เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
- u4321603
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 1
เนื่องจากทางรายการ Money Talk daily วันที่ 14 ตค 51 ได้เชิญ วิทยากรจาก บลจ ทิสโก้ ซึ่งผมต้องขออภัยที่จำซื่อแขกรับเชิญไม่ได้ ใคนจำได้ช่วยโพสบอกด้วนนะครับ
คือเท่าที่ฟังแล้วบอกได้เลยว่ามีประโยชน์กับนักลงทุนทุกคนเป็นอย่างมากในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึง ภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงและกำลังอยู่ในขาลง ภาวะตลาดหนีกันทั่วโลก ฉะนั้นใครทีพลาดดูรายดาร Money Talk Daily เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมขอบอกเลยว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งครับ
แต่ว่าผมได้ดูอยู่พอดีและก็ได้จดสาระสำคัญๆจากแขกผู้รับเชิญเอาไว้ในทุกประเด็น ยังไงก็ลองอ่านกันดูละกันนะครับ
หัวข้อ: แนวโน้วการเงินโลก
เริ่มจาก ฝั่ง USA และ EU
1. สถานการณ์ปัจจุบันคือ USA มีปัญหา Sub Prime ซึ่งเพื่อนๆคงทราบอยู่แล้วคงไม่ต้องอธิบาย และทาง ยุโรปได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันกับ US ซึ่งทั้งสองกลุ่มทำธุรกรรมร่วมกันอยู่จึงต้องทำให้กอดคอกันตายหมู่
2. แต่ทว่า ทางฝั่งยุโรปมีมีเงินของประชาชนมากกว่าทาง US ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะฟื้นตัวก่อน US
3. เนื่องจาก CDS จะหมดอายุใน 52Q2 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ทราบจำนวน บริษัทที่รอดชีวิตและล้มหายตายจากในจำนวนที่แน่นอน ซึ่งหมายความว่าวิกฤตน่าจะหยุดแล้ว
4. ดอกเบี้ยทั่วโลกจะลด แต่ดอกเบี้ยระหว่าธนาคารจะพุ่งสูงขึ้น และ saving & Loan Bank ของ US อาจจะล้มบ้าง แต่ไม่มากแล้ว แต่ Commercial Bank จะแข็งแรงมาก
มาดูผลกระทบทางด้าน Asia กันบ้าง อันนี้สำคัญกว่า
1. โดยรวมแล้วภูมิภาค Asia นั้นปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก sub prime
2. แต่ทีต้องโดนแน่ๆ คือเศราฐกิจชลอตัวอาจทั้งภูทิภาคซึ่งเป็นผลกระทบทางอ้อม
3. ประเทศไทยลงทุนใน CDS น้อยมากจึงทำให้เราไม่ค่อยมีปัญหาในด้านนี้( เรายังฉลาดไม่เท่าฝรั่งนั่นเอง เลยรอดตัว ) แต่ก็มีบ้างที่บาง Bank ต้องลดสินทรัพย์
4. การส่งออก การผลิต ได้รับผลกระทบแน่นอนเพราะเศรษฐกิจชลอตัว
5.ส่งออกมีปัญหา คือส่งออกยากขึ้น และ พวก infarstructure จะไม่ค่อยขยายตัว
6. ท่องเที่ยวลดลง
7.ค่าเงินบาทออ่นตัวเมื่อเทียบกับ Us dollar เพราะความต้องเงิน dollar มีมากเนื่องจาก dollar supply ต่ำลง
8. ที่ถามว่าเงินทั้งระบบหายไปไหน คำตอบก็คือ เราเอาเงินอนาคตมาใช้ก่อนจนหมดฉะนั้นเราเลยต้องเอาเงินปัจจุบันไปคืนอนาคต นั่นก็คือ ตลาด อนุพันธ์นั่นเอง
ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
1. ประเทศเรามีหนี้น้อยเพียงแค่ debt <= 1 เท่าเอง
2. บริษัทส่วนใหญ่มีเงินสดเยอะ แต่หนี้น้อย
3.ความต้องการสินค้าลดลง แต่ได้ผลดีในแง่ต้นทุนการผลิตก็ลดลงด้วยเช่นกัน
4. เศรษฐกิจชลอตัวแน่นอน และส่งออกปี 52 โตไม่เกิน 10%
ทางด้านตลาดทุนไทย
1. รอดูข่าวร้ายว่าออกมารึยังช่วง 51Q4 และ 52Q1 ของทาง USA และ EU
2. หุ้นไทยลงมาเยอะแล้ว ประมาณ 50% แต่อาจลงไปได้อีก
3. บลจ บ้านเราพื้นฐานดี PE ต่ำ หนี้สินต่ำ
4. อย่างไรก็แล้วแต่ต้องรอฟังผลประกอบการ 51Q4 ก่อน
หุ้นแบบไหนน่าสนใจ
1. บ.ที่มีเงินสดในมือเยอะๆ และ บริษัทที่ทำธุรกิจประเภทซื้อมาขายไปจะดีมาก
2. บ.ที่ขายของจำเป็นต้องใช้ที่อยู่ใน ปัจจัย4 ยกเว้นอสังหา บ.ที่ขายเครื่องอุปโภคบริโภค
3. กลุ่ม Bank น่าสนใจมาก
4. กลุ่มพลังงานน่าสนใจแต่ต้องถือยาวเพราะยังไงทุกคนก็ต้องใช้พลังงาน
5. นักลงทุนต่างชติยังถือเงินอยู่ในไทยแต่ต้องรอดู 51Q4อีกที
6. หุ้นไหน P/BV < 1 ดีมาก
7. สุดท้ายคือรอข่าวร้ายที่สุดออกมาก่อนช่วงปลายปีแล้วค่อยเข้าซื่อหุ้น
จบ
ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ช่าวยกันโพสนะครับ
