http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=457596&ch=ec1
กรุงเทพฯ 20 ต.ค.- นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.พ.ร.ได้ร่วมกับธนาคารโลก จัดการประชุมเพื่อรับฟังการนำเสนอรายงานผลการวิจัยประเทศที่มีความสะดวกใน การเข้าไปประกอบธุรกิจ ประจำปี 2555 ซึ่งเป็นรายงานล่วงหน้า 1 ปี โดยเก็บข้อมูลการปรับปรุงบริการที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน 2553 ถึงมิถุนายน 2554 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มายังธนาคารโลกประจำประเทศไทย
ผลการวิจัยปรากฏว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสะดวก ในการเข้าไปประกอบธุรกิจ อันดับที่ 17 จาก 183 ประเทศทั่วโลก ซึ่งขยับสูงขึ้นจากอันดับ 19 ซึ่งทำให้ยังคงรักษาการเป็น 20 ลำดับแรกของประเทศที่น่าลงทุน และอยู่ในลำดับที่ 3 ของประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รองจากสิงคโปร์และฮ่องกง ขณะที่สิงคโปร์ยังครองแชมป์อันดับที่ 1 เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ฮ่องกงอยู่ในอันดับที่ 2 เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีที่ขยับขึ้นจากอันดับที่ 16 มาอยู่ที่อันดับที่ 8 และมาเลเซียก็ได้ขยับขึ้นจากอันดับที่ 21 มาอยู่อันดับที่ 18 ส่วนญี่ปุ่นอันดับลดลงจาก 18 มาอยู่ในอันดับที่ 20 ส่วนจีนหล่นไปอยู่ที่อันดับ 91 จาก 79 โดยตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีคู่แข่งเพิ่มสูงขึ้น
อันดับของประเทศไทยที่เลื่อนขึ้นมาเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเริ่มต้นธุรกิจ ที่มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 98 มาอยู่อันดับที่ 78 ด้านการได้รับสินเชื่อ จากอันดับที่ 72 มาอยู่อันดับที่ 67 และด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง จากอันดับที่ 25 มาอยู่อันดับที่ 24 ซึ่งผลจากการปรับปรุงส่งผลต่อการปรับอันดับขึ้นของประเทศไทยนั้น มีผลต่อการดึงดูดให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงมาทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น ประชาชนมีรายได้ และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย
ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
โพสต์ที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
โพสต์ที่ 2
http://www.worldbank.or.th/WBSITE/EXTER ... d=3001_163
Thailand Ranks 17 in the World in Ease of Doing Business as Business Regulations Improve in East Asia and the Pacific
Washington D.C., October 20, 2011— A new report from IFC and the World Bank finds that across the globe Singapore and Hong Kong SAR, China, provide the friendliest regulatory environments for local entrepreneurs. Within the East Asia and the Pacific region, China advanced the most in making its regulatory environment more business-friendly over the past six years.
Released today, Doing Business 2012: Doing Business in a More Transparent World assesses regulations affecting domestic firms in 183 economies and ranks the economies in 10 areas of business regulation, such as starting a business, resolving insolvency, and trading across borders. This year, the rankings on ease of doing business have expanded to include indicators on getting electricity. The report finds that getting an electrical connection is most efficient in Iceland; Germany; Taiwan, China; Hong Kong, China; and Singapore. Thailand ranks 9 in getting electricity.
With the addition of Getting Electricity indicator, Thailand ranks 17 in the overall Ease of Doing Business ranking as compared to rank 19 in last year’s ranking when the indicator was not included. Thailand also ranks in the top 20 in Dealing with Construction Permits, Protecting Investors, and Trading Across Borders.
"Thailand has ranked among the world's top 20 countries for Doing Business for the past 8 years. The ranking is a testimony to Thailand's continuing efforts to improve its business environment", says Annette Dixon, World Bank Country Director for Thailand.
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
โพสต์ที่ 4
เจโทร"อัดรัฐอ่อนหัดกู้วิกฤติ
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 20 ตุลาคม 2554 21:50 น. Share
ASTVผู้จัดการรายวัน – “เจโทร” อัดรัฐบาลปูไหลยับ จี้ถามหาความชัดเจนในการฟื้นฟูและช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่จมบาดาลครั้งนี้ ย้ำไทยยังน่าสนใจลงมุนในสายตายญี่ปุ่น แต่ต้องมีมาตรการจัดการแก้ปัญหาที่ดีจากนี้ไป
นายเซตสึโอะ อิอูจิ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลไทยออกมาอธิบายและชี้แจงให้ละเอียดถึงการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าเป็นอบย่งไร เพระหากกมีแผนการที่ดีก็ยังถือว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณน้ำทว่วมที่รุนแรงบริษทัและธุรกิจของญี่ปุ่นได้รับบผลกระทบและเสียหายมากมายแล้ว
รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลไทยให้ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษที่ถุกต้องด้วย เพื่อความเข้าใจในการสื่อสารกับชาวต่างชาติในไทย พร้อมกับมาตรการที่ชัดเจนสำหรับช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่นี้อย่างไรด้วย เพื่อให้แผนการฟื้นฟูเกิดขึ้นโดยเร็ว ตลอดจนความช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมมแต่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์นี่อย่างไร
“จริงๆแล้วในมุมมองของนักธุรกิจญี่ปุ่นตอนนี้ที่มีต่อประเทศไทยก็ยังเป็นมุมบวก เป็นประเทศที่น่าสนใจอยู่เหมือนเดิม และยังคงดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบอ่ย่าใงหญ่หลวง อยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งหากมีการเตรียมการรับมือที่ดีประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนของนักธุรกิจญี่ปุ่น”
ทั้งนี้บริษัทจากญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากหรือคิดเป็น 40% ของการลงทุนในต่างประเทศของญี่ปุ่นแล้ว และล่าสุดปีนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและตอกย้ำว่าปรเทศญี่ปุ่นยังคงสนใจ ละมีความพร้อาที่จะลงทุนในไทยต่อไปหากทุกอย่างมีความชัดเจน ทั้งนี้ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในไทยเฉพาะตลาดในกรุงเทพฯมีเปิดรวมกันมากว่า 1,000 แห่งแล้ว
นายมาซาโตะ โอทากะ อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทญี่ปุ่นอยากขอร้องให้รัฐบาลไทยเร่งออกมาแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะเป็นภัยพิบัติกรณีพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอยากให้รัฐบาลไทยหาวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ไม่ใช่ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ เพราะไม่เช่นนั้นภัยพิบัติเดิมๆก็จะเกิดขึ้นอีก
“ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทางบริษัทญี่ปุ่นหวังว่ารัฐบาลน่าจะมีวิธีการว่าทำอย่างไรจะให้อุทกภัยเกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งในส่วนของนักลงทุนญี่ปุ่นโดยรวมเข้าใจปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปัญหาที่ยากลำบากและเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข “
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 20 ตุลาคม 2554 21:50 น. Share
ASTVผู้จัดการรายวัน – “เจโทร” อัดรัฐบาลปูไหลยับ จี้ถามหาความชัดเจนในการฟื้นฟูและช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่จมบาดาลครั้งนี้ ย้ำไทยยังน่าสนใจลงมุนในสายตายญี่ปุ่น แต่ต้องมีมาตรการจัดการแก้ปัญหาที่ดีจากนี้ไป
นายเซตสึโอะ อิอูจิ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลไทยออกมาอธิบายและชี้แจงให้ละเอียดถึงการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าเป็นอบย่งไร เพระหากกมีแผนการที่ดีก็ยังถือว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณน้ำทว่วมที่รุนแรงบริษทัและธุรกิจของญี่ปุ่นได้รับบผลกระทบและเสียหายมากมายแล้ว
รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลไทยให้ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษที่ถุกต้องด้วย เพื่อความเข้าใจในการสื่อสารกับชาวต่างชาติในไทย พร้อมกับมาตรการที่ชัดเจนสำหรับช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่นี้อย่างไรด้วย เพื่อให้แผนการฟื้นฟูเกิดขึ้นโดยเร็ว ตลอดจนความช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมมแต่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์นี่อย่างไร
“จริงๆแล้วในมุมมองของนักธุรกิจญี่ปุ่นตอนนี้ที่มีต่อประเทศไทยก็ยังเป็นมุมบวก เป็นประเทศที่น่าสนใจอยู่เหมือนเดิม และยังคงดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบอ่ย่าใงหญ่หลวง อยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งหากมีการเตรียมการรับมือที่ดีประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนของนักธุรกิจญี่ปุ่น”
ทั้งนี้บริษัทจากญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากหรือคิดเป็น 40% ของการลงทุนในต่างประเทศของญี่ปุ่นแล้ว และล่าสุดปีนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและตอกย้ำว่าปรเทศญี่ปุ่นยังคงสนใจ ละมีความพร้อาที่จะลงทุนในไทยต่อไปหากทุกอย่างมีความชัดเจน ทั้งนี้ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในไทยเฉพาะตลาดในกรุงเทพฯมีเปิดรวมกันมากว่า 1,000 แห่งแล้ว
นายมาซาโตะ โอทากะ อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทญี่ปุ่นอยากขอร้องให้รัฐบาลไทยเร่งออกมาแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะเป็นภัยพิบัติกรณีพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอยากให้รัฐบาลไทยหาวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ไม่ใช่ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ เพราะไม่เช่นนั้นภัยพิบัติเดิมๆก็จะเกิดขึ้นอีก
“ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทางบริษัทญี่ปุ่นหวังว่ารัฐบาลน่าจะมีวิธีการว่าทำอย่างไรจะให้อุทกภัยเกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งในส่วนของนักลงทุนญี่ปุ่นโดยรวมเข้าใจปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปัญหาที่ยากลำบากและเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข “
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
โพสต์ที่ 5
เวิลด์แบงก์ชี้น้ำท่วมไทยทำศก.ติดลบ
20 ตุลาคม 2554 เวลา 14:34 น. | เปิดอ่าน 1,095 | ความคิดเห็น 4 ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,
เวิลด์แบงก์เชื่อน้ำพัดเศรษฐกิจไทยไตรมาส4ติดลบกระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมูลค่าเสียหายกว่าแสนล้าน
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายของเศรษฐกิจไทยจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายอยู่ในระดับติดลบ เนื่องจากความเสียหายได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มองว่าการลงทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตได้สูงกว่าระดับ 4.4 % ซึ่งเป็นระดับที่ธนาคารโลกได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
“ในช่วงต้นปี เราได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3.6 % แล้ว จากปัจจัยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมความเสียหายจากน้ำท่วมล่าสุดเข้าไปด้วยจะทำให้การเติบโตลดต่ำลงอีก นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จากผลผลิตที่หายไป 6-7 ล้านตัน ไม่รวมความเสียหายของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นที่ประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน ” น.ส.กิริฎา กล่าว
http://goo.gl/M3TfV
20 ตุลาคม 2554 เวลา 14:34 น. | เปิดอ่าน 1,095 | ความคิดเห็น 4 ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,
เวิลด์แบงก์เชื่อน้ำพัดเศรษฐกิจไทยไตรมาส4ติดลบกระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมูลค่าเสียหายกว่าแสนล้าน
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายของเศรษฐกิจไทยจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายอยู่ในระดับติดลบ เนื่องจากความเสียหายได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มองว่าการลงทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตได้สูงกว่าระดับ 4.4 % ซึ่งเป็นระดับที่ธนาคารโลกได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
“ในช่วงต้นปี เราได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3.6 % แล้ว จากปัจจัยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมความเสียหายจากน้ำท่วมล่าสุดเข้าไปด้วยจะทำให้การเติบโตลดต่ำลงอีก นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จากผลผลิตที่หายไป 6-7 ล้านตัน ไม่รวมความเสียหายของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นที่ประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน ” น.ส.กิริฎา กล่าว
http://goo.gl/M3TfV
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
โพสต์ที่ 6
ผมเป็นเเฟนพันธุ์เเท้พี่ ICE คร้าบบบ ตามอ่านด้วยคน เเต่ไม่ต้องเปลี่ยนLog in ก็ได้
torpongpak เขียน: ไอซ์ฮิฮิ...
เฮ้อ...พอtrendy Post ครั้งสุดท้าย Tue Oct 18, 2011 5:32 am
ก็จุติดาวดวงใหม่...ชื่อ ไอซ์ฮิฮิ...Joined: Tue Oct 18, 2011 5:36 am สมัครเสร็จPostยิก ซึ่งผิดวิสัยของคนมีLogin ในThaiVIครั้งเเรก
อันนี้คือผลงานใหม่ๆ
http://board.thaivi.org/search.php?auth ... 6&sr=posts
อาจไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้ครับเเต่...ความ กะเรียน เหมือนกัน
ขอโทษทีครับขอ Add คุณไอซ์ เป็นFoeอีกท่านครับและขอทำเเบบเปิดเผย...จากนี้คุณPostผมจะไม่เห็น
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ธนาคารโลกขยับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนลำดับที่ 17
โพสต์ที่ 7
ขอชื่นชมว่าPostได้ดีขึ้นกว่าตอนเป็น Kloysri, Thai...เเลน..Handsome, หนุ่มล่ำ ชาวเร๊ามาก
แต่ตอนเป็นtrendy Post ดีสุดเพราะPostเเต่ข่าว
ว่าเเต่จำPasswordได้ยังไงไหว Log in ตั้งเยอะ
ขอบคุณครับ...จบ
แต่ตอนเป็นtrendy Post ดีสุดเพราะPostเเต่ข่าว
ว่าเเต่จำPasswordได้ยังไงไหว Log in ตั้งเยอะ
ขอบคุณครับ...จบ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o