สวัสดีครับ คุณ AH pong to mustang

และพ่อแม่พี่น้อง ชาว Vi ทุกคนครับ
ยินดีทีได้รู้จักครับ ขอบคุณที่สนใจในแนวคิดครับผม
ออกตัวไว้ก่อนว่า ผม ไม่มีความสามารถถึงขนาด สอนใครได้ครับ ในเรื่องการลงทุน หรือว่า การ เลือกหุ้นนะครับ
ผมชอบ การอภิปราย ครับ ชอบ หาเหตุผล หักล้าง หรือว่า สนับสนุนแนวคิดครับ
ผมว่า แทนที่เราจะ สนใจ วิธีการ ผมว่าเรามาสนใจ แนวคิด จะดีกว่าไหมครับ
ถ้าถามผมว่า แล้วแนวคิดผมมาจากไหน
ผมขอตอบว่า ผม เอามาจากหนังสือ เกี่ยวกับหุ้นทั้งหลายครับ
โดยเฉพาะ ประวัติศาสตร์ และประวัติ ของบุคคลที่มีชื่อเสียงครับ
แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลเหล่านั้น หรือว่าวิธีเหล่านั้น เป็นเพียงวิธีในอดีต ที่ส่ง
ผลถึง ความสำเร็จในปัจจุบัน
ถ้าเราทำตามแนวคิด ของ ผู้อาวุโส เหล่านั้น ความสำเร็จ อาจไม่เท่ากัน
เพราะการลงทุนเป็น ฟังก์ชัน ของเวลาครับ
การลงทุนแบบ Vi ในสมัยนั้น อาจเป็นการลงทุนที่ดี แต่ คนในสมัยนั้น คิดว่า
มันไม่ดีครับ
คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เจริญรอยตาม ผู้อาวุโส ทั้งๆที่ เวลาได้เปลี่ยนไป แล้ว
เวลาเปลี่ยนวิธีการ ย่อมเปลี่ยนตาม
อย่างยืดหยุ่น อย่างนิ่มนวล กลมกลืน
ประเด็นในเรื่องของ วิธีการ
มีใครไม่รู้วิธีการบ้างครับ ทุกคนในที่นี้ คงทราบวิธีการการลงทุน แบบ VI VS
มาแล้วทั้งนั้น ความรู้ ในเรื่องวิธีการ ย่อมต้องใกล้เคียงกัน เพราะ General ทั้ง
หลาย ต่างไม่มีคำว่า หวง วิชา ครับ มีแต่ อยากถ่ายทอด ให้ รับรู้ และ เรียนรู้ครับ
สรุปว่า วิธีการ เหมือนๆ กันครับ
ประเด็นเรื่องข้อมูล
ถ้าไม่นับของมูลอินไซด์ ทั้งหลายทั้งปวง เพราะมันอาจทำให้คุณรวย หรือว่า หมดตัวได้ ภายในพริบตา
เรื่องผลประกอบการ ราคาหุ้น ฯลฯ เป็นข้อมูลสามัญครับ
ใครๆก็รู้ใครๆ ก็เห็นครับ คนที่ อ่านผลประกอบการได้ แน่นอนว่าต้องได้เปรียบคนที่อ่าน ผลประกอบการไม่เป็น
แต่
ทำไม คนที่อ่านผลประกอบการได้ ถึงไม่ประสบความสำเร็จทุกคนครับ
เป็นคำว่า ได้เปรียบ เท่านั้น
ความแปรปรวน ของราคา และผลประกอบการ ถึงตอนนี้ ยังไม่ใครสามารถหาได้ถูกต้อง เลยแม้แต่คนเดียว
คำพูดที่ว่า ไม่มีใครคาดเดาตลาดได้ จึงยังคงอยู่
ที่เราทำ จึงได้แค่เพียง ประเมิณ ประมาณ พยากรณ์ เท่านั้น
Vs พยากรณ์(เดา) Real Time
VI พยากรณ์(เดา) ผลประกอบการณ์
หรือว่า ข้อมูล จะ ไร้ประโยชน์
ย่อมไม่ใช่
แล้วประโยชน์ จะอยู่ ที่ใด?
ย่อมอยู่ที่การพิจารณา ข้อมูลและสถานะการณ์(เดา)
ประเด็นในเรื่องของ ทุน
เป็นที่แน่นอนว่า ทุน ของ ทุกคน ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ทุนน้อย ย่อมมีวีธีหนึ่ง
ทุนมาก ก็ ย่อม มีวิธีอีกหนึ่ง
แต่ทั้งสองวิธี ย่อมไม่ใช่วิธีเดียวกัน ฉันใดก็ฉันนั้น ทุนน้อยใช้วิธีทุนมาก
หรือทุนมากใช่วิธีทุนน้อย
อาจบางที สถานะการณ์ เป็นผู้กำหนด
ประเด็นในเรื่องของทุน ต่อ
"ผมไม่มีเงินลงทุน" คงเป็นคำพูดของใครหลายคน
ผมเชื่อว่า ไม่มีใคร มีเงินลงทุน มาตั้งแต่แรก ครับ
ทุกคนเริ่มพร้อมๆ กัน ถ้า คนที่เพิ่มเริ่มเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับ คนที่เริ่มมานานแล้ว
คำตอบที่ได้ คง เป็น "ผมไม่มีเงินขนาดนั้น"
แต่ช้าก่อน
คนที่มีเงินขนาดนั้น ก็ มีเงิน ขนาดคุณมาเหมือนกัน ในตอนเริ่มต้น
ถ้าเรา สนใจวิธีการ ที่บัฟเฟต ทำในตอนนี้ มันจะเหมาะมาก ถ้าเรามีเงินเหมือนบัฟเฟต ครับ
ซื้อกิจการที่กำลังตาย นำมาฟื้นฟู แล้ว ขายต่อ
หรือว่า ซื้อกิจการที่ มีมูลค่า มากกว่า ราคา แล้วนำมาแยกส่วนขาย
มีใคร ไม่รู้บ้างครับ ว่าทำอย่างไร
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เราไม่มีเงินเหมือนบัฟเฟตครับ
เพราะฉะนั้น จึงไม่ค่อยจะถูกนักถ้าเรา จะเอาอย่างบัฟเฟต ทั้งหมด
หรือจะเก็งกำไรค่าเงินบาท เหมือนที่โซรอส ทำ มันคงเป็นไปไม่ได้ครับ
ประเด็นเรื่อง การศึกษา
เพราะฉะนั้น เราควรศึกษาวิธีการหรือแนวคิด ที่ Master เหล่านั้น ประสบความสำเร็จ
ทางเดิน ที่แล้วๆ มา
แนวคิด ของ ผู้อาวุโส เหล่านั้น ว่าตอนที่เขายังไม่มี
ตอนที่เขาเพิ่งเริ่มเป็นอย่างไร
เขาทำอย่างไร
ขอตอบกระทู้นะครับ
แนวความคิดผม หรือว่าวิธีการที่ผมใช้ในการคิด มาจากหนังสือ
เต๋าแห่งผู้นำ ซึ่งแปลมาจาก ของ จอนน์ไอเดอร์ครับ
หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป สำหรับผู้ที่สนใจ
เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือว่า บุคคลทั่วไป ครับ
ขอบคุณที่อ่านครับผม