คือเท่าที่ฟังแล้วบอกได้เลยว่ามีประโยชน์กับนักลงทุนทุกคนเป็นอย่างมากในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึง ภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงและกำลังอยู่ในขาลง ภาวะตลาดหนีกันทั่วโลก ฉะนั้นใครทีพลาดดูรายดาร Money Talk Daily เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมขอบอกเลยว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งครับ
แต่ว่าผมได้ดูอยู่พอดีและก็ได้จดสาระสำคัญๆจากแขกผู้รับเชิญเอาไว้ในทุกประเด็น ยังไงก็ลองอ่านกันดูละกันนะครับ
หัวข้อ: แนวโน้วการเงินโลก
เริ่มจาก ฝั่ง USA และ EU
1. สถานการณ์ปัจจุบันคือ USA มีปัญหา Sub Prime ซึ่งเพื่อนๆคงทราบอยู่แล้วคงไม่ต้องอธิบาย และทาง ยุโรปได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันกับ US ซึ่งทั้งสองกลุ่มทำธุรกรรมร่วมกันอยู่จึงต้องทำให้กอดคอกันตายหมู่
2. แต่ทว่า ทางฝั่งยุโรปมีมีเงินของประชาชนมากกว่าทาง US ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะฟื้นตัวก่อน US
3. เนื่องจาก CDS จะหมดอายุใน 52Q2 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ทราบจำนวน บริษัทที่รอดชีวิตและล้มหายตายจากในจำนวนที่แน่นอน ซึ่งหมายความว่าวิกฤตน่าจะหยุดแล้ว
4. ดอกเบี้ยทั่วโลกจะลด แต่ดอกเบี้ยระหว่าธนาคารจะพุ่งสูงขึ้น และ saving & Loan Bank ของ US อาจจะล้มบ้าง แต่ไม่มากแล้ว แต่ Commercial Bank จะแข็งแรงมาก
มาดูผลกระทบทางด้าน Asia กันบ้าง อันนี้สำคัญกว่า
1. โดยรวมแล้วภูมิภาค Asia นั้นปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก sub prime
2. แต่ทีต้องโดนแน่ๆ คือเศราฐกิจชลอตัวอาจทั้งภูทิภาคซึ่งเป็นผลกระทบทางอ้อม
3. ประเทศไทยลงทุนใน CDS น้อยมากจึงทำให้เราไม่ค่อยมีปัญหาในด้านนี้( เรายังฉลาดไม่เท่าฝรั่งนั่นเอง เลยรอดตัว ) แต่ก็มีบ้างที่บาง Bank ต้องลดสินทรัพย์
4. การส่งออก การผลิต ได้รับผลกระทบแน่นอนเพราะเศรษฐกิจชลอตัว
5.ส่งออกมีปัญหา คือส่งออกยากขึ้น และ พวก infarstructure จะไม่ค่อยขยายตัว
6. ท่องเที่ยวลดลง
7.ค่าเงินบาทออ่นตัวเมื่อเทียบกับ Us dollar เพราะความต้องเงิน dollar มีมากเนื่องจาก dollar supply ต่ำลง
8. ที่ถามว่าเงินทั้งระบบหายไปไหน คำตอบก็คือ เราเอาเงินอนาคตมาใช้ก่อนจนหมดฉะนั้นเราเลยต้องเอาเงินปัจจุบันไปคืนอนาคต นั่นก็คือ ตลาด อนุพันธ์นั่นเอง
ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
1. ประเทศเรามีหนี้น้อยเพียงแค่ debt <= 1 เท่าเอง
2. บริษัทส่วนใหญ่มีเงินสดเยอะ แต่หนี้น้อย
3.ความต้องการสินค้าลดลง แต่ได้ผลดีในแง่ต้นทุนการผลิตก็ลดลงด้วยเช่นกัน
4. เศรษฐกิจชลอตัวแน่นอน และส่งออกปี 52 โตไม่เกิน 10%
ทางด้านตลาดทุนไทย
1. รอดูข่าวร้ายว่าออกมารึยังช่วง 51Q4 และ 52Q1 ของทาง USA และ EU
2. หุ้นไทยลงมาเยอะแล้ว ประมาณ 50% แต่อาจลงไปได้อีก
3. บลจ บ้านเราพื้นฐานดี PE ต่ำ หนี้สินต่ำ
4. อย่างไรก็แล้วแต่ต้องรอฟังผลประกอบการ 51Q4 ก่อน
หุ้นแบบไหนน่าสนใจ
1. บ.ที่มีเงินสดในมือเยอะๆ และ บริษัทที่ทำธุรกิจประเภทซื้อมาขายไปจะดีมาก
2. บ.ที่ขายของจำเป็นต้องใช้ที่อยู่ใน ปัจจัย4 ยกเว้นอสังหา บ.ที่ขายเครื่องอุปโภคบริโภค
3. กลุ่ม Bank น่าสนใจมาก
4. กลุ่มพลังงานน่าสนใจแต่ต้องถือยาวเพราะยังไงทุกคนก็ต้องใช้พลังงาน
5. นักลงทุนต่างชติยังถือเงินอยู่ในไทยแต่ต้องรอดู 51Q4อีกที
6. หุ้นไหน P/BV < 1 ดีมาก
7. สุดท้ายคือรอข่าวร้ายที่สุดออกมาก่อนช่วงปลายปีแล้วค่อยเข้าซื่อหุ้น
จบ
ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ช่าวยกันโพสนะครับ
"The Pursuit of Happyness"
Money = Time x VI
Money = Time x VI
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 4
คุณวิสิฐ องค์พิพัฒนกุล จาก ทิสโก้ครับ
ดูใหม่ได้อีกครั้งวันเสาร์นี้บ่ายโมงครับ
...........................................
