|0 คอมเมนต์
อมตะ-เหมราช กว้านซื้อที่รับต่างชาติ
ถือ เป็นปีทองของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม "อมตะ" และ "เหมราช" 2 นิคมอุตสาหกรรมใหญ่แห่งภาคตะวันออก ที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา เพราะ มีหลายโรงงานหันมาใช้พื้นที่จากทั้ง 2 แห่งนี้ทดแทน จนต้องปรับเป้ายอดขายที่ดินใหม่ถึง 2 รอบ ทำสถิติเป็นยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์
ทางฝั่งบริษัท อมตะฯ เดิมตั้งยอดขายที่ดินไว้ 2,500 ไร่ ต่อมาปรับเพิ่ม 500 ไร่ หลังจากนั้นปรับเพิ่มอีกครั้งจนเป้ารวมมาหยุดที่ 3,500 ไร่ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่สิ้นปี แต่ยอดขายที่ดินในนิคมฯอมตะได้ทะลุเป้า หมายไปอยู่ที่ 3,800 ไร่แล้ว ซึ่งตัวเลขนี้เป็นยอดขายสูงสุดตั้งแต่มีบริษัทมา โดยยอดขายที่ดิน 3,800 ไร่นี้ มาจากส่วนที่โอนแล้ว รวมกับส่วนที่ลงนามกับผู้ประกอบการไว้ แต่ยังไม่ได้โอน จำนวน 300-400 ไร่ รวม 2,700 ไร่ ฯลฯ
แต่ ดูเหมือนตัวเลข 3,800 ไร่ คงยังไม่พอสำหรับบริษัท อมตะฯ นายวิบูรณ์ กรมประดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวว่า อาจจะมี "Big Surprise!" เกิดขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ระหว่างการนับถอยหลังสู่สิ้นปีอีก 40 วัน จะทำให้มูลค่าการขายที่ดินแตะระดับ 10,000 ล้านบาทได้ นอกจากนี้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วม เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ถีบ ตัวสูงขึ้น ยังส่งผลดีกับราคาที่ดินของนิคมฯอมตะ โดยราคาที่ดินได้ปรับขึ้นจากเดิม 4 ล้านบาท/ไร่ เป็นราคา 5.9 ล้านบาท/ไร่ ส่วนนิคมฯอมตะซิตี้ ในจังหวัดระยอง ราคาอยู่ที่ 2.4-2.5 ล้านบาท/ไร่ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และคาดว่าในปีหน้าจะปรับราคาเพิ่มอีกร้อยละ 5-10
บริษัท อมตะฯ ได้กว้านซื้อที่ดินมาเก็บรอการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มีที่ดินแล้วทั้งสิ้น 13,500 ไร่ แบ่งเป็นอยู่ในนิคมฯอมตะนคร 10,000 ไร่ ส่วนอีก 3,500 ไร่ อยู่ในนิคมฯอมตะซิตี้ อย่างไรก็ตาม นายวิบูรณ์เชื่อว่าที่ดินจำนวนนี้จะขายหมดภายใน 5 ปี
กลุ่มลูกค้า หลักในปีหน้ามาจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งทางยุโรปและสหรัฐอเมริกาบางส่วน โดยปัจจัยที่เกื้อหนุนให้ธุรกิจเติบโตมาจากการขยายตัวของคลัสเตอร์รถยนต์ ตามเป้าหมายของประเทศที่จะขับเคลื่อนให้ผลิตรถยนต์ได้ 3 ล้านคันภายในปี 2560 รวมถึงการลงทุนในไทยเพิ่มของนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตในญี่ปุ่นสูง และปัญหาข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเรื่องแย่งชิงหมู่เกาะ ทั้งนี้ประเทศไทยยังคงได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากตั้งอยู่ทำเลที่ดีมาก เป็นศูนย์กลางเชื่อมภูมิภาคอาเซียน
ทาง ด้านนิคมฯเหมราช ของ
นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานที่ปรึกษาและคณะกรรมการ กล่าวว่า มีการปรับเป้ายอดขายที่ดินขึ้น 2 ครั้ง จากเดิม 1,500 ไร่ เพิ่มเป็น 2,300 ไร่ ใน 9 เดือนแรกของปี ขายที่ดินได้แล้ว 1,952 ไร่ จาก 87 สัญญา ในจำนวนนี้มี 56 สัญญาเป็นลูกค้าใหม่ ทำรายได้ 2,942 ล้านบาท ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 220 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในปีนี้บริษัท เหมราช ยังทุ่มงบฯลงทุนถึง 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่เคยลงทุนอยู่ 5,000-6,000 ล้านบาท หรือเกือบเท่าตัว
