สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 421

โพสต์

รูปภาพ

รูปภาพ

ติดตามดูข่าวทางTV ได้ จาก...แนลชั่นแชแนล
เกิดการขว้างขวดน้ำใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปะทะผลักดัน และยิงแก๊สน้ำตา ช่วงเช้า8.39น.เศษ
ปะทะที่สะพานมัฆวานฯ

http://www.suthichaiyoon.com/home/detai ... NewsID=384

สปริงนิวส์

http://news.springnewstv.tv/21837/08-55 ... 4%E0%B8%9B





ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 422

โพสต์

บริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดตัว5พันธมิตรผู้ผลิต

รูปภาพ
ผู้บริหารบริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
พร้อม5พันธมิตรผู้ผลิตรายการคุณภาพ ร่วมถ่ายภาพระหว่างแถลงข่าว5ช่องรายการใหม่

รูปภาพ
โฉมหน้า5พันธมิตรผู้ผลิตรายการคุณภาพกับ CTH

รูปภาพ
ดร.เพียงเพ็ญ ทุมมานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานจัดหารายการ
บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ระหว่างการแถลงข่าว

รูปภาพ
คุณคงกะพัน แสงสุริยะ ผู้ผลิตรายการบางอ้อแชนแชลร่วมแถลงข่าว

รูปภาพ
คุณกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้า หน้าที่บริหาร บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
ขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าว

รูปภาพ

ดร.เพียงเพ็ญ ทุมมานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานจัดหารายการ
บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) - คุณคงกะพัน แสงสุริยะ ผู้ผลิตรายการบางอ้อแชนแชล

รูปภาพ
คุณนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้ผลิตรายการเก้ายอด - ผู้ผลิตรายการพาโนรามา แชนแนล

รูปภาพ
คุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ผลิตรายการทีวีบูรพา แชนแนล

รูปภาพ
บอย แห่งครอบครัวสินเจริญ ผู้ผลิตรายการ DUCK LIVES by สินเจริญ

รูปภาพ
บรรยากาศระหว่างการแถลงข่าวบนเวที

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 423

โพสต์

รูปภาพ
คาดสัปดาห์หน้าค่าบาทเคลื่อนไหวที่ 30.60-30.85 บาทต่อดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด สัปดาห์หน้าค่าบาทเคลื่อนไหวที่ 30.60-30.85 บาทต่อดอลลาร์ แนะจับตาประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนและสัญญาณประนีประนอมระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาว...

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทแข็งค่าในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะทรงตัวใกล้ระดับ 30.70 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงต่อมาเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ มากระตุ้น โดยเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางความหวังว่า สภาคองเกรสและทำเนียบขาว จะสามารถบรรลุข้อตกลงลดหนี้และยอดขาดดุลงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งก็จะทำให้สหรัฐฯ หลีกพ้นความเสี่ยงจากหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) และภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินบาทแคบลงในช่วงต่อมา แม้จะขยับแข็งค่าขึ้นบ้างตามทิศทางสกุลเงินเอเชียในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยนักลงทุนรอปัจจัยใหม่ๆ และจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด ในวันศุกร์ (23 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 30.68 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับ 30.75 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 พ.ย.)

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (26-30 พ.ย.) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.85 บาทต่อดอลลาร์ โดยคงต้องติดตามการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ซึ่งอาจมีการหารือแผนการขอเบิกเงินช่วยเหลือของกรีซ) สัญญาณการประนีประนอมระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหา Fiscal Cliff ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือน ก.ย. ตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/2555 (ประกาศครั้งที่ 2) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book) นอกจากนี้ ตลาดในประเทศก็น่าจะจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และผลการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. ในช่วงกลางสัปดาห์ด้วยเช่นกัน.

รูปภาพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
24 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 424

โพสต์

เสวย ริเวอร์วิว (SAVOEY RIVERVIEW)

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เสวย ริเวอร์วิว (SAVOEY RIVERVIEW)

Visitor : 99,573

ประเภทร้าน : สวนอาหาร
ประเภทอาหาร : อาหารไทย,อาหารจีน,อาหารซีฟู๊ด
ย่าน : นราธิวาส,พระราม3,สวนพลู
รายละเอียดร้าน :
ร้านอาหารย่านใจกลางเมือง พระราม 3 ตกแต่งหลากสไตล์ โซนด้านในหรูหราพร้อมเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย และห้องคาราโอเกะส่วนตัว โซนด้านนอกเป็นแบบ Open Air รับลมริมน้ำ บริการอาหารไทย จีน ซีฟู๊ดสดๆ เป็น ๆ คัดวัตุดิบชั้นเยี่ยมเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เทศกาลเจปีนี้ ทางร้านยังมีบริการอาหารเจสำหรับผู้ที่ถือศีลกินเจในช่วงนี้อีกด้วย
เมนูแนะนำ :
1. ฉู่ฉี่กุ้งก้าม 180-360 บาท 5. กุ้งก้ามราดครีมมะนาว ตามน้ำหนัก บาท
2. ออส่วนกะทะร้อน(แป้งกรอบ) 170 บาท 6. ปอเปี๊ยะสดเสวย - บาท
3. ปลากระพงทอดน้ำปลา 350 บาท 7. กุ้งแม่น้ำอบเนย - บาท
4. ปูเนื้อผัดผงกะหรี่ 400(ล)/800(ญ) บาท 8. ติ่มซำ - บาท





ราคาต่อท่าน(โดยประมาณ) : 250-300 บาท
ห้องจัดเลี้ยง :
ห้องคาราโอเกะ 6 ห้อง
ห้องคาราโอเกะ :
-
จำนวนโต๊ะ : 80 โต๊ะ
มาตรฐานรางวัล : -
เครื่องปรับอากาศ : มีบริเวณปรับอากาศ
สถานที่สูบบุหรี่ : มีบริเวณสูบบุหรี่
บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ : บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จำนวนที่จอดรถ : จอดรถได้ประมาณ 150 คัน บริเวณลานจอดรถของร้าน
รับบัตรเครดิต : Visa , Amex , Master card , Diner , JCB และบัตรเครดิตในประเทศ
การเดินทาง :
ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 บริเวณใต้สะพานพระราม9 สามารถไปได้จากหลายเส้นทาง ได้แก่ ถ.วงแหวนอุตสาหกรรม,ถ.พระราม 3,สะพานกรุงเทพ
ที่ตั้ง : 26/5 ถนนพระราม 3 (ระหว่างซอย 52 กับ 50) ตรงข้ามแยกถ.วงแหวนอุตสาหกรรม แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. 10120
โทร : 0-2681-5145-7
เปิดบริการ : อา.-พฤ.11.00-23.00น.,ศ.-ส. 11.00 น. - 24.00 น.
เว็บไซต์ : www.savoeyrestaurant.com
อีเมล : [email protected]
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 425

โพสต์

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 426

โพสต์

รูปภาพ

กสิกรไทยฟันธงกนง.หั่นดอกเบี้ยอีก0.25% เหตุเศรษฐกิจโลกยังเสี่ยงสูง
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีนี้ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% หลังจากที่ กนง.ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมรอบที่ 7 ของปี ในวันที่ 17 ตุลาคม 2555 เพื่อเป็นหลักประกันให้การขยายตัวของเศรษฐกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงของเศรษฐกิจหลักในโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อคลายตัวลงส่วนหนึ่ง ทำให้ กนง.ยังพอมีช่องว่างสำหรับการดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี หาก กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ และเลือกที่รอติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่สำคัญก็มีโอกาสเช่นกันที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะเกิดขึ้นภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 โดยเฉพาะถ้าสัญญาณการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทยทั้งการส่งออก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นตามที่คาด จากความเปราะบางของเศรษฐกิจหลักในโลก ขณะที่ คงจะต้องติดตามแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งจากภาคเอกชนและภาครัฐ ภายใต้แรงหนุนจากนโยบายการเงินและการคลัง ในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าจะสามารถรักษาโมเมนตัมการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจในช่วงต่อๆ ไปไว้ได้มากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ในที่สุดแล้ว มติการประชุมวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่จะมาถึง คงจะอยู่ระหว่างการตัดสินใจปรับลดหรือการคงอัตราดอกเบี้ย อันขึ้นกับวิจารณญาณของคณะกรรมการนโยบายการเงินแต่ละท่านที่อาจจะมีการให้น้ำหนักความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะแตกต่างกัน อันทำให้มีโอกาสที่ผลการลงมติจะออกมาเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่อเนื่องจากการประชุมรอบก่อนหน้า ถึงแม้ว่ามุมมองด้านเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันจะเป็นระดับที่ค่อนข้างสมดุลแล้วก็ตาม อย่างไรก็ดี โดยรวมเชื่อว่า กนง.คงจะชั่งน้ำหนักถึงปัจจัยแวดล้อมรอบด้านอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบที่สุด

สำหรับประเด็นที่ต้องจับตาในระยะข้างหน้า นอกเหนือจากพัฒนาการด้านเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะจากประเด็นการเมือง ที่ทุกฝ่ายคงติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่น บรรยากาศการใช้จ่าย-ลงทุน และการดำเนินนโยบายของทางการได้ จุดสนใจในระยะถัดไปคงจะอยู่ที่การปรับตัวของระดับราคาสินค้า ซึ่งนอกจากจะผูกโยงกับราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการส่งผ่านต้นทุนการผลิตสะสมที่เพิ่มขึ้นในระยะที่ผ่านมาโดยเฉพาะหลังการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ตลอดจนความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายเพื่อบรรเทาค่าครองชีพและการชะลอการปรับโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศของรัฐ เพราะคงต้องยอมรับว่า กนง.อาจต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในอนาคต ถ้าสัญญาณเชิงลบทางเศรษฐกิจยังคงเกิดขึ้นพร้อมๆ กับแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

รูปภาพ
วันเสาร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 427

โพสต์

รูปภาพ

“เซ็นทรัล/เซน มิดไนท์เซล” 28พ.ย.-5ธ.ค. ลดกระฉูดสูงสุด 70% ทุกชั้น ทุกแผนก

ห้างเซ็นทรัล/เซน จัดรายการ “Central/ZEN Midnight Sale 2012” ชวนช้อปฯ ยาวถึงเที่ยงคืน ลดทุกชั้นทุกแผนก สูงสุดถึง 70% ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. ถึง 5 ธ.ค. 55 (28 พ.ย. 55/Preview Day) เฉพาะวันที่ 29 และ 3-5 ธ.ค. 55 เปิด/ปิดบริการตามปกติ/ 30 พ.ย. และ 1 ธ.ค. 55 เปิดบริการถึงเที่ยงคืน (เฉพาะสาขา ชิดลม, ลาดพร้าว, ปิ่นเกล้า, บางนา, พระราม 2 และพัทยา บีช) 2 ธ.ค. 55 เปิดบริการถึง 23:00 น. (ยกเว้นสาขาลาดพร้าว เปิดบริการถึง 24.00 น. / สีลมคอมเพล็กซ์ และภูเก็ต เปิดบริการถึง 22:00 น.) ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน, ช็อปในเซ็นทรัลเวิลด์, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา สาขา แกรนด์ พระราม 9, สาขาลาดพร้าว และศูนย์การค้าสีลมคอมเพล็กซ์

• ลดสุดคุ้ม...สินค้าเคาน์เตอร์ปกติ ทุกชั้นทุกแผนก ลด 15-30%
• เครื่องสำอาง และน้ำหอม ลด 10-15% (พร้อมรับของสมนาคุณ)
• สินค้าคุณภาพ ลด 30-70%
• ลุ้น...คูปองเงินสด: ช้อปฯ ครบทุก 1,500 บาท เฉพาะเซ็นทรัล (รวมสินค้าที่ร่วมรายการ ZeenZone มาร์คแอนด์สเปนเซอร์) รับคูปองชิงรางวัล 1 ใบ เพื่อลุ้นรับ Central Gift Cards มูลค่า 1,000/ 1,500/ 2,000/ 3,000/ 6,000 บาท รวม 1,131 รางวัล รวมมูลค่า 2,266,000 บาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 428

โพสต์

รูปภาพ

แวะชิม..เป็ดย่างสูตรฮ่องกง-เกี๊ยวกุ้งกวางเจา

เมนูจานเด็ดที่ร้าน “หงกี่” ถนนเฉลิมพระเกียรติฯ


พบกันอีกครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ในคอลัมน์พาชิมของหนังสือพิมพ์ “บ้านเมือง” รายวัน โดยมี “แม่ลิ้นจี่” เจ้าเก่าคนเดิมคอยเป็นผู้สรรหาร้านอาหารดีๆ พร้อมด้วยเมนูจานเด็ดจากทั่วทุกสารทิศมาแนะนำให้ทุกท่านได้พากันแวะไปลิ้มลอง…!

