อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่นล้าน
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่นล้าน
โพสต์ที่ 1
อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5 หมื่นล้าน
นับเป็นปีที่ 14 แล้ว ที่วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะ
พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้น
ไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2551 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้
ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2551 จำนวน 5,095 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม
ทั้งสิ้น 397,901 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 ถึง 78,285 ล้านบาท หรือลดลง 16.44%
ความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยที่มีมูลค่าลดลงถึงกว่า 78,000 ล้านบาทในปีนี้
เนื่องมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ซึ่งใช้เป็นฐานในการ
คำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นของบรรดาเศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 นั้นปรับตัวลดลงถึง
248.96 จุดจากปี 2550 โดยปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 596.94 จุด ลดลง 29.45%% ซึ่งเป็น
ผลจากวิกฤติการเงินโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศ
สำหรับผลการจัดอันดับในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2551
ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธาน
กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บิ๊กบอสแห่งวงการพัฒนา
อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการรักษาตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไว้ได้อีก
ครั้งเป็นปีที่ 6 โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 14,657.45 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น
บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.98% มูลค่า 14,633.23 ล้านบาท และ บมจ.แมนดา
รินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า 4.21 ล้านบาท
สำหรับเส้นทางการครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยของอนันต์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่ปี
2537 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 21,680.33 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ทิ้งห่างไป 7 ปี จึงได้กลับ
มาติดอันดับหนึ่งอีกครั้งในปี 2545 ถือครองหุ้นมูลค่า 9,858.16 ล้านบาท และปี 2546
ถือครองหุ้นมูลค่า 16,373.37 ล้านบาท เว้นไป 2 ปีก็ทวงแชมป์กลับคืนมา โดยครั้งนี้อยู่
ในอันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปี คือปี 2549 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,139.86 ล้านบาท ปี
2550 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,230.23 ล้านบาท และในปี 2551 ที่ยังถือครองหุ้นมูลค่าสูง
สุดถึง 14,657.45 ล้านบาท
ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แห่งพฤกษาเรียล
เอสเตท หรือ PS ซึ่งครองตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 3 ปีแล้ว โดยปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม
9,599.16 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 61.85% รวยลดลง 1,554.79 ล้าน
บาท หรือ 13.94% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวลดลงถึง 13.93%
สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ นาย
แพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือหมอเสริฐ แห่งบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือหุ้น
บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) 13.55% และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV)
0.79% รวมมูลค่า 5,111.20 ล้านบาท ลดลง 1,167.80 ล้านบาท หรือ 18.60% เศรษฐี
หุ้นอันดับ 4 ไต่ขึ้นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 โดย
ถือครองหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) 11.42% มูลค่ารวม 4,864.92 ล้านบาท รวยลดลง
433.96 ล้านบาท หรือ 8.19%
ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่าง นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาท สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แห่ง
โอสถสภา ไต่อันดับเศรษฐีหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากอันดับ 10 ในปี 2549 มาอยู่ใน
อันดับ 9 เมื่อปี 2550 และขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ในปี 2551 โดยปีนี้นิติลงทุนในหุ้นทั้ง
หมด 16 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 4,372.48 ล้านบาท ลดลง 901.70 ล้าน
บาท หรือ 17.10% เนื่องจากราคาหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
สำหรับนิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของ เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลี่ยนไทย ยังรักษา
อันดับ 7 ไว้ได้เป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท ลดลง 1,774.28 ล้าน
บาท หรือ 32.82% ประกอบด้วย บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 11.03%
บมจ.โรงแรมโอเรียนเต็ล (OHTL) 21.91% และ บมจ.โพส พับบลิชชิ่ง (POST) 2.52%
เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ แกรมมี่ อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ปีนี้ขยับขึ้นมา
เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 25 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากปีนี้ราคา
หุ้น บมจ.แกรมมี่ (GRAMMY) ที่ถืออยู่ 55.34% ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 31.92% ทำให้มูลค่า
หุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 3,525.75 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 1,165.77 ล้านบาท หรือ
49.40%
เช่นเดียวกับประชุม มาลีนนท์ ที่ก้าวขึ้นจากอันดับ 12 มาเป็นเศรษฐีหุ้นใน
อันดับ 9 รวย 3,390.01 ล้านบาท จากการถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) 7.86% บมจ.
ศิครินทร์ (SKR) 3.87% และ บมจ.ชูไก (CRANE) 0.71% ตามติดด้วยเศรษฐีหุ้นอันดับ
10 อัมพร มาลีนนท์ ที่ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว รวย 3,363.08 ล้านบาท ถือ
หุ้น BEC 7.86% และ SKR 1.60%
ทั้งนี้นอกจากประชุม และอัมพร มาลีนนท์ ยังมีเศรษฐีหุ้นที่เป็นเครือญาติใน
ตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 ได้แก่ ประวิทย์ รัตนา ประสาร นิภา ปิยวดี สกล
ศรี แคทลีน และเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ซึ่งเมื่อรวมมูลค่าหุ้นของเครือญาติทั้ง 10 คน
แล้ว ส่งผลให้ตระกูลมาลีนนท์ครองอันดับ 1 ของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้อีกครั้งในปีนี้
โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 24,426.93 ล้านบาท ลดลง 2,045.23 ล้านบาท หรือ
7.73% ซึ่งหุ้นที่ตระกูลมาลีนนท์ถือครอง ได้แก่ ถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) บมจ.