และหากสนใจ
Investors' day วันเสาร์ที่ 1 พย ที่ตลาดหลักทรัพย์
คุณไพบูลย์ มิลินทรางกูร นายใหญ่ทิสโก้จะมาพูดเรื่องเหมือนๆกัน
แต่ตอนนั้นจะมีข้อมูลเพ่มอีกมาก
และมีวิทยากรอีกหลายๆคนครับ
อาทิ ดร.นิเวศน์ รศ.มานพ เรืองอสังหา ดร.สมจินต์ และอื่นๆ
วันจันทร์นี้จองได้แล้วครับ 02-237-1992-3
ดูใหม่ได้อีกครั้งวันเสาร์นี้บ่ายโมงครับ
...........................................
และหากสนใจ
Investors' day วันเสาร์ที่ 1 พย ที่ตลาดหลักทรัพย์
คุณไพบูลย์ มิลินทรางกูร นายใหญ่ทิสโก้จะมาพูดเรื่องเหมือนๆกัน
แต่ตอนนั้นจะมีข้อมูลเพ่มอีกมาก
และมีวิทยากรอีกหลายๆคนครับ
อาทิ ดร.นิเวศน์ รศ.มานพ เรืองอสังหา ดร.สมจินต์ และอื่นๆ
วันจันทร์นี้จองได้แล้วครับ 02-237-1992-3
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 6
ข้อนั้ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ เพราะu4321603 เขียน: 7.ค่าเงินบาทออ่นตัวเมื่อเทียบกับ Us dollar เพราะความต้องเงิน dollar มีมากเนื่องจาก dollar supply ต่ำลง
ประเทศที่กำลังแย่ จะยอมให้ค่าเงินตัวเองแข็งขึ้น ก็ดูแปลกๆ คงแก้ปัญหายากขึ้นด้วย
และ เงินดอลสหรัฐ ดูจะมีค่าน้อยลงเรื่อยๆ คนมีตังค์ไม่ค่อยกล้าถือดอลกันซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นทองแทน
แม้แต่ชาติเอเชียก็พยายามผลักดันเงินสกุลอื่นขึ้นมาเป็นกลางแทนดอลล่าสหรัฐ
เคยได้ยินว่า สหรัฐเป็นประเทศที่สามารถพิมพิ์แบงค์เพิ่มได้ตามอำเภอใจ(อันนี้ไม่ค่อยมั่นใจ...แต่ได้ยินมาแบบนั้นครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 1487
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 7
ข่าวที่เกี่ยวเนื่องกันครับ
ฟันธงหุ้นไทย "ลงลึก" ก่อน "พลิกฟื้น" เป็น "ปีทอง"
กูรูฟันด์ โฟลว์ ฟันธงดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะซบเซาต่อไปอีกตลอดสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะไหลลงลึก จนแตะระดับ "จุดต่ำสุด" ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า (2552)
แต่เขาเชื่อมั่นว่า ในไตรมาส 2 ปีหน้า ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาคึกคักสดใสอีกครั้ง โดยคาดว่า เหตุการวิกฤติการเงินสหรัฐน่าจะคลี่คลาย ผลจากตราสารอนุพันธ์ที่ไม่มีหลักประกัน (CDS) จะครบกำหนดการไถ่ถอนหรือหมดอายุลง
น่าจะทำให้แรงเทขายหุ้นหมดไป และส่งผลต่อเม็ดเงินย้อนกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง
"วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล" กรรมการบริหารและหัวหน้าสายงานวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐ 7 แสนล้านดอลลาร์ ที่ออกมา คิดเป็นเพียง 10% ของหนี้เสียทั้งหมดเท่านั้น แต่มูลค่าหนี้เสียซับไพรม์มีสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 12% ของสินเชื่อทั้งระบบที่มีอยู่ 10 ล้านล้านดอลลาร์ เงินกู้วิกฤติจำนวนนี้จึงเป็นแค่ช่วยพยุงสถานการณ์ไว้ได้แค่ชั่วคราว หรือต่อชีวิตไปแค่ระยะหนึ่ง เท่านั้น
นอกจากนั้น การเข้าพยุงวิกฤติของเฟดด้วยเงินจำนวน 7 แสนล้านดอลลาร์ น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากมีธนาคารพาณิชย์ล้มอีก เฟดจะไม่สามารถรับกับสถานการณ์ได้อีกแล้ว
เขากล่าวว่า ตลาดหุ้นได้รับรู้ความเสียหายของเลแมน ซึ่งเป็นอินเวสเม้นแบงก์กิ้งประเภทธุรกิจโฮเซล ประกาศผลขาดทุนไปแล้วและทำให้ต่างชาติขายหุ้นออกไป
แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารประเภทรีเทลแบงก์กิ้งอีกหรือไม่ ซึ่งต้องรอดูผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์สหรัฐ ที่จะประกาศออกในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ให้ดี
ประกอบกับผลพวงจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25-0.50% ในช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะลดลงได้อีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้เติบโต จะส่งผลทำให้เม็ดเงินต่างชาติถูกดึงกลับไปยังสหรัฐอีกระลอก
ช่วงนี้จึงขอให้จับตาช่วงวันที่ 15-16 ตุลาคมนี้ ให้ดี เพราะจะเป็นวันประกาศงบการเงินธนาคารสหรัฐ
