เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Cover Story: เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1
Posted on Wednesday, April 09, 2008



ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ให้สัมภาษณ์นิตยสาร Money & wealth ในวันที่ร้อนอบอ้าวของเดือนมีนาคม ที่วัดร่องขุ่น ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย อันเป็นวัดบ้านเกิดของเขาและตัวเขาได้กลับมาฟื้นฟูสร้างใหม่ ขยายอาณาเขต ดูแลจัดระเบียบความสวยงาม จนทุกวันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ วันหนึ่งๆมีคนเข้าเยี่ยมชมไม่ขาดสาย ในวันหยุดยาวของเทศกาลสำคัญ มีผู้เข้าชมถึงแสนคนทีเดียว

วัดร่องขุ่นแห่งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดของความเป็นศิลปิน เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพราะเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างที่เป็นตัวเขาทั้งในทางโลกและทางธรรม ทั้งในเรื่องของกายและจิต ทั้งในเรื่องของชีวิตการทำงาน การบริหารจัดการวัด การสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหา ผลงานศิลปะ เป็นสถานที่ฝึกสมาธิ ฝึกจิตวิญญาณ รวมทั้งเป็นต้นกำเนิดของความปรารถนาที่จะให้มี สกุลช่างแบบเฉลิมชัย ในวงการศิลปะไทยด้วย

บรรยากาศการสนทนากับศิลปินเฉลิมชัยเต็มไปด้วยความสนุกสนาน น้ำเสียงฉาดฉาน คำตอบที่เฉียบคม ไหลลื่นออกจากปากของศิลปินที่ไม่มีการปิดบังอำพราง ภาษาที่งดงาม เสียดแทงใจตามสำนวนที่เป็นเอกลักษณ์ของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ถ้อยคำที่ผู้ฟังอาจสะอึกและมีอารมณ์ แต่กลับระงับลงได้ด้วยความเมตตาของศิลปินผู้เปี่ยมธรรม สรรพนามที่ศิลปินเรียกตนเองมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์และน้ำเสียง มีตั้งแต่คำว่า พี่, เรา และ กู/xx ศิลปินเบอร์ 1 เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

การทำงานกับความสุข

เฉลิมชัยในวันนี้อายุ 53 ปี ทำงานหนักแต่ไม่เครียด ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่วัดซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ และเขาก็ดูแลการก่อสร้างตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จได้เมื่อไรเพราะดูเหมือนงานก่อสร้างต่างๆยังไม่ได้ดังใจ บวกกับการที่มีผู้คนมาเที่ยวมาแวะเยี่ยมเยียนอยู่ตลอดเวลา ทำให้งานไม่อาจเดินหน้าได้

มันไม่มีอะไรที่ได้ดังใจ พวกที่ได้ดังใจนั้นคิดเล็ก พวกที่คิดใหญ่น่ะไม่ได้ดังใจหรอก ตายอีกหมื่นชาติก็ไม่ได้ดังใจ เพราะในใจมันยิ่งใหญ่มาก มนุษย์ไม่สามารถทำของที่อยู่ในใจได้ ทำได้สัก 50-60% นี่ก็เหลือแ-กแล้ว ดังนั้นมนุษย์นี่ หากมนุษย์ทำตัวเองให้มีความสุขได้ 50% ของชีวิตก็มีความสุขแล้ว เฉลิมชัยบอก

เขาเริ่มปรับปรุงฟื้นฟูวัดร่องขุ่นตั้งแต่ปี 2540 จนปัจจุบันงานยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งบางคนบอกว่าเป็นเพราะเขาปรับเปลี่ยนโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา แต่หากมองในมุมของเขาแล้วการทำวัดเป็นการทำงานทั้งในทางกายและทางจิตที่คู่ขนานกันไป การทำงานก็คือจิตที่มันยิ่งใหญ่มาก มันเป็นจิตของการระลึกได้ ในการที่จะทำอะไรสักอย่าง มันลึกซึ้งมากกว่า จิตเห็นนั้นมันมากกว่าที่มนุษย์จะทำได้ เราอยากจะสร้างอะไรบางอย่างที่เรารู้สึก ขนาดเราใช้เวลากับมันแล้ว ตั้งแต่อายุ 42 สละชีวิตตัวเอง เพื่อสร้าง หวังว่าจะได้สร้างของที่ได้ดังใจ ปรากฎว่าทำไปแล้ว มันก็ไม่ได้ดังใจ

