โค้ด: เลือกทั้งหมด
เวลานี้ถือว่าเป็นช่วง “วันที่รอคอย” ของนักลงทุนทั้งรายย่อย สถาบัน หรือนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการรายไตรมาส โดยคาดหวังว่ากิจการที่ตนครอบครองนั้น จะมีผลประกอบการที่ดีส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 11/2552 “เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการรายงานการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์” บริษัทจดทะเบียนทุกแห่งต้องรายงานงบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว ภายใน 45 วันหลังจากวันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส ในกรณีธนาคารพาณิชย์ต้องรายงานงบการเงินรายไตรมาสก่อนสอบทานภายใน 15 วัน สำหรับงบรายปีนั้น บริษัทจดทะเบียนต้องรายงานงบการเงินรายปีที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้วภายใน 60 วันนับหลังจากวันสุดท้ายของปีของแต่ละบริษัท
ศูนย์พัฒนาการดูแลบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดทำ “หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2549” โดยกล่าวว่า การกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) หรือบรรษัทภิบาลที่ดี มีความสำคัญต่อบริษัทจดทะเบียน โดยแสดงให้เห็นถึงการมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกราย ทั้งผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นที่ไม่เป็นผู้บริหาร รวมทั้งผู้ถือหุ้นต่างชาติ ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม คณะกรรมการควรมีมาตรการป้องกันกรณีที่กรรมการและผู้บริหารใช้ข้อมูลภายในเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ (Abusive self-dealing) ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นอื่น เช่นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) การนำข้อมูลภายในไปเปิดเผยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการและผู้บริหารซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม
หลังจากบริษัทส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้ซื้ออย่างสมบูรณ์ (ownership transferred) ในวันสุดท้ายของไตรมาส มีบุคคล 6 กลุ่มที่ต้องรับรู้ผลการดำเนินงานก่อนรายงานมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเปิดเผยผลประกอบการแก่ผู้ถือหุ้นอย่างเป็นทางการดังนี้ กลุ่มแรก เจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน ทำหน้าที่บันทึกและปิดบัญชี งบการเงิน อย่างถูกต้องและครบถ้วน กลุ่มสอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) และผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี การเงิน ต้องควบคุม ดูแลความถูกต้องของตัวเลขผลการดำเนินงานโดยรวม กลุ่มสาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กรรมการผู้จัดการ หรือผู้บริหารระดับสูง ต้องได้รับรายงานข้อมูลทางการเงินและผลประกอบการเบื้องต้น กลุ่มสี่ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและทีมตรวจสอบบัญชี ต้องสอบทานบัญชีและงบการเงิน ตลอดจนการรับรองความถูกต้องของงบการเงินของกิจการนั้น
กลุ่มห้า กรรมการตรวจสอบ ต้องได้รับงบการเงินผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีล่วงหน้า 1-3 วันเพื่อประชุม ซักถามข้อคิดเห็น ตรวจสอบประเด็นสำคัญ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลที่เหมาะสมและครบถ้วนกับผู้สอบบัญชีโดยตรง และกลุ่มสุดท้ายคือ คณะกรรมการบริษัททุกท่าน ต้องได้รับข้อมูลเพื่อการพิจารณาและรับรองงบการเงินและผลประกอบการในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ที่กล่าวมานั้นคือหลักการ ระเบียบการ กระบวนการทำงานก่อนที่บริษัทจะเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ จะเห็นได้ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ต้องรับรู้ผลประกอบการก่อนรายงานอย่างเป็นทางการ
ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างประเทศอเมริกาหรือกลุ่มประเทศแถบยุโรป หลายครั้งที่มีข่าวการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้บริหารระดับสูงหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในการใช้ข้อมูลภายในเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ ซึ่งเป็นโทษสถานหนักแทบทั้งสิ้น เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับราคาหุ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นโดยรวมและมีผลให้มูลค่าตลาดของกิจการเปลี่ยนแปลง บริษัทจึงต้องเข้มงวดกับผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างมาก
สำหรับการจัดลำดับ “การกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน (CG Rating)” ของบรรษัทภิบาลแห่งชาตินั้น เป็นเรื่องน่ายินดีที่จำนวนบริษัทจดทะเบียนของไทยได้รับการจัดลำดับอยู่ในเกณฑ์ดี ดีมาก หรือดีเลิศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังพบการเคลื่อนไหวของปริมาณซื้อขายและราคาไปในทิศทางเดียวกับผลการดำเนินงานของบริษัทก่อนการรายงานอย่างเป็นทางการ จึงเป็นข้อสังเกตและข้อสงสัยในความผิดปกติ มากกว่าความ “บังเอิญ” ที่มีการซื้อขายจากการคาดการณ์ผลประกอบการล่วงหน้า
หากมีประการณ์การลงทุนมาบ้าง จะพบว่ามีองค์ประกอบมากมายที่ทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง เช่น ราคาหุ้นลงแม้ผลประกอบการดี (sell on facts) หรือราคาหุ้นขึ้นแม้ผลประกอบการแย่ แต่ดีกว่าที่คาด จะเห็นว่า มีเรื่องจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากเช่นกัน ในฐานะ Value Investor นอกจากการเลือกกิจการยอดเยี่ยม มีศักยภาพในการแข่งขันและผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องแล้ว ยังต้องเลือกกิจการที่ปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม พูดง่ายๆ คือเลือกลงสนามใน “เกมผู้ชนะ เกมที่ถนัด” และหลีกเลี่ยง “เกมที่เสียเปรียบ” เสมอ หากเลือกทำเช่นนี้ “วันที่รอคอย” ที่มาถึงก็จะเป็น “วันแห่งความสุข” ของเราอีกวันหนึ่ง