ในฉบับนี้ก็นับได้ว่าเป็นฉบับ “ฉลองครบรอบ 12 ปี” ของคอลัมน์ “แม่ลิ้นจี่พาชิม” ที่ได้เขียนแนะนำร้านอาหารสู่สายตาท่านผู้อ่านมาเนิ่นนานโดยไม่เคยเว้นวรรคหรือขาดหาย ถ้านับรวมร้านที่เคยแนะนำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในตอนนี้ก็คงไม่ต่ำกว่า 600 ร้าน และทุกร้านที่แนะนำกันไปไม่มีร้านไหนที่ “แม่ลิ้นจี่” ไม่เคยไปเหยียบย่างแล้วมานั่งเทียนเขียนข่าวว่าอร่อยเลิศประเสริฐศรี

รูปภาพ

เมนูอร่อยน่าชิม…ประจำฉบับนี้ แม่ลิ้นจี่กำลังจะชักชวนแฟนคอลัมน์ให้พากันไปอิ่มอร่อยกับสารพัดเมนูจานเด็ดกันที่ร้าน “หงกี่” ในย่านถนนเฉลิมพระเกียรติ สวนหลวง ร.9 ซึ่งร้านที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้เขามีอาหารสารพัดอย่างให้เราได้เลือกสั่ง ไม่ว่าจะเป็น ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ตือฮวน ต้มเลือดหมู ส้มตำ และอาหารไทย-อีสานตามสั่ง สนนราคาก็ไม่แพง เริ่มต้นกันที่จานละ 30-150-440 บาท แต่เมนูจานเด็ดที่เป็นพระเอกของที่นี่ไม่ว่าใครมาก็ต้องสั่ง นั่นก็คือ “เป็ดย่างหงกี่” และ “เกี๊ยวกุ้งกวางเจา” เรียกได้ว่ามาที่ร้าน “หงกี่” ร้านเดียวเหมือนได้เที่ยวชิมสารพัดอาหารในฟาสต์ฟู้ด

รูปภาพ
เป็ดย่างหงกี่

จากการสอบถาม “คุณวีรวรรณ เนตรทัศน์” หรือ “เจ๊น้อง” ซึ่งเป็นเจ้าของร้านได้บอกเล่าให้ “แม่ลิ้นจี่” ฟังว่า ย้อนอดีตไปเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยสาว ตนเองได้แต่งงานกับหนุ่มชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้มีนามว่า “คุณหงใจ๋” จนมีทายาทเป็นลูกสาวสวยน่ารัก วัย 15 ปี ชื่อว่าน้อง “จิง จิง” ซึ่งกำลังเข้ารอบสุดท้ายของการประกวด “ไทยซูเปอร์โมเดล” หมายเลข T10 คุณหงใจ๋เป็นชาวจีนกวางตุ้งซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองกั๋วซาน และมีญาติสนิทเป็นเถ้าชิ่วมือหนึ่งอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวของเมืองจีน ซึ่งได้ถ่ายทอดวิทยายุทธ์ในการทำ เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ บะหมี่เกี๊ยว ให้กับคุณหงใจ๋จนเจนจบครบทุกกระบวนท่า

รูปภาพ
เกี๊ยวกุ้งน้ำกวางเจา

ต่อมาเมื่อฝ่ายสามีได้เข้ามาตั้งรกรากทำธุรกิจอยู่ในเมืองไทย จึงได้มาเปิดร้านอาหารอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซาบางนา ซีคอนสแควร์ และที่เสรีเซ็นเตอร์ แต่เมื่อต้องถูกทางห้างฯ แบ่งเปอร์เซ็นต์ไปมากมาย จึงยุบกิจการแล้วมาเปิดร้านใหม่ได้นานกว่า 4 ปี อยู่ปากซอยเฉลิมพระเกียรติ 10 โดยได้นำชื่อของสามีมาตั้งเป็นชื่อร้านว่า “หงกี่”

รูปภาพ
บะหมี่เกี๊ยวกุ้งเป็ดย่าง

ส่วนเมนูจานเด็ดที่ “แม่ลิ้นจี่” จะแนะนำให้สั่งมาลิ้มลองกันในวันนี้ก็มีอยู่หลายอย่าง…แต่เรามาเริ่มจานแรกกันที่

เป็ดย่างหงกี่…เขาจะใช้เป็ดเชอรี่ตัวใหญ่เนื้อหนา นำเครื่องเทศสารพัดชนิดยัดใส่ไว้ในตัวเป็ด หมักบ่มข้ามวันตั้งแต่บ่าย 3 โมง ก่อนนำมาย่างตอนตี 4 ของวันใหม่ เขาจะย่างด้วยไฟที่ร้อนปานกลางจนเป็ดเริ่มสุกตั้งแต่หนังไปจนถึงเนื้อใน จากนั้นเขาจะตัดที่ก้นเป็ดเทน้ำเครื่องเทศที่หมักในท้องออกมาปรุงเป็นน้ำราด ความอร่อยอยู่ที่หนังเป็ดแห้งกรอบ เนื้อเป็ดเนียนนุ่มสัมผัสได้ถึงรสชาติของเครื่องปรุงที่ซึมซาบเข้าเนื้อใน น้ำเป็ดย่างรสหวานเค็มมันหอมกลิ่นเต้าเจี้ยว เขาจะหั่นสไลซ์มาเป็นชิ้นพอคำ เสิร์ฟใส่จานเปลพร้อมด้วยขิงดอง ในราคาจานละ 110 บาท ข้าวหน้าเป็ด 40 บาท

รูปภาพ
บะหมี่หงกี่


เกี๊ยวกุ้งน้ำกวางเจา…ถ้าอยากกินเกี๊ยวให้หนำใจก็ต้องสั่งชามนี้ เขาจะใช้กุ้งสดทั้งตัวและหมูบดปรุงรสห่อด้วยแผ่นแป้งเกี๊ยวสีเหลืองอร่าม นำไปลวกน้ำร้อนจนสุกกำลังดีใส่ไว้ในชามพร้อมผักกวางตุ้ง โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย ราดด้วยน้ำซุปหอมกรุ่นใสแจ๋วจนมองเห็นก้นชาม ความอร่อยอยู่ที่เกี๊ยวกุ้งลูกใหญ่เคี้ยวกินได้สะใจ ตักเติมพริกดองลงไปนิด ใส่ซีอิ๊วขาวจากเมืองจีนลงไปหน่อย…อร่อยแน่นอน ในราคาชามละ 50 บาท

รูปภาพ
หมูกรอบหงกี่

บะหมี่เกี๊ยวกุ้งกวางเจาเป็ดย่าง…เมนูนี้เป็นแบบลูกผสม เขาจะใช้เส้นบะหมี่ไข่ลวกสุกพร้อมผักกวางตุ้งใส่ไว้ในชาม เติมเต็มด้วยเป็ดย่างหอมกลิ่นเครื่องเทศที่หั่นมาเป็นชิ้นพอคำ และเกี๊ยวลวกสุกที่มีกุ้งสดทั้งตัวและหมูบดปรุงรสซุกซ่อนอยู่ภายใน ความอร่อยอยู่ที่บะหมี่ไข่เส้นเล็กเหนียวนุ่ม เป็ดย่างเนื้อนุ่มละมุนลิ้น เกี๊ยวก้อนโตเคี้ยวกินได้เต็มปากเต็มคำ มีให้เลือกสั่งทั้งอย่างน้ำและแห้ง ในราคาชามละ 50 บาท

รูปภาพ
“เจ๊น้อง” เจ้าของร้าน

บะหมี่หงกี่…อยากอิ่มอร่อยให้สะใจก็ต้องสั่งชามนี้ เพราะเป็นแบบทรีอินวัน เขาจะใช้เส้นบะหมี่ไข่ลวกสุกพร้อมผักกวางตุ้ง ใส่เป็ดย่าง หมูแดง และหมูกรอบ โรยหน้าด้วยตังฉ่ายและผักชี ความอร่อยอยู่ที่เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม บวกกับเป็ดย่างเนื้อนุ่ม หมูแดงหอมกลิ่นเครื่องเทศ หมูกรอบเคี้ยวกินได้กรอบกรุบ ลองสั่งมาชิมกันได้ ในราคาชามละ 70 บาท

หมูกรอบหงกี่…จานนี้ก็ไม่เบา..เขาจะนำหมูสามชั้นหมักบ่มด้วยเครื่องปรุงจนซึมซาบเข้าเนื้อใน ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ตรงส่วนที่เป็นเนื้อเผยให้เห็นส่วนที่เป็นหนังหมู ก่อนนำไปย่างบนเตาไฟจนเนื้อหมูติดมันที่อยู่ในกระดาษฟอยล์ค่อยๆ สุกแบบไร้มัน ส่วนหนังหมูที่อยู่ด้านนอกจะค่อยๆ สุกฟู เขาจะหั่นเรียงแถวมาเป็นชิ้นพอคำ เสิร์ฟพร้อมน้ำราดสูตรเดียวกับเป็ดย่าง ความอร่อยอยู่ที่เนื้อหมูไร้มันเคี้ยวกินได้สนิทใจหอมกลิ่นเครื่องเทศ ส่วนที่เป็นหนังฟูฟ่องเคี้ยวกินได้กรอบกรุบสนุกปาก ลองชิมกันได้ ในราคาจานละ 150 บาท ข้าวหมูกรอบจานละ 40 บาท

นี่แค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่แนะนำกัน ยังมีเมนูน่าชิมอีกหลายอย่างเชิญเลือกสั่งกันเองได้ ที่ร้าน “หงกี่” จะเปิดบริการกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. (หยุดทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน) สถานที่ตั้งของร้านก็หากันไม่ยาก ร้านนี้เขาจะตั้งอยู่ริมถนนปากซอยเฉลิมพระเกียรติ 10 ทางไปสวนหลวง ร.9 แต่ถ้าเกรงว่าจะหากันไม่เจอก็โทรศัพท์ไปสอบถามเส้นทางกันก่อนได้ที่ 0-2747-2033 และ 08-7711-1733

สำหรับวันนี้คงต้องขอแนะนำกันแต่เพียงแค่นี้ แล้วพบกับ “แม่ลิ้นจี่พาชิม ปีที่ 12” ได้ใหม่ในสัปดาห์ต่อไปนะคะ…! (ค้นหาข้อมูลย้อนหลังได้ใน www.naachim.com)

รูปภาพ
วันที่ 24/11/2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 429

โพสต์

Trailer: Club Friday The Series ตอน แฟนเก่า



Club Friday The Series ตอน แฟนเก่า
ออกอากาศ 24 พฤศจิกายน 2555 19.00 น. ทาง Green Channel


กำกับการแสดงโดย ศุทธสิทธิ์ เดชอินทรนารักษ์
เขียนบทโดย ภูพิงค์ พังสอาด
นำแสดงโดย พุฒิชัย เกษตรสิน, ปรีชญา พงษ์ธนานิกร
ควบคุมการผลิตโดย วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย
อำนวยการสร้างโดย สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา

Website : http://www.green-channel.tv
Facebook : https://www.facebook.com/greenchanneltv
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 430

โพสต์







ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 431

โพสต์

รูปภาพ

สรุปข่าวประจำวันที่24พ.ย.55 เวลา06.00-18.00น.

