มีขาร็อคแล้ว มี ประเภท intrument หรือ symphony กันบ้างไหมครั

[FullStop]

ใครมีดนตรี ย้ำนะครับดนตรี เพราะน่าฟังแนะนำบ้างครับ

[กูรูขอบสนาม]

เคยเขียนไว้บ้างในกระทู้นี้


เพลงคลาสสิคใกล้ๆตัว

[FullStop]

ขอบคุณครับ จริงๆผมไม่ได้มีรสนิยมอะไรหรอก ครับแต่ฟังแล้วชอบเสียงดนตรี มากกว่าบทเพลงครับ แต่แผ่นมันจะหาซื้อยากกว่าแผ่นทั่วๆไป ไม่ค่อยได้กลับบางกอก เลยไม่ค่อยได้ตระเวนหามาฟัง ถ้าเจอถึงจะซื้อเก็บไว้ ว่าแต่ว่าพอจะแนะนำร้าน ได้ไหมครับ กรุงเทพ ก็ดี ต่างจังหวัดก็ได้

[peacedev]

ชอบฟังเพลงบรรเลงเหมือนกันครับ
จริง ๆ ชอบหลายแนว
แต่ส่วนใหญ่เป็น Jazz

[FullStop]

ครับฟังแล้วรู้สึกดี เพราะดนตรีไม่มี คำ สำนวน ประโยค ฟังแล้วเหมือนไม่มีการแบ่งแยกอะไรต่าง เอาเป็นว่ามันดีต่างกัน คนเราชอบไม่เหมือนกันนะครับ

[peacedev]

กลับไปค้นใน playlist ที่ฟังง่าย ๆ ก็ประมาณนี้ครับ

Pieces of A Dream
Larry Carlton
Acoustic Alchemy
Adam Nitti
Bill Frisell
Brad Prevedoros
Laura Fygi
Earl Klugh
Peter white
Coleman Hawkins
Don Byron

[ไปดีมาดี]

ขออนุญาติแนะนำบ้างนะครับ
MezzoForte (ทางภาษาดนตรีแปลว่า "ค่อนข้างดัง")
Pomelo Town --> The chasing of แสงระวี
โปรด ธนพัฒน์ --> Traffic (ฟังตอนรถติด จะมันส์มาก)
Infinity --> Four Colors (ฟังแล้ว ภูมิใจในความเป็นไทย)

นึกเพลงไรออก มาแลกกันบ้างครับ

[peacedev]

MezzoForte (ทางภาษาดนตรีแปลว่า "ค่อนข้างดัง")

ของเขาดีจริงครับ Confirm!!

[ไปดีมาดี]

ยังมี The Rippingtons ด้วยนะ
ฟัง Aspen ครั้งแรก เคลิ้มเชียว

ตอนนี้กำลังหาโหลด Female Jazz เก่าๆ ยุค 30'-60' อยู่ครับ

อยากได้แบบ Ella Fitzgerald, Billy Holiday

มีเพลงไรแนะนำ มาแลกกันครับ

พี่peacedev นี่เล่นดนตรีด้วยรึเปล่าครับ

[peacedev]

ยังมี The Rippingtons ด้วยนะ

วงนี้ก็น่าฟังครับ

นึกออกอีกวง Foul Play
Sound นุ่มแน่นทีเดียว

พี่peacedev นี่เล่นดนตรีด้วยรึเปล่าครับ

ผมชอบฟัง Jazz
แต่เล่น Guitar แนว ๆ Metal/Speed Matal
เล่น Piano/Key board แนว Classical ครับ

[ไปดีมาดี]

เหอๆๆ  ผมก็เหมือนกัน

ตอนหัดเล่นกีตาร์ใหม่ๆ ก็เล่นHard-Rock คงเป็นเพราะสมัยนั้นแนวมันมาแบบนั้น พอมาตอนนี้ แก่ตัวลงก็เล่นน้อยลง แต่ฟังมากขึ้น ฟังแต่เพลงที่ชอบหนะครับ
(เฉลียงบอกว่า "คนฟังใครเพลงนั้น เพลงดี")
ผมเคยเข้าใจว่าผมชอบฟังเพลงที่ดี แต่แก่ตัวลงผมว่าผมชอบฟังเพลงที่ชอบมากกว่า......งงมั้ย?

