แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
- nanosec
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 1
ผมอ่านข่าวในกรุงเทพธุรกิจ
เห็นทางรัฐบาลจะปล่อยลอยตัว ราคาอาจจะไปถึง 30 บาท ในเดือน กค.นี้ เลยอยากทราบว่าจิงๆๆ เป็น ราคาสำหรับในอุตสาหกรรมอย่างเดียว ไม่รวมราคา LPG ที่ใช้กับในรถหรือป่าวคับ ผมกะลังวางแผนจะเอารถไปติด LPG นะคับ เลยอยากทราบว่าควรจะวางแผนไปติด LPG ดีก่า หรือจะไป NGV ดีคับ
รบกวนท่านผู้รู้แนะนำด้วยคับ
ขอบคุณคับ
เห็นทางรัฐบาลจะปล่อยลอยตัว ราคาอาจจะไปถึง 30 บาท ในเดือน กค.นี้ เลยอยากทราบว่าจิงๆๆ เป็น ราคาสำหรับในอุตสาหกรรมอย่างเดียว ไม่รวมราคา LPG ที่ใช้กับในรถหรือป่าวคับ ผมกะลังวางแผนจะเอารถไปติด LPG นะคับ เลยอยากทราบว่าควรจะวางแผนไปติด LPG ดีก่า หรือจะไป NGV ดีคับ
รบกวนท่านผู้รู้แนะนำด้วยคับ
ขอบคุณคับ
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 2
30บาท หน่วยกิโลกรัมไหมครับ. ก็ตกประมาณ 15 บาทต่อลิตร ก็ยังถูกอยู่นะครับ ผมก็ใช้nanosec เขียน:ผมอ่านข่าวในกรุงเทพธุรกิจ
เห็นทางรัฐบาลจะปล่อยลอยตัว ราคาอาจจะไปถึง 30 บาท ในเดือน กค.นี้ เลยอยากทราบว่าจิงๆๆ เป็น ราคาสำหรับในอุตสาหกรรมอย่างเดียว ไม่รวมราคา LPG ที่ใช้กับในรถหรือป่าวคับ ผมกะลังวางแผนจะเอารถไปติด LPG นะคับ เลยอยากทราบว่าควรจะวางแผนไปติด LPG ดีก่า หรือจะไป NGV ดีคับ
รบกวนท่านผู้รู้แนะนำด้วยคับ
ขอบคุณคับ
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 5
ผมว่าเอาเข้าจริงๆ สินค้าทุกอย่าง ถูกบิดเบือนหมดแหละครับ ประเด็น คือบิดเบือนทำไม บางทีบิดเบือนเพื่อช่วยคนรายได้น้อย อันนี้ต้องทำ บิดเบือนเพื่อให้เกิดการจ้างงาน บิดเบือนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เยอะแยะครับjack_jack เขียน:ข่าวว่าจะลอยตัวเฉพาะ ภาคอุตสาหกรรมนี่ครับ
ส่วนภาคขนส่งและครัวเรือนยังอุดหนุนอยู่ บิดเบือนกันต่อไป
แม้ในตลาดหุ้นยังมีเลยครับ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 6
ประเด็นราคาก๊าซ LPG ถ้าจะให้ใช้กับภาคครัวเรือนก็ทำเหมือนที่แล้วมากก็ได้ครับ แต่จะมีข้อเสียคือโดนลักลอบนำออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน เพราะแต่ก่อนราคา LPG ไม่ได้สูงอย่างนี้ครับ มีมาช่วงปีหลังๆนี่แหละที่สูงขึ้นมามาก
ส่วนภาคขนส่งไม่ควรสนับสนุนครับ เพราะเราต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ แล้วยังมีส่วนที่ถูกลักลอบออกไปขายในเพื่อนบ้านอีกเยอะเลย เหมือนทำ arbitrage แหละครับ ประเทศเสียกับเสียอย่างเดียว
ทางแก้คงเป็นการแก้ทางด้านโครงสร้างการขนส่งมากกว่าที่จะทำให้มีทางเลือกมากขึ้นและรถติดน้อยลง (การที่รถติดมากๆก็เปลืองเหมือนกันอยู่ดี - -'') และการขนส่งระหว่างจังหวัด น่าจะให้ใช้ทางรถไฟมากขึ้น (รฟท. คงต้องแปรรูปซะก่อน) น่าจะเป็นอะไรที่ลดการใช้พลังงานได้พอสมควรเลยครับ
ส่วนแนวโน้มใช้ในรถก็คงมีการตรึงราคาต่อไป เพราะสภาพทางการเมืองไทยไม่แข็งแรง คนที่อยากเป็นรัฐบาลไม่อยากทำให้ฐานเสียงเสียหรอกครับ
ส่วนภาคขนส่งไม่ควรสนับสนุนครับ เพราะเราต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ แล้วยังมีส่วนที่ถูกลักลอบออกไปขายในเพื่อนบ้านอีกเยอะเลย เหมือนทำ arbitrage แหละครับ ประเทศเสียกับเสียอย่างเดียว
ทางแก้คงเป็นการแก้ทางด้านโครงสร้างการขนส่งมากกว่าที่จะทำให้มีทางเลือกมากขึ้นและรถติดน้อยลง (การที่รถติดมากๆก็เปลืองเหมือนกันอยู่ดี - -'') และการขนส่งระหว่างจังหวัด น่าจะให้ใช้ทางรถไฟมากขึ้น (รฟท. คงต้องแปรรูปซะก่อน) น่าจะเป็นอะไรที่ลดการใช้พลังงานได้พอสมควรเลยครับ
ส่วนแนวโน้มใช้ในรถก็คงมีการตรึงราคาต่อไป เพราะสภาพทางการเมืองไทยไม่แข็งแรง คนที่อยากเป็นรัฐบาลไม่อยากทำให้ฐานเสียงเสียหรอกครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 7
กพช.สั่งขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคยานยนต์15มค.
Source - พิมพ์ไทย (Th), Wednesday, December 07, 2011
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในขณะนี้ ปตท.เร่งแผนการลงทุนก่อสร้างคลังรองรับความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีที่พุ่งสูงขึ้น โดยในขณะนี้กำลังรอดูความชัดเจนว่า ความต้องการใช้ในปีหน้าหลังแอลพีจีภาคยานยนต์ขยับขึ้นราคาแล้ว เป็นอย่างไร หากชะลอลง การก่อสร้างคลังแอลพีจีเฟสที่ 2 ในพื้นที่ใหม่ ลงทุนอีก 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเข้าแอลพีจีเพิ่มเป็น500,000 ตันต่อปี จะชะลอออกไปก่อน
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบขึ้นราคาก๊าซฯ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงสิ้นปี 2555 ยกเว้นแอลพีจีครัวเรือนตรึงราคาไปก่อน โดยแอลพีจีภาคยานยนต์จะขึ้นราคากิโลกรัมละ 0.41 บาท/เดือน ส่วนเอ็นจีวีขึ้นราคาเดือนละ 0.50 บาท/กก.
"ความต้องการแอลพีจีปีหน้าจะเป็นอย่างไร จะต้องดูว่าขึ้นราคาแอลพีจียานยนต์แล้วจะทำให้ความต้องการใช้ชะลอลงหรือไม่ นอกจากนี้ การขึ้นอัตราภาษีดีเซลซึ่งจะสิ้นสุดระยะเวลาการขึ้นภาษีในสิ้นปีนี้หากขึ้นรอบเดียวกว่า5 บาทต่อลิตร ก็อาจจะมีผลทำให้การใช้แอลพีจีปรับสูงขึ้นมากเช่นกัน เพราะอัตราการขึ้นราคาแอลพีจีนับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมัน" นายณัฐชาติ กล่าว
สำหรับการขยายคลังรับแอลพีจีเฟสแรก ปตท.จะก่อสร้างคลังรับก๊าซในพื้นที่เดิมคือ คลังก๊าซฯ บ้านโรงโป๊ะ จังหวัดชลบุรี โดยจะเร่งดำเนินการให้รวดเร็วที่สุดคาดก่อสร้างเสร็จสิ้นในปี 2558 จะลงทุน 1.2- 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้สามารถรองรับการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มจาก 1.3 แสนตันต่อปี เป็น 2.5 แสนตันต่อปี อย่างไรก็ตาม การลงทุนส่วนนี้ ปตท. ไม่ได้ประโยชน์เชิงธุรกิจแต่เป็นการลงทุนเพื่อสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ดังนั้น จึงเสนอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาเรื่องผลตอบแทนการลงทุน โดยคำนวณเบื้องต้นต้นทุนการก่อสร้างเท่ากับราคาแอลพีจี 1 บาท/กก.ดังนั้น แนวทางอาจจะขึ้นราคาแอลพีจีต้นทุนระยะยาว ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากนัก.
--จบ--
Source - พิมพ์ไทย (Th), Wednesday, December 07, 2011
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในขณะนี้ ปตท.เร่งแผนการลงทุนก่อสร้างคลังรองรับความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีที่พุ่งสูงขึ้น โดยในขณะนี้กำลังรอดูความชัดเจนว่า ความต้องการใช้ในปีหน้าหลังแอลพีจีภาคยานยนต์ขยับขึ้นราคาแล้ว เป็นอย่างไร หากชะลอลง การก่อสร้างคลังแอลพีจีเฟสที่ 2 ในพื้นที่ใหม่ ลงทุนอีก 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเข้าแอลพีจีเพิ่มเป็น500,000 ตันต่อปี จะชะลอออกไปก่อน
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบขึ้นราคาก๊าซฯ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงสิ้นปี 2555 ยกเว้นแอลพีจีครัวเรือนตรึงราคาไปก่อน โดยแอลพีจีภาคยานยนต์จะขึ้นราคากิโลกรัมละ 0.41 บาท/เดือน ส่วนเอ็นจีวีขึ้นราคาเดือนละ 0.50 บาท/กก.
"ความต้องการแอลพีจีปีหน้าจะเป็นอย่างไร จะต้องดูว่าขึ้นราคาแอลพีจียานยนต์แล้วจะทำให้ความต้องการใช้ชะลอลงหรือไม่ นอกจากนี้ การขึ้นอัตราภาษีดีเซลซึ่งจะสิ้นสุดระยะเวลาการขึ้นภาษีในสิ้นปีนี้หากขึ้นรอบเดียวกว่า5 บาทต่อลิตร ก็อาจจะมีผลทำให้การใช้แอลพีจีปรับสูงขึ้นมากเช่นกัน เพราะอัตราการขึ้นราคาแอลพีจีนับว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมัน" นายณัฐชาติ กล่าว
สำหรับการขยายคลังรับแอลพีจีเฟสแรก ปตท.จะก่อสร้างคลังรับก๊าซในพื้นที่เดิมคือ คลังก๊าซฯ บ้านโรงโป๊ะ จังหวัดชลบุรี โดยจะเร่งดำเนินการให้รวดเร็วที่สุดคาดก่อสร้างเสร็จสิ้นในปี 2558 จะลงทุน 1.2- 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้สามารถรองรับการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มจาก 1.3 แสนตันต่อปี เป็น 2.5 แสนตันต่อปี อย่างไรก็ตาม การลงทุนส่วนนี้ ปตท. ไม่ได้ประโยชน์เชิงธุรกิจแต่เป็นการลงทุนเพื่อสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ดังนั้น จึงเสนอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาเรื่องผลตอบแทนการลงทุน โดยคำนวณเบื้องต้นต้นทุนการก่อสร้างเท่ากับราคาแอลพีจี 1 บาท/กก.ดังนั้น แนวทางอาจจะขึ้นราคาแอลพีจีต้นทุนระยะยาว ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากนัก.
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 10
ดมแก๊ซไม่ไหวครับ เครื่องพังเร็ว รวนบ่่อย
ทางที่ดีเน้นรถ ที่ซีซีสัก 1500-1800 พอละครับ ตอนนี้ผมก้ใช้ 1.8
ถ้าต้องขับรถ3.0 แต่ต้องเอามาติดแก๊ซ คงไม่ไหว
รถมันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แก๊ซ
ทางที่ดีเน้นรถ ที่ซีซีสัก 1500-1800 พอละครับ ตอนนี้ผมก้ใช้ 1.8
ถ้าต้องขับรถ3.0 แต่ต้องเอามาติดแก๊ซ คงไม่ไหว
รถมันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แก๊ซ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 11
เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯค้านขึ้นราคาLPG
Source - สยามรัฐ (Th), Tuesday, December 13, 2011
เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯ ถกค้านรัฐบาลขึ้นค่าแก๊ส LPG และ NGV หวั่นซ้ำเติมความเดือดร้อนหลังน้ำท่วมหนักวอนทบทวนและชะลอการปรับราคาเตรียมร่อนหนังสือถึงนายกฯพิจารณาใหม่
กทม.: นายวิฑูรย์ แนวพานิชประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร และประธานกรรมการดำเนินการชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวภายหลังการประชุม กำหนดมาตรการคัดค้านการปรับขึ้นราคาแก๊ส LPG, NGV ว่าตามที่มีมติคณะรัฐมนตรี มีมติปรับขึ้นราคาแก๊ส LPG เดือนละ 40 สตางค์ต่อลิตร, NGV เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยมีผลเริ่มตั้งแต่ 16 มกราคม2555 เป็นต้นไปนั้น ซึ่งมติดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างมากในวงกว้าง ต่อผู้ประกอบการ คนขับแท็กซี่ รถยนต์รับจ้างสามล้อเครื่อง สี่ล้อเล็ก และการปรับราคาขึ้นดังกล่าว จะทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่แทบจะไม่มีรายได้เหลือจากการขับรถถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยอย่างมาก โดยในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา มีอู่แท็กซี่จำนวนมากถูกน้ำท่วมรถแท็กซี่จมน้ำเสียหาย และยังมีข้อจำกัดเรื่องถนน ทำให้สูญเสียรายได้จึงอยากให้รัฐบาลชะลอปรับขึ้นราคาพลังงานทั้ง 2 ชนิด ออกไปอีก 1 ปี และเมื่อครบกำหนดขอให้เปิดเวทีสาธารณะเชิญทุกฝ่ายมาให้ความเห็นต่อราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะควรมีตัวแทนจากภาคแท็กซี่ ผู้ขับรถรับจ้าง ผู้ที่เป็นลูกค้าหลักของ ปตท. เข้าร่วมในการกำหนดอัตราการขึ้นราคาเพราะจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด
ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เครือข่ายจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงานและผู้บริหาร ปตท. ภายในหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ทราบจุดยืนดังกล่าว และต้องการให้รัฐบาลชี้แจงความชัดเจนของมาตรการภายในสิ้นปีนี้ แต่หากต้นปีหน้ารัฐบาลยังยืนยันจะปรับขึ้นราคาจนผู้ประกอบการไม่สามารถรอดอยู่ได้ ก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมปิดถนนแต่หวังว่าจะเป็นมาตรการสุดท้าย เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการปิดถนน
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯ ได้หารือและกำหนดมาตรการคัดค้านการปรับขึ้นราคาแก๊สโดยมีมติร่วมกันดังนี้ 1. ทบทวนการขึ้นราคา โดยให้ใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่การปรับขึ้นราคาแก๊ส 2. ปรับปรุงด้านการบริการให้เพียงพอต่อความต้องการโดยไม่ต้องจอดรอคิวซึ่งเสียเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง3. ให้ประกาศยกเลิกการปรับขึ้นราคาภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และ 4. ยื่นหนังสือต่อ รมว.พลังงาน ไม่ให้ปรับขึ้นราคาแก๊ส--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Source - สยามรัฐ (Th), Tuesday, December 13, 2011
เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯ ถกค้านรัฐบาลขึ้นค่าแก๊ส LPG และ NGV หวั่นซ้ำเติมความเดือดร้อนหลังน้ำท่วมหนักวอนทบทวนและชะลอการปรับราคาเตรียมร่อนหนังสือถึงนายกฯพิจารณาใหม่
กทม.: นายวิฑูรย์ แนวพานิชประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร และประธานกรรมการดำเนินการชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวภายหลังการประชุม กำหนดมาตรการคัดค้านการปรับขึ้นราคาแก๊ส LPG, NGV ว่าตามที่มีมติคณะรัฐมนตรี มีมติปรับขึ้นราคาแก๊ส LPG เดือนละ 40 สตางค์ต่อลิตร, NGV เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยมีผลเริ่มตั้งแต่ 16 มกราคม2555 เป็นต้นไปนั้น ซึ่งมติดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างมากในวงกว้าง ต่อผู้ประกอบการ คนขับแท็กซี่ รถยนต์รับจ้างสามล้อเครื่อง สี่ล้อเล็ก และการปรับราคาขึ้นดังกล่าว จะทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่แทบจะไม่มีรายได้เหลือจากการขับรถถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยอย่างมาก โดยในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา มีอู่แท็กซี่จำนวนมากถูกน้ำท่วมรถแท็กซี่จมน้ำเสียหาย และยังมีข้อจำกัดเรื่องถนน ทำให้สูญเสียรายได้จึงอยากให้รัฐบาลชะลอปรับขึ้นราคาพลังงานทั้ง 2 ชนิด ออกไปอีก 1 ปี และเมื่อครบกำหนดขอให้เปิดเวทีสาธารณะเชิญทุกฝ่ายมาให้ความเห็นต่อราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะควรมีตัวแทนจากภาคแท็กซี่ ผู้ขับรถรับจ้าง ผู้ที่เป็นลูกค้าหลักของ ปตท. เข้าร่วมในการกำหนดอัตราการขึ้นราคาเพราะจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด
ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เครือข่ายจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงานและผู้บริหาร ปตท. ภายในหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ทราบจุดยืนดังกล่าว และต้องการให้รัฐบาลชี้แจงความชัดเจนของมาตรการภายในสิ้นปีนี้ แต่หากต้นปีหน้ารัฐบาลยังยืนยันจะปรับขึ้นราคาจนผู้ประกอบการไม่สามารถรอดอยู่ได้ ก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมปิดถนนแต่หวังว่าจะเป็นมาตรการสุดท้าย เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการปิดถนน
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯ ได้หารือและกำหนดมาตรการคัดค้านการปรับขึ้นราคาแก๊สโดยมีมติร่วมกันดังนี้ 1. ทบทวนการขึ้นราคา โดยให้ใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่การปรับขึ้นราคาแก๊ส 2. ปรับปรุงด้านการบริการให้เพียงพอต่อความต้องการโดยไม่ต้องจอดรอคิวซึ่งเสียเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง3. ให้ประกาศยกเลิกการปรับขึ้นราคาภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และ 4. ยื่นหนังสือต่อ รมว.พลังงาน ไม่ให้ปรับขึ้นราคาแก๊ส--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 12
LPG ครับ เผื่อออกต่างจังหวัด ปั๊ม LPG มีเยอะ, NGV ยังน้อยอยู่
ผมขับรถยุโรปติด LPG ระบบหัวฉีดมาหลายปีแล้ว ไม่พัง ไม่รวน ครับ
ส่วนราคา LPG ก็ตามพี่ๆด้านบน
ผมขับรถยุโรปติด LPG ระบบหัวฉีดมาหลายปีแล้ว ไม่พัง ไม่รวน ครับ
ส่วนราคา LPG ก็ตามพี่ๆด้านบน
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 13
แท็กซี่ขู่กดมิเตอร์50บาท พิชัยแบะท่ายืดลอยตัวเอ็นจีวี [ ข่าวสด, 15 ธ.ค. 54 ]
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า
กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555 ตามมติที่
ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมกพช.
