
option คือการพนันของแท้ เพราะมันเป็น zero sum game แต่มันก็สามารถใช้ป้องกันความเสี่ยงได้จากตลาดหุ้นที่ผันผวนนี่คือข้อดี....
เพื่อนๆคิดว่ายังไงกันบ้างครับ อิอิ
ขอลองคิดตามนะครับBelffet เขียน:ผมเห็นว่ากระทู้นี้เงียบหายไป ทั้งๆที่น่าจะนำมาขยายความสักหน่อยครับ
เอาเป็นว่าผมยกโจทย์ขึ้นมาสักข้อหนึ่ง แล้วลองมาถกเถียงกันดีไหมครับว่าจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
สมมติว่า ขณะนี้ ดัชนี SET50 อยู่ที่ 514
1. ซื้อ TDEX ที่ 5.14 จำนวน 20,000 หน่วย (สมมติอีกเช่นกันให้ TDEX ลอกดัชนี SET50 ตลอด) เป็น Port มูลค่า 102,800 บาท
2. Short SET50 Call Options 1 สัญญา ที่ At the money (S50M10C510) ได้เงินเป็นเครดิตเข้ามา 17.90x200 = 3,580 บาท = 3.48% ของ Port TDEX ที่เรามีอยู่
Options จะหมดอายุสิ้นเดือน มิ.ย. 53
ถ้าทำแบบนี้จะมีผลดี-ผลเสียอย่างไรบ้างครับ?
ปล. เพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์ตรงนี้ก็ตัดค่าคอมฯ และตัวแปรอื่นๆออกไปนะครับ
งงครับBelffet เขียน:ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณึุณ Mindtrick มากๆที่เข้ามาแชร์ข้อมูล จะได้จุดประกายสนุกๆครับ
อืมมม เท่าที่ดูที่คุณ Mindtrick เสนอมา ผมคิดว่ามันกลับหัวกลับหางกันนิดๆรึเปล่าครับ?
คือมี MOS (จำลอง) อยู่ 18 จุดนั้นใช่ครับ แต่การ Short Call คือขายสิทธิ์ที่จะซื้อ ดังนั้นถ้าหุ้นลงต่ำกว่า 4.96 เราจะยังได้ Premium จาก Options 3,850 บาท แต่จะขาดทุน(ทางบัญชี) จาก Port TDEX เกิน 3,850 บาท
แต่ถ้าหุ้นขึ้น เราจะขาดทุนจาก Options เพราะต้อง Long กลับ แพงกว่าที่ Short แต่เราจะได้กำไร (ทางบัญชี) จาก TDEX มาชดเชย
เอ๊ะ? ใช่หรือเปล่าครับ?
ถ้า...Belffet เขียน:.....
เมื่อกี้ผมเพิ่งร่าง สูตร Excel ขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยใช้ TDEX กับ การ Short Covered Call Options นี่แหละครับ
ผลสรุปที่ได้ก็ออกมาพอรับได้ครับ
1. ถ้าหุ้นขึ้น ผมต้องขาย TDEX ล้างพอร์ตเพื่อเอากำไรจาก TDEX มาชดเชยขาดทุนจาก Options จากนั้นด้วยตรรกะที่ว่าเมื่อหุ้นขึ้นมากๆแล้วมันจะค่อยๆลง ผมก็จะรอจังหวะใช้ทุนก้อนเดิมเข้าไปซื้อ TDEX ชุดใหม่แล้ว Short Call ใหม่
2. ถ้าหุ้นนิ่ง หรือ หุ้นลง ผมก็จะกอด TDEX ไว้ก่อน เพราะขาดทุนเป็นขาดทุนทางบัญชี จากนั้นก็เอา Premium ที่ได้ไปซื้อ TDEX เพิ่มเพื่อขยายพอร์ตครับ จากนั้นก็ Short Call ชุดใหม่ต่อเนื่องไปเลยเพราะยังไงก็ยังมีหุ้นอยู่
จากประสบการณ์อันน้อยนิดไม่กี่ปี ผมคิดว่า SET และ SET50 มีการขึ้นๆลงๆเป็นคลื่นเล็กๆอยู่ตลอดเวลา ถ้าเรารู้จักใช้โอกาสตรงช่วงนั้นหาประโยชน์แล้วรอวิกฤติลูกใหญ่แบบต้มยำกุ้งหรือแฮมเบอร์เกอร์ ผมคิดว่าก็เป็นกลยุทธ์ที่ฆ่าเวลาได้อย่างปลอดภัยพอสมควรน่ะครับ
ปล. แล้วสรุป MindTrick มาจากเพลงรึเปล่าครับ?
