22 กันยายน 2551 08:49
RTC ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
--------------------------------------------------------------------------------
ทันหุ้น-นักวิชาการชำแหละมาตรการกู้วิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐ โดยตั้งบรรบัทขึ้นมารับโอนหนี้ เน่าทั้งระบบในรูปของ RTC สมชาย ภคภาสน์วิฒน์ ชี้ต้องใช้เงินมหาศาลและความร่วมมือระดับโลกถึงจะสำเร็จ เหตุเป็นวิกฤติที่รุนแรง และต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้น ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ระบุการห้ามทำช็อตเซลล์หุ้นของสหรัฐทำให้นักลงทุนมั่นใจหันกลับซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารทั่วโลกคืน แต่เชื่อปัญหาไม่จบแน่ ด้านโบรกต่างชาติเตือนตลาดหุ้นโลกฟื้นระยะสั้น มาตรการ RTC เป็นการห้ามเลือดเท่านั้น ความเสี่ยงยังมีอยู่ รอเวลาระเบิดอีกครั้ง
รัฐบาลกลางสหรัฐเปิดเผยถึงแผนการในการลดความกังวลในตลาดการเงินและแก้ไขวิกฤตการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัย โดยมีแผนที่จะนำแนวคิดการจัดตั้งบรรษัทเรโซลูชั่น ทรัสต์ คอร์ปอเรชั่น (RTC) มาใช้ หลังจากที่เคยใช้แผนดังกล่าวในเหตุการณ์เกิดวิกฤตการณ์เงินออมและเงินกู้ในทศวรรษ 1980 โดยครั้งนี้เป้าหมายในการจัดตั้ง RTC ขึ้นอีกครั้งเพื่อแก้ไขปัญหาตราสารหนี้จำนองด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นปัญหาที่กดดันตลาดทุนทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
RTC กระตุ้นความเชื่อมั่น
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกเริ่มฟื้นกลับมาในระดับหนึ่ง เพราะการประกาศใช้มาตรการ RTC ของรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากวิกฤติสถาบันการเงินทั่วโลก
ทั้งนี้ มองว่า มาตรการของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทั้งในสหรัฐและอังกฤษ ประกาศห้ามทำช็อตเซลล์หุ้นในกลุ่มการเงิน เพื่อยับยั้งกระแสการเก็งกำไรไม่ให้สร้างความเสียหายต่อตลาดการเงิน รวมทั้งจากที่เลห์แมน บาร์เธอร์ส ล้มละลาย รวมถึง อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) ขอกู้เงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ช่วยลดแรงกดดันจากการเทขายหุ้นของสถาบันการเงินลงไปได้พอสมควร และทำให้นักลงทุนที่เคยเทขายหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ กลับเข้ามาซื้อคืนอีกครั้ง
ตอนนี้ถือได้ว่า มาตรการทุกอย่างที่รัฐบาลกลางสหรัฐเร่งผลักดันออกมานั้นค่อนข้างได้ผล สังเกตดูได้จากแรงซื้อที่มีกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก นั่นแสดงให้เห็นว่า บรรยาการการลงทุนเริ่มผ่อนคลายลง เพราะมีมาตรการที่ค่อนข้างชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินที่กำลังมีปัญหาและกำลังจะมีปัญหาตามมา ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
เพียงบรรเทาแต่ยังไม่จบ
ดร.ก้องเกียรติ กล่าวต่อว่า วิกฤติการณ์ในระบบการเงินโลกครั้งนี้ คงต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายไปทั้งหมด แม้ว่าเบื้องต้นจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมา แต่ก็เป็นเพียงการบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาดังกล่าวยังไม่จบและยังคงส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของโลกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ มองว่า สำหรับมาตรการจัดตั้งบรรษัทเรโซลูชั่น ทรัสต์ คอร์ปอเรชั่น หรือRTC ขึ้นมาเพื่อรองรับและแก้ไขวิกฤตการณ์ในระบบการเงินโลก ช่วยทำให้สถาบันการเงินที่กำลังประสบปัญหามีช่องทางในการกระจายความเสี่ยง รวมทั้งทำให้มีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นมาตรการที่มีประโยชน์และสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดในขั้นแรก สะท้อนภาพให้เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวค่อนข้างรุนแรง และน่าจะส่งผลกระทบเป็นเวลานาน จึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือทั่วโลก
ต้นต่อมาจากซับไพร์ม
รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ขณะนี้วิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของโลก และยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการลงทุน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนปรับตัวลดลง เพราะไม่มั่นใจว่าปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะหาข้อยุติ หรือมีมาตรการใดที่จะสามารถรองรับผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ มองว่า การที่กระทรวงการคลัง และรัฐบาลสหรัฐมีแผนที่จะจัดตั้งหน่วยงานของรัฐขึ้นมาเพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาตราสารหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่กดดันตลาดทุนทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็คงต้องย้อนกลับมาวิเคราะห์ถึงต้นตอของปัญหาด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการเงินของโลกที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจากวิกฤติสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือซับไพร์มที่ส่งผลกระทบลุกลามมายังตลาดการเงิน และตลาดทุนทั่วโลกนั่นเอง
