ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 1
หนังสือหาซื้อยากมากๆผมไปที่ se ed dokya หมดเกลี้ยงเลยๆต้องไปซื้อ
se edที่สยามดิส :lol:
อ่านแล้วเข้าใจกว่าที่เรียนในวิชาQAอีกแต่อยากได้ตยประยุกต์กับแนวVI
ใครทราบช่วยยก ตย ให้ที
อีกเรื่องคืออยากทราบว่าการประยุกต์ game theory นั้นในกรณีของเหตุการณ์
ที่ 2 ฝ่ายตัดสินใจพร้อมกันนั้นไม่ทราบว่าต้อง กําหนดค่าเป็นตัวเลขใช่ใหมครับถึงจะใช้ได้หรือไม่จําเป็น ในการหา กลยุทธ์ เด่น รอง ต่างๆ
หนังสือนี้เยี่ยมมาก George , I LOVE IT
se edที่สยามดิส :lol:
อ่านแล้วเข้าใจกว่าที่เรียนในวิชาQAอีกแต่อยากได้ตยประยุกต์กับแนวVI
ใครทราบช่วยยก ตย ให้ที
อีกเรื่องคืออยากทราบว่าการประยุกต์ game theory นั้นในกรณีของเหตุการณ์
ที่ 2 ฝ่ายตัดสินใจพร้อมกันนั้นไม่ทราบว่าต้อง กําหนดค่าเป็นตัวเลขใช่ใหมครับถึงจะใช้ได้หรือไม่จําเป็น ในการหา กลยุทธ์ เด่น รอง ต่างๆ
หนังสือนี้เยี่ยมมาก George , I LOVE IT
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 2
หนังสือชื่ออะไรครับ ผมก็อ่าน Game Theory At Work ของ Bill Miller อยู่ ซื้อได้ที่ ASIAN BOOK
ผมว่ากลยุทธจริงๆคงไม่ใช่เลือก A หรือ B แต่น่าจะซับซ้อนกว่าเยอะ อ่านแล้วเอาไว้ประเมินสถานะการณ์ให้ทันคนก็ได้ประโยชน์คุ้มค่ามากๆแล้วครับ
ผมว่ากลยุทธจริงๆคงไม่ใช่เลือก A หรือ B แต่น่าจะซับซ้อนกว่าเยอะ อ่านแล้วเอาไว้ประเมินสถานะการณ์ให้ทันคนก็ได้ประโยชน์คุ้มค่ามากๆแล้วครับ
I do not sleep. I dream.
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 4
ลองดูกรณีหุ้นดีมาก เป็นตัวอย่างครับ
ตัวอย่างหุ้นดีมากชื่อ osol
จะมีผู้ตัดสินใจ 2 กลุ่ม คือคนที่มีหุ้นแล้ว และคนที่ยังไม่มีหุ้น
โดยคนทั้งสองกลุ่ม อาจคิดว่าราคา แพง และถูก
case 1
คนมีหุ้น คิดว่าถูก คนไม่มีหุ้นคิดว่าถูก ราคาจะสูงขึ้น
case 2
คนมีหุ้น คิดว่าแพง คนไม่มีหุ้นคิดว่าถูก ราคาจะขึ้นๆ ลงๆ
case 3
คนมีหุ้น คิดว่าถูก คนไม่มีหุ้นคิดว่าแพง จะไม่มีการซื้อขาย
case 4
คนมีหุ้น คิดว่าแพง คนไม่มีหุ้นคิดว่าแพง จะขายๆ แล้วราคาจะลง
แต่จากโจทย์ osol เป็นหุ้นที่ดีดังนั้น ตัด case 3-4 ทิ้ง
เหลือ 1-2 จึงสรุปได้ว่าการเจอหุ้นดีมาก แล้วคุณไม่มีหุ้น
จะมีเหตุการเกิดขึ้นคือ ราคาสูงขึ้น และ ขึ้นๆ ลงๆ
เคาะขวา ได้หุ้น 100%
ตั้งbid ได้หุ้น 50%
ถ้าต้องการหุ้น ให้เคาะขวา เพราะเป็นการกระทำที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