มันได้อย่างหนึ่งคือได้ในความสุขของตัวเองว่าได้ทำในสิ่งที่เราทำแล้ว มีความสุข การกระทำคือการทำเพื่อสนองความสุขของตัวเองมากกว่า การทำเพื่อการปล่อยวางมากกว่า ไม่ใช่การทำมาหาแ-ก เลี้ยงชีวิต อันนั้นเป็นอีกแบบหนึ่ง การทำเพื่อการปล่อยวางของตัวเรา ไม่ใช่การทำมาหากินเลี้ยงชีวิต ซึ่งต้องเป็นการหวังผลกำไร หวังได้ หวังเอา แต่ว่าผมไม่ใช่ ผมเคยทำแบบนั้นมา แต่เมื่ออายุ 42 นี่ไม่เอาแล้ว เบนไปสู่ความสุขอย่างเดียว ก็สร้างจินตนาการของตัวเอง ซึ่งเกิดหมื่นชาติก็สร้างได้ไม่หมด เพราะมันกว้างไกลไร้ขอบเขต แต่จะมาทำตามจินตนาการของตัวเอง ความที่เรามีจินตนาการกว้างไกลไร้ขอบเขต มันก็อยากทำ ขนาดเราทุ่มเทชีวิตมาตั้งแต่อายุ 42 คิดว่าชีวิตน่าจะพอทำได้ ปรากฎว่าไม่ได้ ชีวิตมีไม่พอ ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น

ดังนั้นในการทำงานที่วัด การสร้างวัด เฉลิมชัยจึงทำไปได้เรื่อยๆ เขาทำกันไปจนตาย เขาไม่ได้ทำเล่นๆ ไม่ได้ทำแบบตอหลดตอแหล ทำเอาหน้าเอาตา ทำเอาประโยชน์ ไม่ใช่ แต่ทำเพื่อเอาความสุขในใจของตนเอง หมายความว่าอยากจะเป็นคนที่มีค่าคนหนึ่ง เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง เสียสละชีวิตที่มีค่าที่สุดให้แก่บ้านเมือง เลี้ยงสมอง เลี้ยงความเก่งกาจของตนเอง ดูแลฝึกฝนตนเองจนกระทั่งเก่งสมบูรณ์แล้ว แทนที่จะเอาความเก่งสมบูรณ์ความครบพร้อมแล้วของตนเองไปหาสตางค์ หาประโยชน์สุขส่วนตัวเลี้ยงครอบครัวตัวเอง เหมือนมนุษย์สัตว์โลกตัวอื่น แต่ว่าเราก็ไม่ทำ

เราคิดว่าเราอยากจะคืนชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดของมนุษย์คนหนึ่งให้สังคม แทนที่จะเอาชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดของตัวเองหาประโยชน์กอบโกยให้ตัวเองและครอบครัว แต่ว่าเราก็ไม่ทำ ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้ที่คิดอย่างนี้ ผมเป็นคนที่คิดหวังแบบนี้ คิดหวังปรารถนาระดับโลก หมายความว่าให้จารึกในโลกว่ามีคนคนหนึ่งที่เกิดมาในโลกนี้คิดแบบนี้ เสียสละตัวเองเมื่ออายุ 42 ปี ทุ่มเทจนลมหายใจสุดท้าย และตายที่นี่ สร้างลูกศิษย์ลูกหาขึ้นมาแทนตัวเองอีก 2 เจเนอเรชั่นต่อไป เตรียมเงินเตรียมทุกอย่าง เตรียมการบริหารจัดการ เตรียมยุทธวิธี คณะบริหาร สอนการบริหารวัด การดำเนินการไปข้างหน้า พูดอนาคต 30-60 ปีข้างหน้าให้เขาเห็น หมายความว่าเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ว่าเราสามารถสร้างตัวแทนขึ้นมาเพื่อทำในสิ่งที่เราปรารถนา ดังนั้นการสร้างสิ่งเหล่านี้ สร้างคน ต้องสร้างด้วย ศีลธรรมคุณธรรม การเสียสละของตัวเขาเอง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด บางครั้งเราสอนเขาได้ แต่ว่าเราไม่สามารถบังคับจิตใจเขาได้ หรือทำให้เขาคิดเหมือนเราได้ ความคิดมันแตกต่าง ฝีมืออาจจะเรียนรู้ได้ แต่ว่าเราต้องสอนในเรื่องของจริยธรรม