Belffet เขียน: วันที่ 28 พ.ค. 2553
เรียน ผู้เกี่ยวข้องทุกคน
ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดจากการทำหน้าที่ของ Broker thai ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการเผาบ้าน เผาเมือง ที่เลวร้ายสุดๆ แบบเหนือความคาดหมาย เหตุเกิดขึ้นในวันที่ คนไทยทั้งประเทศต้องร้องไห้อย่างเศร้าซึม ทั้งกระทบทางตรงและทางอ้อมต่อทุกคน กระผมอยากพูดถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่มีมากอยู่แล้วในการลงทุนตลาดตราสารอนุพันธ์ วันที่ 24 พ.ค. 2553 เปิดตลาดขึ้นมา ทุกคนรับทราบถึงหายนะที่เกิดกันทั้งประเทศอยู่แล้ว กระผมก็เตรียมรับมือกับการตกของหุ้นที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว โดยพยายามลดพอร์ทให้เล็กลงตามลำดับ แต่ด้วยความโชคร้าย กระผมถือสัญญาที่ต้องบริหารความเสี่ยงโดยวางเงิน มาร์จิ้นกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อจ่ายสำหรับ ผู้ซื้อสัญญา (Long Put) กับผม ในวันครบกำหนด กระผมลงทุนในตลาด Option ชึ่งมีสภาพคล่องน้อยมาก ทำให้การออกตัวเพื่อลดความเสียง ก็จะทำได้ลำบากมาก แต่ก็พยายามทำ จนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ในวันที่ 25 พ.ค. 2553 วันที่หุ้นตก ต่อเนื่องซึ่งผมมองว่าจะมีการ Rebound กลับ เพราะตกไปกว่า 40 จุด แล้วได้คุย กับ หัวหน้าฝ่ายอนุพันธ์ ที่คิดว่าเก่งที่สุดถึงแนวทางที่ จะรักษาสัญญาแล้วแก้ปัญหาการคิด margin ของport ว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ โดยขอสูตรคำนวณ เผื่อให้ทราบล่วงหน้า สำหรับกระผมเข่้าใจความเสี่ยงนั้นดี แต่ไม่สามารถรู้ว่าถ้าเกิดราคาset50 ตกลงมา marginจะเพิ่มเท่าไหร่ โดยคุยกับหัวหน้าอนุพันธ์ที่เก่งที่สุด ได้คำตอบคือไม่รู้ ต้องรอการคำนวณจากทางตลาด สิ่งที่ทราบมาว่านักลงทุนไทยรายย่อยที่ขายสัญญา ( short Put Option ) นั้นคิดคำนวณค่าความเสี่ยง 1.9 เท่า ส่วนสถาบัน คิดค่าความเสี่ยง 1.35 เท่า ต่างกันถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ชึ่งผมร้องให้ช่วยคิดค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผมว่าถ้าset ตกมานะจุดนี้ ผมจะขาดทุนไปเท่าไหร่ ซึ่งจะได้ทราบล่วงหน้า แต่ก็ไม่มีคำตอบ ไม่ได่้ช่วยอะไหร่เลย แล้วบอกว่าขอคุยกับทางตลาดหลักทรัพย์ได้ไหมสำหรับการคิดค่าความเสี่ยง ก็ไม่บอกว่าคุยกับ ด็อกเตอร์ชื่ออะไร แสดงถึงความไม่จริงใจในการช่วยแก้ปัญหา ทั้งๆที่คุยกันต้ังแต่เช้าก่อนตลาดเปิด จนเหตุการณ์เกิด การบังคับขาย (Force Sale) ซึ่งตลาดไม่มีสถาพคล่องก็ทำได้เพียงเล็กน้อย จนหัวหน้า โทรมาถามว่าจะปิดสัญญาไหม หรือจะหาเงินมาเติมในเวลานั้น ประมาณ 6 แสนกว่า กระผมก็ทราบว่าในเวลานั้นหาไม่ทัน แล้วเสนอว่าให้ขายสัญญาออกมา จะให้market marker ปิดให้ ผมก็เลยพูดไปว่า ก็เสนอมาจะซื้อในราคาเท่าไหร่ที่รับได้ที่สมเหตุผล ในเวลานั้น ยิ่งใกล้หมดเวลากระผมยิ่งเสียเปรียบเพราะถ้าไม่เติมเงินmargin ทางบริษัทจะทำการปิดสัญญาเอง จนนาทีสุดท้าย กระผมก็ได้คุยกับทางหัวหน่้าที่ผมขอความช่วยเหลือ ว่าอย่างงั้นก็ ปิดไป 30 สัญญา ก่อนก็แล้วกัน ปรากฏว่า เธอจากผู้รับฟังปัญหา ส่วมวิญญาณเสือร้าย เป็นผู้กระทำ (killer)ปิดสัญญา ไป291 สัญญา ซึ่งในขณะที่เธอโทรมาคุยว่าจะปิดสัญญานั้น ผมกำลังคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านอนุพันธ์ของตลาดหลักทรัพย์ถึงปัญหาการคำนวณมาร์จิ้น ผมได้บอกกับผู้เชี่ยวชาญท่านว่า เป็นพยานด้วยว่า เธอได้ทำอะไรลงไปในนาทีสุดท้าย ซึ่งผมรับไม่ได้ เธอทำการปิดสัญญาผมไป 291 สัญญา ใน20 นาที สุดท้าย ซึ่งปกติการซื้อขายต่อ strike price นั้นก็ไม่ถึง 100 สํญญา ต่อวัน ผลออกมา ผมก็ยังคงต้องหาเงินมาเติม 6 แสนกว่าบาท เหมือนเดิม ผมเจ็บปวด และมึนงงมาก เพราะผมสร้างพอร์ทนี้มาอย่าง บรรจงใช้เวลาเกือบ 2 เดือน อย่างค่อยเป็น ค่อยไป ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปิดตลาดขึ้นมาในวันที่ 26พ.ค.53 ตลาด rebound ขึ้นมากว่า 10 จุด เธอโทรมาถามด้วยความกระหยิ่ม ชอบใจในการทำหน้าที่ของเธอ แล้วถามผมว่าจะทำอย่างไร ผมตอบแบบมึนงง แถมชอร์กแทบหมดตัว ว่าคุณช่วยผมอย่างไง ทำไมผมยังต้องจ่ายเท่าเดิม ก็เลยเสนอว่าถ้าปิดพอร์ท ปิดทุกสัญญา จะเหลือเงิน อีกประมาณ 1 แสนบาท ผมก็ตอบแบบงงมึน เหมือนโดนน็อค ว่าคุณเป็นคนทำผมแล้ว ก็ทำต่อไปเถอะ ปรากฎว่า ปิดเที่ยงครึ่ง โทรมาบอกว่า ผมเป็นหนี้บริษัท ประมาณ 1 แสน จาก เหลือเงิน 1 แสน ผมยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เธอทำการปิดสัญญา 661 สัญญา ในเวลา 20 นาทีสุดท้าย ทั้งที่ตลาด Option แทบมีการเทรดกันวันหนึ่ง ไม่กี่ร้อยสัญญา เธอเก่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานได้.....สุดๆๆ ผมหมดตัวทันทีในวินาทีนั้น 2 ล้านกว่าบาท สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนสุดๆ ของBroker ไทยที่เพียงแต่ตอบว่าทำตามกฎที่ว่างไว้ กฎไม่ใช่มีไว้สำหรับ ผู้ที่ซื้อLong และขายShort กันไม่ใช่หรือ นั้นมันหมายความว่าอย่างไร หรือ มันมีประโยชน์ทับซ้อน ที่ Broker นี้ ได้ประโยชน์จากค่าคอม แล้วกำไรจากการขาดทุนย่อยยับของนักลงทุนเองหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ไม่รู้ใครจะเข้าไปจัดการแก้ไข ตรวจสอบเพื่อให้ทุกคนทำงานอย่างมีจริยธรรม และให้บ้านนี้ เมืองนี้ จะได้อยู่กันอย่างสงบ สันติ มิให้คิดแต่ผลประโยชน์ทับซ้อน จึงทำงานไม่โปร่งใส โดยใช้ความเสียเปรียบเป็นฐานที่ตั้ง และกระเสือกกระสนหาเงินกันแบบบ้าคลั่ง ไร้ซึ่งคุณธรรม ทำได้ทุกรูปแบบเพื่อเงิน
กระผมจึงขอวิงวอนผู้ที่เกี่ยวข้องมีอำนาจ หน้าที่ (มีคุณธรรม) ทุกฝ่่าย ตรวจสอบการกระทำดังกล่าว รวมทั้งนักลงทุนทุกท่านให้ระวัง ความจริงใจของBroker ของท่านนี้ด้วย ถ้ามีอะไรไร้ซึ่งความชอบธรรม ให้ช่วยกันแจ้ง แล้วให้ผู้มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ แก้ไข เพื่อวงการการลงทุนของไทยได้พัฒนาในทางที่ชอบธรรม สู้กับตลาดต่างประเทศได้ และเพื่อให้นักลงทุนไทยทุกท่าน อยู่ได้อย่างเป็นไท อีกทั้งบริษัม broker ของไทยก็ไม่ต้องถูก take over โดยต่างชาติอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ด้วยความรักและหวังดีต่อทุกคน
นักลงทุนภูธร (400030F)
ขอบคุณครับที่มาแชร์Belffet เขียน:ไม่ซีเรียสหรอกครับ ขำๆมากกว่า กระทู้นี้ไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่านเยอะมากมายน่ะครับ
ถึงคุณ MindTrick กลยุทธ์แบบของผมมีปัญหาตรงที่ ถ้าเกิดหุ้นลงเยอะ แล้วหมดอายุ จากนั้นกอด TDEX แล้ว Short Call ใหม่ At the money ที่ลงไปแล้วนั้น เกิดหุ้นขึ้นนิดเดียว ผมจะขาดทุนครับ ขาดทุนเยอะด้วย เพราะจะโดน Force ให้ขาย TDEX ขาดทุนครับ
ไม่แนะนำให้ใครทำแล้วนะครับ Model นี้
MindTrick เขียน: ถ้าถูก คือ รอ unlimit loss และติดหุ้น tdex ไม่รู้กี่ปี...ไม่รู้สึกแปลกๆหรอครับ น่าจะเป็นรอ unlimit gain หรือเปล่าครับ
ผม Short Put ในกรณีที่ต้องการ จะซื้อทีเด็กซ์เข้าโซนน่ะครับ แต่เหมือนกับว่า เอาพรีเมี่ยม มาเป็นส่วนลดในการซื้อBelffet เขียน:ยินดีอย่างยิ่งที่คุณ siebelize เข้ามาร่วมวงด้วย
ที่ไม่แนะนำให้ใช้ Covered Call อย่างเดียว แปลว่าต้อง Long Put ประกอบด้วยใช่ไหมครับ?
การทำ KZM เข้าซื้อขายเป็นโซน ถ้างั้นแต่ละโซนต้องมี TDEX 20,000 หน่วย จะเป็นเม็ดเงินที่สูงเกินไปหรือเปล่าครับ?
Belffet เขียน:กลยุทธ์ของคุณ Siebelize ล้ำหน้าไปอีก2ก้าว เพราะการ Short Put สัญญาเดียวก็เท่ากับทำ Covered Call 1โซนแล้ว ผมเองลืมนึกตรงนี้ไปจริงๆ