"เสธ.อ้าย" รักษาคำพูด ประกาศยุติการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เนื่องจากมีคนมาชุมนุมไม่ถึง 1 ล้านคนตามที่ลั่นวาจาไว้, ด่วน ! ปะทะอีกรอบ 2 ตร.ใช้แก๊สน้ำตา สกัดม็อบ อพส. บริเวณแยกมิสกวัน...

http://www.thairath.co.th/content/region/308598

รูปภาพ
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
24 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 432

โพสต์

รูปภาพ
'เสธ.อ้าย'ประกาศยุติม็อบ! เหตุคนมาไม่ถึงล้าน

"เสธ.อ้าย" รักษาคำพูด ประกาศยุติการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เนื่องจากมีคนมาชุมนุมไม่ถึง 1 ล้านคนตามที่ลั่นวาจาไว้ อ้างเหตุไม่ได้ตามเป้าเพราะถูกรัฐบาลสกัดกั้นไว้อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังไม่ต้องการให้มีการสูญเสียชีวิต อ้างการข่าวระบุจะมีการซุ่มโจมตีคืนนี้...

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ภายหลังจากที่ สมณโพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก ขึ้นปราศรัยบนเวทีการชุมนุมขอบคุณประชาชนที่มาร่วมแสดงพลังเสร็จสิ้น พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม หรือเสธ.อ้าย ได้ขึ้นประกาศบนเวที ขอยุติการชุมนุม เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ถึง 1 ล้านคนตามที่ได้ประกาศไว้ เพราะผู้ชุมนุมอีกจำนวนมากถูกรัฐบาลสกัดกั้นไว้

รูปภาพ

พล.อ.บุญเลิศ ระบุว่า ไม่อยากให้มีการสูญเสียชีวิตหรือมีการบาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะทราบข่าวมาว่าจะมีการซุ่มโจมตีในคืนนี้แน่ นอกจากนั้นยังถูกตัดน้ำตัดไฟ ดังนั้นจึงขอยอมกลืนเลือดตัวเอง ขอยุติการชุมนุม อย่างไรก็ตาม พล.อ.บุญเลิศ ระบุว่าครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมครั้งสุดท้าย แต่จะมีครั้งหน้าแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก พล.อ.บุญเลิศ ประกาศยุติการชุมนุม ก็ได้มีการทยอยเดินทางกลับกันท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกเหตุผลหนึ่งของการตัดสินใจ ประกาศยุติการชุมนุมของ เสธ.อ้าย เกิดขึ้นภายหลังจากเวลาที่เริ่มมืดลง ขณะที่ความพยายามของแกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามที่จะนำกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่า แนวต้านบริเวณสี่แยกสวนมิสกวันเพื่อไปรวมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวอีกส่วน หนึ่งอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ถึง 2ครั้งในรอบวันนี้ไม่ได้ เนื่องจากถูกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต้านทานไว้อย่างเหนียวแน่น และมีการขว้างและยิงแก๊สน้ำตาถึง 2 ครั้ง จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องล่าถอย

อย่างไร ก็ตาม มีกระแสข่าว จากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมที่จะจับกุมแจ้งข้อหากบฎ กับพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ด้วย แต่ทั้งนี้คงต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง

รูปภาพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
24 พฤศจิกายน 2555

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 433

โพสต์

รูปภาพ

ทุนนอกรุกซื้อโรงงานผลิตยา
โอฟาร์มฯ ระบุ กลุ่มทุนมาเลเซีย สิงคโปร์ ไล่เทกฯ โรงงานผลิตยาไทยรับเออีซี หวั่นนโยบายคุมราคายาทำผู้ผลิตปิดโรงงานหนีต้นทุนพุ่ง วอนรัฐหนุน


นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มนักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ สนใจเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตยาในประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต (ฮับ) ยา ส่งออกไปยังกลุ่มสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เนื่องจากไทยมีสถานที่ตั้งเป็นศูนย์กลางมีระบบการขนส่งที่ดี รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกนโยบายให้โรงงานใช้มาตรฐานการผลิต PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยาระดับสากล สร้างการยอมรับวงการผลิตยา

นอกจากนี้ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพเป็นฮับด้านการผลิตยาในอาเซียนได้ หากรัฐบาลให้การสนับสนุนและมีแนวทางการส่งเสริมที่ชัดเจน เช่น การให้แรงจูงใจด้านเงินทุนเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการก้าวเข้าสู่มาตรฐาน PIC/S มากขึ้น เนื่องจากมาตรฐานดังกล่าวต้องใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนมาตรฐานผลิต มาตรการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลให้กับโรงงานยา

“ประเทศไทยมีโรงงานผลิตยากว่า 160 แห่ง มีเพียงบริษัทรายเดียวที่ได้มาตรฐาน PIC/S เพราะต้องใช้งบลงทุนสูง รัฐควรมีอินเทนซีฟให้ เพราะขณะนี้จากนโยบาย|คุมราคายาของภาครัฐทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อนหนัก คาดในอนาคตมาตรการนี้จะทำให้รายย่อยปิดตัวโรงงานและเลย์ออฟคนงานหลายแห่ง” นายวีระพัฒน์ กล่าว

สำหรับผลกระทบที่ผู้ประกอบการในส่วนร้านยาที่จะได้รับหลังเปิดเออีซี มองว่ากลุ่มนักลงทุนจะสนใจเข้ามาลงทุนในรูปแบบเชนดรักส์สโตร์ การขยายช่องทางจำหน่ายเข้าสู่โมเดิร์นเทรด มีความครบวงจรในการซื้อสินค้าแบบวันสต็อปเซอร์วิส มากกว่าเจาะจงเข้าร้านยาเพื่อซื้อยาเท่านั้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพิ่มคุณภาพการบริการมากขึ้น สร้างเครือข่ายพันธมิตร สร้างอำนาจต่อรองซื้อยา รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายหลากหลาย โดยเฉพาะซื้อขายยาผ่านออนไลน์
ด้านภาพรวมตลาดในประเทศมีแนวโน้มเติบโตลดลง ปีนี้โตเฉลี่ย 7% มูลค่าการบริโภค 1.1 แสนล้านบาท เทียบจากที่ผ่านมาโตตัวเลขสองหลัก เนื่องจากนโยบายควบคุมการจ่ายยาของภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการใช้ยาผ่านโรงพยาบาล สัดส่วน 70% ร้านขายยา 30% ในอนาคตเชื่อการจำหน่ายผ่านร้านยาจะโตต่อเนื่อง

นายวีระพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนรับมือการเปิดเออีซี ปี 2558 โดยใช้งบ 400 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตสินค้าและปรับปรุงโรงงานผลิตยาให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งบริษัทจะเน้นผลิตสินค้าในกลุ่มอาหารเสริมมากขึ้น เนื่องจากหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคายา รวมถึงกลุ่มอาหารเสริมมีแนวโน้มการเติบโตสูงและมีผลกำไรสูงกว่ายา ในปีหน้าเตรียมออกสินค้าใหม่ 4-5 ตัว ส่วนการส่งออก 20% ของยอดขาย เตรียมขยายตลาดไปกัมพูชา เวียดนาม และพม่า

รูปภาพ
24 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 434

โพสต์

รอบโลก

รูปภาพ
สื่อนอกตีข่าวประท้วงในไทย
สื่อนอกตีข่าวประท้วงในไทย ระบุตำรวจใช้แก็สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยามฝ่าด่านพื้นที่ห้ามตามกม.มั่นคง


สำนักข่าวซินหัว ของจีนรายงาน สถานการณ์ประท้วงในไทยวันนี้ (24 พ.ย.) ว่า มีผู้ประท้วงราว 500 คน เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ และพยายามตีฝ่าแนวกั้น ด้วยการตัดลวดหนามและขับรถฝ่าด่าน เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ประมาณ 10 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสกัดผู้ประท้วงไม่ให้ผ่านพื้นที่ประกาศเขต พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ผู้ประท้วงไม่ยอมพยายามตีฝ่าให้ได้ จนถึงขั้นวิกฤติ เจ้าหน้าที่จึงใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ประท้วง จนมีผู้บาดเจ็บดังกล่าว

สำนักข่าวซินหัว รายงานโดยอ้างข้อมูลจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสว่า ผู้ประท้วง 6 คน ตำรวจ 4 คน ได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่ที่โดนแก๊สน้ำตา ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ เพราะไม่มีหน่วยแพทย์สามารถเข้าถึงผู้ประท้วงได้ ต่อมาตำรวจใช้รถบรรทุกกระจายเสียง เตือนให้ผู้ประท้วงอ้อมไปเข้าร่วมการชุมนุมทางอื่น

เช่นเดียวกับสื่อต่างประเทศหลายสำคัญ เช่น เดอะวอลล์สตรีท เจอร์นัล ดอยช์ เวเลย์ ของเยอรมัน เอสบีเอส ของออสเตรเลีย รวมถึงวอชิงตันโพสต์ รายงานไปในทางเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีมากกว่าผู้ชุมนุมใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมในการปะทะกันครั้งแรกของวันนี้

รูปภาพ
24 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 435

โพสต์

รูปภาพ

CTHจัดช่องเอเชียนฟู้ด รวมสุดยอดเชฟ เอาใจ cooking lover

ไม่ใช่แค่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ CTH จะนำมาเป็นจุดดึงดูดให้กับคนรักฟุตบอลได้ดูกันอย่างเต็มอิ่มเพียงอย่างเดียว เพราะเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับเรื่องการทำอาหารจากช่องเอเชียน ฟู้ด แชนแนล หรือ afc ก็เป็นอีก 1 รายการที่น่าสนใจอย่างมาก

รูปภาพ

เอเชียน ฟู้ด แชนแนล เป็นรายการอาหารที่ออกอากาศครอบคลุม 11 ประเทศทั่วเอเชีย และมีผู้ชมมากถึง 105 ล้านคนในสิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, บรูไน, ฮ่องกง, กัมพูชา,ฟิลิปปินส์, มองโกเลีย, เกาหลี, ไทย และจีน โดยรูปแบบของรายการจะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทั้งแบบตะวันตก และตะวันออก ซึ่งจะมีเชฟชื่อดังจากทั่วโลกมาสาธิตการทำอาหารหลากหลายเมนู
Tourtiere หรือ French Canadian Beef Pie เมนูของชาวแคนาดาที่นิยมทำทานในช่วงวันหยุดพักผ่อนกับครอบครัว

รูปภาพ

Tourtiere หรือ French Canadian Beef Pie เมนูของชาวแคนาดาที่นิยมทำทานในช่วงวันหยุดพักผ่อนกับครอบครัว

รูปภาพ

รูปภาพ

ทั้งนี้ 1 ในสุดยอดเชฟที่ได้สาธิตการทำอาหารในรายการอย่าง แอนนา ออลสัน เชฟตัวจริงแห่งอาณาจักรขนม ที่มีประสบการณ์มายาวนาน หลังจากที่เธอฝึกอย่างหนักถึง 3 ปี โดยแอนนานั้นเป็นผู้ดำเนินในรายการ Bake with Anna Olson ซึ่งก็ได้มาร่วมสาธิตเมนูขนมหวาน และอาหารคาวอย่างใกล้ชิด ในการเปิดตัว Asian Food Channel ในประเทศไทยครั้งนี้ด้วย

รูปภาพ

Pumpkin Creme Brulee Tarts ขนมหวานที่ผสมผสานรสชาติของครีมชีส และฟักทองได้อย่างลงตัว มีความหอมและความหวานกำลังพอดี

รูปภาพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
24 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 436

โพสต์

รูปภาพ

'ซีพีเอ็น' คว้ารางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ SET Awards 2012
ต้องพูดว่าขอแสดงความยินดีด้วยกับ ซีพีเอ็น ห้างสรรพสินค้าคุณภาพที่คว้าไปอีกหนึ่งรางวัลเกียรติยศกับ SET Awards 2012 ...!

รูปภาพ

ล่าสุดงานนี้ มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ SET Awards 2012 ด้านการรายงานบรรษัทภิบาลดีเยี่ยม (Top Corporate Governance Report Awards) ให้แก่ คุณนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารทรัพย์สิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ในงานประกาศรางวัล SET Awards 2012 ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และวารสารการเงินธนาคาร ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

รูปภาพ

ขอให้ซีพีเอ็นรักษาคุณภาพแบบนี้ไปนานๆ .


