สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 1
หลายๆท่านอาจจะเคยมีประสบการณ์ ไม่ชอบหุ้นปั่น และรู้ว่าหุ้นปั่นนั้นอันตราย
และอาจจะเคยถึงขั้นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปยุ่งกับหุ้นปั่นอย่างเด็ดขาด
แต่จนแล้วจนรอด ก็พบว่าตัวเองก็ยังข้องแวะกับหุ้นปั่นอยู่เนืองๆ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
บางท่านถึงกับเข้าไปซื้อหุ้นปั่นตอนที่ราคาลงมามากๆ ด้วยความหวังว่า
เผื่อเจ้ามือจะลากขึ้นอีกสักรอบ และเราก็จะรวยเละ
ถ้าท่านอื่นไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้
ก็ถือว่าท่านเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องอ่านบรรทัดต่อไป
และสามารถละเลยบทความที่เหลือได้เลย
แต่ถ้าพบว่าบางครั้งตนเองก็เป็นแบบนี้ก็ลองติดตามตอนต่อไปครับ
และอาจจะเคยถึงขั้นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปยุ่งกับหุ้นปั่นอย่างเด็ดขาด
แต่จนแล้วจนรอด ก็พบว่าตัวเองก็ยังข้องแวะกับหุ้นปั่นอยู่เนืองๆ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
บางท่านถึงกับเข้าไปซื้อหุ้นปั่นตอนที่ราคาลงมามากๆ ด้วยความหวังว่า
เผื่อเจ้ามือจะลากขึ้นอีกสักรอบ และเราก็จะรวยเละ
ถ้าท่านอื่นไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้
ก็ถือว่าท่านเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องอ่านบรรทัดต่อไป
และสามารถละเลยบทความที่เหลือได้เลย
แต่ถ้าพบว่าบางครั้งตนเองก็เป็นแบบนี้ก็ลองติดตามตอนต่อไปครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 2
สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้
สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีง่ายๆว่า
เมื่อเราอยู่ในบริบทใด
เราก็มีแนวโน้มที่จะคิดและปฎิบัติตามบริบทนั้นๆ
เพราะเซลสมองของเรา "บรรทุกเต็ม"ไปด้วยข้อมูลเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เข้าทำนอง เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
อย่างเรื่องการต่อต้านสงครามนั้น
อธิบายด้วยหลักเกณฑ์ทางจิตวิทยาว่า
แนวคิดรวมไปถึงแรงจูงใจที่เป็น พื้นฐานของคนที่ต่อต้านสงคราม
มักจะชอบการแก้ปัญหาด้วยระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
สุภาษิตไทยก็มีหลายตัวอย่างที่ส่งเสริมแนวคิดแบบนี้ เช่น
หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
ไฟต้องตัดด้วยไฟ(นักดับเพลิงก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆ โดยการเผาบางส่วน เพื่อให้ขาดแหล่งเชื้อเพลิงสำหรับไฟส่วนใหญ่)
สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ดี
เพียงแต่ว่า........
สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีง่ายๆว่า
เมื่อเราอยู่ในบริบทใด
เราก็มีแนวโน้มที่จะคิดและปฎิบัติตามบริบทนั้นๆ
เพราะเซลสมองของเรา "บรรทุกเต็ม"ไปด้วยข้อมูลเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เข้าทำนอง เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
อย่างเรื่องการต่อต้านสงครามนั้น
อธิบายด้วยหลักเกณฑ์ทางจิตวิทยาว่า
แนวคิดรวมไปถึงแรงจูงใจที่เป็น พื้นฐานของคนที่ต่อต้านสงคราม
มักจะชอบการแก้ปัญหาด้วยระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
สุภาษิตไทยก็มีหลายตัวอย่างที่ส่งเสริมแนวคิดแบบนี้ เช่น
หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
ไฟต้องตัดด้วยไฟ(นักดับเพลิงก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆ โดยการเผาบางส่วน เพื่อให้ขาดแหล่งเชื้อเพลิงสำหรับไฟส่วนใหญ่)
สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ดี
เพียงแต่ว่า........
