ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 1
ทำไม3-4 วันนี้ที่นี่ มีแต่การพูดคุยว่าคนนั้นควรรับผิดชอบแบบนั้น คนนั้นควรลาออก ต้องหาคนมารับผิดชอบ แทนที่จะมาให้มุมมองด้วยเหตุผลเช่นเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้แล้วตลาดควรเป็นอย่างไรด้วยเหตุผลอย่างไร หรือหุ้นตัวนั้นมีผลดีอย่างไร หุ้นตัวนี้มีผลร้ายอย่างไร ปรับเป้าหมายกำไรเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงอย่างไร หลังจากที่ปรับกำไรใหม่ ณ ราคาตอนนี้มองว่าแพงเกินไป ควรมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยมากกว่านี้ (Margin of safety) อะไรก็ว่ากันไป มันควรเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
การที่จะเป็นนักลงทุนแนว vi ควรปรับเปลียนมุมตามมูลค่าพื้นฐานของหุ้น โดยเอาข้อมูลที่เก็บได้คิดอย่างมีเหตุผลและหลักการ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ในการคิดและตัดสินใจ (นายตลาด)
หลายกระทู้ที่ผมอ่านตอนนี้ดูเหมือนเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อนแรง คำพูดเสียดสี
หรือมันไม่เกี่ยวกับ vi เลย ก็ขอโทษด้วย ยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ
การที่จะเป็นนักลงทุนแนว vi ควรปรับเปลียนมุมตามมูลค่าพื้นฐานของหุ้น โดยเอาข้อมูลที่เก็บได้คิดอย่างมีเหตุผลและหลักการ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ในการคิดและตัดสินใจ (นายตลาด)
หลายกระทู้ที่ผมอ่านตอนนี้ดูเหมือนเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อนแรง คำพูดเสียดสี
หรือมันไม่เกี่ยวกับ vi เลย ก็ขอโทษด้วย ยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 2
ที่พูดนี่ ก็เพียงแต่อยากเห็นมุมมองที่เป็นเซียนๆ VI ที่ผมเคยอ่านมาตลอดหลายเดือน ทำให้ผมมีมุมมองกับหุ้นหลายๆตัวได้ดีมาก และมองเห็นอนาคตของหุ้นหลายๆตัวที่ผมไม่เคยมอง และก็เข้าลงทุนหลังจากได้อ่านความคิดเห็นและมุมของเซียนๆทั้งหลาย
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 3
คุณค่าของสิ่งต่างๆเกิดจากการเปรียบเทียบครับ ที่รู้ว่าสูงเพราะมี่อันที่ต่ำกว่า ที่รู้ว่ายาวเพราะมีอันที่สั้นกว่า ที่รู้ว่ามีค่าเพราะมีคนยอมรับ ถ้าหุ้นไทยไม่มีใครสนใจก็ไม่มีค่า ยกเว้นซื้อขายกันเอง ตอนนี้ยังเป็นไปไม่ได้ อนาคตยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เพราะต้องอิงกับต่างชาติ ผมคิดได้แค่นี้
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
-
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 5
ผมเห็นในเวปนี้ และที่พันทิพ ออกมา ต่อว่าเรื่องนโยบายนี้กันมาก ผมก็แปลกใจเล็กน้อยครับ โดยเฉพาะในเวป Thaivi หากว่า อ่านหนังสือ พวก investment มันก็มีความเสี่ยง จำแนกได้ดังนี้
1. risk free rate รู้ๆกันอยู่
แต่อันต่อมานี่สิ ที่แตกย่อยได้ 5ข้อ มันเป็น ปัจจัยที่เรา ต้องใส่ input เข้าไป เพื่อ มองหา out put ที่เหมาะกับตัวเอง
2.risk premium
2.1 business risk
2.2 Financial Risk
2.3 Liquidity Risk
2.4 Exchange Rate Risk
2.5 Country (Political) Risk
หรือว่ามี Systematic risk and Unsystematic risk
ความเสี่ยงตรงนี้ มันเกิดขึ้นโดยที่เราคาดการไม่ได้ เหมือน กับ สึนามิ เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์
ผมว่าแทนที่จะมา ต่อว่า โวยวาย สู้ เอาความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เป็น input ใหม่ เพราะว่า ข้อมูลการประเมิน มันเปลี่ยนไปแล้ว เพื่อ หา output แต่ละคน ออกมาดีกว่า ว่าจะยังไง
หากว่า มองว่าเสี่ยงมาก ก็ ไม่ต้องมาซื้อหุ้น ยังมี การลงทุนแบบอื่นอีกเยอะครับ พันธบัตรก็มี ฝากธนาคารก็ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องมาซื้อหุ้น หรือว่า รับกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาได้ ก็ซื้อหุ้นต่อ แต่อาจจะต่อราคาก็ว่ากันไป
ตลาดหุ้น เปิดตลอดครับ จนกว่า ไม่มีคำว่าทุนนิยม โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อว่า ต่างชาติ จะไปแล้วไปลับ คำพูด บางอย่างของพวกต่างชาติ เชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ผมอยากรู้เหมือนกัน หากว่าต่างชาติ ขายตลอด จนราคา ptt @ 100 dividend =12 บาท เป็นต้น จะไม่มีต่างชาติ เข้ามาชื้อหุ้นกันอีกรอบ
ปล ความเห็นส่วนตัวครับ
1. risk free rate รู้ๆกันอยู่
แต่อันต่อมานี่สิ ที่แตกย่อยได้ 5ข้อ มันเป็น ปัจจัยที่เรา ต้องใส่ input เข้าไป เพื่อ มองหา out put ที่เหมาะกับตัวเอง
2.risk premium
2.1 business risk
2.2 Financial Risk
2.3 Liquidity Risk
2.4 Exchange Rate Risk
2.5 Country (Political) Risk
หรือว่ามี Systematic risk and Unsystematic risk
ความเสี่ยงตรงนี้ มันเกิดขึ้นโดยที่เราคาดการไม่ได้ เหมือน กับ สึนามิ เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์
ผมว่าแทนที่จะมา ต่อว่า โวยวาย สู้ เอาความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เป็น input ใหม่ เพราะว่า ข้อมูลการประเมิน มันเปลี่ยนไปแล้ว เพื่อ หา output แต่ละคน ออกมาดีกว่า ว่าจะยังไง
หากว่า มองว่าเสี่ยงมาก ก็ ไม่ต้องมาซื้อหุ้น ยังมี การลงทุนแบบอื่นอีกเยอะครับ พันธบัตรก็มี ฝากธนาคารก็ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องมาซื้อหุ้น หรือว่า รับกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาได้ ก็ซื้อหุ้นต่อ แต่อาจจะต่อราคาก็ว่ากันไป
ตลาดหุ้น เปิดตลอดครับ จนกว่า ไม่มีคำว่าทุนนิยม โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อว่า ต่างชาติ จะไปแล้วไปลับ คำพูด บางอย่างของพวกต่างชาติ เชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ผมอยากรู้เหมือนกัน หากว่าต่างชาติ ขายตลอด จนราคา ptt @ 100 dividend =12 บาท เป็นต้น จะไม่มีต่างชาติ เข้ามาชื้อหุ้นกันอีกรอบ
ปล ความเห็นส่วนตัวครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 6
คนเราอยู่กับหุ้นทั้งชีวิตไม่ได้หรอกครับ มันก็ต้องมีพูดคุยเรื่องอื่นตามกระแสกันบ้าง ไม่งั้นชีวิตน่าเบื่อไป การคุยเรื่องที่ไม่ใช่หุ้นบ้าง ไปคุยเรื่องอื่นกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
อีกอย่าง เรื่องจะให้ออกหรือไม่ออกนั้น ผมว่ามีผลกระทบต่อพื้นฐานประเทศด้วย ถ้ามีหุ้นตัวนึงผู้บริหารไม่ไหวเอาซะเลย ในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ผมก็อยากให้เค้าออก แม้จะเป็นเสียงเล็กๆที่ไม่มีพลัง แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนเค้ารู้ว่ามีคนไม่พอใจอยู่นะ อย่างน้อยถ้าไม่ออก ก็จะได้ปรับปรุงตัวซะบ้าง คิดถึงตัวเองซะบ้าง ว่าที่คนเค้าไม่ชอบเรา เรามีอะไรที่ควรต้องปรับ หุ้นประเทศไทยก็เหมือนกัน คนไทยทุกคนก็เป็นเหมือนกับผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ตอนนี้ผู้บริหารประเทศไทยกำลังมีปัญหา ผู้ถือหุ้นไม่ชอบ ก็ไม่แปลกอะไรที่จะออกมาแสดงความเห็นกัน
นานาจิตตังครับ
อีกอย่าง เรื่องจะให้ออกหรือไม่ออกนั้น ผมว่ามีผลกระทบต่อพื้นฐานประเทศด้วย ถ้ามีหุ้นตัวนึงผู้บริหารไม่ไหวเอาซะเลย ในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ผมก็อยากให้เค้าออก แม้จะเป็นเสียงเล็กๆที่ไม่มีพลัง แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนเค้ารู้ว่ามีคนไม่พอใจอยู่นะ อย่างน้อยถ้าไม่ออก ก็จะได้ปรับปรุงตัวซะบ้าง คิดถึงตัวเองซะบ้าง ว่าที่คนเค้าไม่ชอบเรา เรามีอะไรที่ควรต้องปรับ หุ้นประเทศไทยก็เหมือนกัน คนไทยทุกคนก็เป็นเหมือนกับผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ตอนนี้ผู้บริหารประเทศไทยกำลังมีปัญหา ผู้ถือหุ้นไม่ชอบ ก็ไม่แปลกอะไรที่จะออกมาแสดงความเห็นกัน
นานาจิตตังครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 7
ผมว่าที่พี่ๆน้องๆเขาคุยกันเรื่องคนโน้นคนนี้ทำถูกทำผิดก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้ดูพื้นฐานของการลงทุนซักหน่อย
แต่อย่างว่าครับ ความคิดเห็นมีมากมายหลายทางให้เราคิด....
ผมขอยกเอาทฤษณีของนักพนันบทหนึ่งที่อยู่ในหนังสือหลักการพนันของคุณสุมาอี้มาอ้างนะครับ นั่นคือ...
"ทฤษฎีรอยเท้าคนเมา" ถึงแม้นรอยเท้าย่ำไม่ซ้ำกัน แต่จุดมุ่งหมายปลายทางก็เหมือนกันได้ อุปมาอุปมัยกับแนวความคิดในเรื่องนี้ได้ว่า
"ถึงแม้นพี่-น้องมีแนวคิดไม่ตรงกันในบางเรื่อง คุยออกนอกเส้นทางในบางครั้ง แต่จุดหมายปลายทางเดียวก็อยู่ที่เดียวกันคือ "การได้เป็นนักลงทุนที่ดี ได้ลงทุนอย่างมีหลักเกณฑ์และเหตุผล ไม่ตกเป็นแมลงเม่า ให้ใครเขาได้หลอกใช้ครับ"
แต่อย่างว่าครับ ความคิดเห็นมีมากมายหลายทางให้เราคิด....
ผมขอยกเอาทฤษณีของนักพนันบทหนึ่งที่อยู่ในหนังสือหลักการพนันของคุณสุมาอี้มาอ้างนะครับ นั่นคือ...
"ทฤษฎีรอยเท้าคนเมา" ถึงแม้นรอยเท้าย่ำไม่ซ้ำกัน แต่จุดมุ่งหมายปลายทางก็เหมือนกันได้ อุปมาอุปมัยกับแนวความคิดในเรื่องนี้ได้ว่า
"ถึงแม้นพี่-น้องมีแนวคิดไม่ตรงกันในบางเรื่อง คุยออกนอกเส้นทางในบางครั้ง แต่จุดหมายปลายทางเดียวก็อยู่ที่เดียวกันคือ "การได้เป็นนักลงทุนที่ดี ได้ลงทุนอย่างมีหลักเกณฑ์และเหตุผล ไม่ตกเป็นแมลงเม่า ให้ใครเขาได้หลอกใช้ครับ"
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 8
กรุณามองอะไรอย่างโลกในความเป็นจริง 19-Dec-06เป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติ คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่บรรลุอรหันต์ -- ย่อมมีอารมณ์+ขาดทุน เป็นธรรมดา
1. มูลค่าพื้นฐานของหุ้นเกิดจากการ"คาดหวัง" ความสามารถการทำเงินของบริษัทในอนาคต ( สนับสนุนด้วยวิธี DCF, PE, ความโลภ ...) ภายใต้เงื่อนไขที่คาดการได้ !!!
--มันไม่มี absolute value-- เหมือนทองบาทหนัก15.2กรัม
2. ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่นอกการคาดคะเน เช่น เมืองไทยจะอยู่ใต้การปกครองของทหารไปอีก 3-4ปี .... พวกเราVI มิต้องปรับ " Safety Margin" ระวิงหรือ??
3. ระบบเศรษฐกิจต้องมีความยุติธรรมต่อทุกคน มิใช่ใช้วิธีโจร ตีหัวเข้าบ้าน เหมือนที่ประกาศเมื่อวันก่อน
สมมุติว่า คุณลงทุนในบริษัทหนึ่งตามหลักVI แล้วปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไปมาก ภายใน9เดือน แต่คุณต้องทนถือต่ออีก 3เดือน จนขาดทุนมหาศาลหรือเปล่า??? หลักปฏิบัติของVIในกรณีนี้ควรเป็นอย่างไร ทุกคนคงรู้ดี
4. นักลงทุนที่ดีควรมองในวันนี้ และอนาคตว่าจะทำอย่างไรต่อไป อดีตหรือเมื่อวานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและทำเงินให้พวกเราได้
1. มูลค่าพื้นฐานของหุ้นเกิดจากการ"คาดหวัง" ความสามารถการทำเงินของบริษัทในอนาคต ( สนับสนุนด้วยวิธี DCF, PE, ความโลภ ...) ภายใต้เงื่อนไขที่คาดการได้ !!!
--มันไม่มี absolute value-- เหมือนทองบาทหนัก15.2กรัม
2. ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่นอกการคาดคะเน เช่น เมืองไทยจะอยู่ใต้การปกครองของทหารไปอีก 3-4ปี .... พวกเราVI มิต้องปรับ " Safety Margin" ระวิงหรือ??
3. ระบบเศรษฐกิจต้องมีความยุติธรรมต่อทุกคน มิใช่ใช้วิธีโจร ตีหัวเข้าบ้าน เหมือนที่ประกาศเมื่อวันก่อน
สมมุติว่า คุณลงทุนในบริษัทหนึ่งตามหลักVI แล้วปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไปมาก ภายใน9เดือน แต่คุณต้องทนถือต่ออีก 3เดือน จนขาดทุนมหาศาลหรือเปล่า??? หลักปฏิบัติของVIในกรณีนี้ควรเป็นอย่างไร ทุกคนคงรู้ดี
4. นักลงทุนที่ดีควรมองในวันนี้ และอนาคตว่าจะทำอย่างไรต่อไป อดีตหรือเมื่อวานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและทำเงินให้พวกเราได้
-
- Verified User
- โพสต์: 697
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 9
เห็นด้วย ถ้าเป็นเรืองส่วนตัวหากว่า มองว่าเสี่ยงมาก ก็ ไม่ต้องมาซื้อหุ้น ยังมี การลงทุนแบบอื่นอีกเยอะครับ พันธบัตรก็มี ฝากธนาคารก็ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องมาซื้อหุ้น หรือว่า รับกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาได้ ก็ซื้อหุ้นต่อ แต่อาจจะต่อราคาก็ว่ากันไป
แต่ส่วนรวม ของประเทศชาติต้องโวยวาย
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 10
8) 8) 8) 8) 8)leksmile เขียน:ทำไม3-4 วันนี้ที่นี่ มีแต่การพูดคุยว่าคนนั้นควรรับผิดชอบแบบนั้น คนนั้นควรลาออก ต้องหาคนมารับผิดชอบ แทนที่จะมาให้มุมมองด้วยเหตุผลเช่นเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้แล้วตลาดควรเป็นอย่างไรด้วยเหตุผลอย่างไร หรือหุ้นตัวนั้นมีผลดีอย่างไร หุ้นตัวนี้มีผลร้ายอย่างไร ปรับเป้าหมายกำไรเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงอย่างไร หลังจากที่ปรับกำไรใหม่ ณ ราคาตอนนี้มองว่าแพงเกินไป ควรมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยมากกว่านี้ (Margin of safety) อะไรก็ว่ากันไป มันควรเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
การที่จะเป็นนักลงทุนแนว vi ควรปรับเปลียนมุมตามมูลค่าพื้นฐานของหุ้น โดยเอาข้อมูลที่เก็บได้คิดอย่างมีเหตุผลและหลักการ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ในการคิดและตัดสินใจ (นายตลาด)
หลายกระทู้ที่ผมอ่านตอนนี้ดูเหมือนเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อนแรง คำพูดเสียดสี
หรือมันไม่เกี่ยวกับ vi เลย ก็ขอโทษด้วย ยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ
ผมว่าคุณยิ้มเล็กๆ
มีแววครับ ไม่รู้ว่าแวว VI VS VSOP VIP etc
แต่เป็นพันธุ์หายาก ต้องไปหาคำตอบเองครับ
- 2 dogs
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 13
เชิญที่ห้องอาหารปลาครับ เจ้าเต่ารับผลกระทบจากค่าเงินอ่อนรุนแรง
ผลกระทบทางดีหรือร้ายต้องดูกันเอง
margin of safety สูงขึ้นหรือต่ำลงก็ต้องพิจารณากันเอง
รวมไปถึง TUF CCET CM HANA etc.,
ผลกระทบทางดีหรือร้ายต้องดูกันเอง
margin of safety สูงขึ้นหรือต่ำลงก็ต้องพิจารณากันเอง
รวมไปถึง TUF CCET CM HANA etc.,
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 14
ผมว่า อารมภ์พาไปนะครับ กำไรอยู่ดี ๆ เช้ามาเท่าทุนหรือขาดทุนเฉยเลย ไม่คิดมากก็ต้องนับถือมาก ๆ เลยครับ
ดีไปอย่างครับ ได้รับฟังความคิดของพี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนในนี้แล้วดีครับ มองต่างมุมดี
ดีไปอย่างครับ ได้รับฟังความคิดของพี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนในนี้แล้วดีครับ มองต่างมุมดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 15
ผลกระทบ คราวนี้ ถ้าทำให้ ตลาด ตกต่ำอย่างยาวนาน สมมุตินะครับ
ว่าตลาดตกไปสักสองปี เจ้าของกระทู้ จะเริ่มเข้าใจเองแหละ ว่าทำไมต้องคุยเรื่องนี้กันยาวนาน
หากคนที่ก้มหน้าก้มตาทำธุรกิจ โดยไม่สนใจเลยว่ามีการลดค่าเงินบาท จะมีผลกระทบอย่างไร
ย่อมมีความเสี่ยงมหาศาลครับ
วอเรน ยังขายดอลล่า ซื้อเงินสกุลอื่นเลยครับ ทำกำไรมามหาศาลด้วย
เรื่องที่คุยกัน ถ้าไม่สนใจก็อย่าไปสนใจซิครับ
ว่าตลาดตกไปสักสองปี เจ้าของกระทู้ จะเริ่มเข้าใจเองแหละ ว่าทำไมต้องคุยเรื่องนี้กันยาวนาน
หากคนที่ก้มหน้าก้มตาทำธุรกิจ โดยไม่สนใจเลยว่ามีการลดค่าเงินบาท จะมีผลกระทบอย่างไร
ย่อมมีความเสี่ยงมหาศาลครับ
วอเรน ยังขายดอลล่า ซื้อเงินสกุลอื่นเลยครับ ทำกำไรมามหาศาลด้วย
เรื่องที่คุยกัน ถ้าไม่สนใจก็อย่าไปสนใจซิครับ
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 17
สุดยอดครับพี่เจ๋งJeng เขียน:ผลกระทบ คราวนี้ ถ้าทำให้ ตลาด ตกต่ำอย่างยาวนาน สมมุตินะครับ
ว่าตลาดตกไปสักสองปี เจ้าของกระทู้ จะเริ่มเข้าใจเองแหละ ว่าทำไมต้องคุยเรื่องนี้กันยาวนาน
หากคนที่ก้มหน้าก้มตาทำธุรกิจ โดยไม่สนใจเลยว่ามีการลดค่าเงินบาท จะมีผลกระทบอย่างไร
ย่อมมีความเสี่ยงมหาศาลครับ
วอเรน ยังขายดอลล่า ซื้อเงินสกุลอื่นเลยครับ ทำกำไรมามหาศาลด้วย
เรื่องที่คุยกัน ถ้าไม่สนใจก็อย่าไปสนใจซิครับ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นึกถึงคำๆ หนึ่ง เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ภาวนาว่าขออย่าให้มันลุกลามไปอย่างคำๆ นี้เลย ผมยอมเป็นเสนาธิการผู้อ่านเกมผิด ดีกว่าเป็นผู้พิชิตบนกองซากศพ
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 18
เห็นด้วย กับทุกกระทู้ ที่ถกกันถึงทุกเรื่อง ในเวลานี้
เพราะทุกกรณีที่กำลังพูดถึงนั้นเกี่ยวพันมายังตัวหุ้นทั้งสิ้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
จะวีไหนก็เถอะ รวมๆแล้ว ก็เรียกว่านักลงทุน หรือใครจะเรียกว่า นักเก็งกำไรก็ตาม
โดยสรุปในเป้าประสงค์ของการกระทำ นั้นคือ ซื้อให้สามารถเอาไปขายได้ในราคาที่มันสูงกว่า โดยได้ส่วนต่าง ในระดับที่เทียบเคียงแล้วสมใจหมาย
หรือใครจะพอใจ ที่ได้ซื้อ เพื่อจะถือไปจนตายก็ไม่ต่างกัน คือต้องรู้ว่า ตรงไหนจะซื้อได้ ราคาไหน บริษัทอะไร ที่จะซื้อ ณ เหตุการณช่นนี้ เพื่อที่ว่ามันคู่ควรมากพอที่จะต้องไม่ขายไปตลอดกาล ลลล ลล
ทั้งหลายทั้งปวง ในต่างเป้าประสงค์กันนั้น มันก็ย่อมต้องเกิดจากการประเมิน
ทุกกระทู้ ที่มีทั้ง ถกเถียง ขัดแย้ง แตกต่าง จนอาจเลยไปถึงเหน็บแนม โวยวาย ....อะไรสุดแท้แต่ มันแล้วแต่ใครจะเพ่งพิศ พินิจ พิจารณา
ทุกคำกล่าว ข้อมูล ความเห็น ล้วนแล้วแต่แฝงไว้ด้วย สาระ ที่แล้วแต่ใครจะเอาไปประเมินต่อ ถึงสิ่งที่เคยเกิด สิ่งที่กำลังเป็น และสิ่งที่จะเป็นไป
การคาดการ ย่อมต้องใช้ทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต มาผสมเขย่าๆ เกลี่ยๆ มันจึงจะประเมินอะไรต่อมิอะไรออกมาได้
ที่เห็นเหน็บๆ ด่าๆ นั่นอาจจะกำลัง เก็บหุ้นที่ชอบอยู่ก็เป็นได้
และที่เห็นชื่นชม สรรเสริญ ก็เป็นได้อีกเช่นกัน ที่กำลังขายในตัวที่ประเมินแล้วว่าเปลี่ยนใจไม่ชอบแล้ว
ในที่แห่งนี้ ดิฉันว่าไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ว่าจะปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ โดยไม่ทำอะไรที่เขาคิดว่ามันสมควรจะทำ
หรือกลับกัน ถ้าคิดว่าสมควรยังไม่ต้องลงมือทำ มันก้เป็นตามนั้น
อารมณ์มากมายที่แสดงออกมากันในช่วงนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ ใครแบกรับกดดันอารม์ไม่ไหวก็ ว๊ากๆ ออกมาพอเป็นพิธี ก็ดีนะ เก็บไว้เกินลิมิตมันก็เสียสุขภาพได้เหมือนกัน
ใครชอบใจ ก็เห็นออกมาชื่นชม ก็ไม่เห็นจะแปลกอีกแหละ รักใครชอบใคร ไม่พูดออกมาให้โลกรู้ มันก็อึดอัดเหมือนกันนี่ จริงมะคะ
เพราะทุกกรณีที่กำลังพูดถึงนั้นเกี่ยวพันมายังตัวหุ้นทั้งสิ้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
จะวีไหนก็เถอะ รวมๆแล้ว ก็เรียกว่านักลงทุน หรือใครจะเรียกว่า นักเก็งกำไรก็ตาม
โดยสรุปในเป้าประสงค์ของการกระทำ นั้นคือ ซื้อให้สามารถเอาไปขายได้ในราคาที่มันสูงกว่า โดยได้ส่วนต่าง ในระดับที่เทียบเคียงแล้วสมใจหมาย
หรือใครจะพอใจ ที่ได้ซื้อ เพื่อจะถือไปจนตายก็ไม่ต่างกัน คือต้องรู้ว่า ตรงไหนจะซื้อได้ ราคาไหน บริษัทอะไร ที่จะซื้อ ณ เหตุการณช่นนี้ เพื่อที่ว่ามันคู่ควรมากพอที่จะต้องไม่ขายไปตลอดกาล ลลล ลล
ทั้งหลายทั้งปวง ในต่างเป้าประสงค์กันนั้น มันก็ย่อมต้องเกิดจากการประเมิน
ทุกกระทู้ ที่มีทั้ง ถกเถียง ขัดแย้ง แตกต่าง จนอาจเลยไปถึงเหน็บแนม โวยวาย ....อะไรสุดแท้แต่ มันแล้วแต่ใครจะเพ่งพิศ พินิจ พิจารณา
ทุกคำกล่าว ข้อมูล ความเห็น ล้วนแล้วแต่แฝงไว้ด้วย สาระ ที่แล้วแต่ใครจะเอาไปประเมินต่อ ถึงสิ่งที่เคยเกิด สิ่งที่กำลังเป็น และสิ่งที่จะเป็นไป
การคาดการ ย่อมต้องใช้ทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต มาผสมเขย่าๆ เกลี่ยๆ มันจึงจะประเมินอะไรต่อมิอะไรออกมาได้
ที่เห็นเหน็บๆ ด่าๆ นั่นอาจจะกำลัง เก็บหุ้นที่ชอบอยู่ก็เป็นได้
และที่เห็นชื่นชม สรรเสริญ ก็เป็นได้อีกเช่นกัน ที่กำลังขายในตัวที่ประเมินแล้วว่าเปลี่ยนใจไม่ชอบแล้ว
ในที่แห่งนี้ ดิฉันว่าไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ว่าจะปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ โดยไม่ทำอะไรที่เขาคิดว่ามันสมควรจะทำ
หรือกลับกัน ถ้าคิดว่าสมควรยังไม่ต้องลงมือทำ มันก้เป็นตามนั้น
อารมณ์มากมายที่แสดงออกมากันในช่วงนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ ใครแบกรับกดดันอารม์ไม่ไหวก็ ว๊ากๆ ออกมาพอเป็นพิธี ก็ดีนะ เก็บไว้เกินลิมิตมันก็เสียสุขภาพได้เหมือนกัน
ใครชอบใจ ก็เห็นออกมาชื่นชม ก็ไม่เห็นจะแปลกอีกแหละ รักใครชอบใคร ไม่พูดออกมาให้โลกรู้ มันก็อึดอัดเหมือนกันนี่ จริงมะคะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
- nanakorn
- Verified User
- โพสต์: 636
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 21
ผมขอออกความเห็นในแนวกว้าง อีกครั้งครับ
ผมไม่เห็นด้วยที่ว่า "นักลงทุนไม่มีสิทธิบ่นเนื่องจาก ทุกอย่างเป็นความเสี่ยงอยู่แล้ว และ คนที่บ่นไม่ใช่คนที่เข้าใจเรื่องความเสี่ยงกับการลงทุนจริงๆ"
คนที่บ่นอาจจะเป็นคนที่เตรียมพร้อมกับความเสี่ยงทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่พอใจถ้าเกิดความเสียหายอย่างไม่สมเหตุสมผลขึ้น
หลายคนประกันไฟไหม้บ้าน ป้องกันความเสี่ยงเรื่องไฟไหม้เป็นอย่างดี แต่เขาคงไม่ให้อภัยคนที่มาทำให้บ้านของเขาไฟไหม้ ถ้าเขารู้ว่าเป็นใครก็คงต้องเรียกร้องความเสียหายอยู่ดี คงไม่มีใครมาว่า คนที่ประกันไฟไหม้บ้านไว้แล้วบ้านถูกทำให้ไฟไหม้แล้วฟ้องผู้ที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ว่าเป็นคนไม่รู้จักความเสี่ยงเรื่องไฟไหม้ มันไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกันเลย (การรู้จักความเสี่ยง และ การรู้ว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ)
