อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
bmw2681
Verified User
โพสต์: 710
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมอยากถึงอัตราส่วนเงินลงทุนกับ เงินใช้จ่าย ของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เป็นเท่าไหร่กันบ้าง ส่วนของผมตอนนี้ ผมอัดลงไปในหุ้นเกือบทั้งหมด มีเหลือเป็นเงินสดสำหรับจ่ายใช้ เพียง 1 เดือนเท่านั้น แล้วผมเคยวางแผนเงินออม สำหรับลูก โดยคิดจะฝากฝนรูปแบบของสลากออมสิน โดยอดไม่ได้ที่จะคาดหวัง(เล็กๆ)ถึงโชคลาภที่อาจได้รับหากถูกรางวัล มันคงจะทำให้ผลตอบแทนจากการออม คุ้มค่ากว่าที่ธนาคารกำหนด แต่พอเห็นผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนของตัวเอง และเมื่อได้อ่านหนังสือแนว VI มากเข้า ก็เริ่มลังเลใจเกี่ยวกับแผนการออมแบบนี้ กะว่า จะถอนสลากออกมา แล้วมาลงในหุ้น โดยเป้ากะออมต่อเดือน จะเหมือนเดิม แต่แทนที่จะออมในรูปสลาก เปลี่ยนเป็นออมในตลาดหุ้นแทน เพื่อนๆ คิดว่าไงครับ รบกวนขอคำแนะนำด้วย
Every passing minute is a chance to turn it all around
http://bmw2681.wordpress.com
cwiboon
Verified User
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ ที่เหลือเงินใช้จ่ายแค่ 1 เดือน จากประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเองครับ เมื่อ ไม่กี่อาทิตย์เอง ตอนแรกเงินลงทุนผมก็อยู่ในหุ้นเกือบหมดน่ะครับ แต่เผอิญที่บ้านคุณยายเกิดอุบัติเหตุ ต้องผ่าตัด ตอนหลังเลยจำขึ้นใจเลยว่าเงินลงทุนต้องเป็นเงินที่หักค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นไว้ก่อนแล้วน่าจะปลอดภัยสุดน่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
bmw2681
Verified User
โพสต์: 710
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 3

โพสต์

cwiboon เขียน:เงินลงทุนต้องเป็นเงินที่หักค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นไว้ก่อนแล้วน่าจะปลอดภัยสุดน่ะครับ
เท่าไหร่ดีครับ 3 เดือน หรือ 6 เดือน
Every passing minute is a chance to turn it all around
http://bmw2681.wordpress.com
cwiboon
Verified User
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 4

โพสต์

bmw2681 เขียน: เท่าไหร่ดีครับ 3 เดือน หรือ 6 เดือน

คิดว่า 6 เดือนกำลังดีครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีการประกันความเสี่ยงไว้หรือเปล่าน่ะครับ อย่างกรณีเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ  ถ้ามีประกันความเสี่ยงไว้ก็ออมได้มากขึ้นระดับนึงน่ะครับ จริงๆผมประกันให้ที่บ้านทุกคนเลยครับ บังเอิญคุณยายอายุ 90 แล้ว  เลยทำไม่ได้
sunrise
Verified User
โพสต์: 2266
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมเหลือเงินสดไม่ถึง 1เดือนเลยครับ

เพราะผมมีรายได้ประจำ
ถึงเวลารายได้ก็เข้ามา

มีเงินสดเหลือ ตามสถานะ
ถ้ามีหุ้นที่สนใจก็ซื้อเก็บครับ
ถ้าไม่มีก็ถือเงินสด

แต่เงินเดือนผมพอเลี้ยงชีพได้
ก็เลยสบายหน่อย
ถ้ามีครอบครัว ผมไม่แนะนำครับ
แต่ถ้าโสด ไม่มีภาระอะไร
อยากลองดูแบบผมก็ได้ครับ

เพราะขายหุ้น 3 วันก็ได้เงินมาใช้แล้วถ้าต้องการเงินด่วน  :D
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ตามทฤษฎีที่เคยอ่านมา ต้องมีเงินสดเผื่อไว้พร้อมใช้สักหกเดือน กันตกงานด้วย

แล้วเงินที่เก็บเพิ่มจากนั้นก็เอามาลงทุนต่อให้งอกเงยต่อไป

แต่จริงๆผมก็มีเงินเหลือแค่เดือนสองเดือนเท่านั้น เพราะเผลอเอาไปซื้อหุ้นก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
smart_investor
Verified User
โพสต์: 131
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 7

โพสต์

โดยปกติผมจะเหลือเงินไว้ไม่ตำกว่า 6 เดือนครับ
เพราะเราอาจจะต้องมีการใช้เงินกรณีฉุกเฉินเช่น อุบัติเหตุ หรือ เข้าโรงพยาบาลเป็นต้น ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

และแม้ว่าเราจะสามารถขายหุ้นได้เงินมาภายใน 3 วันก็ตาม  แต่เราก็ไม่สามารถทราบอารมณ์ของนายตลาด ณ เวลานั้นได้  ซึ่งทำให้เราอาจจะต้องขายหุ้นของกิจการที่ดีไปในราคาที่ขาดทุนได้ครับ
ไม่มีใครไม่เคยขาดทุน
แต่เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต
เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 8

โพสต์

6 เดือนครับ มี พ่อแม่ ต้องดูแล เกิดอะไรขึ้นไม่ต้องขายหุ้น วิ่งไป bank เลย
ตาหมูอ้วน.
Verified User
โพสต์: 511
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 9

โพสต์

สำรองไว้เท่ากับรายจ่าย 6 เดือนครับ :)
VI ฝึกหัด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Series7
Verified User
โพสต์: 72
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 10

โพสต์

รายจ่าย 60%    :wink:   หมดไปกับค่าเทอม หนังสือ แล้ว กิน  :oops:  ... อีก 40% ออมไว้ลงทุน ตอนนี้มีนิดหน่อย...ในพอร์ตอันจิ๋ว..
Not born to be; but try to be...
sarayuth007
Verified User
โพสต์: 526
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สัดส่วนการลงทุนของผมคือ ตราสารหนี้:กองทุนรวม:หุ้น = 42:17:41  เห็นแล้วอาจดูงงๆ แต่สภาพคล่องก็ดีปานกลางเพราะว่าตราสารหนี้ได้ปันผลเกือบทุกเดือนอยู่แล้ว ส่อนกองทุนเป็นกองทุนตราสารหนี้สามารถขายหน่วยลงทุนได้เงินวันรุ่งขึ้นถ้ามีเหตุการณ์จำเป็น ส่วนหุ้นก็ได้ปันผลปีละ 1-2 ครั้งต่อปีในแต่ละตัวก็เอามาพักไว้ที่กองทุนตราสารหนี้ก่อนเพื่อให้เงินทำงานตลอดเวลา ส่วนเงินเดือนไม่ได้ใช้เลยครับเอาไปลงทุนอย่างเดียวเลย ไม่ทราบว่าอย่างที่ผมทำนี้เหมาะสมหรือไม่ครับ เพราะยังเป็นมือใหม่หัดลงทุนมา 4 ปี ครับ ชอบสะสมหุ้นทุกรูปแบบที่คิดว่ามั่นคง และไม่ยึดติดกับวัตถุครับ
When I believe in concept of Benjamin Graham.
รูปภาพ
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 12

โพสต์

[quote="sarayuth007"]สัดส่วนการลงทุนของผมคือ ตราสารหนี้:กองทุนรวม:หุ้น = 42:17:41
sarayuth007
Verified User
โพสต์: 526
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมมีอิสรภาพทางการเงิน ถ้าเป็นผมและพ่อแม่ผมคงใช่ แต่ในอนาคตคนเราก็ต้องสร้างครอบครัว แฟนผมอาจใช้ตังเก่ง ผมก็อาจกลายเป็นข้าทาสเงินในอนาคตได้ แต่ตอนนี้โสดครับเพราะเห็นสาวๆ สมัยนี้แล้วไม่ค่อยเข้าตากรรมการเลยโสดดีกว่า :ep:
When I believe in concept of Benjamin Graham.
รูปภาพ
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผมก็เผื่อไว้ประมาณ 6 เดือน ถึงแม้ว่ามีเงินเดือนประจำแต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่เราไม่ได้คาดเอาไว้เกิดขึ้นก็ได้ครับ
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
ภาพประจำตัวสมาชิก
tak8xx8
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เหลือไว้เดือนเดียว เสี่ยงเกินไปครับ อย่างน้อย 6 เดือน ไม่น่าจะน้อยกว่านี้
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
cryptonian_man
Verified User
โพสต์: 585
ผู้ติดตาม: 0

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย

โพสต์ที่ 16

โพสต์

เห็นสาวๆ สมัยนี้แล้วไม่ค่อยเข้าตากรรมการเลยโสดดีกว่า

สงสัยจะใช้หลักการ VI ในการคัดเลือกด้วยปล่าวครับ แบบว่าต้องมีอัตราการเติบโตในอนาคตที่ดี อิอิ
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
โพสต์โพสต์