กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?
โพสต์ที่ 1
4 วิตามินกับอันตรายหากบริโภคเกิน
คุณได้รับวิตามินมากเกินไปหรือไม่?
ใครหลายคนอาจเคยตั้งข้อสงสัย หรือถ้าหากคุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกรับประทานอาหารเสริม ประเภทวิตามินเป็นประจำ คุณทราบหรือไม่ โทษภัยของการกินวิตามินมากเกินไป จะมีผลกระทบต่อร่างกายของเรามากน้อยเพียงใด
1. วิตามินเอ
แหล่งอาหาร : เนื้อปลา น้ำมันตับปลา ผักผลไม้สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีเขียวเข้ม เช่น แครอท มะละกอ กล้วย บร็อกโคลี
ผลของการได้รับมากเกินไป : อาเจียน ผมร่วง ผิวหนังแห้งตกสะเก็ด ตับ กระดูก และการมองเห็นถูกทำลาย นอกจากนั้นยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการพิการของทารกในหญิงมีครรภ์
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI* : 800 ไมโครกรัม RE
- อาหารปกติ : 252 - 6,050 ไมโครกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ :1,500 ไมโครกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 1,500 ไมโครกรัม
2. วิตามินบี 6
แหล่งอาหาร : กล้วย ถั่วเหลือง เนื้อปลา และข้าวซ้อมมือ
ผลของการได้รับมากเกินไป : มีอาการเดินเซ มือและเท้าชา และส่งผลให้ประสาทกล้ามเนื้อแขนขาถูกทำลาย
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI : 2 มิลลิกรัม
- อาหารปกติ : 2-3.9 มิลลิกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 250 มิลลิกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 14 มิลลิกรัม
3. วิตามินซี
แหล่งอาหาร : ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง และผักสด
ผลของการได้รับมากเกินไป : ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย ท้องอืด และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นนิ่วในไตได้ แต่ถ้าหยุดรับประทานอาการเหล่านี้จะหายไป
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI : 60 มิลลิกรัม
- อาหารปกติ : 64 - 160 มิลลิกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 1,000 มิลลิกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 1,000 มิลลิกรัม
4. วิตามินอี
แหล่งอาหาร : จมูกข้าว น้ำมันพืช ผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืช
ผลของการได้รับมากเกินไป : ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว กล้ามเนื้อล้า แน่นท้อง และท้องร่วง และถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก อาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินเอได้
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI : 15 มิลลิกรัม
- อาหารปกติ : 8.5 - 18 มิลลิกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 670 มิลลิกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 560 มิลลิกรัม
* Thai RDI (Thai Recommended Daily Intakes) คือ ค่าสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี
วิตามินเสริมจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพและปลอดภัย ถ้ารู้จักกินแต่พอดี สำหรับในชีวิตประจำวัน ถ้าเรารู้จักกินผักผลไม้สดๆ ได้อย่างเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งวิตามินแต่ประการใดค่ะ
http://blog.eduzones.com/dena/5104
คุณได้รับวิตามินมากเกินไปหรือไม่?
