โค้ด: เลือกทั้งหมด
โลกในมุมมองของ Value Investor 7 มิถุนายน 2557
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ลงทุนในสุขภาพ
ผมพูดเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนมานานมากน่าจะประมาณ 20 ปีมาแล้ว เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องของเงินทอง หลักการสำคัญของการลงทุนก็คือการ “อดหรือเลื่อนการบริโภคหรือการใช้เงินในวันนี้เพื่อที่จะสามารถบริโภคหรือใช้เงินได้มากขึ้นในวันข้างหน้า” แต่การ “ลงทุน” นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องของเงินทองแต่เพียงอย่างเดียว เรื่องอื่น ๆ ที่เราสามารถอดหรือเลื่อนออกไปในตอนนี้เพื่อที่จะได้สามารถใช้ได้มากขึ้นหรือดีขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นการลงทุนเหมือนกัน ว่าที่จริงมีเรื่องอื่น ๆ อีกไม่น้อยที่การลงทุนมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องของเงินทอง หนึ่งในนั้นก็คือการลงทุนกับ “สุขภาพ” นี่คือการลงทุนในเรื่องของการ “ใช้” ร่างกายและจิตใจในวันนี้อย่าง “ถนอมรักษา” เพื่อที่จะได้สามารถใช้มันได้มากขึ้นและ/หรือดีขึ้นในวันข้างหน้า—เมื่อร่างกายของเราเข้าสู่โหมดเสื่อมโทรมตามอายุของเรา
การลงทุนในสุขภาพนั้นก็อาจจะคล้าย ๆ กับการลงทุนในเงินทองในแง่ที่ว่าในยามที่เรายังเป็นหนุ่มสาวเรามักจะไม่ใคร่สนใจที่จะทำนักเนื่องจากความจำเป็นยังมีน้อยนั่นก็คือ ในยามที่เป็นหนุ่มสาว เรามักจะยังมีสุขภาพที่ดีหรือมีเงินใช้เพียงพอจากการทำงาน เราไม่เห็นความจำเป็นมากนักที่จะต้องดูแลสุขภาพหรือต้องเก็บเงินเพื่อลงทุน เราอยากจะใช้มันให้ “เต็มที่กับชีวิต” สำหรับวันนี้มากกว่าที่จะเลื่อนออกไปในวันข้างหน้า เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะตายเสียก่อนหรือถึงวันนั้นการมีเงินใช้มากก็ไม่มีประโยชน์ถ้าเราไม่มี “แรง” ที่จะใช้มัน ทั้งหมดนั้นก็มักจะเป็นความคิดของคนที่ยังไม่เคยแก่ ยังไม่รู้สึกถึงคุณประโยชน์ของการมีเงินหรือมีสุขภาพที่ดีในวันที่ตนเองแก่ตัวลง แต่สำหรับผมซึ่งผ่านชีวิตทั้งสองแบบมาแล้วผมคิดว่าคนเราต้อง “ลงทุน” ในทั้งสองเรื่องอย่างจริงจังตั้งแต่อายุยังน้อย การลงทุนจะช่วยเพิ่ม “ผลประโยชน์รวม” หรือ “ความสุขโดยรวม” ในชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ พูดง่าย ๆ ถ้าเราลงทุนอย่างพอเหมาะทั้งในเรื่องของการเงินและสุขภาพตั้งแต่ยังเด็ก โอกาสที่เราจะมีความสุขในชีวิตตลอดชั่วอายุขัยจะสูงขึ้นมาก ถ้าเราไม่ลงทุนหรือลงทุนน้อย ชีวิตเราอาจจะมีความสุขสูงขึ้นในช่วงอายุไม่มากยังแข็งแรง แต่เมื่อแก่ตัวลง ความสุขแทบจะไม่เหลือ เราจะลำบากตอนแก่ ถ้านำมาเฉลี่ยกัน ความสุขโดยรวมของเราก็จะน้อยลงไปมาก
การลงทุนในสุขภาพนั้นไม่เหมือนเงินทองในแง่ที่ว่า ถ้าเรา “ไม่ใช้” ร่างกายหรือใช้น้อย แบบนี้ไม่ใช่การลงทุน ในทางตรงกันข้าม การ “ใช้” ร่างกายมากเกินไป ก็ไม่ใช่การลงทุนเหมือนกัน การลงทุนในสุขภาพนั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องทำให้พอเหมาะในแต่ละเรื่องและเราจะต้องรู้จริงและเข้าใจร่างกายและการทำงานของมัน โดยหลักการก็คือ เราจะต้องดูแลรักษาให้ทุกส่วนของร่างกายทำงานได้เต็มหรือเกือบเต็มประสิทธิภาพแต่ไม่เกินกำลังในแต่ละช่วงเวลา และคำว่าทุกส่วนนั้นรวมถึงที่อยู่ภายในที่เรามองไม่เห็นเช่นตับไตไส้พุงและสมองของเราด้วย และนี่ก็ทำให้การลงทุนในร่างกายหรือสุขภาพเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรและต้องการการศึกษาทำความเข้าใจกับมันคล้าย ๆ กับการลงทุนเหมือนกัน
หัวใจของการรักษาและดูแลสุขภาพซึ่งจะเป็นการ “ลงทุน” ที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การออกกำลังที่พอเหมาะตลอดช่วงอายุของเรา การออกกำลังกายนั้นช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง ทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยเรารักษาโครงของร่างกายเราในยามที่เราแก่ตัวลง ซึ่งบางคนจะมีอาการกระดูกเปราะหรือบางซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการแตกหักหรือกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงเสี่ยงต่อการที่ข้อต่อกระดูกจะมีปัญหาต่าง ๆ เช่นหมอนรองกระดูกเคลื่อน เป็นต้น อาการเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นแล้วคุณภาพชีวิตคงเสียไปไม่น้อย นอกจากนั้น การออกกำลังสม่ำเสมอยังช่วยในเรื่องของหัวใจและระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้มัน “แก่” ช้าลง รวมไปถึงสมองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดด้วย ประเด็นสำคัญที่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ก็คือการออกกำลังมาก “เกินปกติ” เช่น นักกีฬาหรือคนที่เล่นกล้ามเพาะกายนั้น เป็นการ “ลงทุน” หรือการ “ใช้” ร่างกายกันแน่ หรือพูดง่าย ๆ มันคุ้มไหมที่จะทำอย่างนั้น? ผมเองเคยพบเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบวิ่งจ็อกกิ้งมากจนน่าจะเรียกได้ว่า “ติด” เขาวิ่งแทบทุกวันวันละเป็นสิบ ๆ ก.ม. ดูจากภายนอกเขาจะผอมเกร็งไม่มีไขมันเลย ร่างกายดูแข็งแรงยิ่งกว่าหนุ่มวัยรุ่นทั้ง ๆ ที่อายุน่าจะ 40 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อพบเขาอีกครั้งหนึ่งเขาบอกว่าเขาเป็นมะเร็ง เหตุผลเขาบอกว่าอาจจะเกิดจากการที่เขาใช้พลังมากเกินไปและกินเนื้อสัตว์มากเพื่อชดเชยเสริมสร้างกล้ามเนื้อซึ่งก่อให้เกิดมะเร็ง นั่นเป็นการบอกเป็นนัยว่า เขาใช้ร่างกายเกินไป
อาหารน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อสุขภาพไม่น้อย การ “ลงทุน” ในเรื่องนี้ ไม่ใช่การกินแต่อาหารคุณภาพสูงราคาแพงอย่างเนื้อสัตว์หรืออาหารที่อร่อยที่มักมีไขมันหรือความหวานสูง ตรงกันข้าม การลงทุนในเรื่องนี้หมายความว่าเราจะต้อง “อด” หรือหักห้ามจิตใจที่อยากจะกินอาหารดังกล่าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประเด็นหลักก็คือ การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่อ้วน เพราะน้ำหนักตัวที่เกินกว่าปกตินั้นมักจะเป็นสาเหตุของโรคและความไม่สบายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในตอนที่เราแก่ตัวลง เช่น โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันและอื่น ๆ ซึ่งโรคเหล่านี้มักจะ “เรื้อรัง” และทำให้คุณภาพชีวิตของเราลดลงไปมาก นอกจากอาหารตามปกติแล้ว การลงทุนในสุขภาพอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องการการควบคุมจิตใจตัวเองสำหรับบางคนก็คือ การบริโภค “สารพิษ” หรือสิ่งที่จะทำลายอวัยวะบางอย่างของร่างกายเช่น การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้บ่อย ๆ การสูบบุหรี่หรือยาเสพติดอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ในช่วงเวลาหนึ่งเราอาจจะไม่เห็นว่ามีผลอะไรต่อร่างกายเรา อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้วผมคิดว่าร่างกายมันจะ “ฟ้อง” การทำงานของตับหรือปอดอาจจะแย่ลงมากหรือบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขนาดตับแข็งหรือเป็นมะเร็งในปอดหรือตับได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความคิดเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพได้พัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนั่นก็คือ การเกิดขึ้นของ “Anti Ageing” หรือการ “ชะลอวัย” ในวงการแพทย์ นี่คือการใช้ศาสตร์ทางการแพทย์และสุขภาพหลาย ๆ ด้านมาแนะนำหรือมาดูแลรักษาผู้สูงวัยไม่ให้ “แก่” ตัวเร็วหรือมีปัญหาทางสุขภาพเนื่องจากความเสื่อมโทรมของร่างกายมากเกินไป หมอบางคนก็คิดถึงขนาด “ลดวัย” ให้กับคนไข้ที่มารับการรักษา กระบวนการหรือวิธีของหมอที่ทำเรื่องชะลอวัยนั้น นอกจากเรื่องของการออกกำลังและการกินอาหารซึ่งรวมถึงวิตามินแล้ว ยังรวมถึงการ “ปรับ” ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายของเราด้วย เพราะปริมาณฮอร์โมนในร่างกายนั้น มีส่วนสำคัญมากต่อระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ว่ากันถึงขนาดว่า ฮอร์โมนนั้นเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเป็นหนุ่มสาวหรือเราจะแก่กันเลยทีเดียว แต่การทำเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ก็มีต้นทุนที่สูงทั้งเรื่องของการตรวจวิเคราะห์ ยาหรืออาหารเสริม และที่สำคัญค่าที่ปรึกษาแนะนำของแพทย์และบุคลากรด้านต่าง ๆ และนี่ก็คือ “การลงทุน” ในสุขภาพที่เป็นเม็ดเงินจริงสำหรับคนที่เชื่อหรือสนใจที่จะลอง เรื่อง Anti Ageing นี้ ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะคุ้มไหมสำหรับคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อายุมากและมีเงินมากแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะคุ้มที่จะลงทุนจ่ายเงิน และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำต่างก็เสนอบริการนี้
สุดท้าย การลงทุนในเรื่องของสุขภาพนั้นก็ไม่ได้ต่างจากการลงทุนในเรื่องการเงินในแง่ที่ว่า ผลลัพธ์ปลายทางนั่นคือ ความมั่งคั่งหรือสุขภาพที่ดีโดยรวมของแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอย่างน้อย 3 ประการนั่นก็คือ หนึ่ง ต้นทุนเดิมของแต่ละคนที่มีอยู่ คนที่มี “ยีนส์” ดี ย่อมได้เปรียบคนที่มีกรรมพันธุ์ที่ไม่แข็งแรงซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ “ดวง” ของแต่ละคน สอง การดูแลรักษาสุขภาพที่ดีและถูกต้องตามหลักวิชาซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่สูงต่อสุขภาพ และสุดท้ายก็คือ ระยะเวลาของการปฏิบัติตามแนวทางนั้นอย่างมีวินัยสูง ถ้าทำได้เช่นนี้ เราก็จะมีสุขภาพที่ดีโดยรวมตลอดอายุขัย และนี่ก็คือการลงทุนในชีวิตที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งไม่แพ้การลงทุนในเรื่องของเงินทอง