เงิน ลงทุนส่วนนี้ใช้ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม 1,000 ล้านบาท การสร้างโรงงาน 1,000 ล้านบาท ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน รวมทั้งนำมาเป็นงบฯซื้อที่ดิน โดยเฉพาะส่วนของการซื้อที่ดินได้เพิ่มส่วนนี้ จากปกติ 400-500 ล้านบาท/ปี เป็น 1,800 ล้านบาท เพราะนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 ทำเล มียอดขายที่ดินเพิ่มต่อเนื่อง จึงเตรียมซื้อที่ดินมาเติมอีก 4,500 ไร่ ฉะนั้นเมื่อถึงสิ้นปี นิคมฯ เหมราช จะมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 10,000 ไร่
นอกจากบริษัท เหมราชฯ ยังทำรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ คือการบริการสาธารณูปโภคที่มีรายได้ 1,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ทรัพย์สินให้เช่าทำรายได้ 534 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เฉพาะโรงงานให้เช่าเติบโต ร้อยละ 31 ด้วยพื้นที่ 50,017 ตร.ม. และยังมีการเซ็นสัญญาล่วงหน้าอีก 35,463 ตร.ม. แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทำรายได้ 108 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 73 เพราะขายโรงงานสำเร็จรูปและคอนโดมิเนียมได้น้อยลง สรุปรายได้รวมของ 3 ไตรมาสแรกของบริษัท เหมราชฯ อยู่ที่ 2,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 77 นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่เปิดเดินเครื่องในไตรมาส 3 จะเข้ามาเพิ่มรายได้อีกใน 8 ปีข้างหน้า เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท
ใน ปี 2556 ก็จะมีอีกหลายโครงการที่ดำเนินต่อเนื่อง อย่างโรงไฟฟ้า SPP 1 กำลังผลิตไฟฟ้า 126 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีหน้า ส่วนโรงไฟฟ้า SPP ที่เหลืออีก 6 แห่ง จะค่อย ๆ ทยอยลงทุนให้เสร็จภายในปี 2559 ระหว่างนี้ก็กำลังวางแผนในโครงการมิลลิเนี่ยมไอแลนซ์บนเกาะล้าน จังหวัดชลบุรี โดยคาดว่าการก่อสร้างเฟสแรกจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 3 ปีหน้าเช่นกัน
รวมถึงยังเตรียมพัฒนาโลจิสติกส์พาร์ก 4 แห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการในนิคมฯ ของเหมราชเองและซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ที่มีสัญญากับผู้ประกอบการภายในนิคมฯ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งนี้ เฟส 1 และเฟส 2 ของโลจิสติกส์พา ร์กแห่งแรก จำนวน 58,000 ตร.ม. จะทยอยเสร็จเปิดให้เช่าในปลายปีนี้ ส่วนโลจิสติกส์พาร์กแห่งที่ 2, 3 และ 4 อยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟส 1 และ 2 คาดว่าในไตรมาส 1 และ 2 ปีหน้า จะเปิดให้เช่าพื้นที่ได้จำนวนรวม 94,000 ตร.ม. ตั้งเป้าจะมียอดเช่ารวม 50,000-100,000 ตร.ม.ต่อปี
ขณะเดียว กัน การก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ เฟสแรก จำนวน 12,000 ตร.ม.จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีหน้าเช่นกัน ตั้งเป้าว่าจะมียอดการเช่าโรงงานสำเร็จรูปทั้งหมดทั้งที่นี่และที่อื่นรวม 100,000 ตร.ม.ต่อปี โดยบริษัท เหมราชฯ จะผลักดันธุรกิจให้เช่ามากขึ้น เพราะสามารถคาดการณ์รายได้ที่แน่นอนได้ ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักในปี 2556 ยังเป็นนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เพราะปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงในประเทศญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยหนุนในประเทศจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และแรงงานที่เป็นมิตร

25 พ.ย. 2555