กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?

โพสต์ที่ 1

โพสต์

4 วิตามินกับอันตรายหากบริโภคเกิน
คุณได้รับวิตามินมากเกินไปหรือไม่?

ใครหลายคนอาจเคยตั้งข้อสงสัย หรือถ้าหากคุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกรับประทานอาหารเสริม ประเภทวิตามินเป็นประจำ คุณทราบหรือไม่ โทษภัยของการกินวิตามินมากเกินไป จะมีผลกระทบต่อร่างกายของเรามากน้อยเพียงใด

   1. วิตามินเอ
             แหล่งอาหาร : เนื้อปลา น้ำมันตับปลา ผักผลไม้สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีเขียวเข้ม เช่น แครอท มะละกอ กล้วย บร็อกโคลี
             ผลของการได้รับมากเกินไป : อาเจียน ผมร่วง ผิวหนังแห้งตกสะเก็ด ตับ กระดูก และการมองเห็นถูกทำลาย นอกจากนั้นยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการพิการของทารกในหญิงมีครรภ์
             ค่าสารอาหาร :
                  - Thai RDI* : 800  ไมโครกรัม RE
                  - อาหารปกติ : 252 - 6,050 ไมโครกรัม
                  - วิตามินเสริมบางยี่ห้อ :1,500 ไมโครกรัม
                  - ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 1,500 ไมโครกรัม

   2. วิตามินบี 6
             แหล่งอาหาร : กล้วย ถั่วเหลือง เนื้อปลา และข้าวซ้อมมือ  
             ผลของการได้รับมากเกินไป : มีอาการเดินเซ มือและเท้าชา และส่งผลให้ประสาทกล้ามเนื้อแขนขาถูกทำลาย
             ค่าสารอาหาร :
                  - Thai RDI : 2  มิลลิกรัม
                  - อาหารปกติ : 2-3.9 มิลลิกรัม
                  - วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 250 มิลลิกรัม
                  - ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 14 มิลลิกรัม

   3. วิตามินซี
             แหล่งอาหาร : ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง และผักสด
             ผลของการได้รับมากเกินไป : ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย ท้องอืด และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นนิ่วในไตได้  แต่ถ้าหยุดรับประทานอาการเหล่านี้จะหายไป
             ค่าสารอาหาร :
                  - Thai RDI : 60 มิลลิกรัม
                  - อาหารปกติ : 64 - 160 มิลลิกรัม
                  - วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 1,000 มิลลิกรัม
                  - ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 1,000 มิลลิกรัม

   4. วิตามินอี
             แหล่งอาหาร : จมูกข้าว น้ำมันพืช ผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืช
             ผลของการได้รับมากเกินไป : ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว กล้ามเนื้อล้า แน่นท้อง และท้องร่วง และถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก อาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินเอได้
             ค่าสารอาหาร :
                  - Thai RDI : 15  มิลลิกรัม
                  - อาหารปกติ : 8.5 - 18 มิลลิกรัม
                  - วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 670 มิลลิกรัม
                  - ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 560 มิลลิกรัม

   * Thai RDI (Thai Recommended Daily Intakes) คือ ค่าสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี

         วิตามินเสริมจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพและปลอดภัย ถ้ารู้จักกินแต่พอดี สำหรับในชีวิตประจำวัน ถ้าเรารู้จักกินผักผลไม้สดๆ ได้อย่างเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งวิตามินแต่ประการใดค่ะ

http://blog.eduzones.com/dena/5104
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เตือนภัย'วัยโจ๋'กินอาหารเสริมกล้ามเนื้อ

         สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วิทยาลัยแพทย์คอร์แนลและศูนย์การแพทย์ซีดาร์ของสหรัฐเตือนว่า วัยรุ่นที่ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกล้ามเนื้อควรจะได้รับคำเตือนให้ตระหนักถึงอันตราย เพราะยังไม่มีการศึกษาผลดีผลเสียของอาหารเสริมประเภทนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แต่ปัจจุบันนี้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายโดยเฉพาะวัยรุ่นชาย ซึ่งเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล ยกน้ำหนัก ฮอกกี้ ยิมนาสติกและพวกเชียร์ลีดเดอร์มักนิยมใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกล้ามเนื้อกันมาก ซึ่งในสหรัฐนั้นหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านอาหารเพื่อสุขภาพหรือสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต จากการสำรวจพบด้วยว่าวัยรุ่นสหรัฐอายุ 10-18 ปีที่อาศัยอยู่ในเขตเวสต์เชสเตอร์ เคาน์ตี้ รัฐนิยอร์กใช้ผลิตภัณฑ์เสริมสร้างกล้ามเนื้อถึงร้อยละ 5

http://www.bangkokhealth.com/healthnews ... umber=1711
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เห็นเืพื่อนๆ ที่ office กิน อาหารเสริม กัน มากเลยครับ ไม่ทราบว่ามีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไรครับ
phobenius
Verified User
โพสต์: 1976
ผู้ติดตาม: 0

กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ส่วนตัวเคยทำธุรกิจด้านวิตามินมาก่อน ตอนอยู่ออสเตรเลีย ทำของ usana
ความคิดเห็น ว่าวิตามินอันตรายไหม กินมาก คงอันตรายแน่นอน

แต่อันตรายแฝงนั้นร้ายกว่าคือ วิตามินที่คุณภาพไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ กรรมวิธีในการผลิตนั้นสำคัญมากครับ เพราะ วิตามินถูกๆ การผลิตจะมีการใช้พลังงานความร้อนเป็นส่วนใหญ่ในการสกัดต่างๆ ทำให้คุณค่าสูญเสียไปในการผลิต และอีกอย่างหนึ่งคือ การดูดซับเข้าร่างกายที่ค่อนข้างยาก อย่างสังเกตุง่ายดู วิตามินแคลเซียม บางยี่ห้อ ละลายน้ำ ตั้งไว้ห้าชั่วโมงยังละลายไม่หมด นี้ยังไม่คิดถึงการดูดซึมเข้าร่างกายนะครับ

ถ้าวิตามินซี ทดลองไม่ยาก ใช้วิธีแบบ ม ต้น ใส่ด่างทับทิมไป ลองใส่วิตามินซีดูหนึ่งเม็ด กวนๆ ถ้ากวนสองสามที สีหาย ก็ถือว่า อย่างน้อยมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระได้

และอย่างพวก โอเมก้าทรี ถ้าลองแช่ช่องแข็งแล้วมันแข็ง นะ ของปลอม หรือเห็นเป็นไข แปลว่าไม่ดีจิง
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?

โพสต์ที่ 5

โพสต์

10 นิสัยทำลายสุขภาพ

เห็นด้วยหรือไม่ว่า ผู้ชายส่วนใหญ่...ทุกวันนี้ ฉลาด สมาร์ท และเป็นผู้นำที่ดีขึ้น แต่..สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยสำหรับผู้ชาย (ส่วนใหญ่) คือ การไม่ค่อยจะดูแลสุขภาพตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาของ 10 นิสัย ทำลายสุขภาพ ที่ควรปรับปรุง..ด่วน! ลองมาดูกันว่าหลุมพรางที่สร้างจากนิสัย (ส่วนตัว) ของผู้ชาย มีอะไรกันบ้าง?

1. ไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า
ผู้ชายจำนวนมากไม่มีเวลาพอสำหรับอาหารเช้า ประโยคยอดนิยม คือ "ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกาแฟแก้วเดียวนั้น ไม่พอแน่นอน สำหรับความต้องการของร่างกาย และการใช้พลังงานตลอดภาคเช้าก่อนที่อาหารกลางวันจะตกถึงท้อง
คำแนะนำ : หากไม่สามารถตื่นให้เช้ากว่านี้ได้ ก็ให้ตัดเวลาเตรียมตัวออกไป หรือเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้เปลือกแข็ง และพวกธัญพืชสัก 1 กำมือ ก็เพียงพอที่จะให้พลังงานสำหรับวันใหม่แล้ว

2. กลืนยาเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะพบเห็นเสมอในผู้ชาย กินยาเม็ดโดยไม่ใช้น้ำ (..ทำได้ไง?) ประเภทคว้ายามาได้ก็กลืนเข้าปาก ทำคอยึกยัก เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี ชายประเภทที่ว่านี้มักจะถือคติ ทำชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ หรือเกิดมาเป็นผู้ชาย ยังไงก็ได้อยู่แล้ว พฤติกรรมดังกล่าวนี้..ผิดอย่างมหันต์ เสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยอย่างรุนแรงบริเวณหลอดอาหาร จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว
คำแนะนำ : ทางแก้ง่ายๆ สำหรับกรณีนี้ คือ ดื่มน้ำตามหลังกินยาทุกครั้ง ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะมันดีต่อสุขภาพ

3. เข้าฟิตเนสไม่สม่ำเสมอ แต่โหมออกกำลังกาย
ชายหนุ่มหลายรายมีงานรัดตัว พอนึกขึ้นว่าไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์ ก็วิ่งเข้าฟิตเนสเลย หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น ก็โหมออกกำลังกาย เพราะรู้ตัวว่ามีเวลาน้อย แถมไม่ได้ทำมานาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจจะเสียสมดุลไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คำแนะนำ : หากคุณหายไปจากโรงยิมนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ สิ่งที่ควรจะทำ คือ กลับมาเริ่มใหม่ ตั้งแต่วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายทีละน้อย ไม่หักโหม ค่อยปรับระดับไปเรื่อยๆ ตามสมดุลของร่างกาย และทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะกลับมามีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่แข็งแรงเหมือนเดิม

4. กินอาหารเสริมมากเกินไป
สำหรับคนที่มีสตางค์แล้ว อาหารเสริมกลายเป็นปัจจัยที่ 6 แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ปริมาณวิตามินและเกลือแร่ที่มากเกินไปนั้นสามารถเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินดี และเบต้าแคโรทีน
คำแนะนำ : คุณควรจะได้รับสารอาหารจากอาหารมากกว่า แต่หากคุณไม่สามารถทำได้ วิตามินรวมก็เป็นทางเลือกหนึ่ง โดยกินเพียงวันละ 1 เม็ด และหากคุณสงสัยเรื่องโรคติดต่อทางพันธุกรรมก็ควรที่จะตรวจร่างกายเสียก่อน

5. ยาแก้อักเสบเหรอ หายดีแล้วจะกินทำไม
อันนี้หลายคนอ่านแล้วอมยิ้ม (ถูกใจ..ใช่เลย) คงไม่ต้องยกเหตุผลเรื่องของการดื้อยามาบอก แต่คุณรู้ไหมว่า ไม่ใช่แต่คุณเท่านั้นนะที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องของอาการดื้อยานั้น แต่โรคนั้นจึงอาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก หรือเชื้ออาจจะกลายพันธุ์ได้
คำแนะนำ : กินยาให้ถูกต้องและครบจำนวนตามคำแนะนำของแพทย์

6. เลือกแว่นกันแดดที่ความเท่
โดยไม่เคยดูเปอร์เซ็นต์การปกป้องรังสี UV คุณเคยเห็นผู้ชายใส่ใจรายละเอียดเรื่องพวกนี้หรือ..น้อยแสนน้อย ส่วนมากหยิบแว่นมาลองใส่เพราะความเท่ พลิกซ้าย พลิกขวาอยู่หน้ากระจก เอ้า! เหมาะกับใบหน้าแล้ว จ่ายสตางค์ได้ คุณลืมไปหรือเปล่าว่า แว่นกันแดดนั้นมีผลต่อสายตา ยิ่งทุกวันนี้ที่แดดร้อนแรงขึ้น แว่นกันแดดที่ไม่ได้มาตรฐาน จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการไม่สวมแว่นกันแดดเลย
คำแนะนำ : ควรสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี UV ได้ 100% เท่านั้น

7. เชื่อว่าร่างกายต้องทนทานได้มาก ถึงจะเป็น "ลูกผู้ชายตัวจริง"
ความเชื่อแบบนี้ เกิดขึ้นกับทุกกิจกรรมที่คุณทำ หากคุณเชื่อว่าร่างกายของคุณแข็งแกร่งเกิน 100 และทนทานได้มากกว่าคนอื่นๆ การทนรับความเจ็บปวดทางกายให้มากที่สุด คือ หนทางของลูกผู้ชายตัวจริง
คำแนะนำ : ถึงจะเป็นผู้ชาย ร่างกายก็ไม่ใช่เหล็ก และ "ความเจ็บปวด" ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่ร่างกายใช้เตือนว่า ให้เลิกทำกิจกรรมนั้นๆ เถอะ เพราะเป็นอันตรายได้ การทำกิจกรรมทุกอย่างควรทำด้วยความระมัดระวัง และอย่าฝืนหากว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือนแล้ว

8. ใช้เวลากับการนอนหลับ น้อยถึงน้อยที่สุด
คุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะนอนน้อย บ้างเอาเวลาไปทุ่มให้กับงาน แต่บ้างก็เฮฮาอยู่ตามวงสังสรรค์ เช้าตรู่ตื่นขึ้นมาทำงาน ทั้งที่เพิ่งนอนไปตอนตี 3การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลเสียต่อขบวนการเมตาบอลิซึ่มและหน้าที่ของฮอร์โมนอายุของร่างกาย และสามารถเพิ่มความรุนแรงของความผิดปกติที่สัมพันธ์กับอายุ เช่น โรคหัวใจและเบาหวานได้
คำแนะนำ : ลดกิจกรรมก่อนนอน เข้านอนให้เร็วขึ้นสัก 1/2 ชั่วโมง หากเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ งดออกกำลังกายตอนเย็นเพราะร่างกายของคุณจะตื่นตัว มีอุณหภูมิสูง และนอนไม่หลับ ทำอะไรที่เพลินๆ นิ่งๆ เช่น อ่านหนังสือก็จะช่วยได้

9. ลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
วันนี้ไม่ใช่แต่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สนใจเรื่องการลดน้ำหนัก คุณผู้ชายเขาก็ไม่อยากอ้วน มีอีกหลายคนที่ควบคุมน้ำหนัก ระงับความอยาก (กิน) หลายคนเลือกใช้วิธีการงดอาหารบางประเภท เช่น ไม่กินไขมัน เขี่ยไขมันทุกประเภทออกจากจาน หรือลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สมดุล ย่อมนำความเสียหายมาสู่ร่างกาย ซึ่งอาจไม่ใช่ผลที่เห็นระยะสั้น แต่เป็นผลระยะยาว
คำแนะนำ : การลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (หรือกินแต่ก็น้อยมาก) ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง อาหาร 5 หมู่ ยังสำคัญ และกินอาหารตามตารางโภชนาการ เพื่อความสมดุลของร่างกาย (ข้อเท็จจริง คือ คุณอ้วน เพราะกินมากเกินไปต่างหาก)

10. เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่..เล็บเท้าไม่สนใจ
เล็บเท้า ดูจะเป็นอวัยวะที่ถูกหลงลืม โดยเฉพาะในผู้ชาย ลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะตัดเล็บเท้าโดยไม่ตัดมุมเล็บออกไปด้วยใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นั่นเป็นวิธีการตัดเล็บเท้าที่ผิด เพราะปลายเล็กๆ นั้นอาจทำให้เกิดอาการเล็บขบ หรือทิ่มแทงเนื้อเมื่อคุณมี กิจกรรมประเภทที่ต้องอาศัยเท้า และมีแรงกระแทก เช่น เล่นฟุตบอล แผลเล็กๆ ที่เท้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และลุกลามเป็นปัญหาเรื้อรังได้
คำแนะนำ : หันมาเอาใจใส่กับเล็บเท้า และเลือกกรรไกรตัดเล็บที่เหมาะสม และหากคุณสังเกตพบเชื้อราที่เล็บเท้า ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี

นี่คือ 10 นิสัยที่ทำลายสุขภาพ สำรวจตัวเองหรือคนข้างๆ คุณดูซิวา มีนิสัยต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ แล้วแก้ไข..ด่วน! เสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คุณผู้ชายทั้งหลายได้เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่มีสุขภาพดี เต็มไปด้วยเสน่ห์ และเป็นทั้ง Smart & Healthy Guy
-----------
http://www.cm108.com/bbb/index.php?act= ... f=14&t=141
โพสต์โพสต์