เมื่อไหร่ซีเอ็ดจะกลายเป็นโชว์รูมโชว์หนังสือ

[โอ@]

ที่อเมริกา บาร์น แอนน์ โนเบิลก็ดูจะกลายเป็นโชว์รูมให้แก่ amazon.com ไปซะละ

สังเกตุดูตอนนี้งานสัปดาห์หนังสือคนแน่นมาก
เรียกได้ว่าีมีการอัดอั้นไม่ซื้อหนังสือจากร้าน ไปเอาลดราคาในงานแทน

คิดๆดูหากมี website ขายหนังสือออนไลน์ใช้โปรโมชั่นคล้ายงานสัปดาห์หนังสือ
แต่ขายตลอดเวลา ซีเอ็ดจะมีปัญหาขนาดไหนกัน

เมื่อไหร่เมืองไทยจะกลายเป็นเหมือนอเมริกากัน

[woody]

เมื่อไหร่เมืองไทยจะกลายเป็นเหมือนอเมริกากัน

เจ้าของร้านหนังสือก็คงจะตอบว่า ก็รอให้คนอ่านไทยเหมือนที่อเมริกาอยู่ด้วยมั้งครับ ฮิฮิ  

[โอ@]

จะว่าไปผมว่าเดี๋ยวนี้งานหนังสือนี่ คนเยอะขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ
คราวนี้ถ้าใครจะไปงานหนังสือไปเร็วๆหน่อยนะครับ
รถติดตรงทางเข้าศูนย์สิริกิต์ชนิดแบบ -_-'

[MisterK]

สองงานยักษ์ชนกันทุกปี   สัปดาห์หนังสือ และ งานกาชาด

ซีเอ็ดผมไปทีไรหาหนังสือที่อยากได้ไม่มีทุกที    เพราะร้านเขาขนาดเล็กและเน้นแต่หนังสือขายดีใหม่ ๆ มั้ง     เวลาผมนึกจะหาหนังสือนี่ต้องไปหาจากศูนย์หนังสือจุฬาเป็นหลัก    ซีเอ็ดกลับไม่ค่อยได้ซื้อแฮะ  

แต่ซื้อเยอะสุดก็เป็นในงานสัปดาห์หนังสืออยู่ดี  

[phobenius]

จัดวันไหนครับผม งานหนังสือ

[โอ@]

30 มีนาคม (17:00- 21:00 น.) 31 มีนาคม - 10 เมษายน 2550 (10:00 – 21:00 น.) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นี่ครับ
แต่ว่าวันแรกคาดว่าสมเด็จพระเทพท่านเสด็จเยี่ยมชมเป็นประจำ

ถ้าจะไปแนะนำ 31-10 ครับไปเช้าๆนะครับ

[tattoo_thai]

เว็ปศูนย์หนังสือจุฬาลด 10-20 % ครับ

[sunrise]

อยากไปจัง

ไม่รู้จะได้ไปเปล่า :lol:

[yoyo]

วันนี้ผมปล่อยไก่ ... นึกว่ามีงานหนังสือวันนี้เลยแวะไปดู
เข้าไปยังสงสัยเลยทำไมคนน้อยจัง ...  :oops:

[Reminiscence of 3 Dogs]

ดีใจจังที่มีคนอ่านนิทานเรื่อง Barnes&Noble
นึกว่าจะไม่มีคนอ่านซะแล้ว  :P
ตอนนี้Se-ed ก็ทำเวปขาย online เองแล้ว
ได้ราคาลด5-10%จากซื้อที่ร้าน
ประเด็นหลักน่าจะเหลือแค่

1.จะจัดทำระบบจัดซื้อ,logistic ให้เหลือกำไรมากพอที่จะเอา
มาขายได้ราคาลดกระหน่ำ แบบที่ amazon, half.com เขาทำที่ 20-40%
จะกระตุ้นยอดขายได้มากและกันคู่แข่งเข้ามาสู้ได้สนิท

