แม่...นักลงทุนผู้โง่เขลา

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
saleman
Verified User
โพสต์: 164
ผู้ติดตาม: 0

แม่...นักลงทุนผู้โง่เขลา

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ได้อ่านบทความข้างล่างแล้ว ก็รู้เลยว่าแม่ผมก็เป็นนักลงทุนคนหนึงเหมือนกัน ผลกำไรที่เป็นตัวผม ก็คงไม่คุ้มกับที่แม่ลงทุนไปเหมือนกัน อ่านแล้วคิดถึงแม่จัง  :'O  
"เรามักจะคุ้นเคยกันนักลงทุนในภาพของผู้ที่ถือเงินก้อนโตเพื่อเอาไปลงทุนในทางเลือกต่างๆ เช่น ฝากธนาคาร พันธบัตร หลักทรัพย์ ปล่อยเงินกู้ ประกันชีวิต ทำธุรกิจ ฯลฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนในรูปที่เป็นตัวเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนที่เป็นตัวเงินหรือการหวังผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินนั้น เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของคำว่า ลงทุน เท่านั้น
  ไม่เพียงแต่นักลงทุนที่เรารู้จักกันดีเท่านั้นที่เป็นผู้ลงทุน ถ้าพิจารณากันดีๆแล้วเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นนักลงทุนด้วยกันทั้งสิ้น การไปซื้อข้าวกินเราก็ต้องลงทุนในเรื่องของเวลาที่ต้องเสียไปในการเดินไปซื้อข้าว เวลาในการกินข้าว ต้องจ่ายเงินค่าข้าว ต้องใช้สมองไปกับการคิดว่ามื้อนี้จะกินอะไร ต้องใช้พลังงานในการเคี้ยว กลืน ย่อย ขับถ่าย แถมยังมีความเสี่ยง ถ้าเกิดอาหารไม่สะอาด อาหารเป็นพิษ อาหารบางอย่างกินไปมากๆก็ไปสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง โรคอ้วน โรคไต ถ้าไม่กินข้าวหรือกินไม่ตรงเวลาก็เป็นโรคกระเพาะ โรคขาดสารอาหาร ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการลงทุนในการกินข้าวเพื่อให้เราประทังชีวิตอยู่ได้ การที่เราเรียนหนังสือก็เป็นการลงทุนเช่นกัน ลงทุนเพื่อแลกมาซึ่งโอกาศในการประกอบอาชีพนั้นๆ ในความรู้ของสาขาวิชานั้นๆ อันที่จริงพฤติกรรมทุกๆอย่างของเราก็เป็นการลงทุนเพื่อให้ได้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาโดยแลกกับการเสียอีกสิ่งหรือหลายสิ่งไป  ไม่ว่าเราจะตัดสินใจทำอะไรหรือลงทุนเพื่อให้ได้อะไรมาก็ตาม ก็จะมีการประเมินค่าของสิ่งที่เสียไปกับสิ่งที่จะได้มา โดยมีหลักอยู่ว่าให้เสียไปน้อยที่สุด และได้มามากที่สุดเสมอ ในเชิงธุรกิจถ้าเสียไปน้อยกว่าได้มาก็ถือว่าเป็นกำไร ถ้าเสียไปมากกว่าได้มาก็คือขาดทุน ซึ่งทุกคนก็หวังที่จะได้กำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือถ้าอยู่ในภาวะที่ขาดทุนก็ขอให้ขาดทุนน้อยที่สุด เช่นเดียวกับการดำเนินชีวิตโดยทั่วไปของมนุษย์ การจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก็ต้องให้ได้มากกว่าเสีย หรือถ้าอยู่ในภาวะที่ ไม่คุ้ม ก็ให้เสียน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  สำหรับแม่ของเรานั้นการเลี้ยงเรามาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน ถ้ามีการจัดอันดับนักลงทุนยอดแย่โดยการเปรียบเทียบต้นทุนกับผลตอบแทนที่ได้รับ แม่ คงเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับนี้แน่นอน ในหลักการลงทุนแล้วคงไม่มีนักลงทุนคนไหนลงทุนระยะยาวเป็น 20-30 ปี หรือ อาจเป็น 40-50 ปี หรืออาจมากกว่านั้น โดยไม่สามารถคาดเดา คำนวณ หรือประเมินค่าผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตได้เลยแม้แต่นิดเดียว เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในบรรดาการลงทุนทุกประเภท แต่ก็ยังมีผู้หญิงทั่วโลกที่นิยมลงทุนแบบนี้อยู่ แน่นอนว่าทุกคนต้องมีแม่ แต่เคยคิดกันบ้างมั้ยว่าสิ่งที่แม่ลงทุนกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเวลา เงิน ความรัก ความวุ่นวาย ต้องมานั่งร้องไห้ มานั่งปวดหัวกับเรา ต้องคอยกังวล คอยเป็นห่วง คอยดูแล คอยคิดถึง เอาใจใส่ ต้องลงทุนแบกเราไว้ในท้องตั้ง 9 เดือน แถมยังมาโดนลูกด่า ลูกว่า บ้างก็ทำร้าย บ้างก็ฆ่า ทั้งหมดนี้นั้น แม่ลงทุนได้เพื่ออะไร แล้วผลตอบแทนจากการลงทุนของแม่ละ จริงอยู่ว่าการประเมินค่าของต้นทุนและผลตอบแทนที่ได้ สิ่งหนึ่งก็คือความพอใจและเต็มใจ ไม่น่าเชื่อว่าแม่บางคนเลี้ยงดูลูกมาด้วยความยากลำบากเป็นสิบๆปี แต่เพียงแค่การที่ลูกเข้าไปกอดแม่แล้วบอกว่า แม่ครับผมรักแม่ครับ  แต่ในใจแม่นั้นคิดว่าสิ่งที่เค้าลงทุนไปเป็นสิบปีนั้น...มันคุ้มค่าจริงๆ การที่เราทำผิดแต่ละครั้งก็เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับแม่เช่นกัน เป็นการทำให้แม่ต้อง เสีย เพิ่มขึ้น บางคนไปสร้างหนี้สร้างความเสียหายไว้ แม่ก็ต้องเสียเงินเพิ่ม ที่สำคัญคือต้องเสียใจซึ่งไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงินได้ แม้ว่าแม่นั้นอยู่ในภาวะที่ต้องเสียเพิ่มขึ้น แต่เพียงแค่เราเข้าไปกราบเท้าท่านแล้วบอกว่า ผมขอโทษครับแม่ กลับทำให้แม่รู้สึกว่าสิ่งที่เสียเพิ่มไปนั้นมันคุ่มค่าจริงๆ แม่ไม่อยากได้เงินทองหรือสิ่งนอกกายอื่นๆที่เสียไปกับเราคืนแม้แต่นิดเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการลงทุนไหนในโลกนี้ที่ต้นทุนที่ลงทุนกับผลตอบแทนนั้นสามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างลงตัวทั้งๆที่ดูผิวเผินแล้ว ช่องว่างระหว่างต้นทุนกับผลตอบแทนที่ได้นั้นมันกว้างเหลือเกิน และกว้างเกินกว่าที่จะทำให้มันคุ้มทุน หรือ ได้กำไรภายในเสี้ยววินาที แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม่บางคนก็มิได้มีโอกาศสัมผัสกับภาวะ คุ้มทุน หรือ ได้กำไรเลยสักครั้งจากการลงทุนนี้ จนกระทั่งสิ่งที่ลงทุนนั้นได้หายไปจากโลกนี้แล้ว หรือ แม่เองอาจจะมีลมหายใจไม่มากพอที่จะอยู่ให้ถึงวันนั้น ชั่วชีวิตชองแม่บางคนก็ยังมิได้สัมผัสกับคำว่า คุ้มทุน เลยแม้แต่ครั้งเดียว ในโลกของนักลงทุน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ในโลกของความเป็นจริงการลงทุนเช่นนี้เกิดขึ้นเสมอ การลงทุนระยะยาวที่สิ่งที่ได้ดูจะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป  แถมยังไม่สามารถคาดเดาหรือประเมินผลตอบแทนได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้เลย เมื่อรู้ว่าแม่มีต้นทุนและความเสี่ยงที่สูงแบบนี้แล้ว เรายังจะไปเพิ่มต้นทุนโดยไม่จำเป็นให้แม่อีกหรอ ? แล้วอยากให้นักลงทุนผู้นี้ สัมผัสกับภาวะ คุ้มทุน สักครั้งในชีวิตบ้างหรือป่าว"

ปัจจุบันนี้คุณ คืน Yield ให้ แม่กันกี่ % ?
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
L O N G
ภาพประจำตัวสมาชิก
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0

แม่...นักลงทุนผู้โง่เขลา

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เป็นบทความที่ดีมากครับ... :cool:  :cool:  :cool:

แต่ว่าอย่างที่เคยได้ยินกันมาว่า
หากเราไม่เป็นพ่อแม่คนเองก็จะไม่เข้าใจครับ
รักของคนนั้น มีแต่รักคนต่อลงมา มากกว่ารักขึ้นครับ (คือรักลูก มากกว่ารักแม่)

ผมก็ทำใจกับลูกแล้วครับ ว่าพอโตขึ้นก็ต้องปล่อยไปตามชีวิตเค้า
ตอนนี้บางครั้งยังเศร้าเลยครับ เมื่อคิดถึงเวลาที่ลูกต้องจากเราไปมีครอบครัว เหมือนที่ผมขอลูกสาวของพ่อแม่แฟน มาเป็นภรรยา (แต่ผมก็พยายามจะดูแล้วให้ดีที่สุดนะครับ คุณพ่อคุณแม่... :lol:  :lol:  :lol: )

ถ้าพูดถึงจุดคุ้มทุนในแง่ของทางการเงินที่พ่อแม่ลงทุน ผมว่าของผมเลยแล้วครับ
แต่ในแง่ตอบแทนพ่อแม่นี่ ชาตินี้ไม่มีวันหมดครับ...บ
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
tanapol
Verified User
โพสต์: 919
ผู้ติดตาม: 0

แม่...นักลงทุนผู้โง่เขลา

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ชอบมากเลยครับ... :cry:
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

แม่...นักลงทุนผู้โง่เขลา

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ซึ้งมากครับ

ขอบคุณครับ
จงทนอด และอดทน
โพสต์โพสต์