ประเด็นสำคัญขององค์กรที่จะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งต้องมองให้ออกว่า ปัญหาที่เกิดอยู่ตอนนี้เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมา ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิด ดังนั้นความเสียหายมันจึงทวีคูณกันขึ้นไปอีก เพราะถ้าลองย้อนกลับไป แม้จะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของโลก แต่ก็ไม่เท่าครั้งนี้ ถือได้ว่าครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษเลยก็ว่าได้ รศ.ดร.สมชาย กล่าว
RTC ต้องมีเงินมหาศาล
รศ.ดร.สมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับการนำแนวคิดเรื่องการจัดตั้งบรรษัทเรโซลูชั่น ทรัสต์ คอร์ปอเรชั่น หรือ RTC ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยใช้เมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์เงินออมและเงินกู้เมื่อทศวรรษ 1980 มาปรับปรุงใหม่เพื่อให้สอดคล้องและรองรับกับปัญหาที่เกิดอยู่ในขณะนี้นั้น มองว่า การจัดตั้งองค์กรดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องมีจำนวนเงินที่มากพอสมควรในการที่จะนำไปอัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินที่กำลังมีปัญหา
นอกจากนี้ ยังจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศมหาอำนาจทั่วโลก อาทิ จีน อินเดีย เนื่องจากปัญหาที่เกิดในขณะนี้ส่งผลกระทบกระจายออกไปในวงกว้างต่อภาวะเศรษฐกิจของโลก ถือว่าเป็นวิกฤติที่หนักที่สุด ดังนั้นการที่จะให้สหรัฐซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกออกมารับมือเพียงประเทศเดียวคงเป็นเรื่องลำบาก
รศ.ดร.สมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางในการจัดตั้งองค์กร RTC ขึ้นมาเพื่อรองรับปัญหาในระบบการเงินดังกล่าว มองว่ายังไม่เพียงพอ เนื่องจากความรุนแรงของปัญหาได้กระจายออกไปสู่วงกว้าง กลายเป็นปัญหาระบบการเงินระดับโลก ดังนั้นองค์กรที่จะจัดตั้งขึ้นจำเป็นที่จะต้องมีประสิทธิภาพในระดับสูงสุด และช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นให้เบาลงได้ เพราะเบื้องต้นหลายฝ่ายต่างประเมินว่า ปัญหาวิกฤติในระบบการเงินรอบนี้คงกินระยะเวลายาวนานพอสมควร และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในรูปของลูกคลื่น
ทั้งนี้ เชื่อว่า ขณะนี้คงไม่มีมาตรการหรือนโยบายใดที่จะสามารถยุติผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวได้ แต่อาจจะช่วยบรรเทาความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ลดระดับความรุนแรงลงได้ ซึ่งก็คงต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพขององค์กร หรือนโยบายที่จะดำเนินการด้วยว่าจะสามารถรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในระดับใด
RTC มาตรการซับเลือด
ม.ล. ทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อนุมัติวงเงินสำหรับการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างกัน มูลค่าระหว่าง 1.8 แสนล้านดอลลาร์ ถึงระดับสูงสุดที่ 2.47 แสนล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารกลางอีก 5 แห่ง ได้แก่ สหภาพยุโปร สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น แคนาดา และอังกฤษ เพื่อให้ธนาคาต่าง ๆ สามารถเข้าถึงเงินดอลลาร์ได้คล่องตัวขึ้นนั้น มองว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยสนับสนุนทางด้านจิตวิทยาการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกเท่านั้น หรือเปรียบเหมือนการทำแผลเพื่อลดการไหลออกของเลือด
ทั้งนี้ เนื่องจาก ตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกได้มีการขานรับกับมาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศออกมา แต่เชื่อว่าระยะสั้นภาคการลงทุนโดยรวมจะยังคงผันผวนอยู่ เพราะยังมีข่าวลือเกี่ยวกับวิกฤติของสถาบันการเงินอื่น ๆ ในสหรัฐที่เข้าข่ายการเกิดวิกฤติเช่นเดียวกับเลห์แมน บาร์เธอร์สออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ในระยะยาว
สิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงรัฐบาลสหรัฐกำลังทำอยู่ตอนนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในเวลาที่ปัญหายังหาข้อยุติที่แน่ชัดไม่ได้ แต่เชื่อว่ายังไม่เพียงพอ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมากเพื่อเข้ามาฟื้นฟู เบื้องต้นเชื่อว่าแม้ปัญหาจะยังไม่จบ แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนน่าจะฟื้นขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง แม้จะเป็นระยะเวลาช่วงสั้น ๆ ก็ตาม ม.ล.ทองมกุฎ กล่าว
ม.ล.ทองมกุฎ ยังกล่าวถึงแนวคิดในการจัดตั้งบรรษัทเรโซลูชั่น ทรัสต์ คอร์ปอเรชั่น (RTC) ว่า อาจจะช่วยทำให้ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาวิกฤติระบบการเงินโลกล่าช้าออกไป เหมือนการซื้อเวลาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและตลาดทุนทั่วโลก
http://www.thunhoon.com/home/
--------------------------------------------------------------------------------