ปี 50 พันธมิตรต่างชาติอ่วม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

ปี 50 พันธมิตรต่างชาติอ่วม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ปี 50 พันธมิตรต่างชาติอ่วม

     


        สำรวจพบปี 2550 ฝรั่งถูกต้มจนเปื่อย ขนเงินร่วมลงทุน บจ.ไทยอ่วมทุกราย เริ่มจากพันธมิตรแดนปลาดิบของ TMT งาบหุ้นราคายอดดอย 5.30 บาท ตามด้วย ING จากเนเธอแลนด์ที่สวมบทพ่อพระ ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุน TMB 1.60 บ. สูงกว่าราคากระดาน ขณะที่แฟนคลับ PP เฮ!! โดยเฉพาะ ADAM ขายหุ้น 2 บาท ตอนนี้ราคากระดานกระฉูด 7 บาทกว่า ส่วนนักย่องเบา กวาดกำไรกระเป๋าตุง "ฉัตรสุดา-ชยุตม์" เก็บ EMC ชั่วพริบตา ราคาวิ่งทั้งแม่ลูก แถม 15 ม.ค. นี้ลุ้นโครงสร้างบริหารใหม่ หลังเข้าถือหุ้นเกิน 25%

       นับตั้งแต่เทมาเส็กของสิงคโปร์ เข้ามาซื้อหุ้น SHIN จากตระกูลชินวัตร และต้องประสบกับการขาดทุนมหาศาล จากนั้นเรียกว่านักลงทุนต่างชาติน้อยรายที่จะเข้ามาร่วมลงทุนเป็นพันธมิตรกับบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย โดยในปี 2550 ที่ผ่านมา พบว่าทิศทางของผลตอบแทนที่พันธมิตรได้รับจากการเข้ามาร่วมลงทุนก็ยังไม่สดใสนัก เพราะหลายบริษัทที่ยังเสมือนว่าต้มตุ๋นพันธมิตรที่เข้ามา เพราะมีการขายหุ้นในราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นการขายโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือการขายหุ้นเพิ่มทุน จากนั้นราคาในกระดานกลับปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นได้ชัดที่สุดเห็นจะเป็น บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) (TMT) ที่ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกมาให้พันธมิตรญี่ปุ่น และอีกเคสคือ ธนาคารทหารไทย (TMB) ที่ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกลุ่มไอเอ้นจี จากเนเธอร์แลนด์ ที่ยอมเข้ามาซื้อหุ้นในราคาแพงกว่าที่ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งปรากฎว่านักลงทุนต่างชาติทั้ง 2 ราย ต้องน้ำตาตก เพราะลงทุนไม่นาน ก็พบกับผลขาดทุนทางบัญชีอย่างมหาศาลเสียแล้ว
         ในขณะที่หุ้นที่ขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) อย่าง บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ADAM) พบว่าผู้จองซื้อได้รับกำไรหลายเท่าตัว รวมทั้งหุ้นที่มีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาย่องเก็บในกระดานอย่าง บมจ.อีเอ็มซี (EMC) จนกระทั่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างการบริหารงาน ที่จะมีการประกาศในวันที่ 15 ม.ค. นี้ พบว่ารายใหญ่ที่เข้ามาเก็บหุ้นก็ได้รับกำไรทางบัญชีไปแล้วอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน
         หรือกรณีของ บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TRAF) ที่เพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และให้กับ บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เพื่อแลกกับการถือหุ้น บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด แม้ว่าขณะนี้ยังลุ้นว่าผู้ถือหุ้นจะยอมสละสิทธิการเพิ่มทุนเพื่อให้ MAJOR เข้ามาฮุบหุ้นใหญ่ 51% ตามแผนหรือไม่ เรียกว่ายังไม่ได้เข้ามาลงทุนจริง แต่ก็มองเห็นกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นเพิ่มทุนกับราคาในกระดานอย่างชัดเจน หลายเท่าตัว
         eFinanceThai.com รวบรวมการขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในปี 2550 ทั้งที่เป็นเพิ่มทุน หรือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัดขายให้กับพันธมิตร พบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

