ซับไพร์ม ซับน้ำตาใคร
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 23, 2007 1:49 pm
เปิดโผ 11 สถาบันการเงินทั่วโลกเดี้ยงจากซับไพร์ม 'แบงก์ออฟอเมริกาฯ- เครดิตสวิส-
ไฟด์ลิตี้อินเวสท์เม้นท์- มอร์แกนสแตนเลย์ ขาดทุนหนักสุดรวม 3 แสนล้านดอลล์
หลังจากปัญหาตลาด สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงหรือตลาด
ซับไพร์มของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ในช่วงเกือบ
2 เดือนที่ผ่านมานี้ แม้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯไม่ว่า จะนายเบน เบอร์นันกี ผู้ว่าการ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด และนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะ
ออกมาชี้แจงว่าวิกฤตดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง เนื่องจากตลาดซับไพร์มมีสัดส่วนน้อย
มากเมื่อเทียบกับตลาดสินเชื่อกู้จำนองทั้งหมดของสหรัฐฯ และล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ
เฟดระบุว่า เฟดจะทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในตลาดเงินที่กำลังเกิดความผันผวนอย่าง
รุนแรงจากวิกฤตซับไพร์ม แต่ปัญหาก็ยังคงลุกลามมากขึ้น และยังไม่น่าวางใจ
ฝ่ายข่าวต่างประเทศ ของ eFinanceThai.com จึงได้รวบรวม รายชื่อสถาบันการ
เงินที่ต้องประสบปัญหาและขาดทุนจากการลงทุนในตลาดซับไพร์ม ซึ่งประกอบด้วย
1.แบงก์ออฟอเมริกาคอร์ป เครดิตสวิสกรุ๊ป ไฟด์ลิตี้อินเวสท์เม้นท์ และ มอร์แกนสแตน
เลย์ ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในตลาดซับไพร์มรวมกันในปีนี้ มูลค่าประมาณ 300,000
ล้านดอลลาร์ และในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว ตราสารหนี้อ้างอิงสินเชื่อหรือสินทรัพย์ หรือซีดี
โอ ที่ได้รับความเสียหายจากผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์
2.บีเอ็นพีพาริบาส์เอสเอ ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ได้ระงับการไถ่ถอนเงินลง
ทุนจากกองทุน 3 กอง มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากยังไม่สามารถจำหน่ายหุ้นกู้และ
สินทรัพย์อื่นๆในตลาดซับไพร์มสหรัฐฯ เพราะตลาดตราสารดังกล่าวอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่อง
อย่างรุนแรง
3.แบร์สเติร์นส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ประสบผลขาดทุนจำนวนมากจากธุรกิจ
กองทุนประกันความเสี่ยง หรือ เฮดจ์ฟันด์ จนทำให้ต้องปิดกองทุนเฮดจ์ฟันด์ 2 แห่งที่ลงทุน
จำนวนมากในการปล่อยกู้ตลาดซับไพร์มนั้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวแทบไม่เหลือมูลค่าแล้ว
4. มิตซูบิชิยูเอฟเจไฟแนนเชี่ยลกรุ๊ป ประสบผลขาดทุน 42.6 ล้านดอลลาร์จากการลง
ทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อตลาดซับไพร์มในสหรัฐฯ
5.เอ็นไอบีซีโฮลดิ้ง วาณิชธนกิจสัญชาติฮอลแลนด์ ขาดทุนจากการลงทุนในตลาดสิน
เชื่ออสังหาริมทรัพย์กลุ่มลูกค้าความเสี่ยงสูง หรือ ซับไพร์มสหรัฐฯ มูลค่า 137 ล้านยูโร (189
ล้านดอลลาร์) ในปีนี้
6. โฮมโลนส์กรุ๊ป ผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสัญชาติออสเตรเลีย ประสบความล้ม
เหลวในรีไฟแนนซ์เงินกู้ระยะสั้นวงเงิน 6.17 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (5 พันล้านดอลลาร์)
เนื่องจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯทำให้สถาบันการเงินขาดความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อ
7.ธอร์นเบิร์กมอร์ทเกจ ผู้ให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ขาย
หลักทรัพย์มูลค่า 20.5 พันล้านดอลลาร์ หลังขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลกระทบจาก
อัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นในตลาดซับไพร์ม และมีแนวโน้มจะขาดทุน 930 ล้านดอลลาร์
ในไตรมาส 3 นี้ และผลการดำเนินการทั้งปีอาจขาดสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
8. เซ็นตินอล แมเนจเมนท์กรุ๊ป บริษัทจัดการลงทุนในอิลินอยส์ ประกาศระงับการไถ่
ถอนหน่วยลงทุน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐฯ พร้อมระบุว่า บริษัทมี
ความประสงค์จะคืนเงินให้กับผู้หน่วยลงทุน แต่ขณะนี้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะกระทำได้เนื่องจาก
สภาพคล่องที่หายไปจากตลาดตราสารหนี้อ้างอิงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์กลุ่มลูกค้าที่มีประวัติทาง
การเงินไม่ดี หรือ กลุ่มซับไพร์มทำให้ไม่สามารถประเมินความเสียหายจากการลงทุนได้
ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มล้มละลายและกำลังประสบปัญทางการเงินจากผลกระทบดัง
กล่าว ได้แก่
1. คันทรี่ไฟแนนเชี่ยลคอร์ป ผู้ให้บริการสินเชื่อบ้านรายใหญ่ของสหรัฐฯ มีความ
เสี่ยงต่อการล้มละลาย หากสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้อ้างอิงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯยัง
ไม่ดีขึ้น หลังเกิดวิกฤตซับไพร์ม
2. เบซิสแคปิตอลฟันด์แมเนจเมนท์ บริษัทจัดการกองทุนประกันความเสี่ยง หรือ
เฮดจ์ฟันด์ สัญชาติออสเตรเลีย แจ้งต่อผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนยิลด์ฟันด์ว่า กองทุนดังกล่าวอาจ
ขาดทุนเกินกว่า 50% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มของสหรัฐฯ
3.แคปิตอลวันไฟแนนเชี่ยลคอร์ป ผู้ให้บริการทางการเงินรายใหญ่ในสหรัฐฯ ประกาศ
ปิดกิจการกรีนพอยท์มอร์ทเกจ บริษัทสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีพนักงานถูกเลิกจ้างกว่า
1,900 คน เนื่องจากนับตั้งแต่ซื้อกิจการกรีนพอยท์ในช่วงไม่ถึง 1 ปีกรีนพอยท์ประสบผลขาดทุน
มาอย่างต่อเนื่อง
และเอชเอสบีซีโฮลดิ้งส์ เลห์แมนบราเธอร์ส และแอคเครดิตโฮมเลนเดอร์สโฮลดิ้ง ได้
ปิดกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ความเสี่ยงสูงแล้ว และทำให้มีพนักงานตก
งานรวมกันกว่า 3,700 คน
ไฟด์ลิตี้อินเวสท์เม้นท์- มอร์แกนสแตนเลย์ ขาดทุนหนักสุดรวม 3 แสนล้านดอลล์
หลังจากปัญหาตลาด สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงหรือตลาด
ซับไพร์มของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ในช่วงเกือบ
2 เดือนที่ผ่านมานี้ แม้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯไม่ว่า จะนายเบน เบอร์นันกี ผู้ว่าการ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด และนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะ
ออกมาชี้แจงว่าวิกฤตดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง เนื่องจากตลาดซับไพร์มมีสัดส่วนน้อย
มากเมื่อเทียบกับตลาดสินเชื่อกู้จำนองทั้งหมดของสหรัฐฯ และล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ
เฟดระบุว่า เฟดจะทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในตลาดเงินที่กำลังเกิดความผันผวนอย่าง
รุนแรงจากวิกฤตซับไพร์ม แต่ปัญหาก็ยังคงลุกลามมากขึ้น และยังไม่น่าวางใจ
ฝ่ายข่าวต่างประเทศ ของ eFinanceThai.com จึงได้รวบรวม รายชื่อสถาบันการ
เงินที่ต้องประสบปัญหาและขาดทุนจากการลงทุนในตลาดซับไพร์ม ซึ่งประกอบด้วย
1.แบงก์ออฟอเมริกาคอร์ป เครดิตสวิสกรุ๊ป ไฟด์ลิตี้อินเวสท์เม้นท์ และ มอร์แกนสแตน
เลย์ ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในตลาดซับไพร์มรวมกันในปีนี้ มูลค่าประมาณ 300,000
ล้านดอลลาร์ และในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว ตราสารหนี้อ้างอิงสินเชื่อหรือสินทรัพย์ หรือซีดี
โอ ที่ได้รับความเสียหายจากผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์
2.บีเอ็นพีพาริบาส์เอสเอ ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ได้ระงับการไถ่ถอนเงินลง
ทุนจากกองทุน 3 กอง มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากยังไม่สามารถจำหน่ายหุ้นกู้และ
สินทรัพย์อื่นๆในตลาดซับไพร์มสหรัฐฯ เพราะตลาดตราสารดังกล่าวอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่อง
อย่างรุนแรง
3.แบร์สเติร์นส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ประสบผลขาดทุนจำนวนมากจากธุรกิจ
กองทุนประกันความเสี่ยง หรือ เฮดจ์ฟันด์ จนทำให้ต้องปิดกองทุนเฮดจ์ฟันด์ 2 แห่งที่ลงทุน
จำนวนมากในการปล่อยกู้ตลาดซับไพร์มนั้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวแทบไม่เหลือมูลค่าแล้ว
4. มิตซูบิชิยูเอฟเจไฟแนนเชี่ยลกรุ๊ป ประสบผลขาดทุน 42.6 ล้านดอลลาร์จากการลง
ทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อตลาดซับไพร์มในสหรัฐฯ
5.เอ็นไอบีซีโฮลดิ้ง วาณิชธนกิจสัญชาติฮอลแลนด์ ขาดทุนจากการลงทุนในตลาดสิน
เชื่ออสังหาริมทรัพย์กลุ่มลูกค้าความเสี่ยงสูง หรือ ซับไพร์มสหรัฐฯ มูลค่า 137 ล้านยูโร (189
ล้านดอลลาร์) ในปีนี้
6. โฮมโลนส์กรุ๊ป ผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสัญชาติออสเตรเลีย ประสบความล้ม
เหลวในรีไฟแนนซ์เงินกู้ระยะสั้นวงเงิน 6.17 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (5 พันล้านดอลลาร์)
เนื่องจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯทำให้สถาบันการเงินขาดความเชื่อมั่นในการปล่อยสินเชื่อ
7.ธอร์นเบิร์กมอร์ทเกจ ผู้ให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ขาย
หลักทรัพย์มูลค่า 20.5 พันล้านดอลลาร์ หลังขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลกระทบจาก
อัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นในตลาดซับไพร์ม และมีแนวโน้มจะขาดทุน 930 ล้านดอลลาร์
ในไตรมาส 3 นี้ และผลการดำเนินการทั้งปีอาจขาดสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
8. เซ็นตินอล แมเนจเมนท์กรุ๊ป บริษัทจัดการลงทุนในอิลินอยส์ ประกาศระงับการไถ่
ถอนหน่วยลงทุน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐฯ พร้อมระบุว่า บริษัทมี
ความประสงค์จะคืนเงินให้กับผู้หน่วยลงทุน แต่ขณะนี้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะกระทำได้เนื่องจาก
สภาพคล่องที่หายไปจากตลาดตราสารหนี้อ้างอิงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์กลุ่มลูกค้าที่มีประวัติทาง
การเงินไม่ดี หรือ กลุ่มซับไพร์มทำให้ไม่สามารถประเมินความเสียหายจากการลงทุนได้
ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มล้มละลายและกำลังประสบปัญทางการเงินจากผลกระทบดัง
กล่าว ได้แก่
1. คันทรี่ไฟแนนเชี่ยลคอร์ป ผู้ให้บริการสินเชื่อบ้านรายใหญ่ของสหรัฐฯ มีความ
เสี่ยงต่อการล้มละลาย หากสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้อ้างอิงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯยัง
ไม่ดีขึ้น หลังเกิดวิกฤตซับไพร์ม
2. เบซิสแคปิตอลฟันด์แมเนจเมนท์ บริษัทจัดการกองทุนประกันความเสี่ยง หรือ
เฮดจ์ฟันด์ สัญชาติออสเตรเลีย แจ้งต่อผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนยิลด์ฟันด์ว่า กองทุนดังกล่าวอาจ
ขาดทุนเกินกว่า 50% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์มของสหรัฐฯ
3.แคปิตอลวันไฟแนนเชี่ยลคอร์ป ผู้ให้บริการทางการเงินรายใหญ่ในสหรัฐฯ ประกาศ
ปิดกิจการกรีนพอยท์มอร์ทเกจ บริษัทสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีพนักงานถูกเลิกจ้างกว่า
1,900 คน เนื่องจากนับตั้งแต่ซื้อกิจการกรีนพอยท์ในช่วงไม่ถึง 1 ปีกรีนพอยท์ประสบผลขาดทุน
มาอย่างต่อเนื่อง
และเอชเอสบีซีโฮลดิ้งส์ เลห์แมนบราเธอร์ส และแอคเครดิตโฮมเลนเดอร์สโฮลดิ้ง ได้
ปิดกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ความเสี่ยงสูงแล้ว และทำให้มีพนักงานตก
งานรวมกันกว่า 3,700 คน