ใครหลายคนอาจเคยตั้งข้อสงสัย หรือถ้าหากคุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกรับประทานอาหารเสริม ประเภทวิตามินเป็นประจำ คุณทราบหรือไม่ โทษภัยของการกินวิตามินมากเกินไป จะมีผลกระทบต่อร่างกายของเรามากน้อยเพียงใด
1. วิตามินเอ
แหล่งอาหาร : เนื้อปลา น้ำมันตับปลา ผักผลไม้สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีเขียวเข้ม เช่น แครอท มะละกอ กล้วย บร็อกโคลี
ผลของการได้รับมากเกินไป : อาเจียน ผมร่วง ผิวหนังแห้งตกสะเก็ด ตับ กระดูก และการมองเห็นถูกทำลาย นอกจากนั้นยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการพิการของทารกในหญิงมีครรภ์
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI* : 800 ไมโครกรัม RE
- อาหารปกติ : 252 - 6,050 ไมโครกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ :1,500 ไมโครกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 1,500 ไมโครกรัม
2. วิตามินบี 6
แหล่งอาหาร : กล้วย ถั่วเหลือง เนื้อปลา และข้าวซ้อมมือ
ผลของการได้รับมากเกินไป : มีอาการเดินเซ มือและเท้าชา และส่งผลให้ประสาทกล้ามเนื้อแขนขาถูกทำลาย
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI : 2 มิลลิกรัม
- อาหารปกติ : 2-3.9 มิลลิกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 250 มิลลิกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 14 มิลลิกรัม
3. วิตามินซี
แหล่งอาหาร : ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง และผักสด
ผลของการได้รับมากเกินไป : ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย ท้องอืด และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นนิ่วในไตได้ แต่ถ้าหยุดรับประทานอาการเหล่านี้จะหายไป
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI : 60 มิลลิกรัม
- อาหารปกติ : 64 - 160 มิลลิกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 1,000 มิลลิกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 1,000 มิลลิกรัม
4. วิตามินอี
แหล่งอาหาร : จมูกข้าว น้ำมันพืช ผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืช
ผลของการได้รับมากเกินไป : ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว กล้ามเนื้อล้า แน่นท้อง และท้องร่วง และถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก อาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินเอได้
ค่าสารอาหาร :
- Thai RDI : 15 มิลลิกรัม
- อาหารปกติ : 8.5 - 18 มิลลิกรัม
- วิตามินเสริมบางยี่ห้อ : 670 มิลลิกรัม
- ค่าสูงสุดที่ปลอดภัย : 560 มิลลิกรัม
* Thai RDI (Thai Recommended Daily Intakes) คือ ค่าสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี
วิตามินเสริมจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพและปลอดภัย ถ้ารู้จักกินแต่พอดี สำหรับในชีวิตประจำวัน ถ้าเรารู้จักกินผักผลไม้สดๆ ได้อย่างเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งวิตามินแต่ประการใดค่ะ
http://blog.eduzones.com/dena/5104
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?
โพสต์ที่ 2
เตือนภัย'วัยโจ๋'กินอาหารเสริมกล้ามเนื้อ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วิทยาลัยแพทย์คอร์แนลและศูนย์การแพทย์ซีดาร์ของสหรัฐเตือนว่า วัยรุ่นที่ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกล้ามเนื้อควรจะได้รับคำเตือนให้ตระหนักถึงอันตราย เพราะยังไม่มีการศึกษาผลดีผลเสียของอาหารเสริมประเภทนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แต่ปัจจุบันนี้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายโดยเฉพาะวัยรุ่นชาย ซึ่งเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล ยกน้ำหนัก ฮอกกี้ ยิมนาสติกและพวกเชียร์ลีดเดอร์มักนิยมใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกล้ามเนื้อกันมาก ซึ่งในสหรัฐนั้นหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านอาหารเพื่อสุขภาพหรือสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต จากการสำรวจพบด้วยว่าวัยรุ่นสหรัฐอายุ 10-18 ปีที่อาศัยอยู่ในเขตเวสต์เชสเตอร์ เคาน์ตี้ รัฐนิยอร์กใช้ผลิตภัณฑ์เสริมสร้างกล้ามเนื้อถึงร้อยละ 5
http://www.bangkokhealth.com/healthnews ... umber=1711
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วิทยาลัยแพทย์คอร์แนลและศูนย์การแพทย์ซีดาร์ของสหรัฐเตือนว่า วัยรุ่นที่ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกล้ามเนื้อควรจะได้รับคำเตือนให้ตระหนักถึงอันตราย เพราะยังไม่มีการศึกษาผลดีผลเสียของอาหารเสริมประเภทนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แต่ปัจจุบันนี้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายโดยเฉพาะวัยรุ่นชาย ซึ่งเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล ยกน้ำหนัก ฮอกกี้ ยิมนาสติกและพวกเชียร์ลีดเดอร์มักนิยมใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกล้ามเนื้อกันมาก ซึ่งในสหรัฐนั้นหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านอาหารเพื่อสุขภาพหรือสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต จากการสำรวจพบด้วยว่าวัยรุ่นสหรัฐอายุ 10-18 ปีที่อาศัยอยู่ในเขตเวสต์เชสเตอร์ เคาน์ตี้ รัฐนิยอร์กใช้ผลิตภัณฑ์เสริมสร้างกล้ามเนื้อถึงร้อยละ 5
http://www.bangkokhealth.com/healthnews ... umber=1711
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?
โพสต์ที่ 3
เห็นเืพื่อนๆ ที่ office กิน อาหารเสริม กัน มากเลยครับ ไม่ทราบว่ามีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?
โพสต์ที่ 4
ส่วนตัวเคยทำธุรกิจด้านวิตามินมาก่อน ตอนอยู่ออสเตรเลีย ทำของ usana
ความคิดเห็น ว่าวิตามินอันตรายไหม กินมาก คงอันตรายแน่นอน
แต่อันตรายแฝงนั้นร้ายกว่าคือ วิตามินที่คุณภาพไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ กรรมวิธีในการผลิตนั้นสำคัญมากครับ เพราะ วิตามินถูกๆ การผลิตจะมีการใช้พลังงานความร้อนเป็นส่วนใหญ่ในการสกัดต่างๆ ทำให้คุณค่าสูญเสียไปในการผลิต และอีกอย่างหนึ่งคือ การดูดซับเข้าร่างกายที่ค่อนข้างยาก อย่างสังเกตุง่ายดู วิตามินแคลเซียม บางยี่ห้อ ละลายน้ำ ตั้งไว้ห้าชั่วโมงยังละลายไม่หมด นี้ยังไม่คิดถึงการดูดซึมเข้าร่างกายนะครับ
ถ้าวิตามินซี ทดลองไม่ยาก ใช้วิธีแบบ ม ต้น ใส่ด่างทับทิมไป ลองใส่วิตามินซีดูหนึ่งเม็ด กวนๆ ถ้ากวนสองสามที สีหาย ก็ถือว่า อย่างน้อยมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระได้
และอย่างพวก โอเมก้าทรี ถ้าลองแช่ช่องแข็งแล้วมันแข็ง นะ ของปลอม หรือเห็นเป็นไข แปลว่าไม่ดีจิง
ความคิดเห็น ว่าวิตามินอันตรายไหม กินมาก คงอันตรายแน่นอน
แต่อันตรายแฝงนั้นร้ายกว่าคือ วิตามินที่คุณภาพไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ กรรมวิธีในการผลิตนั้นสำคัญมากครับ เพราะ วิตามินถูกๆ การผลิตจะมีการใช้พลังงานความร้อนเป็นส่วนใหญ่ในการสกัดต่างๆ ทำให้คุณค่าสูญเสียไปในการผลิต และอีกอย่างหนึ่งคือ การดูดซับเข้าร่างกายที่ค่อนข้างยาก อย่างสังเกตุง่ายดู วิตามินแคลเซียม บางยี่ห้อ ละลายน้ำ ตั้งไว้ห้าชั่วโมงยังละลายไม่หมด นี้ยังไม่คิดถึงการดูดซึมเข้าร่างกายนะครับ
ถ้าวิตามินซี ทดลองไม่ยาก ใช้วิธีแบบ ม ต้น ใส่ด่างทับทิมไป ลองใส่วิตามินซีดูหนึ่งเม็ด กวนๆ ถ้ากวนสองสามที สีหาย ก็ถือว่า อย่างน้อยมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระได้
และอย่างพวก โอเมก้าทรี ถ้าลองแช่ช่องแข็งแล้วมันแข็ง นะ ของปลอม หรือเห็นเป็นไข แปลว่าไม่ดีจิง
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
กินอาหารเสริมมากๆ อันตราย?
โพสต์ที่ 5
10 นิสัยทำลายสุขภาพ
เห็นด้วยหรือไม่ว่า ผู้ชายส่วนใหญ่...ทุกวันนี้ ฉลาด สมาร์ท และเป็นผู้นำที่ดีขึ้น แต่..สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยสำหรับผู้ชาย (ส่วนใหญ่) คือ การไม่ค่อยจะดูแลสุขภาพตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาของ 10 นิสัย ทำลายสุขภาพ ที่ควรปรับปรุง..ด่วน! ลองมาดูกันว่าหลุมพรางที่สร้างจากนิสัย (ส่วนตัว) ของผู้ชาย มีอะไรกันบ้าง?
1. ไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า
ผู้ชายจำนวนมากไม่มีเวลาพอสำหรับอาหารเช้า ประโยคยอดนิยม คือ "ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกาแฟแก้วเดียวนั้น ไม่พอแน่นอน สำหรับความต้องการของร่างกาย และการใช้พลังงานตลอดภาคเช้าก่อนที่อาหารกลางวันจะตกถึงท้อง
คำแนะนำ : หากไม่สามารถตื่นให้เช้ากว่านี้ได้ ก็ให้ตัดเวลาเตรียมตัวออกไป หรือเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้เปลือกแข็ง และพวกธัญพืชสัก 1 กำมือ ก็เพียงพอที่จะให้พลังงานสำหรับวันใหม่แล้ว
2. กลืนยาเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะพบเห็นเสมอในผู้ชาย กินยาเม็ดโดยไม่ใช้น้ำ (..ทำได้ไง?) ประเภทคว้ายามาได้ก็กลืนเข้าปาก ทำคอยึกยัก เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี ชายประเภทที่ว่านี้มักจะถือคติ ทำชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ หรือเกิดมาเป็นผู้ชาย ยังไงก็ได้อยู่แล้ว พฤติกรรมดังกล่าวนี้..ผิดอย่างมหันต์ เสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยอย่างรุนแรงบริเวณหลอดอาหาร จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว
คำแนะนำ : ทางแก้ง่ายๆ สำหรับกรณีนี้ คือ ดื่มน้ำตามหลังกินยาทุกครั้ง ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะมันดีต่อสุขภาพ
3. เข้าฟิตเนสไม่สม่ำเสมอ แต่โหมออกกำลังกาย
ชายหนุ่มหลายรายมีงานรัดตัว พอนึกขึ้นว่าไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์ ก็วิ่งเข้าฟิตเนสเลย หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น ก็โหมออกกำลังกาย เพราะรู้ตัวว่ามีเวลาน้อย แถมไม่ได้ทำมานาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจจะเสียสมดุลไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คำแนะนำ : หากคุณหายไปจากโรงยิมนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ สิ่งที่ควรจะทำ คือ กลับมาเริ่มใหม่ ตั้งแต่วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายทีละน้อย ไม่หักโหม ค่อยปรับระดับไปเรื่อยๆ ตามสมดุลของร่างกาย และทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะกลับมามีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่แข็งแรงเหมือนเดิม
4. กินอาหารเสริมมากเกินไป
สำหรับคนที่มีสตางค์แล้ว อาหารเสริมกลายเป็นปัจจัยที่ 6 แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ปริมาณวิตามินและเกลือแร่ที่มากเกินไปนั้นสามารถเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินดี และเบต้าแคโรทีน