ศิครินทร์ (SKR) บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) และบมจ.ไอที ซิตี้ (IT)
สำหรับตระกูลอัศวโภคิน ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อีกปีหนึ่ง จากการถือหุ้น
ของธุรกิจในตระกูล ได้แก่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล
(MANRIN) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) ของ 7 เครือ
ญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา อภิชิต และอาชวิน อัศวโภคิน รวมมูลค่าหุ้น
ที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,684.70 ล้านบาท ลดลง 156.17 ล้านบาท หรือ
0.88%
อันดับ 3 เป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบ
รนด์ พฤกษา ที่ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นการถือหุ้น บมจ.พฤกษา
(PS) ร่วมกันของครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ นำโดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้ง
ทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รวมมูลค่า 11,409.66 ล้านบาท ลดลง 1,848.04
ล้านบาท หรือ 13.94%
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐี
หุ้นมากที่สุดถึง 25 คน ปีนี้อยู่ในอันดับ 4 โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 10,916.73 ล้านบาท ลด
ลง 5,174.62 ล้านบาท หรือ 32.16% โดยหุ้นที่กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้น
ของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา
(CENTEL), บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ (BIGC), บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง (ABICO) และ
บมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง (DM)
และอันดับ 5 ยังเป็นของตระกูลปราสาททองโอสถ ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถือครอง
รวม 6,624.74 ลดลง 1,192.89 ล้านบาท หรือ 15.26% จากการถือครองหุ้นของ นาย
แพทย์ปราเสิรฐ-ปรมาภรณ์-พล.ต.ต.วิสนุ และ สมิทธ์ ปราสาททองโอสถ ในโรงพยาบาล
ชื่อดัง อย่าง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) และโรงพยาบาลนนทเวช (NTV) รวมทั้ง
บมจ.นวลิสซิ่ง (NVL) บมจ.บล.ไซรัส (SYRUS) และ บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR)
ส่วนตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตกลงมาหนึ่งอันดับ
จากอันดับ 47 มาอยู่อันดับ 48 ในปีนี้ โดยรวยลดลงเหลือ 1,369.31 ล้านบาท หรือลด
ลง 18.98% ซึ่งลูกสาวคนโต พิณทองทา ชินวัตร และลูกสาวคนสุดท้อง แพทองธาร
ชินวัตร ยังคงเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 108 ทั้งคู่ ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) ในสัด
ส่วนที่เท่ากันคือ 28.97% มูลค่า 627.69 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถือหุ้น
บมจ.โรงพยาบาลวิภาวีดี (VIBHA) และ SC รวมมูลค่าเพียง 6.45 ล้านบาท
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 15/12/08 เวลา 11:19:54
นับเป็นปีที่ 14 แล้ว ที่วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะ
พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้น
ไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2551 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้
ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2551 จำนวน 5,095 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม
ทั้งสิ้น 397,901 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 ถึง 78,285 ล้านบาท หรือลดลง 16.44%
ความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยที่มีมูลค่าลดลงถึงกว่า 78,000 ล้านบาทในปีนี้
เนื่องมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ซึ่งใช้เป็นฐานในการ
คำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นของบรรดาเศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 นั้นปรับตัวลดลงถึง
248.96 จุดจากปี 2550 โดยปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 596.94 จุด ลดลง 29.45%% ซึ่งเป็น
ผลจากวิกฤติการเงินโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศ
สำหรับผลการจัดอันดับในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2551
ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธาน
กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บิ๊กบอสแห่งวงการพัฒนา
อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการรักษาตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไว้ได้อีก
ครั้งเป็นปีที่ 6 โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 14,657.45 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น
บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.98% มูลค่า 14,633.23 ล้านบาท และ บมจ.แมนดา
รินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า 4.21 ล้านบาท
สำหรับเส้นทางการครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยของอนันต์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่ปี
2537 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 21,680.33 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ทิ้งห่างไป 7 ปี จึงได้กลับ
มาติดอันดับหนึ่งอีกครั้งในปี 2545 ถือครองหุ้นมูลค่า 9,858.16 ล้านบาท และปี 2546
ถือครองหุ้นมูลค่า 16,373.37 ล้านบาท เว้นไป 2 ปีก็ทวงแชมป์กลับคืนมา โดยครั้งนี้อยู่
ในอันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปี คือปี 2549 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,139.86 ล้านบาท ปี
2550 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,230.23 ล้านบาท และในปี 2551 ที่ยังถือครองหุ้นมูลค่าสูง
สุดถึง 14,657.45 ล้านบาท
ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แห่งพฤกษาเรียล
เอสเตท หรือ PS ซึ่งครองตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 3 ปีแล้ว โดยปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม
9,599.16 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 61.85% รวยลดลง 1,554.79 ล้าน
บาท หรือ 13.94% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวลดลงถึง 13.93%
สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ นาย
แพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือหมอเสริฐ แห่งบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือหุ้น
บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) 13.55% และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV)
0.79% รวมมูลค่า 5,111.20 ล้านบาท ลดลง 1,167.80 ล้านบาท หรือ 18.60% เศรษฐี
หุ้นอันดับ 4 ไต่ขึ้นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 โดย
ถือครองหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) 11.42% มูลค่ารวม 4,864.92 ล้านบาท รวยลดลง
433.96 ล้านบาท หรือ 8.19%
ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่าง นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาท สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แห่ง
โอสถสภา ไต่อันดับเศรษฐีหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากอันดับ 10 ในปี 2549 มาอยู่ใน
อันดับ 9 เมื่อปี 2550 และขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ในปี 2551 โดยปีนี้นิติลงทุนในหุ้นทั้ง
หมด 16 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 4,372.48 ล้านบาท ลดลง 901.70 ล้าน
บาท หรือ 17.10% เนื่องจากราคาหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
สำหรับนิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของ เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลี่ยนไทย ยังรักษา
อันดับ 7 ไว้ได้เป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท ลดลง 1,774.28 ล้าน
บาท หรือ 32.82% ประกอบด้วย บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 11.03%
บมจ.โรงแรมโอเรียนเต็ล (OHTL) 21.91% และ บมจ.โพส พับบลิชชิ่ง (POST) 2.52%
เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ แกรมมี่ อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ปีนี้ขยับขึ้นมา
เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 25 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากปีนี้ราคา
หุ้น บมจ.แกรมมี่ (GRAMMY) ที่ถืออยู่ 55.34% ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 31.92% ทำให้มูลค่า
หุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 3,525.75 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 1,165.77 ล้านบาท หรือ
49.40%
เช่นเดียวกับประชุม มาลีนนท์ ที่ก้าวขึ้นจากอันดับ 12 มาเป็นเศรษฐีหุ้นใน
อันดับ 9 รวย 3,390.01 ล้านบาท จากการถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) 7.86% บมจ.
ศิครินทร์ (SKR) 3.87% และ บมจ.ชูไก (CRANE) 0.71% ตามติดด้วยเศรษฐีหุ้นอันดับ
10 อัมพร มาลีนนท์ ที่ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว รวย 3,363.08 ล้านบาท ถือ
หุ้น BEC 7.86% และ SKR 1.60%
ทั้งนี้นอกจากประชุม และอัมพร มาลีนนท์ ยังมีเศรษฐีหุ้นที่เป็นเครือญาติใน
ตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 ได้แก่ ประวิทย์ รัตนา ประสาร นิภา ปิยวดี สกล
ศรี แคทลีน และเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ซึ่งเมื่อรวมมูลค่าหุ้นของเครือญาติทั้ง 10 คน
แล้ว ส่งผลให้ตระกูลมาลีนนท์ครองอันดับ 1 ของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้อีกครั้งในปีนี้
โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 24,426.93 ล้านบาท ลดลง 2,045.23 ล้านบาท หรือ
7.73% ซึ่งหุ้นที่ตระกูลมาลีนนท์ถือครอง ได้แก่ ถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) บมจ.
ศิครินทร์ (SKR) บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) และบมจ.ไอที ซิตี้ (IT)
สำหรับตระกูลอัศวโภคิน ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อีกปีหนึ่ง จากการถือหุ้น
ของธุรกิจในตระกูล ได้แก่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล
(MANRIN) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) ของ 7 เครือ
ญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา อภิชิต และอาชวิน อัศวโภคิน รวมมูลค่าหุ้น
ที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,684.70 ล้านบาท ลดลง 156.17 ล้านบาท หรือ
0.88%
อันดับ 3 เป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบ
รนด์ พฤกษา ที่ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นการถือหุ้น บมจ.พฤกษา
(PS) ร่วมกันของครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ นำโดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้ง
ทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รวมมูลค่า 11,409.66 ล้านบาท ลดลง 1,848.04
ล้านบาท หรือ 13.94%
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐี
หุ้นมากที่สุดถึง 25 คน ปีนี้อยู่ในอันดับ 4 โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 10,916.73 ล้านบาท ลด
ลง 5,174.62 ล้านบาท หรือ 32.16% โดยหุ้นที่กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้น
ของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา
(CENTEL), บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ (BIGC), บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง (ABICO) และ
บมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง (DM)
และอันดับ 5 ยังเป็นของตระกูลปราสาททองโอสถ ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถือครอง
รวม 6,624.74 ลดลง 1,192.89 ล้านบาท หรือ 15.26% จากการถือครองหุ้นของ นาย
แพทย์ปราเสิรฐ-ปรมาภรณ์-พล.ต.ต.วิสนุ และ สมิทธ์ ปราสาททองโอสถ ในโรงพยาบาล
ชื่อดัง อย่าง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) และโรงพยาบาลนนทเวช (NTV) รวมทั้ง
บมจ.นวลิสซิ่ง (NVL) บมจ.บล.ไซรัส (SYRUS) และ บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR)
ส่วนตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตกลงมาหนึ่งอันดับ
จากอันดับ 47 มาอยู่อันดับ 48 ในปีนี้ โดยรวยลดลงเหลือ 1,369.31 ล้านบาท หรือลด
ลง 18.98% ซึ่งลูกสาวคนโต พิณทองทา ชินวัตร และลูกสาวคนสุดท้อง แพทองธาร
ชินวัตร ยังคงเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 108 ทั้งคู่ ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) ในสัด
ส่วนที่เท่ากันคือ 28.97% มูลค่า 627.69 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถือหุ้น
บมจ.โรงพยาบาลวิภาวีดี (VIBHA) และ SC รวมมูลค่าเพียง 6.45 ล้านบาท
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 15/12/08 เวลา 11:19:54
- K o S o L
- Verified User
- โพสต์: 451
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่น
โพสต์ที่ 3
[quote="vichit"]
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
ผมมือใหม่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1088
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่น
โพสต์ที่ 4
[quote="K o S o L"][quote="vichit"]
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
-
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่น
โพสต์ที่ 5
[quote="chaichat"][quote="K o S o L"][quote="vichit"]
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ที่ตกเป็นของ พวงพันธุ์ บูลศักดิ์ นักลงทุน
รายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
3,776.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาท หรือ 530.27% ประกอบด้วย บมจ.
ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็น
อันดับ 2 ใน บมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี.
อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่นล้าน
โพสต์ที่ 8
อนันต์แชมป์6ปีซ้อน
รวยหุ้น1.5หมื่นล้าน
"อนันต์"เจ้าพ่ออสังหาฯไทย คว้าแชมป์รวยหุ้น 6 สมัยซ้อน หลังปี51 ทำได้กว่า 15,000ล้านบาท ส่วนรองแชมป์ยังคนเดิม"ทองมา"แห่งค่ายพฤษาเรียเอสเตท ขณะที่"หมอเสริฐ"แห่งบางกอกเอย์เวย์ ปีนี้คึกคักขยับสู่เบอร์ 3
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 โดยภาพรวมเศรษฐีหุ้นปี 2551 ที่วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อน วันที่ 30 กันยายน 2551 จำนวน 5,095 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 397,901 ล้านบาท ลดลงจากปี2550 ถึง 78,285 ล้านบาทหรือลดลง 16.44%
โดยความมั่งคั่งเศรษฐีหุ้นไทยที่มีมูลค่าลดลงถึงกว่า 78,000 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นบรรดาเศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 นั้น ปรับตัวลดลงถึง 248.96 จุด จากปี2550 โดยปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 596.94 จุด ลดลง 29.45%% เป็นผลจากวิกฤติการเงินโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศ
สำหรับผลการจัดอันดับวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2551 ปรากฏว่าตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 ได้แก่นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) บิ๊กบอสวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้สร้างสถิติใหม่ ด้วยการรักษาตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไว้อีกครั้งเป็นปีที่ 6 โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 14,657.45 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH)23.98% มูลค่า 14,633.23 ล้านบาท และ บมจ.แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67%มูลค่า 4.21 ล้านบาท
สำหรับเส้นทางการครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยนายอนันต์ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2537 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 21,680.33 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ทิ้งห่างไป 7 ปีจึงได้กลับมาติดอันดับหนึ่งอีกครั้งปี 2545 ถือครองหุ้นมูลค่า 9,858.16 ล้านบาท และปี 2546 ถือครองหุ้นมูลค่า 16,373.37 ล้านบาทเว้นไป 2 ปีก็ทวงแชมป์กลับคืนมา โดยครั้งนี้อยู่อันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปี คือปี 2549 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,139.86 ล้านบาทปี 2550 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,230.23 ล้านบาทและปี 2551 ที่ยังถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดถึง 14,657.45 ล้านบาท
ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 เป็นของนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แห่งพฤกษาเรียลเอสเตท(PS) ซึ่งครองตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 3 ปีแล้ว โดยปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 9,599.16ล้านบาทจากการถือหุ้น PS สัดส่วน 61.85% รวยลดลง 1,554.79 ล้านบาทหรือ 13.94% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวลดลงถึง 13.93%
สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ(หมอเสริฐ)แห่งบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือหุ้นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) 13.55% และบมจ.โรงพยาบาลนนทเวช(NTV) 0.79% รวมมูลค่า 5,111.20 ล้านบาท ลดลง 1,167.80 ล้านบาท หรือ 18.60% เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ไต่ขึ้นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 โดยถือครองหุ้นบมจ.บีอีซี เวิลด์(BEC) 11.42% มูลค่ารวม 4,864.92 ล้านบาท รวยลดลง 433.96 ล้านบาทหรือ 8.19%
ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่างนายนิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาทนายสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แห่งโอสถสภา ไต่อันดับเศรษฐีหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากอันดับ 10 ในปี 2549มาอยู่อันดับ9 เมื่อปี 2550 และขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ในปี 2551 โดยปีนี้นิติลงทุนในหุ้นทั้งหมด 16 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 4,372.48 ล้านบาท ลดลง 901.70 ล้านบาท หรือ 17.10% เนื่องจากราคาหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ตกเป็นของพวงพันธุ์ บูลพักษร์ นักลงทุนรายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 3,776.93ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาทหรือ 530.27% ประกอบด้วยบมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ในบมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และบมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
สำหรับนิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของเปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลี่ยนไทย ยังรักษาอันดับ 7 ไว้ได้เป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท ลดลง 1,774.28ล้านบาท หรือ 32.82% ประกอบด้วยบมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) 11.03%บมจ.โรงแรมโอเรียนเต็ล (OHTL) 21.91% และบมจ.โพสพับบลิชชิ่ง (POST) 2.52% เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แกรมมี่นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม(อากู๋) ปีนี้ขยับขึ้นเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 25 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากปีนี้ราคาหุ้นบมจ.แกรมมี่ (GRAMMY) ที่ถืออยู่ 55.34% ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 31.92% ทำให้มูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 3,525.75 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 1,165.77 ล้านบาท หรือ 49.40%
เช่นเดียวกับประชุม มาลีนนท์ ที่ก้าวขึ้นจากอันดับ 12 มาเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 9รวย 3,390.01 ล้านบาท จากการถือหุ้นบมจ.บีอีซี เวิล์ด(BEC) 7.86% บมจ.ศิครินทร์(SKR)3.87% และบมจ.ชูไก(CRANE)0.71% ตามติดด้วยเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 อัมพร มาลีนนท์ ที่ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้วรวย 3,363.08 ล้านบาทถือหุ้น BEC 7.86%และ SKR 1.60%
ทั้งนี้นอกจากประชุมและอัมพร มาลีนนท์ ยังมีเศรษฐีหุ้นที่เป็นเครือญาติในตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 ได้แก่ประวิทย์ รัตนา ประสาร นิภา ปิยวดี สกลศรี แคทลีน และเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ซึ่งเมื่อรวมมูลค่าหุ้นของเครือญาติทั้ง 10 คนแล้ว ส่งผลให้ตระกูลมาลีนนท์ครองอันดับ 1 ของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้อีกครั้งปีนี้ โดยมีมูลค่าหุ้น ที่ถือครองรวม 24,426.93 ล้านบาท ลดลง 2,045.23 ล้านบาท หรือ 7.73% หุ้นที่ตระกูลมาลีนนท์ถือครอง ได้แก่ ถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) บมจ.ศิครินทร์ (SKR) บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) และบมจ.ไอที ซิตี้ (IT)
สำหรับตระกูลอัศวโภคิน ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อีกปีหนึ่ง จากการถือหุ้นของธุรกิจในตระกูล ได้แก่บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN)บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH)และบมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP)ของ 7 เครือญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา อภิชิต และอาชวิน อัศวโภคิน รวมมูลค่าหุ้นที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,684.70 ล้านบาท ลดลง 156.17 ล้านบาทหรือ 0.88%
อันดับ 3 เป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบรนด์"พฤกษา"ที่ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นการถือหุ้น บมจ.พฤกษา (PS)ร่วมกันของครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ นำโดยนายทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาทมาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รวมมูลค่า 11,409.66ล้านบาทลดลง 1,848.04 ล้านบาทหรือ 13.94%
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ที่มีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 25 คน ปีนี้อยู่อันดับ 4 โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 10,916.73 ล้านบาท ลดลง 5,174.62 ล้านบาท หรือ 32.16% โดยหุ้นที่กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้นของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN),บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL),บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ (BIGC), บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง (ABICO) และ บมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง (DM)
อันดับ 5 ยังเป็นของตระกูลปราสาททองโอสถ มูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 6,624.74ล้านบาท ลดลง 1,192.89 ล้านบาทหรือ 15.26%จากการถือครองหุ้นของนายแพทย์ปราเสิรฐ-ปรมาภรณ์-พล.ต.ต.วิสนุ และนายสมิทธ์ ปราสาททองโอสถ ในโรงพยาบาลชื่อดังอย่างบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) และโรงพยาบาลนนทเวช (NTV) รวมทั้งบมจ.นวลิสซิ่ง(NVL) บมจ.บล.ไซรัส (SYRUS)และบมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR)
ส่วนตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตกลงมาหนึ่งอันดับจากอันดับ 47 มาอยู่อันดับ 48 ปีนี้โดยรวยลดลงเหลือ 1,369.31 ล้านบาทหรือลดลง 18.98%ซึ่งลูกสาวคนโต พิณทองทา ชินวัตรและลูกสาวคนสุดท้องแพทองธาร ชินวัตร ยังเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 108 ทั้งคู่ ถือหุ้นบมจ.เอสซี แอสเซท(SC)ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 28.97% มูลค่า 627.69 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถือหุ้นบมจ.โรงพยาบาลวิภาวีดี (VIBHA)และ SC รวมมูลค่าเพียง 6.45 ล้านบาท
_______________________________
วันที่ 16 ธ.ค. 2551 แสดงข่าวมาแล้ว 18ช.ม. 38นาที
LH Price %Change High Low P/E BV
3.68 4.55 % 3.80 3.58 10.36 1.40
MANRIN Price %Change High Low P/E BV
5.70 -5.00 % 5.70 5.70 N.A. 0.24
PS Price %Change High Low P/E BV
4.72 11.32 % 4.96 4.34 4.71 1.01
BGH Price %Change High Low P/E BV
16.50 3.12 % 16.70 16.00 10.62 1.63
NTV Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 8.29 1.71
BEC Price %Change High Low P/E BV
18.90 1.61 % 19.00 18.50 13.92 5.81
LIVE Price %Change High Low P/E BV
0.39 -2.50 % 0.42 0.39 5.19 2.41
BLISS Price %Change High Low P/E BV
0.10 0.00 % 0.11 0.09 1.23 0.41
IEC Price %Change High Low P/E BV
0.77 1.32 % 0.84 0.76 0.90 0.43
CIG Price %Change High Low P/E BV
1.59 3.25 % 1.62 1.54 2.49 0.45
ITD Price %Change High Low P/E BV
2.44 2.52 % 2.56 2.42 N.A. 0.81
OHTL Price %Change High Low P/E BV
492.00 0.00 % 492.00 492.00 17.89 5.55
POST Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 151.39 3.15
GRAMMY Price %Change High Low P/E BV
9.50 0.53 % 9.50 9.45 7.23 1.71
SKR Price %Change High Low P/E BV
8.95 -0.56 % 9.15 8.90 10.33 1.17
CRANE Price %Change High Low P/E BV
1.08 -2.70 % 1.08 1.07 17.08 0.52
CVD Price %Change High Low P/E BV
15.80 -3.66 % 16.10 15.70 N.A. 1.02
IT Price %Change High Low P/E BV
4.10 -3.30 % 4.10 4.00 7.60 1.47
QH Price %Change High Low P/E BV
0.93 1.09 % 0.97 0.93 5.07 0.70
AP Price %Change High Low P/E BV
2.42 6.14 % 2.52 2.36 3.55 0.85
CPN Price %Change High Low P/E BV
12.70 -0.78 % 13.20 12.70 12.51 1.99
CENTEL Price %Change High Low P/E BV
3.18 0.00 % 3.22 3.18 9.17 0.70
BIGC Price %Change High Low P/E BV
32.25 4.03 % 32.25 31.00 9.07 1.51
DM Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 5.39 1.04
NVL Price %Change High Low P/E BV
0.28 7.69 % 0.28 0.27 13.85 0.16
SYRUS Price %Change High Low P/E BV
2.16 2.86 % 2.16 2.10 N.A. 0.51
AKR Price %Change High Low P/E BV
0.83 3.75 % 0.83 0.80 N.A. 0.58
SC Price %Change High Low P/E BV
5.45 7.92 % 5.70 5.10 2.48 0.30
VIBHA Price %Change High Low P/E BV
2.30 -0.86 % 2.40 2.30 12.88 1.12
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=21833
รวยหุ้น1.5หมื่นล้าน
"อนันต์"เจ้าพ่ออสังหาฯไทย คว้าแชมป์รวยหุ้น 6 สมัยซ้อน หลังปี51 ทำได้กว่า 15,000ล้านบาท ส่วนรองแชมป์ยังคนเดิม"ทองมา"แห่งค่ายพฤษาเรียเอสเตท ขณะที่"หมอเสริฐ"แห่งบางกอกเอย์เวย์ ปีนี้คึกคักขยับสู่เบอร์ 3
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 โดยภาพรวมเศรษฐีหุ้นปี 2551 ที่วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อน วันที่ 30 กันยายน 2551 จำนวน 5,095 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 397,901 ล้านบาท ลดลงจากปี2550 ถึง 78,285 ล้านบาทหรือลดลง 16.44%
โดยความมั่งคั่งเศรษฐีหุ้นไทยที่มีมูลค่าลดลงถึงกว่า 78,000 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นบรรดาเศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 นั้น ปรับตัวลดลงถึง 248.96 จุด จากปี2550 โดยปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 596.94 จุด ลดลง 29.45%% เป็นผลจากวิกฤติการเงินโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศ
สำหรับผลการจัดอันดับวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2551 ปรากฏว่าตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2551 ได้แก่นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) บิ๊กบอสวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้สร้างสถิติใหม่ ด้วยการรักษาตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไว้อีกครั้งเป็นปีที่ 6 โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 14,657.45 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH)23.98% มูลค่า 14,633.23 ล้านบาท และ บมจ.แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67%มูลค่า 4.21 ล้านบาท
สำหรับเส้นทางการครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยนายอนันต์ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2537 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 21,680.33 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ทิ้งห่างไป 7 ปีจึงได้กลับมาติดอันดับหนึ่งอีกครั้งปี 2545 ถือครองหุ้นมูลค่า 9,858.16 ล้านบาท และปี 2546 ถือครองหุ้นมูลค่า 16,373.37 ล้านบาทเว้นไป 2 ปีก็ทวงแชมป์กลับคืนมา โดยครั้งนี้อยู่อันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปี คือปี 2549 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,139.86 ล้านบาทปี 2550 ถือครองหุ้นมูลค่า 13,230.23 ล้านบาทและปี 2551 ที่ยังถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดถึง 14,657.45 ล้านบาท
ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 เป็นของนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แห่งพฤกษาเรียลเอสเตท(PS) ซึ่งครองตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 3 ปีแล้ว โดยปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 9,599.16ล้านบาทจากการถือหุ้น PS สัดส่วน 61.85% รวยลดลง 1,554.79 ล้านบาทหรือ 13.94% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวลดลงถึง 13.93%
สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ(หมอเสริฐ)แห่งบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือหุ้นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) 13.55% และบมจ.โรงพยาบาลนนทเวช(NTV) 0.79% รวมมูลค่า 5,111.20 ล้านบาท ลดลง 1,167.80 ล้านบาท หรือ 18.60% เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ไต่ขึ้นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 โดยถือครองหุ้นบมจ.บีอีซี เวิลด์(BEC) 11.42% มูลค่ารวม 4,864.92 ล้านบาท รวยลดลง 433.96 ล้านบาทหรือ 8.19%
ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่างนายนิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาทนายสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แห่งโอสถสภา ไต่อันดับเศรษฐีหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากอันดับ 10 ในปี 2549มาอยู่อันดับ9 เมื่อปี 2550 และขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ในปี 2551 โดยปีนี้นิติลงทุนในหุ้นทั้งหมด 16 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 4,372.48 ล้านบาท ลดลง 901.70 ล้านบาท หรือ 17.10% เนื่องจากราคาหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกันกับเศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ตกเป็นของพวงพันธุ์ บูลพักษร์ นักลงทุนรายใหญ่อีกราย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับ 148 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 3,776.93ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3,177.67 ล้านบาทหรือ 530.27% ประกอบด้วยบมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 12.94% และถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ในบมจ.บลิส-เทล (BLISS) 4.98% นอกจากนี้ยังถือหุ้น บมจ.ไอ.อี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (IEC) 8.16% และบมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) 3.67%
สำหรับนิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของเปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลี่ยนไทย ยังรักษาอันดับ 7 ไว้ได้เป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท ลดลง 1,774.28ล้านบาท หรือ 32.82% ประกอบด้วยบมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) 11.03%บมจ.โรงแรมโอเรียนเต็ล (OHTL) 21.91% และบมจ.โพสพับบลิชชิ่ง (POST) 2.52% เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แกรมมี่นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม(อากู๋) ปีนี้ขยับขึ้นเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 25 เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากปีนี้ราคาหุ้นบมจ.แกรมมี่ (GRAMMY) ที่ถืออยู่ 55.34% ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 31.92% ทำให้มูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 3,525.75 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 1,165.77 ล้านบาท หรือ 49.40%
เช่นเดียวกับประชุม มาลีนนท์ ที่ก้าวขึ้นจากอันดับ 12 มาเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 9รวย 3,390.01 ล้านบาท จากการถือหุ้นบมจ.บีอีซี เวิล์ด(BEC) 7.86% บมจ.ศิครินทร์(SKR)3.87% และบมจ.ชูไก(CRANE)0.71% ตามติดด้วยเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 อัมพร มาลีนนท์ ที่ไต่ขึ้นมาจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้วรวย 3,363.08 ล้านบาทถือหุ้น BEC 7.86%และ SKR 1.60%
ทั้งนี้นอกจากประชุมและอัมพร มาลีนนท์ ยังมีเศรษฐีหุ้นที่เป็นเครือญาติในตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 ได้แก่ประวิทย์ รัตนา ประสาร นิภา ปิยวดี สกลศรี แคทลีน และเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ซึ่งเมื่อรวมมูลค่าหุ้นของเครือญาติทั้ง 10 คนแล้ว ส่งผลให้ตระกูลมาลีนนท์ครองอันดับ 1 ของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้อีกครั้งปีนี้ โดยมีมูลค่าหุ้น ที่ถือครองรวม 24,426.93 ล้านบาท ลดลง 2,045.23 ล้านบาท หรือ 7.73% หุ้นที่ตระกูลมาลีนนท์ถือครอง ได้แก่ ถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) บมจ.ศิครินทร์ (SKR) บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) และบมจ.ไอที ซิตี้ (IT)
สำหรับตระกูลอัศวโภคิน ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้อีกปีหนึ่ง จากการถือหุ้นของธุรกิจในตระกูล ได้แก่บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN)บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH)และบมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP)ของ 7 เครือญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา อภิชิต และอาชวิน อัศวโภคิน รวมมูลค่าหุ้นที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,684.70 ล้านบาท ลดลง 156.17 ล้านบาทหรือ 0.88%
อันดับ 3 เป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแบรนด์"พฤกษา"ที่ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นการถือหุ้น บมจ.พฤกษา (PS)ร่วมกันของครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ นำโดยนายทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาทมาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รวมมูลค่า 11,409.66ล้านบาทลดลง 1,848.04 ล้านบาทหรือ 13.94%
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ที่มีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 25 คน ปีนี้อยู่อันดับ 4 โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 10,916.73 ล้านบาท ลดลง 5,174.62 ล้านบาท หรือ 32.16% โดยหุ้นที่กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้นของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN),บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL),บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ (BIGC), บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง (ABICO) และ บมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง (DM)
อันดับ 5 ยังเป็นของตระกูลปราสาททองโอสถ มูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 6,624.74ล้านบาท ลดลง 1,192.89 ล้านบาทหรือ 15.26%จากการถือครองหุ้นของนายแพทย์ปราเสิรฐ-ปรมาภรณ์-พล.ต.ต.วิสนุ และนายสมิทธ์ ปราสาททองโอสถ ในโรงพยาบาลชื่อดังอย่างบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) และโรงพยาบาลนนทเวช (NTV) รวมทั้งบมจ.นวลิสซิ่ง(NVL) บมจ.บล.ไซรัส (SYRUS)และบมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR)
ส่วนตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ตกลงมาหนึ่งอันดับจากอันดับ 47 มาอยู่อันดับ 48 ปีนี้โดยรวยลดลงเหลือ 1,369.31 ล้านบาทหรือลดลง 18.98%ซึ่งลูกสาวคนโต พิณทองทา ชินวัตรและลูกสาวคนสุดท้องแพทองธาร ชินวัตร ยังเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 108 ทั้งคู่ ถือหุ้นบมจ.เอสซี แอสเซท(SC)ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 28.97% มูลค่า 627.69 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถือหุ้นบมจ.โรงพยาบาลวิภาวีดี (VIBHA)และ SC รวมมูลค่าเพียง 6.45 ล้านบาท
_______________________________
วันที่ 16 ธ.ค. 2551 แสดงข่าวมาแล้ว 18ช.ม. 38นาที
LH Price %Change High Low P/E BV
3.68 4.55 % 3.80 3.58 10.36 1.40
MANRIN Price %Change High Low P/E BV
5.70 -5.00 % 5.70 5.70 N.A. 0.24
PS Price %Change High Low P/E BV
4.72 11.32 % 4.96 4.34 4.71 1.01
BGH Price %Change High Low P/E BV
16.50 3.12 % 16.70 16.00 10.62 1.63
NTV Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 8.29 1.71
BEC Price %Change High Low P/E BV
18.90 1.61 % 19.00 18.50 13.92 5.81
LIVE Price %Change High Low P/E BV
0.39 -2.50 % 0.42 0.39 5.19 2.41
BLISS Price %Change High Low P/E BV
0.10 0.00 % 0.11 0.09 1.23 0.41
IEC Price %Change High Low P/E BV
0.77 1.32 % 0.84 0.76 0.90 0.43
CIG Price %Change High Low P/E BV
1.59 3.25 % 1.62 1.54 2.49 0.45
ITD Price %Change High Low P/E BV
2.44 2.52 % 2.56 2.42 N.A. 0.81
OHTL Price %Change High Low P/E BV
492.00 0.00 % 492.00 492.00 17.89 5.55
POST Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 151.39 3.15
GRAMMY Price %Change High Low P/E BV
9.50 0.53 % 9.50 9.45 7.23 1.71
SKR Price %Change High Low P/E BV
8.95 -0.56 % 9.15 8.90 10.33 1.17
CRANE Price %Change High Low P/E BV
1.08 -2.70 % 1.08 1.07 17.08 0.52
CVD Price %Change High Low P/E BV
15.80 -3.66 % 16.10 15.70 N.A. 1.02
IT Price %Change High Low P/E BV
4.10 -3.30 % 4.10 4.00 7.60 1.47
QH Price %Change High Low P/E BV
0.93 1.09 % 0.97 0.93 5.07 0.70
AP Price %Change High Low P/E BV
2.42 6.14 % 2.52 2.36 3.55 0.85
CPN Price %Change High Low P/E BV
12.70 -0.78 % 13.20 12.70 12.51 1.99
CENTEL Price %Change High Low P/E BV
3.18 0.00 % 3.22 3.18 9.17 0.70
BIGC Price %Change High Low P/E BV
32.25 4.03 % 32.25 31.00 9.07 1.51
DM Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 5.39 1.04
NVL Price %Change High Low P/E BV
0.28 7.69 % 0.28 0.27 13.85 0.16
SYRUS Price %Change High Low P/E BV
2.16 2.86 % 2.16 2.10 N.A. 0.51
AKR Price %Change High Low P/E BV
0.83 3.75 % 0.83 0.80 N.A. 0.58
SC Price %Change High Low P/E BV
5.45 7.92 % 5.70 5.10 2.48 0.30
VIBHA Price %Change High Low P/E BV
2.30 -0.86 % 2.40 2.30 12.88 1.12
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=21833
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 6 รวย 1.5หมื่นล้าน
โพสต์ที่ 9
การจัดอันดับ ผมเข้าใจว่าคงใช้ราคาปิด ณ วันสิ้นเดือน ก.ย. 51
แต่เนื่องจากระหว่างเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นค่อนข้างมากๆ
ถ้าใช้ราคาปิดแถวๆปัจจุบัน อันดับคงเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และหลายท่านก็จะมีพอร์ตลดลงค่อนข้างมาก
แต่สำหรับหุ้นบางบริษัทที่ปรับตัวลงค่อนข้างน้อย เช่น BEC SABINA ก็ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นมีอันดับสูงขึ้นอย่างมาก
อันดับที่น่าสนใจถ้าใช้ราคาปิดปัจจุบัน คุณวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ซึ่งถือหุ้น SABINA จะก้าวเข้ามาในอันดับ TOP 5 เชียวครับ
รวมทั้งผู้ถือหุ้น BEC ก็ก้าวเข้ามาสู่ TOP 10 ทั้ง 5 ท่านเชียว เรียกได้ว่าครอง TOP 10 ซะครึ่งหนึ่ง
ส่วนนักลงทุนที่เราให้ความสนใจคือ คุณนิติ ถ้าคิดจากปริมาณหุ้นเท่าเดิม คุณนิติก็มีมูลค่าพอร์ตลดลงอย่างมากจากราคาหุ้นที่ลดลงมากของ MINT ซึ่งก็เป็นหุ้นที่คุณนิติลงทุนมากทีสุด (หายไปอีกประมาณ 1500 ล้านบาทเชียว)
แต่เนื่องจากระหว่างเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นค่อนข้างมากๆ
ถ้าใช้ราคาปิดแถวๆปัจจุบัน อันดับคงเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และหลายท่านก็จะมีพอร์ตลดลงค่อนข้างมาก
แต่สำหรับหุ้นบางบริษัทที่ปรับตัวลงค่อนข้างน้อย เช่น BEC SABINA ก็ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นมีอันดับสูงขึ้นอย่างมาก
อันดับที่น่าสนใจถ้าใช้ราคาปิดปัจจุบัน คุณวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ซึ่งถือหุ้น SABINA จะก้าวเข้ามาในอันดับ TOP 5 เชียวครับ
รวมทั้งผู้ถือหุ้น BEC ก็ก้าวเข้ามาสู่ TOP 10 ทั้ง 5 ท่านเชียว เรียกได้ว่าครอง TOP 10 ซะครึ่งหนึ่ง
ส่วนนักลงทุนที่เราให้ความสนใจคือ คุณนิติ ถ้าคิดจากปริมาณหุ้นเท่าเดิม คุณนิติก็มีมูลค่าพอร์ตลดลงอย่างมากจากราคาหุ้นที่ลดลงมากของ MINT ซึ่งก็เป็นหุ้นที่คุณนิติลงทุนมากทีสุด (หายไปอีกประมาณ 1500 ล้านบาทเชียว)
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี