คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสไหลต่อ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสไหลต่อ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

28  ตุลาคม 2008  
คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสไหลต่อ



--------------------------------------------------------------------------------
หุ้นไทยรูดหนัก ดัชนีดิ่ง 45.44 จุด ร่วง 10.50% ตลท.ส่งมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ห้ามเลือดทันที หลังต่างชาติยังตะลุยขายไม่เลิก โบรกชี้ปีนี้ลุ้นดัชนีฟื้นคงยาก ประเมินตลาดหุ้นไทยเพิ่งได้รับผลกระทบเบื้องต้นเท่านั้น ชี้อีก 1-2 ปีจากนี้ยังเป็นช่วงขาลงดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวขึ้นได้ไม่เกินระดับ 500 จุด เพื่อรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน   แนะนักลงทุนระยะยาวต้องใจแข็งพร้อมถือยาว 5 ปี จะเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนวันนี้ (28 ต.ค.) เชื่อดัชนียังไหลลงต่อ แนวรับ 370 จุด แนวต้าน 400 จุด
    ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27 ต.ค.) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ พักการซื้อขายชั่วคราวในช่วงใกล้ตลาดปิด โดยดัชนีปิดตลาดที่387.43 จุด ลดลง 45.44 จุด หรือ 10.50% มูลค่าซื้อขาย 11,786 ล้านบาท ส่วนใหญ่ยังเป็นแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยต่างชาติขาย 2,212.97 ล้านบาท สถาบันขาย 48.73 ล้านบาท และรายย่อยซื้อ 2,261.70 ล้านบาท
    นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27 ต.ค.) เป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย เนื่องจากนักลงุทนส่วนใหญ่ยังไม่คลายความวิตกกังวลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ช่วงชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทำให้ยังคงได้เห็นแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติเพื่อนำเงินกลับประเทศเพื่อรักษาสภาพคล่อง
ทั้งนี้ มองว่า เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลกลับเข้าสหรัฐเกือบทั้งหมด เนื่องจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของยุโรป และญี่ปุ่น เพราะหลายฝ่ายยังคงประเมินกันว่ากลุ่มประเทศยุโรปมีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัดส่วนที่มากกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นายกวี กล่าวต่อว่า ขณะนี้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ยังคงกลัวความเสี่ยงที่จะเกิดจากการลงทุนในตลาดหุ้น แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐจะผลักดันมาตรการต่าง ๆ รวมถึงเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อรักษาสภาพคล่อง แต่ก็ช่วยด้านจิตวิทยาการลงทุนได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากขณะนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกลับอยู่ที่การปล่อยสินเชื่อ ที่ทำได้ยากขึ้นมาก เพราะสถาบันการเงินหลายแห่งกังวลผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดจากการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงจึงอาจไม่ปล่อยกู้ออกไป
นอกจากนี้ เชื่อว่า หลังจากนี้อาจจะได้เห็นรัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศ เข้าไปควบคุมการทำงานของสถาบันการเงินต่าง ๆ ในประเทศของตนเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยพยุงฐานะและรักษาสภาพคล่องของระบบการเงินภายในประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้ปัญหาในระบบการเงินโลกอาจจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นและหนักที่สุดในขณะนี้คือการปล่อยสินเชื่อที่เริ่มมีปัญหามากขึ้น ซึ่งหากหนักสุดอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ ดังนั้นถ้ามองในแง่ดีสุด รัฐบาลก็จะเข้ามาช่วยอุ้มเพื่อให้การปล่อยสินเชื่อทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่การทำงานของสถาบันการเงินต่าง ๆ จะยากขึ้นภายใต้การควบคุมของรัฐบาลภายในประเทศนั่นเอง นายกวี กล่าว
นายกวี กล่าวต่อว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ เชื่อว่า เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของผลกระทบที่เกิดจากปัญหาระบบการเงินโลกเท่านั้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถประเมินความเสียหายหรือหาจุดสิ้นสุดของปัญหาได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจากนี้ไปจนถึงช่วงไตรมาส 1-2/2552 โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงอีกก็ยังเป็นไปได้ค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอยมีต้นตอมาจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ที่ส่งผลให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มมากขึ้นและสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจแท้จริง ซึ่งขณะนี้กำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับระบบเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรป ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้ อาจส่งผลกระทบลุกลามมายังภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทยเองด้วย
ดังนั้น เชื่อว่า ระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงตอบสนองเพื่อรับข่าวร้ายดังกล่าวต่อไปอีกระยะ ซึ่งดัชนียังมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะปรับตัวลดลงไปแตะระดับ 330 จุดได้ไม่ยาก เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาเสริมภาคการลงทุนในตลาดหุ้นหุ้นแต่อย่างใด
ช่วง 1-2 ปีต่อจากนี้ เรายังจะได้เห็นตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งดัชนีก็น่าจะผันผวนอยู่ที่ประมาณ 300-500 จุด จนกว่าผลกระทบที่เกิดจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกเริ่มผ่อนคลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น นายกวี กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นยังเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง แนะนำว่า นักลงทุนควรถือเงินสดน่าจะปลอดภัยที่สุด หรือหากสนใจเข้าลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง ก็ควรเป็นการลงทุนระยะยาว 1-5 ปี จะปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่ำ ปันผลสูง และตัวเลขผลประกอบการยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ประเมินแนวรับที่ 370 จุด แนวต้านที่ 400 จุด
ด้านนางสาวปองรัตน์ รัตนะตวนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (28 ต.ค.) เชื่อว่ายังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติระบบการเงินที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับระบบเศรษฐกิจโลกโดยรวม ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสภาพคล่องเอาไว้
สำหรับกลยุทธลงทุน แนะนำ ชะลอลงทุนออกไปก่อน โดยการถือเงินสดน่าจะปลอดภัยที่สุด เบื้องต้นประเมินแนวรับที่ 350 จุด

 http://www.thunhoon.com/home/

--------------------------------------------------------------------------------
โพสต์โพสต์