**บิ๊ก TMT จัดให้-พันธมิตรปลาดิบอ่วม
         เริ่มกันจาก วันที่ 3 ส.ค. 2550 บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) (TMT) ได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ทำการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีรายละเอียดดังนี้
         1. นายสูรย์ ธรสารสมบัติ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 13,250,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.12 ของทุน จดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่บริษัท Metal One Corporation จากประเทศญี่ปุ่นในราคาหุ้นละ 5.30 บาท
         2. นายไพศาล ธรสารสมบัติ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.47 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่บริษัท Metal One Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ในราคาหุ้นละ 5.30 บาท
         3. นายปานชัย พิพัฒนสกุล ได้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.47 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่บริษัท Metal One Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ในราคาหุ้นละ 5.30 บาท
         4. นายคมสัน ธรสารสมบัติ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.47 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่บริษัท Metal One Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ในราคาหุ้นละ 5.30 บาท
         5. นายชำนาญ ธรสารสมบัติ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 2,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.47 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่บริษัท Metal One Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ในราคาหุ้นละ 5.30 บาท
         ซึ่งเป็นผลให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมในตระกูลธรสารสมบัติและตระกูลพิพัฒนสกุลที่เดิมถือหุ้นรวมกันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80.66 ลดลงเหลือร้อยละ 75.66 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว โดยผู้ถือหุ้นรายใหม่ได้เข้าซื้อหุ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ5.00 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว
         วัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นนี้เพื่อแสวงหาความร่วมมือทางการค้าต่อกันในอนาคต และการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารแต่อย่างใด
ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค. 2551 ราคาหุ้น TMT ปิดที่ 3.78 บาท ลดลงจากราคาต้นทุนของพันธมิตรญี่ปุ่นถึง 28.67%

**ไอเอ็นจี พ่อพระ ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุน TMB แพงกว่ารายย่อย
         ด้านการเพิ่มทุนครั้งมโหฬารของธนาคารทหารไทย (TMB) จำนวน 2.5 หมื่นล้านหุ้น ซึ่งเสนอขายให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
         1. 10,970,893,359 หุ้น เสนอขายแก่ ING Bank N.V. ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.60 บาทต่อหุ้น
         2. 2,141,728,186 หุ้น เสนอขายแก่บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด อันเนื่องมาจากการเข้าซื้อใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยในจำนวนที่เท่า
กัน ของ ING Support Holding B.V. จากบริ ษั ท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จํากัด ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.60 บาทต่อหุ้น
         3. 11,887,378,455 หุ้น เสนอขายแก่กลุ่มบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงในประเทศซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.40 บาทต่อหุ้น โดยมีรายละเอียดการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ดังนี้
         3.1 จำนวน 5,586,944,825 หุ้นเสนอขายแก่กระทรวงการคลัง
         3.2 จำนวน 2,883,985,472 หุ้นเสนอขายแก่กลุ่ มบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงในประเทศซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร ที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา 12.00 น. (ยกเว้นกระทรวงการคลัง)
         4. ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจองซื้ อ ตามข้ อ 3.2 ให้นําหุ้นที่เหลือ เสนอขายแก่สถาบันการเงินหรือกองทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.40 บาทต่อหุ้น
         หมายเหตุ ตามข้อ 3.2 ธนาคารเสนอขายหุ้น จำนวน 6,300,433,630 หุ้น แก่กลุ่มบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงในประเทศซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร ที่มีรายชื่ อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา 12.00 น. (ยกเว้นกระทรวงการคลัง) ภายหลังการเสนอขายดังกล่าวข้างต้น ธนาคารมีหุ้นเหลือจำนวน 3,416,448,158 หุ้น โดยธนาคารได้จัดสรรให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
1. จํ นวน 1,200,000,000 หุ้นเสนอขายแก่ JPMorgan Special Situations (Mauritius) Limited
2. จำนวน 360,000,000 หุ้นเสนอขายแก่ UBS Securities Pte.Ltd.
3. จํานวน 1,194,697,871 หุ้นเสนอขาย แ ก่ Stark Investments (Hong Kong) Limited
4. จำนวน 590,000,000 หุ้น เสนอขายแก่ Spinnaker Capital Limited
5.จำนวน 71,750,287 หุ้น เสนอขายแก่ บริษัท หลักทรัพย์ภัทร จำกัด(มหาชน)
         ล่าสุดราคาหุ้น TMB ปิดที่ 1.30 บาท ลดลงจากราคาต้นทุนของไอเอ็นจีอยู่ 15.78%

**คนซื้อ PP หุ้น ADAM เฮ!! ฟันกำไรเหนาะๆ
         ในขณะที่นักลงทุนในประเทศที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ของบริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ADAM) จำนวน 75,000,000 หุ้น ในราคาขายต่อหุ้น 2.00 บาท ประกอบด้วย

ชื่อ-สกุล จำนวนหุ้น มูลค่า (บาท) ร้อยละเมื่อเทียบกับหุ้นที่
จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
1. นายปริน ชนันทรานนท์ 14,600,000 29,200,000 5.42
2. นายอนุชา อุปการนิติเกษตร 5,000,000 10,000,000 1.86
3. First Value Associate Ltd. 5,000,000 10,000,000 1.86
4. บริษัทเจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) 5,000,000 10,000,000 1.86
5. นางสาวปวิชญา กานนท์รังษี 5,000,000 10,000,000 1.86
6. นางสาวอุราภา เลาหพงศ์ชนะ 5,000,000 10,000,000 1.86
7. นางอารีรัตน์ โชคล้ำบุญ 5,000,000 10,000,000 1.86
8. นางพรรณทิภา ชนันทรานนท์ 5,000,000 10,000,000 1.86
9. นายพีระ เจริญชุษณะ 4,700,000 9,400,000 1.75
10. นางสาวชวพร เลาหพงศ์ชนะ 4,000,000 8,000,000 1.49
11. นายศิริธัช โรจนพฤษ์ 2,500,000 5,000,000 0.93
12. นายอนุวัต บูรพชัยศรี 2,500,000 5,000,000 0.93
13. นายอนุชา บูรพชัยศรี 2,500,000 5,000,000 0.93
14. นายสุวิศิษฎ์ เลาหพงศ์ชนะ 2,000,000 4,000,000 0.74
15. นายสันทัด วุฒิวิจารณ์ 2,000,000 4,000,000 0.74
16. นายณัฐวุฒิ เลิศพลากร 2,000,000 4,000,000 0.74
17. นายสมยศ หอมศิริกมล 1,000,000 2,000,000 0.37
18. นายภาพงศ์ ปราโมช 900,000 1,800,000 0.33
19. นายสุนัย เที่ยงธรรม 800,000 1,600,000 0.30
20. นายพรศิริ สงขกุล 500,000 1,000,000 0.19
รวม 75,000,000 150,000,000 27.85

         ล่าสุดหุ้น ADAM ปิดที่ 7.20 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาขาย PP ถึง 72.22%

**MAJOR นั่งรอกำไร TRAF
         บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TRAF) เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการครั้งที่10/2550 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 240 ล้านบาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ได้ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.79 บาท
         ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทจะจัดสรรหุ้น ส่วนที่เหลือจำนวนไม่เกิน 184 ล้านหุ้นในคราวเดียวกัน หรือต่างคราวกัน เพื่อเป็นการ
ชำระค่าหุ้นของบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ให้กับบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (เมเจอร์) และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ของบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.84 บาท กรณีมีเศษหุ้นให้ปัดทิ้ง
         ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบข้อมูลของบริษัท โดยมอบหมายให้กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท หรือบุคคลที่คณะกรรมการมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจพิจารณากำหนดระยะเวลาการเสนอขาย เงื่อนไขและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.84 บาทดังกล่าวข้างต้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลัง 10 วันทำการติดต่อกันก่อนวันประชุมคณะกรรมการนี้ซึ่งถือเป็นวันกำหนดราคาเสนอขาย ดังนั้น ราคาเสนอขายดังกล่าวจึงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของ 'ราคาตลาด'ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 12/2543 เรื่องการขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่
          ล่าสุดหุ้น TRAF ปิดที่ 10.20 บาท เท่ากับว่า แม้ว่า MAJOR ยังไม่เข้ามาลงทุนในหุ้น TRAF ก็นั่งรอกำไรส่วนต่างอยู่แล้วถึง 454%

**ขาใหญ่ย่องเบาเก็บ EMC กวาดกำไรเป๋าตุง
         ส่วนหุ้นร้อนอย่าง บมจ.อีเอ็มซี (EMC) หลังจากเคยมีข่าวหักหลังกันเองของขาใหญ่ ระหว่างชนะชัย ลีนะบรรจง ที่ตอนนี้กลายมาเป็นหัวเรือใหญ่นั่งบริหารบริษัทฯอย่างเต็มตัว กับกลุ่มของเสี่ยสอง ทำให้ราคาหุ้นถูกทุบลงมาในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ล่าสุดตามกระแสข่าวระบุว่ามีการตั้งโต๊ะเจรจากันอย่างลงตัว ทำให้มีสัญญาณการกลับมารอบใหม่ ของหุ้น EMC อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางสาวฉัตรสุดา เป็ญจนิรัตน์ และนายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล เข้ามาถือหุ้นบริษัทฯ ในสัดส่วนรวมกันเกิน 25% ซึ่ง EMC แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อแจ้งโครงสร้างผู้ถือหุ้น และพิจารณาถึงผลกระทบต่อการบริหารงาน ภายในวันที่ 15 มกราคม 2551
         รายงานข่าวจากสำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งว่า ทั้งนางสาวฉัตรสุดา เป็ญจนิรัตน์ และนายชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ได้หุ้น EMC มาในราคาเท่ากันคือ 4.40 บาท เทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ 5.10 บาท อาจเป็นการสะท้อนว่าในที่ 15 ม.ค. นี้ความเปลี่ยนแปลงใน EMC เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง

**โบรกฯเชื่อปีนี้ยังเป็นปีทองของการหาพันธมิตรต่างชาติ
         นายวรุฒม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงแนวโน้มการระดมทุนและการเข้ามาร่วมทุนของพันมิตรต่างชาติกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2551 ว่าน่าจะขึ้นอยู่กับภาวะการเมืองและเศรษกิจในประเทศโดยหากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ผ่านพ้นไปได้ด้วยความเรียบร้อยก็จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นชัดเจน รวมถึงเป็นการเรียกความเชื่อมั่นและสร้างมุมมองเชิงบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในสายตานักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ได้ชะลอการลงทุนบางส่วนในปีที่ผ่านมาเพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยหลังขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลทหารที่มาจากการปฏิรูปการปกครอง
         ทั้งนี้ประเมินว่าในปี 2551 นี้ บริษัทจดทะเบียนฯในหลายกลุ่มธุรกิจน่าจะมุ่งเจรจาหาพันมิตรต่างชาติเข้ามาร่วมทุนเนื่องจากเมื่อภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวภายใต้สมมติฐานว่ามีรัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศซึ่งน่าจะส่งผลช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยและมีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียนให้เศรษฐกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจตามระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม ดังนั้นบริษัทจดทะเบียนจึงต้องเร่งดำเนินการหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแง่ประสบการณ์และศักยภาพการดำเนินธุรกิจรวมถึงฐานะการเงินที่มั่นคง
         ในขณะเดียวกันประเมินว่ากลุ่มนักลงทุนต่างชาติก็น่าจะให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยเช่นกันแม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมากลุ่มทุนต่างชาติอาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในการลงทุนมากนัก ซึ่งก็อาจเป็นเพราะจังหวะที่เศรษฐกิจถดถอยลงจากภาวะการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพหลังเกิดความขัดแย้งทางการเมือง แต่ในกรณีของกองทุนเทมาเส็กนั้นมองว่าเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น(Worst Case) ที่ประสบผลขาดทุนเนื่องจากลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างมีนัยสำคัญและมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวของระดับผู้บริหารประเทศทำให้ได้รับแรงกดดันมากกว่ากรณีอื่น ทั้งนี้ประเด็นลบเฉพาะกรณีที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับกลุ่มทุนต่างชาติอื่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
         ซึ่งในปีนี้นักลงทุนต่างชาติน่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาร่วมลงทุนเนื่องจากเริ่มมีความมั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโดยเฉพาะการเข้าร่วมลงทุนในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มการเติบโตดีเช่นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลดีจากยอดสินเชื่อที่จะเติบโตขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและโครงการต่างๆของรัฐที่จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ธุรกิจทางการเงินที่จะเปิดเสรีอย่างธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจประกันภัยก็น่าจะดึงดูดให้บริษัทต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสากลเข้ามาร่วมทุนด้วยเช่นกัน
         สำหรับการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้น่าจะมีออกมาต่อเนื่องเช่นกันเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ประเมินว่านักลงทุนควรเลือกพิจารณาหุ้นเพิ่มทุนรายตัวโดยมองถึงพื้นฐานของบริษัท เหตุผลและนโยบายในการเพิ่มทุนรวมถึงภาวะตลาดหุ้นในช่วงนั้นๆประกอบกันไปด้วยเพื่อความคุ้มค่าในการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่าผลตอบแทนในการลงทุนปีนี้โดยรวมน่าจะดีกว่าปี 2550 เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติและแรงซื้อหุ้นจะกลับเข้ามาชัดเจนหลังมีรัฐบาลชุดใหม่
         นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน เปิดเผยว่าแนวโน้มการควบรวมกิจการหรือการดึงพันธมิตรรายใหม่เข้ามาร่วมลงทุนสำหรับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดหลักทรัพย์ mai คงจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก เพื่อความอยู่รอดตลอดจนเป็นการรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นและในอนาคตรวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการดำเนินงานแต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีบริษัทฯ ใดบ้างที่จะควบรวมหรือดึงพันธมิตรรายใหม่จากต่างประเทศมาร่วมลงทุนเพราะในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
         ส่วน บจ. ที่คาดว่าจะมีการควบรวมหรือดึงพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุนมากที่สุดคือกลุ่มหลักทรัพย์ รับเหมาก่อสร้างและกลุ่มเหล็ก เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีการแข่งขันสูง ประกอบกับกลุ่มหลักทรัพย์จะมีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นในเร็วๆ นี้ จึงต้องมีการควบรวมหรือดึงพันธมิตรเข้ามาเพื่อความอยู่รอด
         "การดึงพันธมิตรรายใหม่เข้ามาอย่ามองแค่ในระยะเวลาสั้นๆ ต้องมองในระยะยาวว่าจะเป็นอย่างไร แต่โดยปกติแล้วการมีพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนหรือเข้ามาถือหุ้นด้วยย่อมส่งผลดีอยู่แล้วแต่ควรที่จะมองในระยะยาวมากกว่าในระยะสั้นดังนั้นนักลงทุนควรเลือกลงทุนระยะยาว อย่ามองราคาหุ้นแค่ช่วงสั้นๆ" นายรณกฤต กล่าว
โพสต์โพสต์