ช่วงนี้ระเบิดเวลาในการลงทุนที่ได้ผลกระทบนั้นเป็นปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ โดยมีดังนี้
อันดับแรกคือ การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่บอกไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว (2014) ว่า น่าจะเดือนกันยายน 2015 เป็นช่วงที่เริ่มต้นในการขึ้นดอกเบี้ย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยซักที แต่จริงๆแล้วหากไปดูตัวเลขในโลกความเป็นจริงนั้น จากเดิมที่อยู่ในระดับ 0.0x ตอนนี้เป็น 0.1x มาระยะเวลา1-2 เดือนแล้ว แต่ไมไ่ด้ประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง
เรื่องนี้หากผู้ให้ออกนโยบาย โดนค่าคาดหมายได้ มันทำให้มีผู้ได้ประโยชน์อย่างมากมาย ดังนั้น ผู้ให้นโยบายจึงต้องดำเนินการเหนือความคาดหมายหรือดำเนินการแบบเงียบๆๆนั้นเอง
อันดับต่อไป ที่ผมบอกไว้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้มี การปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐที่ขยายไปเมื่อช่วงต้นปีนี้(2015) นั้น จะเต็มอย่างรวดเร็วในเดือนตุลาคม 2015 นั้น ตอนนี้มีการปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุดได้คำนวณระยะเวลาว่าหนี้สินที่ก่อของสหรัฐนั้นชนเพดานในช่วง เดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม 2015 นั้นเอง
ทั้งสองเรื่องนี้ เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2015 ถึงต้นเดือน พฤศจิกายน 2015 นั้นเอง
อันดับต่อไป ที่ไม่น่าจะมีผลในช่วงนี้แต่มีผลในช่วงถัดไปคือ ระเบิดเวลาของ ฟองสบู่จากตลาด(ห)ลักทรัพย์ที่จีนลดลงอย่างรุนแรงเมื่อ เดือนสิงหาคม 2015 นับไป ถ้าหากตามทฤษฏีแล้ว กระทบในเดือน กุมภาพันธ์ 2015 เป็นอย่างเร็ว แต่อย่างไรเสีย ภาครัฐของจีนได้อัดเงินเข้าระบบเพื่อมิให้ระบบการเงินยุบตัวอย่างรุนแรงนั้นเอง แต่จริงๆแล้ว การลดลงของตลาดหลักทรัพย์ที่เมืองจีน มันส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนที่นั้นด้วย เพราะตลาดที่นั้น รายย่อยเป็นผู้เล่นสำคัญ ส
ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วไซร้ เลยมีคำถามว่า สินค้าของสหรัฐที่ขายดีในประเทศจีนนั้นยังคงขายดีอีกต่อไปหรือเปล่า
แล้วยิ่งค่าเงิน $ แข็งค่าขึ้น มันส่งผลต่อการทำงบการเงินรวมที่ส่งไปยังบริษัทแม่ที่สหรัฐด้วย นั้นเอง
น่าจะได้คำตอบในเร็วนี้สำหรับข้อนี้
ส่วนเรื่องต่อไปคือ มันน่าคิดว่า ช่วงนี้ทำไมเงินบาทถึงแข็งค่าเร็วขึ้น เนื่องจาก ส่วนหนึ่งคือจำเป็นต้องมีการประมูลคลื่นความถี่ 900และ 1800 ในช่วงเดือน ธันวาคม 2015 แล้วไซร้ บริษัทแม่จำเป็นต้องเตรียมเสบียงคลังเพื่อรบในส่วนนนี้เพื่อประมูลใบอนุญาตให้ได้นั้นเอง ด้วยหรือเปล่า เป็นที่น่าสงสัย
ส่วนอีกเรื่องคือ ต้องจับตาดูว่า E-market ,E-biding ที่กำลังเริ่มใช้งานเดือน ตุลาคม 2015 นี้สำหรับหน่วยงานรัฐทั้งหลาย ณ เวลานี้ ฝ่ายจัดซื้อจัดหาของแต่ละหน่วยงานได้รับการอบรมในการจัดซื้อจัดหาระบบใหม่แค่ไหน มันทำให้เกิดอาชีพเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม เพื่อดูราคาประมูล หรือเปล่า ในระยะเวลาต่อไป เรียกได้ว่า แก้ไขระบบการเปิดซอง แต่หน่วยงานเอกชนต้องมีคนเพิ่มเติมในการดูแลเรื่องนี้โดย่่เฉพาะหรือเปล่าหนอ