เห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงสิ้นปี 2555 หรือเพิ่มขึ้นอีก
6 บาท จากปัจจุบันราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า
กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555 ตามมติที่
ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมกพช.
เห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงสิ้นปี 2555 หรือเพิ่มขึ้นอีก
6 บาท จากปัจจุบันราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 14
LPG ที่บอกว่าใช้แล้วเครื่องรวนมันแล้วแต่แจ๊คพอตมั้งครับ
บ้านผมใช้มาสี่ปียังไม่เห็นพังมีแต่บางครั้งถ้ามันกินแก๊สก็ต้องไปจูนแค่นั้นเองครับ
บ้านผมใช้มาสี่ปียังไม่เห็นพังมีแต่บางครั้งถ้ามันกินแก๊สก็ต้องไปจูนแค่นั้นเองครับ
"สุขใดยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี"
- kkwon
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 16
เห็นด้วยครับ ตั้งแต่ติดมาวิ่งมาเกิน 100000 โลแล้วครับ จริงๆสถานที่ติดตั้งดีๆsakana_sushi เขียน:LPG ที่บอกว่าใช้แล้วเครื่องรวนมันแล้วแต่แจ๊คพอตมั้งครับ
บ้านผมใช้มาสี่ปียังไม่เห็นพังมีแต่บางครั้งถ้ามันกินแก๊สก็ต้องไปจูนแค่นั้นเองครับ
มันก็ช่วยได้มากครับ พวกที่ร้านที่เปิดมารับติดตั้งใหม่ๆไม่ควรเข้าไปลองเพราะอาจอยู่ได้ไม่นาน จริงๆเลือกร้านที่อยู่มานานหรือติดแท๊กซี่มาเยอะๆ ช่วยได้มากครับ แล้วคุณจะรู้ว่าเวลาระยะทำการของคุณไกลขึ้นส่งผลต่อความสุข
ในการเดินทางอย่างแน่นอน
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 17
อ่วม! ขนส่ง-แท็กซี ขึนราคารถเมล์แห่ตาม/NGV-LPG ปรับแน่หยุดบิดเบือนตลาด
Source - สยามธุรกิจ (Th), Wednesday, December 21, 2011
สยามธุรกิจ >> รัฐบาลแจกของขวัญปีใหม่คนไทย ดีเดย์เดินหน้า 16 ม.ค. 2555 ปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG หวังปรับโครงสร้างพลังงานให้เป็นธรรมเพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันฯ บักโกรกและภาระต้นทุนที่ทำให้ปตท.แบกหนี้อยู่กว่า 3.1 หมื่นล้าน “แท็กซี่-รถบรรทุก-รถร่วมขสมก.” ร้องจ๊ากได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ผู้ประกอบการแท็กซี่ขอปรับขึ้นมิเตอร์เริ่มต้น 50 บาท ขณะที่รถเมล์จ่อเรียงหน้าขึ้นราคาทั้งรถเมล์และรถร้อน 16 มกราคม 2555 หลังฉลองปีใหม่ประชาชนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยายนต์ (NGV) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคขนส่งต้องควักกระเป๋าเพิ่ม เพราะกระทรวงพลังงานได้ฤกษ์ขยับราคาขึ้นตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ไฟเขียวให้ปรับขึ้นราคา NGV จากปัจจุบัน 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 9 บาทต่อกิโลกรัม และจะปรับเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัมจนถึงสิ้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าเติมก๊าซ NGV ขยับขึ้นสูงสุดเป็น 14.50 บาทต่อกิโลกรัม
เช่นเดียวกับ LPG ภาคขนส่งก็จะปรับราคาขายปลีกขึ้นพร้อมกัน 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือ 41 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ราคา LPG ขยับขึ้นจากลิตรละ 8 บาท เป็นลิตรละ 8.41 บาท และปรับขึ้นทุกๆ เดือน ทำให้สิ้นปีราคา LPG จะขยับขึ้นไปอีกลิตรละ 4.92 บาท
การปรับโครงสร้างราคาก๊าซทั้ง NGV และ LPG ครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้โครงสร้างราคาพลังงานไม่บิดเบือนและเป็นไปตามกลไลตลาด โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หวังว่าจะช่วยพยุงฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีตัวเลขกลับมาบวกอยู่ที่ 3,877 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ติดลบอยู่ประมาณ 12,000 ล้านบาท เพราะต้องนำเงินไปจ่ายชดเชยการนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศเดือนละ 2,000-3,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระปตท. ที่แบกรับภาระต้นทุน NGV อยู่เฉลี่ยกว่า 15 บาทต่อกิโลกรัม จนทำให้มีหนี้สะสมแล้ว 31,000 ล้านบาท และถ้าหากไม่มีการขยับราคาครั้งนี้จะทำให้ปตท.มีหนี้สะสมเพิ่มขึ้นอีก 15,000 ล้านบาท
โดยนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยกับ สยามธุรกิจิว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ครั้งนี้ถ้ามองในแง่ดีจะเป็นผลดีกับประเทศไทยในภาพรวม เพราะไม่ต้องนำเงินจากกองทุนน้ำมัฯไปอุดหนุนส่วนต่างต้นทุนที่นำเข้า LPG จากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาจะหักเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปช่วยเหลือ หลังจากยกเลิกวิธีนี้ไปแล้ว แต่กองทุนน้ำมันฯยังมีภาระในส่วนนี้ทำให้มีตัวเลขติดลบมากถึง 12,000 ล้านบาท สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.) จึงเตรียมต้องขอกู้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ถ้าเงินก้อนนี้หมดอีกก็ต้องขอกู้เพิ่มอีก เมื่อมีการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งคาดว่าจะมีเงินไหลเข้ามากองทุนน้ำมันฯ ทำให้รัฐบาลไม่ต้องเข้าไปรับภาระในส่วนนี้
ส่วนข้อเสียที่ตามมาจะทำให้ประชาชนที่ใช้ก๊าซ LPG จะต้องจ่ายค่าเติมก๊าซมากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมกับผู้ที่เติมน้ำมันไม่ต้องถูกเก็บภาษีเพื่อไปช่วยเหลือคนใช้ LPG เหมือนที่ผ่านมา
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV โดยผู้ประกอบการแท็กซี่จะปรับปรับค่าโดยสารเริ่มต้นจาก 35 บาทเป็น 50 นั้นตนมองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและเป็นการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการที่ผลักภาระไปให้ผู้บริโภค เพราะสาเหตุหลักมาจากปริมาณรถแท็กซี่มีมากถึง 70,000-80,000 คันจากที่ปริมาณที่เหมาะสมควรจะอยู่ประมาณ 30,000-50,000 คัน
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคขนส่งตนมองว่า ผู้ประกอบการการควรปรับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซทำให้เครือขายสหกรณ์ผู้ประกอบการเดินรถแห่งประเทศไทยออกมาคัดค้านการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV โดยขู่จะปรับขึ้นค่าโดยสารเริ่มต้นจาก 35 บาท เป็น 50 บาท พร้อมกับเตรียมจะยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายและเงื่อนไขต่างๆ โครงการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตพลังงาน เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่แรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้ขับขี่สาธารณะเข้าร่วมโครงการ
เช่นเดียวกับทางกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุก 16 สมาคมฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคา NGV ก็ออกมาเคลื่อนไหว โดยนายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ประกอบการขนส่งจะเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการปรับขึ้นราคา NGV เนื่องจากต้นทุนเนื้อก๊าซของ ปตท.ไม่ได้ปรับสูงขึ้น หรือลดลงตามราคาก๊าซในตลาดโลก เนื่องจาก ปตท.สำรวจและขุดเจาะก๊าซเอง ดังนั้น จึงควรคงราคาขายส่งเนื้อก๊าซหน้าปั๊มไว้ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมตามเดิม และหากมีการปรับเพิ่มควรปรับเฉพาะในส่วนของค่าขนส่ง เพราะสาเหตุที่ทำให้ ปตท.ขาดทุน
ด้านนายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน กล่าวว่า หากรัฐบาลขึ้นราคา NGV โดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ แก่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะต้องขอขึ้นราคาค่าโดยสาร 2 บาททันที ส่งผลให้ค่าโดยสารรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) เพิ่มเป็น 10 บาท จาก 8 บาทตลอดสาย ส่วนรถปรับอากาศจะเพิ่มขึ้นระยะละ 2 บาท เนื่องจากปัจจุบันรถโดยสารร่วมขสมก. จำนวน3,600 คัน ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงทั้งหมดแล้ว
ปัจจุบันรถร้อน มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงเดือนละ 30,000-40,000 บาทต่อคัน ส่วนรถปรับอากาศอยู่ที่เดือนละ 50,000 บาทต่อคัน และหลังหลังจากเปลี่ยนใช้เชื้อเพลิง NGV ทำให้สิ้นเปลืองกว่าน้ำมันดีเซลถึง 40% ไม่เพียงเท่านั้นค่าซ่อมบำรุงของเครื่องยนต์ใช้ NGV ก็สูงกว่าการใช้น้ำมัน รวมทั้งเสียเวลาเติมเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2 ครั้ง เป็น 3-4 ชั่วโมง
ขณะที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ถ้าหากผู้ประกอบการต้องการปรับขึ้นราคาเริ่มต้นมิเตอร์ก็สามารถทำเรื่องเสนอเข้ามายังกรมขนส่งทางบก ถ้าหากกรมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า แท็กซี่มีภาระต้นทุนการประกอบการเพิ่มขึ้นจากราคาก๊าซปรับสูงขึ้นจริงก็อาจมีความจำเป็นให้แท็กซี่ปรับขึ้นราคามิเตอร์ได้--จบ--
--สยามธุรกิจฉบับวันที่ 21 - 23 ธ.ค. 2554--
Source - สยามธุรกิจ (Th), Wednesday, December 21, 2011
สยามธุรกิจ >> รัฐบาลแจกของขวัญปีใหม่คนไทย ดีเดย์เดินหน้า 16 ม.ค. 2555 ปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG หวังปรับโครงสร้างพลังงานให้เป็นธรรมเพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันฯ บักโกรกและภาระต้นทุนที่ทำให้ปตท.แบกหนี้อยู่กว่า 3.1 หมื่นล้าน “แท็กซี่-รถบรรทุก-รถร่วมขสมก.” ร้องจ๊ากได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ผู้ประกอบการแท็กซี่ขอปรับขึ้นมิเตอร์เริ่มต้น 50 บาท ขณะที่รถเมล์จ่อเรียงหน้าขึ้นราคาทั้งรถเมล์และรถร้อน 16 มกราคม 2555 หลังฉลองปีใหม่ประชาชนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยายนต์ (NGV) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคขนส่งต้องควักกระเป๋าเพิ่ม เพราะกระทรวงพลังงานได้ฤกษ์ขยับราคาขึ้นตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ไฟเขียวให้ปรับขึ้นราคา NGV จากปัจจุบัน 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 9 บาทต่อกิโลกรัม และจะปรับเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัมจนถึงสิ้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าเติมก๊าซ NGV ขยับขึ้นสูงสุดเป็น 14.50 บาทต่อกิโลกรัม
เช่นเดียวกับ LPG ภาคขนส่งก็จะปรับราคาขายปลีกขึ้นพร้อมกัน 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือ 41 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ราคา LPG ขยับขึ้นจากลิตรละ 8 บาท เป็นลิตรละ 8.41 บาท และปรับขึ้นทุกๆ เดือน ทำให้สิ้นปีราคา LPG จะขยับขึ้นไปอีกลิตรละ 4.92 บาท
การปรับโครงสร้างราคาก๊าซทั้ง NGV และ LPG ครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้โครงสร้างราคาพลังงานไม่บิดเบือนและเป็นไปตามกลไลตลาด โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หวังว่าจะช่วยพยุงฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีตัวเลขกลับมาบวกอยู่ที่ 3,877 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ติดลบอยู่ประมาณ 12,000 ล้านบาท เพราะต้องนำเงินไปจ่ายชดเชยการนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศเดือนละ 2,000-3,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระปตท. ที่แบกรับภาระต้นทุน NGV อยู่เฉลี่ยกว่า 15 บาทต่อกิโลกรัม จนทำให้มีหนี้สะสมแล้ว 31,000 ล้านบาท และถ้าหากไม่มีการขยับราคาครั้งนี้จะทำให้ปตท.มีหนี้สะสมเพิ่มขึ้นอีก 15,000 ล้านบาท
โดยนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยกับ สยามธุรกิจิว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ครั้งนี้ถ้ามองในแง่ดีจะเป็นผลดีกับประเทศไทยในภาพรวม เพราะไม่ต้องนำเงินจากกองทุนน้ำมัฯไปอุดหนุนส่วนต่างต้นทุนที่นำเข้า LPG จากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาจะหักเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปช่วยเหลือ หลังจากยกเลิกวิธีนี้ไปแล้ว แต่กองทุนน้ำมันฯยังมีภาระในส่วนนี้ทำให้มีตัวเลขติดลบมากถึง 12,000 ล้านบาท สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.) จึงเตรียมต้องขอกู้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ถ้าเงินก้อนนี้หมดอีกก็ต้องขอกู้เพิ่มอีก เมื่อมีการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งคาดว่าจะมีเงินไหลเข้ามากองทุนน้ำมันฯ ทำให้รัฐบาลไม่ต้องเข้าไปรับภาระในส่วนนี้
ส่วนข้อเสียที่ตามมาจะทำให้ประชาชนที่ใช้ก๊าซ LPG จะต้องจ่ายค่าเติมก๊าซมากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมกับผู้ที่เติมน้ำมันไม่ต้องถูกเก็บภาษีเพื่อไปช่วยเหลือคนใช้ LPG เหมือนที่ผ่านมา
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV โดยผู้ประกอบการแท็กซี่จะปรับปรับค่าโดยสารเริ่มต้นจาก 35 บาทเป็น 50 นั้นตนมองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและเป็นการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการที่ผลักภาระไปให้ผู้บริโภค เพราะสาเหตุหลักมาจากปริมาณรถแท็กซี่มีมากถึง 70,000-80,000 คันจากที่ปริมาณที่เหมาะสมควรจะอยู่ประมาณ 30,000-50,000 คัน
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคขนส่งตนมองว่า ผู้ประกอบการการควรปรับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซทำให้เครือขายสหกรณ์ผู้ประกอบการเดินรถแห่งประเทศไทยออกมาคัดค้านการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV โดยขู่จะปรับขึ้นค่าโดยสารเริ่มต้นจาก 35 บาท เป็น 50 บาท พร้อมกับเตรียมจะยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายและเงื่อนไขต่างๆ โครงการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตพลังงาน เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่แรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้ขับขี่สาธารณะเข้าร่วมโครงการ
เช่นเดียวกับทางกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุก 16 สมาคมฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคา NGV ก็ออกมาเคลื่อนไหว โดยนายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ประกอบการขนส่งจะเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการปรับขึ้นราคา NGV เนื่องจากต้นทุนเนื้อก๊าซของ ปตท.ไม่ได้ปรับสูงขึ้น หรือลดลงตามราคาก๊าซในตลาดโลก เนื่องจาก ปตท.สำรวจและขุดเจาะก๊าซเอง ดังนั้น จึงควรคงราคาขายส่งเนื้อก๊าซหน้าปั๊มไว้ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมตามเดิม และหากมีการปรับเพิ่มควรปรับเฉพาะในส่วนของค่าขนส่ง เพราะสาเหตุที่ทำให้ ปตท.ขาดทุน
ด้านนายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน กล่าวว่า หากรัฐบาลขึ้นราคา NGV โดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ แก่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะต้องขอขึ้นราคาค่าโดยสาร 2 บาททันที ส่งผลให้ค่าโดยสารรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) เพิ่มเป็น 10 บาท จาก 8 บาทตลอดสาย ส่วนรถปรับอากาศจะเพิ่มขึ้นระยะละ 2 บาท เนื่องจากปัจจุบันรถโดยสารร่วมขสมก. จำนวน3,600 คัน ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงทั้งหมดแล้ว
ปัจจุบันรถร้อน มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงเดือนละ 30,000-40,000 บาทต่อคัน ส่วนรถปรับอากาศอยู่ที่เดือนละ 50,000 บาทต่อคัน และหลังหลังจากเปลี่ยนใช้เชื้อเพลิง NGV ทำให้สิ้นเปลืองกว่าน้ำมันดีเซลถึง 40% ไม่เพียงเท่านั้นค่าซ่อมบำรุงของเครื่องยนต์ใช้ NGV ก็สูงกว่าการใช้น้ำมัน รวมทั้งเสียเวลาเติมเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2 ครั้ง เป็น 3-4 ชั่วโมง
ขณะที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ถ้าหากผู้ประกอบการต้องการปรับขึ้นราคาเริ่มต้นมิเตอร์ก็สามารถทำเรื่องเสนอเข้ามายังกรมขนส่งทางบก ถ้าหากกรมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า แท็กซี่มีภาระต้นทุนการประกอบการเพิ่มขึ้นจากราคาก๊าซปรับสูงขึ้นจริงก็อาจมีความจำเป็นให้แท็กซี่ปรับขึ้นราคามิเตอร์ได้--จบ--
--สยามธุรกิจฉบับวันที่ 21 - 23 ธ.ค. 2554--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 18
ปตท.บางจากสำรองรับปีใหม่ ขึ้นแอลพีจีขนส่ง41สต./ลิตร
Source - เดลินิวส์ (Th), Thursday, December 29, 2011
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปตท.จะไม่ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเนื่องจากต้องการให้ประชาชนได้เดินทางไปท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติสำหรับยานยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน
"ส่วนราคาน้ำมันในปีนี้ถือว่ายืนอยู่ระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยน้ำมันดิบดูไบคาดปิดตลาดที่ 106-107 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตลาดเวสต์เท็กซัสปิดที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในปีนี้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแตะระดับ 15-16 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นผลจากสึนามิในญี่ปุ่นทำให้มีความต้องการใชก๊าซแอลเอ็นจีในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบางจากได้ประกาศที่จะไม่ปรับขึ้นราคานั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่จนไปถึงวันที่ 3 ม.ค. 55 เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโนบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งเดือนละ 41 สต.ต่อลิตร หรือ 75 สต. ต่อกก. มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 55 เพื่อลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมทั้งให้เก็บเงินแอลพีจีในภาคปิโตรเคมีอีก 1 บาทต่อกก. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคาน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 หน้าโรงกลั่นในส่วนของน้ำมันดีเซลอีก 43 สต.ต่อลิตร และ เบนซิน 48 สต.ต่อลิตร คาดว่าปั๊มน้ำมันจะสามารถนำน้ำมันยูโร 4 มาจำหน่ายให้ประชาชนได้ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 55.
--จบ--
Source - เดลินิวส์ (Th), Thursday, December 29, 2011
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปตท.จะไม่ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเนื่องจากต้องการให้ประชาชนได้เดินทางไปท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติสำหรับยานยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน
"ส่วนราคาน้ำมันในปีนี้ถือว่ายืนอยู่ระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยน้ำมันดิบดูไบคาดปิดตลาดที่ 106-107 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตลาดเวสต์เท็กซัสปิดที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในปีนี้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแตะระดับ 15-16 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นผลจากสึนามิในญี่ปุ่นทำให้มีความต้องการใชก๊าซแอลเอ็นจีในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบางจากได้ประกาศที่จะไม่ปรับขึ้นราคานั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่จนไปถึงวันที่ 3 ม.ค. 55 เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโนบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งเดือนละ 41 สต.ต่อลิตร หรือ 75 สต. ต่อกก. มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 55 เพื่อลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมทั้งให้เก็บเงินแอลพีจีในภาคปิโตรเคมีอีก 1 บาทต่อกก. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคาน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 หน้าโรงกลั่นในส่วนของน้ำมันดีเซลอีก 43 สต.ต่อลิตร และ เบนซิน 48 สต.ต่อลิตร คาดว่าปั๊มน้ำมันจะสามารถนำน้ำมันยูโร 4 มาจำหน่ายให้ประชาชนได้ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 55.
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 19
ขนส่งฯผนึก7เครือข่ายก่อม็อบ9ม.ค.
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Thursday, December 29, 2011
สหพันธ์การขนส่งทางบกผนึกผู้ประกอบการ 7 เครือข่าย นัดชุมนุม 9 ม.ค.55 คัดค้านการปรับราคาเอ็นจีวี เตรียมนำรถบรรทุก-รถโดยสาร-แท็กซี่ กว่า 1 หมื่นคัน ล้อมปตท.และกระทรวงพลังงาน ชี้การปรับราคาไม่เป็นธรรม ดันต้นทุนพุ่ง อัดปตท.อ้างขาดทุนแต่ไม่ยอมแสดงสินทรัพย์กว่า 4 หมื่นล้านบาท แถมมีรายได้จากค่าขนส่งเอ็นจีวีกว่า 6 พันล้านบาทช่วง 6 ปี "พิชัย" นัดหารือผู้ประกอบการ 12 ม.ค.55
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สหพันธ์ฯได้ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง 7 เครือข่าย คัดค้านกรณีที่กระทรวงพลังงานจะปรับราคาเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2555-เดือนธ.ค. 2555 รวม 12 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้นลิตรละ 6 บาท คิดเป็น 70% ของราคาปัจจุบัน เพราะเป็นการปรับราคาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งจะกระทบต้นทุนผู้ประกอบการขนส่งอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 ม.ค. 2555 ผู้ประกอบการขนส่งได้นัดชุมนุมที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต โดยคาดว่าจะมีรถบรรทุก รถโดยสารร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถแท็กซี่กว่า 10,000 คัน เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมวางแผนว่าจะนำรถบรรทุกในต่างจังหวัดเข้ามาพื้นที่กรุงเทพฯเส้นทางใดบ้าง ระหว่างทางหลวงสายหลัก 4 เส้นทาง หรือจะใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเส้นทางเดียว
ปตท.มีรายได้ค่าขนส่งปีละพันล้าน
สาเหตุที่ผู้ประกอบการเห็นว่าการปรับราคาเอ็นจีวีไม่เป็นธรรม เพราะปตท.ระบุว่าขาดทุนจากการจำหน่ายเอ็นจีวี แต่ปตท.ไม่ได้แสดงสินทรัพย์รวมเป็นเงินประมาณ 44,550 ล้านบาท แบ่งเป็นสถานีบริการเอ็นจีวี 312 แห่ง มูลค่า 24,960 ล้านบาท สถานีแม่ 19 แห่ง มูลค่า 7,600 ล้านบาท และรถขนส่งก๊าซเอ็นจีวี 1,199 คัน มูลค่า 11,990 ล้านบาท หากปตท.แสดงสินทรัพย์เหล่านี้ก็จะไม่ประสบปัญหาขาดทุนจากการจำหน่ายเอ็นจีวี
นอกจากนั้น ปตท.ยังขายเอ็นจีวีในต่างจังหวัดที่ราคาลิตรละ 10.34 บาท ขณะที่ราคาเอ็นจีวีในกรุงเทพฯลิตรละ 8.50 บาท หรือสูงกว่าลิตร 1.84 บาท ซึ่งปตท.มีรายได้จากค่าขนส่งสำหรับรถบรรทุก และรถโดยสารขนาดใหญ่ในต่างจังหวัดตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา คิดเป็นเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท
ปตท.ไม่จริงใจในการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี ไม่ยอมแสดงสินทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท บอกแต่ว่าขาดทุน ซึ่งอาจเป็นแค่การขาดทุนกระเป๋าซ้าย แต่กำไรอยู่กระเป๋าขวาก็เป็นได้ ยืนยันว่าสัปดาห์หน้า สมาชิกทั้งหมดจะนัดชุมนุมเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนอีกครั้ง และวันที่ 9 ม.ค.2555 จะเดินทางไปปตท.และกระทรวงพลังงานแน่นอนนายยู กล่าว
ชี้บัตรเครดิตพลังงานหลุมพรางแท็กซี่
ด้าน นายบุญเสริม สมพงษ์ ผู้ประกอบการแท็กซี่ กล่าวว่า บัตรเครดิตพลังงานเป็นหลุมพรางให้แท็กซี่ติดกับดัก เพราะเงื่อนไขระบุว่า กระทรวงพลังงานจะอุดหนุนราคาเอ็นจีวีในกรณีที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 2 บาท จากลิตรละ 8.50 บาท แต่ถ้าราคาเอ็นจีวีปรับเพิ่มเกินลิตรละ 2 บาท ผู้ประกอบการแท็กซี่จะต้องรับภาระเอง ขณะที่นโยบายรัฐบาลจะปรับราคาเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นถึงลิตรละ 6 บาท ผู้ประกอบการจึงต้องแบกรับภาระส่วนต่างลิตรละ 4 บาท
พิชัยนัดหารือผู้ประกอบการ 12 ม.ค.
ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงฯจะปรับราคาเอ็นจีวีตามกำหนดเดิมคือวันที่ 16 ม.ค.2555 โดยจะไม่ชะลอหรือทบทวนการปรับราคาแน่นอน โดยในวันที่ 12 ม.ค. 2555 จะหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งอีกครั้ง เพื่อรับฟังข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงฯได้หารือกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งและเจรจากันแล้วหลายครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นกลุ่มผู้ประกอบการยอมรับการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีในอัตราไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการได้เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีในการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก การปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีในอัตราที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซล น่าจะเป็นอัตราที่ผู้ประกอบการรับภาระได้
โครงการบัตรเครดิตพลังงานนั้น จากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีรถแท็กซี่เข้าร่วมโครงการ 20,000 ราย จากผู้มีสิทธิจำนวน 60,000 ราย โดยกระทรวงฯได้ปรับปรุงเงื่อนไขการใช้บัตร โดยให้ส่วนลด 2 บาทต่อกก.ให้กับรถโดยสารเพิ่มเป็นเดือนละ 9,000 บาท จากเดือนละ 6,000 บาท
ยันปรับราคาแอลพีจี-เอ็นจีวีตามแผน
ด้าน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2555 แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะปรับเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ส่วนแอลพีจีในภาคขนส่งจะปรับราคาเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.75 บาทต่อกก. ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555 จนกว่าจะสะท้อนต้นทุนตลาดโลก ส่วนแอลพีจีภาคครัวเรือนจะตรึงราคาจนถึงสิ้นปี 2555 ขณะที่ราคาเอ็นจีวีจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก.ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555
ที่ผ่านมา กรมฯ ได้หารือกับผู้ประกอบการขนส่งและรถโดยสารแล้วหลายครั้งในคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา ซึ่งเป็นคนกลางในการหารือ และพบว่าในภาพนั้นหลายฝ่ายค่อนข้างเห็นด้วยกับการปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขณะที่กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนค่าโดยสารของรถโดยสารสาธารณะ ส่วนขั้นตอนก่อนการปรับราคานั้น จะต้องเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) อีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค. 2555 และต้องดำเนินการตรวจสอบสต็อกต่อไป
ยืนยันว่าต้นทุนเอ็นจีวีอยู่ที่กิโลกรัมละ 15.58 บาท แบ่งเป็นราคาก๊าซฯ กิโลกรัมละ 9 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกิโลกรัมละ 5.56 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ส่วนต้นทุนแอลพีจีอยู่ที่กิโลกรัมละ 23.80 บาท นายสุเทพ กล่าว
"ปตท.ไม่จริงใจในการปรับราคาเอ็นจีวีบอกแต่ว่าขาดทุน"
--จบ--
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Thursday, December 29, 2011
สหพันธ์การขนส่งทางบกผนึกผู้ประกอบการ 7 เครือข่าย นัดชุมนุม 9 ม.ค.55 คัดค้านการปรับราคาเอ็นจีวี เตรียมนำรถบรรทุก-รถโดยสาร-แท็กซี่ กว่า 1 หมื่นคัน ล้อมปตท.และกระทรวงพลังงาน ชี้การปรับราคาไม่เป็นธรรม ดันต้นทุนพุ่ง อัดปตท.อ้างขาดทุนแต่ไม่ยอมแสดงสินทรัพย์กว่า 4 หมื่นล้านบาท แถมมีรายได้จากค่าขนส่งเอ็นจีวีกว่า 6 พันล้านบาทช่วง 6 ปี "พิชัย" นัดหารือผู้ประกอบการ 12 ม.ค.55
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สหพันธ์ฯได้ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง 7 เครือข่าย คัดค้านกรณีที่กระทรวงพลังงานจะปรับราคาเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2555-เดือนธ.ค. 2555 รวม 12 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้นลิตรละ 6 บาท คิดเป็น 70% ของราคาปัจจุบัน เพราะเป็นการปรับราคาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งจะกระทบต้นทุนผู้ประกอบการขนส่งอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 ม.ค. 2555 ผู้ประกอบการขนส่งได้นัดชุมนุมที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต โดยคาดว่าจะมีรถบรรทุก รถโดยสารร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถแท็กซี่กว่า 10,000 คัน เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมวางแผนว่าจะนำรถบรรทุกในต่างจังหวัดเข้ามาพื้นที่กรุงเทพฯเส้นทางใดบ้าง ระหว่างทางหลวงสายหลัก 4 เส้นทาง หรือจะใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเส้นทางเดียว
ปตท.มีรายได้ค่าขนส่งปีละพันล้าน
สาเหตุที่ผู้ประกอบการเห็นว่าการปรับราคาเอ็นจีวีไม่เป็นธรรม เพราะปตท.ระบุว่าขาดทุนจากการจำหน่ายเอ็นจีวี แต่ปตท.ไม่ได้แสดงสินทรัพย์รวมเป็นเงินประมาณ 44,550 ล้านบาท แบ่งเป็นสถานีบริการเอ็นจีวี 312 แห่ง มูลค่า 24,960 ล้านบาท สถานีแม่ 19 แห่ง มูลค่า 7,600 ล้านบาท และรถขนส่งก๊าซเอ็นจีวี 1,199 คัน มูลค่า 11,990 ล้านบาท หากปตท.แสดงสินทรัพย์เหล่านี้ก็จะไม่ประสบปัญหาขาดทุนจากการจำหน่ายเอ็นจีวี
นอกจากนั้น ปตท.ยังขายเอ็นจีวีในต่างจังหวัดที่ราคาลิตรละ 10.34 บาท ขณะที่ราคาเอ็นจีวีในกรุงเทพฯลิตรละ 8.50 บาท หรือสูงกว่าลิตร 1.84 บาท ซึ่งปตท.มีรายได้จากค่าขนส่งสำหรับรถบรรทุก และรถโดยสารขนาดใหญ่ในต่างจังหวัดตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา คิดเป็นเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท
ปตท.ไม่จริงใจในการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี ไม่ยอมแสดงสินทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท บอกแต่ว่าขาดทุน ซึ่งอาจเป็นแค่การขาดทุนกระเป๋าซ้าย แต่กำไรอยู่กระเป๋าขวาก็เป็นได้ ยืนยันว่าสัปดาห์หน้า สมาชิกทั้งหมดจะนัดชุมนุมเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนอีกครั้ง และวันที่ 9 ม.ค.2555 จะเดินทางไปปตท.และกระทรวงพลังงานแน่นอนนายยู กล่าว
ชี้บัตรเครดิตพลังงานหลุมพรางแท็กซี่
ด้าน นายบุญเสริม สมพงษ์ ผู้ประกอบการแท็กซี่ กล่าวว่า บัตรเครดิตพลังงานเป็นหลุมพรางให้แท็กซี่ติดกับดัก เพราะเงื่อนไขระบุว่า กระทรวงพลังงานจะอุดหนุนราคาเอ็นจีวีในกรณีที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 2 บาท จากลิตรละ 8.50 บาท แต่ถ้าราคาเอ็นจีวีปรับเพิ่มเกินลิตรละ 2 บาท ผู้ประกอบการแท็กซี่จะต้องรับภาระเอง ขณะที่นโยบายรัฐบาลจะปรับราคาเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นถึงลิตรละ 6 บาท ผู้ประกอบการจึงต้องแบกรับภาระส่วนต่างลิตรละ 4 บาท
พิชัยนัดหารือผู้ประกอบการ 12 ม.ค.
ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงฯจะปรับราคาเอ็นจีวีตามกำหนดเดิมคือวันที่ 16 ม.ค.2555 โดยจะไม่ชะลอหรือทบทวนการปรับราคาแน่นอน โดยในวันที่ 12 ม.ค. 2555 จะหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งอีกครั้ง เพื่อรับฟังข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงฯได้หารือกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งและเจรจากันแล้วหลายครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นกลุ่มผู้ประกอบการยอมรับการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีในอัตราไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการได้เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีในการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก การปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีในอัตราที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซล น่าจะเป็นอัตราที่ผู้ประกอบการรับภาระได้
โครงการบัตรเครดิตพลังงานนั้น จากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีรถแท็กซี่เข้าร่วมโครงการ 20,000 ราย จากผู้มีสิทธิจำนวน 60,000 ราย โดยกระทรวงฯได้ปรับปรุงเงื่อนไขการใช้บัตร โดยให้ส่วนลด 2 บาทต่อกก.ให้กับรถโดยสารเพิ่มเป็นเดือนละ 9,000 บาท จากเดือนละ 6,000 บาท
ยันปรับราคาแอลพีจี-เอ็นจีวีตามแผน
ด้าน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2555 แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะปรับเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ส่วนแอลพีจีในภาคขนส่งจะปรับราคาเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.75 บาทต่อกก. ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555 จนกว่าจะสะท้อนต้นทุนตลาดโลก ส่วนแอลพีจีภาคครัวเรือนจะตรึงราคาจนถึงสิ้นปี 2555 ขณะที่ราคาเอ็นจีวีจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก.ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555
ที่ผ่านมา กรมฯ ได้หารือกับผู้ประกอบการขนส่งและรถโดยสารแล้วหลายครั้งในคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา ซึ่งเป็นคนกลางในการหารือ และพบว่าในภาพนั้นหลายฝ่ายค่อนข้างเห็นด้วยกับการปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขณะที่กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนค่าโดยสารของรถโดยสารสาธารณะ ส่วนขั้นตอนก่อนการปรับราคานั้น จะต้องเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) อีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค. 2555 และต้องดำเนินการตรวจสอบสต็อกต่อไป
ยืนยันว่าต้นทุนเอ็นจีวีอยู่ที่กิโลกรัมละ 15.58 บาท แบ่งเป็นราคาก๊าซฯ กิโลกรัมละ 9 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกิโลกรัมละ 5.56 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ส่วนต้นทุนแอลพีจีอยู่ที่กิโลกรัมละ 23.80 บาท นายสุเทพ กล่าว
"ปตท.ไม่จริงใจในการปรับราคาเอ็นจีวีบอกแต่ว่าขาดทุน"
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 20
ช่วงนี้เห็นใจเท็กชี่เลย ต่อคิวไปแถวเติมก๊าช
งงกับข่าวนิดหน่อยที่ค่าความร้อนไม่ของก๊าชไม่เท่ากันจนไม่สามารถเติมให้รถเล็กได้
โดยอ้างแหล่งข่าวแหล่งก๊าชพม่าปิดตัวซ่อมบำรุง
แต่ทำมัยปั้มก๊าชเล็กถึงเอาก๊าซไปเติมให้เท็กชี่ได้ ป้มที่อยู่ในแนวท่อไม่ให้เติม
งงกับข่าวนิดหน่อยที่ค่าความร้อนไม่ของก๊าชไม่เท่ากันจนไม่สามารถเติมให้รถเล็กได้
โดยอ้างแหล่งข่าวแหล่งก๊าชพม่าปิดตัวซ่อมบำรุง
แต่ทำมัยปั้มก๊าชเล็กถึงเอาก๊าซไปเติมให้เท็กชี่ได้ ป้มที่อยู่ในแนวท่อไม่ให้เติม
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 21
ราคาพลังงานปัจจัยเสี่ยงแนวโน้มการใช้ทั้งปีพุ่ง
Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th), Monday, January 02, 2012
ก้าวเข้าสู่ปี 2555 คงเป็นอีกปีหนึ่งที่ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น หลังจากที่ต้องแบกรับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในปีก่อน โดยเฉพาะราคาด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ต่างชักแถวกันปรับขึ้นราคา
ไล่ตั้งแต่ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นเบนซินและดีเซลจะมีการปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี ที่เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ของกลุ่มน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 0.48 สตางค์ต่อลิตร และดีเซล 0.43 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะมีผลต่อราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
ยังไม่รวมการทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เดือนละ 1 บาทต่อลิตร และดีเซล 0.60 บาทต่อลิตร ที่จะมีผลตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งล้วนจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันต้องปรับราคาตามไปด้วย
++ราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวน
ในขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะสะท้อนให้ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศปรับตัวตามไปอีก เพราะจากการประเมินของกระทรวงพลังงาน คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบ อาจปรับสูงขึ้นอีกจากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จากการจัดหาน้ำมันของโลกมีจำกัด และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงปี 2555 ยังคงมีความผันผวนตามสถานการณ์ต่างๆ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับเฉลี่ย 105-110 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จากปี 2554 เฉลี่ยอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ระดับ 112 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และดีเซลอยู่ที่ระดับ 121 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีความผันผวนมากขึ้นโดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 105 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในปี 2554 ที่ประมาณ 106 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ค่อนข้างสมดุล โดยความต้องการใช้น้ำมันของโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปก โดยเฉพาะ ลิเบีย จะกลับเข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้นแม้จะยังไม่เต็มกำลังการผลิต ซึ่งโอเปกจะยังคงเป็นตัวหลักในการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อรักษาสมดุลของตลาดและระดับราคาน้ำมันไว้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงในด้านต่างๆ ได้แก่ การเคลื่อนย้ายเงินลงทุน ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งฤดูกาลและภัยธรรมชาติ จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันในปี 2555 อยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนต่อเนื่อง
++ยอดใช้น้ำมันไม่ลดลง
ส่วนทางด้านสถานการณ์การใช้น้ำมันของประเทศ ในปี 2555 ทางกระทรวงพลังงาน ประเมินว่าการใช้น้ำมันเบนซินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับยอดซื้อรถใหม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น โดยผู้ค้าน้ำมันได้รายงานแผนการค้าน้ำมันในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2555 ที่ระดับ 20-21 ล้านลิตรต่อวัน และคาดว่าสัดส่วนการใช้แก๊สโซฮอล์น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลปรับเพิ่มส่วนต่างราคาแก๊สโซฮอล์และเบนซินอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ในปี 2555 รัฐบาลมีนโยบายที่สำคัญในการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ โดยจะส่งผลให้การใช้เอทานอลจะเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 2.0 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่กำลังการผลิตเอทานอลปัจจุบันอยู่ที่ 2.93 ล้านลิตรต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 3.37 ล้านลิตรต่อวัน ในไตรมาสแรกของปี 2555
ขณะที่การใช้น้ำมันดีเซลปี 2555 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีมีมติให้ปรับราคาขายปลีกเอ็นจีวี ขึ้นเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 12 ครั้ง ในปี 2555 จึงคาดว่าผู้ประกอบการขนส่งอาจชะลอการตัดสินใจในการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยผู้ค้าน้ำมันได้รายงานแผนการจำหน่ายดีเซลในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2555 ที่ 51 ล้านลิตรต่อวัน
++แอลพีจีพุ่งแม้ขึ้นราคา
นอกจากนี้ การใช้ก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในปี 2555 คาดว่าจะขยายตัวอย่างช้าๆ โดยเป็นการขยายตัวจากภาคครัวเรือนและปิโตรเคมี ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมนั้น การใช้น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ประมาณ 70 พันตันต่อเดือน หรืออาจลดต่ำลงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ปรับขึ้นราคาครบ 4 ครั้ง รวม 12 บาทต่อกิโลกรัม สาเหตุที่การใช้อาจไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากต้นทุนก๊าซแอลพีจียังมีราคาต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น ในขณะที่การใช้ก๊าซธรรมชาติน่าจะเข้ามาแทนที่ก๊าซแอลพีจีได้บ้าง แต่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งเคลื่อนย้าย
อีกทั้ง มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555 และขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคขนส่งต่อไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 เพื่อเตรียมจัดทำบัตรเครดิตพลังงาน และปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่แอลพีจีมาเป็นเอ็นจีวี โดยตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จะเริ่มทยอยปรับราคาขายปลีกเดือนละ 0.75 บาทต่อกิโลกรัมหรือ 0.41 บาทต่อลิตร จำนวน 12 ครั้ง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งลดลง หรืออย่างน้อยไม่ขยายตัวมากเช่นในปัจจุบัน แม้ว่าราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวจะอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาน้ำมันก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซแอลพีจีมีต้นทุนในการติดตั้ง อย่างไรก็ดี หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก ก็อาจทำให้การใช้ในภาคขนส่งยังคงขยายตัวต่อไปอีก
++เอ็นจีวียังเป็นพระเอก
สำหรับการใช้ก๊าซเอ็นจีวีในปี 2555 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าปีนี้ จากที่มีการใช้อยู่ประมาณ 6,400 ตันต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายรัฐบาลในการปรับเพิ่มราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง เป็น 30 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่เอ็นจีวี ปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 16.00 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ยังมีแผนที่จะขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 502 แห่งจากปี 2554 ที่มีเพียง 470 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งในการกำหนดทิศทางเอ็นจีวี เพราะหากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงมาก การใช้เอ็นจีวีก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนกว่าจะมีเชื้อเพลิงอื่นเข้ามาทดแทน ในทางตรงกันข้าม หากราคาน้ำมันปรับลดลงจนอยู่ในระดับที่ไม่ดึงดูดให้ภาคขนส่งใช้เอ็นจีวีก็จะส่งผลให้การใช้เอ็นจีวีไม่ขยายตัวอีกต่อไป
ดังนั้น ทิศทางพลังงานในปี 2555 จากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่ออกมา ประชาชนจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าพลังงานที่สูงมากขึ้น ยกเว้นเสียแต่ว่าหลังปีใหม่มาแล้ว การต่อรองของกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งจะสามารถยับยั้งการปรับขึ้นราคาพลังงานของรัฐบาลได้ ซึ่งก็จะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่แนวโน้มของการใช้พลังงานนั้น หากประชาชนไม่ตระหนักถึงการประหยัด ก็จะส่งผลให้ประเทศต้องนำเข้าพลังงานในแต่ละปีสูงขึ้นไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,701 1-4 มกราคม พ.ศ. 2555
Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th), Monday, January 02, 2012
ก้าวเข้าสู่ปี 2555 คงเป็นอีกปีหนึ่งที่ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น หลังจากที่ต้องแบกรับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในปีก่อน โดยเฉพาะราคาด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ต่างชักแถวกันปรับขึ้นราคา
ไล่ตั้งแต่ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นเบนซินและดีเซลจะมีการปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี ที่เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ของกลุ่มน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 0.48 สตางค์ต่อลิตร และดีเซล 0.43 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะมีผลต่อราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
ยังไม่รวมการทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เดือนละ 1 บาทต่อลิตร และดีเซล 0.60 บาทต่อลิตร ที่จะมีผลตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งล้วนจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันต้องปรับราคาตามไปด้วย
++ราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวน
ในขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะสะท้อนให้ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศปรับตัวตามไปอีก เพราะจากการประเมินของกระทรวงพลังงาน คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบ อาจปรับสูงขึ้นอีกจากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จากการจัดหาน้ำมันของโลกมีจำกัด และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงปี 2555 ยังคงมีความผันผวนตามสถานการณ์ต่างๆ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับเฉลี่ย 105-110 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จากปี 2554 เฉลี่ยอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ระดับ 112 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และดีเซลอยู่ที่ระดับ 121 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีความผันผวนมากขึ้นโดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 105 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในปี 2554 ที่ประมาณ 106 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ค่อนข้างสมดุล โดยความต้องการใช้น้ำมันของโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปก โดยเฉพาะ ลิเบีย จะกลับเข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้นแม้จะยังไม่เต็มกำลังการผลิต ซึ่งโอเปกจะยังคงเป็นตัวหลักในการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อรักษาสมดุลของตลาดและระดับราคาน้ำมันไว้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงในด้านต่างๆ ได้แก่ การเคลื่อนย้ายเงินลงทุน ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งฤดูกาลและภัยธรรมชาติ จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันในปี 2555 อยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนต่อเนื่อง
++ยอดใช้น้ำมันไม่ลดลง
ส่วนทางด้านสถานการณ์การใช้น้ำมันของประเทศ ในปี 2555 ทางกระทรวงพลังงาน ประเมินว่าการใช้น้ำมันเบนซินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับยอดซื้อรถใหม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น โดยผู้ค้าน้ำมันได้รายงานแผนการค้าน้ำมันในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2555 ที่ระดับ 20-21 ล้านลิตรต่อวัน และคาดว่าสัดส่วนการใช้แก๊สโซฮอล์น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลปรับเพิ่มส่วนต่างราคาแก๊สโซฮอล์และเบนซินอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ในปี 2555 รัฐบาลมีนโยบายที่สำคัญในการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ โดยจะส่งผลให้การใช้เอทานอลจะเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 2.0 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่กำลังการผลิตเอทานอลปัจจุบันอยู่ที่ 2.93 ล้านลิตรต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 3.37 ล้านลิตรต่อวัน ในไตรมาสแรกของปี 2555
ขณะที่การใช้น้ำมันดีเซลปี 2555 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีมีมติให้ปรับราคาขายปลีกเอ็นจีวี ขึ้นเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 12 ครั้ง ในปี 2555 จึงคาดว่าผู้ประกอบการขนส่งอาจชะลอการตัดสินใจในการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยผู้ค้าน้ำมันได้รายงานแผนการจำหน่ายดีเซลในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2555 ที่ 51 ล้านลิตรต่อวัน
++แอลพีจีพุ่งแม้ขึ้นราคา
นอกจากนี้ การใช้ก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในปี 2555 คาดว่าจะขยายตัวอย่างช้าๆ โดยเป็นการขยายตัวจากภาคครัวเรือนและปิโตรเคมี ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมนั้น การใช้น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ประมาณ 70 พันตันต่อเดือน หรืออาจลดต่ำลงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ปรับขึ้นราคาครบ 4 ครั้ง รวม 12 บาทต่อกิโลกรัม สาเหตุที่การใช้อาจไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากต้นทุนก๊าซแอลพีจียังมีราคาต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น ในขณะที่การใช้ก๊าซธรรมชาติน่าจะเข้ามาแทนที่ก๊าซแอลพีจีได้บ้าง แต่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งเคลื่อนย้าย
อีกทั้ง มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555 และขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคขนส่งต่อไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 เพื่อเตรียมจัดทำบัตรเครดิตพลังงาน และปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่แอลพีจีมาเป็นเอ็นจีวี โดยตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จะเริ่มทยอยปรับราคาขายปลีกเดือนละ 0.75 บาทต่อกิโลกรัมหรือ 0.41 บาทต่อลิตร จำนวน 12 ครั้ง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งลดลง หรืออย่างน้อยไม่ขยายตัวมากเช่นในปัจจุบัน แม้ว่าราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวจะอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาน้ำมันก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซแอลพีจีมีต้นทุนในการติดตั้ง อย่างไรก็ดี หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก ก็อาจทำให้การใช้ในภาคขนส่งยังคงขยายตัวต่อไปอีก
++เอ็นจีวียังเป็นพระเอก
สำหรับการใช้ก๊าซเอ็นจีวีในปี 2555 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าปีนี้ จากที่มีการใช้อยู่ประมาณ 6,400 ตันต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายรัฐบาลในการปรับเพิ่มราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง เป็น 30 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่เอ็นจีวี ปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 16.00 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ยังมีแผนที่จะขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 502 แห่งจากปี 2554 ที่มีเพียง 470 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งในการกำหนดทิศทางเอ็นจีวี เพราะหากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงมาก การใช้เอ็นจีวีก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนกว่าจะมีเชื้อเพลิงอื่นเข้ามาทดแทน ในทางตรงกันข้าม หากราคาน้ำมันปรับลดลงจนอยู่ในระดับที่ไม่ดึงดูดให้ภาคขนส่งใช้เอ็นจีวีก็จะส่งผลให้การใช้เอ็นจีวีไม่ขยายตัวอีกต่อไป
ดังนั้น ทิศทางพลังงานในปี 2555 จากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่ออกมา ประชาชนจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าพลังงานที่สูงมากขึ้น ยกเว้นเสียแต่ว่าหลังปีใหม่มาแล้ว การต่อรองของกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งจะสามารถยับยั้งการปรับขึ้นราคาพลังงานของรัฐบาลได้ ซึ่งก็จะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่แนวโน้มของการใช้พลังงานนั้น หากประชาชนไม่ตระหนักถึงการประหยัด ก็จะส่งผลให้ประเทศต้องนำเข้าพลังงานในแต่ละปีสูงขึ้นไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,701 1-4 มกราคม พ.ศ. 2555
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 22
ยื่นศาลฯคุ้มครองค่าไฟ/ปตท.ยันขึ้นก๊าซถูกต้อง
Source - สยามรัฐ (Th), Friday, January 06, 2012
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นศาลปกครองคุ้มครองค่าไฟฟ้าชั่วคราวหลังแพงเกินจริง ส่วน ปตท.ระบุขึ้นก๊าซถูกต้องและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ศาลพิจารณาคุ้มครองชั่วคราวกรณีคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)คณะรัฐมนตรี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง เพื่อให้เพิกถอนนโยบายการให้ผู้ประกอบการที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมากจ่ายค่าไฟฟ้าแทนประชาชนรายย่อยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย เพราะภาคเอกชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จากปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา
เนื่องจากได้รับบิลเก็บค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ค.54 เป็นต้นมา เพิ่มขึ้นจากปกติร้อยละ 30-50 และหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมกลับโดนเรียกเก็บค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเนื่องจากน้ำท่วม จึงถือว่าเป็นการดำเนินนโยบายโดยมิชอบนอกจากนี้ยังขอให้ศาลพิจารณาการตั้งคณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าเอฟที เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย เนื่องจากการกำหนดค่าไฟฟ้าแต่ละครั้งไม่ได้ผ่านความเป็นชอบจากประชาชนผู้มีส่วนร่วม ปัจจุบันกรรมการมาจากตัวแทนกระทรวงพลังงาน ปตท. กฟผ.กฟน.กฟภ. เท่านั้น
ทางด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวรประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ บมจ. ปตท. ออกมายืนยันอีกครั้งว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ(NGV) เป็นไปตามกรอบการดูแลของคณะกรรมการพลังงานเชื้อเพลิง เพื่อให้การบริหารงบประมาณการใช้เชื้อเพลิงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปอย่างเหมาะสม การปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงนี้จะเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมดไม่เฉพาะเจาะจงเพียงผลกำไรของบริษัทปตท. แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า ปตท.เป็นกิจการผูกขาดและอาจได้รับประโยชน์จากการลอยตัวของราคาก๊าซชนิดดังกล่าว
--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Source - สยามรัฐ (Th), Friday, January 06, 2012
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นศาลปกครองคุ้มครองค่าไฟฟ้าชั่วคราวหลังแพงเกินจริง ส่วน ปตท.ระบุขึ้นก๊าซถูกต้องและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ศาลพิจารณาคุ้มครองชั่วคราวกรณีคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)คณะรัฐมนตรี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง เพื่อให้เพิกถอนนโยบายการให้ผู้ประกอบการที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมากจ่ายค่าไฟฟ้าแทนประชาชนรายย่อยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย เพราะภาคเอกชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จากปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา
เนื่องจากได้รับบิลเก็บค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ค.54 เป็นต้นมา เพิ่มขึ้นจากปกติร้อยละ 30-50 และหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมกลับโดนเรียกเก็บค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเนื่องจากน้ำท่วม จึงถือว่าเป็นการดำเนินนโยบายโดยมิชอบนอกจากนี้ยังขอให้ศาลพิจารณาการตั้งคณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าเอฟที เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย เนื่องจากการกำหนดค่าไฟฟ้าแต่ละครั้งไม่ได้ผ่านความเป็นชอบจากประชาชนผู้มีส่วนร่วม ปัจจุบันกรรมการมาจากตัวแทนกระทรวงพลังงาน ปตท. กฟผ.กฟน.กฟภ. เท่านั้น
ทางด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวรประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ บมจ. ปตท. ออกมายืนยันอีกครั้งว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ(NGV) เป็นไปตามกรอบการดูแลของคณะกรรมการพลังงานเชื้อเพลิง เพื่อให้การบริหารงบประมาณการใช้เชื้อเพลิงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปอย่างเหมาะสม การปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงนี้จะเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมดไม่เฉพาะเจาะจงเพียงผลกำไรของบริษัทปตท. แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า ปตท.เป็นกิจการผูกขาดและอาจได้รับประโยชน์จากการลอยตัวของราคาก๊าซชนิดดังกล่าว
--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 23
ขึ้นราคานี่ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรไม่ทราบ นอกจาก ปตท.เท่านั้นpak เขียน:ยื่นศาลฯคุ้มครองค่าไฟ/ปตท.ยันขึ้นก๊าซถูกต้อง
Source - สยามรัฐ (Th), Friday, January 06, 2012
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นศาลปกครองคุ้มครองค่าไฟฟ้าชั่วคราวหลังแพงเกินจริง ส่วน ปตท.ระบุขึ้นก๊าซถูกต้องและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ศาลพิจารณาคุ้มครองชั่วคราวกรณีคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)คณะรัฐมนตรี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง เพื่อให้เพิกถอนนโยบายการให้ผู้ประกอบการที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมากจ่ายค่าไฟฟ้าแทนประชาชนรายย่อยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย เพราะภาคเอกชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จากปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา
เนื่องจากได้รับบิลเก็บค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ค.54 เป็นต้นมา เพิ่มขึ้นจากปกติร้อยละ 30-50 และหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมกลับโดนเรียกเก็บค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเนื่องจากน้ำท่วม จึงถือว่าเป็นการดำเนินนโยบายโดยมิชอบนอกจากนี้ยังขอให้ศาลพิจารณาการตั้งคณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าเอฟที เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย เนื่องจากการกำหนดค่าไฟฟ้าแต่ละครั้งไม่ได้ผ่านความเป็นชอบจากประชาชนผู้มีส่วนร่วม ปัจจุบันกรรมการมาจากตัวแทนกระทรวงพลังงาน ปตท. กฟผ.กฟน.กฟภ. เท่านั้น
ทางด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวรประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ บมจ. ปตท. ออกมายืนยันอีกครั้งว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ(NGV) เป็นไปตามกรอบการดูแลของคณะกรรมการพลังงานเชื้อเพลิง เพื่อให้การบริหารงบประมาณการใช้เชื้อเพลิงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปอย่างเหมาะสม การปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงนี้จะเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมดไม่เฉพาะเจาะจงเพียงผลกำไรของบริษัทปตท. แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า ปตท.เป็นกิจการผูกขาดและอาจได้รับประโยชน์จากการลอยตัวของราคาก๊าซชนิดดังกล่าว
--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
เป็นบริษัทที่ผมไม่สนใจเลยครับ
กำไรมาจากการเอาเปรียบประชาชน
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 24
ม็อบคนกันเอง (เลียบวิภาวดี)
Source -แนวหน้า (Th), Tuesday, January 10, 2012 02:16
เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯที่ขับรถออกจากบ้านและประชาชนที่ต้องอาศัยรถประจำทางไปทำงานต่างพร้อมใจกัน “ตกนรก” อีกครั้ง หลังจากที่เคยตกนรกมาแล้วหลายครั้ง จากรายการม็อบปิดถนนหรือฝนตกพันปีถล่มกรุง และล่าสุดมหาอุทกภัยเล่นงานกทม.อย่างเต็มสูบ
นรกที่ชาวกรุงได้รับครั้งใหม่สด ๆ ซิง ๆ นี้เป็นรางวัลชิ้นใหญ่จากรถบรรทุกขนาดต่าง ๆ ที่ปิดถนนวิภาวดีรังสิตอย่างตั้งใจ และของขวัญปีใหม่จากรถแท๊กซี่ที่ปิดถนนละแวกหน้าทำเนียบฯ อย่างหมดทางเลือก
ปกติทั้งคนขับรถบรรทุกและคนขับรถแท็กซี่รวมถึงครอบครัวส่วนใหญ่เป็น “มวลชนคนเสื้อแดง” ที่สนับสนุนรัฐบาลท่านนกแก้วอย่างสุดชีวิต
แต่แล้วจู่ ๆ มวลชนซึ่งเป็นคนพวกเดียวกันกับรัฐบาลกลับมาก่อม็อบเสียเองสร้างความเดือดร้อนให้คนกรุงเทพฯ สาเหตุมาจากอะไรเล่า?
ถูกแล้วครับ คำคมของนักไล่ล่าอำนาจที่ว่า “ลงผลประโยชน์เข้าทางประตู ความเป็นมิตรก็พรูออกทางหน้าต่าง” ดูเหมือนจะนำมาใช้กับกรณีนี้ได้ดีที่สุด เมื่อรัฐบาลที่ครอบครัวรถบรรทุกและครอบครัวคนขับแท๊กซี่เฮโลกันเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศได้เงื้อดาบเหยี่ยวฟาดฟันคนสองอาชีพนี้อย่างสุดมัน ทั้ง ๆ ที่เคยต่อสู้อาบเลือดมาด้วยกัน ณ ทุ่งสังหารราชประสงค์
ดาบเหยี่ยวเพลงแรกฟันฉับใส่รถบรรทุก โดยครม.อนุมัติปรับราคาแก๊ส NGV จากกิโลกรัมละ 8 บาท เป็น 14 บาท
ดาบเหยี่ยวเพลงที่สองที่ฟันฉับใส่รถแท๊กซี่ โดยครม.อนุมัติปรับราคาแก๊ส LPG จากกิโลกรัมละ 11.50 บาท เป็น 16.30 บาท
สำหรับดาบแรก แม้รถบรรทุกจะไม่ถึงตาย แต่โลหิตพิษที่นองไหล ย่อมทำให้ประชาชนที่บริโภคสินค้าแพงขึ้นต้องเดือดร้อนอย่างทันตาเห็น
ในขณะที่ดาบสองนั้น ได้ทำให้แท็กซี่จำนวนมากถึงกับม่องเท้ง เมื่อค่าโดยสารแพงเป็นดับเบิ้ล ผู้โดยสารก็จะหายวับไปกับตา และแท๊กซี่ซึ่งทนกับความขาดทุนป่นปี้ไม่ได้ ก็จะหายตัวไปจากท้องถนนด้วย
ดาบเหยี่ยวตะลุยฟันครั้งนี้ ผู้ที่ยิ้มอย่างมีชัยและยิ้มอย่างได้ใจมีเพียงรายเดียว คือยิ้มของปตท.เจ้าเก่า
เมื่อปตท.ได้กำไร ย่อมทำให้อัศวินคู่ใจของนายห้างทั้งปองต่างก็ได้ “หัวเราะ 5 5 5” ไปตาม ๆ กัน
“ม็อบคนกันเอง” เกิดขึ้นครั้งนี้ เพราะคนกันเองถือดาบเหยี่ยวฟาดฟันคนกันเองอย่างไม่นับญาติ
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม--จบ--
Source -แนวหน้า (Th), Tuesday, January 10, 2012 02:16
เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯที่ขับรถออกจากบ้านและประชาชนที่ต้องอาศัยรถประจำทางไปทำงานต่างพร้อมใจกัน “ตกนรก” อีกครั้ง หลังจากที่เคยตกนรกมาแล้วหลายครั้ง จากรายการม็อบปิดถนนหรือฝนตกพันปีถล่มกรุง และล่าสุดมหาอุทกภัยเล่นงานกทม.อย่างเต็มสูบ
นรกที่ชาวกรุงได้รับครั้งใหม่สด ๆ ซิง ๆ นี้เป็นรางวัลชิ้นใหญ่จากรถบรรทุกขนาดต่าง ๆ ที่ปิดถนนวิภาวดีรังสิตอย่างตั้งใจ และของขวัญปีใหม่จากรถแท๊กซี่ที่ปิดถนนละแวกหน้าทำเนียบฯ อย่างหมดทางเลือก
ปกติทั้งคนขับรถบรรทุกและคนขับรถแท็กซี่รวมถึงครอบครัวส่วนใหญ่เป็น “มวลชนคนเสื้อแดง” ที่สนับสนุนรัฐบาลท่านนกแก้วอย่างสุดชีวิต
แต่แล้วจู่ ๆ มวลชนซึ่งเป็นคนพวกเดียวกันกับรัฐบาลกลับมาก่อม็อบเสียเองสร้างความเดือดร้อนให้คนกรุงเทพฯ สาเหตุมาจากอะไรเล่า?
ถูกแล้วครับ คำคมของนักไล่ล่าอำนาจที่ว่า “ลงผลประโยชน์เข้าทางประตู ความเป็นมิตรก็พรูออกทางหน้าต่าง” ดูเหมือนจะนำมาใช้กับกรณีนี้ได้ดีที่สุด เมื่อรัฐบาลที่ครอบครัวรถบรรทุกและครอบครัวคนขับแท๊กซี่เฮโลกันเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศได้เงื้อดาบเหยี่ยวฟาดฟันคนสองอาชีพนี้อย่างสุดมัน ทั้ง ๆ ที่เคยต่อสู้อาบเลือดมาด้วยกัน ณ ทุ่งสังหารราชประสงค์
ดาบเหยี่ยวเพลงแรกฟันฉับใส่รถบรรทุก โดยครม.อนุมัติปรับราคาแก๊ส NGV จากกิโลกรัมละ 8 บาท เป็น 14 บาท
ดาบเหยี่ยวเพลงที่สองที่ฟันฉับใส่รถแท๊กซี่ โดยครม.อนุมัติปรับราคาแก๊ส LPG จากกิโลกรัมละ 11.50 บาท เป็น 16.30 บาท
สำหรับดาบแรก แม้รถบรรทุกจะไม่ถึงตาย แต่โลหิตพิษที่นองไหล ย่อมทำให้ประชาชนที่บริโภคสินค้าแพงขึ้นต้องเดือดร้อนอย่างทันตาเห็น
ในขณะที่ดาบสองนั้น ได้ทำให้แท็กซี่จำนวนมากถึงกับม่องเท้ง เมื่อค่าโดยสารแพงเป็นดับเบิ้ล ผู้โดยสารก็จะหายวับไปกับตา และแท๊กซี่ซึ่งทนกับความขาดทุนป่นปี้ไม่ได้ ก็จะหายตัวไปจากท้องถนนด้วย
ดาบเหยี่ยวตะลุยฟันครั้งนี้ ผู้ที่ยิ้มอย่างมีชัยและยิ้มอย่างได้ใจมีเพียงรายเดียว คือยิ้มของปตท.เจ้าเก่า
เมื่อปตท.ได้กำไร ย่อมทำให้อัศวินคู่ใจของนายห้างทั้งปองต่างก็ได้ “หัวเราะ 5 5 5” ไปตาม ๆ กัน
“ม็อบคนกันเอง” เกิดขึ้นครั้งนี้ เพราะคนกันเองถือดาบเหยี่ยวฟาดฟันคนกันเองอย่างไม่นับญาติ
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 25
ขึ้นเอ็นจีวี50สต.ม็อบรถบรรทุก-เมล์ยอมสลาย-ตรึงก๊าซ4เดือนแจกคูปองส่วนลดแท็กซี่2บาท/กก.ยิ่งลักษณ์เสียงแข็งยึดตามมติครม.
Source - สยามรัฐ (Th), Tuesday, January 10, 2012
ม็อบรถบรรทุก-เมล์ ฮือบุก ก.พลังงาน-ปิดถนนค้านขึ้น "เอ็นจีวี-แอลพีจี" ทำรถติดหนึบ ขู่ยกระดับการชุมนุมหยุดวิ่งทั่วประเทศ ส่งตัวแทนเจรจายอมสลายการชุมนุม หลังรัฐบาลขอขึ้นแค่ 50 สต.ต่อ กก. 16 ม.ค.นี้ พร้อมออกคูปองส่วนลดให้กับแท็กซี่ 2 บาทต่อ กก. ก่อนตั้งคณะทำงานพิจารณาต้นทุน"ยิ่งลักษณ์" เสียงแข็งเมินแก้มติ ครม. อ้างต้องเป็นไปตามกลไกตลาด "กิตติรัตน์" ไล่ม็อบหารือผู้เกี่ยวข้อง ลั่น ถ้ายอมจะเป็นเมืองแห่งการชุมนุม ด้านคมนาคมเปิดทางขึ้นค่าโดยสาร "มาร์ค" จี้ทบทวนขึ้นราคาหวั่นประชาชนรับภาระ
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 9 ม.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.)นำรถบรรทุก รถเมล์โดยสาร รถสองแถวกว่า 100 คัน ชุมนุมปิดถนนบริเวณหน้าบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ในฝั่งช่องทางคู่ขนาน เพื่อขอคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลกรณีปรับขึ้นก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีโดยกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าหากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางรัฐบาล ในวันที่ 10 ม.ค.55 ทางผู้ประกอบการรถโดยสารทั่วประเทศจะหยุดให้บริการประชาชนทั้งหมด รวมถึงรถบรรทุกจากทั่วประเทศจะเดินเข้าร่วมชุมนุมกดดันมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการได้นำรถมาจอดในเลนคู่ขนานตั้งแต่ถนนพหลโยธินฝั่งขาออก ที่ด้านหน้ารถไฟฟ้า BTS ยาวผ่าน 5 แยกลาดพร้าว ไปจนถึงวัดเสมียนนารี แต่ยังเปิดช่องการจราจรเลนคู่ขนาน 1 ช่องทาง รถสามารถสัญจรได้ขณะที่การจราจรบนพหลโยธินฝั่งขาออกรถยังเคลื่อนตัวได้ แต่ฝั่งขาเข้า ถนนมีรถมากการจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า ส่วนการจราจรบริเวณหน้า ปตท. การจราจรติดขัดอย่างหนัก
ด้าน นายยู เจียรยืนยงพงศ์ประธานสหพันธ์ สขบท. เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งจะยกระดับการชุมนุมภายหลังจากที่รัฐบาลยืนยันที่จะปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีตามเดิม คือ 1.เพิ่มพื้นที่การปิดพื้นที่ช่องจราจรถนนวิภาวดี-รังสิตอีก 1-2 ช่อง ในฝั่งขาออกจากเดิมที่ปิดช่องทางคู่ขนานแล้วทั้งหมด2.นำรถบรรทุกไปปิดสถานีจ่ายเอ็นจีวีแม่ของ ปตท. ที่สถานีสระบุรี สถานีสามโคก จ.ปทุมธานี และสถานีน้ำพอง จ.ขอนแก่น
และ 3.หากในเวลา 16.00 น. ยังไม่มีความคืบหน้า รถร่วม ขสมก.จะหยุดให้บริการ
ต่อมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์หารือร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งเพื่อหาข้อยุติกรณีการปิดถนนเพื่อเรียกร้องให้มีการชะลอการปรับราคาเอ็นจีวีภายหลังการหารือ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในภาพรวมที่ประชุมเห็นด้วยกับนโยบายการปรับราคาเอ็นจีวี โดยยังเดินหน้าตามแผนในการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีครั้งแรก 50 สตางค์ ต่อกิโลกรัมในวันที่ 16 ม.ค.55 พร้อมกับการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาเรื่องเอ็นจีวีกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ได้กล่าวขอโทษกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งถึงการสื่อสารของภาครัฐไปยังภาคเอกชนยังไม่ชัดเจนหรือไม่ได้ขอความเห็นร่วมกันก่อนที่จะมีการตัดสินใจ จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะตั้งคณะกรรมการศึกษาร่วมกันและทางปตท.จะดูแลเรื่องสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีไม่ให้มีก๊าซขาดแคลน โดยในวันที่ 16 ม.ค. จะขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีในภาคขนส่งก่อน 50 สตางค์ ส่วนรถแท็กซี่จะยังไม่ขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี เนื่องจากได้ดูแลโดยออกบัตรส่วนลดเอ็นจีวีไปก่อน เพื่อใช้เป็นส่วนลดก๊าซเอ็นจีวี 2 บาทต่อกิโลกรัมนอกจากนี้กระทรวงพลังงานยังมีโครงการบัตรเครดิตพลังงานที่มีวงเงิน 9,000 บาท ซึ่งหากรถแท็กซี่ต้องการวงเงินก็สามารถเข้าโครงการนี้ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระอีกทางหนึ่ง
ด้าน นายยู เจียรยืนยงพงศ์ประธานสหพันธ์ สขบท. กล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ โดยจะสลายการชุมนุม และหลังจากนี้ทางรมว.พลังงานจะตั้งคณะกรรมการร่วมกันซึ่งจะต้องตั้งโดยเร็วที่สุดภายใน 4 เดือนนี้ควรได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ที่ผ่านมาเราได้เสนอไปว่ารับได้ในราคา 2 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตามหลังจาก 4 เดือนนี้จะยังไม่มีการชุมนุม
ส่วนอีกจุดที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ รถสามล้อ และรถสี่ล้อเล็ก กว่า 500 คัน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าและล้อมรอบทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องขอให้รัฐบาลทบทวนการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี รวมถึงให้เพิ่มจำนวนสถานีบริการและปรับปรุงการให้บริการและคุณภาพก๊าซ และขอให้การปรับราคาก๊าซในอนาคต เปิดโอกาสให้ผู้ขับแท็กซี่มีส่วนร่วม
ต่อมา นายวิทูรย์ แนวพานิชประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย ได้เข้าหารือกับนพ.ประสิทธิ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และมีความเห็นตรงกันคือจะตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาผลกระทบจากมติ ครม. ที่จะปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีในวันที่ 16 ม.ค.55 โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลและตัวแทนแท็กซี่ร่วมเป็นกรรมการเพื่อหาทางออกร่วมกันใน 4 เดือน ระหว่างนี้ จะทยอยปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีโดยกระทรวงพลังงานจะแจกคูปองลดราคาเติมก๊าซเอ็นจีวีราคากิโลกรัมละ 2 บาท ให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทุกราย โดยข้อเสนอจะนำเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้ง ซึ่งสร้างความพอใจให้กับผู้ชุมนุม และสลายตัวกันไปในที่สุดทำให้การจราจรบริเวณหน้าทำเนียบฯและถนนพิษณุโลกกลับมาสัญจรได้ตามปกติ
ก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้เชิญ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ร่วมหารือถึงปัญหากลุ่มแท็กซี่และผู้ประกอบการรถขนส่ง ชุมนุมคัดค้านการขึ้นราคาก๊าสแอลพีจี และเอ็นจีวี หลังจาก ครม.มีมติเมื่อวันที่ 4 ต.ค.54 โดยใช้เวลาการหารือนานประมาณ 35 นาที
ภายหลังการหารือ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จะไม่มีการแก้มติของ ครม. เรื่องนี้ได้เจรจาเรียบร้อยแล้วกับกลุ่มแท็กซี่ซึ่งเขาก็เข้าใจแล้ว โดยเราจะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หากดูราคาเอ็นจีวีแล้วคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ รัฐบาลไปตรึงราคาก็คงไม่ได้นี่เป็นแนวทางการแก้ปัญหาอย่างดีที่สุดหลังจากนี้รัฐบาลจะตั้งทีมงานขึ้นมาศึกษารายละเอียดร่วมกันแต่ยืนยันว่าเจตนาของรัฐบาลต้องการที่จะให้เป็นไปตามกลไกตลาดแต่ก็ต้องประคองค่าครองชีพ รายจ่ายของผู้ขับแท็กซี่ด้วย
เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุม ครม. ในวันที่ 10 ม.ค.นี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวไปหารือ เนื่องจากจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกรรมการพลังงานแห่งชาติก่อน หลังจากนั้นหากมีผลอย่างไรก็จะแจ้งให้ ครม.ทราบภายหลัง เบื้องต้นมอบหมายให้นายกิตติรัตน์และนายพิชัย เข้าไปหารือแล้ว
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่าจะยังคงการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี ในวันที่ 16 ม.ค. ตามมติครม. และได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ทั้งในส่วนของรถแท็กซี่ รถร่วม ขสมก.และรถตู้สาธารณะโดยในช่วง 4 เดือนแรก ที่จะปรับขึ้นเป็น 2 บาทนั้น บัตรเครดิตพลังงานจะสามารถช่วยลดภาระได้เพราะผู้ประกอบการจะสามารถเติมก๊าซเอ็นจีวีในราคาเดิมคือ 8.50 บาทพร้อมกันนี้ ในส่วนของรถขนส่งเอกชนผู้ประกอบการรถขนส่งเอกชนส่วนใหญกำหนดต้นทุนราคาโดยใช้ราคาน้ำมันดีเซลเป็นหลักกว่า 90% และใช้ก๊าซเอ็นจีวี เพียง 10% ของจำนวนขนส่งเอกชน 700,000 แสนคันทั่วประเทศดังนั้นจึงขอความร่วมมือหากมีการปรับขึ้นราคา
เมื่อถามว่า สุดท้ายยังยืนยันจะไม่แก้ไขมติ ครม. ใช่หรือไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ทั้งนี้สามารถพูดคุยกันได้ในทุกเรื่อง และขอให้เห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าโอนอ่อนไปตามการชุมนุมเรียกร้อง เราก็จะกลายเป็นบ้านเมืองแห่งการชุมนุมเรียกร้อง ซึ่งไม่น่าจะจำเป็น และตนขอย้ำว่าถ้ามีอะไรต้องคุยกันระหว่างส่วนราชการกับผู้ประกอบการไปตามขั้นตอนของราชการ ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีทางออกที่ดี
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารจะหยุดให้บริการเดินรถเพื่อเรียกร้องรัฐบาลยุติการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ว่า การเรียกร้องดังกล่าว ผู้ประกอบการเรียกร้องในส่วนของกระทรวงพลังงาน ซึ่งกระทรวงคมนาคมดูแลเรื่องราคาค่าโดยสาร เป็นหลัก ทั้งนี้หากผู้ประกอบการมองว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเดินรถสามารถหารือกับกระทรวงคมนาคมได้แต่หากผู้ประกอบการรถร่วมบริการจะหยุดให้บริการ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจีของรัฐบาล ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลเคยประกาศว่าการปรับราคาต่อเมื่อรายได้ประชาชนสูงขึ้น แต่ขณะนี้เงินเดือน15,000 บาท และค่าแรง 300 บาทประชาชนยังไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้ แต่กลับเพิ่มภาระประชาชนทันที การปรับราคาก๊าซดังกล่าว ประชาชนจะกลายเป็นผู้แบกภาระเรื่องสินค้าราคาแพง และหากรัฐบาลแก้ปัญหาให้แท็กซี่ด้วยการขยายอัตรามิเตอร์ ภาระก็ตกอยู่กับประชาชนซึ่งในขณะนี้มีหนี้สินเพิ่มอยู่แล้ว ขณะเดียวกันทิศทางในการส่งเสริมพลังงานรมว.พลังงาน ก็เกิดความสับสนว่าจะสนับสนุนพลังงานทางเลือกอย่างไร
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Source - สยามรัฐ (Th), Tuesday, January 10, 2012
ม็อบรถบรรทุก-เมล์ ฮือบุก ก.พลังงาน-ปิดถนนค้านขึ้น "เอ็นจีวี-แอลพีจี" ทำรถติดหนึบ ขู่ยกระดับการชุมนุมหยุดวิ่งทั่วประเทศ ส่งตัวแทนเจรจายอมสลายการชุมนุม หลังรัฐบาลขอขึ้นแค่ 50 สต.ต่อ กก. 16 ม.ค.นี้ พร้อมออกคูปองส่วนลดให้กับแท็กซี่ 2 บาทต่อ กก. ก่อนตั้งคณะทำงานพิจารณาต้นทุน"ยิ่งลักษณ์" เสียงแข็งเมินแก้มติ ครม. อ้างต้องเป็นไปตามกลไกตลาด "กิตติรัตน์" ไล่ม็อบหารือผู้เกี่ยวข้อง ลั่น ถ้ายอมจะเป็นเมืองแห่งการชุมนุม ด้านคมนาคมเปิดทางขึ้นค่าโดยสาร "มาร์ค" จี้ทบทวนขึ้นราคาหวั่นประชาชนรับภาระ
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 9 ม.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.)นำรถบรรทุก รถเมล์โดยสาร รถสองแถวกว่า 100 คัน ชุมนุมปิดถนนบริเวณหน้าบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ในฝั่งช่องทางคู่ขนาน เพื่อขอคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลกรณีปรับขึ้นก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีโดยกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าหากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางรัฐบาล ในวันที่ 10 ม.ค.55 ทางผู้ประกอบการรถโดยสารทั่วประเทศจะหยุดให้บริการประชาชนทั้งหมด รวมถึงรถบรรทุกจากทั่วประเทศจะเดินเข้าร่วมชุมนุมกดดันมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการได้นำรถมาจอดในเลนคู่ขนานตั้งแต่ถนนพหลโยธินฝั่งขาออก ที่ด้านหน้ารถไฟฟ้า BTS ยาวผ่าน 5 แยกลาดพร้าว ไปจนถึงวัดเสมียนนารี แต่ยังเปิดช่องการจราจรเลนคู่ขนาน 1 ช่องทาง รถสามารถสัญจรได้ขณะที่การจราจรบนพหลโยธินฝั่งขาออกรถยังเคลื่อนตัวได้ แต่ฝั่งขาเข้า ถนนมีรถมากการจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า ส่วนการจราจรบริเวณหน้า ปตท. การจราจรติดขัดอย่างหนัก
