มานั่งคิดต่อ อืม จริง... การที่เราทำงานจริง ผลงานก็ออกมา เกิดสิ่งทั้งในทางรูปธรรม และ นามธรรม
งั้นมองว่า เราตกลงจะทำงาน แล้ว งานอะไรที่เราต้องทำ มัน ก็คงแบ่งด้วยหน้าที่ ความรับผิดชอบ ซึ่งจะบอกว่า ให้เราทำอะไร ทำเพื่ออะไร
งานมีหลายอย่าง ถ้าหน้าที่เรากำหนดให้ทำงานแบบหนึ่ง แต่ ไปทำงานอีกแบบหนึ่ง ผลงานก็จะออกมาในอีกรูปแบบตามงานที่ทำ ซึ่งก็จะไม่สอดคล้องตามจุดประสงค์ของหน้าที่ ที่รับผิดชอบอยู่
ถ้าเราต้องรับผิดชอบ คนเดียวก็คงจะดี ... แต่ความเป็นจริง สังคมมันซับซ้อน ความสัมพันธ์ มันโยงใยไปถึงกันหมด มีผลกระทบต่อกันมากบ้าง น้อยบ้าง
เมื่อเราได้ผลงาน ไม่เป็นไปตามหน้าที่ คนอื่นที่สัมพันธ์กับงานของเรา ก็จะมีปัญหา ทำงานต่อไม่ได้ หรือ ผลงาน ที่เขา ก็เบี่ยงเบนไป ผิดเพี้ยนไป เป็นทอด ๆ และ กระทบต่อสังคม ซึ่งจะรุนแรงหรือไม่ก้คงแล้วแต่น้ำหนักของผลงานนั้น ๆ
เพื่อให้สังคมมีงานที่เป็นไปตามหน้าที่ของมัน เราที่อยู่ในสังคมก็มีหน้าที่ ให้ได้งานที่สอดคล้องกับหน้าที่ของสังคม เพื่อให้เป็นสังคม ที่คนในสังคมต้องการ
บริษัทก็มีหน้าที่ และ งาน ของบริษัท พนักงาน ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ก็มีหน้าที่ เพื่อให้บริษัทมีผลงานตามที่ควรจะเป็น ตามหน้าที่ ที่บริษัทพึงเป็น
สื่อ ก็มีหน้าที่ และ ความรับผิดชอบของสื่อ
นายกนายกรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่และความรับผิดของ นายกรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่และความรับผิดของ คณะรัฐมนตรี
สส. ก็มีหน้าที่และความรับผิดของ สส.
สว. ก็มีหน้าที่และความรับผิดของ สว.
เรา ก็มีหน้าที่และความรับผิดของ เรา
ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดทำหน้าที่ ไม่ตรงกับหน้าที่ ที่มีและรับผิดชอบ ผลงานที่ออกมา ก็จะไม่ตรงกับ ผลงานที่ควรจะเป็น และ ยังจะส่งผลให้ อีกส่วนที่สัมพันธ์กัน มีผลงานที่เบี่ยงเบนไป
สุดท้ายก็จะกระทบกับผลงานของสังคม ที่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่สังคมควรเป็น
ผลงานของสังคมไทย ก็คือ ผล ที่ได้จากสังคมไทยทำงาน
ผลงานของสังคมโลก ก็คือ ผล ที่ได้จากสังคมโลกทำงาน
ทุกคนจึงต้องรู้ในหน้าที่ และ ความรับผิดชอบของตัวเอง และ ต้องทำผลงานตามหน้าที่ที่มีอยู่
เพราะ ถ้าเราทุกคนรู้หน้าที่ และความรับผิดชอบที่ตนเองมี และ ทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบ สังคมก็ย่อมให้ผลงานตามที่สังคมควรจะเป็น
คิดว่า เรา รู้หน้าที่ และ ความรับผิดชอบของตัวเองหรือยัง
คิดว่าเรา ทำงาน แล้วหรือยัง
จะดูได้ปย่างไร ก็ดูจากผลงาน ที่เราทำ...
