http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic ... 12871.html
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic ... 14207.html
เนื้อความมีดังนี้ครับ
และชีวิตเฉียดตาย
เมื่อวันที่ 4 กค.นี้ ได้รับเมล์จากเพื่อนถึงแมลงตัวหนึ่ง เขา
ตั้งชื่อว่า แมลงเฟรชชี่ เพราะจะมาในหน้ารับน้อง หรือหน้า
ฝนนั่นแหละ อันที่จริงแล้ว เมล์นี้ได้รับมาหลายยยครั้งมาก
หลังๆก็ลบทิ้งไปเลย แต่วันนั้น คิดไงไม่รู้ทั้งที่มีเมล์ไม่ได้
เช็คเป็นหลายสิบ ก็นั่งอ่านจนจบ นั่งเพ่งรูปแมลงที่ว่านี้
จะยาวประมาณเซนต์กว่าๆ หัวดำ ตูดดำ ลำตัวลายเหลือง
น้ำตาล ตัวผอมๆกว่าผึ้ง คล้ายมดคันไฟ แต่เวลากัดหรือ
ต่อยแล้ว จะบวมแล้วถ้าเกาก็จะลามเป็นแผลๆไปเรื่อยๆ
เราก็อ่านแล้วก็ อืมม์ จะจำไว้ แต่ในเมล์ก็ว่า ในรายที่แพ้
รุนแรงให้รีบไป รพ. เราก็คิดนะ ว่า ไกลตัว อีกอย่างเรา
ไม่แพ้แมลงง่ายๆ ยุง มด กัด ก็คันแล้วหาย ไม่มีอะไรมาก
และแล้ว...
เมื่อเช้าวานนี้ คือวันรุ่งขึ้นจากที่อ่านเมล์ ก็ออกกำลังกาย
ในสวนลุมตามปรกติ กิจธุระประจำคือ ต้องไปนั่งเล่นกับ
หนูแดง แมวตัวโปรด และที่นั่งคือโคนต้นไม้ เราจะเอาอา
หารเม็ดไปให้ มดแมงจะมาขนอาหาร เราก็โปรยไว้ให้ขน
นิดหน่อย ทุกวัน ธรรมดาแล้ว สามีจะไม่เคยตามไปนั่งด้วย
เมื่อวานนี้เขาตามไปนั่งเราก็ว่า เอะ เราโดนมดกัดว่ะ ก็ลุก
ขึ้นปัด ก็เห็นแมลงนี่ ดิ้นอยู่เพราะแรงปัด เราก็เข้าไปดูใกล้ๆ
อ้าว...ตัวที่เห็นเมื่อวานนี้เลย ก็บอกว่า ป๊า.. แมลงนี้
มีกรดมากนะ เด๋วไปเอายาทาดีกว่า แพ้ขึ้นมาลำบาก เกา
ไม่ได้ด้วย คือ จำที่อ่านมาได้หมด ก็เดินมาที่กระเป๋า มียา
แพ้พิษแมลง ก็ทา ทาเสร็จ ก็คันที่ฝ่ามือ ก็หยอกกับสามี
ว่า สงสัยวันนี้จะเล่นบอลได้เงินแน่ๆ คันมือ ท่าจะรับทรัพย์
(ไม่ได้เล่นบอลนะจ๊ะ พูดเล่นๆ) เพื่อนก็แหย่ว่า ถ้ารับทรัพย์
ต้องเลี้ยงนะ ก็ว่า เออ เลี้ยงไอติมนะ ก็หิ้วกระเป๋ากลับขึ้นรถ
ใช้เวลาประมาณไม่ถึง 5 นาที พอขับรถออกนอกสวนลุม
ก็คันหน้า ก็ว่า ป๊า...หน้าชั้นชักเห่อแล้วว่ะ
อีกแป๊บนึง ปากเริ่มเจ่อ ก็มาถึงหน้าพระรูป ร.6 สามีก็ว่า
กลับบ้านกินยาแก้แพ้ เราก็ว่า ไม่ได้แล้ว มันขึ้นเร็วขนาดนี้ ไ
ปหาหมอเลย สามีก็ว่า ไป BNH ที่คอนแวนต์ ใกล้สุดแล้ว
เราก็ความงก ก็ว่า ไปเซนต์หลุยส์ ถูกกว่าเยอะ แต่หูเริ่มคัน
เราก็นึกรู้ว่า ต้องบวมในช่องหู กับช่องคอแล้วล่ะ
เพราะเวลาเราเจ็บคอ คอบวม เราจะคันหูด้วย ก็ขับไปถึงสาทร
รีบเลี้ยวเข้าถนน CONVENT เข้า รพ. BNH ไม่พูดกับสามีแล้ว
เพราะลิ้นคับปากแล้ว ทิ้งรถให้เขาขับไปจอด เราเองวิ่งเข้าไปถึง
reception ก็พูดทั้งลิ้นคับปากว่า น้อง ช่วยพี่เร็ว พี่แพ้พิษแมลง
ลิ้นคับปากแล้ว พยาบาลก็รีบวิ่งมาประคองสองคน เอาเข้าห้อง ER
เรียกหมอ กับพยาบาลมารุม เราพยายามบอกเรื่องทั้งหมดด้วย
ความลำบาก เพราะลิ้นคับปาก หายใจไม่ได้ อีกประโยคนึงคือ หมอ
เราเป็นโรคหัวใจด้วยนะ หัวใจรั่ว แล้วเราก็พูดไม่ได้ แต่สติดีทุกอย่าง
พยาบาลก็ดันหาเส้นเลือดไม่เจอ เพราะเวลาที่ร่างกายเราป่วยแล้ว
เส้นเลือดจะจมหมด งัดสามครั้ง ครั้งสุดท้าย งัดถึงกระดูกเลย เพราะ
มือเราผอม เราก็พูดไม่ได้ ได้แต่ตีมือพยาบาล หมอเห็นเราสำลัก
อากาศ คว้ามือคว้าไม้ หมอรีบเอายาที่สั่งเตรียมไว้ แต่ต้องรอหาเส้น
มาปักเข้ามือซ้าย แต่เราหายใจไม่ได้แล้ว ได้ยินเสียงหมอพูดว่า
อย่าตกใจนะ หายใจเบาๆก็ได้ ค่อยๆ ต้องพยายามนะ เราก็ได้สติ
ตั้งพุทเข้า โธออก ครั้งแรกแทบไม่ได้เลย ครั้งที่สอง อีกนิดเดียว
เราก็หลับตาทิ้งมือแล้วเห็นแสงระยิบระยับสีทอง เราก็วางหมดเลย
ไม่เป็นไรแล้ว เราพร้อมที่จะไปแล้ว เราไม่ห่วง ขณะนั้นนึกรู้ว่า
ถ้าตายคงไม่ไปที่ลำบาก เพราะประกายสีทองระยิบระยับ
แล้วพุทธโธครั้งที่สาม เราเริ่มหายใจได้ ยาเดินเข้าเส้นไปแล้ว
ได้ยินเสียงสามีเพิ่งเข้ามาว่า เมียผมอาการหนักขนาดนี้เลยเหรอ
เราก็นึกนะว่า เออ...ดีนะเอ็ง คงไม่เชื่อละซิ ที่บอกบทมาตลอดทางนะ
ปรากฏว่า เราหน้าเขียว เล็บเขียวแล้ว โคม่าตอนหมอบอกให้หายใจ
ช้าๆน่ะ
อืมม์ เมื่อก่อนผู้ใหญ่เคยบอกว่า ชีวิตความเป็นกับความตายน่ะ
คั่นด้วยกระดาษแผ่นบางๆ เหอๆๆๆ แต่ที่เราเจอน่ะ ไม่ได้คั่นด้วย
กระดาษหรืออะไรเลย อากาศยังไม่คั่นระหว่างความเป็นความตาย
ของเราเลย นี่เพิ่งกลับจาก รพ. ต้องรีบมาเล่าก่อนจะลืม ขอให้ทุกท่าน
ที่อ่านแล้วจำไว้เกี่ยวกับการสังเกตุตัวเองเมื่อประสบเหตุ ขอให้มีสติ
ทบทวนสิ่งที่รู้มา หากต้องพบแพทย์ต้องบอกให้หมดว่า เรามีโรคประจำตัว
อะไรบ้าง ก่อนที่จะหมดสติ หมอเฉพาะทางยังชมเราเลยว่า มีความรู้ดี และสติดี ทำให้หมอจ่ายยาตรงกับอาการได้ทันที
ที่เล่ามานี่ ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก ขอให้เป็นวิทยาทานถึงพิษของแมลงชนิดนี้เท่านั้น
x x x ...แมลงเฟรชชี่... x x x{แตกประเด็นจาก X4512871}
กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก X4512871
เนื่องจากกระทู้ของป้าหนอนสายตายาว