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 3
มีสิ่งที่ดีกว่านี้และได้ผลมากกว่านี้
คนที่ต่อต้านสงครามนั้นบ่อยครั้งที่มักจะมีพฤติกรรมที่รุนแรง
บางทีถึงขั้นกรีดเลือด
บางทีถึงขั้น ฆ่าเพื่อระงับการฆ่า
บางครั้งถึงขั้น ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ให้มีสงคราม
การทำอะไรก็ได้นี้ เป็น รูรั่ว
ที่อาจจะอนุญาตให้ตัวเอง ทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าสงครามที่ตนเองต่อต้านด้วยซ้ำ
และเมื่ออยู่ในบริบทของความรุนแรงเช่นเดียวกับที่สงครามทำให้เกิดความรุนแรง
เมื่อนั้น คนที่ต่อต้านสงคราม ก็อาจจะเป็น ผู้จุดชนวนสงครามเสียเอง
ตัวอย่างแบบนี้ มีให้เห็นบ่อยๆไป
คนที่ต่อต้านสงครามนั้นบ่อยครั้งที่มักจะมีพฤติกรรมที่รุนแรง
บางทีถึงขั้นกรีดเลือด
บางทีถึงขั้น ฆ่าเพื่อระงับการฆ่า
บางครั้งถึงขั้น ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ให้มีสงคราม
การทำอะไรก็ได้นี้ เป็น รูรั่ว
ที่อาจจะอนุญาตให้ตัวเอง ทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าสงครามที่ตนเองต่อต้านด้วยซ้ำ
และเมื่ออยู่ในบริบทของความรุนแรงเช่นเดียวกับที่สงครามทำให้เกิดความรุนแรง
เมื่อนั้น คนที่ต่อต้านสงคราม ก็อาจจะเป็น ผู้จุดชนวนสงครามเสียเอง
ตัวอย่างแบบนี้ มีให้เห็นบ่อยๆไป
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 4
มีวิธีที่ดีกว่านี้
แม่ชีเทเรซ่า ไม่เคยสนับสนุนการต่อต้านสงคราม
แต่สนับสนุนการสร้างสันติภาพ
สนับสนุนการมีน้ำใจต่อกัน
สนับสนุนความเมตตา กรุณา และปรานี
และเมื่อท่านสนับสนุนสิ่งเหล่านี้นานๆเข้า
ผู้ที่เดินตามหลังท่าน
ก็ย่อมจะเกิดความรู้สึก ต่อต้านสงคราม โดยอัตโนมัติ
และโดยท่านไม่ต้องพูดถึงคำว่า สงคราม แม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ
ที่น่าทึ่งก็คือ
คนกลุ่มหลังนี้ มักจะ ทำสำเร็จ และสามารถสร้างสันติภาพได้มากกว่าคนที่ต่อต้านสงคราม
แม่ชีเทเรซ่า ไม่เคยสนับสนุนการต่อต้านสงคราม
แต่สนับสนุนการสร้างสันติภาพ
สนับสนุนการมีน้ำใจต่อกัน
สนับสนุนความเมตตา กรุณา และปรานี
และเมื่อท่านสนับสนุนสิ่งเหล่านี้นานๆเข้า
ผู้ที่เดินตามหลังท่าน
ก็ย่อมจะเกิดความรู้สึก ต่อต้านสงคราม โดยอัตโนมัติ
และโดยท่านไม่ต้องพูดถึงคำว่า สงคราม แม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ
ที่น่าทึ่งก็คือ
คนกลุ่มหลังนี้ มักจะ ทำสำเร็จ และสามารถสร้างสันติภาพได้มากกว่าคนที่ต่อต้านสงคราม
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 5
ในวงการแพทย์นั้น
การหาวิธีต่อสู้กับโรคร้าย
ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นเดียวกับการต่อต้านสงคราม
แต่ก็มีวิธีที่ดีกว่า การรักษาโรค
เช่น การป้องกันโรค นั้นย่อมดีกว่า
เพราะไม่เพียงแต่เป็นการ ตัดไฟเสียแต่ต้นลม เท่านั้น
แต่ คุณภาพชีวิต ของอย่างหลัง มักจะดีกว่า
หลายๆโรค วงการแพทย์ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ก็จริง การรักษาโรคจึงยังเป็นพระเอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อยกเว้นนี้จะเปลี่ยนเนื้อหาหลัก
ข้อยกเว้นก็คือข้อยกเว้น
การหาวิธีต่อสู้กับโรคร้าย
ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นเดียวกับการต่อต้านสงคราม
แต่ก็มีวิธีที่ดีกว่า การรักษาโรค
เช่น การป้องกันโรค นั้นย่อมดีกว่า
เพราะไม่เพียงแต่เป็นการ ตัดไฟเสียแต่ต้นลม เท่านั้น
แต่ คุณภาพชีวิต ของอย่างหลัง มักจะดีกว่า
หลายๆโรค วงการแพทย์ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ก็จริง การรักษาโรคจึงยังเป็นพระเอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อยกเว้นนี้จะเปลี่ยนเนื้อหาหลัก
ข้อยกเว้นก็คือข้อยกเว้น
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 7
ศีลธรรมจรรยาบรรณก็เช่นเดียวกัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่า
ที่สังคมไทยยังอุดมไปด้วยคนที่ผิดศีลห้า ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง หรืออาจจะหลายๆข้อในคนเดียวกัน(ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้)
อาจจะเป็นเพราะว่า เราอยู่ในบริบทของ ศีล ที่ห้ามการกระทำที่ ไม่ดี ต่างๆ
ไม่ใช่ ธรรม ซึ่งส่งเสริมการทำ ดี
สังคมเราพูดถึงแต่เรื่อง ศีล เต็มไปหมด
มีเรื่อง ธรรม น้อยกว่าเยอะ
ผลลัพธ์ของสังคมก็เลยเป็นแบบนี้
แต่เรื่องนี้ ผมย่อมไม่กล้ายืนยันอะไรทั้งสิ้น
เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ศีลธรรมนั่นเอง 555
เป็นไปได้หรือไม่ว่า
ที่สังคมไทยยังอุดมไปด้วยคนที่ผิดศีลห้า ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง หรืออาจจะหลายๆข้อในคนเดียวกัน(ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้)
อาจจะเป็นเพราะว่า เราอยู่ในบริบทของ ศีล ที่ห้ามการกระทำที่ ไม่ดี ต่างๆ
ไม่ใช่ ธรรม ซึ่งส่งเสริมการทำ ดี
สังคมเราพูดถึงแต่เรื่อง ศีล เต็มไปหมด
มีเรื่อง ธรรม น้อยกว่าเยอะ
ผลลัพธ์ของสังคมก็เลยเป็นแบบนี้
แต่เรื่องนี้ ผมย่อมไม่กล้ายืนยันอะไรทั้งสิ้น
เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ศีลธรรมนั่นเอง 555
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 8
ย้อนมาเรื่องหุ้น
การพูดถึง หุ้นปั่น บ่อยๆ
แม้ว่าจะพูดถึงใน แง่ร้าย ก็ตาม
สิ่งที่จารึกลงในสมอง ส่วนใหญ่ของเรา
ก็กลายเป็นเรื่องของ หุ้นปั่น ไปด้วย
ทำไมเราไม่พูดถึงหุ้น undervalue
พูดถึง สันติภาพ และพูดถึง ธรรมทั้งห้า
เพราะการตัดสินใจของเรานั้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็น ปุถุชน เช่นผม
ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่อารมณ์จะมีบทบาทสำคัญ
อารมณ์ของเรานั้น โดยธรรมชาติแล้ว
มีความแปรปรวนพอๆกับ Mr.Market
วันดีคืนดี เมื่ออารมณ์เราผิดเพี้ยนไป(บ้าง) การตัดสินใจย่อมเปลี่ยนไป
เราอาจจะมีมุมมองใหม่ต่อหุ้นปั่นที่เรารังเกียจก็ได้ เช่น
โอ้.....พระเจ้าจอร์ช ทามมายราคาตัวนี้ถึงต่ำได้ขนาดนี้ ต่อให้เลวยังไงมานก็ไม่เลวขนาดนี้
อิอิ อย่ากระนั้นเลยเราซื้อสักหน่อยดีกว่า เผื่อเจ้ามาลากซ้ำ เราก็รวยสะดือปลิ้น
โอ้.......เจ้าหุ้นสีเทาเอ๋ย เจ้าโดนสังคมรังเกียจมากเกินจริงแล้ว ราคาขนาดนี้ มันไม่ใช่อ่ะ ไม่จั้ยเยย เอาน่า ซื้อไว้สักหน่อย เดี๋ยวก็รู้ ใครหมู่หรือจ่า
พวกวีไอที่เจ๋งๆเดี๋ยวก็สะอื้น 555
ไอ้หยา....เดือนก่อนราคามันสิบกว่าบาทนะ วันนี้มันสองบาทเอง คนติดราคาสูงๆมีเยอะแยะ เขาจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ ราคานี้ถ้าเราไม่ซื้อ ก็บ้าแย้ว
เป็นต้น อิอิ
สิ่งเหล่านี้อธิบายได้ว่า
เมื่ออยู่กับ ฝุ่น นานๆ คุณก็ย่อมจะเปื้อน ฝุ่น
เมื่ออยู่ใน น้ำ คุณจะ ไม่เปียกน้ำ ได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่า ฝุ่นไม่ดี หรือ น้ำไม่ดี
เพียงแต่....... มีสิ่งที่ดีกว่า เท่านั้นเอง
การพูดถึง หุ้นปั่น บ่อยๆ
แม้ว่าจะพูดถึงใน แง่ร้าย ก็ตาม
สิ่งที่จารึกลงในสมอง ส่วนใหญ่ของเรา
ก็กลายเป็นเรื่องของ หุ้นปั่น ไปด้วย
ทำไมเราไม่พูดถึงหุ้น undervalue
พูดถึง สันติภาพ และพูดถึง ธรรมทั้งห้า
เพราะการตัดสินใจของเรานั้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็น ปุถุชน เช่นผม
ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่อารมณ์จะมีบทบาทสำคัญ
อารมณ์ของเรานั้น โดยธรรมชาติแล้ว
มีความแปรปรวนพอๆกับ Mr.Market
วันดีคืนดี เมื่ออารมณ์เราผิดเพี้ยนไป(บ้าง) การตัดสินใจย่อมเปลี่ยนไป
เราอาจจะมีมุมมองใหม่ต่อหุ้นปั่นที่เรารังเกียจก็ได้ เช่น
โอ้.....พระเจ้าจอร์ช ทามมายราคาตัวนี้ถึงต่ำได้ขนาดนี้ ต่อให้เลวยังไงมานก็ไม่เลวขนาดนี้
อิอิ อย่ากระนั้นเลยเราซื้อสักหน่อยดีกว่า เผื่อเจ้ามาลากซ้ำ เราก็รวยสะดือปลิ้น
โอ้.......เจ้าหุ้นสีเทาเอ๋ย เจ้าโดนสังคมรังเกียจมากเกินจริงแล้ว ราคาขนาดนี้ มันไม่ใช่อ่ะ ไม่จั้ยเยย เอาน่า ซื้อไว้สักหน่อย เดี๋ยวก็รู้ ใครหมู่หรือจ่า
พวกวีไอที่เจ๋งๆเดี๋ยวก็สะอื้น 555
ไอ้หยา....เดือนก่อนราคามันสิบกว่าบาทนะ วันนี้มันสองบาทเอง คนติดราคาสูงๆมีเยอะแยะ เขาจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ ราคานี้ถ้าเราไม่ซื้อ ก็บ้าแย้ว
เป็นต้น อิอิ
สิ่งเหล่านี้อธิบายได้ว่า
เมื่ออยู่กับ ฝุ่น นานๆ คุณก็ย่อมจะเปื้อน ฝุ่น
เมื่ออยู่ใน น้ำ คุณจะ ไม่เปียกน้ำ ได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่า ฝุ่นไม่ดี หรือ น้ำไม่ดี
เพียงแต่....... มีสิ่งที่ดีกว่า เท่านั้นเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 9
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทำไมเราไม่พูดถึงหุ้น undervalue
พูดถึง สันติภาพ และพูดถึง ธรรมทั้งห้า
เพราะการตัดสินใจของเรานั้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็น ปุถุชน เช่นผม
ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่อารมณ์จะมีบทบาทสำคัญ
อารมณ์ของเรานั้น โดยธรรมชาติแล้ว
มีความแปรปรวนพอๆกับ Mr.Market
อิอิ
ต่อครับ ท่านแผ่ว อ่านมันส์ดี
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 11
มีตัวอย่างเพิ่มเติมครับสมาชิกทุกท่าน
หลายปีก่อนมีแฟชั่น "กระโดดตึกตาย"
หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวทุกวัน
แม้จะลงในเชิงตำหนิก็ตาม
แต่ก็ "ยึดครองพื้นที่ข่าว"ทุกวัน
ก็ปรากฏว่าการกระโดดตึกตายก็ไม่ลดน้อยลง
แถมยังระบาดเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
ไปลดลงจนกระทั่งไม่มี "พฤติกรรมเลียนแบบ"
ก็อีตอนที่หนังสือพิมพ์รวมทั้งโทนทัศน์ร่วมใจกัน "ไม่เสนอข่าว" นั่นเอง
หรือเรื่องการจับยาบ้าพร้อมด้วยมีการโพสท์ภาพไปที่ภาพของเงินจำนวนมหาศาล
ก็เป็นหนึ่งในแรงจูงใจให้คนพร้อมที่จะเสี่ยงและลุ้นโอกาสรวยมหาศาล
เมื่อสื่อเลิกเล่นแบบนั้น
ก็มีส่วนให้ "คนอยากเสี่ยง" ลดลงเช่นกัน
หรือล่าสุดกับพฤติกรรม "แก๊งค์ปาหิน" ใส่กระจกรถยนต์
เมื่อสื่อมวลชนประโคมโหม
พฤติกรรมเลียนแบบก็เกิดขึ้นได้
วิธีกำจัดพฤติกรรมเหล่านี้
ไม่ใช่การประนามออกทีวี
แต่เป็นการ "งดออกทีวีต่างหาก"
มนุษย์เราเป็นเช่นนี้เอง :lol:
หลายปีก่อนมีแฟชั่น "กระโดดตึกตาย"
หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวทุกวัน
แม้จะลงในเชิงตำหนิก็ตาม
แต่ก็ "ยึดครองพื้นที่ข่าว"ทุกวัน
ก็ปรากฏว่าการกระโดดตึกตายก็ไม่ลดน้อยลง
แถมยังระบาดเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
ไปลดลงจนกระทั่งไม่มี "พฤติกรรมเลียนแบบ"
ก็อีตอนที่หนังสือพิมพ์รวมทั้งโทนทัศน์ร่วมใจกัน "ไม่เสนอข่าว" นั่นเอง
หรือเรื่องการจับยาบ้าพร้อมด้วยมีการโพสท์ภาพไปที่ภาพของเงินจำนวนมหาศาล
ก็เป็นหนึ่งในแรงจูงใจให้คนพร้อมที่จะเสี่ยงและลุ้นโอกาสรวยมหาศาล
เมื่อสื่อเลิกเล่นแบบนั้น
ก็มีส่วนให้ "คนอยากเสี่ยง" ลดลงเช่นกัน
หรือล่าสุดกับพฤติกรรม "แก๊งค์ปาหิน" ใส่กระจกรถยนต์
เมื่อสื่อมวลชนประโคมโหม
พฤติกรรมเลียนแบบก็เกิดขึ้นได้
วิธีกำจัดพฤติกรรมเหล่านี้
ไม่ใช่การประนามออกทีวี
แต่เป็นการ "งดออกทีวีต่างหาก"
มนุษย์เราเป็นเช่นนี้เอง :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ(อีกครั้ง)นะครับ
ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆนะครับผม :D
ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆนะครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 13
เมื่อสักครู่ไปอ่านความเห็นพี่ฉัตร อาจารย์เอ็ม น้องบีมเรื่องที่เฟดลดดอกเบี้ย
ได้ความรู้ความเห็นดีๆมากมาย
พอมาอ่านกระทู้นี้อีก
รู้สึกว่าโชคดีจริงๆครับที่ได้รู้จักเวบนี้
ได้ความรู้ความเห็นดีๆมากมาย
พอมาอ่านกระทู้นี้อีก
รู้สึกว่าโชคดีจริงๆครับที่ได้รู้จักเวบนี้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 14
สวัสดีครับ คุณแผ่วเบา
หายไปนานเชียว กลับมาก็ตั้งกระทู้ตึงตังเลย
การใช้มุมบวกเพื่อแก้ปัญหา
ใช้ "การสนับสนุน" มากกว่า "การต่อต้าน"
ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเนื้อหาของ The Secret
หนังสือขายดีที่อมรินทร์จัดพิมพ์ พร้อมโฆษณาเกรียวกราว
อยากจะถามคุณแผ่วเบาต่อว่า
ขบวนการดื้อแพ่งแบบ Civil Disobedience
(แบบเดียวกับที่มหาตมะคานธีใช้เพื่อขืนต้านระบอบอาณานิคมของอังกฤษ
วิธีการนี้สืบทอดต้นตำรับจาก David Thoreau
นักธรรมชาตินิยมชาวอเมริกันผู้ดื้อแพ่ง
ไม่ยอมเสียภาษีให้รัฐกลางเพื่อเอาไปซื้ออาวุธทำสงครามกลางเมือง)
ในไทยเรามักจะเรียกว่า อหิงสาอโหสิ ( เอ..แต่อโหสิทีไรมีเรื่องกันทุกที)
จัดอยู่ใน "การสนับสนุน" หรือ "ต่อต้าน"
เพราะโดยรูปแบบแล้วคือการแสดงอาการขัดขืน
ไม่ยอมรับต่อสภาพการณ์หรือข้อเสนอที่ให้มา
โดยสำแดงอาการดื้อเงียบแทน
ถ้ามันคือการต่อต้านรูปแบบหนึ่ง แต่กลับเรียกผลได้มหาศาล
ราวกับว่าการต่อต้านน่ะสามารถส่งผลกระทบได้เร็ว
และเรียกมวลชนผู้เห็นพ้องอย่างหนุนเนื่องมากกว่าการสนับสนุน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การต่อต้าน(แม้ในรูปแบบที่สงบที่สุด)
อย่างไรเสียย่อมจะเป็นวิธีที่ใช้มากกว่าเพราะเป้าหมายชัดเจน
เพราะเป็น Action Oriented มากกว่า
การสนับสนุน ซึ่งค่อนข้างจะเป็น Ideal
จับต้องยากหรือต้องคิดเป็นลำดับขั้นตอนที่ซับซ้อนไปอีก
เช่น เครื่องสำอางค์ Body Shop บอกชัดว่า
ต่อต้านการนำสัตว์มาทดลองในห้องแล็ป
สาระตรงนี้สื่อแล้วเข้าใจทันทีเพราะชัดเจนและมีเป้าหมาย
หาก พูดว่า สนับสนุนการทดลองวิทยาศาสตร์โดยไม่ใช้สัตว์ทดลอง
จะมีคำถามเกิดในใจต่อหรือไม่ว่า เอ..แล้วใช้อะไรทดลอง
หรือเพราะมนุษย์มีแนวโน้มที่จะโน้มเอียงในด้านทำลายมากกว่าส่งเสริม
หรือมนุษย์มีเทพเจ้า Mar อยู่ในตัวตน
เอ..เขียนไปเขียนมาชักงง สงสัยง่วง
เออ..คุณแผ่วเบาจะงงมั้ยเนี่ย :roll:
หายไปนานเชียว กลับมาก็ตั้งกระทู้ตึงตังเลย
การใช้มุมบวกเพื่อแก้ปัญหา
ใช้ "การสนับสนุน" มากกว่า "การต่อต้าน"
ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเนื้อหาของ The Secret
หนังสือขายดีที่อมรินทร์จัดพิมพ์ พร้อมโฆษณาเกรียวกราว
อยากจะถามคุณแผ่วเบาต่อว่า
ขบวนการดื้อแพ่งแบบ Civil Disobedience
(แบบเดียวกับที่มหาตมะคานธีใช้เพื่อขืนต้านระบอบอาณานิคมของอังกฤษ
วิธีการนี้สืบทอดต้นตำรับจาก David Thoreau
นักธรรมชาตินิยมชาวอเมริกันผู้ดื้อแพ่ง
ไม่ยอมเสียภาษีให้รัฐกลางเพื่อเอาไปซื้ออาวุธทำสงครามกลางเมือง)
ในไทยเรามักจะเรียกว่า อหิงสาอโหสิ ( เอ..แต่อโหสิทีไรมีเรื่องกันทุกที)
จัดอยู่ใน "การสนับสนุน" หรือ "ต่อต้าน"
เพราะโดยรูปแบบแล้วคือการแสดงอาการขัดขืน
ไม่ยอมรับต่อสภาพการณ์หรือข้อเสนอที่ให้มา
โดยสำแดงอาการดื้อเงียบแทน
ถ้ามันคือการต่อต้านรูปแบบหนึ่ง แต่กลับเรียกผลได้มหาศาล
ราวกับว่าการต่อต้านน่ะสามารถส่งผลกระทบได้เร็ว
และเรียกมวลชนผู้เห็นพ้องอย่างหนุนเนื่องมากกว่าการสนับสนุน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การต่อต้าน(แม้ในรูปแบบที่สงบที่สุด)
อย่างไรเสียย่อมจะเป็นวิธีที่ใช้มากกว่าเพราะเป้าหมายชัดเจน
เพราะเป็น Action Oriented มากกว่า
การสนับสนุน ซึ่งค่อนข้างจะเป็น Ideal
จับต้องยากหรือต้องคิดเป็นลำดับขั้นตอนที่ซับซ้อนไปอีก
เช่น เครื่องสำอางค์ Body Shop บอกชัดว่า
ต่อต้านการนำสัตว์มาทดลองในห้องแล็ป
สาระตรงนี้สื่อแล้วเข้าใจทันทีเพราะชัดเจนและมีเป้าหมาย
หาก พูดว่า สนับสนุนการทดลองวิทยาศาสตร์โดยไม่ใช้สัตว์ทดลอง
จะมีคำถามเกิดในใจต่อหรือไม่ว่า เอ..แล้วใช้อะไรทดลอง
หรือเพราะมนุษย์มีแนวโน้มที่จะโน้มเอียงในด้านทำลายมากกว่าส่งเสริม
หรือมนุษย์มีเทพเจ้า Mar อยู่ในตัวตน
เอ..เขียนไปเขียนมาชักงง สงสัยง่วง
เออ..คุณแผ่วเบาจะงงมั้ยเนี่ย :roll:
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 15
ต่อเลยครับ ได้ข้อคิดดีๆ เลยครับ
ขอบคุณที่สละเวลามาโพสกันนะครับ
ขอบคุณที่สละเวลามาโพสกันนะครับ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 17
ได้ฟังพี่แผ่วเจรจาอีกสนุกดีครับ
หุ้นปั่นไม่ปั่น ผมแซวหมดแหละครับ แต่ถ้าหากเกิดกรณีที่ผู้บริหารฉ้อฉลประพฤติชั่ว หุ้นเขาจะปั่นไม่ปั่นก็แล้วแต่ ผมไม่ยั้งกระบี่ไว้ไมตรีแน่ๆ
หุ้นปั่นไม่ปั่น ผมแซวหมดแหละครับ แต่ถ้าหากเกิดกรณีที่ผู้บริหารฉ้อฉลประพฤติชั่ว หุ้นเขาจะปั่นไม่ปั่นก็แล้วแต่ ผมไม่ยั้งกระบี่ไว้ไมตรีแน่ๆ

Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 18
ผมชอบประเด็นพี่กูรูมากครับ
ส่วนในประเด็นนี้
เช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่นๆ
เพราะการทำลายนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการทำร้าย การฆ่า และการกินสัตว์อื่น
ล้วนได้รับผลรางวัลคือ ตัวเองเป็นผู้อยู่รอดและสามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไปได้
สัตว์ชนิดใดที่ไม่มีสัญชาติญาณนี้ย่อมจะสูญพันธ์ไปในเวลาอันรวดเร็ว
หรือหากไม่มีสัญชาติญาณนี้ก็จะต้องมีสิ่งอื่นมาเป็นตัวช่วยจึงจะอยู่รอดได้
ตัวช่วยก็คือ
การพึ่งพิงซึ่งกันและกันทั้งในรูปแบบ win-win , win-zero และ win-lost(ปรสิต) เป็นต้น
เจ้าตัวสัญชาติญาณนี้เกิดขึ้นในสมองเล็กและก้านสมอง
แต่มนุษย์นั้นมีสมองใหญ่ด้วย
ซึ่งวิวัฒนาการต่อยอดจากสมองดั้งเดิม
และสมองใหญ่นี้มีความสามารถเหนือกว่าสมองดั้งเดิมมาก
สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเช่น คุณธรรม ความรู้ และอื่นๆ
มนุษย์จึงมีผลงานในด้านการสร้างสรรค์มากมายบนโลกใบนี้
แต่มนุษย์ก็ยังคงมีสมองเล็กและก้านสมองอยู่ โดยไม่ได้สูญหายไปไหน
ดังนั้นมนุษย์จึงยังมีสัญชาติญาณการทำลายอยู่เสมอ
หากมนุษย์คนนั้นใช้สมองเล็กมากกว่าสมองใหญ่(ใช้อารมณ์มากกว่าปัญญา)
ดังนั้นการต่อต้านใดๆก็ตาม
หรือความรุนแรงใดๆก็ตามจึงมักจะได้รับการตอบสนองจากอารมณ์มนุษย์
เพราะเป็นถ่านไฟเก่ากันมาก่อนนั่นเอง
ส่วนในประเด็นนี้
ผมเห็นด้วยนะครับว่ามนุษย์มีสัญชาติญาณในการทำลายมากกว่าการสร้างสรรค์กูรูขอบสนาม เขียน:หรือเพราะมนุษย์มีแนวโน้มที่จะโน้มเอียงในด้านทำลายมากกว่าส่งเสริม
หรือมนุษย์มีเทพเจ้า Mar อยู่ในตัวตน
เช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่นๆ
เพราะการทำลายนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการทำร้าย การฆ่า และการกินสัตว์อื่น
ล้วนได้รับผลรางวัลคือ ตัวเองเป็นผู้อยู่รอดและสามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไปได้
สัตว์ชนิดใดที่ไม่มีสัญชาติญาณนี้ย่อมจะสูญพันธ์ไปในเวลาอันรวดเร็ว
หรือหากไม่มีสัญชาติญาณนี้ก็จะต้องมีสิ่งอื่นมาเป็นตัวช่วยจึงจะอยู่รอดได้
ตัวช่วยก็คือ