รูปภาพ
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
24 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 437

โพสต์

ลิ้มรสไก่ย่างสูตรโบราณ : เมนูส้มตำ ที่ 'ไก่กระต๊อบ'


รูปภาพ

เมนูอาหารจำพวกไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว ยังไงก็เป็นอาหารสุดโปรดที่นักชิมส่วนใหญ่ชื่นชอบและหลายคนสามารถทานเป็นอาหารมื้อหลักได้ทุกวี่วัน และในสัปดาห์นี้ แม่พลอย ขอแนะนำร้าน “ไก่กระต๊อบ” ร้านขายส้มตำไก่ย่างสูตรโบราณ น้องใหม่ อยู่มุมด้านทางเข้าหมู่บ้านอารียา ริมถนนเกษตร-นวมินทร์

รูปภาพ
คอหมูย่างผัดกับมะม่วงหิมพานต์

ร้านไก่กระต๊อบ เปิดบริการมาได้เดือนเศษ ๆ แต่มีนักชิมแวะเวียนมาอุดหนุนมากพอควร มีทั้งสั่งกลับบ้านและนั่งลิ้มชิมรสส้มตำและไก่ย่างที่ร้าน ที่มีบรรยากาศแบบเปิดโล่ง ริมถนน ส่วนเมนูอาหารแม่พลอยแนะนำเมนูเด่นของร้านเป็น ไก่ย่างสูตรโบราณ ใช้เนื้อส่วนตะโพกหมักข้ามคืนกับเครื่องเทศมากกว่า 10 ชนิด แล้วนำมาย่างบนเตาถ่าน ชอบรสชาติเนื้อไก่แสนนุ่มหอมรสกลมกล่อม จะทานแบบเปล่าก็อร่อย หรือจะเลือกทานกับน้ำจิ้ม 3 แบบ มีทั้ง น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มเผ็ดน้อย และน้ำจิ้มสับปะรดที่ใช้น้ำมะขามและสับปะรดภูเก็ตมาผสมผสานจนได้รสชาติหวานเปรี้ยวเผ็ด

รูปภาพ
ต้มแซบกระดูกหมูอ่อน
ถ้ามีไก่ย่างต้องมีส้มตำคู่กัน การปรุงรสทางร้านนี้ไม่ใช้ผงชูรสมาเป็นตัวเติมเสริมรสชาติ เมนูส้มตำที่น่าสนใจ แนะนำ ส้มตำไทยปูม้า ใช้ปูม้าสดมาปรุงรสกับน้ำยำส้มตำผสมกะปิอย่างดีเข้าไปตามสูตรของร้าน หากนักชิมไม่ชอบทานกะปิก็บอกได้ว่า “ไม่ใส่กะปิ” สำหรับคนชอบทาน ส้มตำไทยไข่เค็ม มีให้เลือกน่าสนใจไม่น้อย เพราะใช้ไข่เค็มไชยา ที่มีความเค็มกำลังดี มาเป็นตัวปรุงรสชาติให้ส้มตำไข่เค็มมีความเค็มมันของไข่เค็มเพิ่มมากขึ้น

รูปภาพ
ตำมั่ว
ส้มตำมั่ว มีเส้นมะละกอ แครอท ขนมจีน แคบหมู ปลากรอบ และมะนาวที่ใส่มากับส้มตำเป็นลูก เพื่อพิสูจน์ว่า ทางร้านไม่ใช้น้ำมะนาวขวด เพราะความเปรี้ยวความหอมช่างต่างกันลิบ น้ำยำส้มตำได้มาตรฐานดี ออกรสเปรี้ยวเค็มเผ็ดหวานกำลังดีค่อนไปทางรสชาติปานกลาง ถ้าชอบรสเผ็ดจัดจ้านบอกจำนวนพริกกับมือตำไปได้เลย รายการส้มตำมีให้เลือกอีกหลายรายการ ส้มตำผลไม้ ส้มตำปลาร้า ตำซั่ว ใครอยากทานมากกว่านี้จัดเต็มไปตามใจปรารถนาได้เลย

รูปภาพ
น้ำตกคอหมูย่าง
เมนูเด่นรสที่ทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเป็น คอหมูย่างผัดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นการนำน้ำยำส้มตำมาผัดกับคอหมูย่าง เหมือนทานผัดเปรี้ยวหวาน เพราะให้รสชาติเปรี้ยวหวานเค็มผสมกันอย่างลงตัวที่สุด แถมมีความกรุบของคอหมูย่างและความมันของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ชวนให้เพลินปากและเคี้ยวเพลิน ส่วนเมนู ต้มแซบกระดูกอ่อน น้ำตกคอหมูย่าง และ ลาบหมู ปรุงได้รสชาติไม่ชวนให้ผิดหวัง

รูปภาพ
ลาบหมู
ร้านไก่กระต๊อบ มีเมนูอาหารแบบพอดีไม่น้อยไม่มาก ชอบเครื่องดื่มเย็น ๆ มีไว้บริการทั้ง โอเลี้ยง กาแฟเย็น ชาเย็น ชาดำเย็น น้ำผลไม้ปั่นทั้ง แตงโม แก้วมังกร น้ำสับปะรด น้ำมะพร้าว ทุกอย่างเข้มข้นอร่อยดื่มแล้วสดชื่น

รูปภาพ
ส้มตำไทยไข่เค็ม
สุดสัปดาห์หากยังไม่มีร้านไก่ย่างส้มตำร้านไหนเป็นเป้าหมายในการนัดหมาย ร้านไก่กระต๊อบ เป็นหนึ่งในร้านที่น่าสนใจ หากขับรถไปทาน สามารถนำรถไปจอดตรงบริเวณทางเข้าหมู่บ้านอารียา เกษตร–นวมินทร์ ได้เลย ขอเพียงมีวินัย ในการจอดให้ผู้อื่นไม่เดือดร้อนพึงใช้ได้

รูปภาพ
ส้มตำปูม้า
ร้านไก่กระต๊อบ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.30–21.00 น. ยกเว้นจันทร์ที่ 2 และจันทร์ที่ 3 ของเดือน ทางร้านหยุดบริการ สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-2111-2020 สำหรับแฟนคอลัมน์เดลินิวส์ ชวนชิม หากบอกทางร้านไปว่าทราบข่าวจากคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิม ทางร้านยินดีลดค่าอาหารให้ 10% ในระยะเวลา 2 สัปดาห์.

เรื่อง แม่พลอย / ภาพ สันติ มฤธนนท์

รูปภาพ
วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2555

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 438

โพสต์

รูปภาพ

สรุปข่าววันที่ 24-25 พ.ย.2555 เวลา 18.00 น.-06.30 น.

"เสธ.อ้าย"แอ่นอกรับความพ่ายแพ้ ยุติชุมนุม อ้างรักษาชีวิตคน
จวกตร.รังแกประชาชนใช้แก๊สน้ำตา สกัดกั้นทุกเส้นทางจนมวลชนไม่ถึงล้าน
ลั่นไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไปบอกเสธ.อ้ายได้ตายไปแล้ว ใครจะสานต่อก็ช่าง
ขณะที่ศอ.รส.สรุปสถานการณ์ จับกุมผู้ก่อเหตุปะทะเจ้าหน้าที่ ฝ่าฝืนเข้าพื้นที่
และขับรถชนตำรวจ รวม 137 ราย ระบุทำตามพ.ร.บ.มั่นคง พร้อมขอบคุณ"เสธ.อ้าย"ยุติชุมนุม...

http://www.thairath.co.th/content/region/308635

รูปภาพ
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
25 พฤศจิกายน 2555, 06:30 น.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 439

โพสต์

รูปภาพ
เสธอ้ายประกาศยุติการชุมนุม พร้อมกับทิ้งท้าย เสธอ้ายตายแล้ว


พลิกปมเหตุ ม็อบเสธอ้าย พ่าย
ม้วนเดียวจบสำหรับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามภายใต้การนำของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์หลังจากชุมนุมเพียงวันแรกยังไม่ทันข้ามวัน
สำหรับสาเหตุที่ทำให้การชุมนุมของ"องค์การพิทักษ์สยาม" ไม่สามารถบรรลุผลในการล้มรัฐบาลลงได้ อาจสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้

1. ผู้ที่มาชุมนุมต่ำกว่าเป้าที่ " องค์การพิทักษ์สยาม" วางไว้ที่จำนวน 50,000 คน แต่ผู้มาชุมนุมจริงกลับมีเพียงประมาณ 12,000-13,000 คน เท่านั้น แผนการที่วางไว้เป็น"สเต็ปๆ"ในการนำไปสู่การล้มรัฐบาลจึงไม่สามารถทำได้เมื่อมีผู้ชุมนุมไม่มากพอ

2. แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม ยังขาดประสบการณ์ในการนำมวลชน การสั่งการ การจัดการในการชุมนุมของแกนนำองค์การพิทักษ์สยามยังพบว่าค่อนข้างมีปัญหา ไม่มีการจัดระบบที่ดี เห็นได้จากเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ ซึ่งไม่มีแกนนำระดับสั่งการอยู่ทำให้ไม่สามารถควบคุมมวลชนได้จนนำไปสู่การตัดรั้วลวดหนามและเกิดเหตุการณ์ปะทะในที่สุดและช่วงที่มีการปะทะกันแกนนำที่อยู่บริเวณเวทีกลับยังไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น

3 .องค์การพิทักษ์สยามยังขาดแกนนำมวลชนเด่นๆ อย่าง พล.อ. บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับแกนนำพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย อย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล พลตรีจำลอง ศรีเมือง หรือแกนนำมวลชนเสื้อแดง เช่นนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เทียบกันแทบไม่ได้ทั้งลีลาการพูดในการจูงใจคนให้มาร่วมชุมนุมหรือการตรึงคนที่มาชุมนุมเอาไว้ อาจกล่าวได้ว่า พล.อ. บุญเลิศ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำมวลชน แต่เหมาะที่จะเป็นทหารมากกว่าด้วยการพูดที่ห้าวๆห้วนๆ สไตล์ทหาร

4. เป้าหมายในการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น เพราะในขณะที่ปฎิเสธรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ปฏิเสธนักการเมือง แต่ก็ไม่สามารถตอบสังคมหรือประชาชนได้ว่า จะมีวิธีการใดที่ดีกว่านี้ หากล้มรัฐบาลได้สำเร็จ จะใช้ระบบการบริหารประเทศแบบใดและจะเอาใครหรือคณะบุคคลใดมาบริหารประเทศ ทำให้ถูกมองว่าเป็นแนวคิดที่ล้าสมัย จึงไม่สามารถดึงคนมาร่วมชุมนุมได้มากเท่าที่ควร

5. ชนวนเหตุในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยังไม่มีมากพอ เช่น ยังไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี,การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่เกิดขึ้น, ไม่มีประเด็นทุจริตที่โยงถึงตัวนายกรัฐมนตรีได้อย่างชัดเจน

6. "กองทัพ" ไม่ได้ออกมาเป็น"ตัวช่วย"ในการชุมนุมทางการเมืองครั้งนี้ ตามที่แกนนำองค์การพิทักษ์สยามต้องการ แต่กลับไปอยู่ฝั่งรัฐบาลเสียมากกว่า เห็นได้จากก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการอย่างชัดเจนว่าห้ามทหารเข้าไปร่วมในการชุมนุมครั้งนี้อย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามวินัยทหาร และกองทัพยังได้มีการจัดกำลังส่วนหนึ่งไว้คอยเชื่อเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการคุมสถานการณ์หากบานปลายจนตำรวจเอาไม่อยู่

รูปภาพ
โดย : สำนักข่าวเนชั่น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 440

โพสต์

รูปภาพ

นิวเจอร์ซีเสียหายจากแซนดี้2.9 หมื่นล้านดอลล์
นิวเจอร์ซีประเมินพายุแซนดี้อาจสร้างความเสียหาย 29,400 ล้านดอลลาร์

สำนักงานของนายคริส คริสตี้ ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี เผยเมื่อวันศุกร์ว่า พายุแซนดี้ ที่พัดกระหน่ำหลายรัฐทางชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ เมื่อ 30 ต.ค. อาจสร้างความเสียหายให้กับรัฐนิวเจอร์ซีสูงถึง 29,400 ล้านดอลลาร์

แต่นายคริสตี้ บอกว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการประเมินเบื้องต้น โดยตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้ โดยอาจมีการปรับแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อประเมินถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ราคาอสังหาริมทรัพย์ และการโยกย้ายถิ่นฐานของประชาชน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายแอนดรูว์ คูโอโม่ ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า วางแผนขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง 30,000 ล้านดอลลาร์

รูปภาพ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 441

โพสต์

รูปภาพ


คุณชอบ..ไม่ชอบ"บ้านเมืองแบบสุดโต่ง"

ลองเดาดูสิว่า ประเทซไหนในโลกนี้ที่ได้ชื่อว่า ซื่อสัตย์สุจริต น่าลงทุนที่สุดขณะเดียวกันไร้อารมณ์ที่สุด

ประเทศเดียวกันนี้ สุดโต่งด้านสะอาดที่สุด ขณะที่สุดโต่งอีกด้านก็เป็นมนุษย์ที่ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก ที่สุด เขาสำรวจมาแล้ว ก็รับโพลล์สหรัฐกันไป เป็นโพลล์สำรวจจากทั่วโลก

ประเทศนั้น..? ท่านทายถูก..สิงคโปร์!

สิงคโปร์ประเทศนั้นถูกมองว่า ประชากรของเขาเก่ง แต่ไร้อารมณ์ ไปแล้วครึ่งวัน แต่เวลาที่เหลือไปอยู่ 2-3 วัน ก็ไม่มีที่เที่ยว ทำให้รัฐบาลต้องพยายามสร้างสนามบินให้พ่อแม่ไปแล้วสามารถพาลูกไปเที่ยวได้ สร้างสวนสัตว์กลางคืน เพราะว่ากลางคืนให้นักท่องเที่ยวและคนสิงคโปร์ไม่มีที่พักผ่อนหย่อนใจ

ผลสำรวจชี้ว่า คนสิงคโปร์สนใจแต่ตัวเอง ไม่รู้ความรู้สึกรู้สา สนใจแต่เพียงรายได้ งานการของตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน จืดชืดที่สุด

อันดับต่อมาคือ จอร์เจีย ลิธัวเนีย รัสเซีย มาดากัสก้า ได้ชื่อว่า ค่อนข้างซึมเซา

อยากไปอยู่สิงคโปร์ ทำงานที่สิงึโปร์หรือไม่..มีเงินดี บ้านเมืองมีระบบระเบียบ แต่อีกด้านจืดชืด ไม่มีอารมณ์ และไม่สนุก น่าเบื่อ

ต้องเลือกเอาว่าสุดขั้วด้านใดด้านหนึ่ง..คุณคิดว่า คุณชอบหรือไม่ชอบ

ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า สิงคโปร์เป็นสังคมที่ประชาชนไร้อารมณ์ความรู้สึกมากที่สุดในโลก โดยมีเพียง 1 ใน 3 ที่มีอารมณ์ความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว

จากผลสำรวจของแกลลัพ โพลล์ ใช้เวลา 3 ปีในการศึกษาและสัมภาษณ์คนเกือบ 1,000 คนใน 150 ประเทศ ว่าเคยมีอารมณ์แบบที่ดีและไม่ดีอย่างละ 5 ข้อ ในแต่ละวันหรือไม่ เช่น รู้สึกว่า ได้พักผ่อนเต็มที่ มีความสนุกรื่นเริง ยิ้ม หัวเราะ กังวล เสียใจ เครียดหรือโกรธบ้างหรือไม่

ผลปรากฏว่า มีชาวสิงคโปร์เพียง 36% ที่มีความรู้สึกทั้งในด้านบวกหรือลบต่อสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันแต่ละวัน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดในโลก ขณะที่ฟิลิปปินส์เป็นสังคมที่ประชาชนมีอารมณ์ความรู้สึกมากที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนมากถึง 60% และอีก 10 ชาติละตินอเมริกาก็อยู่ในระดับต้นๆเช่นกัน

ผลสำรวจบ่งบอกว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ชาวสิงคโปร์ไร้อารมณ์ที่สุดทั้งที่สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดและมีเสถียรภาพที่สุดในโลก

จอห์น คลินตัน ผู้อำนวยการของแกลลัพ กอฟเวอร์เมินต์ กรุ๊ป ตั้งข้อสังเกตว่า ชาวสิงคโปร์เป็นคนที่มีประสิทธิภาพ และมีวินัยเคร่งครัดมาก จึงไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน

ส่วนชาวสิงคโปร์บางคนให้เหตุผลว่า วัฒนธรรมการแข่งขันอาจทำให้ผู้คนไม่มีเวลาที่จะรู้สึกอะไรมากมาย เช่น บางคนบอกว่า เรามีเวลาหัวเราะด้วยหรือ ตอนเช้าก็ต้องรีบหาที่นั่งบนรถไฟไปทำงานตอนเที่ยงก็รีบที่รับประทานอาหาร ตอนค่ำก็ต้องแย่งกันขึ้นรถไฟกลับบ้าน

และบางคนบอกว่า การใช้ชีวิตในสิงคโปร์เป็นเรื่องที่เครียดมาก ต้องคอยกังวลว่าจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไร ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ไม่มีอะไรฟรีเลย แต่บางคนไม่เชื่อว่าชาวสิงคโปร์เป็นชนชาติที่ไร้อารมณ์มากที่สุดในโลก โดยแย้งว่าอย่างน้อยพวกเขาบ่นเรื่องชีวิตประจำวันทุกวัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 442

โพสต์

รูปภาพ

อีกหนึ่งทางเลือก "นมควาย" Murrah Milk โปรตีนสูง คอเรสเตอรอลต่ำ



หาก เราพูดถึงเครื่องดื่มนม นมวัวคงเป็นอันดับแรกที่เรานึกถึง หรือนมแพะก็อาจจะพอคุ้นเคยบ้าง แต่เราอาจไม่เคยนึกถึง "นมควาย" มาก่อน ทั้งที่วัฒนธรรมการดื่มนมควายนั้นมีมานานแล้ว ในประเทศอิตาลีมีผู้ที่ดื่มนมควาย และรับประทานมอสซาเรลลาชีสซึ่งผลิตจากนมควายมาตั้งแต่ 400 ปีก่อน ในประเทศจีนก็มีการบริโภคมาแล้วราว 60 ปี ส่วนในอาเซียน คนฟิลิปปินส์ก็ดื่มนมควายมานานกว่า 20 ปีแล้วเช่นกัน

คุณรัญจวน เฮงตระกูลสิน คืออดีตเจ้าของธุรกิจส่งออกหนังสัตว์รายใหญ่ที่มีคู่ค้าเป็นห้างระดับยักษ์ ใหญ่ในอเมริกา แต่เมื่อวันหนึ่งลมเกิดเปลี่ยนทิศ ตลาดหนังสัตว์ไทยต้องสูญเสียฐานลูกค้าให้กับคู่แข่งอย่างฮ่องกง จีน และไต้หวัน คุณรัญจวนจึงตัดสินใจเปลี่ยนสนามศึก

และมองหา "ธุรกิจใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร"

เธอ มองเห็นความเป็นไปได้ในการทำ "ฟาร์มควายนม" ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของบริษัท มูร่าห์ แดรี่ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์นมมูร่าห์ มิลค์ (Murrah Milk)

เธอเริ่มต้นด้วยการ ซื้อฝูงควายนมพันธุ์มูร่าห์ซึ่งมีต้นกำเนิดสายพันธุ์จากอินเดีย นำมาเพาะพันธุ์ในที่ดินเปล่าที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และพัฒนาพันธุ์โดยมีนักวิจัยด้านปศุสัตว์เป็นที่ปรึกษา มูร่าห์ฟาร์มจึงเป็นฟาร์มแห่งเดียวในประเทศที่ผลิตนมและผลิตภัณฑ์จากนมควาย อย่างจริงจัง

สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ คือ นมควายมีโปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมวัว ในขณะที่มีคอเลสเตอรอลต่ำกว่า ถือเป็นทางเลือกที่ดีให้กับคนรักสุขภาพและผู้ที่แพ้นมวัวได้ ด้วยเหตุนี้นมควายจึงมีจุดแข็งในตลาดพอสมควร โดยนอกจากนมพาสเจอไรซ์แล้ว มูร่าห์ฟาร์มยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีก เช่น มอสซาเรลลาชีส ริคอตต้าชีส เนย น้ำมันกีห์ที่ใช้ประกอบอาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวจากนมควาย เช่น สบู่น้ำนม แฮนด์ครีม และบอดี้โลชั่นอีกด้วย

หลังจากทราบจุดแข็งของ ธุรกิจฟาร์มควายนมแล้ว สัปดาห์หน้าเราจะพูดถึงปัญหาหลักของการทำธุรกิจด้านการเกษตรของไทยกันบ้าง และแนวโน้มของธุรกิจฟาร์มนมต่อการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 นี้จะเป็นอย่างไร

เรียบเรียงจากบทความชื่อเดียวกันโดย อาศิรา พนาราม จาก www.tcdcconnect.com

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 443

โพสต์

ไทยขึ้นแท่นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ10โลก
รับอานิสงส์นโยบายรถคันแรก อุตฯมั่นใจปี60ผลิต3ล้านคัน



นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงาน "2 ล้านคันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย...มิติใหม่สู่ความสำเร็จระดับโลก" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยขยายตัวต่อเนื่องและคาดว่าปีนี้จะผลิตรถยนต์ได้ 2.3 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.3 ล้านคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคัน ทำให้ไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก ทั้งนี้ จากห่วงโซ่การผลิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค คาดว่าการผลิตรถยนต์ในไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคัน ในปี 2560 โดยสถาบันยานยนต์เตรียมเสนอกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ 2555-2559 พิจารณาช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ไทยผลิตรถยนต์ได้ตามเป้าหมาย และแผนดังกล่าวจะสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน รวมทั้งสนับสนุนตั้งศูนย์ทดสอบชิ้นส่วนยานยนต์และสนามทดสอบยานยนต์วงเงิน 8,100 ล้านบาท

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปี 2556 คาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ 2.5 ล้านคัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 2.7 ล้านคัน ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายรถยนต์คันแรกที่รับจองถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2555 ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐต้องการให้ผลิตเพื่อส่งออก 65% ของการผลิตรถยนต์ในไทยทั้งหมด แต่ความต้องการรถยนต์ในไทยมีมากทำให้ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ถ้าหมดนโยบายรถยนต์คันแรกเชื่อว่าความต้องการในประเทศยังมีแต่คงไม่ขยายตัวมากเหมือนปีนี้

นายยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนต้องนำระบบการผลิตแบบอัตโนมัติมาใช้มากขึ้นเพื่อรองรับค่าแรงงานที่จะปรับขึ้น และรองรับความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์มีแรงงาน 500,000 คน ถ้าจะผลิตให้ได้ปีละ 3 ล้านคันขึ้นไปจะต้องการแรงงานเพิ่ม 200,000 คน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2555 จำนวน 252,165 คัน เพิ่มขึ้น 410% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 102,431 คัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 149,735 คัน ซึ่งถือเป็นการผลิตต่อเดือนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มผลิตรถยนต์ในไทยเมื่อปี 2504 สาเหตุหนึ่งเพราะปีที่แล้วเกิดปัญหาน้ำท่วมอัตราการขยายตัวเดือนตุลาคมจึงสูง นอกจากนี้โรงงานผลิตรถยนต์เพิ่มจำนวนกะและการทำงานล่วงเวลามากขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งจองรถ เมื่อรวมการผลิตรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1.97 ล้านคัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 48% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 846,538 คัน ผลิตจำหน่ายในประเทศ 1.12 ล้านคัน


รูปภาพ
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 444

โพสต์

รูปภาพ

“พล ก๋วยเตี๋ยวโบราณ” เย็นตาโฟโคตรเครื่อง โคตรเยอะ โคตรเยี่ยม

รูปภาพ
บรรยากาศของร้าน

ใครที่ชอบกินของดี ใหญ่ และเยอะ ฟังทางนี้ “ผ่านมาแวะกิน” อยากจะตะโกนบอกดังๆ ว่า คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ เพราะว่าจะพาไปลองชิมร้านต้นตำรับเย็นตาโฟโคตรเครื่อง ที่เยอะแยะมากมายละลานตา แค่เห็นยกชามมาก็เริ่มอิ่มเสียแล้ว

ร้านนี้เขามีชื่อว่า “พล ก๋วยเตี๋ยวโบราณ” หรือที่รู้จักกันในนาม “ร้านเย็นตาโฟโคตรเครื่อง” ที่เยอะสะใจคนกระเพาะใหญ่เสียจริง ถามไปถามมา คนที่ร้านบอกว่าเพิ่งเปิดเมื่อตอนต้นปี 2555 นี่เอง แต่คนก็ติดอกติดใจในความใหญ่เบิ้มกว่าใครๆ ไม่ว่าจะเป็นชามก๋วยเตี๋ยว เครื่องมือในการกิน และวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาประกอบเป็นก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม

รูปภาพ
ก๋วยเตี๋ยวโคตรเครื่อง

ก๋วยเตี๋ยวของที่นี่จะใช้น้ำซุปที่ต้มจากกระดูกหมูผสมกับก้างปลา ต้มจนเข้าที่ก็จะได้น้ำซุปที่หอมหวานแต่ไม่คาว และก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ก็มีให้เลือกทั้งน้ำใส ต้มยำ และเย็นตาโฟ ส่วนของเด็ดก็คือ เย็นตาโฟที่มีซอสให้เลือกถึง 3 สี นั่นก็คือ ซอสแดง ทำจากเต้าหู้ยี้ ซอสเขียว ทำจากใบเตย และซอสเหลือง ทำจากฟักทองและมะม่วงสุก

มาถึงร้านแล้ว จะให้กินชามธรรมดาก็ใช่ที่ แต่จะกินชามใหญ่สุดก็ไม่ไหว เลยขอสั่งแบบกลางๆ เป็น ก๋วยเตี๋ยวโคตรเครื่อง (50 บาท) ที่เลือกได้ทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ บะหมี่เหลืองแบน และวุ้นเส้น รวมทั้งน้ำใส ต้มยำ หรือเย็นตาโฟก็ได้ โดยก๋วยเตี๋ยวโคตรเครื่องจะใส่ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นรักบี้ ลูกชิ้นกุ้ง ฮือก้วย ลูกชิ้นแคะ เกี๊ยวปลา หมึกกรอบ เห็ดหูหนูขาว และสาหร่ายวากาเมะ โรยหน้าด้วยเกี๊ยวทอดกรอบ ใส่มาครบเครื่องแบบนี้ก็มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วก็ตักชิมความอร่อยเข้ากันทั้งลูกชิ้นคัดคุณภาพ น้ำซุปหวานหอม โดยเฉพาะถ้าสั่งเป็นต้มยำ ทางร้านก็จะปรุงรสมาให้เสร็จสรรพ กินกันได้ทันที

รูปภาพ
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำปลาแซลมอน

ตามต่อด้วย ก๋วยเตี๋ยวต้มยำปลาแซลมอน (100 บาท) ที่เห็นแซลมอนชิ้นโตลวกสุกวางเด่นมาในชาม รวมตัวกับลูกชิ้นหลากหลายชนิด ปรุงรสมาเรียบร้อย และโรยหน้าด้วยเกี๊ยวทอดกรอบ รสชาติต้มยำเข้มข้น ส่วนเนื้อปลาแซลมอนก็สุกกำลังดี มีความแน่นสดหวานกำลังเหมาะ

แต่ถ้าเบื่อก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็ต้องหันมาสั่ง หอยนิวซีแลนด์ลวกจิ้ม (150 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สดๆ ที่คัดมาอย่างดี นำมาลวกพอสุก เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเฉพาะของทางร้าน กินคู่กันเนื้อหอยสดหวาน ส่วนน้ำจิ้มก็รสเปรี้ยวเค็มเผ็ดจี๊ดจ๊าด

รูปภาพ
หอยนิวซีแลนด์ลวกจิ้ม

หรือถ้าชอบแบบเนื้อๆ เน้นๆ ต้องลอง ลูกชิ้นหมูปิ้ง (ไม้ละ 10 บาท) เป็นลูกชิ้นหมูล้วนสูตรเฉพาะ ปิ้งให้พอสุกส่งกลิ่นหอม จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรดั้งเดิมที่เผ็ดหวานกำลังดี เนื้อลูกชิ้นเคี้ยวเด้งอร่อย กินคู่ผักสดแก้เลี่ยนสักนิด

เมนูอื่นๆ ทางร้านก็ยังมีให้ลิ้มลอง อาทิ ก๋วยเตี๋ยวไข่ทูโทน (80 บาท) ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่โบราณ (30 บาท) ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส (30 บาท) และพิเศษ สำหรับคนพิเศษเท่านั้น เพราะทางร้านแนะนำไว้ว่า เป็นเมนูโคตรหนัก สำหรับโคตรคนนั่นก็คือ โคตรสะใจ (800 บาท) ที่จะใส่ทุกอย่างเท่าที่มีในร้าน ใครที่มั่นใจก็มาลองลิ้มความใหญ่ ความอร่อยกันได้เลย

รูปภาพ
ลูกชิ้นหมูปิ้ง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน “พล ก๋วยเตี๋ยวโบราณ” ตั้งอยู่เลขที่ 16 ระหว่างซอยประชาสงเคราะห์ 1 และ 3 ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวง-เขต ดินแดง กทม. การเดินทางหากมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้วิ่งตรงมายังแยกประชาสงเคราะห์ (แยกโบสถ์แม่พระ) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนประชาสงเคราะห์ วิ่งตรงมาจนเลยซอยประชาสงเคราะห์ 1 สังเกตทางซ้ายมือ จะเห็นร้านตั้งอยู่ริมถนน สามารถจอดรถได้บริเวณซอยด้านข้างร้าน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.30 น. โทร. 08-6022-2151, 08-2345-3643, 09-0006-0398 www.facebook.com/kotekueng

รูปภาพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2555

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 445

โพสต์

รูปภาพ

เชียงใหม่เริ่มประเพณียี่เป็งปล่อยโคมลอยกว่า3พันลูก

เชียงใหม่เริ่มประเพณียี่เป็งสืบสานวัฒนธรรมล้านนา ปล่อยโคมลอยกว่า 3,000 ลูก สว่างไสวเต็มท้องฟ้า ถวายเป็นพุทธบูชา

วันนี้ (25พ.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โคมลอยกว่า 3,000 ลูกลอยขึ้นไปสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ธุดงคสถานล้านนา ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีพิธีปล่อยโคมไฟประจำปี 2555 ในประเพณียี่เป็ง หรือประเพณีลอยกระทง ซึ่งงานดังกล่าวประชาชนทุกภาคส่วนได้ร่วมกันสืบสานศิลปวัฒนธรรมล้านนา พร้อมทั้งโดยมีพิธีจุดประทีป และปล่อยโคมลอย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พิธีบูชาพระรัตนตรัยพร้อมทั้งนั่งสมาธิเจริญภาวนา และร่วมจุดประทีปธรรม ประทีปชีวิตประจำตัว ตั้งแต่โคมบนดิน โคมลอยสู่ท้องฟ้า ซึ่งในงานดังกล่าวมีประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานกว่า 10,000 คน

ส่วนที่จังหวัดสุโขทัยบรรยากาศในงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟจังหวัดสุโขทัย ในวันแรกก่อนจัดงานจริง ได้มีประชาชนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ได้เดินทางมาท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก ซึ่งทางจังหวัดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 24-28 พฤศจิกายน ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย โดยจัดกิจกรรมการแสดงโขน และการแสดงแสงและเสียง ที่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองสุโขทัย อันเป็นราชธานีแห่งแรกของประเทศไทย โดยในวันที่ 26 พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันจริงของการจัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟจังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2555 จะมีกิจกรรมเต็มรูปแบบจะมีการแสดงแสง-เสียง และการเล่นไฟประกอบเสียงเพลงที่สวยงามตระการตา

ขณะที่จังหวัดเชียงราย เปิดฤดูท่องเที่ยวประจำปี 2556 นครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งามขึ้น ที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ที่เทศบาลนครเชียงราย ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวเชียงราย ร่วมกันจัดขึ้น ภายในงานจะมีการแสดงระบบแสง สี เสียงและดอกไม้นานาชนิด ซึ่งเป็นดอกไม้เมืองหนาวเช่น ดอกลินลี่ กุหลาบพันปี และอีกมากมาย ที่เทศบาลนครเชียงรายได้ทำการปรับปรุง บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชและที่สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ ให้กลายเป็นสวนไม้ดอก ไม้ประดับเมืองหนาว เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว

ส่วนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีการจัดงานประเพณี เขาวงกตแม่ลาน้อย พร้อมทั้งงานฉลองพระธาตุกองมูบ้านแม่ลาน้อย พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองชาวแม่ลาน้อยอย่างยิ่งใหญ่ และกิจกรรมถนนสายวัฒนธรรม 5 ชนเผ่า ซึ่งเป็นประเพณีของชาวอำเภอแม่ลาน้อยที่ประชาชนในท้องถิ่นได้อนุรักษ์สืบสานและ ดำรงไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามตามความเชื่อของพระพุทธศาสนา ในภาคกลางคืนมีพิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมของ 5 ชนเผ่า การประกวดรำนกกิ่งกะหล่าและรำโต การแข่งขันการขับร้องเพลง การแสดงของนักร้องชนเผ่ากะเหรี่ยง ชมการประกวดกระทงใหญ่ การประกวดธิดาชนเผ่า และการแสดงดนตรีของนักเรียนโรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์

ส่วนที่อำเภอเภอเรือ จังหวัดเลยมีการจัดงานเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือครั้งที่ 1ที่บริเวณลานต้นคริสต์มาส ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าอำเภอภูเรือเป็นแหล่งปลูกและผลิตต้นคริสต์มาสมากที่สุดในโลก และเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับ 1 ของอำเภอ สร้างรายได้ปีละกว่า 900 ล้านบาท โดยทางจังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และภาคเอกชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างลานคริสต์มาสขึ้นบริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติภูเรือ เพื่อเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ โดยนำต้นคริสต์มาสหลากหลายสายพันธุ์มาประดับประดา ถือเป็นลานต้นคริสต์มาสมากที่สุดในโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเลยซึ่งการจัดงานจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูหนาวนี้

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 446

โพสต์

รูปภาพ
อมตะ-เหมราช กว้านซื้อที่รับต่างชาติ

ถือ เป็นปีทองของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม "อมตะ" และ "เหมราช" 2 นิคมอุตสาหกรรมใหญ่แห่งภาคตะวันออก ที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา เพราะ มีหลายโรงงานหันมาใช้พื้นที่จากทั้ง 2 แห่งนี้ทดแทน จนต้องปรับเป้ายอดขายที่ดินใหม่ถึง 2 รอบ ทำสถิติเป็นยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์

ทางฝั่งบริษัท อมตะฯ เดิมตั้งยอดขายที่ดินไว้ 2,500 ไร่ ต่อมาปรับเพิ่ม 500 ไร่ หลังจากนั้นปรับเพิ่มอีกครั้งจนเป้ารวมมาหยุดที่ 3,500 ไร่ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่สิ้นปี แต่ยอดขายที่ดินในนิคมฯอมตะได้ทะลุเป้า หมายไปอยู่ที่ 3,800 ไร่แล้ว ซึ่งตัวเลขนี้เป็นยอดขายสูงสุดตั้งแต่มีบริษัทมา โดยยอดขายที่ดิน 3,800 ไร่นี้ มาจากส่วนที่โอนแล้ว รวมกับส่วนที่ลงนามกับผู้ประกอบการไว้ แต่ยังไม่ได้โอน จำนวน 300-400 ไร่ รวม 2,700 ไร่ ฯลฯ

แต่ ดูเหมือนตัวเลข 3,800 ไร่ คงยังไม่พอสำหรับบริษัท อมตะฯ นายวิบูรณ์ กรมประดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวว่า อาจจะมี "Big Surprise!" เกิดขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ระหว่างการนับถอยหลังสู่สิ้นปีอีก 40 วัน จะทำให้มูลค่าการขายที่ดินแตะระดับ 10,000 ล้านบาทได้ นอกจากนี้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วม เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ถีบ ตัวสูงขึ้น ยังส่งผลดีกับราคาที่ดินของนิคมฯอมตะ โดยราคาที่ดินได้ปรับขึ้นจากเดิม 4 ล้านบาท/ไร่ เป็นราคา 5.9 ล้านบาท/ไร่ ส่วนนิคมฯอมตะซิตี้ ในจังหวัดระยอง ราคาอยู่ที่ 2.4-2.5 ล้านบาท/ไร่ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และคาดว่าในปีหน้าจะปรับราคาเพิ่มอีกร้อยละ 5-10

บริษัท อมตะฯ ได้กว้านซื้อที่ดินมาเก็บรอการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มีที่ดินแล้วทั้งสิ้น 13,500 ไร่ แบ่งเป็นอยู่ในนิคมฯอมตะนคร 10,000 ไร่ ส่วนอีก 3,500 ไร่ อยู่ในนิคมฯอมตะซิตี้ อย่างไรก็ตาม นายวิบูรณ์เชื่อว่าที่ดินจำนวนนี้จะขายหมดภายใน 5 ปี

กลุ่มลูกค้า หลักในปีหน้ามาจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งทางยุโรปและสหรัฐอเมริกาบางส่วน โดยปัจจัยที่เกื้อหนุนให้ธุรกิจเติบโตมาจากการขยายตัวของคลัสเตอร์รถยนต์ ตามเป้าหมายของประเทศที่จะขับเคลื่อนให้ผลิตรถยนต์ได้ 3 ล้านคันภายในปี 2560 รวมถึงการลงทุนในไทยเพิ่มของนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตในญี่ปุ่นสูง และปัญหาข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเรื่องแย่งชิงหมู่เกาะ ทั้งนี้ประเทศไทยยังคงได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากตั้งอยู่ทำเลที่ดีมาก เป็นศูนย์กลางเชื่อมภูมิภาคอาเซียน

ทาง ด้านนิคมฯเหมราช ของ นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานที่ปรึกษาและคณะกรรมการ กล่าวว่า มีการปรับเป้ายอดขายที่ดินขึ้น 2 ครั้ง จากเดิม 1,500 ไร่ เพิ่มเป็น 2,300 ไร่ ใน 9 เดือนแรกของปี ขายที่ดินได้แล้ว 1,952 ไร่ จาก 87 สัญญา ในจำนวนนี้มี 56 สัญญาเป็นลูกค้าใหม่ ทำรายได้ 2,942 ล้านบาท ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 220 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ในปีนี้บริษัท เหมราช ยังทุ่มงบฯลงทุนถึง 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่เคยลงทุนอยู่ 5,000-6,000 ล้านบาท หรือเกือบเท่าตัว

เงิน ลงทุนส่วนนี้ใช้ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม 1,000 ล้านบาท การสร้างโรงงาน 1,000 ล้านบาท ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน รวมทั้งนำมาเป็นงบฯซื้อที่ดิน โดยเฉพาะส่วนของการซื้อที่ดินได้เพิ่มส่วนนี้ จากปกติ 400-500 ล้านบาท/ปี เป็น 1,800 ล้านบาท เพราะนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 ทำเล มียอดขายที่ดินเพิ่มต่อเนื่อง จึงเตรียมซื้อที่ดินมาเติมอีก 4,500 ไร่ ฉะนั้นเมื่อถึงสิ้นปี นิคมฯ เหมราช จะมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 10,000 ไร่

นอกจากบริษัท เหมราชฯ ยังทำรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ คือการบริการสาธารณูปโภคที่มีรายได้ 1,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ทรัพย์สินให้เช่าทำรายได้ 534 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เฉพาะโรงงานให้เช่าเติบโต ร้อยละ 31 ด้วยพื้นที่ 50,017 ตร.ม. และยังมีการเซ็นสัญญาล่วงหน้าอีก 35,463 ตร.ม. แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทำรายได้ 108 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 73 เพราะขายโรงงานสำเร็จรูปและคอนโดมิเนียมได้น้อยลง สรุปรายได้รวมของ 3 ไตรมาสแรกของบริษัท เหมราชฯ อยู่ที่ 2,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 77 นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่เปิดเดินเครื่องในไตรมาส 3 จะเข้ามาเพิ่มรายได้อีกใน 8 ปีข้างหน้า เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท

ใน ปี 2556 ก็จะมีอีกหลายโครงการที่ดำเนินต่อเนื่อง อย่างโรงไฟฟ้า SPP 1 กำลังผลิตไฟฟ้า 126 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีหน้า ส่วนโรงไฟฟ้า SPP ที่เหลืออีก 6 แห่ง จะค่อย ๆ ทยอยลงทุนให้เสร็จภายในปี 2559 ระหว่างนี้ก็กำลังวางแผนในโครงการมิลลิเนี่ยมไอแลนซ์บนเกาะล้าน จังหวัดชลบุรี โดยคาดว่าการก่อสร้างเฟสแรกจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 3 ปีหน้าเช่นกัน

รวมถึงยังเตรียมพัฒนาโลจิสติกส์พาร์ก 4 แห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการในนิคมฯ ของเหมราชเองและซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ที่มีสัญญากับผู้ประกอบการภายในนิคมฯ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งนี้ เฟส 1 และเฟส 2 ของโลจิสติกส์พา ร์กแห่งแรก จำนวน 58,000 ตร.ม. จะทยอยเสร็จเปิดให้เช่าในปลายปีนี้ ส่วนโลจิสติกส์พาร์กแห่งที่ 2, 3 และ 4 อยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟส 1 และ 2 คาดว่าในไตรมาส 1 และ 2 ปีหน้า จะเปิดให้เช่าพื้นที่ได้จำนวนรวม 94,000 ตร.ม. ตั้งเป้าจะมียอดเช่ารวม 50,000-100,000 ตร.ม.ต่อปี

ขณะเดียว กัน การก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ เฟสแรก จำนวน 12,000 ตร.ม.จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีหน้าเช่นกัน ตั้งเป้าว่าจะมียอดการเช่าโรงงานสำเร็จรูปทั้งหมดทั้งที่นี่และที่อื่นรวม 100,000 ตร.ม.ต่อปี โดยบริษัท เหมราชฯ จะผลักดันธุรกิจให้เช่ามากขึ้น เพราะสามารถคาดการณ์รายได้ที่แน่นอนได้ ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักในปี 2556 ยังเป็นนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงในประเทศญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยหนุนในประเทศจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และแรงงานที่เป็นมิตร

รูปภาพ
25 พ.ย. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 447

โพสต์

รูปภาพ

วิพากษ์เอกสาร รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว TDRI ชี้ข้อมูลไม่ครบ "หมก" ค่าใช้จ่ายขาดทุนแสนล้าน

ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนระอุทางการเมือง หลังจากที่คาดการณ์กันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะหยิบยก โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/55 ขึ้นมาเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ด้วยการชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากโครงการรับจำนำที่มีต่อหนี้สาธารณะของประเทศในอนาคต รวมไปถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการ TDRI ออกโรง "สับ" เอกสาร รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว

ข้อมูลไม่จริง "หมก" ค่าใช้จ่ายขาดทุนแสนล้าน ล่าสุด สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้ออกมาวิพากษ์เอกสาร "รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว" ที่จัดทำโดยกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)

ในเอกสารฉบับนี้มีสาระสำคัญด้วยการตั้งคำถามที่ว่า ทำไมรัฐบาลชุดนี้จึงต้องจำนำข้าวเปลือก ? พร้อมกับแสดงวัตถุประสงค์ของการรับจำนำไว้ 4 ประการด้วยกันคือ

1) รัฐบาลต้องจำนำข้าวเพื่อยกระดับรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของชาวนา 2) เพื่อสร้างความเติบโตเศรษฐกิจ ด้วยการขยายการบริโภคภายในประเทศ 3) เพื่อดึงอุปทานข้าวเข้ามาอยู่ในความควบคุมของรัฐบาล ทำให้สร้างเสถียรภาพราคาข้าวได้ และ 4) เพื่อยกระดับราคาข้าวไทยให้สูงขึ้นทั้งระบบทั้งหมดนี้ ทางสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยบอกว่า "ไม่จริง" จากการตรวจสอบข้อมูลที่เอกสารที่นำเสนอ

นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า ข้อมูลจากหนังสือ "รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว" ของกรมการค้าภายในนั้น ให้ข้อมูล

ไม่ครบถ้วนในหลายเรื่อง ดังต่อไปนี้ 1) กรณีที่รัฐบาลให้เหตุผลที่ต้องมีโครงการรับจำนำข้าว โดยอ้างว่าหากปล่อยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด เกษตรกรไทยคงหนีไม่พ้นวัฏจักรความยากจน แต่จากการทำวิจัยของ TDRI พบว่า ชาวนามีหนทางหลุดพ้นวัฏจักรความยากจนได้ เนื่องจากส่วนใหญ่มีรายได้จากทางอื่น

จากการสำรวจพบว่า กลุ่มชาวนาที่ทำนาอย่างเดียวยังมีรายได้อื่น เป็นชาวนากลุ่มน้อย (19.8% หรือ 1.14 ล้านครัวเรือน) ของชาวนาทั้งประเทศ 5.79 ล้านครัวเรือน มีรายได้จากการเกษตร 37.3% ขณะที่ชาวนากลุ่มใหญ่ คือ ชาวนาที่ทำนาและทำเกษตรอื่น กลุ่มนี้ปรากฏมีรายได้นอกภาคเกษตรด้วย กลุ่มนี้มีถึง 53.6% หรือกว่า 3.10 ล้านครัวเรือน ซึ่งมีรายได้จากการเกษตรแค่ 18.4% เท่านั้น

นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวนายิ่งจน ยิ่งพยายามหารายได้จากนอกภาคเกษตร จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนปี 2554 พบว่า ชาวนาที่ทำนาอย่างเดียวที่จนที่สุด 20% แรก หรือกว่า 4.51 ครัวเรือน จากทั้งหมด 1.14 ล้านครัวเรือน มีรายได้ส่วนใหญ่จากนอกภาคเกษตรถึง 84.4% แต่มีรายได้จากการเกษตรแค่ 15.6% ส่วนชาวนาที่ทำนาอย่างเดียวที่รวยที่สุด 20% สุดท้าย พบว่ารายได้มากกว่าครึ่ง หรือ 57% มาจากภาคเกษตร ส่วนรายได้นอกเกษตรอยู่ที่ 43%

2) ประเด็นที่ว่า การขายข้าวได้ราคาสูงขึ้น ประเทศไทยไม่ได้เสียแชมป์ส่งออกข้าวในแง่มูลค่านั้น TDRI พบว่า แม้ประเทศไทยจะสามารถตั้งราคาขายข้าวได้สูงขึ้นจริง โดยเฉพาะข้าวขาว 5% มีราคาสูงกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามและอินเดีย แต่ส่วนแบ่งตลาดของข้าวขาวไทยกลับลดลง จากข้อมูลของ International Trade Center (ITC) และของเวียดนาม เปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดเจนว่า "มูลค่าข้าวของไทยนั้นไม่ได้สูงกว่าของประเทศอื่น"

ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับอดีต ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยชี้ให้เห็นว่า การส่งออกข้าวไทยลดลงทั้งมูลค่าและปริมาณ โดยปี 2554/55 (ตั้งแต่เริ่มจำนำข้าว ต.ค. 54-ก.ย. 55) มูลค่าการส่งออกข้าวรวมทุกชนิดอยู่ที่ 1.43 แสนล้านบาท ปริมาณ 6.7 ล้านตัน จากปี 2552/53 มีมูลค่าอยู่ที่ 1.62 แสนล้านบาท ปริมาณ 8.32 ล้านตัน และปี 2553/54 มูลค่าอยู่ที่ 2.14 แสนล้านบาท ปริมาณ 12.13 ล้านตัน

โดยเฉพาะกรณีการส่งออกข้าวขาวปี 2554/55 มีมูลค่าอยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านบาท ปริมาณ 4.72 ล้านตัน จากปี 2552/53 มีมูลค่าอยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านบาท ปริมาณ 5.86 ล้านตัน และปี 2553/54 มูลค่าอยู่ที่ 1.46 แสนล้านบาท ปริมาณ 9.37 ล้านตัน

ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเสียแชมป์แน่ แต่สิ่งที่รัฐบาลประสบความสำเร็จก็คือ "การทำให้ข้าวเปลือกแพง ข้าวสารถูก" โดยราคาข้าวเปลือกภายในสูงขึ้นแน่นอนตามนโยบายรับจำนำทุกเมล็ดในราคาสูง ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดสูงขึ้นกว่าช่วง 2 ปีก่อน ส่วนหนึ่งมีการเก็งกำไร ขณะที่ข้าวสาร (เจ้า) ราคายังทรงตัวอยู่ที่กว่า 22 บาท/กิโลกรัมเล็กน้อย

ทั้งนี้ จากตัวเลขด้านอุปทานตั้งแต่ช่วงที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ขายข้าวช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2553 ซึ่งจะเป็นตัวเลขขายข้าวในปี 2554 มีจำนวน 1.55 ล้านตัน ในปีดังกล่าวมีผลผลิตออกมา 23.13 ล้านตัน และมีข้าวในมือโรงสีเล็กน้อย 5.5 แสนตัน รวมทั้งหมด 25.23 ล้านตัน ส่วนด้านอุปสงค์ มีการนำไปบริโภคและทำพันธุ์ประมาณ 10.67 ล้านตัน ขณะที่รัฐบาลเริ่มรับจำนำข้าวนาปี 2554/55 โดยในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค. 54) มีปริมาณ 2.97 ล้านตัน (น้ำท่วม) และส่งออกอีก 10.8 ล้านตัน รวมแล้ว 24.44 ล้านตัน ส่งผลให้มีข้าวเหลือประมาณ 7.9 แสนตัน

ขณะที่ปี 2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงว่า รัฐบาลขายข้าว 1.46 ล้านตัน มีผลผลิต 20.46 ล้านตัน มีข้าวในมือโรงสี 1.49 ล้านตัน (มาจากการเข้าโครงการแล้วรัฐบาลจ่ายค่าจ้างสี ค่ากระสอบ ค่าขนส่งเป็นข้าว) รวมกับข้าวที่เหลือในปี 2554 ทำให้มีปริมาณทั้งสิ้น 24.20 ล้านตัน ส่วนด้านอุปสงค์มีการบริโภคและทำพันธุ์ 8.26 ล้านตัน จำนำ (ต.ค.-ธ.ค. 55) 9.41 ล้านตัน ส่งออก 4.51 ล้านตัน รวมแล้ว 22.18 ล้านตัน ทำให้มีข้าวเหลือ 2.02 ล้านตันในตลาดในจำนวนข้าวที่เหลือกว่า 2 ล้านตัน ที่สำคัญคือ 1.49 ล้านตันอยู่ในมือโรงสี และอีกบางส่วนมาจากข้าวต่างประเทศ ซึ่งที่รัฐบาลบอกว่า จะขายข้าวเพื่อนำเงินมาใช้คืน ธ.ก.ส.อีก 4.5 หมื่นล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะได้มาจากการขายข้าวในประเทศ ขณะเดียวกันยังมีข้าวธงฟ้าที่รัฐบาลให้เอกชนบรรจุถุง มีค่าบรรจุประมาณ 26 บาทต่อถุง ซึ่งจะจ่ายเป็นข้าวอีกเช่นกัน

ถามว่ามีใครไปตรวจหรือเปล่าว่าข้าวธงฟ้า 5-6 แสนตัน ออกมาหรือไม่

3) TDRI พบว่า วงเงินงบประมาณของโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐแจ้งไว้ 359,160 ล้านบาทนั้นยัง "ต่ำกว่า" รายจ่ายจริงของโครงการ เพราะเป็นวงเงินที่จ่ายไปเพื่อการรับจำนำเท่านั้น แต่โครงการจำนำยังมี "ค่าใช้จ่าย" อื่น ๆ อีกมากที่แฝงอยู่ (คำนวณจาก ณ ปริมาณรับจำนำ 20 ล้านตัน เก็บรักษาข้าวไม่เกิน 2 ปี และกรณีสามารถระบายข้าวได้หมดในปี 2556) ประกอบด้วย รายจ่ายที่เกิดขึ้นทันทีที่รัฐบาลเริ่มโครงการ คือ ค่าสีแปรสภาพ ค่ากระสอบ และค่าขนส่งข้าวเข้าโกดัง ค่าเซอร์เวเยอร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท (จ่ายเป็นข้าว)

รายจ่ายจากการเก็บรักษาข้าว ทั้งค่าเช่าโกดังและรมยา ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าเสื่อมราคาของข้าวอีกกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท และผลขาดทุนเมื่อมีการขายข้าวในสต๊อกอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะแปรผกผันกับราคาตลาดโลก หรือราคาที่รัฐสามารถประมูลข้าวได้

ดังนั้น เมื่อรวมแล้วค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลไม่ได้แจ้งทั้งหมดจะอยู่ที่กว่า 172,901 ล้านบาท (ขาดทุนประมาณ 8,221 บาท/ตันข้าวเปลือก) ทำให้ที่สุดแล้วการใช้เงินในโครงการควรเป็นกว่า 4.48 แสนล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลยังไม่สามารถระบายข้าวให้หมดภายในปี 2556 จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายการเก็บและผลขาดทุนจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และจะส่งผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะของประเทศ

รูปภาพ
25 พ.ย. 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 448

โพสต์

รูปภาพ
จรัมพร โชติกเสถียร

แห่เพิ่มทุน-หุ้นไอพีโอพุ่ง!

ตลาดหลักทรัพย์ฯตีปีกธุรกิจแห่ระดมทุน คาดปิดปี 2555 บริษัทจดทะเบียนเดิมเพิ่มทุนแตะ 2.5 แสนล้าน ส่วนหุ้นไอพีโอจ่ออีก 9 ราย คาดทั้งปีมาร์เก็ตแคปพุ่ง 1.13 แสนล้าน ณุศาศิริ เพิ่มทุน 600 ล้านหุ้น

นำเงินพัฒนาโครงการอสังหาฯมูลค่าหมื่นล้าน และสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการรายวัน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สิ้นปี 2555 คาดว่าการระดมทุนด้วยการเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)จะอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งการระดมทุนที่ดี นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ หรือหุ้นไอพีโอ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปรวมประมาณ 1.13 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงเป้าหมายของตลท.ที่ 1.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2555 จะมีบริษัทที่เร่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)และตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) จำนวน 9 บริษัท เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในหุ้นใหม่จากที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน)(บมจ.)( NUSA )เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัดจำนวนไม่เกิน 400 ล้านหุ้น และจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนอีกไม่เกิน 200 ล้านหุ้น โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
สำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินจากการเพิ่มทุน เพื่อรองรับการลงทุนในบริษัทย่อยเพื่อดำเนินโครงการสวนน้ำเดอะแกรนด์ คิง ดอม (The Grand Kingdom )พัทยา จำนวน 200 ล้านบาท สำรองเป็นเงินลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่จำนวน 300 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยโดย NUSA ถือหุ้น 99.99% เพื่อดำเนินโครงการสวนน้ำและพลาซา ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 400 ล้านบาท
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้เงินเพิ่มทุนเข้ามา บริษัทก็พร้อมที่จะเริ่มลงทุนในทันที โดยล่าสุดกลุ่มณุศาศิริเตรียมซื้อที่ดินเนื้อที่รวมประมาณ 300 ไร่ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาเป็นโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม และจะแบ่งส่วนหนึ่งประมาณกว่า 100 ไร่ เพื่อทำโครงการสวนน้ำและพลาซา ชื่อโครงการ The Grand Kingdom ซึ่งจะมีรูปแบบของโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยในโครงการจะมีพื้นที่พลาซาเพื่อให้เช่าแก่ร้านค้าปลีก สำหรับจำหน่ายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการในโครงการ ส่วนรายได้หลักของกิจการจะมาจากการจำหน่ายบัตรเพื่อใช้บริการสวนน้ำ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงรายได้ค่าเช่าพื้นที่ในส่วนพลาซา
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีมูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งภายในโครงการจะมีการพัฒนาทั้งที่เป็นบ้านและคอนโดมิเนียม คาดว่าจะเปิดได้ในช่วงปลายปี 2555 นี้ ส่วนโครงการสวนน้ำและพลาซา ภายใต้ชื่อ The Grand Kingdom คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 2558 โดยจะมีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสวนน้ำและพลาซาเป็นผู้บริหารงาน และบริษัทย่อยของ NUSA จะเป็นผู้บริหารและเจ้าของโครงการ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงไทย จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้บริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท (TLGF) เปิดเผยว่า กองอสังหาฯโลตัส ออกหน่วยลงทุนเพิ่มทุนจำนวน 567,282,928 หน่วย โดยกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนที่ 13.30 บาทต่อหน่วย เปิดจองซื้อระหว่าง 26-29 พฤศจิกายนนี้ เพื่อระดมทุนทั้งหมด 7.5 พันล้านบาท
ภายหลังการเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนในครั้งนี้ TLGF จะเป็นกองทุนอสังหาฯที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีมูลค่าตลาดกว่า 3 หมื่นล้านบาท และถือเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในศูนย์การค้าใหม่เพียง 8 เดือนหลังจากการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของกองทุน TLGF และเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะยังคงมอบผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,795 วันที่ 25-28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 449

โพสต์

รูปภาพ

'ดร.นิเวศน์' แนะ ลงทุนหุ้นควรมองที่ธุรกิจ
"ดร.นิเวศน์" แนะ ลงทุนหุ้น ควรมองที่ธุรกิจต้องก้าวหน้า เน้นถือยาว
ระบุ ปรับพอร์ตต่อเมื่อธุรกิจกำไรลด คู่แข่งเพิ่ม


ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้น กล่าวว่า การลงทุนควรลงทุนกับธุรกิจที่มีความก้าวหน้า ซึ่งมีผลตอบแทนค่อนข้างดี และควรมีการลงทุนในหลายๆ กลุ่ม เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ทั้งนี้ปัจจัยในการลงทุนไม่ควรมองที่ราคาของหุ้น เศรษฐกิจโลก แต่ควรมองที่ความก้าวหน้าของธุรกิจ รวมทั้งควรลงทุนแบบระยะยาว โดย เมื่อเราได้เงินปันผลจากการลงทุนแล้ว ควรนำเงินที่ได้ไปลงทุนเพิ่ม ซึ่งถือว่าเป็นการวางแผนในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ ส่วนตัวจะมีการปรับแผนธุรกิจก็ต่อเมื่อ ธุรกิจมีกำไรลดลง ธุรกิจมีคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และก็จะใช้เวลาในการพิจารณาหลายปี อย่างไรก็ตาม การจะลงทุนในธุรกิจระยะยาว เป็นธุรกิจที่มีความเจริญเติบโตมากและนักลงทุนไม่ควรผลีผลาม

รูปภาพ
ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 450

โพสต์

รูปภาพ

'กอบศักดิ์' ชี้ ดอกเบี้ยไทยขาลง

"กอบศักดิ์" ชี้ ดอกเบี้ยขาลง คาด กนง. ลดอีก 2 - 3 ครั้ง แต่ไม่ขอฟันธงจะปรับเมื่อใด ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ว่า ดอกเบี้ยของไทย ในขณะนี้ ถือเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลง โดยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย จะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 - 3 ครั้ง ซึ่งหลังจากนี้ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของประเทศอยู่ที่ร้อยละ 2-2.25 แต่จะปรับลดลงในช่วงใดนั้น ขึ้นอยู่กับความกังวลของคณะกรรมการต่อปัญหาเศรษฐกิจโลก ว่าอยู่ในระดับใด และเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของไทย จะยังเป็นช่วงขาลงจนกว่าสถานการณ์ในสหภาพยุโรปจะดีขึ้น

รูปภาพ
ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2555