ที่โดนพิษเจ้าแมลงตัวนี้ จนต้องเข้าโรงพยาบาล
ผมเลยหารูป หาข่าว
เอามาให้ระวังกันนะครับ
........
"แมลงเฟรชชี่" สุดอันตราย แค่สัมผัสถึงพุพอง ปวดแสบปวดร้อนราวถูกน้ำร้อนลวก ชาวเน็ตส่งเมลเตือนให้ระวัง นักวิชาการระบุเป็น "ด้วงก้นกระดก"
พิษไม่ถึงตาย แค่ทายา 2-3 วันหาย
เรื่องราวแมลงอันตราย ซึ่งถูกขนานนามว่า "เฟรชชี่" มีพิษร้ายแรง หากสัมผัสผิวหนังมนุษย์จะทำให้ปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกน้ำร้อนลวก
เปิดเผยหลังผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก"
ได้รับการแจ้งเตือนจากเพื่อนทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ระบุว่า ผู้นิยมท่องโลกอินเทอร์เน็ตส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือฟอร์เวิร์ดเมล แจ้งเตือนกันในกลุ่มให้ระวังแมลงชนิดนี้
โดยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวระบุว่า แมลงชนิดนี้พบใน กทม.แล้ว โดยนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี จะเรียกกันว่า "แมลงเฟรชชี่" เนื่องจากแมลงชนิดนี้จะพบมากในช่วงเทศกาลรับน้องใหม่
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวระบุชื่อผู้ส่ง คือ ดร.วัฒนา อู่วานิช อ้างว่า
แมลงตัวนี้คือ "ด้วงน้ำมัน" มีพิษค่อนข้างรุนแรง หากบินไปสัมผัสผิวหนังของใครก็จะทำให้เกิดน้ำหนองเป็นแผลพุพองคล้ายถูกน้ำร้อนลวก และจะลุกลามไปบริเวณอื่นๆ หากผู้สัมผัสเกาหรือทำให้น้ำหนองไปสัมผัสกับอวัยวะส่วนอื่น
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า คนหลายคนถูกแมลงชนิดนี้ทำร้ายหลายรายแล้ว หากใครสัมผัสให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน มิฉะนั้นแผลจะลุกลาม
เนื่องจากฉี่ของแมลงมีความเป็นกรดสูงมาก ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง ดร.วัฒนา ซึ่งทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ดร.วัฒนา ระบุว่า ได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากเพื่อนที่ทำงานอยู่ในประเทศจีน ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกเป็นห่วงว่าคนไทยจะได้รับอันตรายจากแมลงชนิดนี้ จึงแจ้งเตือนให้คนทั่วไปทราบผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ด้าน รศ.จริยา เล็กประยูร หัวหน้าศูนย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
แมลงชนิดนี้เรียกว่า ด้วงปีกสั้น หรือด้วงก้นกระดก เวลาเดินก้นจะยกขึ้น แมลงชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ตามซากสัตว์ มูลสัตว์ ใต้ขอนไม้ ใบไม้เน่าเปื่อย
ตามชายหาดก็มี ซึ่งด้วงชนิดนี้จะกินมูลสัตว์ กินแมลงเล็กๆ คนจึงรังเกียจ
แต่เป็นสัตว์ไม่มีอันตราย
"ถ้าไปสัมผัสก็อาจถูกกัดได้ เพราะมีเขี้ยวที่แหลมคม ส่วนตัวของมันมีสารพิษที่ใช้ป้องกันตัว
มีกลิ่นฉุน ใครแพ้สารป้องกันตัวอาจเกิดผืนคันได้ อย่างไรก็ตาม
แมลงชนิดนี้ไม่มีอันตราย แถมยังเป็นแมลงที่มีประโยชน์ เพราะช่วยกำจัดศัตรูพืช แต่ถ้าใครถูกแมลงชนิดนี้กัดจนมีบาดแผลอาจทำให้แบคทีเรีย
เข้าสู่ร่างกายและเกิดเป็นแผลลุกลามใหญ่โตได้" รศ.จริยา กล่าว
เช่นเดียวกับ ดร.จารุจินต์ นภีตะภัฏ ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา
กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ด้วงชนิดนี้มีขนาดเล็กมากเพียง 1 เซนติเมตร เป็นสัตว์ที่มีพิษในตัวและมีการระบาดอยู่บ่อยๆ พบมากในพื้นที่ปลูกข้าวภาคกลาง เช่น จ.ปทุมธานี ซึ่งจะพบแมลงชนิดนี้มากที่สุดในช่วงข้าวแตกกอ เนื่องจากแมลงชนิดนี้จะกินแมลงศัตรูของข้าวเป็นอาหาร กลางคืนจะออกเล่นไฟ และอาจตกมาสัมผัสร่างกายคน
ทำให้สารพิษที่อยู่ในตัวกระจายออกมาสัมผัสร่างกาย
เกิดมีอาการปวดแสบปวดร้อน มีผื่นคัน แต่ถ้าไม่ทำให้ตัวมันแตกก็จะไม่มีอันตรายต่อร่างกาย
"ผมเคยถูกพิษของด้วงก้นกระดก รู้สึกปวดแสบ ปวดร้อน คล้ายน้ำร้อนลวก
แค่ทายาหม่องก็หาย แต่ถ้าใครแพ้ก็อาจจะมีอาการผื่นคันรุนแรง และอาจติดเชื้อได้
อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันด้วงชนิดนี้อาจจะปิดไฟไม่ให้มันมาเล่นไฟ
และถ้ามันมาสัมผัสตัวเราก็อย่าตี แค่ไล่หรือปัดทิ้งก็ไม่มีอันตรายแล้ว
เพราะพิษมันอยู่ในตัว และยิ่งบางรายตีแตกละเอียด ก็ยิ่งเพิ่มรัศมีการแพร่กระจายของพิษไปตามเศษเนื้อของมัน" ดร.จารุจินต์ กล่าว
ด้านนางสุนันทา สมบูรณ์ถานะ อายุ 57 ปี ชาวนาใน จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ด้วงก้นกระดกจะพบมากในช่วงที่ปลูกข้าวนาปรัง สายพันธุ์ กข.
ต้นจะอ่อนกว่าปลูกข้าวนาปี ทำให้มีแมลงศัตรูพืชเยอะ จะพบด้วงชนิดนี้มาก
โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวออกดอก เคยโดนมันกัด
ตัวมันจะเป็นขนๆ เวลาโดนตัวมันจะบวมเหมือนลมพิษ
เอายาหม่องทาเพียงแค่ 1-2 วันก็หาย
จาก
http://www.komchadluek.com/news/2006/03 ... 16949.html
