หุ้นที่ยากเกินไป
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 18, 2012 8:02 pm
คำว่า "ยากเกินไป" คำๆนี้เป็นคำพูดที่ผมมักจะได้ยินบ่อยๆจากบรรดานักลงทุนที่พูดถึงหุ้นบางตัวที่เขาไม่ค่อยเข้าใจ บรรดานักลงทุนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่น่านับถือหลายๆคนก็มักจะคอยย้ำเตือนให้นักลงทุนรุ่นใหม่ๆ ลงทุนในหุ้นที่เข้าใจง่าย และหนึ่งในคำพูดที่นิยมใช้เป็นข้อเตือนใจกันคือ "อย่าโลภเกินความรู้" เพราะการที่เราโลภและไปซื้อหุ้นที่เราไม่ค่อยเข้าใจจะทำให้เรามีโอกาสผิดพลาดและขาดทุนสูง
คำว่า "ยากเกินไป" แม้จะเขียนได้แบบเดียว อ่านได้แบบเดียว แต่ความหมายและการตีความสำหรับแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งจากประสบการณ์ของผม พบว่าคนจำนวนมากมักจะตีความหุ้นใดหุ้นหนึ่งว่าเป็น "หุ้นที่ยากเกินไป" สำหรับเขาก็ต่อเมื่อเขาพบว่าหุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นในกิจการที่ไม่ค่อยคุ้นเคย รูปแบบการทำธุรกิจเข้าใจได้ยากต้องใช้เวลาในการศึกษามากกว่าปกติ การคิดหากำไรในอนาคตต้องใช้การคำนวณซับซ้อนกว่าปกติ การประเมินมูลค่าของบริษัทยากและใช้สูตรมากมาย ธุรกิจอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์หรือกฎหมายบางอย่างที่พิเศษกว่าธุรกิจอื่นซึ่งต้องใช้เวลาในการศึกษากฎเกณฑ์เหล่านั้น
แต่สำหรับผมแล้ว คำว่า "ยากเกินไป" คงไม่ได้หมายถึงความยากในการทำความเข้าใจธุรกิจ หรือความยากในการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะผมเชื่อว่า ไม่ว่าธุรกิจนั้นๆจะเข้าใจยากแค่ไหน ประเมินยากเพียงไร หากเราตั้งใจศึกษาจริงๆ เราก็สามารถที่จะเข้าใจได้ในที่สุด แต่คำว่า "ยากเกินไป" สำหรับผมแล้ว น่าจะหมายถึงความยากในการคาดการณ์อนาคตของกิจการ" มากกว่า
ในชีวิตจริงหากเราได้ลงไปศึกษาในรายละเอียดของหุ้นอย่างจริงๆจังๆจนมีความเข้าใจในตัวธุรกิจ เราจะสามารถแยกหุ้นเหล่านั้นได้เป็น 3 แบบ คือ หุ้นกลุ่มแรกเป็นหุ้นที่มั่นใจว่ากิจการในอนาคตจะเติบโตดี หุ้นกลุ่มที่สองเป็นหุ้นที่มั่นใจว่ากิจการในอนาคตจะไม่เติบโต(เติบโตน้อยๆหรืออาจจะถดถอยลง) และหุ้นกลุ่มที่สามเป็นหุ้นที่ไม่สามารถบอกอนาคตได้ อนาคตมีความไม่แน่นอนสูงคาดการณ์ยาก ซึ่งการคาดการณ์ยากนี้ไม่ใช่ว่ายากในการทำความเข้าใจธุรกิจ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของกิจการนั้นมีความไม่แน่ไม่นอนสูงมาก เช่นธุรกิจรับเหมาที่ต้องลุ้นผลการประมูลงาน เป็นต้น และในบรรดาหุ้นทั้ง 3 แบบนี้เราคงจะอยากลงทุนในหุ้นแบบแรกมากที่สุด เพราะเราคงจะอยากลงทุนในกิจการที่อนาคตมีความแน่นอนสูง สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเติบโตดีต่อไปในอนาคต
ดังนั้นหากเราจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทที่อนาคตมีความไม่แน่ไม่นอนสูง ด้วยเหตุผลว่า "ยากเกินไป" ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่หากเราหลีกเลี่ยงลงทุนในบางบริษัทที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทในการศึกษามากกว่าปกติ โดยให้เหตุผลว่า "ยากเกินไป" ก็อาจจะทำให้เราพลาดการลงทุนในบริษัทที่มีอนาคตที่ดีได้
คำว่า "ยากเกินไป" แม้จะเขียนได้แบบเดียว อ่านได้แบบเดียว แต่ความหมายและการตีความสำหรับแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งจากประสบการณ์ของผม พบว่าคนจำนวนมากมักจะตีความหุ้นใดหุ้นหนึ่งว่าเป็น "หุ้นที่ยากเกินไป" สำหรับเขาก็ต่อเมื่อเขาพบว่าหุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นในกิจการที่ไม่ค่อยคุ้นเคย รูปแบบการทำธุรกิจเข้าใจได้ยากต้องใช้เวลาในการศึกษามากกว่าปกติ การคิดหากำไรในอนาคตต้องใช้การคำนวณซับซ้อนกว่าปกติ การประเมินมูลค่าของบริษัทยากและใช้สูตรมากมาย ธุรกิจอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์หรือกฎหมายบางอย่างที่พิเศษกว่าธุรกิจอื่นซึ่งต้องใช้เวลาในการศึกษากฎเกณฑ์เหล่านั้น
แต่สำหรับผมแล้ว คำว่า "ยากเกินไป" คงไม่ได้หมายถึงความยากในการทำความเข้าใจธุรกิจ หรือความยากในการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะผมเชื่อว่า ไม่ว่าธุรกิจนั้นๆจะเข้าใจยากแค่ไหน ประเมินยากเพียงไร หากเราตั้งใจศึกษาจริงๆ เราก็สามารถที่จะเข้าใจได้ในที่สุด แต่คำว่า "ยากเกินไป" สำหรับผมแล้ว น่าจะหมายถึงความยากในการคาดการณ์อนาคตของกิจการ" มากกว่า
ในชีวิตจริงหากเราได้ลงไปศึกษาในรายละเอียดของหุ้นอย่างจริงๆจังๆจนมีความเข้าใจในตัวธุรกิจ เราจะสามารถแยกหุ้นเหล่านั้นได้เป็น 3 แบบ คือ หุ้นกลุ่มแรกเป็นหุ้นที่มั่นใจว่ากิจการในอนาคตจะเติบโตดี หุ้นกลุ่มที่สองเป็นหุ้นที่มั่นใจว่ากิจการในอนาคตจะไม่เติบโต(เติบโตน้อยๆหรืออาจจะถดถอยลง) และหุ้นกลุ่มที่สามเป็นหุ้นที่ไม่สามารถบอกอนาคตได้ อนาคตมีความไม่แน่นอนสูงคาดการณ์ยาก ซึ่งการคาดการณ์ยากนี้ไม่ใช่ว่ายากในการทำความเข้าใจธุรกิจ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของกิจการนั้นมีความไม่แน่ไม่นอนสูงมาก เช่นธุรกิจรับเหมาที่ต้องลุ้นผลการประมูลงาน เป็นต้น และในบรรดาหุ้นทั้ง 3 แบบนี้เราคงจะอยากลงทุนในหุ้นแบบแรกมากที่สุด เพราะเราคงจะอยากลงทุนในกิจการที่อนาคตมีความแน่นอนสูง สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเติบโตดีต่อไปในอนาคต
ดังนั้นหากเราจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทที่อนาคตมีความไม่แน่ไม่นอนสูง ด้วยเหตุผลว่า "ยากเกินไป" ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่หากเราหลีกเลี่ยงลงทุนในบางบริษัทที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทในการศึกษามากกว่าปกติ โดยให้เหตุผลว่า "ยากเกินไป" ก็อาจจะทำให้เราพลาดการลงทุนในบริษัทที่มีอนาคตที่ดีได้