ผมกลับคิดว่า บางครั้งถ้านักลงทุนแบบ VI ถูกหลอกหรือถูกทำให้เสียหายโดยไม่สมเหตุสมผล แล้วอธิบายตัวเอง หรือ ให้คนที่หลอกหรือทำความเสียหายให้ มาหลอกต่ออีกครั้ง ว่า "ไอ้ที่เกิดขึ้นมันเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ" นักลงทุนท่านนั้น อาจจะเสียเปรียบในการลงทุนไปตลอด
ตอนที่ managment ของ Enron ร่วมกับ Auditors ตบแต่งบัญชีและหลอก นักลงทุน พนักงานของตัวเอง และเซียน Wall Street เกือบทั้งหมด เมื่อความจริงปรากฎขึ้น นักลงทุนและพนักงาน Enron ประสบความเสียหายมากมาย ทุกคนก็รู้ว่าผลที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยง (management ของบริษัทใดๆอาจจะโกงได้) แต่เขาก็ต้องฟ้องเรียกร้องความเสียหาย เนื่องจากการโกงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ คนที่ไม่ฟ้องเพราะยอมรับคำอธิบายของ CEO ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Enron เป็นแค่ A Run on the Bank เท่านั้น (ซึ่งเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจอยู่แล้ว) น่าจะมีปัญหามากกว่า
(หมายเหตุ: Enron ไม่ใช่ Bank แต่มีปัญหาเนื่องจากกู้เงินโดยใช้หุ้นตัวเองค้ำไว้มาก ตอนหุ้นตกเพราะปัญหาเรื่องทุจริตของ CFO ทำให้ มีการเรียกชำระเงินกู้ทันทีในหลายบัญชีกู้ ทำให้หุ้นตกลงไปอีก ทำให้เกิดการเรียกชำระเงินกู้ในบัญชีกู้เพิ่มขึ้นไปอีก จน Enron ไม่ได้เงินสดพอที่จะจ่าย เนื่องจากเหตุการณ์นี้เหมือนคนแห่กันไปถอนเงินจากธนาคารพร้อมๆกัน CEO ของ Enron จึงอธิบายว่ามันเป็น A Run on the Bank)
ข้อสรุปของผมก็คือ เราต้องพยายามลงทุนโดยคำนึงถึงความเสี่ยงให้ครบถ้วน แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ให้เราพยายามค้นหาว่า สิ่งดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้นกับการลงทุนของเรา มีสาเหตุมาจากอะไรและผู้ใดบ้างมีส่วนในการรับผิดชอบ การอธิบายให้สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นความเสี่ยงไป น่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการลงทุนได้
ผมไม่เห็นด้วยที่ว่า "นักลงทุนไม่มีสิทธิบ่นเนื่องจาก ทุกอย่างเป็นความเสี่ยงอยู่แล้ว และ คนที่บ่นไม่ใช่คนที่เข้าใจเรื่องความเสี่ยงกับการลงทุนจริงๆ"
คนที่บ่นอาจจะเป็นคนที่เตรียมพร้อมกับความเสี่ยงทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่พอใจถ้าเกิดความเสียหายอย่างไม่สมเหตุสมผลขึ้น
หลายคนประกันไฟไหม้บ้าน ป้องกันความเสี่ยงเรื่องไฟไหม้เป็นอย่างดี แต่เขาคงไม่ให้อภัยคนที่มาทำให้บ้านของเขาไฟไหม้ ถ้าเขารู้ว่าเป็นใครก็คงต้องเรียกร้องความเสียหายอยู่ดี คงไม่มีใครมาว่า คนที่ประกันไฟไหม้บ้านไว้แล้วบ้านถูกทำให้ไฟไหม้แล้วฟ้องผู้ที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ว่าเป็นคนไม่รู้จักความเสี่ยงเรื่องไฟไหม้ มันไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกันเลย (การรู้จักความเสี่ยง และ การรู้ว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ)
ผมกลับคิดว่า บางครั้งถ้านักลงทุนแบบ VI ถูกหลอกหรือถูกทำให้เสียหายโดยไม่สมเหตุสมผล แล้วอธิบายตัวเอง หรือ ให้คนที่หลอกหรือทำความเสียหายให้ มาหลอกต่ออีกครั้ง ว่า "ไอ้ที่เกิดขึ้นมันเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ" นักลงทุนท่านนั้น อาจจะเสียเปรียบในการลงทุนไปตลอด
ตอนที่ managment ของ Enron ร่วมกับ Auditors ตบแต่งบัญชีและหลอก นักลงทุน พนักงานของตัวเอง และเซียน Wall Street เกือบทั้งหมด เมื่อความจริงปรากฎขึ้น นักลงทุนและพนักงาน Enron ประสบความเสียหายมากมาย ทุกคนก็รู้ว่าผลที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยง (management ของบริษัทใดๆอาจจะโกงได้) แต่เขาก็ต้องฟ้องเรียกร้องความเสียหาย เนื่องจากการโกงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ คนที่ไม่ฟ้องเพราะยอมรับคำอธิบายของ CEO ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Enron เป็นแค่ A Run on the Bank เท่านั้น (ซึ่งเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจอยู่แล้ว) น่าจะมีปัญหามากกว่า
(หมายเหตุ: Enron ไม่ใช่ Bank แต่มีปัญหาเนื่องจากกู้เงินโดยใช้หุ้นตัวเองค้ำไว้มาก ตอนหุ้นตกเพราะปัญหาเรื่องทุจริตของ CFO ทำให้ มีการเรียกชำระเงินกู้ทันทีในหลายบัญชีกู้ ทำให้หุ้นตกลงไปอีก ทำให้เกิดการเรียกชำระเงินกู้ในบัญชีกู้เพิ่มขึ้นไปอีก จน Enron ไม่ได้เงินสดพอที่จะจ่าย เนื่องจากเหตุการณ์นี้เหมือนคนแห่กันไปถอนเงินจากธนาคารพร้อมๆกัน CEO ของ Enron จึงอธิบายว่ามันเป็น A Run on the Bank)
ข้อสรุปของผมก็คือ เราต้องพยายามลงทุนโดยคำนึงถึงความเสี่ยงให้ครบถ้วน แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ให้เราพยายามค้นหาว่า สิ่งดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้นกับการลงทุนของเรา มีสาเหตุมาจากอะไรและผู้ใดบ้างมีส่วนในการรับผิดชอบ การอธิบายให้สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นความเสี่ยงไป น่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการลงทุนได้
Everything I do, I do it for you.
- ply33
- Verified User
- โพสต์: 592
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 22
yoyo เขียน:คนเราอยู่กับหุ้นทั้งชีวิตไม่ได้หรอกครับ มันก็ต้องมีพูดคุยเรื่องอื่นตามกระแสกันบ้าง ไม่งั้นชีวิตน่าเบื่อไป การคุยเรื่องที่ไม่ใช่หุ้นบ้าง ไปคุยเรื่องอื่นกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
อีกอย่าง เรื่องจะให้ออกหรือไม่ออกนั้น ผมว่ามีผลกระทบต่อพื้นฐานประเทศด้วย ถ้ามีหุ้นตัวนึงผู้บริหารไม่ไหวเอาซะเลย ในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ผมก็อยากให้เค้าออก แม้จะเป็นเสียงเล็กๆที่ไม่มีพลัง แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนเค้ารู้ว่ามีคนไม่พอใจอยู่นะ อย่างน้อยถ้าไม่ออก ก็จะได้ปรับปรุงตัวซะบ้าง คิดถึงตัวเองซะบ้าง ว่าที่คนเค้าไม่ชอบเรา เรามีอะไรที่ควรต้องปรับ หุ้นประเทศไทยก็เหมือนกัน คนไทยทุกคนก็เป็นเหมือนกับผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ตอนนี้ผู้บริหารประเทศไทยกำลังมีปัญหา ผู้ถือหุ้นไม่ชอบ ก็ไม่แปลกอะไรที่จะออกมาแสดงความเห็นกัน
นานาจิตตังครับ
เห็นด้วยครับ 8) 8) 8)
0--- ฉลามเสือดาว ล่องลอยไปในทะเลกว้างใหญ่ ---0
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 23
ผู้บริหารของประเทศก็เหมือนผู้บริหารของบริษัท
การที่เราวิพากษ์ วิจารณ์ การทำงานของพวกท่าน (ถึงแม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้) ก็อาจจะส่งผลให้ท่านมีความระมัดระวังในการบริหารงานต่อไป ให้ท่านเหล่านั้นรู้ว่ามีคนจับตามองอยู่ มีคนรู้เท่าทันพวกท่านอยู่นะ ความผิดพลาดจะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำซาก
ถ้าเป็นผู้บริหารบริษัท เราอาจจะขายหุ้นของบริษัทนั้นทิ้ง แต่สำหรับ บริษัท ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ยังไงผมก็ทิ้งไม่ลงครับ
สำหรับส่วนตัวผมเองนั้น หลายคนในนี้คงรู้ว่า จากการบริหารงานผิดพลาดอันใหญ่หลวงของธปท.ครั้งก่อน ทำให้ผมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีมาก
และการบริหารงานที่ผิดพลาดในครั้งนี้ ผมก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆในการลงทุนเลย
ถ้าผมจะมองแต่ในแง่ส่วนตัว การนิ่งเงียบก็คงเป็นสิ่งที่ทำได้สบายๆครับ
ผลกระทบในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่กระทบแค่แรงซื้อหุ้นของต่างชาติเท่านั้นนะครับ แต่กระทบต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ซึ่งก็จะกระทบต่อตัวบริษัทแต่ละบริษัทด้วยไม่มากก็น้อยครับ
การที่เราวิพากษ์ วิจารณ์ การทำงานของพวกท่าน (ถึงแม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้) ก็อาจจะส่งผลให้ท่านมีความระมัดระวังในการบริหารงานต่อไป ให้ท่านเหล่านั้นรู้ว่ามีคนจับตามองอยู่ มีคนรู้เท่าทันพวกท่านอยู่นะ ความผิดพลาดจะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำซาก
ถ้าเป็นผู้บริหารบริษัท เราอาจจะขายหุ้นของบริษัทนั้นทิ้ง แต่สำหรับ บริษัท ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ยังไงผมก็ทิ้งไม่ลงครับ
สำหรับส่วนตัวผมเองนั้น หลายคนในนี้คงรู้ว่า จากการบริหารงานผิดพลาดอันใหญ่หลวงของธปท.ครั้งก่อน ทำให้ผมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีมาก
และการบริหารงานที่ผิดพลาดในครั้งนี้ ผมก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆในการลงทุนเลย
ถ้าผมจะมองแต่ในแง่ส่วนตัว การนิ่งเงียบก็คงเป็นสิ่งที่ทำได้สบายๆครับ
ผลกระทบในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่กระทบแค่แรงซื้อหุ้นของต่างชาติเท่านั้นนะครับ แต่กระทบต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย ซึ่งก็จะกระทบต่อตัวบริษัทแต่ละบริษัทด้วยไม่มากก็น้อยครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 24
สมัครสมาชิกไทยวีไอ ก็นับได้ว่าเป็นก้าวแรกที่สนใจแนวทางนี้
แต่ก็ใช่ว่าจะบรรลุเป็นวีไอพันธุ์แท้ในบัดดล
เหมือนพุทธบริษัท 4 อันได้แก่ ฆราวาสหญิงชาย พระภิกษุ และภิกษุณี
จะมีดวงตาเห็นธรรมฉับพลัน หลังจากก้าวเข้ามาสูบวรพุทธศาสนา ก็หาไม่
แจ้งดั่งนี้แล้วจึงควรวางอุเบกขา และอภัยต่อผู้เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม ซื้อ ถือ ขาย เป็นวัฏสงสารในตลาดหุ้นด้วยกันเทอญ
Merry Christmas ครับ
แต่ก็ใช่ว่าจะบรรลุเป็นวีไอพันธุ์แท้ในบัดดล
เหมือนพุทธบริษัท 4 อันได้แก่ ฆราวาสหญิงชาย พระภิกษุ และภิกษุณี
จะมีดวงตาเห็นธรรมฉับพลัน หลังจากก้าวเข้ามาสูบวรพุทธศาสนา ก็หาไม่
แจ้งดั่งนี้แล้วจึงควรวางอุเบกขา และอภัยต่อผู้เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม ซื้อ ถือ ขาย เป็นวัฏสงสารในตลาดหุ้นด้วยกันเทอญ
Merry Christmas ครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 26
เรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่ VI นี่ครับ มันกระทบไปทั่ว ประชาชนคนไทยก็ถูกกระทบ เพราะระบบเศรษฐกิจมันผูกโยงกันแยกกันไม่ออกหรอกครับ รอดูผลก็แล้วกัน
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- Muffin
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 27
เห็นด้วยกับพี่มนครับMon money เขียน:เรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่ VI นี่ครับ มันกระทบไปทั่ว ประชาชนคนไทยก็ถูกกระทบ เพราะระบบเศรษฐกิจมันผูกโยงกันแยกกันไม่ออกหรอกครับ รอดูผลก็แล้วกัน
ผมว่า เรายังกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นน้อยเกินไปด้วยซ้ำไป
อยากให้ท่านทั้งหลายช่วยลงจากหอคอยงาช้างมาดูรากหญ้าด้วยครับ
ใกล้แห้งตายกันหมดแล้วครับ ข้าวของขายยาก การลงทุนไม่เกิด การใช้จ่ายต่ำ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 28
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เห็นด้วยกับพี่มนครับ
ผมว่า เรายังกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นน้อยเกินไปด้วยซ้ำไป
อยากให้ท่านทั้งหลายช่วยลงจากหอคอยงาช้างมาดูรากหญ้าด้วยครับ
ใกล้แห้งตายกันหมดแล้วครับ ข้าวของขายยาก การลงทุนไม่เกิด การใช้จ่ายต่ำ
เพราะพวกเขาเห็นเป็นโอกาสในการทำเงิน หนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
ผม งง กับคำว่า "vi" แล้ว
โพสต์ที่ 29
Muffin เขียน: เห็นด้วยกับพี่มนครับ
ผมว่า เรายังกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นน้อยเกินไปด้วยซ้ำไป
อยากให้ท่านทั้งหลายช่วยลงจากหอคอยงาช้างมาดูรากหญ้าด้วยครับ
ใกล้แห้งตายกันหมดแล้วครับ ข้าวของขายยาก การลงทุนไม่เกิด การใช้จ่ายต่ำ
เห็นด้วยกับทั้งสองท่านอย่างมากครับ ผมเห็นหลาย ๆ ท่านที่ออกมาต่อว่าก็ไม่ได้มองแค่ตลาดหุ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ทุกท่านก็มีงานประจำหรือธุรกิจส่วนตัว ซึ่งก็ต้องได้รับผลจากนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ จะไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์บ้างเลยหรือครับ อาจคิดถูกหรือคิดผิดแต่หลาย ๆ ความคิดย่อมดีกว่าความคิดของคนไม่กี่คนที่อาจมองไม่รอบด้าน (อย่างกรณีนี้เห็นชัดมาก) เขาอาจได้ยินหรือไม่ได้ยิน แต่อย่างน้อยก็ช่วยเปิดปัญญาให้คนที่เข้ามาอ่านได้เห็นมุมมองต่าง ๆ ถ้าใครไม่ชอบก็ skip ได้นิครับ ขอแต่เขียนกันด้วยเหตุผลและไม่โจมตีกันก็น่าจะโอเค ผมเองไม่ค่อยโพสต์แต่ชอบเข้ามาอ่านมาก เพราะประเทืองปัญญาดีไม่ว่าผมจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม