ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ แม้จะปรับตัวลงแรงพร้อมตลาดโลก จากสภาวะวิกฤติ Sub prime ซึ่งแม้ว่าจะมีการรีบาวด์กลับบ้างแล้ว จากการผ่อนคลายดอกเบี้ยทางนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา โดยการลดอัตราดอกเบี้ยลง
แต่ยังไม่ได้เป็นบทสรุปว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงเช่นไร ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอาจมีกองทุนขนาดใหญ่ หลายกองทุน ที่จะมีการทบทวนนโยบายการลงทุน ด้วยการลดสินทรัพย์เสี่ยง อย่างเช่น เงินทุนและกองทุนที่ลงทุนใน Sub prime ซี่งอาจจะเป็นแรงขายอีกระลอกได้ รวมถึงการล้มละลายเพิ่มเติม จากกองทุนต่างๆ ที่ขาดทุนจากการลงทุนใน Sub prime
ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรจะต้องประเมินให้ดี คือการเลื่อกหุ้นลงทุน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนได้ คือการเลือกลงทุนในหุ้นที่ยังมีผลประกอบการที่มีการเติบโตสูงขึ้นทั้ง ไตรมาสต่อไตรมาส และ ปีต่อปี
โดยหุ้นเหล่านี้ จะเป็นตัวกันชน ที่ช่วยทำให้หุ้นเหล่านี้ แม้ปรับตัวลงแต่ยังสามารถดีดตัวขึ้นกลับได้ จากผลประกอบการที่ยังสามารถเติบโตขึ้นได้
ซึ่งสรุปผลประกอบการ จากบริษัทจดทะเบียนใน SET100 ในไตรมาส 2นี้ จะเห็นว่ามีหลายบริษัทมีผลการดำเนินงานดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาเกิน 30% ได้แก่ CK, GOLD, MAJOR, STEC, SSI, ITD, SCIB, RRC, KK, TPC, KEST, BANPU, LPN, LH ตามลำดับ
ส่วนหุ้นที่มีผลประกอบดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา ถึง 50% คือ GOLD, ITD, QH, MAJOR, ATC, SATTEL ,TPIPL, CK, BANPU, STA, TASCO, TCAP, KTC, EGCO, SC
ดังนั้นท่านอาจเลือกหุ้นเหล่านี้เพื่อใช้พิจารณาในการลงทุน ควบคู่กับ การดูค่า P/E และ P/B ได้ครับ
สามารถ Download จากลิ้งด้านล่างนี้ครับ
http://www.investorchart.com/index.php? ... 10&Ntype=5
ขอให้โชคดี ในการลงทุนทุกท่านครับ