คือได้หุ้นแน่ๆ
ตัวอย่างหุ้นดีมากชื่อ osol
จะมีผู้ตัดสินใจ 2 กลุ่ม คือคนที่มีหุ้นแล้ว และคนที่ยังไม่มีหุ้น
โดยคนทั้งสองกลุ่ม อาจคิดว่าราคา แพง และถูก
case 1
คนมีหุ้น คิดว่าถูก คนไม่มีหุ้นคิดว่าถูก ราคาจะสูงขึ้น
case 2
คนมีหุ้น คิดว่าแพง คนไม่มีหุ้นคิดว่าถูก ราคาจะขึ้นๆ ลงๆ
case 3
คนมีหุ้น คิดว่าถูก คนไม่มีหุ้นคิดว่าแพง จะไม่มีการซื้อขาย
case 4
คนมีหุ้น คิดว่าแพง คนไม่มีหุ้นคิดว่าแพง จะขายๆ แล้วราคาจะลง
แต่จากโจทย์ osol เป็นหุ้นที่ดีดังนั้น ตัด case 3-4 ทิ้ง
เหลือ 1-2 จึงสรุปได้ว่าการเจอหุ้นดีมาก แล้วคุณไม่มีหุ้น
จะมีเหตุการเกิดขึ้นคือ ราคาสูงขึ้น และ ขึ้นๆ ลงๆ
เคาะขวา ได้หุ้น 100%
ตั้งbid ได้หุ้น 50%
ถ้าต้องการหุ้น ให้เคาะขวา เพราะเป็นการกระทำที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
คือได้หุ้นแน่ๆ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 7
[quote="Rocker"]หนังสือหาซื้อยากมากๆผมไปที่ se ed dokya หมดเกลี้ยงเลยๆต้องไปซื้อ
se edที่สยามดิส
se edที่สยามดิส
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 8
อนุพันธ์เป็น zero sum games
ตลาดหุ้นถ้าเล่นสั้นก็เป็น zero sum games ด้วย
ตลาดหุ้นถือลงทุนเท่านั้นที่ไม่ใช่ เพราะมีกระแสเงินสดจากบริษัทเติมเข้ามาด้วย
ตลาดหุ้นถ้าเล่นสั้นก็เป็น zero sum games ด้วย
ตลาดหุ้นถือลงทุนเท่านั้นที่ไม่ใช่ เพราะมีกระแสเงินสดจากบริษัทเติมเข้ามาด้วย
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 9
อีกเรื่องคืออยากทราบว่าการประยุกต์ game theory นั้นในกรณีของเหตุการณ์
ที่ 2 ฝ่ายตัดสินใจพร้อมกันนั้นไม่ทราบว่าต้อง กําหนดค่าเป็นตัวเลขใช่ใหมครับถึงจะใช้ได้หรือไม่จําเป็น ในการหา กลยุทธ์ เด่น รอง ต่างๆ
หนังสือนี้เยี่ยมมาก George , I LOVE IT
ตอบทีครับ
ที่ 2 ฝ่ายตัดสินใจพร้อมกันนั้นไม่ทราบว่าต้อง กําหนดค่าเป็นตัวเลขใช่ใหมครับถึงจะใช้ได้หรือไม่จําเป็น ในการหา กลยุทธ์ เด่น รอง ต่างๆ
หนังสือนี้เยี่ยมมาก George , I LOVE IT
ตอบทีครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 10
[quote="Rocker"]อีกเรื่องคืออยากทราบว่าการประยุกต์ game theory นั้นในกรณีของเหตุการณ์
ที่ 2 ฝ่ายตัดสินใจพร้อมกันนั้นไม่ทราบว่าต้อง กําหนดค่าเป็นตัวเลขใช่ใหมครับถึงจะใช้ได้หรือไม่จําเป็น ในการหา กลยุทธ์ เด่น รอง ต่างๆ