หากงบการเงินออกมาย่ำแย่กว่าที่คิด และวิกฤติลามถึงธนาคารพาณิชย์รีเทลมีปัญหา จะทำให้ต่างชาติขายหุ้นที่เหลืออีกล๊อทออกมาอย่างแน่นอน
วิศิษฐ์ มองว่า หากวิกฤติการเงินสหรัฐลุกลามไปยังรีเทลแบงก์กิ้ง จะทำให้ต่างชาติขายหุ้นออก และกดดันหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4 ถึงไตรมาสแรกปี 2552
คิดว่าหุ้นไทยปรับตัวลงรอบนี้ คล้ายกับวิกฤติเอเชียหรือต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะยังไม่ Bottom ในปีนั้น แต่จะตกต่ำสุดในปี 2541 จึงมองว่าหุ้นไทยจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ถึงไตรมาสแรกปี 2552
แต่ก่อนหน้านั้น หุ้นไทยอาจจะมีรีบาว์น หรือปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ ได้ จากการกลับมาซื้อชั่วคราวของนักลงทุนต่างชาติ ก่อนที่หุ้นจะไหลลงแรง
เขาแนะนำว่า ในช่วงวิกฤติยังเป็นโอกาสลงทุนเสมอ จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงแรงในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งหุ้นมีราคาถูกมาก
อย่างไรก็ตาม วิศิษฐ์ ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยจะ พลิกฟื้น คืนชีพได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 และมองว่าจะเป็นปีทองของตลาดหุ้น คล้ายกับปี 2546 ที่หุ้นไทยกลับมาคึกคัก
เขากล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นขึ้นได้ จะเกิดจากผลของการโยกย้ายสินทรัพย์ลงทุนของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรฐบาล ได้ปรับตัวลดลงต่ำสุดไปแล้ว ทำให้ราคาพันธบัตรไม่น่าสนใจลงทุนอีกต่อไป
ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ จะเกิดการถดถอยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบแน่นอนในปี 2552 และทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่มีโอกาสสูงที่ราคาที่ดินจะลดลง จนส่งผลต่อราคาที่ดินในเอเชียลดลงไปด้วย
นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า ตราสารอนุพันธ์ซีดีเอส จะครบอายการไถ่ถอน หรือหมดอายุ น่าจะทำให้วิกฤติการเงินสหรัฐคลี่คลายและอาจจบได้
เราจึงมองว่า นักลงทุนทั่วโลกจะเกิดการจัดสรรเงินลงทุนใหม่และโยกเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง ในขณะที่การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มีความเสี่ยงราคาผันผวน ลงทุนในตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ไม่น่าจูงใจ
รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่น่าสนใจ เพราะราคามีแนวโน้มลดลง ตลาดหุ้นจึงน่าจะแหล่งลงทุนที่สนใจ และอัตราเงินปันผลสูงจูงใจ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาคึกคักในช่วงไตรมาส 2 วิศิษฐ์ กล่าว
ด้าน "แสงธรรม จรณชัยกุล" ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า นับตั้งแต่ 25 ก.พ.2551 หลังจากพันธมิตรเคลื่อนไหว ต่างชาติได้ถล่มขายหุ้นไทยไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือเม็ดเงินลงทุนในหุ้นไทยอีกราว 9 หมื่นล้านบาท โดยต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนต่างชาติจะอยู่ที่ดัชนี 590 จุด ซึ่งเป็นต้นทุนเริ่มต้นลงทุนเมื่อปี 254
หากนักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นบลูชิพออกอีก จะกดดันดัชนีให้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 500 จุด เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าตลาดรวม (Market Cap.)เหลือเพียง 4.7 ล้านล้านบาท โดยดัชนีลดลงมาต่ำกว่า 600 จุด จากช่วงต้นปีอยู่ที่ 7 ล้านล้านบาท และดัชนีอยู่ที่ 928 จุด หรือมาร์เก็ตแคปหดหายไปแล้ว 2.2 ล้านล้านบาท เท่ากับว่า คนที่ลงทุนที่ดัชนี 928 จุดมีผลขาดทุนอย่างมหาศาล
"ผมกังวลว่าหากสถาบันการเงินของสหรัฐล้มไปอีก และทำให้เฮดจ์ฟันด์ ขาดทุนตามไปด้วย เพราะจำเป็นต้องขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ออกไป ซึ่งปัจจุบันเงินต่างชาติที่อยู่ในหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2548-2550 ได้ไหลออกเกลี้ยงไปหมดแล้ว
จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยรอบนี้มีความเสี่ยงที่หุ้นจะไหลลงไปอีกและเป็นตลาด Supper Bear หรือ หมีใหญ่ อย่างแท้จริง"
เขากล่าวต่ออีกว่า ตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงสูงคล้ายกับดัชนีดาว์นโจนของสหรัฐที่ได้ปรับตัวลงไปลึกแล้ว ขณะที่หุ้นไทยมีความเสี่ยงจากการปรับตัวลงของหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกครองมาร์เก็ตแคปถึง 67% ซึ่งเมื่อหุ้นเหล่านี้ลดลงก็จะฉุดดัชนีให้ลงต่อ จึงมองว่า แนวโน้มของหุ้นไทยไตรมาสสุดท้าย ดัชนีจะค่อยๆ ไหลลงต่อไปอีก โดยขึ้นอยู่กับเม็ดเงินที่เหลืออีก 9 หมื่นล้านบาทจะไหลออกเมื่อไรเท่านั้น
ส่วนแนวทางการลงทุนในช่วงท้ายปีนี้ แสงธรรม กล่าวว่า การจัดพอร์ตในช่วง 3เดือนสุดท้ายปีนี้ ควรจะมีเงินสดไว้ในมือมากกว่าการถือหุ้น เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้มีความเสี่ยงสูง ขณะเดียวกัน ช่วงนี้เหมาะสมที่จะลงทุนกองทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟ เพราะราคาหุ้นได้ลงมามากแล้ว การซื้อช่วงนี้ถือว่าได้ราคาส่วนลด และยังได้ลดภาษีอีกด้วย
ส่วนมุมมองของนักลงทุนแวลูอินเวสเม้นท์ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้นคุณค่า กล่าวว่า สำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นอยู่ แนะนำให้ทยอยซื้อ แต่ให้ถือเก็บระยะยาว เนื่องจากมองว่าในช่วงสั้นๆ ตลาดหุ้นยังปรับตัวลงได้ต่อยังมีโอกาสอีก
อย่างไรก็ตาม ภาวะหุ้นในขณะนี้ยังดีกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และยังห่างไกลจากการลดลงของดัชนีดาว์นโจน ซึ่งเชื่อว่ายังตกลงไปได้อีก เพราะวิกฤติปี 1930 ของสหรัฐ ดัชนีดาว์นโจนได้ปรับตัวลงไปถึง 90% เทียบได้กับเงิน 100 บาท ลดลงเหลือเพียง 10 บาทเท่านั้น
"ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อของถูก ยามนี้จึงมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้น เพราะคนที่มีเงินสดย่อมเป็นโอกาสที่ดี "
เขากล่าวต่อว่า การเลือกหุ้นในสไตล์ของนักลงทุนหุ้นคุณค่า จะเน้นการถือยาว โดยมองว่าราคาที่ซื้อขณะนี้ เทียบกับมูลค่ากิจการใน 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร ถ้าสามารถตอบคำถามและคาดการณ์ได้ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
"แม้ว่าหุ้นไทยจะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ในแง่ของนักลงทุนที่จัดพอร์ตตัวเอง ก็ควรจะแบงเงินออกเป็นระยะสั้น กลาง และยาว ส่วนการเลือกลงทุนในหุ้นให้ปลอดภัยก็ควรเลือกหุ้นที่ถือยาวได้ เพราะวันหนึ่งราคาหุ้นก็จะกลับขึ้นมาได้" ดร.นิเวศน์ กล่าว
http://special.bangkokbiznews.com/detai ... me=bizweek
ฟันธงหุ้นไทย "ลงลึก" ก่อน "พลิกฟื้น" เป็น "ปีทอง"
กูรูฟันด์ โฟลว์ ฟันธงดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะซบเซาต่อไปอีกตลอดสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะไหลลงลึก จนแตะระดับ "จุดต่ำสุด" ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า (2552)
แต่เขาเชื่อมั่นว่า ในไตรมาส 2 ปีหน้า ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาคึกคักสดใสอีกครั้ง โดยคาดว่า เหตุการวิกฤติการเงินสหรัฐน่าจะคลี่คลาย ผลจากตราสารอนุพันธ์ที่ไม่มีหลักประกัน (CDS) จะครบกำหนดการไถ่ถอนหรือหมดอายุลง
น่าจะทำให้แรงเทขายหุ้นหมดไป และส่งผลต่อเม็ดเงินย้อนกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง
"วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล" กรรมการบริหารและหัวหน้าสายงานวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐ 7 แสนล้านดอลลาร์ ที่ออกมา คิดเป็นเพียง 10% ของหนี้เสียทั้งหมดเท่านั้น แต่มูลค่าหนี้เสียซับไพรม์มีสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 12% ของสินเชื่อทั้งระบบที่มีอยู่ 10 ล้านล้านดอลลาร์ เงินกู้วิกฤติจำนวนนี้จึงเป็นแค่ช่วยพยุงสถานการณ์ไว้ได้แค่ชั่วคราว หรือต่อชีวิตไปแค่ระยะหนึ่ง เท่านั้น
นอกจากนั้น การเข้าพยุงวิกฤติของเฟดด้วยเงินจำนวน 7 แสนล้านดอลลาร์ น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากมีธนาคารพาณิชย์ล้มอีก เฟดจะไม่สามารถรับกับสถานการณ์ได้อีกแล้ว
เขากล่าวว่า ตลาดหุ้นได้รับรู้ความเสียหายของเลแมน ซึ่งเป็นอินเวสเม้นแบงก์กิ้งประเภทธุรกิจโฮเซล ประกาศผลขาดทุนไปแล้วและทำให้ต่างชาติขายหุ้นออกไป
แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารประเภทรีเทลแบงก์กิ้งอีกหรือไม่ ซึ่งต้องรอดูผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์สหรัฐ ที่จะประกาศออกในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ให้ดี
ประกอบกับผลพวงจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25-0.50% ในช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะลดลงได้อีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้เติบโต จะส่งผลทำให้เม็ดเงินต่างชาติถูกดึงกลับไปยังสหรัฐอีกระลอก
ช่วงนี้จึงขอให้จับตาช่วงวันที่ 15-16 ตุลาคมนี้ ให้ดี เพราะจะเป็นวันประกาศงบการเงินธนาคารสหรัฐ
หากงบการเงินออกมาย่ำแย่กว่าที่คิด และวิกฤติลามถึงธนาคารพาณิชย์รีเทลมีปัญหา จะทำให้ต่างชาติขายหุ้นที่เหลืออีกล๊อทออกมาอย่างแน่นอน
วิศิษฐ์ มองว่า หากวิกฤติการเงินสหรัฐลุกลามไปยังรีเทลแบงก์กิ้ง จะทำให้ต่างชาติขายหุ้นออก และกดดันหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4 ถึงไตรมาสแรกปี 2552
คิดว่าหุ้นไทยปรับตัวลงรอบนี้ คล้ายกับวิกฤติเอเชียหรือต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะยังไม่ Bottom ในปีนั้น แต่จะตกต่ำสุดในปี 2541 จึงมองว่าหุ้นไทยจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ถึงไตรมาสแรกปี 2552
แต่ก่อนหน้านั้น หุ้นไทยอาจจะมีรีบาว์น หรือปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ ได้ จากการกลับมาซื้อชั่วคราวของนักลงทุนต่างชาติ ก่อนที่หุ้นจะไหลลงแรง
เขาแนะนำว่า ในช่วงวิกฤติยังเป็นโอกาสลงทุนเสมอ จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงแรงในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งหุ้นมีราคาถูกมาก
อย่างไรก็ตาม วิศิษฐ์ ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยจะ พลิกฟื้น คืนชีพได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 และมองว่าจะเป็นปีทองของตลาดหุ้น คล้ายกับปี 2546 ที่หุ้นไทยกลับมาคึกคัก
เขากล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นขึ้นได้ จะเกิดจากผลของการโยกย้ายสินทรัพย์ลงทุนของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรฐบาล ได้ปรับตัวลดลงต่ำสุดไปแล้ว ทำให้ราคาพันธบัตรไม่น่าสนใจลงทุนอีกต่อไป
ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ จะเกิดการถดถอยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบแน่นอนในปี 2552 และทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่มีโอกาสสูงที่ราคาที่ดินจะลดลง จนส่งผลต่อราคาที่ดินในเอเชียลดลงไปด้วย
นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า ตราสารอนุพันธ์ซีดีเอส จะครบอายการไถ่ถอน หรือหมดอายุ น่าจะทำให้วิกฤติการเงินสหรัฐคลี่คลายและอาจจบได้
เราจึงมองว่า นักลงทุนทั่วโลกจะเกิดการจัดสรรเงินลงทุนใหม่และโยกเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง ในขณะที่การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มีความเสี่ยงราคาผันผวน ลงทุนในตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ไม่น่าจูงใจ
รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่น่าสนใจ เพราะราคามีแนวโน้มลดลง ตลาดหุ้นจึงน่าจะแหล่งลงทุนที่สนใจ และอัตราเงินปันผลสูงจูงใจ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาคึกคักในช่วงไตรมาส 2 วิศิษฐ์ กล่าว
ด้าน "แสงธรรม จรณชัยกุล" ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า นับตั้งแต่ 25 ก.พ.2551 หลังจากพันธมิตรเคลื่อนไหว ต่างชาติได้ถล่มขายหุ้นไทยไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือเม็ดเงินลงทุนในหุ้นไทยอีกราว 9 หมื่นล้านบาท โดยต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนต่างชาติจะอยู่ที่ดัชนี 590 จุด ซึ่งเป็นต้นทุนเริ่มต้นลงทุนเมื่อปี 254
หากนักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นบลูชิพออกอีก จะกดดันดัชนีให้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 500 จุด เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าตลาดรวม (Market Cap.)เหลือเพียง 4.7 ล้านล้านบาท โดยดัชนีลดลงมาต่ำกว่า 600 จุด จากช่วงต้นปีอยู่ที่ 7 ล้านล้านบาท และดัชนีอยู่ที่ 928 จุด หรือมาร์เก็ตแคปหดหายไปแล้ว 2.2 ล้านล้านบาท เท่ากับว่า คนที่ลงทุนที่ดัชนี 928 จุดมีผลขาดทุนอย่างมหาศาล
"ผมกังวลว่าหากสถาบันการเงินของสหรัฐล้มไปอีก และทำให้เฮดจ์ฟันด์ ขาดทุนตามไปด้วย เพราะจำเป็นต้องขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ออกไป ซึ่งปัจจุบันเงินต่างชาติที่อยู่ในหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2548-2550 ได้ไหลออกเกลี้ยงไปหมดแล้ว
จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยรอบนี้มีความเสี่ยงที่หุ้นจะไหลลงไปอีกและเป็นตลาด Supper Bear หรือ หมีใหญ่ อย่างแท้จริง"
เขากล่าวต่ออีกว่า ตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงสูงคล้ายกับดัชนีดาว์นโจนของสหรัฐที่ได้ปรับตัวลงไปลึกแล้ว ขณะที่หุ้นไทยมีความเสี่ยงจากการปรับตัวลงของหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกครองมาร์เก็ตแคปถึง 67% ซึ่งเมื่อหุ้นเหล่านี้ลดลงก็จะฉุดดัชนีให้ลงต่อ จึงมองว่า แนวโน้มของหุ้นไทยไตรมาสสุดท้าย ดัชนีจะค่อยๆ ไหลลงต่อไปอีก โดยขึ้นอยู่กับเม็ดเงินที่เหลืออีก 9 หมื่นล้านบาทจะไหลออกเมื่อไรเท่านั้น
ส่วนแนวทางการลงทุนในช่วงท้ายปีนี้ แสงธรรม กล่าวว่า การจัดพอร์ตในช่วง 3เดือนสุดท้ายปีนี้ ควรจะมีเงินสดไว้ในมือมากกว่าการถือหุ้น เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้มีความเสี่ยงสูง ขณะเดียวกัน ช่วงนี้เหมาะสมที่จะลงทุนกองทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟ เพราะราคาหุ้นได้ลงมามากแล้ว การซื้อช่วงนี้ถือว่าได้ราคาส่วนลด และยังได้ลดภาษีอีกด้วย
ส่วนมุมมองของนักลงทุนแวลูอินเวสเม้นท์ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้นคุณค่า กล่าวว่า สำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นอยู่ แนะนำให้ทยอยซื้อ แต่ให้ถือเก็บระยะยาว เนื่องจากมองว่าในช่วงสั้นๆ ตลาดหุ้นยังปรับตัวลงได้ต่อยังมีโอกาสอีก
อย่างไรก็ตาม ภาวะหุ้นในขณะนี้ยังดีกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และยังห่างไกลจากการลดลงของดัชนีดาว์นโจน ซึ่งเชื่อว่ายังตกลงไปได้อีก เพราะวิกฤติปี 1930 ของสหรัฐ ดัชนีดาว์นโจนได้ปรับตัวลงไปถึง 90% เทียบได้กับเงิน 100 บาท ลดลงเหลือเพียง 10 บาทเท่านั้น
"ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อของถูก ยามนี้จึงมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้น เพราะคนที่มีเงินสดย่อมเป็นโอกาสที่ดี "
เขากล่าวต่อว่า การเลือกหุ้นในสไตล์ของนักลงทุนหุ้นคุณค่า จะเน้นการถือยาว โดยมองว่าราคาที่ซื้อขณะนี้ เทียบกับมูลค่ากิจการใน 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร ถ้าสามารถตอบคำถามและคาดการณ์ได้ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
"แม้ว่าหุ้นไทยจะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ในแง่ของนักลงทุนที่จัดพอร์ตตัวเอง ก็ควรจะแบงเงินออกเป็นระยะสั้น กลาง และยาว ส่วนการเลือกลงทุนในหุ้นให้ปลอดภัยก็ควรเลือกหุ้นที่ถือยาวได้ เพราะวันหนึ่งราคาหุ้นก็จะกลับขึ้นมาได้" ดร.นิเวศน์ กล่าว
http://special.bangkokbiznews.com/detai ... me=bizweek
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 9
:lol:
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
- Teathink
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1182
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับ เก็บรายละเอียดได้ดีมากครับ
เพิ่มเติมนะครับ
คุณวิสิฐ องค์พิพัฒนกุล พูดถึงเรื่องค่าเงินว่าตอนที่เกิดต้มยำกุ้งทำไมค่าเงินเราอ่อน แต่hamburger ค่าเงินเราก็อ่อนอีกล่ะ
ท่านอธิบายว่า ตอนนี้สหรัฐพยายามที่จะดึงเงินที่ไปลงทุนจากประเทศต่างๆกลับประเทศ ทำให้ความต้องการดอลล่าห์จะสูงมาก มากกว่าที่จะเทขายสกุลดอลล่า เนื่องจากดอลล่าเป็นเงินสกลุลหลักๆที่ใช้เป็นสื่อกลางครับ
ประมาณนี้นะครับตามที่ผมเข้าใจ
เพิ่มเติมนะครับ
คุณวิสิฐ องค์พิพัฒนกุล พูดถึงเรื่องค่าเงินว่าตอนที่เกิดต้มยำกุ้งทำไมค่าเงินเราอ่อน แต่hamburger ค่าเงินเราก็อ่อนอีกล่ะ
ท่านอธิบายว่า ตอนนี้สหรัฐพยายามที่จะดึงเงินที่ไปลงทุนจากประเทศต่างๆกลับประเทศ ทำให้ความต้องการดอลล่าห์จะสูงมาก มากกว่าที่จะเทขายสกุลดอลล่า เนื่องจากดอลล่าเป็นเงินสกลุลหลักๆที่ใช้เป็นสื่อกลางครับ
ประมาณนี้นะครับตามที่ผมเข้าใจ
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 11
:lol: :lol: ขอบคุณครับที่ช่วยกันโพสความรู้
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 12
ผมไปดูยอด CDS ใน wikipedia เห็นที่จะ maturity ในระยะสั้นในส่วน subprime คิดเป็นสัดส่วนไม่เท่าไหร่เองนะครับ...ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเราถึงจะรู้ผลกระทบ CDS ภายในกลางปีหน้าหรือครับ?
Impossible is Nothing
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 14
ถ้าการเมืองยังไม่นิ่งจริง ภาคการลงทุนจากรัฐบาลจะช้ามากครับเพราะมัวแต่ทะเลาะกันโครงการต่างจึงยังค้างเติ่งไม่เดินหน้าเท่าที่ควร
ยังไงก็หวังแต่ว่าการเมืองจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นครับ :lol:
ยังไงก็หวังแต่ว่าการเมืองจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นครับ :lol:
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
-
- Verified User
- โพสต์: 125
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 15
อ.วีระ แนะนำว่า ให้จับตาดูตลาดบัตรเครดิต USA ให้ด๊ครับ
งานนี้อาจเป็นคลื่นลูกต่อไป...
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารครับ
... วันนี้คุณเตรียมกระสุนดินดำ ไว้พร้อมหรือยัง
www.oknation.net/blog/vera/2008/10/20/entry-1
ฟัง อ.วีระวิเคราะห์ได้ที่นี่ครับ ช่วง 3-4
งานนี้อาจเป็นคลื่นลูกต่อไป...
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารครับ
... วันนี้คุณเตรียมกระสุนดินดำ ไว้พร้อมหรือยัง
www.oknation.net/blog/vera/2008/10/20/entry-1
ฟัง อ.วีระวิเคราะห์ได้ที่นี่ครับ ช่วง 3-4
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 16
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 17
กระทู้อัดแน่นด้วยเนื้อหา
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 18
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 19
กลับมาฟังคุณไพบูลย์ นลินทรางกูร อีกทีดีกว่าครับว่ามองอย่างไร
พร้อม ดร.นิเวศน์ คุณเทวินทร์จาก ปตท รศ.มานพ ดร.คณิศ จากคลัง
รวมปาฐกถาจาก ดร.โอฬาร เผื่อจะดูว่าท่านว่าอย่างไร
วันเสาร์ที่ 1 พย.51 จองที่นั่งฟรีที่ 02-237-1992-3
พร้อม ดร.นิเวศน์ คุณเทวินทร์จาก ปตท รศ.มานพ ดร.คณิศ จากคลัง
รวมปาฐกถาจาก ดร.โอฬาร เผื่อจะดูว่าท่านว่าอย่างไร
วันเสาร์ที่ 1 พย.51 จองที่นั่งฟรีที่ 02-237-1992-3
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 20
ที่นั่งเต็มยังครับจะไปฟังให้ใด้
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
- King_Krimson
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 21
"Ther Pursuit of Liberty"
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
"You can only depend on yourself. The cavalry ain't coming."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก รายการ Money talk daily วันที่ 14 ตค 51
โพสต์ที่ 22
เท่าที่ทราบยังเหลือที่นั่งครับ วันจันทร์โทรไปจองได้ครับ
หรือจะจองผ่าน Web ของสมาคมก็คงได้ครับ
หรือจะจองผ่าน Web ของสมาคมก็คงได้ครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV