car free day ตลอดไปดีหรือเปล่า

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
121
Verified User
โพสต์: 843
ผู้ติดตาม: 0

car free day ตลอดไปดีหรือเปล่า

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มีแต่ข้อมูลดีๆเมื่อเกือบทศวรรษ

ไม่น่าเชื่อว่านานขนาดนั้น..

จากhttp://www.eppo.go.th/encon/press/encon-press25430929.html




ผลการดำเนินงานของการรณรงค์ในวัน Car Free Day
22 กันยายน 2543


คาร์ฟรีเดย์ ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2543

1. ความเป็นมา
ในวันที่ 22 กันยายน 2543 ประชาชนใน 848 เมือง ของ 25 ประเทศยุโรปและนอกยุโรป  ได้ร่วมรณรงค์ภายใต้โครงการคาร์ฟรีเดย์ (Car Free Day) เพื่อให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการหันมาใช้รูปแบบการเดินทางอื่นๆ นอกจากรถยนต์ส่วนตัว เช่น คาร์พูล-ทางเดียวกันไปด้วยกัน (Car Pool) การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ การใช้จักรยาน หรือ เดิน โดยมุ่งหวังให้ผู้ขับรถยนต์ส่วนตัวบางส่วนจะได้เปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง เพื่อลดการใช้น้ำมัน ลดปัญหามลภาวะทางอากาศและเสียง ปัญหาการจราจร และอุบัติเหตุ

ประเทศไทยได้ร่วมรณรงค์วันคาร์ฟรีเดย์ โดยใช้ชื่อโครงการ "22 กันยา จอดรถไว้บ้าน ช่วยกันประหยัดน้ำมัน" เพื่อปลุกจิตสำนึกและเผยแพร่วิธีการประหยัดน้ำมันในการเดินทาง โดยดึงกระแสการรณรงค์ประหยัดน้ำมันที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาเป็นแรงกระตุ้น โดยมีความคาดหวังว่า ประชาชนในเมืองใหญ่ต่างๆ เมื่อได้รับคำแนะนำเรื่องวิธีประหยัดน้ำมัน ที่ สพช. จัดพิมพ์ขึ้นเผยแพร่ จำนวน 50,000 ฉบับ ก็จะสนใจเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งวันคาร์ฟรีเดย์นอกจากจัดที่กรุงเทพมหานครแล้ว ยังมี เชียงใหม่ นครราชสีมา ตรัง อยุธยา เข้าร่วมรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยเดินทางด้วยคาร์พูล - ทางเดียวกันไปด้วยกัน (Car Pool) การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ จักรยาน หรือ เดิน หรือใช้วิธีอื่นๆ เช่น ดูแลรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี ขับรถอย่างระมัดระวังเพื่อการประหยัดน้ำมัน ใช้โทรศัพท์และโทรสารแทนการเดินทาง ตลอดจนวางแผนการเดินทางให้ดี เป็นต้น

2. เป้าหมาย
โครงการฯ มีเป้าหมายที่จะรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพฯ จอดรถยนต์ไว้ที่บ้าน ร้อยละ 10 ของรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ หรือประมาณ 130,000 คัน และจะประหยัดน้ำมันได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 ลิตร คิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 7,000,000 บาท และเนื่องจาก สพช. มีข้อจำกัดด้านการวัดผลกิจกรรมในต่างจังหวัด จึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายการรณรงค์ในต่างจังหวัดไว้

3. การดำเนินงาน
สพช. ได้ขอความร่วมมือจากองค์กรร่วมจัดรวมทั้งสิ้น 11 หน่วยงาน โดยแบ่งเป็นกลุ่มองค์กรที่ให้บริการขนส่งมวลชน และองค์กรที่ร่วมทำการประเมินสถานการณ์ เตรียมความพร้อม และตรวจวัดผลการรณรงค์ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการประชาสัมพันธ์ ปี 2543 เป็นจำนวนเงิน 1,600,000 บาท เพื่อผลิตเอกสารเผยแพร่ โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ ป้ายผ้า เสื้อยืดรณรงค์ และลงสื่อสิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ ทางหนังสือพิมพ์ในช่วงก่อนวันรณรงค์ เพื่อสร้างความตื่นตัว และให้ข้อมูลข่าวสารถึงทางเลือกต่างๆ ของการเดินทาง และยังได้ทำการประชาสัมพันธ์โดยตรง ผ่านทางหน่วยงานที่เคยติดต่อประสานงานกับ สพช. รวมถึงองค์กรที่ได้เคยผ่านการอบรมเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน 700 องค์กรอีกด้วย

อีกกลุ่มที่มีความสำคัญในการช่วยสร้างกระแสรณรงค์ในครั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้จักรยาน เช่น ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ชมรมเพื่อนจักรยานกรุงเทพ ชมรมจักรยานสวนธน เป็นต้น ซึ่งได้จัดการขี่จักรยานรณรงค์ขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2543 และเย็นของวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2543 โดยมีผู้เข้าร่วมขบวนถึง 400 คน และ 1,000 คน ตามลำดับ

และในวันคาร์ฟรีเดย์ วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2543 นั้น สพช. ได้จัดตั้งศูนย์รายงานผลวันคาร์ฟรีเดย์ขึ้น บริเวณสะพานลอยหน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ และมีผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) และกองบังคับการตำรวจจราจร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมทำการประมวลข้อมูล และประเมินผลตลอดทั้งวัน

4. การวัดผล
ด้านการจราจร
สภาพการจราจรโดยทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครคล่องตัวขึ้น โดยกองบังคับการตำรวจจราจร ได้รายงานว่า ในช่วงเช้าการจราจรบนถนนคล่องตัวขึ้น ร้อยละ 5-10 และบนทางด่วนมีการจราจรเบาบางลง ร้อยละ 10-20 ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของผู้ใช้บริการทางด่วนขั้นที่สอง ในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน ที่ลดลงจากวันศุกร์ที่ 15 กันยายนร้อยละ 14.7 (340,000 คัน เทียบกับ 390,000 คัน) อย่างไรก็ดีในช่วงสาย บริเวณย่านธุรกิจการค้า ยังคงมีการใช้รถยนต์อยู่มากตามความจำเป็น และในช่วงเย็นเนื่องจากมีฝนตกในหลายพื้นที่ จึงทำให้บางเส้นทางมีการจราจรติดขัดบ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับวันก่อนและวันศุกร์โดยทั่วไป นับว่าการจราจรเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น

จากสำรวจปริมาณและความเร็วของการจราจร โดยกองสารสนเทศจราจร สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. พบว่าความเร็วเฉลี่ยบนถนนเส้นหลักสูงขึ้น เทียบกับการสำรวจครั้งล่าสุด และปริมาณรถสามารถผ่านถนนได้มากขึ้นในระยะเวลาที่เท่ากัน โดยถนนหลักคือ พญาไท วิภาวดีรังสิต เพชรเกษม และพหลโยธิน ในช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็น ทั้งขาเข้าและขาออก มีอัตราความเร็วเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 20-80%

ด้านการใช้บริการรถสาธารณะ
เปรียบเทียบการใช้บริการระหว่างวันที่ 21 และ 22 กันยายน 2543 ของรถสาธารณะ 4 ประเภท ขสมก. รถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าบีทีเอส และไมโครบัส มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 3,082,785 คน เป็น 3,324,326 คน เพิ่มขึ้น 241,542 คน คิดเป็น 7.84%

ขสมก. มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 192,927 คน คิดเป็นร้อยละ 6.9 จาก 2,799,232 คน เป็น 2,992,159 คน
รถไฟ (ชานเมือง) มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 21,500 คน คิดเป็น 35.9% จากเฉลี่ยวันละ 60,000 คน เป็น 81,500 คน
รถไฟฟ้า BTS มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 24,868 คน คิดเป็นร้อยละ 14.9 จาก 166,522 คน เป็น 191,390 คน
ไมโครบัส มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2,246 คน คิดเป็นร้อยละ 3.9 จาก 57,031 คน เป็น 59,277 คน
ด้านคุณภาพอากาศ
กรมควบคุมมลพิษ ได้ติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 13 สถานี ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเลือกใช้สารมลพิษที่มีแหล่งกำเนิด จากยานพาหนะเป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบ ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) โดยเปรียบเทียบกับปริมาณสารมลพิษ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน และวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2543

จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ในภาพรวมพบว่า คุณภาพอากาศของวันศุกร์ที่ 22 กันยายน มีคุณภาพดีกว่าในวันที่ 21 กันยายน ร้อยละ 9 และดีกว่าวันศุกร์ที่ 15 กันยายน ร้อยละ 25
ผลการตรวจในวันที่ 22 ก.ย. เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 21 ก.ย. พบว่าปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) ลดลง 16% ในขณะที่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ลดลง 2%
ผลการตรวจในวันที่ 22 ก.ย. เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งเป็นวันศุกร์เหมือนกัน พบว่าปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) ลดลง 29% ในขณะที่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ลดลง 21%
5. สรุปผล
สามารถสรุปได้ว่าการรณรงค์ "22 กันยา จอดรถไว้บ้าน ช่วยกันประหยัดน้ำมัน" หรือวัน Car Free Day ครั้งแรกของประเทศไทย ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยได้ผลใกล้เคียงกับเป้าหมายของการรณรงค์ จึงทำให้คุณภาพอากาศและการจราจรดีขึ้นนั้น จะเห็นได้จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ปริมาณและความคล่องตัวของการจราจร ปริมาณผู้ใช้บริการการทางพิเศษที่ลดลง ตลอดจนผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะที่ เพิ่มขึ้น ไม่รวมถึงความตื่นตัวของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปที่มีต่อโครงการ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างจิตสำนึกและทัศนคติที่ดี รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในอนาคตอีกด้วย

สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) ได้ประเมินผลสภาพการจราจรและการลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ในวันศุกร์ที่ 22 ก.ย. 2543 เมื่อเปรียบเทียบกับวันศุกร์ที่ 15 ก.ย. 2543 จากจุดตรวจวัด 3 จุดตลอด 24 ชั่วโมง คือ ถ.พหลโยธิน ถ.สิรินธร ถ.เพชรบุรี พบว่าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนมีปริมาณรถลดลง 10.9% และตลอดทั้งวันมีปริมาณรถลดลง 5.3% คิดเป็นจำนวนรถส่วนบุคคลที่ลดไปจากถนน 76,000 คัน จากปริมาณรถที่วิ่งอยู่เป็นประจำ 1.4 ล้านคัน

สจร. รายงานว่า จากสภาพการจราจรบนถนนลาดพร้าว ระหว่างเวลา 06.30-08.30 น. ของวันที่ 22 ก.ย. มีความเร็วเพิ่มขึ้นจาก 21.1 กม./ชม. เป็น 22.7 กม./ชม. คิดเป็นค่าความเร็วที่ดีขึ้น 1.6 กม./ชม. ผลของความเร็วรถที่ดีขึ้น หากใช้ถนนลาดพร้าวเป็นตัวแทนของถนนสายต่างๆ ในกทม. จะสามารถคำนวณการประหยัดความสูญเสียทางเศรษฐกิจตามมาตรฐานดังนี้ คือ ความเร็วรถที่เพิ่มขึ้น 1 กม./ชั่วโมง จะประหยัดมูลค่าความสูญเสียได้ 3 ล้านบาท คิดเป็นประหยัดความสูญเสียได้ 67.2 ล้านบาทต่อวัน (คำนวณเฉพาะเวลาที่รถติดในแต่ละวัน โดยใช้ พ.ศ.2541 เป็นมาตรฐานสภาพจราจรหนาแน่นเฉลี่ยวันละ 14 ชม.)

สพช. ได้ใช้โอกาสนี้ในการศึกษาความคิดเห็นจากประชาชน 1,200 คน ในเขตกรุงเทพฯ ที่มีต่อการรณรงค์ รวมถึงขอทราบข้อเสนอแนะ ที่จะนำไปสู่การวางนโยบายในการส่งเสริมให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาวต่อไป โดยผลการสำรวจจะรายงานให้ทราบต่อไป




ผลด้านจราจร และปริมาณมลพิษ จากการรณรงค์
คาร์ฟรีเดย์


คาร์ฟรีเดย์ ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2543

ปริมาณมลพิษ โดย กรมควบคุมมลพิษ
กรมควบคุมมลพิษตรวจวัดคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ จาก 13 สถานี ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเลือกวัดสารมลพิษที่มีแหล่งกำเนิดมาจากยานพาหนะ เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบ ได้แก่ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) และฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) โดยเปรียบเทียบ วันที่ 22 ก.ย. 43 กับ 21 ก.ย. 43 และวันที่ 15 ก.ย. 43 ซึ่งเป็นวันศุกร์เหมือนกัน

เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของมลพิษ (%)

มลพิษ เปรียบเทียบ
วันที่ 22 ก.ย. กับ 21 ก.ย. 43 เปรียบเทียบ
วันที่ 22 ก.ย. กับ 15 ก.ย. 43
ฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) ลดลง 16% ลดลง 29%
คาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ลดลง 2% ลดลง 21%
รวม (CO+PM10) ลดลง 9% ลดลง 25%

อัตราความเร็วของรถ โดย กทม.
อัตราความเร็วช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า เวลา 7.00-9.00 น.

ขาเข้า เวลา 7.00-9.00 น.
ถนน แยก ข้อมูล(ครั้งล่าสุด)
(ก.ม./ช.ม.) ข้อมูล 22 ก.ย. 43
(ก.ม./ช.ม.) เพิ่ม/ลด %
พญาไท อนุสาวรีย์ฯ - สามย่าน 10.01 18.50 84.86
วิภาวดีรังสิต ปากทางลาดพร้าว-ด่วนดินแดง 22.26 23.84 7.08
เพชรเกษม ม.เศรษฐกิจ-วงเวียนใหญ่ 23.26 28.00 20.38
พหลโยธิน หลักสี่-อนุสาวรีย์ฯ 15.48 20.23 30.68




ขาออก เวลา 7.00-9.00 น.
ถนน แยก ข้อมูล(ครั้งล่าสุด)
(ก.ม./ช.ม.) ข้อมูล 22 ก.ย. 43
(ก.ม./ช.ม.) เพิ่ม/ลด %
พญาไท สามย่าน-อนุสาวรีย์ฯ 9.52 16.62 74.57
วิภาวดีรังสิต ด่วนดินแดง-ปากทางลาดพร้าว 19.81 25.31 27.76
เพชรเกษม วงเวียนใหญ่-ม.เศรษฐกิจ 38.98 44.16 13.29
พหลโยธิน อนุสาวรีย์ฯ-หลักสี่ 17.95 21.57 20.17

อัตราความเร็วช่วงเวลาเร่งด่วนบ่าย เวลา 16.00-18.00 น.

ขาเข้า เวลา 16.00-18.00 น.
ถนน แยก ข้อมูล(ครั้งล่าสุด)
(ก.ม./ช.ม.) ข้อมูล 22 ก.ย. 43
(ก.ม./ช.ม.) เพิ่ม/ลด %
พญาไท อนุสาวรีย์ฯ - สามย่าน 10.87 13.00 19.60
วิภาวดีรังสิต ปากทางลาดพร้าว-ด่วนดินแดง 19.89 35.00 75.97
เพชรเกษม ม.เศรษฐกิจ-วงเวียนใหญ่ 27.21 32.27 18.60
พหลโยธิน หลักสี่-อนุสาวรีย์ฯ 15.12 19.00 25.66




ขาออก เวลา 16.00-18.00 น.
ถนน แยก ข้อมูล(ครั้งล่าสุด)
(ก.ม./ช.ม.) ข้อมูล 22 ก.ย. 43
(ก.ม./ช.ม.) เพิ่ม/ลด %
พญาไท สามย่าน-อนุสาวรีย์ฯ 6.74 6.00 -10.98
วิภาวดีรังสิต ด่วนดินแดง-ปากทางลาดพร้าว 11.67 45.00 285.60
เพชรเกษม วงเวียนใหญ่-ม.เศรษฐกิจ 22.20 28.66 29.10
พหลโยธิน อนุสาวรีย์ฯ-หลักสี่ 21.00 32.41

การใช้บริการขนส่งสาธารณะ
เปรียบเทียบจำนวนผู้โดยสารระบบขนส่งสาธารณะ วันที่ 22 ก.ย.43 และวันที่ 15 , 21 ก.ย. 43

 ปริมาณผู้โดยสาร (คน)
 22 ก.ย. 43 21 ก.ย. 43 แตกต่าง
(คน) (%) 15 ก.ย. 43 แตกต่าง (%)
ขสมก. 2,992,159 2,799,232 192,927 (6.89) - -
รฟท.(ชานเมือง) 81,500 60,000 21,500 (35.83) - -
BTS 191,390 166,522 24,868 (14.93) 186,161 2.81
ไมโครบัส 59,277 57,031 2,246 (3.94) 58,767 0.87
รวม 3,324,326 3,082,785 241,542 (7.84) -
โพสต์โพสต์