แย่ แต่เราทอยไปเรื่อยๆ มันก็จะเข้าสู่ค่าเฉลี่ย
ในระยะยาวถ้าเป็นคนทำงานหลายๆปีอาจจะมีเงินเกษียนได้

คุณกวี
บทวิเคราะห์เราดูพื้นฐาน เราไม่ทำข่าวลือ ข่าว inside มียกตัวอย่างหุ้นตัวหนึ่งคนมาปรึกษา บอกว่า inside ก็เลยตอบกลับมาจะเป็น inside ได้ยังไง
ทุกคนรู้กันหมด สุดท้ายหุ้นแบบนี้ก็ราคาลดลงอย่างมาก บทวิเคราะห์ถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่กรองมาดีที่สุดแล้ว ดีกว่าทางไลน์แน่นอน
ช่วงแรกที่ขาดทุนยืมเงินพ่อมา 1 ล้าน คืนไป 3 แสน สอนอะไรเราหลายอย่าง
1. เราเป็นนักลงทุนแบบไหนกันแน่? หลายคนพลาดตั้งแต่วันแรกที่ลงทุน พอกลับไปสำรวจแล้วเรารู้ว่าเป็นใครจะลงทุนได้ถูกทาง
แล้วก็ไปศึกษาแนวทางนั้นให้เหมาะกับตัวเรา เช่น หลายคนมีนิสัยชอบเก็งกำไร ถือหุ้นยาวๆไม่ได้ ก็ต้องรู้จัก cut loss ไม่ใช่เปลี่ยนเป็นถือยาว เป็น VI เพราะว่าลงทุนผิดพลาด
2. ไม่จำเป็นต้องลงทุนหุ้น 100% จะลง 20% หรือ 30% ก็ได้ เรียกว่ากระจายความเสี่ยง ผลลัพธ์มหัศจรรย์อาจจะไม่เกิด
แต่ผลตอบแทนจะเหมาะสมและสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ไม่มีใครซื้อได้ถูกที่สุดและขายได้แพงที่สุด ดูว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน ลงทุนหุ้นได้กี่ %
3. ถ้าลงทุนแนว VI สิ่งสำคัญ 2 เรื่อง ที่ต้องทำคือ รู้จักบริษัทพื้นฐานกิจการ เช่น รู้จัก Ptt ไหม? Pttgc ทำอะไรรู้ไหม? โอเลฟินส์หรืออะโรเมติกส์? ผลิตภัณฑ์เอาไปทำอะไร?
ต้องตอบให้ได้ว่าบริษัททำอะไร และมีความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ดูความสม่ำเสมอในอดีต กำไร อัตราทำกำไร การกู้หนี้ยืมสิน ความสม่ำเสมอไม่ได้หลอกใคร
แต่ราคาหุ้นที่หลอกเรา ความสม่ำเสมอของพื้นฐานในอดีตไม่เคยโกหก เมื่อรู้ว่าบริษัทดี ต่อให้ติดดอย ในระยะยาวบริษัทก็จะยังทำผลกำไรให้กับท่าน
4. จะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นถูก ถ้าได้สองอย่างนี้จะได้หุ้นมหัศจรรย์ สิบปีเติบโตเป็นหมื่นเปอร์เซ็นต์ จะรู้ได้อย่างไร ก็วิกฤติจะทำให้หุ้นลง
อย่างเช่น หุ้นรพ.กรุงเทพ วันที่เกิด subprime หุ้นลง 50% แต่ปีนั้นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องถึงปีถัดไป ถ้าแบบนี้เรียกว่าราคาหุ้นหลอกเรา
นักลงทุนที่เป็น VI จะรู้ว่าเป็นของถูก วิกฤติย่อยๆก็มี เช่น น้ำท่วม บริษัทประกันภัย ราคาหุ้นร่วงแรงมาก
หรือถ้าสมมติ การท่องเที่ยว เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ จะเป็นโอกาสซื้อหุ้นกลุ่มโรงแรม
ถ้าถามวันนี้หุ้นถูกหรือแพง คนจะตอบว่าแพง แล้วทำไมจะไม่รู้ว่าตอนไหนหุ้นถูก พอหุ้นแพงหาหุ้นไม่ได้ก็จะเหลือแต่หุ้นเล็กๆน้อยๆที่ปั่นไปมา
เลือกหุ้นดีสำคัญที่สุด ถ้าเลือกหุ้นดี ตอนดอย ต่อไปมันก็จะมีดอยใหม่ (ราคาสูงขึ้น) แต่ ถ้าเลือกหุ้นไม่ดี จะติดดอยตลอดไป และเป็นสิ่งที่ง่ายด้วย
ทุกคนสามารถใช้สัญชาตญาณแยกได้ว่าหุ้นไหนดีหรือไม่ดี รอวิกฤติและเลือกหุ้นให้ถูกจะได้ผลตอบแทนมหาศาลในฐานะที่เป็นนักลงทุน VI

ดร.นิเวศน์
จากประสบการณ์ที่พยายามยืนข้างๆวิกฤติ ตอนเข้าตลาดเต็มๆปี 40 ดัชนี 850 จุด
ปีต่อมาหุ้นตกจาก 850 เหลือ 400 ปีถัดมา จาก 400 เหลือ 200 เราอยู่ข้างๆเพราะหุ้นเราไม่ขาดทุน กำไรนิดๆด้วยซ้ำ รอจังหวะ พอ 200 หุ้นเริ่มขึ้นเราก็ขึ้นตาม
ในปี 2008 หุ้นลงจาก 800 เหลือ 400 พอร์ตก็ขาดทุนราว 10 กว่า % พอหุ้นขึ้นเราก็ขึ้นตาม ผลตอบแทนเราจะแตกต่างกับตลาดมากก็คือตรงนี้ เพราะเสียหายน้อยกว่าตลาด
วิธีเลี่ยงวิกฤติ เวลาซื้อหุ้นดูว่าหุ้นตัวนั้นจะตายอย่างไร จะตายที่ไหน อย่างปี 40 หุ้นที่จะตายคือ หุ้นที่มีหนี้สูง
ตอนนั้นหุ้นที่รุ่งเรืองมากที่สุด คือหุ้นที่กู้หนี้มากที่สุด เราก็ไปเลือกหุ้นที่ไม่มีหนี้ เป็นผู้นำ ยอดขายไม่ผัวผวนมาก คนต้องกินต้องใช้
เช่น หุ้นอาหาร จะประคองตัวได้ พอเศรษฐกิจฟื้นก็ไปต่อ
ภาวะที่น่ากลัวที่สุดคือทุกคนอยากจะลงทุน มี theme น่าสนใจคนอยากจะเข้าไปทำเยอะๆ
อย่างตอน subprime พวก real estate บูมมาก บริษัทการเงินปล่อยกู้มหาศาล แต่ในวันนั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนจะบอกว่าหุ้นเหล่านี้ปลอดภัยมาก ระดับเกรด AA,AAA
ฝากไว้ วิธีดูหุ้นง่ายนิดเดียว ให้เราตอบคำถาม 3 คำ 3 ปี 3 พีอี
3 คำคือ รายได้ปีนี้ กำไรปีนี้ ปันผลปีนี้จะต้องเพิ่มขึ้น ไม่ลดลง ต้องให้เพิ่มทั้ง 3 อย่าง
3 ปี ให้ถามตัวเองว่าบริษัทนี้ จะเติบโตต่อไปอีก 3 ปีข้างหน้า ค่อนข้างแน่นอน หลายธุรกิจเราก็ไม่แน่ใจว่าอีก 3 ปีข้างหน้าจะโตได้ เช่นโภคภัณฑ์
3พีอี คือ ต้องคาดการณ์ว่า ถ้าเอาราคาในวันนี้ไปหารกำไรในปีที่ 3 pe ไม่เกิน 20 เท่า สามารถซื้อได้ อย่างบางหุ้นแนวโน้มเติบโตดีมากๆ
อย่างพลังงานทดแทน แต่คิดกำไรในปีที่ 3 แล้ว pe ยังเกิน 20 เท่าก็ยังไม่น่าซื้อ

คุณธานินทร์ เราอย่าบอกตัวเราเองว่า เทคนิคต้องแม่น ปัจจัยพื้นฐานต้องแม่น แต่ต้องถามตัวเองว่าถ้ามันไม่แม่นอย่างที่เราคิด ต้องทำอย่างไร?

คุณมนตรี
อยากแนะนำวิธีหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่าลงทุนแบบ 100-0 fund manager ที่เก่งๆบอกว่า จะไม่ลงทุน 100% ต้องมีเงินสดบ้าง
เช่น 5% ไม่ใช่กลัวความเสี่ยง แต่ถ้ามีโอกาสจะได้เข้าไปซื้อได้ อีกความเสี่ยงคือถือเงินสดเยอะเกินไป เช่น ถือเงินสด 40% หุ้น 60%
ถ้าผิดทาง fund manager ก็ทำผลตอบแทนตามตลาดไม่ทัน

อ.เสน่ห์ เล่ากลอนปิดท้าย
ประสบการณ์สี่เซียนผันเปลี่ยนหุ้น
เซียนลงทุนเซียนวิเคราะห์ให้เหมาะเหม็ง
เซียนคลายเคลียดเซียนหลักทรัพย์กับกิมเอ็ง
เซียนสุดเจ๋งฝ่าวิกฤติพิชิตชัย
อ.ไพบูลย์ กล่าวปิดท้าย การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
เราให้ข้อมูล ท่านตัดสินใจเอง ท่านได้หรือเสียประโยชน์ขึ้นกับท่านเอง

ขอบพระคุณอ.ไพบูลย์ อ.นิเวศน์ อ.เสน่ห์ หมอเค และแขกรับเชิญทุกท่านที่จัดงานและให้ความรู้ดีๆให้กับทุกคน
ขอบคุณสปอนเซอร์และทีมงานทุกท่านครับ
ขอบคุณพี่แป๋มที่สนับสนุนของกินในงาน พี่นุชสนับสนุนของกินนอกงาน วันนี้อิ่มจัง
*ในช่วงที่ 1 ติดภารกิจพอดี ขอบคุณพี่อมรที่ช่วยสรุปให้ด้วยนะครับ


Moneytalk@SETครั้งต่อไป
อาทิตย์ 16/10 เปิดจองเสาร์ 8/10
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์หุ้น 4 บริษัท Gpsc, tkn, amatav, อีก 1 บริษัทกำลังยืนยัน
ช่วงที่ 2 เลือกหุ้นบริหารพอร์ตแบบเซียน เซียนวิน, เซียนนิเวศน์ และอีก 2 ท่านกำลังยืนยัน
Go against and stay alive.
teevalue
Verified User
โพสต์: 355
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kannicha
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 165
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากค่ะ
amornkowa
Verified User
โพสต์: 2195
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

MoneyTalk@SET25Sep16

ช่วงที่ 1 สัมมนา หัวข้อ เจาะลึกหุ้นเด่นไตรมาส 4 ปี 59

1) คุณสุณี เสรีภาณุ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท MC group จำกัด (มหาชน)

2) คุณสมศักดิ์ บริสุทธิ์ธนกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท TPBI

3) คุณสุวิทย์ ยอดจรัส
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ นพ.ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิช ดำเนินรายการ

เริ่มที่บริษัท MC group ก่อน

Q: ธุรกิจ ของ Mc ทำอะไรบ้าง

A: คุณสุณี เริ่มโดยบอกว่า มางานMoney Talk 3 ปีติดต่อกัน
ครั้งแรกที่มา หลังจบรายการขอเป็น sponsor รายการทันที ต้องขอบคุณที่สนับสนุนรายการนะครับ

คุณสุณี อยากมาอับเดทข้อมูลล่าสุด
ตอนนี้สหประชาชาติพึ่งมาแจ้ง ปรับเปลี่ยนช่วงอายุใหม่

ถ้าอายุอยู่ระหว่าง 1-16 ปี เรียกว่า เด็ก
ถ้าอายุอยู่ระหว่าง 17-65 ปี เรียกว่า วัยรุ่น
ถ้าอายุตั้งแต่ 66 ปี เรียกว่า วัยกลางคน

ดังนั้น ผู้อาวุโสในห้องนี้จะไม่มีสิทธิเป็นแล้ว
ดร ไพบูลย์บอกว่า ผมอายุ62ปี ยังถือเป็นวัยรุ่น ช่วยหากางเกงยีนส์ที่เหมาะให้ด้วย

คุณสุณี พูดต่อว่า หลังจากนี้จะบ่งบอกวิถีใหม่ๆในการใช้ชีวิตของเรา
หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์มาเมื่อ3ปีที่แล้ว เราอยู่ท่ามกลางวิกฤต ทำตลาดยากมาก แข่งขันสูง
กำลังซื้อตกต่ำ บริษัทโต3ปี เฉลี่ยปีละ 10 กว่า% จ่ายปันผลเฉลี่ย 5.6% ต่อปีสม่ำเสมอ
ถือว่าบริษัทมีการปันผลสูง ข้อเสีย ที่นึกได้ คือ จำนวนหุ้นไม่มากพอ เป็นจุดอ่อนของเรา
ตัวธุรกิจ ขึ้นทศวรรษที่5 Mcอายุ41ปีแล้ว อยากมี new s curve
รากเหง้ามาจากยีนส์ เราเริ่มมีสินค้าใหม่ Backpack , Luckage ซึ่งเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่
Luckage เป็นกระเป๋าเดินทาง บวกกับ Backpack สามารถสะพายขึ้นเครื่องได้
อัตราการขายถล่มทลาย มีธุรกิจนาฬิกา ด้วย

อัตราการเติบโตมาจาก ขยายร้าน มีสินค้าใหม่ และ มีกลุ่มลูกค้าใหม่
3ปี คนอื่นถดถอย แต่เราเติบโตได้ ปีนี้ อัตราการเติบโตดีมาก 2Q ทำได้ตามเป้าหมาย ได้ทะลุ 2,000 กว่าล้านบาท
ซึ่งตอบโจทย์ บริษัท เติบโตมั่นคง ถ้า Thailand 4.0 มา Mc เป็น 1 ในสินค้า Life style ผลักดัน และ แข่งขันกับ
สินค้านำเข้าได้

Q: สินค้าโต 10% ต่อปี แสดงว่า สินค้าใช้ไม่นานหรือเปล่า

A: ไม่ใช่ เรามสินค้าใหม่ สำหรับวัยรุ่นสมัยใหม่ หันมามองสินค้าของเรา กลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นตัวเอง
ไม่อาศัยBrandเมืองนอก มองรูปร่าง คุณภาพ และ การใช้งานมากกว่า
จริงๆสินค้าเราทนมาก เราจะเติบโตจากโหมดสินค้า ยีนส์เป็นหลัก เราขายกางเกง3ตัวเสื้อ1ตัว
เรามีโอกาสโต3เท่า ด้วยอัตราเริ่มเท่ากัน ตอนนี้เสื้อโตเป็น2เท่า กางเกง3ตัวและเสื้อ3ตัวแล้ว
โดยธรรมชาติ เสื้อควรเป็น 3 เท่าของกางเกง โอกาสยังโตได้อีก
เราใส่มูลค่าเพิ่มเข้าไป โดยเราใส่นวัตกรรมเข้าไปด้วย ถ้าตามแผนภาครัฐ นวัตกรรมต้องมาเกี่ยวข้อง
กับชีวิต กางเกงยีนส์ทำจากวัสดุที่ทำให้เย็น ส่วนท่อนบน เป็น softtech , drybalance
Softtech หมายถึง สัมผัสแล้วไม่รู้ว่าเป็นเสื้อ ส่วน drybalance หมายถึงแห้งเร็ว จากเหงื่อที่ออกมา
Heat tech ทำให้เวลาสวมใส่ ตอนอากาศหนาว ก็อุ่นขึ้น จริงๆเราทำได้
Grow in the dark ปิดไฟ คนใส่เสื้อ เราจะถูกมองเห็นได้ ผู้บริโภคมีความโดดเด่น
เฉพาะคนที่ใส่ใจ และ เอามาในกระบวนการผลิต และ ส่งต่อให้ผู้บริโภคได้
เราเล่น campaign ในร้านบ่อย ของเราเร้าใจ ไม่ใช่แค่ลด แลก แจก แถม บางทีก็ปลอบใจ
ซื้อ ล๊อตเตอรี่ไม่ถูก ก็เอามาเป็นส่วนลดสินค้าได้
วิธีการคิดของทีมผู้บริหาร ไม่ได้หยุด อัตราการเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากTop line ในส่วนของ
Margin ก็รักษาให้สูงต่อไป นวัตกรรมจะเป็นตัวผลักดันให้ Netprofit สูงขึ้น
เส้นใย ทำให้ร่างกายอุ่น อาจอาศัยพลาสติกช่วย เช่น เสื้อกันลม

Q:มี design ประจำหรือเปล่า

A:อาจมีการตั้งเป็นแผนก นวัตกรรม โดยตรง เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงขึ่น เราดู R&D จัดงบให้ได้นวัตกรรม
ใหม่ๆอยู่ในสินค้าด้วย

Q: ผลประกอบการของ 2H16 คิดว่าทั้งปีเป็นอย่างไร

A: การgrowthต่อมาในแผน Great Strategy มีอะไรบ้างทีทำให้เติบโต 15%ต่อปี
นอกจากนวัตกรรมแล้ว ทีมงานก็สำคัญ มีความคิดสร้างสรรค์
- เสื้อจากถุงพลาสติก ร่วมกับ TPBI
- ทำอะไรกับ AUCT เพื่อให้เติบโต
- Digital Marketing เป็น การขาย emotion
คนเสียเงินไปดู เดี่ยว ไมโครโฟน
เราต้องตามยุคให้ทัน โปรโมทการท่องเที่ยวประเทศไทย Mc คือ Life style
ต้องมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าตลาด อดีตสร้างBrand จ่ายเงินหลายสิบล้าน
แต่วันนี้ จ่ายแค่แสนบาทได้หนังสั้น ต้นทุนบางอย่างลดลง เข้ากับลูกค้าในต้นทุนที่ลดลง
การสร้างBrandเป็นโอกาสใหม่ พึ่งพา Digital Marketing บวกกับสร้างBrand และ สินค้ามีคุณภาพ
และต้องโปรโมทให้ทันต่างชาติ

Q: สอบถามว่ามีทีมงานเท่าไหร่ครับ

A: 3,000 กว่าคน การปรับ Model ให้พนักงาน 3 พันกว่าคนเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
เพราะเรามีพนักงานขาย และ พนักงานโรงงาน เลยต้องใช้คนถึง3พันคน
Trend ในอนาคต จุดสัมผัสจะไปอยู่ใน Moblie การเข้าถึงการ shopping จะเปลี่ยนแปลงไป
มีโอกาสการทำธุรกิจ เราเล่นเรื่องช่องทางการจัดจำหน่าย ปีละพันล้านบาท เช่น เช่าพื้นที่ในห้าง
ถ้าเราพัฒนา ERP , Online Business จะถูกชดเชยกลับมาที่บริษัท
Mini Pos ตอบโจทย์ Life style มี SAP ทำให้การทำ Auction online ซึ่งเป็นแผนระยะยาว
ส่วนแผนระยะสั้น online , Direct sales , Tourism กระทบระยะสั้น
เรามี CLMV ตั้ง dealer ใน CLMV ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ที่ชื่นชอบสินค้าไทย
พม่า ก็ยังดี แต่ต้องใช้เวลา เราต้องเปลี่ยนแปลง ส่งมอบสินค้าที่ดี ในต้นทุนที่ต่ำลง

Q: มีแผนเปิด line สินค้าใหม่หรือไม่

A: สินค้าใน trend ทุกคนจับตามอง คือ สินค้า Sport wear
Trend การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมาแรง และ แรงขึ้นเรื่อยๆ ที่ USA คนนิยมออกกำลังกาย
ชุดสามารถไปออกเดท ทานข้าว ดูหนังได้ จะเริ่มใน Q4 16 – Q1 17
ปลายปีเรามี Mini marathon 10 KM
ROA ต้อง concern เรามีสินค้าใหม่ credit / ชื่อเสียง / ความเชื่อมั่น ระบบสินค้าร่วมกัน
Just in time ผู้ค้า หรือ supplier ของเรา ทำสินค้าตอบโจทย์สินค้าของเรา
สินค้าที่เราขาย กลุ่มยีนส์ ผลิตเอง 50% และ outsource 50%
สินค้าLifestyle outsource 100% ทำในไทยเท่านั้น
Mc มีคนเลียนแบบมาก ระบาดหนัก ทำให้เราใช้ทรัพยากรในการปราบปราม

Q: หมอเค บอกว่า ผมไปมหาวิทยาลัย เห็นคนใส่กางเกงยีนส์สั้นมาก ทำไมยิ่งสั้นยิ่งแพง

A: จริงๆ คนซื้อด้วยอารมณ์ เราขายกางเกงยีนส์ขาสั้น สำหรับผู้ชาย และ ผู้หญิงด้วย
2H16 นวัตกรรม เรามีcampaign ทุกอาทิตย์ มีตัวกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง promotion เหนือความ
คาดหมาย ซื้อกางเกง แถมข้าว ซึ่งสร้างความประหลาดใจ คนไทยลึกๆอยากสนับสนุนสินค้าไทย
ซึ่งการตอบรับจากลูกค้าแรงกว่าปกติ การสร้างประสบการณ์แบบนี้อยากให้เกิดขึ้นบ่อยๆ

Q: อยากให้พูดถึง ธุรกิจนาฬิกา

A: เรายังเชื่อมั่น ตอนซื้อมา trend อยู่ในช่วงระมัดระวัง แต่เมื่อonlineเปิด Brand เริ่มเข้าใจสถานการณ์
และ อนุญาติเราขายในonlineได้ โอกาสธุรกิกลุ่มนี้ น่าจะกลับมา เรามี Portfolio นาฬิกา brand ดังมากมาย
มีเป้าโต 15% น่าจะโตตามเป้าได้

บริษัทที 2 TPBI
คุณสมศักดิ์ บริสุทธิ์ธนกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท TPBI


ทำธุรกิจถุงพลาสติกใหญ่ที่สุดในอาเซียน ไม่ได้ขายในไทย ไปขายในสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย อียู
ลูกค้าที่สั่งจากเรา เช่น ห้าง TESCO , Warmart

Q: No 1 Total Solution of Plastic Bag อยากให้ขยายความครับ

A: เรามีสินค้าครบวงจร Flexible Packaging หรือ บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน ดูจาก convenient store
ตู้แช่ข้างแคสเชียร์ จะมีสินค้า Ready to eat จะใช้ Flexible Packaging ซึ่งจะใช้ของเราประมาณ 1 ใน 3
เวลาเปลี่ยนสินค้ารสชาติใหม่ ก็มาคุยกับเรา เรื่องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ใหม่ ต้องทำ phototype
ให้ทดลองบรรจุ testจนกว่าจะผ่าน

Q: อยากให้เล่าถึงธุรกิจหลัก

A: Film เป็นหลัก เช่น ถุงหูหิ้ว และ ถุงขยะ เราส่งออก 90% ขายในประเทศ 10%
เวลาใช้ก็มีการทิ้งลงถุงขยะ เราก็เลยทำถุงขยะ ส่วนนี้คิดเป็นรายได้ 60%
อีก 10% Flexible Packaging มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5%
เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ขนมเรามีลูกค้าที่ใช้ของเรา เช่น สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ซึ่งในarea ส่งออกให้เราทำ
Flexible Packaging ส่งออก 90% ใน พื้นที่ สหรัฐ อียู ออสเตรเลีย และ อาฟริกา เน้นขายในsupermarket
ที่ฝรั่งเศส หรือ บางรัฐของอเมริกา ห้ามใช้ถุงพลาสติกที่บาง และให้ใช้ซ้ำ 100 ครั้ง
ทำให้จำนวนใบออกไปน้อยลง ที่ชิคาโกเริ่มแล้ว คู่ค้าไปsurvey จำนวนใบใช้น้อยลง แต่น้ำหนักที่ขายไม่ลดลง
มองว่าใช้ถุงที่หนาขึ้น เรามียอดขายไม่น้อยลง เพราะ เราขายตามน้ำหนัก

Q: ทำไมคนที่สหรัฐมาสั่งของเรา มีจุดเด่นอะไรบ้าง

A: Retailใหญ่ใช้มาก โรงงานที่supportยอดขนาดนี้มีเพียงไม่กี่ราย
เราผลิด 6000 ตัน ต่อเดือน หรือ 300-400 ตู้container ต่อเดือน ประมาณ 1000ล้านใบ
ตอนสึนามิ เราก็ทำถุงเก็บศพ บริจาคให้ เป็นถุงsizeใหญ่

Q: จีน ขึ้นชื่อว่าต้นทนการผลิตต่ำกว่าเรา ทำไมเราแข่งได้

A: 10ปีที่แล้วใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะว่า ค่าแรงเขาไม่ถูกกว่าเรา เซี่ยงไฮ้ค่าแรงแพงกว่าเรา
อีกอย่าง ตลาด USA มี Antidumping ตอนนี้ส่งออกมีแค่4บริษัท ที่ไม่โดน เราก็เป็นหนึ่งในนั้น
ก่อนหน้าเราก็โดน เราไปฟ้อง WTO ว่าเขาคำนวณตัวเลขไม่ถูก ตอนนั้น ปี 2010 เราก็เข้าไปขายได้
ที่เหลือเป็นจีน 2 ราย และ มาเลเซีย อีก 1 ราย

Q: ดร ไพบูลย์ ถามว่า เรามีมาตรฐานการผลิตอะไร ทำไมคนนิยม

A: เราส่งปีละพันล้านบาท ไม่เคยมีปัญหาเรื่องคุณภาพ เพราะเรามี process , สูตรการผลิต
เรามีระบบ compound ทำให้มันเป็น Homogenious เป็นเม็ดพลาสติกตัวใหม่ คุณภาพเดียว
เนื้อเดียวกัน ทำให้เกิดความเสียหายน้อย สามารถซื้อวัตถุดิบต้นน้อยได้
นอกจากนี้เรายังเป็นรายแรกในเมืองไทย ที่ใช้ระบบ In line เป่า พิมพ์ ตัด ม้วน มีคนตรวจตอนท้าย
ก็พอ ลด work in process ลง เวลาผิดพลาดก็แก้ไขได้ทันที
Compound ตอนตั้ง ส่งเข้า compound การผลิตได้เลย ลูกค้าเลยมีมาก
ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก กำไรสุทธิโตขึ้น 4% ยอดขายโตขึ้น 6 % ครบปีก็น่าจะได้ตรงตามเป้า
Q4 มีของใหม่เข้ามา เริ่มมีการorderของเข้ามา
ปกติสินค้ามี seasonal Q1 low season และ ค่อยๆเพิ่มขึ้น
แต่ปีนี้ Q1 สูง แต่ Q2 drop แนวโน้ม Q3/4 แน่นมาก
ส่วน Flexible Packaging โต 30% กำไร 1H เท่ากับกำไรปีที่แล้วทั้งปี
กำไรโดยรวม ประมาณ 10% น่าจะได้ตามเป้า

Q: สอบถามแนวโน้มใน 2-3 ปีข้างหน้า

A: General Packaging เติบโตตาม GDP 5% บวกลบ
Flexible Packaging โต2digit ซึ่งโตแบบนี้มาตลอด
เป็นตัวช่วยเสริม เราจะโตเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้า ใน ส่วน Flexible Packaging
กำลังการผลิต 100 ล้านเมตรต่อปี โรงงานในส่วนขยาย ตอนนี้ซื้อที่ดินแล้ว ที่สามพราน
เงินก่อสร้างพอ ประมาณ 800 ล้านบาท เพราะ ยังไม่ค่อยได้ใช้เงิน IPO เลย
ส่วนโรงงานที่ระยอง ทำ General packaging เอาเศษพลาสตกที่ใช้แล้ว นำกลับมาใช้ใหม่
ส่วนเงินที่เหลืออีก 200 ล้านบาทจาก IPO อาจไปซื้อกิจการในประเทศ และ ต่างประเทศ แถว CLMV
เราเตรียมเพื่อแยกคน อย่าง compound ค่อนข้างดี ส่วน Flexible packaging ปีหน้าโรงงานใหม่ก็เปิดได้

Q: Margin เพิ่มตามการขยายการผลิตหรือเปล่า

A: ธุรกิจทั่วไป Netprofit 3-5% แต่ของเรา 8% เราเอาเศษพลาสติกมารีไซเคิล ใช้ใหม่ ช่วยให้ margin สูงขึ้น
เราก็ยังไปต่อรองราคาวัตถุดิบ เนื่องจากสั่งเยอะขึ้น ก็มีโอกาสต่อรองราคาถูกลง อย่าง supplier Middle East
ที่เราซื้อมาต่อยอมลดให้ 5% ส่วน supplier ในประเทศมีแค่ 2 เจ้า คือ PTT , SCG คิดเป็น 70%
แนวโน้มข้างหน้า Flexible Packaging จะดีที่สุด Net margin 8%

บริษัทที่ 3 AUCT
คุณสุวิทย์ ยอดจรัส
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน)


เป็นอันดับหนึ่งในเรื่อง การประมูลรถมือสอง

ธุรกิจหลัก

1. ประมูลรถยนต์ เป็นรายได้หลัก
2. ประมูลบ้าน คอนโด Brand name เช่น กระเป๋าใบละล้าน ซึ่งปกติไฮโซ เวลาต้องการขาย
ก็มาให้เราขายแทน ซึ่งจะประมูลเดือนละครั้ง

บริษัทเปิดมา 25 ปี ช่วง 3 ปีที่เข้าตลาด เริ่มมองว่ายังเป็นธุรกิจบริการ ไม่มีผลิตสินค้า ไม่มีทรัพย์สิน
กำไร ก็ปันผลไป การขยายกิจการก็ต้องใช้เงิน เราเริ่มมอง เพราะ อุตสาหกรรมโตมา25ปีตลอด
แต่ต้องโตตามอุตสาหกรรม 3 ปีที่ผ่านมา ก็มีช่วงพักตัวตามอุตสาหกรรม เริ่มฟื้นตัวเมื่อ เมษายน ปีนี้
ปกติรถที่ได้มาจากการยึด สินเชื่อรถยนต์โดยเฉลี่ย 10 ปี จะมีหนี้เสีย 2% สูงสุด 6%
ปีนี้ยอด 6% บริษัทเจอแจ็คพอต 90% ของรถที่ทำการประมูลมาจาก finance อีก 10% มาจากลูกค้ารายย่อย
25 ปีที่ผ่านมาไม่เคยขาดทุน พอมาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อรถมือหนึ่งไม่ดี รถมือสองก็แย่ไปด้วย
มีคนสอบถามเข้ามามาก

รูปแบบธุรกิจของ Auct

ธนาคารที่ยึดรถ -------> สหการประมูล -------> ลูกค้าที่มาซื้อรถ

ลูกค้าที่มาซื้อรถ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ผู้ประกอบการรถมือสอง 90%
ทำให้คนซื้อได้ราคาถูก คนขายได้ราคาแพง เพราะแบ่งผลประโยชน์ จากกำไรเดิม ประมาณ 35% ให้กับทั้ง2ฝ่าย
พอธุรกิจไม่ดี อย่างปีที่แล้ว ยอดสินเชื่อลดลงเล็กน้อย แต่ยึดรถได้น้อยลง เพราะกฎหมายไม่ให้บังคับลูกค้าเพื่อยึดรถ
แต่เนื่องจาก เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้คนเปลี่ยนรถง่ายขึ้น เพราะรถใหม่ถูกกว่าหนี้ที่ต้องผ่อนจากคันเดิม
มีแนวโน้ม สมัครใจเป็นหนี้เสีย เอารถมาคืน ต่อไปบริษัทจะมีหนี้ทีสมัครใจเสียเข้ามาเป็นลูกค้าด้วย
สมัยก่อนสัญญาเช่าซื้อ ไม่เป็นธรรมกับผู้เช่าซื้อ ต่อมา สคบ ไม่เห็นด้วย ทำให้2ปีที่ผ่านมา ลูกค้าขอนับหนึ่งใหม่
แต่สุดท้ายไปไม่ได้ ทำให้รถไหลเข้ามาที่สหการประมูล
เรายังมีประมูลคอนโด Brandname นาฬิกา มอเตอร์ไซด์ ตอนนี้น้ำหนักของ รถบิ๊กไบด์ ล้านกว่าบาทเขามามากขึ้น
ช่วง2ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็จะมีสินค้า เช่น รถทางการเกษตร รถไถนา เข้ามาประมูลมากขึ้น
เรามีพื้นที่ ที่สาขารังสิต 100 กว่าไร่ รองรับไว้แล้ว ส่วนต่างจังหวัด เราก็มี เช่น ที่สาขาพิษณุโลก
เรามีสาขาทั่วประเทศ 30 สาขา ดังนั้นรถอยู่ไหน ก็ประมูลที่นั่น ยกเว้นเจ้าของทรัพย์สิน ต้องการให้ประมูลที่อื่น ทิ่คิดว่า
น่าจะได้ราคาดีกว่า เราก็รับบริการขนรถด้วย
รถยึดของศุลกากร ก็มาให้เราประมูล ครั้งที่แล้ว 300 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถพิเศษ ประมูลกันถึง 4-5 ทุ่ม มีรถหรูยี่ห้อ ดังๆ
มากมาย เข่น แลมโบ ราคา 10 กว่าล้านบาท ปัจจุบัน สหการประมูล ทำแบบไม่ปิดบังข้อมูล ทำให้ยอดที่ประมูลได้
สูงกว่าที่ศุลกากรตั้งเป้าไว้

ปีที่แล้ว เราเริ่มพัฒนาตัวเอง
ระบบ E-Auction ตอนนี้ใช้ระบบที่เขียนขึ้นเองใช้งบแค่ 5 ล้านบาท สามารถทำ Mobile Auction ได้
ระบบสื่อสาร อาจไม่ค่อยเสถียร ก็เลยตัดภาพ เพื่อให้เสียงมาก่อน คล้าย E Bay ซึ่งเป็นการประมูลแบบแห้ง
ของเรา ประมูลสินค้า ตัดสินเดี๋ยวนี้ ประมูลจาก E – Auction , Mobile auction ต้อง Real time จริงๆ
ต้องรู้จัก delay เป็น เราใช้ระบบนี้กับการประมูล 4G ของ กสทชด้วย เราเข้าไป design ให้
เทคโนโลยีทำให้มือถือ ควบคุมการปิด เปิด switch อุปกรณ์ภายในบ้านได้
รายได้จากการประมูล 4G 16 ล้านบาท และ ประมูลซ่อมอีก 5 ล้านบาท
ประมูลรถ เราได้ค่าประมูล โดยเก็บ 8000 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์ และ 1500 บาท สำหรับมอเตอร์ไซด์
ราคานี้ทำให้คู่แข่งเข้ามาแข่งยาก เพราะ ต้นทุนของเรา เช่น Software เราถูกกว่าคู่แข่งมาก
ตอนนี้ market share ของเรา เพิ่มจาก 50% เป็น 60% เป็นอันดับหนึ่งของการประมูลรถมือสอง
วันนี้ธุรกิจหลักเราขึ้นๆลงๆ ตามรถยึดของFinance เราอยากหาตลาดใหม่เอง Blue ocean
ตลาดรถยึด มี 5-10 ล้านคัน ในต่างประเทศให้ใช้แค่ 5 ปีเท่านั้น ยังมีรถยึดที่auct ยังไม่ได้เข้าอีกมาก

Q: สอบถามเรื่องจำนวนพนักงานในบริษัทตอนนี้เท่าไหร่ครับ

A: กำลังคนเรามี 300 คน

Q: จะกลับไปสู่จุดสูงสุดในแง่จำนวนรถเมื่อไหร่

A: 2ปีที่ผ่านมา รถยึด 130,000 คัน เราได้ 60% ปีนี้ชะลอตัวลง เชื่อว่าตลาดจะกลับมาช่วงปลายปี
ปลายQ3 จะเห็นชัดเจน และ Q4 จะออกมาค่อนข้างมาก จะเป็นเท่าตัวของช่วงครึ่งปีแรก เราจับได้
60000-80000 คัน อีกทาง เราสร้างบริษัทลูก ขึ้นมา ประธานบริษัทบอกว่าห้ามใช้เงิน
ปกติ 30% เป็นค่าโฆษณา แต่ตลาดรถ 2 ล้านคันเราอยากได้ % น้อยๆ ก็ยังดี จะสื่อสารให้ลูกค้าทราบได้อย่างไร
เราคาดหวังว่าน่าจะได้ 80000 คัน ซึ่งเท่ากับยอดที่ทำได้จากรถยึด ซึ่งอยู่ในช่วงทดลอง และ Auct
จะได้ค่าบริการทั้ง2ขารวมเป็น 16000 บาท
ตลาดใหม่ใช้เวลาน้อยกว่ามาก ประมาณ 1 สัปดาห์ และ เกิดธุรกิจต่อเนื่อง
Auct รับเงินค่าประมูล 16000 บาท เรายังตั้งเพื่อนประมูล ให้ลูกค้าเป็นทางเลือก เพื่อเป็นเพื่อนที่ลูกค้าไว้ใจ
คอยช่วยเหลือ ในการเข้าไปดูแลแทน ซื่งคิดค่าบริการ 500 บาท รวมถึง การเข้าไปตรวจเช็ครถ เป็นร้อยรายการ
นอกจากนี้ เรายังมีบริการปรับปรุงสภาพรถ เพื่อให้ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น
ธุรกิจใหม่ Trend แนวโน้มตอนนี้ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ หรือ สายการบิน ในต่างจังหวัดยกเลิกสาขาไป
ก็ให้เราแจ้ง location ของตึกเพื่อ ทำการประมูล แนวโน้มน่าสนใจ


สุดท้ายขอขอบคุณ วิทยากร ทุกท่าน ดร ไพบูลย์ และ หมอเค ที่จัดสัมมนา ที่ให้ความรู้ดีกับพวกเรา
กำหนดการสัมมนาคราวหน้า วันที่ 16 ตุลาคม น้องบิ๊กแจ้งรายละเอียดไปแล้ว


ผมเสริม ในเดือน พย คือ วันที่ 19 พย 16
หัวข้อแรก ธรรมะกับการลงทุน มี คุณ ชาย มโยภาส นายกสมาคมนักลงทุนหุ้นคุณค่า (ประเทศไทย)
คุณ เคน โสรัตน์ และ คุณ ณัฐ ส่วน พิธิกรร่วม จะชวน อาจารย์ ถาวร มาร่วมด้วย
ช่วงที่2 วีไอรุ่นใหม่
หมอ เค , คุณ มี๋ ทิวา , คุณ กวี ชูกิจเกษม และ คุณ มาริโอ้ กานต์

ส่วน เดือน ต่อไป จัดวันที่ 17 ธันวาคม 16
หัวข้อที่ 1 เศรษฐิกจไทยในปี60
หัวข้อที่ 2 หุ้นไทยปี60

ส่วนเดือน มกราคม 60จะเป็นเรื่อง VI มองหุ้นไทยปี60
รายการเด็ดๆห้ามพลาดนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2748
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
Vi IMrovised
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณ "น้องบิ๊ก" และ "พี่อมร" มากๆ ค่ะ ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
6666666v
Verified User
โพสต์: 1089
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

เป็นหัวข้อสัมมนาที่โดนใจและตรงใจผมมากๆเลยและเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับหลายๆคน ช่วงหลังๆนี้ผมเริ่มรู้สึกกลัวแปลกๆยังไงไม่รู้ถือหุ้นเป็น%มากๆแล้วไม่ข้อยสบายใจยังไงไม่รู้ ขอบคุณสำหรับสัมมนาดีๆครับ
I Like To Invest.
ภาพประจำตัวสมาชิก
6666666v
Verified User
โพสต์: 1089
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เป็นหัวข้อสัมมนาที่โดนใจและตรงใจผมมากๆเลยและเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับหลายๆคน ช่วงหลังๆนี้ผมเริ่มรู้สึกกลัวแปลกๆยังไงไม่รู้ถือหุ้นเป็น%มากๆแล้วไม่ข้อยสบายใจยังไงไม่รู้ ขอบคุณสำหรับสัมมนาดีๆครับ
I Like To Invest.
ภาพประจำตัวสมาชิก
IndyVI
Verified User
โพสต์: 3530
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เพิ่มเติมจากเฮียคลายเครียดครับ

๙ แล้ว ๖ ๖ แล็ว ๙ เก็บตกเรื่องที่ไม่ได้พูดในรายการมันนีทอล์คเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๙

http://pantip.com/topic/35634496
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
a_tar_7
Verified User
โพสต์: 48
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Sep16หุ้นเด่นQ4&ประสบการณ์เซียนฝ่าวิกฤติ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
โพสต์โพสต์