หนังสือนี้เยี่ยมมาก George
ที่ 2 ฝ่ายตัดสินใจพร้อมกันนั้นไม่ทราบว่าต้อง กําหนดค่าเป็นตัวเลขใช่ใหมครับถึงจะใช้ได้หรือไม่จําเป็น ในการหา กลยุทธ์ เด่น รอง ต่างๆ
หนังสือนี้เยี่ยมมาก George
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 11
ผมเรียน Game Theory มา
ตอนเรียนก็ชอบสนุกดี
แต่ให้โยงกับหุ้น .. ผมยังนึกไม่ออกเลยครับว่าจะโยงยังไง
รอฟังวิทยาทานดีกว่าครับ :D
ตอนเรียนก็ชอบสนุกดี
แต่ให้โยงกับหุ้น .. ผมยังนึกไม่ออกเลยครับว่าจะโยงยังไง
รอฟังวิทยาทานดีกว่าครับ :D
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 13
เรื่อง GT กับ การเล่นหุ้น นั้น ข้อคิดที่ได้หลักๆ คงเป็นเรื่อง credibility น่ะครับ เราควรจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่ผู้พูดเขาทำแล้วได้ประโยชน์กับตัวเขาด้วยเท่านั้นMon money เขียน:คุณสุมาอี้ยกตัวอย่างใสๆหน่อยดิ
ส่วนตัวอย่างดีๆ นั้น ที่จริงมี case study อันหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Tender offer ซึ่งผมเห็นว่าน่าทึ่งมาก แต่ไม่ได้ใส่ไว้ในหนังสือเพราะมันอธิบายค่อนข้างซับซ้อนกลัวว่าผู้อ่านในวงกว้างที่ไม่ได้เล่นหุ้นจะอ่านไม่สนุกก็เลยไม่ใส่ลงไปในหนังสือ
เด๋วจะเอามาโพสต์ไว้ในนี้ก็ละกันครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 15
รออยู่ครับ รอฟังcase study ครับพี่สุมาอี้ เขียน: เรื่อง GT กับ การเล่นหุ้น นั้น ข้อคิดที่ได้หลักๆ คงเป็นเรื่อง credibility น่ะครับ เราควรจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่ผู้พูดเขาทำแล้วได้ประโยชน์กับตัวเขาด้วยเท่านั้น
ส่วนตัวอย่างดีๆ นั้น ที่จริงมี case study อันหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Tender offer ซึ่งผมเห็นว่าน่าทึ่งมาก แต่ไม่ได้ใส่ไว้ในหนังสือเพราะมันอธิบายค่อนข้างซับซ้อนกลัวว่าผู้อ่านในวงกว้างที่ไม่ได้เล่นหุ้นจะอ่านไม่สนุกก็เลยไม่ใส่ลงไปในหนังสือ
เด๋วจะเอามาโพสต์ไว้ในนี้ก็ละกันครับ
เออลืมบอกไปหลังผมอ่านอยู่เพื่อนมาเห็นเข้ามันถามว่าอะไรพอมันลองอ่านไปมันบอกยอดมาก เลยถามผมว่าซื้อที่ใหนเลยบอกse ed แต่พอมันไปที่
central หมดอีก ท่าทางจะพิมพ์5 upขายดีจัง คงบอกต่อๆกัน :lol:
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 16
กระทู้นี้ไม่ได้พาดพิงนะosol เป็นอะไรกับ loso
ตัวอย่าง เซียนหุ้น l นามสมมติ ใบหุ้น P
แล้วคนไม่มีหุ้นว่าดี ถูก จะเกิด case 1 และ 2 ดูตัวอย่างข้างล่าง
ถ้าเราไม่หุ้นและต้องการหุ้น
ให้เลือกกลยุทธ bid เพราะจะได้ผลตอบแทนที่สูงสุด
ถ้าเรามีหุ้นและต้องการขายให้ได้เงินสูงที่สุดให้ เซียนหุ้น C นามสมมติใบ้หุ้นที่เราถือ 555
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 17
ปริศนา Tender Offer
บริษัท A ยื่นคำเสนอรับซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท B ต่อตลาดหลักทรัพย์ ซื้อมีราคาตลาดปัจจุบันเทรดกันอยู่ที่หุ้น 100 บาท แต่เงื่อนไขในการรับซื้อหุ้นของบริษัท A นี้พิสดารมาก ดังนี้
1) ราคารับซื้อหุ้นละ 105 บาทสำหรับหุ้น 50% แรกของหุ้นทั้งหมดของบริษัท B ที่มีผู้มาตอบรับคำเสนอซื้อ
2) ราคารับซื้อหุ้นละ 90 บาทสำหรับหุ้น 50% หลังของหุ้นทั้งหมดของบริษัท B ที่มีผู้มาตอบรับคำเสนอซื้อ
โดยที่ราคาที่ให้ข้างต้นไม่ได้เป็นแบบ first come first serve แต่จะตั้งโต๊ะรับใบตอบรับจนหมดเขตก่อน แล้วจึง prorata ให้กับผู้ถือหุ้นทั้งหมดตามสัดส่วน เช่น ถ้ามีคนตอบรับ 40% ของหุ้นทั้งหมด ทุกคนได้ราคา 105 บาท ถ้ามีคนตอบรับ 60% ของหุ้นทั้งหมด ทุกคนไม่ว่ามาก่อนมาหลังจะได้ราคาเท่ากันที่ราคาเฉลี่ย (105x50+90x10)/60 = 102.50 บาท เป็นต้น หรือ ทุกคนย่อมได้ราคาเท่ากันหมดเสมอตามสูตรต่อไปนี้
105 * 50/K + 90 * (K-50)/K
เมื่อ K คือ เปอร์เซนต์ของหุ้นทั้งหมดที่มาตอบรับ
ส่วนใครที่ไม่มาตอบรับ บริษัท A จะรับซื้อให้ที่ 90 บาทหลังจากนั้น (ถ้าเกิดอยากขาย)
และคำเสนอซื้อนี้เป็นคำเสนอซื้อโดยไม่มีเงื่อนไข กล่าวคือไม่ว่าบริษัท A จะได้หุ้นไปทั้งหมดหรือไม่ก็จะรับซื้อตามสูตรนี้
สังเกตว่าถ้าทุกคนตอบรับราคารับซื้อจะเหลือแค่ 97.50 (ตามสูตร) ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน และต่ำกว่าราคาตลาดที่จะกลับไปที่ 100 บาทอีกครั้งถ้า deal ล้มด้วย ดังนั้นถ้าคุณเป็นผู้ถือหุ้นในตลาดคุณย่อมภาวนาให้ดีลนี้ล้ม หรือไม่ก็ให้มีคนมาตอบรับไม่ถึง 50% หรือไม่ก็จะยิ่งดีถ้ามี บริษัท C โดดเข้ามา bid แข่ง...
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสหรัฐฯ และปรากฏว่าก็มีบริษัท C โดดเข้ามาจริง บริษัท C เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่ 102 บาทต่อหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีผู้ตอบรับเกิน 50%
คำถามก็คือว่า ถ้าคุณมีหุ้น B อยู่ คุณจะทำอย่างไร?
ก. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท A
ข. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท B
ค. ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อใดๆ
ลองคิดกันดูนะครับ แล้วผมจะมาเฉลย สักวันหนึ่งคุณอาจจะต้องมานั่งคิดแบบนี้ก็หุ้นที่คุณถืออยู่ในพอร์ตของคุณก็ได้
บริษัท A ยื่นคำเสนอรับซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท B ต่อตลาดหลักทรัพย์ ซื้อมีราคาตลาดปัจจุบันเทรดกันอยู่ที่หุ้น 100 บาท แต่เงื่อนไขในการรับซื้อหุ้นของบริษัท A นี้พิสดารมาก ดังนี้
1) ราคารับซื้อหุ้นละ 105 บาทสำหรับหุ้น 50% แรกของหุ้นทั้งหมดของบริษัท B ที่มีผู้มาตอบรับคำเสนอซื้อ
2) ราคารับซื้อหุ้นละ 90 บาทสำหรับหุ้น 50% หลังของหุ้นทั้งหมดของบริษัท B ที่มีผู้มาตอบรับคำเสนอซื้อ
โดยที่ราคาที่ให้ข้างต้นไม่ได้เป็นแบบ first come first serve แต่จะตั้งโต๊ะรับใบตอบรับจนหมดเขตก่อน แล้วจึง prorata ให้กับผู้ถือหุ้นทั้งหมดตามสัดส่วน เช่น ถ้ามีคนตอบรับ 40% ของหุ้นทั้งหมด ทุกคนได้ราคา 105 บาท ถ้ามีคนตอบรับ 60% ของหุ้นทั้งหมด ทุกคนไม่ว่ามาก่อนมาหลังจะได้ราคาเท่ากันที่ราคาเฉลี่ย (105x50+90x10)/60 = 102.50 บาท เป็นต้น หรือ ทุกคนย่อมได้ราคาเท่ากันหมดเสมอตามสูตรต่อไปนี้
105 * 50/K + 90 * (K-50)/K
เมื่อ K คือ เปอร์เซนต์ของหุ้นทั้งหมดที่มาตอบรับ
ส่วนใครที่ไม่มาตอบรับ บริษัท A จะรับซื้อให้ที่ 90 บาทหลังจากนั้น (ถ้าเกิดอยากขาย)
และคำเสนอซื้อนี้เป็นคำเสนอซื้อโดยไม่มีเงื่อนไข กล่าวคือไม่ว่าบริษัท A จะได้หุ้นไปทั้งหมดหรือไม่ก็จะรับซื้อตามสูตรนี้
สังเกตว่าถ้าทุกคนตอบรับราคารับซื้อจะเหลือแค่ 97.50 (ตามสูตร) ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน และต่ำกว่าราคาตลาดที่จะกลับไปที่ 100 บาทอีกครั้งถ้า deal ล้มด้วย ดังนั้นถ้าคุณเป็นผู้ถือหุ้นในตลาดคุณย่อมภาวนาให้ดีลนี้ล้ม หรือไม่ก็ให้มีคนมาตอบรับไม่ถึง 50% หรือไม่ก็จะยิ่งดีถ้ามี บริษัท C โดดเข้ามา bid แข่ง...
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสหรัฐฯ และปรากฏว่าก็มีบริษัท C โดดเข้ามาจริง บริษัท C เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่ 102 บาทต่อหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีผู้ตอบรับเกิน 50%
คำถามก็คือว่า ถ้าคุณมีหุ้น B อยู่ คุณจะทำอย่างไร?
ก. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท A
ข. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท B
ค. ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อใดๆ
ลองคิดกันดูนะครับ แล้วผมจะมาเฉลย สักวันหนึ่งคุณอาจจะต้องมานั่งคิดแบบนี้ก็หุ้นที่คุณถืออยู่ในพอร์ตของคุณก็ได้
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 19
ไม่ใช่ของ C หรือครับ?ข. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท B
I do not sleep. I dream.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 20
งงครับ ตกลง A ก็เสนอ B ก็เสนอเหรอครับสุมาอี้ เขียน:บริษัท A ยื่นคำเสนอรับซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท B
...
ถามก็คือว่า ถ้าคุณมีหุ้น B อยู่ คุณจะทำอย่างไร?