ด้าน นายยู เจียรยืนยงพงศ์ประธานสหพันธ์ สขบท. เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งจะยกระดับการชุมนุมภายหลังจากที่รัฐบาลยืนยันที่จะปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีตามเดิม คือ 1.เพิ่มพื้นที่การปิดพื้นที่ช่องจราจรถนนวิภาวดี-รังสิตอีก 1-2 ช่อง ในฝั่งขาออกจากเดิมที่ปิดช่องทางคู่ขนานแล้วทั้งหมด2.นำรถบรรทุกไปปิดสถานีจ่ายเอ็นจีวีแม่ของ ปตท. ที่สถานีสระบุรี สถานีสามโคก จ.ปทุมธานี และสถานีน้ำพอง จ.ขอนแก่น
และ 3.หากในเวลา 16.00 น. ยังไม่มีความคืบหน้า รถร่วม ขสมก.จะหยุดให้บริการ
ต่อมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์หารือร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งเพื่อหาข้อยุติกรณีการปิดถนนเพื่อเรียกร้องให้มีการชะลอการปรับราคาเอ็นจีวีภายหลังการหารือ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในภาพรวมที่ประชุมเห็นด้วยกับนโยบายการปรับราคาเอ็นจีวี โดยยังเดินหน้าตามแผนในการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีครั้งแรก 50 สตางค์ ต่อกิโลกรัมในวันที่ 16 ม.ค.55 พร้อมกับการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาเรื่องเอ็นจีวีกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ได้กล่าวขอโทษกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งถึงการสื่อสารของภาครัฐไปยังภาคเอกชนยังไม่ชัดเจนหรือไม่ได้ขอความเห็นร่วมกันก่อนที่จะมีการตัดสินใจ จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะตั้งคณะกรรมการศึกษาร่วมกันและทางปตท.จะดูแลเรื่องสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีไม่ให้มีก๊าซขาดแคลน โดยในวันที่ 16 ม.ค. จะขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีในภาคขนส่งก่อน 50 สตางค์ ส่วนรถแท็กซี่จะยังไม่ขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี เนื่องจากได้ดูแลโดยออกบัตรส่วนลดเอ็นจีวีไปก่อน เพื่อใช้เป็นส่วนลดก๊าซเอ็นจีวี 2 บาทต่อกิโลกรัมนอกจากนี้กระทรวงพลังงานยังมีโครงการบัตรเครดิตพลังงานที่มีวงเงิน 9,000 บาท ซึ่งหากรถแท็กซี่ต้องการวงเงินก็สามารถเข้าโครงการนี้ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระอีกทางหนึ่ง
ด้าน นายยู เจียรยืนยงพงศ์ประธานสหพันธ์ สขบท. กล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ โดยจะสลายการชุมนุม และหลังจากนี้ทางรมว.พลังงานจะตั้งคณะกรรมการร่วมกันซึ่งจะต้องตั้งโดยเร็วที่สุดภายใน 4 เดือนนี้ควรได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ที่ผ่านมาเราได้เสนอไปว่ารับได้ในราคา 2 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตามหลังจาก 4 เดือนนี้จะยังไม่มีการชุมนุม
ส่วนอีกจุดที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ รถสามล้อ และรถสี่ล้อเล็ก กว่า 500 คัน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าและล้อมรอบทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องขอให้รัฐบาลทบทวนการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี รวมถึงให้เพิ่มจำนวนสถานีบริการและปรับปรุงการให้บริการและคุณภาพก๊าซ และขอให้การปรับราคาก๊าซในอนาคต เปิดโอกาสให้ผู้ขับแท็กซี่มีส่วนร่วม
ต่อมา นายวิทูรย์ แนวพานิชประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย ได้เข้าหารือกับนพ.ประสิทธิ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และมีความเห็นตรงกันคือจะตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาผลกระทบจากมติ ครม. ที่จะปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีในวันที่ 16 ม.ค.55 โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลและตัวแทนแท็กซี่ร่วมเป็นกรรมการเพื่อหาทางออกร่วมกันใน 4 เดือน ระหว่างนี้ จะทยอยปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีโดยกระทรวงพลังงานจะแจกคูปองลดราคาเติมก๊าซเอ็นจีวีราคากิโลกรัมละ 2 บาท ให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทุกราย โดยข้อเสนอจะนำเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้ง ซึ่งสร้างความพอใจให้กับผู้ชุมนุม และสลายตัวกันไปในที่สุดทำให้การจราจรบริเวณหน้าทำเนียบฯและถนนพิษณุโลกกลับมาสัญจรได้ตามปกติ
ก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้เชิญ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ร่วมหารือถึงปัญหากลุ่มแท็กซี่และผู้ประกอบการรถขนส่ง ชุมนุมคัดค้านการขึ้นราคาก๊าสแอลพีจี และเอ็นจีวี หลังจาก ครม.มีมติเมื่อวันที่ 4 ต.ค.54 โดยใช้เวลาการหารือนานประมาณ 35 นาที
ภายหลังการหารือ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จะไม่มีการแก้มติของ ครม. เรื่องนี้ได้เจรจาเรียบร้อยแล้วกับกลุ่มแท็กซี่ซึ่งเขาก็เข้าใจแล้ว โดยเราจะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หากดูราคาเอ็นจีวีแล้วคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ รัฐบาลไปตรึงราคาก็คงไม่ได้นี่เป็นแนวทางการแก้ปัญหาอย่างดีที่สุดหลังจากนี้รัฐบาลจะตั้งทีมงานขึ้นมาศึกษารายละเอียดร่วมกันแต่ยืนยันว่าเจตนาของรัฐบาลต้องการที่จะให้เป็นไปตามกลไกตลาดแต่ก็ต้องประคองค่าครองชีพ รายจ่ายของผู้ขับแท็กซี่ด้วย
เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุม ครม. ในวันที่ 10 ม.ค.นี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวไปหารือ เนื่องจากจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกรรมการพลังงานแห่งชาติก่อน หลังจากนั้นหากมีผลอย่างไรก็จะแจ้งให้ ครม.ทราบภายหลัง เบื้องต้นมอบหมายให้นายกิตติรัตน์และนายพิชัย เข้าไปหารือแล้ว
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่าจะยังคงการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี ในวันที่ 16 ม.ค. ตามมติครม. และได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ทั้งในส่วนของรถแท็กซี่ รถร่วม ขสมก.และรถตู้สาธารณะโดยในช่วง 4 เดือนแรก ที่จะปรับขึ้นเป็น 2 บาทนั้น บัตรเครดิตพลังงานจะสามารถช่วยลดภาระได้เพราะผู้ประกอบการจะสามารถเติมก๊าซเอ็นจีวีในราคาเดิมคือ 8.50 บาทพร้อมกันนี้ ในส่วนของรถขนส่งเอกชนผู้ประกอบการรถขนส่งเอกชนส่วนใหญกำหนดต้นทุนราคาโดยใช้ราคาน้ำมันดีเซลเป็นหลักกว่า 90% และใช้ก๊าซเอ็นจีวี เพียง 10% ของจำนวนขนส่งเอกชน 700,000 แสนคันทั่วประเทศดังนั้นจึงขอความร่วมมือหากมีการปรับขึ้นราคา
เมื่อถามว่า สุดท้ายยังยืนยันจะไม่แก้ไขมติ ครม. ใช่หรือไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ทั้งนี้สามารถพูดคุยกันได้ในทุกเรื่อง และขอให้เห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าโอนอ่อนไปตามการชุมนุมเรียกร้อง เราก็จะกลายเป็นบ้านเมืองแห่งการชุมนุมเรียกร้อง ซึ่งไม่น่าจะจำเป็น และตนขอย้ำว่าถ้ามีอะไรต้องคุยกันระหว่างส่วนราชการกับผู้ประกอบการไปตามขั้นตอนของราชการ ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีทางออกที่ดี
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารจะหยุดให้บริการเดินรถเพื่อเรียกร้องรัฐบาลยุติการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ว่า การเรียกร้องดังกล่าว ผู้ประกอบการเรียกร้องในส่วนของกระทรวงพลังงาน ซึ่งกระทรวงคมนาคมดูแลเรื่องราคาค่าโดยสาร เป็นหลัก ทั้งนี้หากผู้ประกอบการมองว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเดินรถสามารถหารือกับกระทรวงคมนาคมได้แต่หากผู้ประกอบการรถร่วมบริการจะหยุดให้บริการ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจีของรัฐบาล ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลเคยประกาศว่าการปรับราคาต่อเมื่อรายได้ประชาชนสูงขึ้น แต่ขณะนี้เงินเดือน15,000 บาท และค่าแรง 300 บาทประชาชนยังไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้ แต่กลับเพิ่มภาระประชาชนทันที การปรับราคาก๊าซดังกล่าว ประชาชนจะกลายเป็นผู้แบกภาระเรื่องสินค้าราคาแพง และหากรัฐบาลแก้ปัญหาให้แท็กซี่ด้วยการขยายอัตรามิเตอร์ ภาระก็ตกอยู่กับประชาชนซึ่งในขณะนี้มีหนี้สินเพิ่มอยู่แล้ว ขณะเดียวกันทิศทางในการส่งเสริมพลังงานรมว.พลังงาน ก็เกิดความสับสนว่าจะสนับสนุนพลังงานทางเลือกอย่างไร
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 26
"รสนา"จ่อยื่นปปช.ฟ้อง"พิชัย"ขึ้นเอ็นจีวี
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Thursday, January 12,
"ไพรินทร์"ยันต้องปรับราคาเอ็นจีวีตามต้นทุน รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
รสนา เล็งยื่นฟ้อง ป.ป.ช.เอาผิด พิชัย ฐานละเว้นหน้าที่ ปล่อย ปตท.ขึ้นราคาเอ็นจีวี ยุประชาชนฟ้องศาลปกครอง ออกคำสั่งระงับการขึ้นราคาชั่วคราว ใช้อำนาจศาลเรียกดูข้อมูลต้นทุนที่แท้จริง
นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวในการสัมมนา จับตายุทธการกินรวบประเทศไทย ตอน การขึ้นราคาก๊าซ เอ็นจีวี และแอลพีจี วานนี้ (11 ม.ค.) ว่า ที่ผ่านมา บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ต้องแบกรับภาระขาดทุนก๊าซเอ็นจีวีมาโดยตลอด จำเป็นต้องปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่จากการตรวจสอบข้อมูลราคาเอ็นจีวีในตลาดโลก พบว่าในปีที่ผ่านมา ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2551 ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลงมาโดยตลอด รัฐบาลจึงไม่ควรปรับราคาซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงนี้ เพราะราคาก๊าซธรรมชาติเป็นตัวแปรสำคัญของระบบเศรษฐกิจ หากขึ้นราคาจะกระทบราคาสินค้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ปตท.ไม่เคยแจกแจงรายละเอียดต้นทุนเอ็นจีวีที่ชัดเจน และผูกขาดการขายเพียงรายเดียวจึงตรวจสอบยาก และจากการตรวจสอบราคาก๊าซธรรมชาติที่เฮนรี่ฮับ ของสหรัฐ พบว่า กก.ละ 2.97 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู หรือ กก.ละ 3.37 บาท แม้จะรวมทั้งบริหารจัดการ ค่าผ่านท่า ก็ไม่น่าจะแพงเท่าที่ ปตท.ระบุ หากเปรียบเทียบราคาก๊าซของมาเลเซียที่ กก.ละ 6.50 บาท และราคาที่ประเทศกาตาร์เสนอขายไทยในราคา 6.50 แต่ ปตท.ระบุว่า ต้นทุนสูงถึง กก.ละ 8-9 บาท
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวุฒิสภา จะยื่นฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะ ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้กฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ และการที่ ปตท.ซื้อก๊าซในราคาที่แพงกว่าปกติ และบริหารจัดการโดยไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น กระทรวงพลังงาน ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล ปตท. จึงไม่สามารถหลีกหนีความผิดได้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบการใช้ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ออกคำสั่งระงับการขึ้นราคาชั่วคราวได้ และควรจะรีบฟ้องก่อนการขึ้นราคาในวันที่ 16 ม.ค. นี้ หากปล่อยให้ขึ้นราคาไปก่อน จะส่งผลเสียตามมาอีกมาก โดยขอให้ศาลปกครองเรียกข้อมูลจาก ปตท.มาตรวจสอบ เพื่อให้รู้ต้นทุนที่แท้จริง และ ปตท.ยังผสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 10% สูงกว่ามาตรฐานโลกที่กำหนดไว้ 4% แต่คิดค่าเอ็นจีวี 100% ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ราคาเอ็นจีวีต้องปรับตามต้นทุนและความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีรถใหม่วันละ 300 คันที่หันมาใช้เอ็นจีวี เป็นการแย่งเอ็นจีวีกับแท็กซี่และภาคขนส่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเอ็นจีวีและน้ำมันเบนซินต่างกันถึง 5 เท่า โดยเอ็นจีวีราคา กก.ละ 8 บาท ขณะที่น้ำมันเบนซิน กก.ละ 40 บาท ส่งผลให้ความต้องการใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้น และผลศึกษาของสถาบันปิโตรเลียมระบุว่าราคาที่เหมาะสม คือ กก.ละ 15 บาท
ส่วนกรณีที่นางสาวรสนา ระบุว่า ต้นทุนเอ็นจีวีของ ปตท.สูงกว่าแหล่งเฮนรี่ ฮับ ในสหรัฐนั้น ราคาดังกล่าวแตกต่างจากต้นทุนเอ็นจีวีในไทย ไม่สามารถเทียบกันได้ เพราะต้นทุนดังกล่าวเป็นต้นทุนที่รัฐบาลสหรัฐอุดหนุนให้ประชาชน และที่ผ่านมา เคยปรับขึ้นถึง กก.ละ 12 บาท
สำหรับผลขาดทุนสะสมจากการอุดหนุนราคาเอ็นจีวีที่ ปตท.แบกรับในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา สูงถึง 4 หมื่นล้านบาท โดยตัวเลขขาดทุน 7 บาทนั้น ปตท.แบกรับภาระ 5 บาท ที่เหลือ 2 บาทเป็นภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งในปีที่ผ่านมา ปตท.ขาดทุนถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่กองทุนฯ รับภาระ 4 พันล้านบาท
ผลของการบิดเบือนตลาดเป็นต้นทุนของ ปตท.และกองทุนน้ำมันฯ ส่วนการผูกขาดตลาดของ ปตท.นั้น มีหน่วยงานกำกับทั้งกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้ นายไพรินทร์กล่าว
--จบ--
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Thursday, January 12,
"ไพรินทร์"ยันต้องปรับราคาเอ็นจีวีตามต้นทุน รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
รสนา เล็งยื่นฟ้อง ป.ป.ช.เอาผิด พิชัย ฐานละเว้นหน้าที่ ปล่อย ปตท.ขึ้นราคาเอ็นจีวี ยุประชาชนฟ้องศาลปกครอง ออกคำสั่งระงับการขึ้นราคาชั่วคราว ใช้อำนาจศาลเรียกดูข้อมูลต้นทุนที่แท้จริง
นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวในการสัมมนา จับตายุทธการกินรวบประเทศไทย ตอน การขึ้นราคาก๊าซ เอ็นจีวี และแอลพีจี วานนี้ (11 ม.ค.) ว่า ที่ผ่านมา บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ต้องแบกรับภาระขาดทุนก๊าซเอ็นจีวีมาโดยตลอด จำเป็นต้องปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่จากการตรวจสอบข้อมูลราคาเอ็นจีวีในตลาดโลก พบว่าในปีที่ผ่านมา ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2551 ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลงมาโดยตลอด รัฐบาลจึงไม่ควรปรับราคาซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงนี้ เพราะราคาก๊าซธรรมชาติเป็นตัวแปรสำคัญของระบบเศรษฐกิจ หากขึ้นราคาจะกระทบราคาสินค้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ปตท.ไม่เคยแจกแจงรายละเอียดต้นทุนเอ็นจีวีที่ชัดเจน และผูกขาดการขายเพียงรายเดียวจึงตรวจสอบยาก และจากการตรวจสอบราคาก๊าซธรรมชาติที่เฮนรี่ฮับ ของสหรัฐ พบว่า กก.ละ 2.97 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู หรือ กก.ละ 3.37 บาท แม้จะรวมทั้งบริหารจัดการ ค่าผ่านท่า ก็ไม่น่าจะแพงเท่าที่ ปตท.ระบุ หากเปรียบเทียบราคาก๊าซของมาเลเซียที่ กก.ละ 6.50 บาท และราคาที่ประเทศกาตาร์เสนอขายไทยในราคา 6.50 แต่ ปตท.ระบุว่า ต้นทุนสูงถึง กก.ละ 8-9 บาท
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวุฒิสภา จะยื่นฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะ ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้กฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ และการที่ ปตท.ซื้อก๊าซในราคาที่แพงกว่าปกติ และบริหารจัดการโดยไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น กระทรวงพลังงาน ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล ปตท. จึงไม่สามารถหลีกหนีความผิดได้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบการใช้ก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ออกคำสั่งระงับการขึ้นราคาชั่วคราวได้ และควรจะรีบฟ้องก่อนการขึ้นราคาในวันที่ 16 ม.ค. นี้ หากปล่อยให้ขึ้นราคาไปก่อน จะส่งผลเสียตามมาอีกมาก โดยขอให้ศาลปกครองเรียกข้อมูลจาก ปตท.มาตรวจสอบ เพื่อให้รู้ต้นทุนที่แท้จริง และ ปตท.ยังผสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 10% สูงกว่ามาตรฐานโลกที่กำหนดไว้ 4% แต่คิดค่าเอ็นจีวี 100% ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ราคาเอ็นจีวีต้องปรับตามต้นทุนและความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีรถใหม่วันละ 300 คันที่หันมาใช้เอ็นจีวี เป็นการแย่งเอ็นจีวีกับแท็กซี่และภาคขนส่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเอ็นจีวีและน้ำมันเบนซินต่างกันถึง 5 เท่า โดยเอ็นจีวีราคา กก.ละ 8 บาท ขณะที่น้ำมันเบนซิน กก.ละ 40 บาท ส่งผลให้ความต้องการใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้น และผลศึกษาของสถาบันปิโตรเลียมระบุว่าราคาที่เหมาะสม คือ กก.ละ 15 บาท
ส่วนกรณีที่นางสาวรสนา ระบุว่า ต้นทุนเอ็นจีวีของ ปตท.สูงกว่าแหล่งเฮนรี่ ฮับ ในสหรัฐนั้น ราคาดังกล่าวแตกต่างจากต้นทุนเอ็นจีวีในไทย ไม่สามารถเทียบกันได้ เพราะต้นทุนดังกล่าวเป็นต้นทุนที่รัฐบาลสหรัฐอุดหนุนให้ประชาชน และที่ผ่านมา เคยปรับขึ้นถึง กก.ละ 12 บาท
สำหรับผลขาดทุนสะสมจากการอุดหนุนราคาเอ็นจีวีที่ ปตท.แบกรับในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา สูงถึง 4 หมื่นล้านบาท โดยตัวเลขขาดทุน 7 บาทนั้น ปตท.แบกรับภาระ 5 บาท ที่เหลือ 2 บาทเป็นภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งในปีที่ผ่านมา ปตท.ขาดทุนถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่กองทุนฯ รับภาระ 4 พันล้านบาท
ผลของการบิดเบือนตลาดเป็นต้นทุนของ ปตท.และกองทุนน้ำมันฯ ส่วนการผูกขาดตลาดของ ปตท.นั้น มีหน่วยงานกำกับทั้งกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้ นายไพรินทร์กล่าว
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 27
พิชัยเล็งชงกพช.ทบทวน
Source - ข่าวหุ้น (Th), Friday, January 13, 2012
เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
หวังผลกระทบขึ้นราคา
“พิชัย” เตรียมเสนอกพช. ทบทวนจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หวังลดผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกหน้าปั๊มในอัตราที่มากเกินไป ยันปรับขึ้นราคาดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร และเบนซิน 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.นี้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เสนอทบทวนมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์และดีเซลให้เหมาะสมมากขึ้น โดยจะต้องดูตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน รวมทั้งต้องการลดผลกระทบจากราคาน้ำมันในช่วงขาขึ้นด้วย
ทั้งนี้ มองว่าหากจัดเก็บในอัตราที่สูงจนเกินไป จะส่งผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากมติ กพช.เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 54 ให้จัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน ในส่วนของเบนซินและแก๊สโซฮอล์ในอัตราเดือนละ 1 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลเดือนละ 60 สตางค์ต่อลิตร โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.นี้ ซึ่งในส่วนของเบนซิน มองว่าหากปรับขึ้นครั้งเดียวจะเป็นอัตราที่มากเกินไป
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เป็นไปตามมติ กพช. จึงเห็นชอบปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันในเดือน ม.ค. 55 ดังนี้ โดยน้ำมันดีเซล จากเดิมอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯที่ 0 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 0.60 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ปรับเพิ่มจากเดิมอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯที่ 0 บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร
ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 เดิมต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อัตรา 0.20 บาทต่อลิตร เป็น 1.20 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 เดิมได้รับการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันฯ 1.40 บาท/ลิตร ก็จะได้รับการอุดหนุนลดลงเหลือ 0.40 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์อี 20 เดิมได้รับการอุดหนุน 2.80 บาทต่อลิตร ลดลงเหลือ 1.80 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี 85 เดิมได้รับการอุดหนุน 13.50 บาทต่อลิตร จะได้รับการอุดหนุนเพิ่มขึ้นเป็น 13.60 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม กบง. มอบหมายให้ สนพ. ออกประกาศเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 55 เป็นต้นไป โดยจะพิจารณาการทยอยปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงและฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ทั้งนี้จากการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีภาระลดลงประมาณวันละ 53.62 ล้านบาท จากติดลบวันละ 97.85 ล้านบาท เหลือติดลบวันละ 44.23 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ได้พิจารณาเรื่อง การบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ซึ่งได้ขยายกลุ่มให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบมากขึ้น ได้แก่ รถร่วมโดยสารประจำทาง ขสมก. รถมินิบัสร่วมขสมก. และรถสองแถวร่วมขสมก. โดยจัดทำบัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีให้กับผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับสิทธิตามโครงการบัตรเครดิตพลังงานเดิมบางส่วน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รับไปดำเนินการจัดทำบัตรส่วนลดราคาขายปลีกเอ็นจีวีดังกล่าว และเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการ ทั้งนี้เพราะในระยะแรกมี ปตท. เป็นผู้ดำเนินโครงการบัตรเครดิตพลังงานที่เป็นการบรรเทาผลกระทบของการปรับขึ้นเอ็นจีวีต่อผู้ขับรถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก และรถตู้ร่วมโดยสารขสมก.
--จบ--
Source - ข่าวหุ้น (Th), Friday, January 13, 2012
เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
หวังผลกระทบขึ้นราคา
“พิชัย” เตรียมเสนอกพช. ทบทวนจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หวังลดผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกหน้าปั๊มในอัตราที่มากเกินไป ยันปรับขึ้นราคาดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร และเบนซิน 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.นี้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เสนอทบทวนมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์และดีเซลให้เหมาะสมมากขึ้น โดยจะต้องดูตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน รวมทั้งต้องการลดผลกระทบจากราคาน้ำมันในช่วงขาขึ้นด้วย
ทั้งนี้ มองว่าหากจัดเก็บในอัตราที่สูงจนเกินไป จะส่งผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากมติ กพช.เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 54 ให้จัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน ในส่วนของเบนซินและแก๊สโซฮอล์ในอัตราเดือนละ 1 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลเดือนละ 60 สตางค์ต่อลิตร โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.นี้ ซึ่งในส่วนของเบนซิน มองว่าหากปรับขึ้นครั้งเดียวจะเป็นอัตราที่มากเกินไป
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เป็นไปตามมติ กพช. จึงเห็นชอบปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันในเดือน ม.ค. 55 ดังนี้ โดยน้ำมันดีเซล จากเดิมอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯที่ 0 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 0.60 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ปรับเพิ่มจากเดิมอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯที่ 0 บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร
ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 เดิมต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อัตรา 0.20 บาทต่อลิตร เป็น 1.20 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 เดิมได้รับการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันฯ 1.40 บาท/ลิตร ก็จะได้รับการอุดหนุนลดลงเหลือ 0.40 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์อี 20 เดิมได้รับการอุดหนุน 2.80 บาทต่อลิตร ลดลงเหลือ 1.80 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี 85 เดิมได้รับการอุดหนุน 13.50 บาทต่อลิตร จะได้รับการอุดหนุนเพิ่มขึ้นเป็น 13.60 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม กบง. มอบหมายให้ สนพ. ออกประกาศเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 55 เป็นต้นไป โดยจะพิจารณาการทยอยปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงและฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ทั้งนี้จากการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีภาระลดลงประมาณวันละ 53.62 ล้านบาท จากติดลบวันละ 97.85 ล้านบาท เหลือติดลบวันละ 44.23 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ได้พิจารณาเรื่อง การบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ซึ่งได้ขยายกลุ่มให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบมากขึ้น ได้แก่ รถร่วมโดยสารประจำทาง ขสมก. รถมินิบัสร่วมขสมก. และรถสองแถวร่วมขสมก. โดยจัดทำบัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีให้กับผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับสิทธิตามโครงการบัตรเครดิตพลังงานเดิมบางส่วน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รับไปดำเนินการจัดทำบัตรส่วนลดราคาขายปลีกเอ็นจีวีดังกล่าว และเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการ ทั้งนี้เพราะในระยะแรกมี ปตท. เป็นผู้ดำเนินโครงการบัตรเครดิตพลังงานที่เป็นการบรรเทาผลกระทบของการปรับขึ้นเอ็นจีวีต่อผู้ขับรถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก และรถตู้ร่วมโดยสารขสมก.
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 28
น้ำมันขึ้นพรวด16วันขยับ5ครั้ง‘เบนซิน’ใกล้40
Source - ไทยโพสต์ (Th), Monday, January 16, 2012
อ่วม! อรทัย "ปตท.-บางจาก" โขกเบนซิน-โซฮอล์พรวดเดียว 1.07 บาท ดีเซลขยับอีก 64 สต. ส่งผลเบนซินใกล้แตะ 40 บาทอยู่รอมร่อ เผยตั้งแต่เริ่มปี 55 น้ำมันพุ่งไม่หยุด เบนซินขึ้นแล้ว 3.57 บาท ดีเซล 1.74 บาท "อนุสรณ์" แนะรัฐชะลอขึ้นภาษี ชี้หากรีดดีเซลอาจแตะ 38 บาทลิตร ส.อ.ท.วอนอุ้ม ชี้ค่าแรงเตรียมซ้ำกลางปีอีก
ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 16 ม.ค.2555 บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ อีก 1.07 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 ที่จะลด 11 สตางค์ ส่วนดีเซลขึ้นอีก 64 สตางค์ต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ต้องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุน ส่งผลให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันมีดังนี้ E85 ราคา 22.31 บาทต่อลิตร, E20 ราคา 34.51 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 37.26 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 35.51 บาทต่อลิตร, เบนซิน 91 ราคา 38.54 บาทต่อลิตร และดีเซล 31.13 บาทต่อลิตร ส่วนก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม จากเดิม 8.50 บาท มาอยู่ที่ 9 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาแอลพีจียานยนต์ปรับขึ้น 41 สต./ลิตร หรือ 75 สต./กก.
ก่อนหน้านี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ยืนยันว่า จะเดินหน้าปรับโครงสร้างพลังงานของประเทศตามมติ กพช. ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ซึ่งมติดังกล่าวจะเริ่มการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ โดยทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคืนในส่วนน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เดือนละ 1 บาทต่อลิตร ดีเซลเดือนละ 60 สต./ลิตร ส่วนแอลพีจีภาคครัวเรือนจะตรึงราคาที่ 18.13 บาทต่อ กก. ถึงสิ้นปี 2555 นี้ แต่ภาคขนส่งจะเริ่มทยอยปรับขึ้นเดือนละ 75 สต./กก. เอ็นจีวีภาคขนส่งทยอยขึ้นเดือนละ 50 สต./กก. และในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ จะครบกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5.31 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเริ่มทยอยเก็บภาษีคืนเช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เริ่มปี 2555 คือตั้งแต่วันที่ 1-15 ม.ค. ราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเบนซินได้ปรับเพิ่มแล้ว 4 ครั้ง รวม 2.5 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลปรับ 2 ครั้ง รวม 1.10 บาทต่อลิตร และหากรวมการปรับล่าสุด เบนซินปรับขึ้นไปแล้ว 3.57 บาทต่อลิตร และดีเซลเพิ่มขึ้น 1.74 บาทต่อลิตร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนตลาดโลก และช่วงหน้าหนาวราคาดีเซลจะแพงอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเก็บภาษีในวันที่ 1 ก.พ.ที่จะถึงนี้ โดยควรเลื่อนไปไตรมาส 2 ที่เป็นช่วงขาลงของดีเซล แต่หากจะจัดเก็บก็น่าจะทยอยเก็บ โดยหากรัฐบาลยังไม่เก็บภาษี จะได้เห็นดีเซลแตะที่ 32 บาท/ลิตร แต่ถ้าจัดเก็บภาษีเต็มราคามีโอกาสแตะ 38 บาท/ลิตร
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้รัฐบาลช่วยตรึงราคาดีเซลในระดับ 30-31 บาทต่อลิตร ระยะสั้น 2-3 เดือนเพื่อไม่ให้ค่าขนส่งและสินค้าปรับขึ้นราคา เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวนั้นไม่ได้เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจโลก แต่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและประเทศตะวันตกทำให้เกิดการเก็งกำไรในระยะสั้น
“ต้องยอมรับว่ารถบรรทุกทั่วประเทศ 70% เติมดีเซล และ 30% ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี หากรัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นราคา ต้นทุนการขนส่งสูงแน่นอน และต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อราคาสินค้าปรับขึ้นแล้วคงปรับลงยาก ต่างจากราคาน้ำมัน ที่ปรับขึ้นลงได้ตลอดเวลาตามกลไกตลาด” นายธนิตกล่าว
นายธนิตกล่าวว่า หากรัฐบาลต้องการช่วยเหลือค่าครองชีพจริงๆ โดยตรึงราคาน้ำมัน ก็คงดำเนินการได้ เพราะที่ผ่านมาก็ใช้งบประมาณทำนโยบายประชานิยม การใช้เงินตรึงราคาน้ำมันระยะสั้นคงไม่มีปัญหา แต่หากไม่สามารถตรึงราคาได้ก็ควรปล่อยให้ภาคเอกชนปรับขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการรับภาระมากเกินไป เพราะกลางปีรัฐบาลก็จะปรับค่าแรงทั่วประเทศเฉลี่ยที่ 40% ซึ่งเป็นต้นทุนที่น่าห่วงมากกว่าเรื่องราคาน้ำมันอีก
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) มีมติสนับสนุนการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 โดยให้ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ปลายปี 2555 เพื่อให้หันมาใช้พลังงานทดแทน
สำหรับกรณีเครือข่ายผู้บริโภคฟ้องร้องศาลปกครองในการขึ้นราคาเอ็นจีวีนั้น นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ศาลปกครองมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องไปชี้แจงข้อมูลในช่วงบ่ายวันที่ 16 ม.ค. ซึ่งศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็ขึ้นกับดุลยพินิจของศาล ทางหน่วยราชการพร้อมปฏิบัติตาม.
--จบ--
Source - ไทยโพสต์ (Th), Monday, January 16, 2012
อ่วม! อรทัย "ปตท.-บางจาก" โขกเบนซิน-โซฮอล์พรวดเดียว 1.07 บาท ดีเซลขยับอีก 64 สต. ส่งผลเบนซินใกล้แตะ 40 บาทอยู่รอมร่อ เผยตั้งแต่เริ่มปี 55 น้ำมันพุ่งไม่หยุด เบนซินขึ้นแล้ว 3.57 บาท ดีเซล 1.74 บาท "อนุสรณ์" แนะรัฐชะลอขึ้นภาษี ชี้หากรีดดีเซลอาจแตะ 38 บาทลิตร ส.อ.ท.วอนอุ้ม ชี้ค่าแรงเตรียมซ้ำกลางปีอีก
ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 16 ม.ค.2555 บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ อีก 1.07 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 ที่จะลด 11 สตางค์ ส่วนดีเซลขึ้นอีก 64 สตางค์ต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ต้องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุน ส่งผลให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันมีดังนี้ E85 ราคา 22.31 บาทต่อลิตร, E20 ราคา 34.51 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 37.26 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 35.51 บาทต่อลิตร, เบนซิน 91 ราคา 38.54 บาทต่อลิตร และดีเซล 31.13 บาทต่อลิตร ส่วนก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม จากเดิม 8.50 บาท มาอยู่ที่ 9 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาแอลพีจียานยนต์ปรับขึ้น 41 สต./ลิตร หรือ 75 สต./กก.
ก่อนหน้านี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ยืนยันว่า จะเดินหน้าปรับโครงสร้างพลังงานของประเทศตามมติ กพช. ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ซึ่งมติดังกล่าวจะเริ่มการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ โดยทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคืนในส่วนน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เดือนละ 1 บาทต่อลิตร ดีเซลเดือนละ 60 สต./ลิตร ส่วนแอลพีจีภาคครัวเรือนจะตรึงราคาที่ 18.13 บาทต่อ กก. ถึงสิ้นปี 2555 นี้ แต่ภาคขนส่งจะเริ่มทยอยปรับขึ้นเดือนละ 75 สต./กก. เอ็นจีวีภาคขนส่งทยอยขึ้นเดือนละ 50 สต./กก. และในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ จะครบกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5.31 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเริ่มทยอยเก็บภาษีคืนเช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เริ่มปี 2555 คือตั้งแต่วันที่ 1-15 ม.ค. ราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเบนซินได้ปรับเพิ่มแล้ว 4 ครั้ง รวม 2.5 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลปรับ 2 ครั้ง รวม 1.10 บาทต่อลิตร และหากรวมการปรับล่าสุด เบนซินปรับขึ้นไปแล้ว 3.57 บาทต่อลิตร และดีเซลเพิ่มขึ้น 1.74 บาทต่อลิตร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนตลาดโลก และช่วงหน้าหนาวราคาดีเซลจะแพงอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเก็บภาษีในวันที่ 1 ก.พ.ที่จะถึงนี้ โดยควรเลื่อนไปไตรมาส 2 ที่เป็นช่วงขาลงของดีเซล แต่หากจะจัดเก็บก็น่าจะทยอยเก็บ โดยหากรัฐบาลยังไม่เก็บภาษี จะได้เห็นดีเซลแตะที่ 32 บาท/ลิตร แต่ถ้าจัดเก็บภาษีเต็มราคามีโอกาสแตะ 38 บาท/ลิตร
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้รัฐบาลช่วยตรึงราคาดีเซลในระดับ 30-31 บาทต่อลิตร ระยะสั้น 2-3 เดือนเพื่อไม่ให้ค่าขนส่งและสินค้าปรับขึ้นราคา เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวนั้นไม่ได้เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจโลก แต่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและประเทศตะวันตกทำให้เกิดการเก็งกำไรในระยะสั้น
“ต้องยอมรับว่ารถบรรทุกทั่วประเทศ 70% เติมดีเซล และ 30% ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี หากรัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นราคา ต้นทุนการขนส่งสูงแน่นอน และต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อราคาสินค้าปรับขึ้นแล้วคงปรับลงยาก ต่างจากราคาน้ำมัน ที่ปรับขึ้นลงได้ตลอดเวลาตามกลไกตลาด” นายธนิตกล่าว
นายธนิตกล่าวว่า หากรัฐบาลต้องการช่วยเหลือค่าครองชีพจริงๆ โดยตรึงราคาน้ำมัน ก็คงดำเนินการได้ เพราะที่ผ่านมาก็ใช้งบประมาณทำนโยบายประชานิยม การใช้เงินตรึงราคาน้ำมันระยะสั้นคงไม่มีปัญหา แต่หากไม่สามารถตรึงราคาได้ก็ควรปล่อยให้ภาคเอกชนปรับขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการรับภาระมากเกินไป เพราะกลางปีรัฐบาลก็จะปรับค่าแรงทั่วประเทศเฉลี่ยที่ 40% ซึ่งเป็นต้นทุนที่น่าห่วงมากกว่าเรื่องราคาน้ำมันอีก
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) มีมติสนับสนุนการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 โดยให้ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ปลายปี 2555 เพื่อให้หันมาใช้พลังงานทดแทน
สำหรับกรณีเครือข่ายผู้บริโภคฟ้องร้องศาลปกครองในการขึ้นราคาเอ็นจีวีนั้น นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ศาลปกครองมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องไปชี้แจงข้อมูลในช่วงบ่ายวันที่ 16 ม.ค. ซึ่งศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็ขึ้นกับดุลยพินิจของศาล ทางหน่วยราชการพร้อมปฏิบัติตาม.
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวโน้ม ราคา LPG ใช้ในรถ เป็นอย่างไรคับ
โพสต์ที่ 29
อุทธรณ์ขึ้นราคาก๊าซ จี้รบ.แจงกำหนดเกินจริง ทำ"คนอีสาน"เซ็ง
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th), Wednesday, January 18, 2012
ASTVผู้จัดการรายวัน - มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค เล็งหาช่องอุทธรณ์ คำสั่งศาลปกครอง หลังมีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว ขึ้นราคา NGV , LPG จี้ รบ.แจง กำหนดราคาก๊าซเกินจริงหรือไม่ ด้าน "อีสานโพล" เผยประชาชน 53% ไม่เห็นด้วยขึ้นราคา NGV-LPG ระบุ ทนแบกรับราคาปรับขึ้นได้มากสุด 11 บาท/กก. รถภาคขนส่ง-รถสาธารณะจ่อขึ้นค่าบริการ
วานนี้ (17 ม.ค.) น.ส.สารี อ๋องสมหวัง กรรมการ และเลขานุการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยภายหลังศาลปกครอง มีคำสั่งไม่ระงับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ว่า จากนี้จะมีการหารือร่วมกันใน 2 เรื่อง คือ การพิจารณาในคำสั่งศาลปกครอง ว่าจะสามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่ รวมถึงไปดูในข้อมูลและรายละเอียด องค์ประกอบ ให้มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด ยอมรับว่า การยื่นฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวครั้งนี้อยู่ภายใต้ข้อจำกัด
เรื่องของเวลา อาจทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนได้
นอกจากนี้ จะพิจารณาว่ายังมีกฎหมายใด มาตราใดบ้าง ที่จะมีอำนาจในการคุ้มครองชั่วคราว ให้ชะลอปรับขึ้นราคาก๊าซทั้ง 2 ชนิด ตามนโยบายของรัฐบาลบ้าง ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะลำบากมากขึ้น เพราะถ้าการตรวจสอบเป็นเรื่องของนโยบาย และถ้านโยบายมีผลกระทบกับประชาชน ในทางปฏิบัติสังคม ต้องมาช่วยกันคิดว่า จะหากลไกใดมาดำเนินการในเรื่องนี้ได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าผิดหวังที่ในขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซทั้งเอ็นจีวี และแอลพีจี ได้มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ หรือมีข้อกำหนดราคาผิดพลาดหรือไม่ อย่างไร เพราะราคาที่กำหนดอาจจะสูงเกินจริงก็ได้ จึงอยากให้รัฐบาลออกมาตอบคำถามว่า มีการคำนวณราคาที่กำหนดนั้นเกินจริงหรือไม่
คนอีสาน 53% ค้านขึ้น NGV-LPG
อีกด้าน ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจเรื่องปัญหาการปรับราคาก๊าซ NGV กับผลกระทบต่อผู้ใช้ NGV ในภาคอีสาน ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 14-15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้เชื้อเพลิง NGV รวม 437 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 3 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานีกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ร้อยละ 55.7 กลุ่มผู้ขับรถบรรทุกและผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ร้อยละ 28.4 และผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 15.9 ตามลำดับ
พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 53 ไม่เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลในการปรับราคาก๊าซ NGV จากเดิมราคา NGV 8.5 บาท และจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 50 สต./กก. และจะทยอยปรับขึ้นสูงสุดเป็น 14.5 บาท/กก. ภายในสิ้นปี 2555 ขณะที่ร้อยละ 28 เห็นด้วย
เมื่อถามถึงการปรับราคาก๊าซ NGV สูงสุดภายในสิ้นปี 2555 นั้นกลุ่มผู้ใช้รถชาวอีสานส่วนใหญ่บอกว่ารับได้ หากอยู่ที่ราคา 10-11 บาท/กก. มีผู้เห็นด้วยมากที่สุดในอัตรานี้ คิดเป็นร้อยละ 31.0 หรือหากคิดสะสมจะมีผู้ที่สามารถแบกรับการปรับขึ้นราคา NGV ได้ร้อยละ 74.1
เมื่อถามถึงผลกระทบต่อพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ NGV พบว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซจะไม่ส่งผลต่อประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1. ไม่ส่งผลต่อการชะลอซื้อพาหนะที่ใช้ก๊าซ NGV ร้อยละ 65.1 2. กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 84.5 บอกว่าไม่ส่งผลให้เกิดการหันไปใช้น้ำมันเถื่อน 3.ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนใช้เชื้อเพลิงทดแทนอื่นๆ เช่น ไบโอดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์ ร้อยละ 56.7 มีผลเพียงร้อยละ 23.4 และ 4. กลุ่มตัวอย่างมากถึงร้อยละ 55.6 ระบุว่า จะไม่ส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า มีผลเพียงร้อยละ 23.0
เมื่อถามถึงนโยบายบัตรเครดิตพลังงาน NGV ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ NGV ของรัฐบาล ผู้ใช้ NGV ภาคอีสานส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.2 ตอบว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการนี้เหมือนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
ทั้งนี้ โดยปกติผู้ใช้รถ NGV ร้อยละ 43.2 จะต้องเสียเวลาในการต่อคิวเติมมากกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไป แต่เมื่อสอบถามว่าหากมีช่องทางพิเศษโดยไม่ต้องต่อคิวรอเติม NGV ผู้ใช้จะยอมจ่ายเงินค่าบริการพิเศษนี้แต่ละครั้งสูงสุดเท่าใด พบว่าผู้ใช้เกือบครึ่งคือร้อยละ 49.5 จะยอมรอต่อคิว ขณะที่ผู้ใช้รถ ร้อยละ 31.1 จะยอมจ่ายในอัตราค่าบริการระหว่าง 10-20 บาท
ดร.สุทินกล่าวว่า สำหรับการสำรวจพฤติกรรมเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถแต่ละประเภทพบว่าผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ตอบว่าผล กระทบจากการปรับราคาก๊าซจะไม่ส่งผลให้เปลี่ยนมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น (ไม่มีผลร้อยละ 76.9) และไม่ส่งผลต่อการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ (ไม่มีผลร้อยละ 62.8)
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ พบว่ามีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร (มีผลร้อยละ 65.6) แต่จะไม่ส่งผลต่อการลดคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ (ไม่ส่งผลร้อยละ 60.8) ด้านกลุ่มผู้ประกอบรถบรรทุกและการขนส่ง พบว่าอาจจะมีการปรับขึ้นราคาค่าบรรทุกสินค้า (มีผลร้อยละ 63.5) แต่จะไม่ส่งผลให้เกิดการลักลอบบรรทุกเกินน้ำหนัก (ไม่ส่งผลร้อยละ 53.8)
ดร.สุทินกล่าวว่า เมื่อรัฐบาลปรับราคา NGV รวมถึงราคา LPG แล้วสถานะการเงินของกองทุนน้ำมันจะดีขึ้น ดังนั้นรัฐควรชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของน้ำมันดีเซล เพื่อชะลอการปรับราคาค่าขนส่งและค่าโดยสารของผู้ประกอบการในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น และควรชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของแก๊ส โซฮอล์ เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันสำปะหลังได้อีกทาง
นอกจากนี้ หลังจากปรับขึ้นราคา NGV แล้ว ปตท.ก็จะไม่มีข้ออ้างในการที่จะไม่เพิ่มจำนวนสถานี NGV ให้ครอบคลุมอีกต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ NGV ไม่เสียเวลามากในการต่อคิวรอ
--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th), Wednesday, January 18, 2012
ASTVผู้จัดการรายวัน - มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค เล็งหาช่องอุทธรณ์ คำสั่งศาลปกครอง หลังมีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว ขึ้นราคา NGV , LPG จี้ รบ.แจง กำหนดราคาก๊าซเกินจริงหรือไม่ ด้าน "อีสานโพล" เผยประชาชน 53% ไม่เห็นด้วยขึ้นราคา NGV-LPG ระบุ ทนแบกรับราคาปรับขึ้นได้มากสุด 11 บาท/กก. รถภาคขนส่ง-รถสาธารณะจ่อขึ้นค่าบริการ
วานนี้ (17 ม.ค.) น.ส.สารี อ๋องสมหวัง กรรมการ และเลขานุการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยภายหลังศาลปกครอง มีคำสั่งไม่ระงับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ว่า จากนี้จะมีการหารือร่วมกันใน 2 เรื่อง คือ การพิจารณาในคำสั่งศาลปกครอง ว่าจะสามารถอุทธรณ์ได้หรือไม่ รวมถึงไปดูในข้อมูลและรายละเอียด องค์ประกอบ ให้มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด ยอมรับว่า การยื่นฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวครั้งนี้อยู่ภายใต้ข้อจำกัด
เรื่องของเวลา อาจทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนได้
นอกจากนี้ จะพิจารณาว่ายังมีกฎหมายใด มาตราใดบ้าง ที่จะมีอำนาจในการคุ้มครองชั่วคราว ให้ชะลอปรับขึ้นราคาก๊าซทั้ง 2 ชนิด ตามนโยบายของรัฐบาลบ้าง ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะลำบากมากขึ้น เพราะถ้าการตรวจสอบเป็นเรื่องของนโยบาย และถ้านโยบายมีผลกระทบกับประชาชน ในทางปฏิบัติสังคม ต้องมาช่วยกันคิดว่า จะหากลไกใดมาดำเนินการในเรื่องนี้ได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าผิดหวังที่ในขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซทั้งเอ็นจีวี และแอลพีจี ได้มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ หรือมีข้อกำหนดราคาผิดพลาดหรือไม่ อย่างไร เพราะราคาที่กำหนดอาจจะสูงเกินจริงก็ได้ จึงอยากให้รัฐบาลออกมาตอบคำถามว่า มีการคำนวณราคาที่กำหนดนั้นเกินจริงหรือไม่
คนอีสาน 53% ค้านขึ้น NGV-LPG
อีกด้าน ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจเรื่องปัญหาการปรับราคาก๊าซ NGV กับผลกระทบต่อผู้ใช้ NGV ในภาคอีสาน ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 14-15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้เชื้อเพลิง NGV รวม 437 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 3 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานีกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ร้อยละ 55.7 กลุ่มผู้ขับรถบรรทุกและผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ร้อยละ 28.4 และผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 15.9 ตามลำดับ
พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 53 ไม่เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลในการปรับราคาก๊าซ NGV จากเดิมราคา NGV 8.5 บาท และจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 50 สต./กก. และจะทยอยปรับขึ้นสูงสุดเป็น 14.5 บาท/กก. ภายในสิ้นปี 2555 ขณะที่ร้อยละ 28 เห็นด้วย
เมื่อถามถึงการปรับราคาก๊าซ NGV สูงสุดภายในสิ้นปี 2555 นั้นกลุ่มผู้ใช้รถชาวอีสานส่วนใหญ่บอกว่ารับได้ หากอยู่ที่ราคา 10-11 บาท/กก. มีผู้เห็นด้วยมากที่สุดในอัตรานี้ คิดเป็นร้อยละ 31.0 หรือหากคิดสะสมจะมีผู้ที่สามารถแบกรับการปรับขึ้นราคา NGV ได้ร้อยละ 74.1
เมื่อถามถึงผลกระทบต่อพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ NGV พบว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซจะไม่ส่งผลต่อประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1. ไม่ส่งผลต่อการชะลอซื้อพาหนะที่ใช้ก๊าซ NGV ร้อยละ 65.1 2. กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 84.5 บอกว่าไม่ส่งผลให้เกิดการหันไปใช้น้ำมันเถื่อน 3.ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนใช้เชื้อเพลิงทดแทนอื่นๆ เช่น ไบโอดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์ ร้อยละ 56.7 มีผลเพียงร้อยละ 23.4 และ 4. กลุ่มตัวอย่างมากถึงร้อยละ 55.6 ระบุว่า จะไม่ส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า มีผลเพียงร้อยละ 23.0
เมื่อถามถึงนโยบายบัตรเครดิตพลังงาน NGV ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ NGV ของรัฐบาล ผู้ใช้ NGV ภาคอีสานส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.2 ตอบว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการนี้เหมือนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
ทั้งนี้ โดยปกติผู้ใช้รถ NGV ร้อยละ 43.2 จะต้องเสียเวลาในการต่อคิวเติมมากกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไป แต่เมื่อสอบถามว่าหากมีช่องทางพิเศษโดยไม่ต้องต่อคิวรอเติม NGV ผู้ใช้จะยอมจ่ายเงินค่าบริการพิเศษนี้แต่ละครั้งสูงสุดเท่าใด พบว่าผู้ใช้เกือบครึ่งคือร้อยละ 49.5 จะยอมรอต่อคิว ขณะที่ผู้ใช้รถ ร้อยละ 31.1 จะยอมจ่ายในอัตราค่าบริการระหว่าง 10-20 บาท
ดร.สุทินกล่าวว่า สำหรับการสำรวจพฤติกรรมเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถแต่ละประเภทพบว่าผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ตอบว่าผล กระทบจากการปรับราคาก๊าซจะไม่ส่งผลให้เปลี่ยนมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น (ไม่มีผลร้อยละ 76.9) และไม่ส่งผลต่อการปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ (ไม่มีผลร้อยละ 62.8)
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ พบว่ามีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร (มีผลร้อยละ 65.6) แต่จะไม่ส่งผลต่อการลดคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ (ไม่ส่งผลร้อยละ 60.8) ด้านกลุ่มผู้ประกอบรถบรรทุกและการขนส่ง พบว่าอาจจะมีการปรับขึ้นราคาค่าบรรทุกสินค้า (มีผลร้อยละ 63.5) แต่จะไม่ส่งผลให้เกิดการลักลอบบรรทุกเกินน้ำหนัก (ไม่ส่งผลร้อยละ 53.8)
ดร.สุทินกล่าวว่า เมื่อรัฐบาลปรับราคา NGV รวมถึงราคา LPG แล้วสถานะการเงินของกองทุนน้ำมันจะดีขึ้น ดังนั้นรัฐควรชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของน้ำมันดีเซล เพื่อชะลอการปรับราคาค่าขนส่งและค่าโดยสารของผู้ประกอบการในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น และควรชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของแก๊ส โซฮอล์ เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันสำปะหลังได้อีกทาง
นอกจากนี้ หลังจากปรับขึ้นราคา NGV แล้ว ปตท.ก็จะไม่มีข้ออ้างในการที่จะไม่เพิ่มจำนวนสถานี NGV ให้ครอบคลุมอีกต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ NGV ไม่เสียเวลามากในการต่อคิวรอ
--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."