ความมุ่งมั่นในเส้นทางการเป็นศิลปินหมายเลข 1

เราอาจหาญกล้าในการปฏิวัติงานศิลปะทั้งหมดในประเทศไทย ให้คนหันมาสนใจศิลปะไทย มันเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ปรารถนาและเป็นนักปฏิวัติตัวยง เมื่อเป็นนักศึกษาอยู่นั้น มันปฏิวัติงานศิลปะที่เขาเรียนกันอยู่ คนที่ได้รางวัลงานศิลปะแห่งชาติเป็นงาน abstract หมด ทีนี้เราไม่พอใจ เราถือว่างานประจำชาติเราต้องมีการพัฒนา หันไปมองงานศิลปะประจำชาติแล้วเชยมาก ไม่มีคนสนใจ ในความเป็นสมัยใหม่เขาไม่สนใจงานศิลปะโบราณ เพราะว่ามันเชย เขาชอบงานศิลปะฝรั่งกัน เรามีความสำนึกว่าความเป็นชาติเป็นเรื่องใหญ่ ศิลปะประจำชาติเป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาไม่สนใจกัน เราทุ่มเทกับการรื้อฟื้นงานศิลปะประจำชาติขึ้นมาใหม่ ก้าวขึ้นมาสู่ความร่วมสมัย ให้ทัดเทียมกับศิลปะสากล

คิดอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ยังมาถามอีก มนุษย์โง่ๆมันเป็นแบบนี้ สังคมไทยมันโง่ เรียนจบปริญญาโทยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรแ-ก ประเทศชาติเราจึงมีคนโง่เต็มบ้านเต็มเมือง เพราะมันไม่มีความมุ่งมั่น ไม่มีปณิธาน

คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งหมดนั้น มีแววมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาสนใจตั้งแต่เด็ก ... แล้วรู้ไหมว่าตั้งแต่เด็ก กูยังคิดเป็นศิลปินใหญ่ของแผ่นดิน กูต้องเป็นหนึ่งในแผ่นดิน รู้ไหม เขาคิดตั้งแต่เขาเป็นเด็ก ไม่ใช่ว่าเฉลิมชัยนี่ฟลุ้ค อ๋อ ทุกอย่างนี่ฟลุ้ค มันไม่ฟลุ้ค (พูดเสียงดังราวตะโกน ผู้เขียน) คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นมันไม่มีฟลุ้ค เขาคิดเตรียมการของเขามาตั้งแต่เด็ก เขามีขบวนการจัดการของเขาตั้งแต่เด็ก มีการก้าวเดินของเขา เห็นแสงสว่างอยู่ข้างหน้าทั้งหมด เขาเดินตามทางแห่งแสงสว่างของเขาเอง โดยไม่เบี่ยงเบน นี่คือสิ่งที่นำมาสู่ความสำเร็จของมนุษย์ที่เหนือมนุษย์

ดังนั้นในอาชีพใดก็ตาม หากคนๆนั้นมีความรู้จักอาชีพนั้นตั้งแต่เด็ก มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในอาชีพนั้น ไม่รอดแม้แต่คนเดียว คนๆนั้นต้องเป็นหนึ่งอย่างแน่นอน ประสบความสำเร็จ นี่คือสัจจธรรม นี่คือของจริง นี่คือความจริงที่เป็นไปได้ แต่มนุษย์พ่ายแพ้ต่อตัวมันเอง ความมุ่งมั่นและความอดทนของมันนั้นถูกเบี่ยงเบนด้วยอามิส เบี่ยงเบนด้วยอาชีพอื่น มันไม่อดทน ไม่ขยันหมั่นเพียร ความไม่รอคอย มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จนั้น เขารู้จักรอคอย เขาไม่ใช่คนที่เห็นอะไรก็แ-ก กูเป็นสิงโต กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก กูไม่กินตัวเล็กๆเสียเวลา กูรอคอยหลายวันก็ได้ ไม่ต้องกิน กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก ไล่แ-กจิ้งหรีด ไม่มีอะไรจะแ-ก ไล่แ-กไส้เดือน เป็นคนโง่ ไม่มีสมอง คนที่เป็นสุดยอดนั้น เป็นสิงโตหมด รอจังหวะของการกิน รู้ว่าจะกินอย่างไร เหมือนตกปลาใหญ่กับปลาเล็ก คนโง่ก็ตกปลาเล็กน้ำตื้น คนฉลาดตกน้ำลึก วันหนึ่งได้ตัวเดียวพอ หรือ 3 วันได้ตัวเดียว เข้าใจไหม

ในวิธีคิดและการปฏิบัติ คิดแล้วต้องปฏิบัติ ตั้งเป้าแล้วต้องฏิบัติ ชีวิตไม่เคยมีอะไรที่เบี่ยงเบนตัวเอง แม้กระทั่งความตาย เป็นคนแข็งแรงมากดังนั้นจะไม่เบี่ยงเบน มนุษย์ผู้อื่นไม่มีสามารถบังคับใจกูได้ ต่อให้เป็นพ่อหรือแม่ ก็ไม่ได้ นี่คือมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ดังนั้นพ่อแม่เบี่ยงเบนลูกตลอดเวลา พ่อแม่ในสังคมไทยเป็นพ่อแม่ที่ใช้ไม่ได้ เป็นพ่อแม่ที่บล็อคความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็ก สังคมไทยเป็นสังคมที่ยากที่จะเจริญก้าวหน้าเพราะไม่ให้อิสระในความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก

ดังนั้นแม้พี่จะเป็นคนที่เกิดบ้านนอก เป็นครอบครัวเด็กต่างจังหวัด แต่เป็นคนที่ไม่เชื่อเลย กูไม่เคยเชื่อพ่อแม่เลย จะเป็นคนที่ไม่เชื่อเลย เพราะถือว่าชีวิตกูเดินทางด้วยตัวกูเอง ไม่ต้องมาชี้นำ และไม่สนใจในการชี้นำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ ดังนั้นก็จะไม่เชื่อ เป้าหมายอะไรคือตรงนั้นเลย และเวลาที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต คนจะดูถูกเรา แต่ไม่เคยมีความเสียใจ ไม่เคยมีความพยาบาทอาฆาต หรืออยากจะกระทืบคนที่เคยดูถูก ไม่มี กูรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งข้างหน้าพวกมึงต้องสยบ เพราะเวลาของกูยังมาไม่ถึง ดังนั้นกูเชื่อแน่ในความมุ่งมั่นของกูว่า กูไม่มีทางที่จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่วันหนึ่งข้างหน้าเวลาของกูจะมาถึง

อันนี้คือสิ่งที่สังคมไทยไม่มี เด็กไทยไม่มี ล้มเหลวครั้งเดียวก็ถอดใจแล้ว ครั้งที่สองก็ไม่เอาแล้ว ครั้งที่สามหนีไปทำอาชีพอื่นแล้ว ไปไม่รอด นี่คือสิ่งที่ไร้เป้าหมาย คนที่มีเป้าหมายนั้นต้องหนักแน่นมั่นคงต่อเป้าหมายของตัวเอง พี่เป็นคนที่เข้าใจธรรมะดีตั้งแต่เด็ก รู้ดีว่าทุกอย่างในโลกนี้ มีความสำเร็จหมด มันมีความสำเร็จของมันเห็นอยู่แล้ว เป็นตัวอย่าง เป็นสัจจธรรมของความสำเร็จของผู้ที่มุ่งมั่น ในสายอาชีพของเราๆก็เห็นความสำเร็จของคนเก่ามันเดินรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว แล้วทำไมเราจะไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หากในโลกนี้ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จเลย แล้วเราจะไปอย่างไร มนุษย์เราต้องเห็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่ข้างหน้าแล้ว และทุกอาชีพมีความสำเร็จและทุกอาชีพมีเบอร์หนึ่ง


ศิลปินผู้ลงทุนทั้งทางโลกและทางธรรม

โจทย์ใหญ่ที่ M&W ตั้งใจสนทนากับศิลปินเฉลิมชัยก็คือเขามองเรื่องการลงทุนอย่างไร แน่นอนมุมมองของศิลปินกับคนในสายวิชาชีพอื่นๆไม่น่าจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทว่าศิลปินเฉลิมชัยมีมิติการมองที่ลึกซึ้งซับซ้อนกว่ามาก เขาผนวกการลงทุนในทุกด้าน แม้กระทั่งเรื่องเวลา การอดทน และอารมณ์ ก็เป็นการลงทุนในมุมมองของเขาได้ ดังนี้

มนุษย์นี่นะมันเกิดมามันก็ลงทุนแล้ว มันไม่มีใครไม่ลงทุนหรอก มันลงทุนกันทุกคน ลงทุนเพื่อแสวงหาความรู้มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เราจะเขียนรูป เราก็ลงทุนในเรื่องเวลาในเรื่องความรู้ ทุกอย่างเป็นการลงทุนทั้งหมด เราลงทุนทั้งหมด ลงทุนเพื่อให้สมองเราเคี่ยวให้สมองบรรเจิด เราต้องลงทุนในการอ่านหนังสือ การเดินทาง ค้นคว้ารอบโลก เห็นวิสัยทัศน์ต่างๆ ไม่มีอะไรหรอกที่ไม่ลงทุน เรื่องพุทธศาสนาก็ลงทุน ลงทุนในการปฏิบัติธรรม การเฝ้ามองจิตของตัวเอง เพื่อบรรลุธรรม เพื่อให้เข้าใจในจิตเดิมแท้ของตนเอง การนั่งสมาธิคือการลงทุน อดทน ลงทุนในการอดทน ความอดทนคือการลงทุน มันก็ลงทุนทั้งนั้น มันไม่มีอะไรไม่ลงทุนหรอก

ในเรื่องการเงินการทอง จะทำการค้าก็ต้องลงทุน แต่ว่าทุนที่เป็นตัวเงินที่เป็นวัตถุนั้นมันน้อยกว่าทุนจิตใจที่เราทุ่มเท ทุนเงินนั้นน้อยกว่าทุนสมอง ทุนสมองนั้นเราลงทุนมาตั้งแต่เด็ก หากมึงฉลาดขึ้นมึงก็เก็บเกี่ยวความรู้นอกการศึกษา มีวิสัยทัศน์มากกว่า เหมือนพี่ พี่เรียนในมหาวิทยาลัยได้ความรู้เท่านั้น แต่ได้ความรู้ข้างนอกมากกว่า ได้ความรู้ในมหาลัยร้อยหนึ่ง แต่ข้างนอกได้สามร้อยห้าร้อย แตกต่างแล้ว ได้ความรู้ทั้งโลกกลายเป็นต้นทุนสูงมาก การศึกษาคือการลงทุนมาตลอด มันมากกว่าเงิน ตัวเงินลงทุนไปก็เท่านั้น ก็เจ๊งได้ พ่อแม่ให้มาเพราะว่ารวย แต่เจ๊งก็มีมากมาย เรียกว่ามีเงินลงทุนแต่สมองไม่เคยคิดลงทุน

พี่เป็นคนลงทุนตัวเองตลอดเวลา ลงทุนตลอดทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งสมองและความคิด รวมทั้งการเรียนรู้ธรรมะ ในชีวิตของมนุษย์ที่ลงทุนนั้น เขาลงทุนหนักมาก เขาลงทุนสิ่งที่เป็น abstract คือจิตวิญญาณ ลงทุนในความรู้สึก อันนี้มาก แต่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เห็น แต่เป็นความรู้สึก งานศิลปะสิ่งสำคัญคือการลงทุนทางอารมณ์ ก็ต้องเสพมากเห็นมากรู้มากเข้าใจมัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สะสมในการเอามาแสดงออกในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ปรารถนา

ดังนั้นทุกอย่างมันลงทุน ลงทุนมากกว่าคนอื่น เราลงทุนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ความอดทนอดกลั้น แสวงหา เหน็ดเหนื่อยมากในการที่จะค้นหาในการที่จะศึกษา ในการรับอารมณ์ต่างๆในงานศิลปะทั้งโลกที่แตกต่างในอารมณ์ต่างๆ ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง เราไปรับไปเห็นไปรู้สึก ไปยกย่องในสิ่งที่เขาสร้าง ไปเห็นของที่ดีที่สุด มันก็เป็นการลงทุน เพื่อสร้างของที่ดีที่สุดเช่นกัน

การลงทุนในทางธรรมยากกว่าในทางโลก มนุษย์นี่ลงทุนทางโลกง่ายมาก แต่ทางธรรมนี่ยากกว่า พี่เฝ้ามองตัวเองมาใช้เวลา 20 กว่าปีในการที่จะทำให้ใจของตัวเองมีความสุข ใจของตัวเองเบิกบาน แต่ว่าในทางโลกนั้น พี่ใช้เวลา 5 ปีก็รวยแล้ว โลกมนุษย์นี่มันง่าย ในโลกมนุษย์เกมของมนุษย์ เกมแห่งการแสวงหาวัตถุนี่เป็นของง่าย เกมแห่งการแสวงหาวัตถุนั้นเป็นเกมที่กระจอกมาก