ก. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท A
ข. ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท B
ค. ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อใดๆ
อ่านโจทย์ไม่แตกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 149
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 22
จริงๆด้วยครับ ขอตอบใหม่ เป็น
ข้อ ข). ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท C
- หากไม่ตอบรับคำเสนอซื้อใดๆ เลย ก็ได้ แน่ๆที่ 100บาท
- หากตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท C ก็ มีโอกาศ ขายได้ที่ 100บาท หรือ 102บาท
ข้อ ข). ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท C
- หากไม่ตอบรับคำเสนอซื้อใดๆ เลย ก็ได้ แน่ๆที่ 100บาท
- หากตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท C ก็ มีโอกาศ ขายได้ที่ 100บาท หรือ 102บาท
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 25
ยังมีเวลาคิดอีกนิดหน่อยนะครับ ใกล้ปิดโต๊ะแล้ว :D
ใบ้ให้อีกนิดหนึ่งว่าเกมนี้ผู้เล่นเกมคือนักลงทุนรายย่อยด้วยกันเอง ไม่ใช่ระหว่างนักลงทุนรายย่อยกับบริษัทที่เข้ามา T/O
ใบ้ให้อีกนิดหนึ่งว่าเกมนี้ผู้เล่นเกมคือนักลงทุนรายย่อยด้วยกันเอง ไม่ใช่ระหว่างนักลงทุนรายย่อยกับบริษัทที่เข้ามา T/O
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 26
ใบ้อีกนิด ขอเน้นตรงนี้ด้วยสุมาอี้ เขียน:
และคำเสนอซื้อนี้เป็นคำเสนอซื้อโดยไม่มีเงื่อนไข กล่าวคือไม่ว่าบริษัท A จะได้หุ้นไปทั้งหมดหรือไม่ก็จะรับซื้อตามสูตรนี้
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 27
ถ้าคนตอบรับ 62 % ก็ได้ที่ 102 บาท
นั่นคือ เงื่อนไข A ต้องมีผู้ตอบรับ น้อยกว่า 60% ได้มากกว่า 102 บาท
เงื่อนไข C ต้องมีผู้ตอบรับ เกินกว่า 50% ได้ 102 บาท
นั่นคือเกมส์ทายว่าจะมีผู้ตอบรับ เท่าไร่กันแน่
1. if C > 50 and A < 62 then sale(A);
2. if C > 50 and A > 62 then sale(C);
3. if C < 50 and A < 62 then sale(A);
4. if C < 50 and A > 62 then terminate;
แต่ case 2 เป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก A + C เกิน 100
ดังนั้นจีงเลือก A
แต่ อันนี้เป็นเกมส์ ถ้าทุกคนเลือก A หมดจะทำให้ A มีผุ้ตอบรับมากกว่า 60%
คนฉลาดๆ อย่างผมจีงเลือก C ครับ แม้จะดูโง่ๆ ก็ตาม
นั่นคือ เงื่อนไข A ต้องมีผู้ตอบรับ น้อยกว่า 60% ได้มากกว่า 102 บาท
เงื่อนไข C ต้องมีผู้ตอบรับ เกินกว่า 50% ได้ 102 บาท
นั่นคือเกมส์ทายว่าจะมีผู้ตอบรับ เท่าไร่กันแน่
1. if C > 50 and A < 62 then sale(A);
2. if C > 50 and A > 62 then sale(C);
3. if C < 50 and A < 62 then sale(A);
4. if C < 50 and A > 62 then terminate;
แต่ case 2 เป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก A + C เกิน 100
ดังนั้นจีงเลือก A
แต่ อันนี้เป็นเกมส์ ถ้าทุกคนเลือก A หมดจะทำให้ A มีผุ้ตอบรับมากกว่า 60%
คนฉลาดๆ อย่างผมจีงเลือก C ครับ แม้จะดูโง่ๆ ก็ตาม
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 28
ม่ายใช่แล้ว ยังมีอีกวิธีคือ ไม่ขายให้ A และ C จะทำให้ราคาสูงที่สุด
ผมเลือกไม่ขาย
ผมเลือกไม่ขาย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์ที่ 29
โค้ด: เลือกทั้งหมด
MO101 wrote:
ตัวอย่างหุ้นดีมากชื่อ osol
มีคำถามครับ อาจารย์
osol เป็นอะไรกับ loso
osol นี่เป็นคนไม่ดีครับ loso เป็นคนดีครับ
เรียกว่าภาคกลับกัน ด้านร้าย vs ด้านดี