เดี๋ยวนี้ผมก็ฟังหมดแหละครับ ยิ่งวงที่ไม่ค่อยมีใครรุ้จัก แต่เพลงเค้าดีเนี่ย ยิ่งรู้สึกดี (คงรู้สึกดีเหมือนเจอหุ้นที่ดีที่ไม่มีใครสนใจ)

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

[peacedev]

เดี๋ยวนี้ผมก็ฟังหมดแหละครับ ยิ่งวงที่ไม่ค่อยมีใครรุ้จัก แต่เพลงเค้าดีเนี่ย ยิ่งรู้สึกดี (คงรู้สึกดีเหมือนเจอหุ้นที่ดีที่ไม่มีใครสนใจ)

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

เป็นเหมือนกันครับ

ความสุขของเราเกิดจากสิ่งที่เราสัมผัสมันได้ เข้าถึงมันอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงเพราะคนอื่นหรือ บุคคลที่ดูน่าเชื่อถือมาบอกว่าดี


เจอคอเดียวกันเข้าแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ

[นักดูดาว]

Tubular Bells

[นักดูดาว]

Tubular bells  เป็นเครื่องดนตรีตระกูลเครื่องเคาะ ตัวระฆังทำจากทองเหลือง ลักษณะเป็นท่อเส้นผ่าศูนย์กลาง30-38มิลลิเมตร ความแตกต่างของระดับเสียงของมันขึ้นอยู่กับความยาวของตัวท่อที่แขวนเรียงกันในแนวดิ่ง มันหนักอึ้งและไม่เป็นที่นิยมใช้กันในวงการนัก เสียงของมันคล้ายระฆังโบสถ์ คุณจะได้ยินเสียงของ tubular bells ได้ในเพลงคลาสสิกหลายเพลงในแนว programmatic อย่าง Symphonie Fantastique ของ Berlioz หรือ 1812 Overture ของ Tchaikovsky

แต่มนุษย์ที่ทำให้เครื่องดนตรีชิ้นนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาที่สุดย่อมเป็น ไมค์ โอลฟิลด์ กับงานชื่อเดียวกับเครื่องดนตรีนี้  หรืออาจจะกล่าวอีกแบบได้ว่า tubular bells ก็มีบุญคุณทำให้ชื่อเสียงของไมค์ เป็นที่รู้จักในระดับเดียวกัน

ลองเพลย์ที่มีแค่สองเพลง แต่ละเพลงเป็นเพลงบรรเลงยาวเกินยีสิบนาที นักดนตรีคนเดียวเล่นเครื่องดนตรีร่วม30ชิ้น และเขาคนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มอายุแค่17ปีที่เพิ่งได้ออกแผ่นเสียงเป็นครั้งแรก กับตราแผ่นเสียงที่เพิ่งมีงานออกมาเป็นชิ้นแรกเช่นกัน ด้วยปัจจัยเช่นนี้ดูจะไม่เอื้ออำนวยให้กับความสำเร็จแม้แต่น้อย

แต่นี่คือปี 1973 ปีแห่งโปรเกรสซีพร็อค ยุคแห่งมหากาพย์ยาวเหยียด ดนตรีที่ซับซ้อนซ่อนปม และคอนเซ็พท์อัลบั้มท้าทายจินตนาการ มันจึงเป็นไปได้ และเป็นไปแล้วที่ Tubular Bells จะกลายเป็นหนี่งในอัลบั้มเพลงบรรเลงขายดีที่สุดตลอดกาล และมันก็ขึ้นหิ้งไปเรียบร้อยในฐานะหนึ่งในอัลบั้มโปรเกรสซีพที่นักฟังทุกคนต้องมีและศึกษา

ความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ของมันอาจจะมีปัจจัยหลายอย่างช่วยเกื้อหนุน แต่เนื้อแท้ทางดนตรีของ Tubular Bells เป็นสิ่งที่ควรนำมาวิพากษ์วิเคราะห์ ถึงทุกวันนี้ ความน่าตื่นใจที่มันเป็นผลงานของเด็กหนุ่มที่เล่นดนตรีสารพัดชิ้นคนเดียวไม่น่าจะนำมาเป็นเหตุผลหลักถึงความดีงามของมัน มันไม่สำคัญสำหรับคนฟังเลยแม้แต่น้อยว่าสรรพเสียงสี่สิบกว่านาทีที่เขาได้ยินนั้นมันจะมาจากฝีมือของนักดนตรีกี่คน หรืออายุเท่าไหร่

Tubular Bells เป็นงานดนตรีที่ได้รับอิทธิพลมาจากการประพันธ์ดนตรีแบบคลาสสิก แต่ไม่ได้เล่นด้วยเครื่องดนตรีคลาสสิกแท้ๆ มีธีมหลักจำนวนหนึ่งที่วนกลับมาเป็นระยะๆและพาร์ทสั้นๆที่เชื่อมต่อกันอย่างเห็นรอยต่อได้แต่ไม่รู้สึกสะดุด ไมค์เล่นเครื่องดนตรีหลากหลายด้วยฝีมือระดับเลิศ ความแปรผันของอารมณ์และลีลาของดนตรีในแต่ละช่วงประหนึ่งผู้ฟังท่องไปในคลื่นสมองของชายเสียสติ  ตั้งแต่สงบนิ่งเยี่ยงนิพพาน,ร่าเริงเหมือนเด็กน้อย,ยิ่งใหญ่ระทึกขวัญ....จนกระทั่งไปถึงความคลุ้มคลั่งแทบควบคุมไม่ได้

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะไม่มีความหมายเลยถ้างานชิ้นนี้ขาดสิ่งนี้ไป....ความไพเราะและสวยงามของท่วงทำนองที่มีให้ฟังตลอดอัลบั้มตั้งแต่ Theme แรกอันโด่งดังของพาร์ทแรกจนกระทั่งท่อนสุดท้ายใน Part 2 ที่เป็นการนำเอาเพลงพื้นเมือง Sailors hornpipe มาบรรเลงแบบเร่งเร้า


ไมค์ โอลฟิลด์เริ่มชีวิตนักดนตรีตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีด้วยการตั้งวง Sallyangie กับพี่สาวแซลลี่ สองปีต่อมาเขาได้ไปเป็นมือเบสให้วง The Whole World ของเควิน อายเออร์ส  ช่วงราวปี 1971-2 ไมค์ได้มีโอกาสใช้เวลาว่างใน Abbey Road Studio บันทึกเดโมของ Tubular Bells ที่ตอนนั้นเขาให้ชื่อเล่นๆว่า Opus One ไอเดียของไมค์คือเขาอยากให้มันเป็นงานในแนวซิมโฟนิคที่มีหลาย movements  โดยเขาจะเล่นเครื่องดนตรีทั้งหมดด้วยตัวเองโดยอาศัยเทคนิคการโอเวอร์ดับ  ด้วยเครื่องบันทึกเทปที่เขายืมมาจากเควิน ไมค์ใช้แผ่นการ์ดบอร์ดเล็กๆปิดทับหัวลบของตัวเทปเอาไว้ทำให้เขาสามารถบันทึกเสียงเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ๆลงไปได้โดยไม่ลบของเก่า

Opus One ได้รับการปฏิเสธจากบริษัทแผ่นเสียงทุกแห่งที่ไมค์เอาไปนำเสนอ มีเพียง ริชาร์ด แบรนสันคนเดียวที่พอจะเห็นแวว ขณะนั้นแบรนสันทำกิจการร้านขายแผ่นเสียงอยู่และเพิ่งสร้างสตูดิโอส่วนตัวเสร็จ  แบรนสันและ ทอม นิวแมนเจ้าของร่วมห้องอัดอีกคนได้ยินเดโมของไมค์ ทั้งสองชอบไอเดียนี้และจับไมค์เซ็นสัญญา

ไมค์ใช้เวลาหลายเดือนในสตูดิโอของแบรนสันและนิวแมนบันทึกเสียงงานชิ้นเอกของเขา ซึ่งปัจจุบันมีชื่อแล้วจากเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งที่ไมค์เองยังไม่ทราบชื่อในตอนแรก เขาบอกให้แบรนสันช่วยไปหาเจ้า ท่อเหล็กยาวๆที่แขวนๆเรียงกัน นั่นมาให้หน่อย

บันทึกเสียงเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะหาที่ทางในการขาย เป็นเรื่องน่าเศร้าอีกครั้งที่ไม่มีบริษัทแผ่นเสียงใดแยแสที่จะปั้มมันออกมา

แบรนสัน ตัดสินใจตั้งบริษัทแผ่นเสียงขึ้นมาเองในนาม Virgin Records และ Tubular Bells ก็เป็นแผ่นเสียงแผ่นแรกของสังกัด ออกเมื่อ 25 พ.ค. 1973 มันประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อในอังกฤษและยุโรป แต่ในอเมริกานั้นต้องรอจนมันไปโผล่ในหนัง The Exorcist ในแบบตัดตอนสั้นๆ3นาทียอดขายของ Tubular  Bells ถึงได้พุ่งถึง 16 ล้านแผ่นในเวลาต่อมา

ไมค์ปฏิเสธที่จะดูหนังเรื่องนี้จนกระทั่งปลายๆยุค 80s

เขาชอบมันไหม?

ผมหัวเราะแทบขาดใจตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะตอนที่เด็กผู้หญิงนั่นเริ่มทำหัวหมุนไปรอบๆ (นึกว่าขำตอนอ้วกสีเขียว) และไมค์คิดว่าดนตรีของเขาน่าจะไปอยู่ในหนังที่ชาญฉลาดกว่านี้

ท่านจะได้ยินเสียงของ Tubular Bells เพียงครั้งเดียวในแผ่นเสียง ท่อนสุดท้ายของพาร์ทแรก วิเวียน สแตนแชล แขกรับเชิญจากวง Bonzo Dog-Doo-Dah Band ประกาศเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นก่อนที่ไมค์จะเล่นมันด้วยท่วงทำนองเดียวกัน เสียงดนตรีชิ้นใหม่จะซ้อนทับลงไปบนเสียงเดิม(ที่ถอยห่างออกไป) เริ่มจาก "Grand piano; reed and pipe organ; glockenspiel; bass guitar; double speed guitar; two slightly distorted guitars; mandolin! Spanish guitar, and introducing acoustic guitar

And plus.TUBULAR BELLS!

หน้าปกแผ่นเสียงเป็นภาพ Tubular Bells ที่หักงอบิดเบี้ยว ราวกับจะผูกมัดอะไรบางอย่างให้ติดกับมันไปตลอดกาล

ที่มา
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=78565

[peacedev]

โอ้ ขา progressive มาแล้ว

ขอแจมด้วยคนครับ

Liquid Tension Experiment <-- ชอบทั้ง 2 อัลบั้มเลย เพราะทุกเพลง
Liquid Trio Experiment <-- ส่วนตัวชอบ Liquid Tension มากกว่า

[ไปดีมาดี]

ผมเพิ่งฟัง Progressive ได้ซัก 10ปีเองครับ

ชุดแรกที่ฟัง เพื่อนเอาเทปมายัดใส่มือ มันบอกว่าเอาไปลองดูว่าเล่นไหวป่าว
พอดูจากหน้าปก อ้อ กูเคยได้ยินมานานแล้วนีหว่า ได้ยินมาว่ากลองเก่งมาก
ชุดนั้นคือ Images & Words

Intro เพลงแรกมา Pull me under ขนาดฟังกับวิทยุไม่ได้ดีมาก รู้สึกได้ถึงซาวด์อัน พุ่ง อิ่ม แรง เลยนั่งฟังเฉยๆ (นั่งฟังอย่างเดียวจริงๆ) ไปจนจบทั้งม้วน  คิดกับตัวเองว่า ชุดนี้มันออกมาสิบปีแล้ว กูไปอยู่ในมาวะ?

แต่พอฟังมาเรื่อยๆ ก็ได้ออกจากกะลาว่า วงเก่าๆ กว่านั้น ก็เล่นกันดุเดือดมาตั้งหลายสิบปีแล้ว แต่ I&W มันเหมือนรักแรกหนะครับ

แต่หลังจากนั้น ผมก็มาพบกับ T-Square ชุด Gravity โดยบังเอิญ
ชุดนี้ผมซื้อที่เชียงใหม่ตอนไปฝึกงาน ซื้อเพราะเบื่อๆ เดินร้านเทป เห็นปกสวยดี เลยซื้อมาลอง (รู้สึกเป็นเหตุผลที่ ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ)
ตอนนี้ ชุดนี้กลายเป็น Album ที่ผมชอบที่สุดครับ ฟังได้เรื่อยๆ
(แต่พอไปฟัง T-Sq ชุดอื่นๆ ผมกลับไม่ค่อยชอบแฮะ)

[peacedev]

แต่หลังจากนั้น ผมก็มาพบกับ T-Square ชุด Gravity โดยบังเอิญ
ชุดนี้ผมซื้อที่เชียงใหม่ตอนไปฝึกงาน ซื้อเพราะเบื่อๆ เดินร้านเทป เห็นปกสวยดี เลยซื้อมาลอง (รู้สึกเป็นเหตุผลที่ ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ)
ตอนนี้ ชุดนี้กลายเป็น Album ที่ผมชอบที่สุดครับ ฟังได้เรื่อยๆ
(แต่พอไปฟัง T-Sq ชุดอื่นๆ ผมกลับไม่ค่อยชอบแฮะ)

สงสัยว่าพี่ เหาฉลามหาฉลาม ไม่ชอบ Sound แบบญี่ปุ่นมั้งครับ
วงนี้ผมฟังเกือบทุกอัลบัมเลย ชอบมือกีต้าร์มากครับ

[นักดูดาว]

ไหนๆเปิดใจมาฟังดนตรีบรรเลงแล้ว ผมอยากจะให้ลองฟังดนตรีให้กว้่างขวางมากกว่าเดิม ในความเห็นของผมหากฟัง progressive rock แล้ว จะก้าวข้ามไปฟังดนตรีในแนว program music  หรือ tone poem ได้ไม่ยากเย็น

แนะนำให้ท่านที่ฟัง prog rock ลองฟัง เพลงชุด Pictures at an exhibition ของ Modest Mussorgsky

ได้ความอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ[/img]

[peacedev]

ตามความรู้สึกนะครับ Pictures at an Exhibition เป็นเพลงชุดที่บรรเลงสะท้อนเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมยุคนั้นออกมาได้อย่างดี
ฟังตั้งแต่ต้นจนจบจะได้สัมผัสถึงอารมณ์เพลงอันหลากหลายไม่ซ้ำแบบ เหมือนเดินเข้าไปดูภาพที่เคลื่อนไหวได้ ในนิทรรศการภาพที่บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้อย่างหลากหลาย

เปิดขึ้นมาทีแรกหลังจากเพลงโหมโรง ก็จะเจอกับเพลง Gnomus ท่วงทำนองที่บรรเลงบนทางไมเนอร์ ให้ความรู้สึกพิศวงชวนสงสัย  ดำเนินบนจังหวะ 3/4 ให้ความรู้สึกตื่นต้นน่าสนใจน่าติดตาม
มีการเล่น ๆ หยุด ๆ เป็นพัก ๆ  เป็นช่วงที่ดึงดูดความสนใจ ...

ที่เหลือ ต้องลองฟังกันดูครับ

[peacedev]

ต่ออีกนิด
หลังจากตัดเข้าสู่เพลงโหมโรงบนเมเจอร์สเกลอันสว่างไสว ก็กลับเข้าสู่ความมืดสลัวบนทางไมเนอร์อีกครั้งในบทเพลง Il vecchio castello
ฟังแล้วนึกถึงประสาทหลังใหญ่ อ้างว้าง โอ่โถง และ สงบเงียบ

[peacedev]

โหมโรงอีกครั้งด้วยเพลงโหมโรงอันเจิดจ้า
นำโดยเสียงแตรทองเหลือง เป็นระยะเวลาสั้น ๆ แล้วต่อด้วยเพลง Tulleries

เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ไม่ใช่เพลงโหมโรงที่ดำเนินบทเพลงด้วยเมเจอร์สเกล เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทำให้นึกถึงภาพเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ทั้งเด็กชายเด็กหญิงในวัยที่เปี่ยมไปด้วยพลัง และ ความคิดสร้างสรรค์ ออกมาวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน

[FullStop]

วันนี้ขอแนะนำของไทย บ้างครับ จำรัส เศวตาภรณ์ ครับ
เพลินดีเหมือนกันครับ

[นักดูดาว]

แผ่นแนะนำ ครับ

บันทึกเสียงดี ดนตรีไพเราะ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อัลบัมชุดประวัติศาสตร์ของ Jazz Corners และ GMM Grammy
ที่ถือเป็นการยกระดับงานเพลงไทยไปอีกขั้นหนึ่ง
ด้วย 10 เพลงรักที่คุณรู้จักเป็นอย่างดี

Jazz Corners และ GMM Grammy มีความต้องการที่จะนำเพลงไทยนั้นไปสู่ตลาดระดับโลก แต่ข้อจำกัดทางภาษาทำให้งานไม่สามารถขยายวงออกไปได้มากอย่างที่ต้องการ ดังนั้น ทางหนึ่งที่น่าจะช่วยให้ข้อจำกัดนี้หมดไปคือการทำงานเพลงออกมาในแนวเพลงบรรเลง Jazz Corners จึงได้เริ่มต้นโปรเจ็กต์พิเศษนี้ขึ้นมา โดยการคัดเลือกงานเพลงที่คนไทยเรารู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีของแกรมมี่ นำมาทำในสไตล์ฟิวชั่นแจ๊ซ โดยให้ศิลปินระดับโลกมาร่วมงานด้วย เพื่อที่จะได้ก้าวออกไปสู่ทั่วโลกได้ง่ายยิ่งขึ้น และศิลปินรายแรกที่ได้รับเลือกให้มาทำโปรเจ็กต์นี้ได้แก่ บ๊อบ เจมส์ ด้วยความสามารถและชื่อเสียงของเขานั่นเอง



ชื่อของบ๊อบ เจมส์ นั้นเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในแวดวงแจ๊ซ นักฟังเพลงแจ๊ซทั่วโลกนั้นล้วนแต่รู้จักและคุ้นเคยกับผลงานของบ๊อบ เจมส์ มาเป็นเวลานาน เขาเป็นมือคีย์บอร์ดแจ๊ซชื่อดังที่มีผลงานออกมาตั้งแต่ปี 1963 จนถึงปัจจุบัน มีอัลบัมเดี่ยวออกมาแล้วกว่า 40 ชุด นอกจากงานเดี่ยวแล้ว ผลงานสร้างชื่อในช่วงหลังของเขาคือการทำงานกับกลุ่มเพื่อนนักดนตรีในนาม Fourplay ซึ่งถือเป็นวงฟิวชั่นแจ๊ซที่มีชื่อเสียงมากในช่วงสิบปีมานี้ เขาได้มาร่วมแสดงคอนเสิร์ต Bangkok Jazz Festival 2010 และมีความรู้สึกที่ดีกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก



Jazz Corners All Stars นั้นเป็นการรวบรวมนักดนตรี/โปรดิวเซอร์ฝีมือดีในแนวแจ๊ซที่อยู่ใต้ชายคาของ GMM Grammy มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชั้นดีขึ้นมา นำทีมโดย ชุมพล สุปัญโญ (มือกีตาร์ของ Infinity/โปรดิวเซอร์ชั้นแนวหน้า) พร้อมกับทีมงานชั้นดี อาทิ แมว - จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ที่ชื่นชอบและหลงใหลในดนตรีแจ๊ซมานานมาก แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักในแนวทางป๊อปร็อคก็ตาม, ซัน - รัตนะ วงศ์สรรเสริญ หนึ่งในศิลปินวง Dos และ QuarterTone, ดั๊ก - ธีรภัทร จันทบ หนึ่งในศิลปินวง แจ๊ซสหภรณ์ วงแจ๊ซดาวรุ่งที่กำลังมาแรงมากในตอนนี้
10 เพลงรักที่ถูกคัดเลือกมาทำขึ้นใหม่ในอัลบัมนี้ ได้แก่ เหมือนเป็นคนอื่น (เบิร์ด ธงไชย), เทรักคืนไป (ใหม่ เจริญปุระ), Misty Dale (Infinity), หมอกหรือควัน (เบิร์ด ธงไชย), พรุ่งนี้ไม่สาย (ทาทา ยัง), วิมานดิน (นันทิดา แก้วบัวสาย), พักตรงนี้ (เบิร์ด ธงไชย), คนของเธอ (แมว จิรศักดิ์), ขอเพียงที่พักใจ (มาลีวัลย์) และ ขอจันทร์ (วิยะดา โกมารกุล ณ นคร) 



บ๊อบ เจมส์ นั้นทำการบันทึกเสียงร่วมกับทีม Jazz Corners All-Star อย่างเป็นกันเองและเป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก เขาบรรเลงฝีมือคีย์บอร์ดในทั้ง 10 เพลงนี้ และยังทำหน้าที่เรียบเรียงดนตรีเอง 2 เพลง ได้แก่ เหมือนเป็นคนอื่น และ ขอจันทร์ ขณะที่เพลงอื่นๆ นั้นเป็นฝีมือการเรียบเรียงของกลุ่ม Jazz Corners All Stars นั่นเอง ซึ่งบ๊อบ เจมส์ นั้นยอมรับในฝีมือของนักดนตรีและทีมงานไทยเป็นอย่างมาก และยังบอกอีกด้วยว่า ทั้งสิบบทเพลงที่อยู่ในอัลบัมนี้ล้วนแต่มีท่วงทำนองที่ไพเราะ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งบ๊อบ เจมส์ เองยังเชื่อว่าน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของนักฟังเพลงทั่วโลกได้อย่างแน่นอน


แต่ละเพลงที่ถูกคัดเลือกมานั้นล้วนแต่มีความหมายพิเศษสำหรับทีมงานทั้งสิ้น เทรักคืนไป นั้นถูกเลือกมา เพราะนี่เป็นเพลงแรกที่พี่อ้อม  ชุมพลทำในค่ายแกรมมี่ ถือเป็นประวัติศาสตร์ส่วนตัว เช่นเดียวกับ Misty Dale ที่เป็นงานเพลงของ Infinity จึงอยากใส่เพลงนี้เข้าไปด้วย แมว จิรศักดิ์ เลือกเพลง คนของเธอ เพราะเป็นเพลงดังเพลงแรกของเขา ขณะที่ดั๊ก กับ ซัน เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่พี่อ้อมคัดมาอยู่ในค่าย งานชุดนี้จึงถือเป็นงานแจ้งเกิดในฐานะโปรดิวเซอร์ฝีมือดีอีกด้วย



ด้วยเหตุนี้ Jazz Corners All Stars featuring Bob James จึงเป็นอัลบัมที่ Jazz Corners และ GMM Grammy ภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง เป็นก้าวสำคัญในการนำเพลงไทยออกไปในระดับสากล พร้อมกับยกระดับคุณภาพงานเพลงแจ๊ซของไทยให้เทียบเคียงกับระดับโลกอีกด้วย 
พิสูจน์งานเพลงฟิวชั่นแจ๊ซคุณภาพเยี่ยมจากการร่วมงานกันของสุดยอดนักดนตรีจากอเมริกาและไทยได้แล้ว

รายชื่อเพลง 

ขอจันทร์ (Wishing on the Moon) 
เรียงเรียงโดย Bob James ทำนองโดยอภิไชย เย็นพูนสุข เนื้อร้องโดย เสาวลักษณ์ ลีละบุตร

วิมานดิน (Heaven on Earth) 
เรียงเรียงโดย ดั๊ก ธีรภัทร จันทบ ทำนองโดย อภิไชย เย็นพูนสุข เนื้อร้องโดย สุรักษ์ สุขเสวี

หมอกหรือควัน (Fog or Smoke) 
เรียงเรียงโดย ซัน รัตนะ วงศ์สรรเสริญ ทำนองโดย ชาตรี คงสุวรรณ เนื้อร้องโดย สีฟ้า

พักตรงนี้ (Rest Here) 
เรียงเรียงโดย ดั๊ก ธีรภัทร จันทบ ทำนองโดย อภิไชย เย็นพูนสุข เนื้อร้องโดย นิติพงษ์ ห่อนาค

เหมือนเป็นคนอื่น (Just Like Strangers) 
เรียงเรียงโดย Bob James ทำนองโดย ชาตรี คงสุวรรณ เนื้อร้องโดยเรวัต พุทธินันทน์

คนของเธอ (Your Man) 
เรียงเรียงโดย แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ทำนองโดย จิรศักดิ์ ปานพุ่ม เนื้อร้องโดย อาทิตย์ สาระจูฑะ

ขอเพียงที่พักใจ (Shelter in Your Heart) 
เรียงเรียงโดย ซัน รัตนะ วงศ์สรรเสริญ ทำนองโดย ปานสรวง ชุมสาย ณ อยุธยา เนื้อร้องโดย ธนา ชัยวรภัทร์

Misty Dale 
เรียบเรียงโดย พี่อ้อม ชุมพล สุปัญโญ ทำนองโดย ศรายุทธ สุปัญโญ

พรุ่งนี้ไม่สาย (Tomorrowll Be Ours) 
เรียงเรียงโดย ซัน รัตนะ วงศ์สรรเสริญ ทำนองโดย ธนา ลวสุต เนื้อร้องโดย วรัชยา พรหมสถิต

เทรักคืนไป (Throw It Back) 
เรียงเรียงโดย พี่อ้อม ชุมพล สุปัญโญ ทำนองโดย ชุมพล สุปัญโญ เนื้อร้องโดย นิติพงษ์ ห่อนาค