ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 296
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 1
ผลกำไร (ขาดทุน) จากการวัดมูลค่าเงินลงทุนเผื่อขาย ในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
จะเอามาบวกในส่วนผู้ถือหุ้นทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มหรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ
จะเอามาบวกในส่วนผู้ถือหุ้นทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มหรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 296
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 154
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 5
ขอถามเพิ่มเติมได้มั้ยครับ พอดีผมอ่านความหมายของ "เงินลงทุนเผื่อขาย" (หมายถึง เงินลงทุนในตราสารหนี้ทุกชนิด หรือตราสารทุนในความต้องการของตลาด ซึ่งไม่ถือเป็นเงินลงทุนเพื่อค้า และในขณะเดียวกันไม่ถือเป็นเงินลงทุนที่จะถือจนครบกำหนด หลักทรัพย์ประเภทนี้กิจการถือไว้โดยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้า แต่อาจจะขายหลักทรัพย์ดังกล่าวทันทีที่โอกาสอำนวย ให้แสดงด้วยมูลค่ายุติธรรม)
เลยเกิดคำถามขึ้นว่าบริษัทเค้าถือตราสารพวกนี้ (ตราสารหนี้หรือตราสารทุน) ไว้เพื่ออะไรเหรอครับ คือนอกจากธุรกิจหลักแล้วยังหารายได้ทางอื่น อีกหรือครับ เกร็งกำไรหรือเปล่า
จิงๆยังมีอีกเยอะเลย
- เงินลงทุนเพื่อค้า (Held for trading)
- เงินลงทุนที่จะถือจนครบกำหนด (Held-to-maturity financial assets)
เลยเกิดคำถามขึ้นว่าบริษัทเค้าถือตราสารพวกนี้ (ตราสารหนี้หรือตราสารทุน) ไว้เพื่ออะไรเหรอครับ คือนอกจากธุรกิจหลักแล้วยังหารายได้ทางอื่น อีกหรือครับ เกร็งกำไรหรือเปล่า
จิงๆยังมีอีกเยอะเลย
- เงินลงทุนเพื่อค้า (Held for trading)
- เงินลงทุนที่จะถือจนครบกำหนด (Held-to-maturity financial assets)
-
- Verified User
- โพสต์: 845
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 6
งบส่วนนี้ ส่วนตัวเข้าใจว่านักบัญชีหวังดี เลยเพิ่มส่วนที่เป็นกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จเพื่อให้รู้ว่านอกจากกำไรจากงบกำไรขาดทุนธรรมดาแล้วมีกำไรส่วนอื่นที่มีผลกับส่วนของผู้ถือหุ้นรึป่าว เลยเพิ่มส่วนนี้มาให้เลย
ส่วนเรื่องเงินลงทุน ถ้าบริษัทสภาพคล่องเหลือ (เงินเหลือ) ไม่ได้เอาไปใช้อะไรก็เอาไปลงทุนดีกว่าฝากแบ๊งค์เฉยๆครับ เงินเหลือผู้ถือหุ้นก็ถามอยู่ดีว่าทิ้งไว้ในแบ๊งค์ทำไม ดอกเบี้ยนิดเดียว
เงินลงทุน 3 แบบ
1.หลักทรัพย์เพื่อค้า < ตามชื่อครับ มีเพื่อ trading หวังกำไร สิ้นงวด mark to market กำไรขาดทุนเข้างบกำไรขาดทุน
2.หลักทรัพย์เผื่อขาย < อันนี้ไม่แน่ แล้วแต่บริษัท บางบริษัทก็ซื้อตราสารหนี้ ถือไปเรื่อยๆ ถ้ากำไรดีอาจขาย บางบริษัทอาจจะซื้อหุ้นบริษัทอื่น เพื่อ connection, เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว สิ้นงวด mark to market กำไรขาดทุนเข้างบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
3.เงินลงทุนที่จะถือจนครบกำหนด < พวกตราสารหนี้ ถือไปจนหมดอายุ ไม่ต้อง mark to market
ส่วนเรื่องเงินลงทุน ถ้าบริษัทสภาพคล่องเหลือ (เงินเหลือ) ไม่ได้เอาไปใช้อะไรก็เอาไปลงทุนดีกว่าฝากแบ๊งค์เฉยๆครับ เงินเหลือผู้ถือหุ้นก็ถามอยู่ดีว่าทิ้งไว้ในแบ๊งค์ทำไม ดอกเบี้ยนิดเดียว
เงินลงทุน 3 แบบ
1.หลักทรัพย์เพื่อค้า < ตามชื่อครับ มีเพื่อ trading หวังกำไร สิ้นงวด mark to market กำไรขาดทุนเข้างบกำไรขาดทุน
2.หลักทรัพย์เผื่อขาย < อันนี้ไม่แน่ แล้วแต่บริษัท บางบริษัทก็ซื้อตราสารหนี้ ถือไปเรื่อยๆ ถ้ากำไรดีอาจขาย บางบริษัทอาจจะซื้อหุ้นบริษัทอื่น เพื่อ connection, เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว สิ้นงวด mark to market กำไรขาดทุนเข้างบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
3.เงินลงทุนที่จะถือจนครบกำหนด < พวกตราสารหนี้ ถือไปจนหมดอายุ ไม่ต้อง mark to market
all i need is Zero
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 7
ถ้าจะเอาภาษาพูด เข้าใจกันถูกแล้ว.... บริษัท "เล่นหุ้น" คือซื้อหุ้นบริษัทอื่น หวังกำไรจากการค้าหุ้นหรือจากปันผล นั่นเอง
แต่หุ้นที่ว่า "ไม่ได้มีจำนวนมาก" จนมองว่าอยากเอามาเป็นบริษัทในเครือ เพราะพร้อมที่จะขายหุ้นทิ้งทุกเมื่อ เมื่อประเมินแล้วว่ากำไรพอควร จะระยะสั้นก็แล้วแต่ หรือลงทุนระยะยาวก็ได้ (เอาเกณฑ์การถือมากเกิน 1 ปีเป็นหลัก)
เพราะเอาเงินสดไปซื้อแล้วนี่ แล้วในรายการเงินสดที่ลดลง ก็เหมือนการลงทุนอื่น เงินไปอยู่ไหนบ้าง ต้องมีแสดงว่าตอนนี้เปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบไหน เพิ่มขึ้น-ลดลง อย่างไร ก็คือแสดงในรูปแบบว่ามีมูลค่าปัจจุบันเท่าไหร่แล้ว
ถ้ายังไม่ขายยังถือเป็นตัวเลขทางบัญชี.... แม้จะยังไม่ได้ขาย ยังไม่ได้กำไรจริงๆ หรือยังไม่ได้ขาดทุนจริงๆ เพราะราคาหุ้นย่อมมีขึ้นลง แต่ก็ต้องวัดออกมาเป็นมูลค่าให้เห็นผลงาน
อย่างเดียวกันกับ unrealized profit (loss) ในพอร์ตเราเลย.... จะเห็นในงบภาษาไทยว่า "กำไร (ขาดทุน) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง"
แต่ถ้าขายแล้ว เป็น realized profit (loss) "กำไร (ขาดทุน) ที่เกิดขึ้นจริง"
ที่จริง "ลงทุน" ก็ทำเหมือนเราๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะหุ้นสามัญ แต่หุ้นกู้ ("ตราสารหนี้") ก็ได้
ก็เป็นการลงทุนแบบนลท.ในตลาดทั่วไป เพราะถือว่าดีกว่าบริษัทถือเงินสดไว้เฉยๆ หรือดีกว่าฝาก bank อย่างคุณ nameisnothing ว่า เป็นการจัดการที่แย่ จะแพ้เงินเฟ้อ ถ้ายังไม่สบโอกาสที่จะเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนขยายกิจการ หรือไม่คิดซื้อหุ้นคืน
หรืออีกแนวจงใจบริหาร port เลย ก็คือจัดสรร portfolio ของบริษัท บริหารกระแสเงินสดจ่ายลงทุนในกิจการปกติก็เหมาะแล้ว มากกว่านั้นก็เกินตัวไม่ดีไป เลยบริหารเงินแบ่งไปลงทุนในกิจการอื่นที่แข็งแกร่งมากๆ หวังกำไรด้วย
ส่วนที่บอกว่า หุ้นที่ว่า "ไม่ได้มีจำนวนมาก"
จำนวนหุ้นมากหรือน้อย วัดอย่างไร?
วัดกันที่ต้องมีหุ้นไม่เกิน 20% ของบริษัทนั้น
เพราะถ้าถือหุ้นมากกว่านั้นจะถือว่ามีนัยสำคัญ ขนาดมีส่วนได้เสียแบบ "บริษัทร่วม" หรือถ้าเกิน 50% ก็มีอำนาจควบคุม ถือเป็น "บริษัทย่อย"
มากขนาดนั้น รายการนี้จรายงานแค่กำไร (ขาดทุน) แบบมูลค่ายุติธรรมของหุ้นไม่ได้แล้ว ถือว่าแบบนั้นไม่ใช่ "เผื่อขาย" แต่เป็นเจ้าของมีอิทธิพลสำคัญ ไปจนถึงเข้าไปยุ่งการบริหารกิจการได้
แต่หุ้นที่ว่า "ไม่ได้มีจำนวนมาก" จนมองว่าอยากเอามาเป็นบริษัทในเครือ เพราะพร้อมที่จะขายหุ้นทิ้งทุกเมื่อ เมื่อประเมินแล้วว่ากำไรพอควร จะระยะสั้นก็แล้วแต่ หรือลงทุนระยะยาวก็ได้ (เอาเกณฑ์การถือมากเกิน 1 ปีเป็นหลัก)
เพราะเอาเงินสดไปซื้อแล้วนี่ แล้วในรายการเงินสดที่ลดลง ก็เหมือนการลงทุนอื่น เงินไปอยู่ไหนบ้าง ต้องมีแสดงว่าตอนนี้เปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบไหน เพิ่มขึ้น-ลดลง อย่างไร ก็คือแสดงในรูปแบบว่ามีมูลค่าปัจจุบันเท่าไหร่แล้ว
ถ้ายังไม่ขายยังถือเป็นตัวเลขทางบัญชี.... แม้จะยังไม่ได้ขาย ยังไม่ได้กำไรจริงๆ หรือยังไม่ได้ขาดทุนจริงๆ เพราะราคาหุ้นย่อมมีขึ้นลง แต่ก็ต้องวัดออกมาเป็นมูลค่าให้เห็นผลงาน
อย่างเดียวกันกับ unrealized profit (loss) ในพอร์ตเราเลย.... จะเห็นในงบภาษาไทยว่า "กำไร (ขาดทุน) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง"
แต่ถ้าขายแล้ว เป็น realized profit (loss) "กำไร (ขาดทุน) ที่เกิดขึ้นจริง"
ที่จริง "ลงทุน" ก็ทำเหมือนเราๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะหุ้นสามัญ แต่หุ้นกู้ ("ตราสารหนี้") ก็ได้
ก็เป็นการลงทุนแบบนลท.ในตลาดทั่วไป เพราะถือว่าดีกว่าบริษัทถือเงินสดไว้เฉยๆ หรือดีกว่าฝาก bank อย่างคุณ nameisnothing ว่า เป็นการจัดการที่แย่ จะแพ้เงินเฟ้อ ถ้ายังไม่สบโอกาสที่จะเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนขยายกิจการ หรือไม่คิดซื้อหุ้นคืน
หรืออีกแนวจงใจบริหาร port เลย ก็คือจัดสรร portfolio ของบริษัท บริหารกระแสเงินสดจ่ายลงทุนในกิจการปกติก็เหมาะแล้ว มากกว่านั้นก็เกินตัวไม่ดีไป เลยบริหารเงินแบ่งไปลงทุนในกิจการอื่นที่แข็งแกร่งมากๆ หวังกำไรด้วย
ส่วนที่บอกว่า หุ้นที่ว่า "ไม่ได้มีจำนวนมาก"
จำนวนหุ้นมากหรือน้อย วัดอย่างไร?
วัดกันที่ต้องมีหุ้นไม่เกิน 20% ของบริษัทนั้น
เพราะถ้าถือหุ้นมากกว่านั้นจะถือว่ามีนัยสำคัญ ขนาดมีส่วนได้เสียแบบ "บริษัทร่วม" หรือถ้าเกิน 50% ก็มีอำนาจควบคุม ถือเป็น "บริษัทย่อย"
มากขนาดนั้น รายการนี้จรายงานแค่กำไร (ขาดทุน) แบบมูลค่ายุติธรรมของหุ้นไม่ได้แล้ว ถือว่าแบบนั้นไม่ใช่ "เผื่อขาย" แต่เป็นเจ้าของมีอิทธิพลสำคัญ ไปจนถึงเข้าไปยุ่งการบริหารกิจการได้
-
- Verified User
- โพสต์: 154
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณ คุณnameisnothing และคุณIi'8N มากเลยครับ ได้ความรู้เยอะเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องงบ กำไรเบ็ดเสร็จหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 9
เมื่อก่อนนี้มันไม่แยกออกมาให้เห็นว่า เผื่อขาย นี้กำไรหรือขาดทุน
หรือ กำไรขาดทุนจากสิ่งที่ mark to market นั้น ไปกระทบส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไร
แยก Item ออกมาให้เห็นแบบชัดๆๆ จะได้ไม่ต้องไปนั่งงม บวกลบในงบดุล
หรือ กำไรขาดทุนจากสิ่งที่ mark to market นั้น ไปกระทบส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไร
แยก Item ออกมาให้เห็นแบบชัดๆๆ จะได้ไม่ต้องไปนั่งงม บวกลบในงบดุล