คำแนะนำ : คุณควรจะได้รับสารอาหารจากอาหารมากกว่า แต่หากคุณไม่สามารถทำได้ วิตามินรวมก็เป็นทางเลือกหนึ่ง โดยกินเพียงวันละ 1 เม็ด และหากคุณสงสัยเรื่องโรคติดต่อทางพันธุกรรมก็ควรที่จะตรวจร่างกายเสียก่อน
5. ยาแก้อักเสบเหรอ หายดีแล้วจะกินทำไม
อันนี้หลายคนอ่านแล้วอมยิ้ม (ถูกใจ..ใช่เลย) คงไม่ต้องยกเหตุผลเรื่องของการดื้อยามาบอก แต่คุณรู้ไหมว่า ไม่ใช่แต่คุณเท่านั้นนะที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องของอาการดื้อยานั้น แต่โรคนั้นจึงอาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก หรือเชื้ออาจจะกลายพันธุ์ได้
คำแนะนำ : กินยาให้ถูกต้องและครบจำนวนตามคำแนะนำของแพทย์
6. เลือกแว่นกันแดดที่ความเท่
โดยไม่เคยดูเปอร์เซ็นต์การปกป้องรังสี UV คุณเคยเห็นผู้ชายใส่ใจรายละเอียดเรื่องพวกนี้หรือ..น้อยแสนน้อย ส่วนมากหยิบแว่นมาลองใส่เพราะความเท่ พลิกซ้าย พลิกขวาอยู่หน้ากระจก เอ้า! เหมาะกับใบหน้าแล้ว จ่ายสตางค์ได้ คุณลืมไปหรือเปล่าว่า แว่นกันแดดนั้นมีผลต่อสายตา ยิ่งทุกวันนี้ที่แดดร้อนแรงขึ้น แว่นกันแดดที่ไม่ได้มาตรฐาน จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการไม่สวมแว่นกันแดดเลย
คำแนะนำ : ควรสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี UV ได้ 100% เท่านั้น
7. เชื่อว่าร่างกายต้องทนทานได้มาก ถึงจะเป็น "ลูกผู้ชายตัวจริง"
ความเชื่อแบบนี้ เกิดขึ้นกับทุกกิจกรรมที่คุณทำ หากคุณเชื่อว่าร่างกายของคุณแข็งแกร่งเกิน 100 และทนทานได้มากกว่าคนอื่นๆ การทนรับความเจ็บปวดทางกายให้มากที่สุด คือ หนทางของลูกผู้ชายตัวจริง
คำแนะนำ : ถึงจะเป็นผู้ชาย ร่างกายก็ไม่ใช่เหล็ก และ "ความเจ็บปวด" ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่ร่างกายใช้เตือนว่า ให้เลิกทำกิจกรรมนั้นๆ เถอะ เพราะเป็นอันตรายได้ การทำกิจกรรมทุกอย่างควรทำด้วยความระมัดระวัง และอย่าฝืนหากว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือนแล้ว
8. ใช้เวลากับการนอนหลับ น้อยถึงน้อยที่สุด
คุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะนอนน้อย บ้างเอาเวลาไปทุ่มให้กับงาน แต่บ้างก็เฮฮาอยู่ตามวงสังสรรค์ เช้าตรู่ตื่นขึ้นมาทำงาน ทั้งที่เพิ่งนอนไปตอนตี 3การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลเสียต่อขบวนการเมตาบอลิซึ่มและหน้าที่ของฮอร์โมนอายุของร่างกาย และสามารถเพิ่มความรุนแรงของความผิดปกติที่สัมพันธ์กับอายุ เช่น โรคหัวใจและเบาหวานได้
คำแนะนำ : ลดกิจกรรมก่อนนอน เข้านอนให้เร็วขึ้นสัก 1/2 ชั่วโมง หากเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ งดออกกำลังกายตอนเย็นเพราะร่างกายของคุณจะตื่นตัว มีอุณหภูมิสูง และนอนไม่หลับ ทำอะไรที่เพลินๆ นิ่งๆ เช่น อ่านหนังสือก็จะช่วยได้
9. ลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
วันนี้ไม่ใช่แต่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สนใจเรื่องการลดน้ำหนัก คุณผู้ชายเขาก็ไม่อยากอ้วน มีอีกหลายคนที่ควบคุมน้ำหนัก ระงับความอยาก (กิน) หลายคนเลือกใช้วิธีการงดอาหารบางประเภท เช่น ไม่กินไขมัน เขี่ยไขมันทุกประเภทออกจากจาน หรือลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สมดุล ย่อมนำความเสียหายมาสู่ร่างกาย ซึ่งอาจไม่ใช่ผลที่เห็นระยะสั้น แต่เป็นผลระยะยาว
คำแนะนำ : การลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (หรือกินแต่ก็น้อยมาก) ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง อาหาร 5 หมู่ ยังสำคัญ และกินอาหารตามตารางโภชนาการ เพื่อความสมดุลของร่างกาย (ข้อเท็จจริง คือ คุณอ้วน เพราะกินมากเกินไปต่างหาก)
10. เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่..เล็บเท้าไม่สนใจ
เล็บเท้า ดูจะเป็นอวัยวะที่ถูกหลงลืม โดยเฉพาะในผู้ชาย ลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะตัดเล็บเท้าโดยไม่ตัดมุมเล็บออกไปด้วยใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นั่นเป็นวิธีการตัดเล็บเท้าที่ผิด เพราะปลายเล็กๆ นั้นอาจทำให้เกิดอาการเล็บขบ หรือทิ่มแทงเนื้อเมื่อคุณมี กิจกรรมประเภทที่ต้องอาศัยเท้า และมีแรงกระแทก เช่น เล่นฟุตบอล แผลเล็กๆ ที่เท้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และลุกลามเป็นปัญหาเรื้อรังได้
คำแนะนำ : หันมาเอาใจใส่กับเล็บเท้า และเลือกกรรไกรตัดเล็บที่เหมาะสม และหากคุณสังเกตพบเชื้อราที่เล็บเท้า ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
นี่คือ 10 นิสัยที่ทำลายสุขภาพ สำรวจตัวเองหรือคนข้างๆ คุณดูซิวา มีนิสัยต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ แล้วแก้ไข..ด่วน! เสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คุณผู้ชายทั้งหลายได้เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่มีสุขภาพดี เต็มไปด้วยเสน่ห์ และเป็นทั้ง Smart & Healthy Guy
-----------
http://www.cm108.com/bbb/index.php?act= ... f=14&t=141
เห็นด้วยหรือไม่ว่า ผู้ชายส่วนใหญ่...ทุกวันนี้ ฉลาด สมาร์ท และเป็นผู้นำที่ดีขึ้น แต่..สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยสำหรับผู้ชาย (ส่วนใหญ่) คือ การไม่ค่อยจะดูแลสุขภาพตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาของ 10 นิสัย ทำลายสุขภาพ ที่ควรปรับปรุง..ด่วน! ลองมาดูกันว่าหลุมพรางที่สร้างจากนิสัย (ส่วนตัว) ของผู้ชาย มีอะไรกันบ้าง?
1. ไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า
ผู้ชายจำนวนมากไม่มีเวลาพอสำหรับอาหารเช้า ประโยคยอดนิยม คือ "ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกาแฟแก้วเดียวนั้น ไม่พอแน่นอน สำหรับความต้องการของร่างกาย และการใช้พลังงานตลอดภาคเช้าก่อนที่อาหารกลางวันจะตกถึงท้อง
คำแนะนำ : หากไม่สามารถตื่นให้เช้ากว่านี้ได้ ก็ให้ตัดเวลาเตรียมตัวออกไป หรือเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้เปลือกแข็ง และพวกธัญพืชสัก 1 กำมือ ก็เพียงพอที่จะให้พลังงานสำหรับวันใหม่แล้ว
2. กลืนยาเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะพบเห็นเสมอในผู้ชาย กินยาเม็ดโดยไม่ใช้น้ำ (..ทำได้ไง?) ประเภทคว้ายามาได้ก็กลืนเข้าปาก ทำคอยึกยัก เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี ชายประเภทที่ว่านี้มักจะถือคติ ทำชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ หรือเกิดมาเป็นผู้ชาย ยังไงก็ได้อยู่แล้ว พฤติกรรมดังกล่าวนี้..ผิดอย่างมหันต์ เสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยอย่างรุนแรงบริเวณหลอดอาหาร จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว
คำแนะนำ : ทางแก้ง่ายๆ สำหรับกรณีนี้ คือ ดื่มน้ำตามหลังกินยาทุกครั้ง ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะมันดีต่อสุขภาพ
3. เข้าฟิตเนสไม่สม่ำเสมอ แต่โหมออกกำลังกาย
ชายหนุ่มหลายรายมีงานรัดตัว พอนึกขึ้นว่าไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์ ก็วิ่งเข้าฟิตเนสเลย หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น ก็โหมออกกำลังกาย เพราะรู้ตัวว่ามีเวลาน้อย แถมไม่ได้ทำมานาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจจะเสียสมดุลไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คำแนะนำ : หากคุณหายไปจากโรงยิมนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ สิ่งที่ควรจะทำ คือ กลับมาเริ่มใหม่ ตั้งแต่วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายทีละน้อย ไม่หักโหม ค่อยปรับระดับไปเรื่อยๆ ตามสมดุลของร่างกาย และทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะกลับมามีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่แข็งแรงเหมือนเดิม
4. กินอาหารเสริมมากเกินไป
สำหรับคนที่มีสตางค์แล้ว อาหารเสริมกลายเป็นปัจจัยที่ 6 แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ปริมาณวิตามินและเกลือแร่ที่มากเกินไปนั้นสามารถเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินดี และเบต้าแคโรทีน
คำแนะนำ : คุณควรจะได้รับสารอาหารจากอาหารมากกว่า แต่หากคุณไม่สามารถทำได้ วิตามินรวมก็เป็นทางเลือกหนึ่ง โดยกินเพียงวันละ 1 เม็ด และหากคุณสงสัยเรื่องโรคติดต่อทางพันธุกรรมก็ควรที่จะตรวจร่างกายเสียก่อน
5. ยาแก้อักเสบเหรอ หายดีแล้วจะกินทำไม
อันนี้หลายคนอ่านแล้วอมยิ้ม (ถูกใจ..ใช่เลย) คงไม่ต้องยกเหตุผลเรื่องของการดื้อยามาบอก แต่คุณรู้ไหมว่า ไม่ใช่แต่คุณเท่านั้นนะที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องของอาการดื้อยานั้น แต่โรคนั้นจึงอาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก หรือเชื้ออาจจะกลายพันธุ์ได้
คำแนะนำ : กินยาให้ถูกต้องและครบจำนวนตามคำแนะนำของแพทย์
6. เลือกแว่นกันแดดที่ความเท่
โดยไม่เคยดูเปอร์เซ็นต์การปกป้องรังสี UV คุณเคยเห็นผู้ชายใส่ใจรายละเอียดเรื่องพวกนี้หรือ..น้อยแสนน้อย ส่วนมากหยิบแว่นมาลองใส่เพราะความเท่ พลิกซ้าย พลิกขวาอยู่หน้ากระจก เอ้า! เหมาะกับใบหน้าแล้ว จ่ายสตางค์ได้ คุณลืมไปหรือเปล่าว่า แว่นกันแดดนั้นมีผลต่อสายตา ยิ่งทุกวันนี้ที่แดดร้อนแรงขึ้น แว่นกันแดดที่ไม่ได้มาตรฐาน จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการไม่สวมแว่นกันแดดเลย
คำแนะนำ : ควรสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี UV ได้ 100% เท่านั้น
7. เชื่อว่าร่างกายต้องทนทานได้มาก ถึงจะเป็น "ลูกผู้ชายตัวจริง"
ความเชื่อแบบนี้ เกิดขึ้นกับทุกกิจกรรมที่คุณทำ หากคุณเชื่อว่าร่างกายของคุณแข็งแกร่งเกิน 100 และทนทานได้มากกว่าคนอื่นๆ การทนรับความเจ็บปวดทางกายให้มากที่สุด คือ หนทางของลูกผู้ชายตัวจริง
คำแนะนำ : ถึงจะเป็นผู้ชาย ร่างกายก็ไม่ใช่เหล็ก และ "ความเจ็บปวด" ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่ร่างกายใช้เตือนว่า ให้เลิกทำกิจกรรมนั้นๆ เถอะ เพราะเป็นอันตรายได้ การทำกิจกรรมทุกอย่างควรทำด้วยความระมัดระวัง และอย่าฝืนหากว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือนแล้ว
8. ใช้เวลากับการนอนหลับ น้อยถึงน้อยที่สุด
คุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะนอนน้อย บ้างเอาเวลาไปทุ่มให้กับงาน แต่บ้างก็เฮฮาอยู่ตามวงสังสรรค์ เช้าตรู่ตื่นขึ้นมาทำงาน ทั้งที่เพิ่งนอนไปตอนตี 3การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลเสียต่อขบวนการเมตาบอลิซึ่มและหน้าที่ของฮอร์โมนอายุของร่างกาย และสามารถเพิ่มความรุนแรงของความผิดปกติที่สัมพันธ์กับอายุ เช่น โรคหัวใจและเบาหวานได้
คำแนะนำ : ลดกิจกรรมก่อนนอน เข้านอนให้เร็วขึ้นสัก 1/2 ชั่วโมง หากเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ งดออกกำลังกายตอนเย็นเพราะร่างกายของคุณจะตื่นตัว มีอุณหภูมิสูง และนอนไม่หลับ ทำอะไรที่เพลินๆ นิ่งๆ เช่น อ่านหนังสือก็จะช่วยได้
9. ลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
วันนี้ไม่ใช่แต่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สนใจเรื่องการลดน้ำหนัก คุณผู้ชายเขาก็ไม่อยากอ้วน มีอีกหลายคนที่ควบคุมน้ำหนัก ระงับความอยาก (กิน) หลายคนเลือกใช้วิธีการงดอาหารบางประเภท เช่น ไม่กินไขมัน เขี่ยไขมันทุกประเภทออกจากจาน หรือลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สมดุล ย่อมนำความเสียหายมาสู่ร่างกาย ซึ่งอาจไม่ใช่ผลที่เห็นระยะสั้น แต่เป็นผลระยะยาว
คำแนะนำ : การลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (หรือกินแต่ก็น้อยมาก) ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง อาหาร 5 หมู่ ยังสำคัญ และกินอาหารตามตารางโภชนาการ เพื่อความสมดุลของร่างกาย (ข้อเท็จจริง คือ คุณอ้วน เพราะกินมากเกินไปต่างหาก)
10. เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่..เล็บเท้าไม่สนใจ
เล็บเท้า ดูจะเป็นอวัยวะที่ถูกหลงลืม โดยเฉพาะในผู้ชาย ลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะตัดเล็บเท้าโดยไม่ตัดมุมเล็บออกไปด้วยใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นั่นเป็นวิธีการตัดเล็บเท้าที่ผิด เพราะปลายเล็กๆ นั้นอาจทำให้เกิดอาการเล็บขบ หรือทิ่มแทงเนื้อเมื่อคุณมี กิจกรรมประเภทที่ต้องอาศัยเท้า และมีแรงกระแทก เช่น เล่นฟุตบอล แผลเล็กๆ ที่เท้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และลุกลามเป็นปัญหาเรื้อรังได้
คำแนะนำ : หันมาเอาใจใส่กับเล็บเท้า และเลือกกรรไกรตัดเล็บที่เหมาะสม และหากคุณสังเกตพบเชื้อราที่เล็บเท้า ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
นี่คือ 10 นิสัยที่ทำลายสุขภาพ สำรวจตัวเองหรือคนข้างๆ คุณดูซิวา มีนิสัยต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ แล้วแก้ไข..ด่วน! เสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คุณผู้ชายทั้งหลายได้เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่มีสุขภาพดี เต็มไปด้วยเสน่ห์ และเป็นทั้ง Smart & Healthy Guy
-----------
http://www.cm108.com/bbb/index.php?act= ... f=14&t=141