การพึ่งพิงซึ่งกันและกันทั้งในรูปแบบ win-win , win-zero และ win-lost(ปรสิต) เป็นต้น
เจ้าตัวสัญชาติญาณนี้เกิดขึ้นในสมองเล็กและก้านสมอง
แต่มนุษย์นั้นมีสมองใหญ่ด้วย
ซึ่งวิวัฒนาการต่อยอดจากสมองดั้งเดิม
และสมองใหญ่นี้มีความสามารถเหนือกว่าสมองดั้งเดิมมาก
สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเช่น คุณธรรม ความรู้ และอื่นๆ
มนุษย์จึงมีผลงานในด้านการสร้างสรรค์มากมายบนโลกใบนี้
แต่มนุษย์ก็ยังคงมีสมองเล็กและก้านสมองอยู่ โดยไม่ได้สูญหายไปไหน
ดังนั้นมนุษย์จึงยังมีสัญชาติญาณการทำลายอยู่เสมอ
หากมนุษย์คนนั้นใช้สมองเล็กมากกว่าสมองใหญ่(ใช้อารมณ์มากกว่าปัญญา)
ดังนั้นการต่อต้านใดๆก็ตาม
หรือความรุนแรงใดๆก็ตามจึงมักจะได้รับการตอบสนองจากอารมณ์มนุษย์
เพราะเป็นถ่านไฟเก่ากันมาก่อนนั่นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
สิ่งที่ดีกว่า การต่อต้านสงครามและการประณามหุ้นปั่น
โพสต์ที่ 19
ในเรื่องของผลสำเร็จระหว่างการต่อต้านกับการสนับสนุนนั้น
ผมมีความเห็นดังนี้ครับ
ท่านต่อต้านอังกฤษโดยอริยขัดขืน
ท่านก็จะได้แนวร่วมมากมาย(ตามสัญชาติญาณของมนุษย์ที่ชอบเรื่องแบบนี้เป็นทุนเดิม)
เพราะยิ่งอังกฤษกดขี่มาก
แนวร่วมก็ยิ่งมาก ความสำเร็จจึงมีโอกาสสูง
แต่ท่านไม่ได้มีแต่เรื่องต่อต้าน
ท่านได้สอดใส่ยุทธวิธีที่การสร้างสรรค์เข้าไปด้วย
สิ่งนั้นก็คือ "อหิงสา"
ซึ่งหมายถึงการไม่เบียดเบียน การไม่ทำร้ายผู้อื่น
จุดนี้ทำให้ท่านไม่ถูกทำลายโดยฝ่ายตรงกันข้าม
เพราะอีกฝั่งก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะปราบปรามอย่างรุนแรงได้
และทำให้จำนวนสมาชิกฝั่งท่านงอกงามขึ้นเรื่อยๆจนได้รับชัยชนะในที่สุด
หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง
ตอนที่คอมมิวนิสต์รุกรานประเทศไทย
การปราบปรามอย่างรุนแรง
กลับทำให้พรรคคอมมิวนิสท์ยิ่งเติบโต
แต่นโยบาย 66/23 กลับทำให้คอมมิวนิสต์หมดไป
ย้อนมาเรื่องหุ้นบ้างก็ได้นะครับ
อิอิ เดี๋ยวจะโดนย้ายห้อง
ท่านอื่นจะวิพากษ์ประเด็นนี้อย่างไรต่อครับ
ผมมีความเห็นดังนี้ครับ
ท่านต่อต้านอังกฤษโดยอริยขัดขืน
ท่านก็จะได้แนวร่วมมากมาย(ตามสัญชาติญาณของมนุษย์ที่ชอบเรื่องแบบนี้เป็นทุนเดิม)
เพราะยิ่งอังกฤษกดขี่มาก
แนวร่วมก็ยิ่งมาก ความสำเร็จจึงมีโอกาสสูง
แต่ท่านไม่ได้มีแต่เรื่องต่อต้าน
ท่านได้สอดใส่ยุทธวิธีที่การสร้างสรรค์เข้าไปด้วย
สิ่งนั้นก็คือ "อหิงสา"
ซึ่งหมายถึงการไม่เบียดเบียน การไม่ทำร้ายผู้อื่น
จุดนี้ทำให้ท่านไม่ถูกทำลายโดยฝ่ายตรงกันข้าม
เพราะอีกฝั่งก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะปราบปรามอย่างรุนแรงได้
และทำให้จำนวนสมาชิกฝั่งท่านงอกงามขึ้นเรื่อยๆจนได้รับชัยชนะในที่สุด
หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง
ตอนที่คอมมิวนิสต์รุกรานประเทศไทย
การปราบปรามอย่างรุนแรง
กลับทำให้พรรคคอมมิวนิสท์ยิ่งเติบโต
แต่นโยบาย 66/23 กลับทำให้คอมมิวนิสต์หมดไป
ย้อนมาเรื่องหุ้นบ้างก็ได้นะครับ
อิอิ เดี๋ยวจะโดนย้ายห้อง
ท่านอื่นจะวิพากษ์ประเด็นนี้อย่างไรต่อครับ