ใครเป็นพระเอกการลงทุนในปี 2555/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

ใครเป็นพระเอกการลงทุนในปี 2555/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

   ทุกๆปี ดิฉันจะนำข้อมูลผลตอบแทนของสินทรัพย์ประเภทต่างๆมาเขียนให้ท่านผู้อ่านทราบ และดูแนวโน้มการลงทุนในปีปัจจุบันว่าอะไรจะมาแรง และเราควรจะจัดสรรเงินลงทุนของเราอย่างไร
	ในปี 2555 ที่ผ่านมา หุ้นทุนเป็นพระเอกนำมาเลยทีเดียว และผู้ลงทุนในหุ้นทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่างก็มีความสุข ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนไปกันถ้วนหน้า
	ปีที่แล้วดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ผลตอบแทน 35.76% ในรูปเงินบาท ถือเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเป็นอันดับสามของโลก โดยอันดับหนึ่งคือ ตลาดหลักทรัพย์อิสตันบูล ของตุรกี หรือ IMKBให้ผลตอบแทน 52.6% อันดับสองคือตลาดหุ้นอียิปต์ ให้ผลตอบแทน 50.8%  
อย่างไรก็ดี หากคำนวณเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนถึง 40.15% เพราะเงินบาทของเราแข็งค่าขึ้นด้วย
	ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นโลกวัดด้วยดัชนี MSCI World ให้ผลตอบแทน 13.18% และผลตอบแทนจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ วัดด้วยดัชนี MSCI Emerging Markets ให้ผลตอบแทน 15.15% ดีกว่าผลตอบแทนรวมของโลก
	ผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก วัดโดยดัชนี S&P Global REITs Index ได้ผลตอบแทนน่าสนใจทีเดียว โดยได้ถึง 23.73% เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ของหลายๆประเทศได้ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดมาแล้ว 
	ในขณะที่การลงทุนในโภคภัณฑ์โดยรวม วัดโดย S&P GSCI Commodities Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.08% ถือว่าเสมอตัว ไม่มีผลตอบแทน ทองคำได้ผลตอบแทน 7.14% ลดความร้อนแรงลงจากปีก่อนๆมาก และน้ำมันให้ผลตอบแทนที่น่าผิดหวัง คือขาดทุนถึง 7.09%
	เวลาพิจารณาผลตอบแทน เราไม่ควรพิจารณาระยะสั้นๆเพียงอย่างเดียว หากมองระยะยาวแล้ว ในสิบปีที่ผ่านมา ทองคำเป็นพระเอกค่ะ ให้ผลตอบแทนถึง 381.35% รองลงมาคือตลาดหุ้นไทยของเรานี่เอง ให้ผลตอบแทน 290.47% และหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ให้ผลตอบแทน 261.12%ในสิบปี
	น้ำมันให้ผลตอบแทน 194.29% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของโลกให้ผลตอบแทน 189.08% หุ้นของโลกให้ผลตอบแทนเพียง 68.96% พันธบัตรไทย ให้ผลตอบแทน 49.19% ในขณะที่โภคภัณฑ์ให้ผลตอบแทน 31.12% ใน10 ปีที่ผ่านมา
	ดูผลตอบแทนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูความเสี่ยงด้วย ค่าความเสี่ยงที่วัดจากค่าความผันผวนของน้ำมันถือว่าสูงที่สุด โดยผันผวนถึง 32.53% ต่อปี ในขณะที่สินทรัพย์อื่นๆมีค่าความผันผวนใกล้เคียงกันคือ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โภคภัณฑ์มีค่าความผันผวนต่อปี 19.89% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โลก 18.32% หุ้นในตลาดเกิดใหม่ผันผวน 18.22% ต่อปี หุ้นไทยผันผวน 17.09% หุ้นโลกผันผวน 14.89% และพันธบัตรไทยผันผวน 2.9%ต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
   ดูอย่างนี้แล้วสบายใจขึ้นไหมคะ ไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มไหนติดลบเลย ทั้งๆที่มีวิกฤตการณ์เศรษฐกิจอยู่ในช่วงสิบปีนี้ด้วยถึงสองวิกฤติ คือวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ และวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป
   เป็นการพิสูจน์ให้เห็นประโยชน์ที่ดิฉันเขียนอยู่บ่อยๆว่า ในระยะยาวแล้ว ความผันผวนจะไม่สูง ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้จึงไม่ควรลงทุนแบบอนุรักษนิยมจนเกินไป
   หลายท่านอาจจะไม่ได้ลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง หากยังไม่เก่ง ไม่ชำนาญ การมอบหมายให้มืออาชีพลงทุนให้เรา ย่อมเป็นประโยชน์ 
   จากข้อมูลของ Morning Stars กองทุนรวมหุ้นทุนในไทยให้ผลตอบแทนในปี 2555 เฉลี่ยที่ 31.72% มีค่าความผันผวนที่ 13.53% โดยกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดให้ผลตอบแทนถึง 75.92% มีค่าความผันผวน 29.4% และกองทุนรวมที่มีผลตอบแทนต่ำสุด มีผลตอบแทนติดลบ 8.45% โดยมีค่าความผันผวนที่ 7.03%
   ผู้ลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมโดยเฉลี่ยมีความสุขใกล้เคียงกับผู้ลงทุนที่ลงทุนในหุ้นตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ แต่ไม่ต้องเสียเวลาเฝ้าติดตามค่ะ
   จากข้อมูลของ Morning Stars ในปีที่แล้ว มีเงินลงทุนไหลออกจากกองทุนหุ้นของสหรัฐ 119,972 ล้านเหรียญ ไหลเข้ากองทุนพันธบัตร 312,950 ล้านเหรียญ เข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นในต่างประเทศ 13,938 ล้านเหรียญ การลงทุนทางเลือก 13,844 ล้านเหรียญ กองทุนที่ลงทุนในโภคภัณฑ์เพียง 689 ล้านเหรียญ และไหลเข้ากองทุนตลาดเงิน 10,096 ล้านเหรียญ  โดยสรุปแล้วในสหรัฐอเมริกามียอดเงินไหลเข้ากองทุนรวมสุทธิประมาณ 243,231 ล้านเหรียญ
   ส่วนหนึ่งของเงินสภาพคล่องเหล่านี้ได้ไหลออกมาลงทุนในโ,ก และทุกคนมองว่าเอเชียแปซิฟิก คือเป้าหมายการลงทุนที่น่าสนใจ
   ปีมะเส็งปีนี้ทางโหราศาสตร์จีนถือว่าเป็นงูน้ำ ซึ่งจะทำให้ปีนี้เป็นปีที่มีการหมุนเวียน เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน หรือความไม่มั่นคง ดังนั้นก่อนดำเนินการใดควรต้องวางแผนและประเมินว่ามีความเหมาะสมพอเพียงแล้วจึงค่อยลงมือทำ และนักโหราศาสตร์ได้เตือนว่า ขอให้เพิ่มความระมัดระวังขึ้นค่ะ
   ในด้านหนึ่งก็ควรจะถือเป็นโอกาสที่จะทบทวน ปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆทั้งในชีวิตและในธุรกิจ
   ดิฉันเคยเขียนไปตั้งแต่ตอนปลายปีที่แล้วว่า หุ้นทุนยังเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่น่าสนใจที่สุดต่อเนื่องมาถึงปีนี้ เนื่องจากผลตอบแทนที่คาดหวังที่ยังค่อนข้างดี เมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยง ส่วนโภคภัณฑ์มีความน่าสนใจลดลง เพราะผลตอบแทนที่คาดหวังจะน้อยกว่าหุ้นทุน แถมยังมีค่าความผันผวนสูงกว่า และตลาดตราสารหนี้และพันธบัตรที่เป็นตลาดรองมีความน่าสนใจน้อยลงไป เนื่องจากผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ 
   พอร์ตการลงทุนยังต้องเป็นการลงทุนแบบผสมผสานเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่น่าสนใจให้มากกว่าระดับปกติ (overweight) และให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่น่าสนใจน้อย ให้น้อยกว่าระดับปกติ (underweight)
   เปิดปีใหม่มา 1 เดือนเศษ จนถึงวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว 7.57% และ ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นไปแล้ว 6.43%
   ในภาพรวม ความผันผวนยังสูงอยู่นะคะ เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ และผู้ลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนกันอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนค่ะ 
[/size]
โพสต์โพสต์