โหรหุ้น วิจัย SET INDEX เสี่ยงฟองสบู่ แต่“ไม่กลัว”

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 40089
ผู้ติดตาม: 1

โหรหุ้น วิจัย SET INDEX เสี่ยงฟองสบู่ แต่“ไม่กลัว”

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โหรหุ้น วิจัย SET INDEX เสี่ยงฟองสบู่ แต่“ไม่กลัว”
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Th)

Monday, March 11, 2013 11:00


ภาวะฟองสบู่ เรื่องจริง หรือ ตื่นตูม เหล่าเซียนหุ้น & กูรูการเงิน” ตั้งกระทู้วิจารณ์มาตรการแตะเบรก หวังหยุดความเร่าร้อน หวั่นวิกฤติซ้ำรอยปี40
--> "เงินทุนไหลทะลัก” ถูกส่งสัญญาณครั้งแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อ 3-4 เดือนก่อน หลังพบว่ามีการขยายตัวอย่าง “เร่าร้อน” ในกลุ่มคอนโดมิเนียมบางทำเล ส่งผลให้ทางการเริ่ม “หวั่นใจ” กลัว “ฟองสบู่” จะย้อนกลับมาซ้ำรอยเมืองไทยเหมือนเมื่อครั้งวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 (ต้มยำกุ้ง) ถามว่าเงินจำนวน “มหาศาล” ไหลมาจากไหน ประเทศสหรัฐอเมริกา และแถบยุโรป คือ “ต้นทางของเงินร้อน” หลังมหาอำนาจเศรษฐกิจเผชิญวิกฤติ จนรัฐบาลต้องใส่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กดค่าเงินให้อ่อนลง ความน่าสนใจในการลงทุนจึงยักย้ายถ่ายเทมาในภูมิภาคเอเชีย จากผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่า
ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกมือเตือน “เงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามามากมาย อาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ในบางตลาด เพราะถ้าสภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ เงินบางส่วนอาจไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่น่าห่วง เพียงแต่เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง
จากนั้นไม่นาน “ฟองสบู่” เริ่มโชยกลิ่นเข้าสู่ตลาดหุ้น เห็นชัดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.56) SET INDEX ปิดเหนือระดับ 1,500 จุด ถือว่าสูงสุดในรอบ 18 ปี แถมยังมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 50,000 ล้านบาท ต่างจากในช่วงปี 2555 ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 ล้านบาทเท่านั้น
สภาพตลาดหุ้น “คึกคัก” เฉกเช่น “กระทิงหนุ่ม” ได้ดึงดูดเงินนักลงทุนหน้าเก่า-ใหม่ ให้เข้ามาแสวงหากำไรในตลาดเงินตลาดทุนไม่ขาดสาย โดยเฉพาะหุ้น IPO (การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก) ที่มีความ “ฮอตฮิต” แทบทุกตัว
จากการสืบค้นข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่าภายในปี 2555 มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ส่งผลให้มูลค่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ “ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี” และราคาหุ้น IPO หลายๆตัวยังปรับตัวสูงขึ้นจากราคาจองหลายเท่าตัว สร้าง “เงินถุงเงินถัง” ให้เหล่าเซียนหุ้นน้อย-ใหญ่ เป็นทิวแถว “ตลาดกระทิง” ทำให้ “นก” จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดห้องนั่งหัวโต๊ะ “เบรกความร้อนแรง” ด้วยการป่าวประกาศ “เราเริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ตลาดหุ้น” ส่วนใหญ่เกิดจากการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก
หลังตรวจสอบพบหุ้นไทยมีค่า P/E สูงกว่า 40% มากถึง 72 บริษัท เพิ่มขึ้นจากในช่วง 14 เดือนก่อนที่มีเพียง 24 บริษัท ขณะเดียวกันยังเจอบริษัทที่มีฐานะการเงินติดลบอีก 50 แห่ง รวมเป็น 120 แห่ง ฉะนั้น “ทุกท่านโปรดใช้ความระมัดระวังในการลงทุน” “พี่นก” เตือน
มาตรการต่างๆ ถูกผุดขึ้นมา หวังลดภาวะตลาดหุ้น “Bull Market” เช่น ปรับเกณฑ์ระยะเวลาที่จะติดบัญชี Cash Balance (กำหนดให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิก เต็มจำนวนที่จะซื้อ) จาก 3 สัปดาห์ เป็น 6 สัปดาห์ รวมถึงเกณฑ์สำหรับหุ้นที่ซื้อขายหมุนเวียนกันหลายรอบ จากเดิมใช้เกณฑ์ 50% ปรับลงมาเป็น 40% ซึ่งหุ้นที่จะเข้าข่ายเกณฑ์ Cash Balance ต้องมี 3 ลักษณะ คือ
1.มูลค่าซื้อขายหุ้นต่อวันในรอบสัปดาห์เท่ากับ 100 ล้านบาท ข้อ 2.อัตราการหมุนเวียนการซื้อขายเท่ากับ 50% สุดท้าย คือ ค่า P/E ต้องเท่ากับ 50 เท่า หรือบริษัทจดทะเบียนแห่งนั้นต้องมีผลการดำเนินงานขาดทุน
ภายในปี 2555 ตลาดหลักทรัพย์ตรวจพบ หุ้นที่ซื้อขายในบัญชี Cash Balance ประมาณ 30 ครั้ง โดยมีหุ้นที่ติดในบัญชี Cash Balance 48 หุ้น และภายในเดือนม.ค.56 มีหุ้นติดในบัญชี Cash Balance มากถึง 28 หลักทรัพย์ นั่นแปลว่า ภาวะของตลาดหุ้นร้อนแรงมาก !!
"ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" ผู้เผยแพร่แนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า(วีไอ)คนแรกในประเทศไทย วิเคราะห์ให้ฟังว่า มีความชัดเจนว่า “ภาวะฟองสบู่” กำลังก่อตัวขึ้นในหุ้นตัวเล็กที่มีค่า P/E สูงเกิน 40 เท่า แต่อย่าไปเหมารวมหมดว่าพวกหุ้นที่มี P/E สูง และผลประกอบการแย่ทุกตัวจะทำให้เกิดวิกฤติ เพราะหุ้นตัวเล็กๆบางตัวก็กำลัง “เทิร์นอะราวด์” ส่วนหุ้นบิ๊กไซส์ทั้งที่ซื้อขายอยู่ใน SET 50 และ SET100 ยังไม่เห็นสัญญาณ หุ้นเหล่านี้ยังมีพื้นฐานที่ดี ราคาซื้อขายเหมาะสมกับค่า P/E
หุ้นไอพีโอ โดยเฉพาะตัวใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดหุ้นเกิดฟองสบู่ เปิดซื้อขายวันแรกพุ่งพรวด 100-200% ส่วนใหญ่เกิดจากการแรง “เก็งกำไร” ของนักลงทุน จำนวนหุ้นน้อยทำให้ราคาหุ้นขยับได้ง่าย บางตัววิ่งเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็น
ดร.นิเวศน์ บอกว่า อยากเตือนนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในภาวะตลาดหุ้นกระทิงดุว่า หุ้นที่มีลักษณะค่า P/E สูงเกิน 40 เท่า เราไม่ควรเข้าไปยุ่ง หรือเข้าไปแสวงหากำไร แต่หากต้องการซื้อลงทุนหุ้นขนาดเล็กจริงๆให้ไปดูบทวิเคราะห์ว่าพื้นฐานว่าเป็นอย่างไร ราคาหุ้นรองรับผลประกอบการในอนาคตหรือไม่ ที่สำคัญต้องดูปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันถ้าเกิน 100 ล้านบาทต่อวัน
คุณคิดได้เลยว่ามีการ “เก็งกำไร” เกิดขึ้นแล้ว
ด้าน “เสี่ยป๋อง” วัชระ แก้วสว่าง “เซียนหุ้นเทคนิค” ผู้นำศาสตร์ 'ฮวงจุ้ย' มาเสริมพลังในการเล่นหุ้น แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง “ฟองสบู่ตลาดหุ้น” กับ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ว่า การที่ทางการออกมาเบรกตลาดหุ้น ด้วยการออกมาตรการต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่ดี เปรียบเสมือน “ผู้ใหญ่” เตือน “เด็ก” หน้าที่ของ “เด็กดี” คือ เชื่อฟังและระมัดระวัง แต่เท่าที่ดูๆผมยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ในตลาดหุ้น อย่างกลุ่มก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคนทำวิจัยออกมาว่าเป็นกลุ่มที่มีการเก็งกำไร จนทำให้ติดบัญชี Cash Balance มากที่สุด
ผมมองว่าหุ้นตัวเล็กตัวน้อยในกลุ่มนี้ที่พาเหรดกันขึ้นมา บางตัวก็มีข่าวดีรองรับ นักลงทุนเดี๋ยวนี้ฉลาดนะ เขาประเมินเองได้ ภายในปี 2556 โปรเจคใหญ่ๆของรัฐบาลจะออกมาเพียบ แล้วบริษัทเหล่านั้นจะไม่ได้สักงานเลยหรือ ดูอย่างหุ้นก่อสร้างตัวใหญ่ๆ บางตัว ล่าสุดเพิ่งมี “เซอร์ไพรส์” เกี่ยวกับตัวเลขการเงิน ราคาหุ้นก็พุ่งจากเดิมที่ค่อยๆไต่ระดับมาอยู่แล้ว
“เสี่ยป๋อง” วิเคราะห์ต่อว่า ราคาหุ้นหลายๆตัว โดยเฉพาะตัวที่ฐานะการเงินไม่ค่อยดี หากมองดูดีๆการที่ราคาหุ้นขยับขึ้นอาจเป็นผลมาจากนโยบายต่างๆของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปี 2555 และ 20% ในปี 2556 รวมถึงการขยับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และการปรับฐานเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทต่อเดือน หรือแม้กระทั่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นโยบายเหล่านี้มีผลต่อราคาหุ้นแทบทั้งนั้น
รัฐบาลอัดฉีดขนาดนี้ ราคาหุ้นไม่ขยับสิแปลก !!
กลุ่มพลังงานทดแทน ถือเป็นอีกกลุ่มที่มีราคาหุ้นร้อนแรง จะไม่ให้ราคาหุ้นขึ้นได้อย่างไรในเมื่อรัฐบาลออกมาสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนทุกทาง สำหรับกลุ่มสื่อสารจากนี้คงไม่มีการประท้วงจนทำให้ระบบ 3 จี หรือ 4 จี ไม่เกิดขึ้นแล้วมั้ง (หัวเราะ) นี่อาจเป็นเหตุผลที่ราคาวิ่ง คุณลองไปดูกลุ่มลิสซิ่งสิ ราคาวิ่งกระจาย เรียกว่าขานรับนโยบายรัฐบาลสุดๆ คนมีเงินมากขึ้นก็นำไปซื้อของอำนวยความสะดวกให้ตัวเอง
“นักลงทุนรายใหญ่” บอกว่า “ฝรั่ง” ก่อนเขาจะขนเงินมาลงทุน เขามองผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เป็นหลัก นโยบายโน้นนี่ของรัฐบาลเขายิ่งดูละเอียดใหญ่ ทางการน่าจะโฟกัสเรื่องหนี้เสียของแบงก์รัฐ บริหารอย่างไรให้ขาดทุน ผมว่าเรื่องนี้น่าเป็นห่วงมากกว่าอีก มันน่าคิดนะว่าทำไมแบงก์เอกชนถึงไม่มีหนี้เสียมากเท่าแบงก์รัฐ เรื่องส่งออกก็น่าจับตา ผมไปถามนักเศรษฐศาสตร์คนสนิท เขาบอกว่าระยะสั้นค่าเงินบาทอาจแข็งค่าระดับ 29.2-30.5 บาทต่อดอลลาร์ หากหลุด 29.2 บาท มีโอกาสเห็น 27 บาท ฟังแล้วผมกลัวจริงๆ
นักเศรษฐศาตร์เขายังบอกอีกว่า ตั้งแต่มีปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาปั๊มเงินออกมาแล้ว 3.3 ล้านล้านเหรียญ ถือว่าเยอะมาก (ลากเสียงยาว) ถามว่าเงินมากมายขนาดนี้จะไหลไปไหนก็ต้องมาแถบเอเชีย แต่เขาดันเอาเงินมาใส่ตลาดหุ้นเพียง 10% ไปหนักอยู่ในตลาดพันธบัตรของแบงก์ชาติตั้ง 90%
“ฝรั่งทำตัวเหมือนเสือนอนกิน” นั่งรอผลตอบแทนสบายๆอย่างเดียว ตลาดพวกนี้ไม่มีความเสี่ยง ฉะนั้นทางการควรทำอย่างไรก็ได้ให้เขาโยกเงินมาใส่ตลาดหุ้น อีกสัก 10% ก็ยังดี เอาเงินมาเสี่ยงบ้าง คุณไม่ต้องกลัวรายย่อยเจ็บตัว ผมว่าคนเล่นหุ้นทุกคนรับความเสี่ยงได้ อีกอย่างฝรั่งไม่ซื้อหรอกหุ้นตัวเล็กๆ “บิ๊กไซส์” เท่านั้น ที่เขาต้องการ
“กูรูด้านเทคนิค” ทิ้งท้ายว่า ในช่วง 2 เดือนที่ตลาดหุ้นมีความร้อนแรง ผลตอบแทนจากการลงทุนของผม ถือว่าโอเคมากเฉลี่ย 30-40% ส่วนใหญ่เป็นตัวเล็กๆในหมวดก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ทุกตัวมีปัจจัยรองรับ และเส้นเทคนิคยังมีโอกาสไปต่อ ตอนนี้ในพอร์ตมีหุ้นตัวเล็กมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เมื่อก่อนเคยมีบิ๊กไซส์ 80% เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 30% เพราะปีก่อนลงทุนแล้วไม่ค่อยกำไร
ด้าน “เอกยุทธ อัญชันบุตร” หรือ จอร์จ ตัน นักลงทุนรายใหญ่ และเจ้าของเว็บไซต์ ไทยอินไซเดอร์ วิเคราะห์ในทำนองเดียวกันว่า ผมยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ตลาดหุ้น หากเป็นอย่างที่ทางการบอกจริงๆ หุ้นขนาดใหญ่ๆ ต้องพุ่งแรงอย่างไร้เหตุผล แบบนั้นถึงจะเรียกว่า “ฟองสบู่” แต่นี่หุ้นบูลชิพหลายๆตัวยังซื้อขายตามปกติไม่ได้เปลี่ยนแปลงหวือหวา
สาเหตุที่ดัชนีร้อนแรง และราคาหุ้นตัวเล็กตัวน้อยพุ่งเกินพื้นฐาน ผมคิดว่าเกิดจากแรงเก็งกำไรทั้งแบบมีปัจจัยรองรับและไม่มีมากกว่า ส่วนตัวคิดว่าราคาหุ้น IPO ที่ปรับตัวขึ้นวันแรกเฉลี่ย 100-200% มีส่วนทำให้ดัชนี “ฮอต” เปิดซื้อขายวันแรกแล้วได้กำไรใครจะไม่อยากขายขนาดผู้บริหารยังขายเลย
“ตายแล้วเกิดใหม่”ราคาแบบนี้ยังหาไม่ได้แล้ว ใครจะไม่อยากได้หุ้น IPO จริงมั้ย (หัวเราะ)
“ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่ทางการออกมาเบรกตลาดหุ้นด้วยวิธีนี้ บรรยากาศเสียหมดกำลังดีๆคุณควรมีวิธีที่ดีกว่านี้ เล่นประกาศแบบนี้ทำไม่ถูก บริษัทที่เขาเป็นเด็กดีฐานะการเงินกำลังจะดีพลอยเสียบรรยากาศไปด้วย ทำไมคุณไม่แขวนป้าย SP (ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นการชั่วคราว) สำหรับหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติ โดยไม่มีพื้นฐานรองรับ ต่างประเทศเขาก็ทำกันแบบนี้ วิธีเบรกมีเยอะแยะ”
“จอร์จ ตัน” ถือโอกาสแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ว่า สำหรับนักลงทุนที่มีอายุตั้งแต่ 35-40 ปี ถือเป็นกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำมีเงินเย็นเท่าไรนำมาใส่ในตลาดหุ้นเลย หาก SET INDEX ขึ้น 5-8% ต้องขาย ดัชนีปี 2556 ยังดีอยู่ 1,650 จุด “จุดพีค” น่าจะได้เห็น เผลอๆอาจสวยไปถึงปี 2557 ถามว่าโอกาสมากกว่านี้มีหรือไม่ 1,800 จุด มีสิทธิ์ลุ้น โปรเจคมากมายของรัฐบาล น่าจะช่วยผลักดันตลาดหุ้นไทย หากมีปัญหาการเมือง เต็มที่ดัชนีลงไม่เกิน 10% หรือประมาณ 100 จุด แต่ถ้ามีเรื่องไม่คาดฝัน 30-40% มีโอกาสลง
“ทองคำไม่ค่อยแนะนำให้ซื้อ ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว โอกาสลงไปแตะ 1,200 เหรียญต่อออนซ์มีสูง ตอนนี้ราคาทองคำอยู่ที่ 1,500 เหรียญต่อออนซ์” เขาแจง
“พีรเจต สุวรรณนภาศรี" ผู้บริหาร บมจ.ยูเนี่ยน อินทราโก้ ในฐานะนักลงทุน “วีไอ” มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่เข้าโหมดภาวะฟองสบู่ แต่ยอมรับว่าหุ้นบางตัวมีค่า P/E สูงเกินจริง ส่วนใหญ่เกิดจากหุ้นที่มีขนาดเล็ก หลังมีกระแสข่าวว่าผลประกอบการกำลังจะ “เทิร์นอะราวด์” นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านว่าเป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่เก็งกำไร หากอยากลงทุนจริงๆ แต่ราคาดันแพงเกินไป แนะนำให้ลงทุนระยะสั้น คุณต้องใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์ยอมรับว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยสวยงาม ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกลับภาพลักษณ์เช่นนี้ ตลอดชีวิตการลงทุน 10 กว่าปี เพิ่งเคยเห็นปรากฎการณ์ตลาดหุ้นแบบนี้ วันนี้ทุกอย่างในเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก โอกาสที่จะได้เห็นดัชนีแตะระดับ 1,700 จุด ไม่น่ายาก ผมไม่อยากเห็นหุ้นไทยถอยหลังกลับไปสู่จุด 600 จุด อีกแล้ว “เซียนหุ้นรายใหญ่” ระบายความในใจ
“หนุ่มเจต” พูดต่อว่า กรณีที่ทางการออกมาเตือนว่าพบสัญญาณฟองสบู่ในหุ้นบางกลุ่ม ผมอยากให้ตลาดเข้ามาดูแล อย่างหุ้นบางตัวที่มี P/E สูงเกินไป ตลาดหลักทรัพย์ควรหานักวิเคราะห์เข้าไปพบผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น เพื่อทำ “บทวิเคราะห์” ออกมาเผยแพร่ให้นักลงทุนรับทราบ หรือจัดสัมมนามุมมองนักลงทุน เพื่อเตรียมรับมือหุ้น P/E สูงก็น่าจะดี
เท่าที่ผมดูเห็นหุ้นหลายตัวที่มีค่า P/E สูง อาทิเช่น หุ้น แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ถามว่าวันนี้ค่า P/E ที่สูงเกินไปของเขามันสะท้อนกับผลประกอบการในอนาคตหรือไม่ นอกจากนั้นยังมีหุ้น โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) หรือ SLC ที่ผ่านมามีแต่ข่าวดี แต่แผนธุรกิจในอนาคตยังไม่ชัดเจนสักอย่าง ราคาหุ้นวิ่งไปรอแล้ว
“หุ้น IPO ที่กำลังร้อนแรง ผมมองว่าไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เกิดฟองสบู่ เหตุผลที่ราคาวันแรกพุ่ง เป็นเพราะภาวะตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น นักลงทุนจึงให้ความสนใจกับหุ้นตัวใหม่ๆมากขึ้น เพราะหุ้นที่ซื้อขายอยู่แล้วมีราคาแพงเกินไป”
“เชาว์” เฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ “เซียนหุ้นวีไอ หลักร้อยล้าน” ยอมรับว่า มองเห็นภาวะฟองสบู่ในหุ้นบางตัวจริง พวกนี้ราคาแพงเว่อร์ เรียกว่าเกินพื้นฐาน หากมีอะไรเกิดขึ้นหุ้นเหล่านี้ลงทุนแน่นอน ตรงข้ามกับหุ้นดีถึงลงก็ไม่เยอะ หลายคนบอกว่าหุ้น IPO นี่ละตัวดีที่ทำให้เกิดสัญญาณฟองสบู่ ผมมองว่าไม่น่าใช่
เพราะหุ้น IPO มีอยู่ไม่กี่ตัวในตลาดถ้าเทียบกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่มีเกือบ 500 ตัว ใครได้หุ้นไอ IPO ช่วงนี้ ถือว่าเป็นเศรษฐี เพราะเปิดซื้อขายวันแรกราคาเกิน 100% ทุกตัว ผมก็ได้บ้างแต่ไม่เยอะ ล่าสุดเพิ่งได้หุ้น พลังงานบริสุทธิ์ (EA) แต่ขายไปหมดแล้ว
“การเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นดีๆแบบนี้คุณต้องมีประสบการณ์ชั่วโมงบินต้องระดับหนึ่ง ส่วนนักลงทุนหน้าใหม่ไม่ต้องลงทุนเยอะ หาประสบการณ์ในหุ้นพื้นฐานดีๆไปก่อน ถือยาวๆ รอเงินปันผลสบายใจกว่า”
ถามเรื่อง “วิกฤติฟองสบู่” ผ่านมุมมอง “กูรูตลาดหุ้น” “ต้น” เผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย แสดงความคิดเห็นว่า ภาวะฟองสบู่เกิดขึ้นในหุ้นบางตัวที่มี P/E สูงเกิน 40 เท่า “บางตัวก็ใช่ บางตัวก็ไม่ใช่” เราต้องมาดูว่าหุ้นที่มีค่า P/E สูงๆ เป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโต (grows stock) หรือไม่ ถ้าบริษัทเหล่านั้นมีการขยายตัวของกำไรสุทธิประมาณ 40% ภายใน 3 ปีข้างหน้า ถือว่าราคาหุ้นไม่แพงเกินไป มีความเหมาะสมกับการเติบโตของบริษัท
แต่หากว่าค่ามี P/E สูงมาก แต่อัตราการเติบโตของกำไรไม่ถึง 10% ก็ถือว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาที่แพงเกินไป “อันตรายที่จะเข้าไปลงทุน” หุ้นที่ดีควรมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 30% ขึ้นไป ถ้าอยากแน่ใจ “ใครดีจริงดีหลอก”ให้รอดูผลประกอบการไตรมาส 1/2556 คราวนี้คุณจะรู้ว่าหุ้นตัวไหนเข้าข่ายภาวะฟองสบู่
“ต้น” แนะนำว่า เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้คุณต้องศึกษาวิเคราะห์ให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน อ่านวิเคราะห์มากๆ ถ้าบริษัทนั้นไม่มีบทวิเคราะห์ ก็ไปอ่านคำสัมภาษณ์ของผู้บริหาร และดูค่า P/E ของบริษัทนั้นๆว่าสอดคล้องกลับผลประกอบการในอนาคตหรือไม่ ไม่ใช่ราคาหุ้นแพงมาก แต่ผลประกอบการขาดทุนก็ควรหลีกเลี่ยง
“ชูพงษ์ ธนเศรษฐกร” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS บอกว่า ในตลาดหุ้นเกิดภาวะฟองสบู่ในหุ้นบางตัวที่มีค่า P/E สูงจริงๆ แต่ก็ต้องมาดูว่าหุ้นที่มีค่า P/E สูง สอดรับกับผลประกอบการหรือไม่ เพราะบางตัว P/E แต่ฐานะการเงินดี ก็ถือว่าราคาไม่แพง แต่ต้องระวังหุ้นที่เพิ่งผ่านแผนฟื้นฟูกิจการมาหมาดๆ ส่วนหุ้น IPO จะก่อให้เกิดวิกฤติหรือไม่ ก็ต้องมาดูว่าซื้อขายวันแรก 100-200% ใช้อะไรมาวัด
“ทอม” ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ย้ำเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยโดยรวมยังไม่เข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เพราะราคาหุ้นกลุ่ม SET 100 ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 85 % ของมาร์เก็ตแคปรวม (มาร์เก็ตแคปปัจจุบันอยู่ระดับ 12 ล้านล้านบาท) มีการปรับตัวขึ้นไปตามปัจจัยพื้นฐาน ปัจจุบันซื้อขายบนค่า P/E 13-14 เท่า
“หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟองสบู่มากที่สุด เพราะราคาเพิ่มขึ้นแล้ว 200 % ประกอบกับหากอัตราการหมุนเวียนของหุ้นสูง (Turnover Velocity) ของหุ้นกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 400 % เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555”

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com
โพสต์โพสต์