วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ขออนุญาต ล้อกระทู้ของพี่เจ๋ง และท่านเจโชเอามาตั้งบ้าง

ผมคิดว่า ท่าน Tao Investor เป็นอีกท่านหนึ่งที่มีความคิดน่าสนใจ
เลยขออนุญาตถามแนวทางในการเลือกหุ้นของท่านเอาไว้เป็นแนวคิดต่อไปครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
mustang
Verified User
โพสต์: 375
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เข้ามารอเรียนด้วยคนครับ
pongto
Verified User
โพสต์: 179
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 3

โพสต์

จอง 1 ที่นั่ง
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 4

โพสต์

คงต้องรอท่าน Tao Investor สักหน่อยครับ
ครั้งล่าสุดที่ตอบคือ 28 พค.

ผมจะคอยดึงกระทู้นี้มาไว้ข้างบนเป็นระยะๆ เวลาที่จะหลุดไปหน้า 2
อาจจะทำให้เพื่อนๆบางคนรำคาญ ต้องขอโทษล่วงหน้าครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
ภาพประจำตัวสมาชิก
dr_norr
Verified User
โพสต์: 315
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แบบไหนเหรอ..... :?:
แมงเม่าวันนี้ จะตัวใหญ่ขึ้นในวันหน้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tao Investor
Verified User
โพสต์: 200
ผู้ติดตาม: 0

..

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สวัสดีครับ คุณ AH pong to mustang :mrgreen: และพ่อแม่พี่น้อง ชาว Vi ทุกคนครับ

ยินดีทีได้รู้จักครับ ขอบคุณที่สนใจในแนวคิดครับผม :oops:

ออกตัวไว้ก่อนว่า ผม ไม่มีความสามารถถึงขนาด สอนใครได้ครับ ในเรื่องการลงทุน หรือว่า การ เลือกหุ้นนะครับ


ผมชอบ การอภิปราย ครับ ชอบ หาเหตุผล หักล้าง หรือว่า สนับสนุนแนวคิดครับ

ผมว่า แทนที่เราจะ สนใจ วิธีการ ผมว่าเรามาสนใจ แนวคิด จะดีกว่าไหมครับ

ถ้าถามผมว่า แล้วแนวคิดผมมาจากไหน :?:

ผมขอตอบว่า ผม เอามาจากหนังสือ เกี่ยวกับหุ้นทั้งหลายครับ

โดยเฉพาะ ประวัติศาสตร์ และประวัติ ของบุคคลที่มีชื่อเสียงครับ

แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลเหล่านั้น หรือว่าวิธีเหล่านั้น เป็นเพียงวิธีในอดีต ที่ส่ง

ผลถึง ความสำเร็จในปัจจุบัน :?: :?:

ถ้าเราทำตามแนวคิด ของ ผู้อาวุโส เหล่านั้น ความสำเร็จ อาจไม่เท่ากัน

เพราะการลงทุนเป็น ฟังก์ชัน ของเวลาครับ

การลงทุนแบบ Vi ในสมัยนั้น อาจเป็นการลงทุนที่ดี แต่ คนในสมัยนั้น คิดว่า

มันไม่ดีครับ


คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เจริญรอยตาม ผู้อาวุโส ทั้งๆที่ เวลาได้เปลี่ยนไป แล้ว

เวลาเปลี่ยนวิธีการ ย่อมเปลี่ยนตาม :!:

อย่างยืดหยุ่น อย่างนิ่มนวล กลมกลืน

ประเด็นในเรื่องของ วิธีการ :?:

มีใครไม่รู้วิธีการบ้างครับ ทุกคนในที่นี้ คงทราบวิธีการการลงทุน แบบ VI VS

มาแล้วทั้งนั้น ความรู้ ในเรื่องวิธีการ ย่อมต้องใกล้เคียงกัน เพราะ General ทั้ง

หลาย ต่างไม่มีคำว่า หวง วิชา ครับ มีแต่ อยากถ่ายทอด ให้ รับรู้ และ เรียนรู้ครับ

สรุปว่า วิธีการ เหมือนๆ กันครับ

ประเด็นเรื่องข้อมูล :?:

ถ้าไม่นับของมูลอินไซด์ ทั้งหลายทั้งปวง เพราะมันอาจทำให้คุณรวย หรือว่า หมดตัวได้ ภายในพริบตา

เรื่องผลประกอบการ ราคาหุ้น ฯลฯ เป็นข้อมูลสามัญครับ

ใครๆก็รู้ใครๆ ก็เห็นครับ คนที่ อ่านผลประกอบการได้ แน่นอนว่าต้องได้เปรียบคนที่อ่าน ผลประกอบการไม่เป็น

แต่

ทำไม คนที่อ่านผลประกอบการได้ ถึงไม่ประสบความสำเร็จทุกคนครับ

เป็นคำว่า ได้เปรียบ เท่านั้น

ความแปรปรวน ของราคา และผลประกอบการ ถึงตอนนี้ ยังไม่ใครสามารถหาได้ถูกต้อง เลยแม้แต่คนเดียว

คำพูดที่ว่า ไม่มีใครคาดเดาตลาดได้ จึงยังคงอยู่

ที่เราทำ จึงได้แค่เพียง ประเมิณ ประมาณ พยากรณ์ เท่านั้น

Vs พยากรณ์(เดา) Real Time

VI พยากรณ์(เดา) ผลประกอบการณ์

หรือว่า ข้อมูล จะ ไร้ประโยชน์

ย่อมไม่ใช่

แล้วประโยชน์ จะอยู่ ที่ใด?

ย่อมอยู่ที่การพิจารณา ข้อมูลและสถานะการณ์(เดา)

ประเด็นในเรื่องของ ทุน :?:

เป็นที่แน่นอนว่า ทุน ของ ทุกคน ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ทุนน้อย ย่อมมีวีธีหนึ่ง

ทุนมาก ก็ ย่อม มีวิธีอีกหนึ่ง

แต่ทั้งสองวิธี ย่อมไม่ใช่วิธีเดียวกัน ฉันใดก็ฉันนั้น ทุนน้อยใช้วิธีทุนมาก

หรือทุนมากใช่วิธีทุนน้อย

อาจบางที สถานะการณ์ เป็นผู้กำหนด


ประเด็นในเรื่องของทุน ต่อ :?:

"ผมไม่มีเงินลงทุน" คงเป็นคำพูดของใครหลายคน

ผมเชื่อว่า ไม่มีใคร มีเงินลงทุน มาตั้งแต่แรก ครับ

ทุกคนเริ่มพร้อมๆ กัน ถ้า คนที่เพิ่มเริ่มเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับ คนที่เริ่มมานานแล้ว

คำตอบที่ได้ คง เป็น "ผมไม่มีเงินขนาดนั้น"

แต่ช้าก่อน

คนที่มีเงินขนาดนั้น ก็ มีเงิน ขนาดคุณมาเหมือนกัน ในตอนเริ่มต้น


ถ้าเรา สนใจวิธีการ ที่บัฟเฟต ทำในตอนนี้ มันจะเหมาะมาก ถ้าเรามีเงินเหมือนบัฟเฟต ครับ

ซื้อกิจการที่กำลังตาย นำมาฟื้นฟู แล้ว ขายต่อ

หรือว่า ซื้อกิจการที่ มีมูลค่า มากกว่า ราคา แล้วนำมาแยกส่วนขาย

มีใคร ไม่รู้บ้างครับ ว่าทำอย่างไร

ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เราไม่มีเงินเหมือนบัฟเฟตครับ

เพราะฉะนั้น จึงไม่ค่อยจะถูกนักถ้าเรา จะเอาอย่างบัฟเฟต ทั้งหมด

หรือจะเก็งกำไรค่าเงินบาท เหมือนที่โซรอส ทำ มันคงเป็นไปไม่ได้ครับ



ประเด็นเรื่อง การศึกษา :?:


เพราะฉะนั้น เราควรศึกษาวิธีการหรือแนวคิด ที่ Master เหล่านั้น ประสบความสำเร็จ

ทางเดิน ที่แล้วๆ มา

แนวคิด ของ ผู้อาวุโส เหล่านั้น ว่าตอนที่เขายังไม่มี

ตอนที่เขาเพิ่งเริ่มเป็นอย่างไร

เขาทำอย่างไร



ขอตอบกระทู้นะครับ :?:

แนวความคิดผม หรือว่าวิธีการที่ผมใช้ในการคิด มาจากหนังสือ

เต๋าแห่งผู้นำ ซึ่งแปลมาจาก ของ จอนน์ไอเดอร์ครับ

หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป สำหรับผู้ที่สนใจ

เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือว่า บุคคลทั่วไป ครับ


ขอบคุณที่อ่านครับผม :wink:
Inmagination is more importan than knowledge
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 7

โพสต์

คุณเต๋า คงใช้วิธี หุ้นมีขึ้น มีลง มีลง มีขึ้น

ในขึ้นมีลง ในลงมีขึ้น อิอิ
mustang
Verified User
โพสต์: 375
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 8

โพสต์

หยิน หยาง นั่นเอง
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณท่าน Tao ครับ
สำหรับแนวคิดดีๆ
ผมพอจะสรุปแบบนี้ได้ไหมครับ

"ไม่ควรยึดติดกับรูปแบบใดๆเกินไป
แต่ควรปรับตัวไปตามสถานการณ์ "
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
ภาพประจำตัวสมาชิก
tom
Verified User
โพสต์: 691
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เล่นหุ้นมา 10 เดือนเสียไป 180,000 บทเรียนราคาแพง
ก่อนเข้ามาเล่นหุ้น ผมมองว่าตลาดหุ้นอันตราย เป็นการพนัน ผมจึงไม่สนใจเลย แม้แต่นิดเดียว ได้แต่ ทำงาน เก็บ เหลือก็เที่ยว ทำงานมา 7 ปี มีเงินเก็บได้รถมือ 2 มา 1 คัน มีเงินเกบอีก 120,000 จนกระทั่งด้วยความสงสารเพื่อนที่เป็นมาร์เก็ตติ้งที่มาตื้อให้ช่วยเปิดบัญชีเล่นหุ้น แต่ไม่ต้องเล่นก็ได้ ก็เลยช่วยไป หลังจากเปิดเพื่อนก็โทรมาตื้อให้ช่วยซื้อหุ้นนิดๆหน่อย เป็นเงิน 4-5 พันบาทในช่วงแรกๆ ผมตัดความรำคาญก็เลยซื้อทิ้งๆไป จำได้ว่าหุ้น 2 ตัวแรกที่ผมซื้อ คือ TRUE ณ เวลานั้น ( สค.47) ราคาแค่ 3.80 ถ้าจำไม่ผิด แล้วก็มี LOXLEY 3.80 บาท ราคาประมาณนี้ ผมซื้อทิ้งไว้ ผ่านไป2 วัน เพื่อนโทมาบอกว่าได้กำไรนิดหน่อยขายไปก่อน ดว้ยความที่ไม่รุ้แล้วก็ยุ่งกับงานของตัวเองก็เลย เออออห่อหมกไป ในที่สุดเพื่อนบอกว่าได้กำไรมาเท่าไรห่ผมจำไม่ได้แล้ว (นี่ถ้าถือ TRUE มาถึงตอนนี้ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว) พอได้ยินคำว่ากำไรผมก็เลยเกิดความโลภขึ้น หลังจากนั้นก็ค่อยซื้อเองบ้าง ซื้อผิด ซื้อถูก ไม่มีเหตุผล ดูจังหวะลูกเดียว ไม่ค่อยได้ศึกษาเท่าไหร่ เวลาผ่านไปจน วันนี้ 27 มิ.ย. 48 ครับ เงินในแบงค์ที่เหลือ 120,000 หมดไปแล้ว โชคดีที่รถยังอยู่และไม่ได้ไปจำนำหรือจำนองที่ไหนยังคงเป็นชื่อผม แต่ผมมีหนี้ที่เพิ่มมาอีกประมาณ 60,000 กว่าบาท นอกเหนือจากเงินในแบงค์ที่หมดไปถามว่าผมเข็ดไหม..."เข็ดครับ" เป็นบทเรียนราคาแพงมากที่สุดในชีวิตผม ที่ทำงานหน้าดำมากว่า 7 ปี โชคยังดีที่ยั้งใจไม่ขายรถไปก่อน ถามว่าวันนี้ผมยังเล่นไหม ผมก็ยังเล่นครับ แต่เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเล่นแบบระยะกลาง คือซื้อแล้วรอให้ขึ้น ค่อยขาย ขาดทุนก็ไม่ขายและไม่ซื้ออะไรเพิ่ม เลิกเล่นเน็ทเด็ดขาด ยอมรับครับว่าไม่ประมาณตนเอง ดันเอาเงินที่เราต้องใช้จ่ายดว้ยมาเล่น ทำให้ต้องมีหนี้เพิ่ม หลังจากที่ผมเปลี่ยนแนวทางในการเล่นหุ้นมาเป็นระยะกลาง ก็รู้สึกดีขึ้นมาก คือ ไม่กระวนกระวายดูหุ้นทุกวัน ถ้าติดตัวไหน ก็ไม่ซื้อเพิ่มรอให้มันขึ้น ปฏิญาณกับตัวเองว่า "ถ้าตัวนี้ยังติด มรึงห้ามซื้อตัวอื่นหรือเข้าเฉลี่ยเด็ดขาด" แบบนี้ครับ ก้มีกำไรมาบ้างๆวันละนิดละหน่อย แต่มันคนละเรื่องกับตอนเสียเมื่อช่วงที่ผมเล่นเน็ทเลยครับที่ได้มาช่วงนี้หลังจากเปลี่ยนการเล่นของตัวเองผมว่าอีกไม่ต่ำกว่า 3 ปีนั่นละครับ กว่าผมจะได้คืนที่ผมเสียไปกลับมา แต่ผมก็ยอมที่จะรอเพราะผมเป็นคนสร้างและก่อมันขึ้นมาเองที่เล่ามาทั้งหมดเสียยืดยาว มีจุดประสงค์แค่อยากจะระบายครับเพราะผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยแล้วก็อึกอัดทุกครั้งที่ต้องกระวนกระวายมาหาเงินลงหุ้น แต่ก็ต้องทำหน้าตาเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะผมเป็นเสาหลักของบ้านทั้งๆที่ผมยังวัยรุ่นอยู่ (ไม่ถึง30) ดีว่าผมยังไม่มีครอบครัว แต่ภาระผมเยอะเหลือเกินจริงๆ จำนวนเงิน 180,000 อาจจะเทียบไม่ได้กับพี่ๆหลายคนในนี้ แต่สิ้งหนึ่งที่ผมได้จากการเล่นหุ้นคือ อย่าโลภ, รู้จักประมาณตน, ไม่ใจร้อน และตั้งสติอยู่กับตัวเอง สำหรับผู้ที่เพิ่งเล่นผมก็ขอให้คุณโชคดี อย่าได้เป็นแบบผม ปัจจับันผมก็รอวันที่จะพ้นจากการเป็นหนี้กว่า 70,000 บาท แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เล่นหุ้นบ้างพอเป็นกระสัย และรอวันที่ผมจะเอาชนะตลาดนี้ให้ได้ซึ่งก็คือวันที่ผมเอาเงิน 180,000 ทั้งหมดกลับมาให้ได้ อย่างว่าละครับผมเจ็บแล้วจำ นานแค่ไหนก็จะรอยังไงๆ "10 แก้แค้น ก็ไม่สาย" ใช่ไหมครับพี่ๆ (แก้แค้นด้วยความมีสติ และไม่วู่วาม อีกแล้ว)

จากคุณ : ตี๋น้อย - [ 27 มิ.ย. 48 19:05:39 A:61.91.167.233 X: TicketID:103405 ]

ลอกเขามาครับ
NYU
Verified User
โพสต์: 35
ผู้ติดตาม: 0

วิธีที่ท่าน Tao Investor ซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 11

โพสต์

คุณ Tao Investor เขียน

Inmagination is more importan than knowledge
ก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ (สังคมแห่งจินตนาการ)
ความรู้และความมั่งมี เป็นเครื่องมือสำหรับทำความดี


Imagination หรือ จินตนาการ หรือเป่าอับ

ผมชอบคำนี้ครับ

"เวลาเปลี่ยนวิธีการ ย่อมเปลี่ยนตาม"
ล็อคหัวข้อ