2. Se-ed ต้องลองกล้าที่จะทำระบบมือสอง online แล้วเก็บค่า fee
ผู้ขาย ผู้ซื้อ ช่วงแรกๆจะติดๆขัดๆ เพราะสภาพคล่องจะน้อย
คนยังไม่มาร่วมมากพอ  ก็คงต้องโปรโมทโฆษณาหนักๆ
หรือจัด campaign เสริม กระตุ้นยอด second handเทรด
นิยายที่ตกสมัยไปแล้ว แบบพวกที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว
ก็เอามาร่วมทำโปรโมชั่น 60-70% discount ก็ได้
ดีกว่าเก็บไว้ให้เน่าคา stock  :P

3. นำเสนอหนังสือให้หลากหลายกว่านี้
อาจปรับบางสาขาเป็น Academic se-ed เป็น text หนังสือเรียนทั้งร้าน
แล้วทำระบบonline ขายหนังสือเรียนให้ครอบคลุมไปด้วย
ถ้าทำลดจากปกได้ 20%up น่าจะกระตุ้นยอดขายได้มากทีเดียว
สำหรับคนที่เบื่อต้องมาไล่หาซื้อ text แต่ละเล่มในร้านหลายๆร้าน
บางทีก็หาไม่ได้  ต้องสั่งจากเมืองนอก

4. amazon มีระบบ discounted magazine ที่ amazing มาก
ถ้าจองนิตยสาร online ราย6เดือนหรือ1ปี
ราคาลดจากปก 70-80%  :shock:
แต่ดูเหมือน se-ed ตอนนี้จะยืนอยู่คนละฝั่งกับผู้ขายนิตยสารซะแล้ว  :?
ข้อนี้คงทำไม่ได้

5.จริงๆ ผู้ซื้อหนังสือ80% ของยอดขายมา
จากในเฉพาะกรุงเทพหรือเปล่าไม่แน่ใจ
ทำโปรโมชั่นเสริมแบบ Barnes&noble online ก็ได้
ที่จะจัดส่งใน Manhattan ภายใน1วันหลังสั่งซื้อ
เช่นสั่งวันอังคารตอน6โมงเย็นวันรุ่งขึ้นบ่ายๆมาถึง
ถ้ามีโปรโมชั่นจัดส่ง1วันในกรุงเทพ
ก็น่าจะกระตุ้นให้คนมาสั่งทางwebได้มากขึ้นอีก

มีอะไรที่คิดว่าเพิ่มเติมน่าทำอีกไหมครับ
ประเด็นหลักคือต้องเป็น cost leadership
กับ นำเสนอให้หลากหลายที่สุด
เท่านั้นเอง

[โอ@]

ศูนย์หนังสือจุฬาเนี่ย ใครอยากซื้อพวกหนังสือเรียน text ต่างประเทศ ต้องไปนี่เลย

ใครอยากซื้อหนังสือลดเยอะๆ ก็ไปงานสัปดาห์หนังสือ หรือไม่ก็มาศูนย์หนังสือจุฬา

SE-ED เองก็คงขายความสะดวกสบายในการซื้อหนังสือที่มีอยู่ทั่วไป

แต่ถ้า SE-ED ไม่ปรับตัว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีร้านหนังสือทำระบบออนไลน์ที่ส่งหนังสือได้ภายในหนึ่งวัน และมีส่วนลด 20% up SE-ED ปวดหัวแน่ครับ

[BHT]

ซีเอ็ด มีบริการสั่งหนังสือต่างประเทศเช่นกันครับ เหมือนของศูนย์หนังสือจุฬา ไปขอสั่งได้เลย ถ้าสั่งเยอะๆ ต่อเล่มก็ถูกลง

ส่วนการลดราคา ผมว่าศูนย์หนังสือจุฬาลดมากกว่านะ แค่ซื้อเกิน 700 ถ้าจำไม่ผิด ก็ลดแล้ว เทศกาลอะไรต่างๆก็ลดอีก

แต่ที่สังเกตได้คือ งานหนังสือมักเอาหนังสือที่ไม่ฮิตมาลด เพราะเอามาเลหลัง ของดีๆดังๆ ไม่ค่อยเอามากัน แต่ก็บางบูธนะ

[Reminiscence of 3 Dogs]

เพิ่มเติมครับ หนังสือยอดฮิตกับเจ้า half.com
จะขายในราคาbeat the market อย่างแรง
ขายเหมือนแจกฟรีเลย  ลองดูได้ตาม link ครับ
Lord of The Rings 2003 Edition
Best Price: $0.75
List Price: $20.00 (Save 96%)
http://product.half.ebay.com/Lord-of-th ... prZ2445501

Harry Potter Hard Cover เล่มละ1-2$
http://search.half.ebay.com/harry-potter_W0QQmZbooks

Official Guide to the New Toefl Ibt With Cd-rom (Paperback, 2006)
Best Price: $23.61
List Price: $34.95 (Save 32%)
พึ่งออกเลยลดแค่ 32%

หลายท่านคงคุ้นๆเล่มนี้ ช่วงนั้นแพงมากไม่มีใครซื้อ ใช้แค่ครึ่งเทอม
มีแต่ส่งต่อกันเป็นทอดๆ มาวันนี้เจ้า half กดเหลือไม่ถึง30บาท
http://product.half.ebay.com/Engineerin ... 8QQtgZinfo

ลองเล่นกันดูครับ ราคาแต่ละเล่ม ได้ใจมาก

ถ้า Se-ed มีการเอาของเก่าๆที่ยังไงก็ต้องตัด Stock ทิ้งอยู่แล้ว
หรือของตก Edition
มาโละขายเหลือเล่มละ20-30บาท
ก็น่าจะคุ้มกว่าปล่อยให้เน่าคา Stock ไปนะครับ

[chod29]

ถ้าสั่งจาก web พวกนี้ เขาคิดค่าส่งมาเมืองไทยเท่าไรครับ
สมมติว่าสั่งซัก 2-3 เล่มอย่างนี้

[jaychou]

ในเมืองไทย AR เคยทำร้านหนังสือออนไลน์ แต่เจ๊งไปนี่ครับ

[NinjaTurtle]

พฤติกรรมการซื้อหนังสือของคนไทยยังไม่เปลี่ยนนะครับ ขายหนังสือ online ที่AR เคยทำเลยไม่ประสพความสำเร็จเท่าไหร่

ถ้าจะให้ขายดีเหมือน Amazon ต้องมีระบบพื้นฐานอันอื่นพร้อม เช่น ระบบส่งหนังสือ(UPS Fedex) ที่รวดเร็วครบคลุม ไม่แพงกว่าร้าน(จริงๆแล้วต้องถูกกว่าด้วย ค่าหนังสือ+ค่าส่ง)

อุปสรรคอีกอันคือการชำระเงิน ถ้าให้ไปโอนเงินก่อนก็ไม่เอาขี้เกียจ คนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าใช้บัตรเครดิตซื้อของonline แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนมีบัตรเครดิตได้ง่ายๆ

ปัจจัยที่ทำให้ Amazon ประสบความสำเร็จมีสองเรื่องก็คือความหลากหลายของหนังสือ เก่าใหม่มีหมด ไม่มีรอสั่งได้หมด และราคาก็เป็นแรงจูงใจให้หันคนส่วนใหญ่กล้าซื้อ online ด้วย

ที่ US ราคาหนังสือของ Amazon อาจจะถูกกว่าBN หรือ Border อยู่ 10-40% ถ้าเล่มไหนไม่ได้ลดมากรวมค่าส่งแล้วอาจจะถูกกว่าไม่มาก แต่ว่าการสั่งซื้อสินค้าข้ามรัฐไม่ต้องเสีย VAT ครับ บางรัฐลูกค้าประหยัดไปได้ 6-10% ถ้าซื้อ Text book เล่มละ 60-80เหรียญ นั่นประหยัดเงินไปได้4-6เหรียญเลยนะครับ ถูกกว่าอาจจะช้าหน่อยนักเรียนจนๆอย่างผมก็ซื้อละครับ แล้วก็รู้เลยว่ามีของไหม ซื้อด้วยเครดิตการ์ดแรกๆอาจจะกังวลบ้างอีกหน่อยก็ชิน เลิกกลัวแล้ว

[MisterK]

ผมคิดว่า E-Commerce เมืองไทยตอนนี้น่าจะเริ่มก้าวได้แล้ว   สมัยก่อนทำกันเร็วไปหน่อย

เหตุผลคือ เมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว   ฐานคนใช้ internet มีแต่นักเรียน  นักศึกษา  ซึ่งไม่มีกำลังซื้อและไม่มีบัตรเครดิต   ทำให้การสั่งซื้อต่าง ๆ ยุ่งยากมาก    แต่คนเหล่านั้นตอนนี้ก็เข้าสู่วัยทำงานกันหมดแล้ว    ฐานคนเล่น net จึงน่าจะเลื่อนมาเป็นกลุ่มวัยทำงาน    และจะเพิ่มฐานอายุคนเล่นขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่าน    ประกอบกับเน็ตเริ่มเป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยมากขึ้น   คนทุกช่วงอายุมีโอกาสได้เล่นแล้ว (แต่ก่อนเน็ตแพงงงงง  เพราะผูกขาดโดยกสท.  ตามบ้านแทบไม่ได้เล่นกัน)     ADSL ก็ใช้กันเยอะ     โอกาสขาย online น่าจะดีกว่าแต่ก่อนมาก

[Reminiscence of 3 Dogs]

ถ้าสั่งจาก web พวกนี้ เขาคิดค่าส่งมาเมืองไทยเท่าไรครับ
สมมติว่าสั่งซัก 2-3 เล่มอย่างนี้

ลองกดดูแล้ว half ส่งแต่ในUS
แต่Amazon ส่งได้หมด หนังสือราคา40$ ค่าส่งมาเมืองไทย 11.98$
พอส่งมา3เล่มราคารวม84.30$ ค่าส่ง21.98$
พอสั่ง6เล่ม 138.69$ ค่าส่ง 36.93$
ดูเหมือนค่าส่งจะคิดเป็น%ราคาหนังสือเลยหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ

[Jangster]

คิดว่าคงยากที่จะเห็นว่าคนไทยไปอ่านหนังสือเหมือนกับ B&N ในอเมริกา เพราะคนไทยไม่ค่อยรักษาหนังสือเวลาอ่าน.... ผมเห็นบางคนนี่ถือน้ำไปในร้านทำหกเลอะเทอะก็มี.... ระบบการใช้บัตรเครดิตของคนไทยก็คงไม่เหมือนกับที่อเมริกา ที่บางทีของที่ต้องการอาจอยู่ใกลบ้าน.... เมืองไทยกำลังซื้อรายย่อยส่วนมากกระจุกอยู่แค่กรุงเทพกับเมืองใหญ่ๆ ซึ่งสามารถนั่งรถไปซื้อกลับบ้านได้ทันที

นอกจากนี้แล้ว ผมว่าคนไทยยังยึดติดกับการจับต้องของด้วยครับ... เหมือนเคยอ่านวิจัยว่าคนส่วนมากชอบหยิบจับหรือลองก่อนซื้อครับ

[humdrum]

เฟรนไชส์หนังสือ
คนทำขายหนังสือให้คนอ่าน
คนอ่านไปหาโฆษณา
ต่างคนต่างหา
ต่างคนต่างพิมพ์
ต่างคนต่างขาย

[MarginofSafety]

ถ้าการซื้อหนังสือ online จะบูมในไทย
ผู้ประกอบการที่น่าจะประสบความสำเร็จ
ก็น่าจะเป็นซีเอ็ดอยู่ดี

ที่สำคัญเมืองไทยไม่ใช่กรุงเทพ
คนต่างจังหวัดคงไม่รองานหนังสือเพื่อที่จะซื้อหนังสือ
หรือเข้ามาซื้อหนังสือที่ศูนย์หนังสือจุฬา
ผมคิดว่างั้นนะ ...  

[jaychou]

สภาพภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของไทยกับอเมริกามันผิดกันนะครับ อย่างอเมริกา ถ้าไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ จะไปทำอะไรนิดเดียวก็ต้องโทรถาม เปิดแผนที่ แล้วก็ขับรถไปไกล ถ้าเป็นฤดูหนาว ก็ลำบาก เรื่อง online หรือ e-commerce ก็เลยเป็นที่นิยมมากกว่าไปที่ร้าน

ในประเทศไทย ส่วนที่ห่างไกลจริงๆก็คือชนบท ที่ยังไม่มีกำลังซื้ออย่างมีนัยสำคัญ นอกนั้นก็น่าจะหาร้านหนังสือได้ไม่ยาก SE-ED ก็มีสาขาเยอะอยู่ เรื่อง online ผมยังไม่คิดว่าจะโดดเด่นได้เท่า amazon ครับ

เรื่องการเปรียบประเทศไทยกับอเมริกา ผมว่าทำให้ได้ภาพที่ผิดไปเยอะครับ อเมริกานั่นบนทวีปอเมริกาเหนือ เค้ามี 4 timezone นะครับ เปรียบไทยกับรัฐสักแห่งของอเมริกาก็พอมั้ง

[Reminiscence of 3 Dogs]

ถ้าการซื้อหนังสือ online จะบูมในไทย
ผู้ประกอบการที่น่าจะประสบความสำเร็จ
ก็น่าจะเป็นซีเอ็ดอยู่ดี

amazon บุกไปหลายๆประเทศที่เจริญแล้วเช่น UK Japan
แต่เมืองไทยคงไม่ได้อยู่ในเป้าหมายของเขาครับ
ยิ่งยุคมีสาระขันครองเมืองธุรกิจเดิมเหมือนมี Barrier ขนาดใหญ่
ช่วยกันการบุกจากต่างชาติ  :P
Se-ed น่าจะยังปลอดภัย

[MarginofSafety]

amazon บุกไปหลายๆประเทศที่เจริญแล้วเช่น UK Japan
แต่เมืองไทยคงไม่ได้อยู่ในเป้าหมายของเขาครับ
ยิ่งยุคมีสาระขันครองเมืองธุรกิจเดิมเหมือนมี Barrier ขนาดใหญ่
ช่วยกันการบุกจากต่างชาติ

[Reminiscence of 3 Dogs]

เปรียบไทยกับรัฐสักแห่งของอเมริกาก็พอมั้ง

พูดถึงเรื่องเทียบลองเข้า web Barnes&Noble ดูเหมือนจะเน้นฐานหลัก
ใน New York โดยpromote ส่งใน1วันในเขต Manhattan
น่าจะพอเทียบกับเมืองไทยกับกรุงเทพได้นะ
คือดูแล้วใน NY ร้านหนังสือก็อยู่ใกล้ๆ ก็ยังซื้อ online กันอยู่ดีเพราะถูกกว่า

[Reminiscence of 3 Dogs]

เอา web มาฝากครับ
http://www.amazon.co.jp/

[MarginofSafety]

เอา web มาฝากครับ
http://www.amazon.co.jp/

อ้อ... ทำ web ภาษาญี่ปุ่นนี่เอง
คุณ 3 dogs รู้เรื่อง Amazon เยอะจังนะครับ
มีหุ้น Amazon หรือเปล่าเนี่ย...   :lovl:

[โอ@]

ถ้าขายถูกกว่าร้าน 10% แล้วรอวันนึงจัดส่งทันที
คนที่ซื้อหนังสือกันทีเป็นพันๆ บาท รอหนึ่งวันได้ถูกกว่าร้อยนึง
ผมว่าคนรอเยอะเลยทีเดียวแหละ

เข้าไปดู se-ed.com แล้วสับสน
เจ้าของ se-ed ทั้งหลายครับ ผมไม่รู้ว่าเว็ปนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อขายหนังสือ
หรือว่าเพื่อขายโฆษณาครับ
ถ้าตั้งใจเอากำไรจากการขายหนังสือ จะเอา banner มาใส่ทำไม
มันรกหูรกตาจริงๆเลย แว๊ปไปแว๊ปมา

ดู amazon yahoo ebay มีทีไ่หนเขาใส่ banner แบบเคลื่อนไหวได้กันหน้าแรกบ้างเนี่ย

[โอ@]

โอ๊ะ เข้าผิดเว็ป ดันไปลืมกดเข้า eShop ของ SE-ED
พอกดเข้า eShop SE-ED ด้วย firefox ดูแล้วใช้ยากเลยครบ ต้อง scroll ด้านข้างด้วย

ผมว่าคนสร้างเว็ปบ้านเรายังเขียนเว็ปได้ไม่ดีพอครับ
บางที่ก็ดูรกๆ
บางที่ก็ใช้ browser ดูได้ไม่ครบ

ปล.ผมว่า Thaivi นี่แหละ ดูออกแบบได้ตรงจุดประสงค์สุดเลย

[Reminiscence of 3 Dogs]

อะเหอ ผมไม่กล้าซื้อนะครับเจ้า amazon PEสูงมาก
ถ้าวันนึงเกิดอยากเทรดที่ PE ลดลงครึ่งนึง ผมก็ไม่เห็นเหตุคัดค้าน
ได้เลยว่าทำไมมันจะลงไม่ได้
จริงๆจะให้ลงเหลือ 1/4 ผมก็ยังว่ามีเหตุผลเลย
เลยขอผ่าน  หุ้นที่จะซื้อใน NYSE ขอ PE ต่ำ20ไว้ก่อนครับ
จะยกเว้นให้ บริษัทยา ไม่ก็บริษัทที่เป็น trendsettler
ที่พึ่งเริ่มช่วงต้นของการเปลี่ยน trend ที่หุ้นยังไม่ขึ้นไปมาก

จุดอ่อนของ web se-ed เท่าที่เคยสั่งของ1ครั้งคือ
มี search engine ที่ใช้หาหนังสือที่บอกตามตรงว่า "อ่อนมาก"
หาหนังสือ The intelligent investor ไม่เจอ
ต้องพิมพ์เป็นภาษาไทยว่า เดอะอินเทลลิเจนท์อินเวสเตอร์
พิมพ์อยู่8ครั้งกว่าจะพิมพ์ได้ตรงกับที่ชื่อภาษาไทยที่ se-ed ใช้
ทำไมเพียงกดหาแค่คำว่า Investor
หนังสือหมวดการลงทุนก็ควรจะดาหน้ากันขึ้นมาแล้ว
ไม่ต้องให้พิมพ์ถูกเป๊ะๆ 100% ถึงจะ search หาเจอ

อีกเล่มคือ เศรษฐวิบัติ   พิมพ์คำว่า economic  หาไม่เจอ
พิมพ์ paul krugman หาไม่เจอ พิมพ์คำว่า เศรษฐศาสตร์ หาไม่เจอ
พิมพ์ depression economic ไม่เจอ
(ตกตัว S ไปที่คำว่า economics)และไม่ตรงเป๊ะๆกับชื่อหนังสือ
The Return of Depression Economics

สรุปคือเป็น search engine ที่ง่อยมาก
และขาดความ flexible ในการ search เป็นอย่างยิ่ง
เหมือน search engine ของ hunsa, siam2you ครั้งโบราณ
ที่หาอะไรก็ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่
ต้องปรับปรุงด่วน
เรื่อง interface หน้าแรกของ web ก็รกพอสมควร
แต่ไม่เป็นไรมากถ้า searchหาของได้เร็วครับ