การลงทุนทางโลกมนุษย์นี่กระจอกมาก แสวงหาความร่ำรวยสำหรับคนฉลาดนั้นมันกระจอกมาก แต่ว่าคนส่วนใหญ่นี่มันโง่ มันก็ไม่รวย เพราะมันไม่ได้คิดมาก มันไม่ได้ศึกษามาก มันไม่เข้าใจ ดังนั้นมนุษย์ที่ฉลาด ส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทั้งโลก มีความเข้าใจพื้นฐานของมนุษย์ เมื่อมันปรารถนาเงินจากมนุษย์ มันต้องเล่นกับมนุษย์ ...รู้จักมนุษย์อย่างดีเยี่ยม แล้วค่อยเอาเงินจากมนุษย์ บางคนเก่งมาก แต่ว่าล้มเหลว เพราะว่าโง่ มันไม่เข้าใจจิตวิทยา... ดังนั้นต้องเข้าใจมนุษย์ให้ดี ความรวยไม่ใช่เรื่องยาก แต่มนุษย์ส่วนมากโง่ทั้งนั้น

กล่าวได้ว่าการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างแตกฉานทำให้เฉลิมชัยมีความเข้าใจและมองเห็นเป้าหมายในการทำงานแต่ละอย่างที่แจ่มชัด ในเรื่องของทางโลกนั้นเขาประสบความสำเร็จด้วยแนวคิดการเข้าใจจิตวิทยาของมนุษย์ หากเทียบกับความรู้การตลาดสมัยใหม่ก็ต้องบอกว่าเป็นแนวคิดที่ใช้ ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เรียนรู้ความต้องการความชอบของลูกค้า



นิยามมนุษย์ 2 ร่างของเฉลิมชัย: ร่างแห่งธรรมะและร่างแห่งการรับใช้

ศิลปินเฉลิมชัยแต่งงานกับภรรยาสาวสวยและมีบุตรชาย 1 คน เขาสร้างรากฐานความมั่นคงในทรัพย์สินเงินทองจากการประกอบอาชีพวาดรูปขาย แสดงนิทรรศการภาพเขียน หาสินทรัพย์เงินทองความมั่งคั่งสั่งสมไว้ให้ครอบครัวได้ใช้จ่ายไปตลอดชีวิต ทั้งสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของบุตรและการจับจ่ายใช้สอยของภรรยา

ก่อนหน้าที่จะประสบความสำเร็จมีความมั่งคั่งสุขสบายในปัจจุบัน เฉลิมชัยมีรายได้จากการวาดรูปขาย เขาเสาะแสวงหาแนวทางศิลปะ ฝึกฝน ทดลอง ทั้งในด้านของเนื้องานและการตลาด จนได้รับความนิยมและการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ภาพวาดของเขาเป็นที่ต้องการของผู้สะสมและผู้เสาะหา ชื่อเสียงและความเป็นเลิศสร้างความมั่งคั่งให้เขาและครอบครัวบริวาร

เขามีบ้านที่กรุงเทพ, เชียงใหม่ และเชียงราย แต่ละหลังมีผู้ดูแล มี collection ภาพวาดส่วนตัวที่เก็บไว้เป็นมรดกหรือทรัพย์สินให้ภรรยา สามารถนำมาประมูลขายได้หากมีความจำเป็นเรื่องเงินทองเมื่อชีวิตเขาวางวาย

ในส่วนของวัดร่องขุ่นที่เขาดูแลก่อสร้างดำเนินงานอยู่นั้น ก็มีคณะกรรมการวัดเป็นผู้ดูแลเรื่องการเงินและการหาผลประโยชน์ต่างๆ ในวัดร่องขุ่นมีร้านค้าที่ขายของ ในลักษณะ gift shop เป็นของที่ระลึกหรือ souvenir ที่เกี่ยวเนื่องกับศิลปะวัดร่องขุ่น และศิลปะของเฉลิมชัย มีตั้งแต่ภาพวาด การ์ด หมวกกะโล่ที่เป็นเอกลักษณ์เขาใส่ประจำตัวที่วัด เสื้อยืดสกรีนลายภาพวาดต่างๆของเขา หนังสือ รวมทั้งการตั้งตู้รับบริจาค ซึ่งศิลปินเฉลิมชัยจำกัดการรับบริจาคต่อคนต่อครั้งด้วย

นอกจากนี้ในวัดยังมีอาคารอีกหนึ่งหลังชั้นล่างเป็นห้องแสดงภาพวาดตัวจริงของเขา มูลค่าภาพวาดเหล่านี้รวมกันเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ชั้นบนเป็นที่ทำงานและที่พักผ่อน ว่าไปแล้วแนวคิดวัด ห้องแสดงภาพ และร้านขายของที่ระลึก เหล่านี้คล้ายคลึงกับพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในต่างประเทศ ที่มีรายได้จากค่าเข้าชมและการขายของที่ระลึก

ในหนึ่งสัปดาห์เขาจะสิงสถิตที่วัดราว 4-5 วัน อีก 2-3 วันจะออกจากวัดไปใช้เวลาอยู่กับครอบครับที่เชียงใหม่ ชีวิตครอบครัวพ่อแม่ลูกเป็นเรื่องที่เขาให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นคนที่เขาเลือกจะใช้ชีวิตในร่างหนึ่งกับคนเหล่านี้ เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด คือคนมีธรรมะนี่จะเป็นคนที่ประสานทุกอย่างได้อย่างลงตัวที่สุด มันมีความปราณีต จิตใจมันจะมีการจัดการชีวิตได้ดีที่สุด นั่นคือครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตัวเอง เป็นความสำคัญ

ดังนั้นหมายความว่าคนมีธรรมะนี่จะแยกร่างออก 2 ร่าง ร่างหนึ่งคือร่างแห่งธรรมะ ที่เป็นของตัวเอง ของจริง แต่อีกร่างเป็นร่างของการรับใช้ รับใช้ครอบครัว ลูกศิษย์ลูกหา สังคม อันนี้เป็นอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้น พี่จะเป็นคนที่แบ่งตัวเองได้ เป็นคนที่อยู่ในสภาพใดก็ได้ทั้งสองสภาพ นี่คือความพิเศษ แตกต่างจากผู้อื่น ผู้อื่นจะทำไม่ได้ รู้สึกอย่างไรทำอย่างนั้น มันจะแยก 2 อย่างไม่ได้ แต่พี่จะแบ่งเวลา

เมื่ออยู่วัด อยู่คนเดียว พี่จะตึงเครียดมากกับการทำงาน กับการวิปัสสนา จะไม่สนใจอะไรเลย ไม่เคยออกไปในเมือง ไม่เคยออกไปกินข้าวนอกวัด 5 วันจะอยู่แบบเรียบง่ายที่สุด เต็มเวลาที่สุดแบบที่ลูกศิษย์ลูกหาจะรู้เลยว่าเวลาของอาจารย์นี่เป๊ะทุกอย่าง คือคนนี่หากทำเวลาเป๊ะได้จะมีความสุขที่สุด เพราะเวลาเป็นของตัวเอง ไม่ขึ้นกับเวลาของใครทั้งสิ้น

ชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงและ 1 สัปดาห์ของเฉลิมชัย

ในเวลา 24 ชม.ที่เฉลิมชัยนอนอยู่วัด เขามีตารางเวลาดังนี้ พี่จะมีเวลาของตัวเองคือตื่นตี 3 วิปัสนา 1 ชม. ทำงานนั่งคิด 1 ชม. ออกกำลังเดิน 1 ชม. นั่งกินกาแฟ คุยกับสังคมหน้าวัด 1 ชม. แล้วทำงานทั้งวัน เที่ยงไปกินข้าวกับลูกศิษย์ เอาอะไรก็ได้มากิน ห้าโมงเย็นเลิกงาน ออกกำลัง อาบน้ำ หกโมงกินข้าว เสร็จกลับมานั่งวิปัสนา สองทุ่มหลับ ตีสามตื่นนั่งวิปัสนา

รอบของมันจะเป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีอำนาจใดทั้งสิ้นที่จะเปลี่ยนแปลงกูได้ ยกเว้นลูกเมียกูเพราะกูเป็นผู้เลือกเขามา กูต้องรับผิดชอบเขา นี่คือทางโลกที่เราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่มุ่งทางธรรมจนลืมรับผิดชอบ

อยู่วัด 5 วัน ไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่ 2 คืน 3 วัน พอสมควร แต่โทรศัพท์คุยกับเมียกับลูกทุกวัน วันละ 2-3 เวลา คุยทุกวันเหมือนอยู่ใกล้กันตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่รับผิดชอบ ดังนั้นเวลาที่กลับไปที่เชียงใหม่ ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ลูกเมีย เมียอยากกินอะไร เขาปรารถนาอะไร เราทำตามทุกอย่าง ไม่บังคับเคี่ยวเข็ญ แต่ขอนอน 2 ทุ่ม ตื่นตีสาม อันนี้ขอ บางวันหากมีแขก เขาโอเค 3 ทุ่ม แต่ว่าชีวิตนี้มอบให้ลูกเมีย อะไรก็ได้ที่เขาปรารถนา ดูหนังก็ได้ ได้ทั้งนั้น ในทางโลกได้ทั้งนั้น แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็ดูไปเพื่อเอาใจเขาเพื่อให้ความสุขแก่เขา นี่คือหน้าที่ที่รับผิดชอบ


อ่านบทสัมภาษณ์เพิ่มเติมใน Main Story: ชีวิตคือการลงทุน เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ลงทุนทั้งชีวิต เพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1 M&W ฉบับเดือนเมษายน 2551

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Tra ... fault.aspx
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ในอาชีพใดก็ตาม หากคนๆนั้นมีความรู้จักอาชีพนั้นตั้งแต่เด็ก มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในอาชีพนั้น ไม่รอดแม้แต่คนเดียว คนๆนั้นต้องเป็นหนึ่งอย่างแน่นอน ประสบความสำเร็จ นี่คือสัจจธรรม นี่คือของจริง นี่คือความจริงที่เป็นไปได้ แต่มนุษย์พ่ายแพ้ต่อตัวมันเอง ความมุ่งมั่นและความอดทนของมันนั้นถูกเบี่ยงเบนด้วยอามิส เบี่ยงเบนด้วยอาชีพอื่น มันไม่อดทน ไม่ขยันหมั่นเพียร ความไม่รอคอย มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จนั้น เขารู้จักรอคอย เขาไม่ใช่คนที่เห็นอะไรก็แ-ก กูเป็นสิงโต กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก กูไม่กินตัวเล็กๆเสียเวลา กูรอคอยหลายวันก็ได้ ไม่ต้องกิน กูไม่ใช่หมาป่ากระจอก ไล่แ-กจิ้งหรีด ไม่มีอะไรจะแ-ก ไล่แ-กไส้เดือน เป็นคนโง่ ไม่มีสมอง คนที่เป็นสุดยอดนั้น เป็นสิงโตหมด รอจังหวะของการกิน รู้ว่าจะกินอย่างไร เหมือนตกปลาใหญ่กับปลาเล็ก คนโง่ก็ตกปลาเล็กน้ำตื้น คนฉลาดตกน้ำลึก วันหนึ่งได้ตัวเดียวพอ หรือ 3 วันได้ตัวเดียว เข้าใจไหม


สุดยอด  กลยุทธ   กินอย่างเสือ   อยู่อย่างเสือ

ข้าน้อยนับถือครับท่านอาจารย์
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1

โพสต์ที่ 3

โพสต์

:8) มาคุยเรื่องนี้ต่อในห้องนั่งเล่นเถิด
     ผมเองก็นับถือแกสนิทใจเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Basketman
Verified User
โพสต์: 1208
ผู้ติดตาม: 0

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อ.เฉลิมชัย เป็นคนที่ธรรมด๊าา ธรรมดา ไม่สังเกตุดีๆ ไม่รู้ว่าเป็นอาจารย์เลย
มีอยู่วันเดินสวนกันซึ่งๆหน้า ถ้าลูกศิษย์แกไม่มาเรียกอาจารย์ๆนี่ไม่รู้เลย
และถ้ามีคนรู้ว่าอาจารย์อยู่ไหนแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือ
แถวรอคิวถ่ายรูปคู่อาจารย์ที่ยาวเหยียด

ห้องน้ำที่วัดร่องขุ่น สวยวิจิตร อลังการที่สุดในโลก (เพื่อนๆต่างชาติว่างั้น)
วันๆคนมาเที่ยวชมที่วัดฯเป็นร้อยเป็นพันคน แต่ห้องน้ำก็สะอาดอยู่ตลอดเวลา
เข้าชมได้เต็มที่ เช้าจรดค่ำ ไม่เสียตังค์(น้ำเย็น-ห้องน้ำก็ฟรี)

จั่วหัวแค่นี้ไว้ค่อยมาต่อ...
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
ภาพประจำตัวสมาชิก
py106
Verified User
โพสต์: 296
ผู้ติดตาม: 0

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ : ลงทุนทั้งชีวิตเพื่อเป็นศิลปินเบอร์ 1

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ไปมาครั้งนึงตอนไปเชียงรายครับ....งามจริงๆ....
เขียน blog + รูปไว้ด้วยครับ ^_^

ส่วนที่เกี่ยวกับวัดร่องขุ่นก็อันนี้ครับ
http://py106travel.blogspot.com/2007/12 ... art-1.html

ปล. แอบโปรโมท blog ซะงั้น... :lol:
ปล.2 เข้าไปดูแล้วเห็นผมมี ad อยู่ในนั้น ก็ไม่ต้องสนใจก็ได้นะครับ...
โพสต์โพสต์