การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 62
About Flywheel Energy Storage
Flywheel energy storage works by accelerating a cylindrical assembly called a rotor (flywheel) to a very high speed and maintaining the energy in the system as rotational energy. The energy is converted back by slowing down the flywheel. The flywheel system itself is a kinetic, or mechanical battery, spinning at very high speeds to store energy that is instantly available when needed.
At the core of Beacon's flywheel is a carbon-fiber composite rim, supported by a metal hub and shaft and with a motor/generator mounted on the shaft. Together the rim, hub, shaft and motor/generator assembly form the rotor.
When charging (or absorbing) energy, the flywheel's motor acts like a load and draws power from the grid to accelerate the rotor to a higher speed.
When discharging, the motor is switched into generator mode, and the inertial energy of the rotor drives the generator which, in turn, creates electricity that is then injected back into the grid.
Multiple flywheels may be connected together to provide various megawatt-level power capacities. Performance is measured in energy units - kilowatt-hours (kWh) or megawatt-hours (MwH), indicating the amount of power available over a given period of time.
Beacon's Smart Energy 25 flywheel has a high-performance rotor assembly that is sealed in a vacuum chamber and spins between 8,000 and 16,000 rpm. At 16,000 rpm the flywheel can store and deliver 25 kWh of extractable energy. At 16,000 rpm, the surface speed of the rim would be approximately Mach 2 - or about 1500 mph - if it were operated in normal atmosphere. At that speed the rim must be enclosed in a high vacuum to reduce friction and energy losses. To reduce losses even further, the rotor is levitated with a combination of permanent magnets and an electromagnetic bearing.
Beacon Power's grid-scale Smart Energy Matrix is made up of multiple integrated systems of (10) Smart Energy 25 flywheels, interconnected in an array, or matrix, to provide energy storage for certain utility applications. The Smart Energy Matrix can absorb and deliver megawatts of power for minutes, providing highly responsive frequency regulation capabilities for increased grid reliability.
A Word About Sustainability and Energy Storage
Sustainability is a philosophy and set of practices that have gained considerable acceptance among global organizations in recent years.
The concept of sustainability refers to business conduct that addresses the economic, social and environmental impacts of operations; the so-called "triple bottom line."
More than 50% of Fortune 100 companies have adopted sustainable business practices and issue comprehensive annual progress reports. These companies, including many in the energy sector, are taking a longer-term view that considers the total impact of a product or service, from development through end-of-life.
Flywheel-based energy storage systems, unlike fossil-fuel power plants that are used on the grid for frequency regulation, are sustainable "green" technology solutions that consume no fossil fuel, nor produce CO2 or other emissions during operation. Further, Beacon's flywheels operate reliably for many years with little or no maintenance, making them a true sustainable technology solution.
http://www.beaconpower.com/products/about-flywheels.asp
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 63
ราคาหุ้นก็กำลังถูกลงๆ แนะนำให้ บริษัทพลังงาน ของเรา เช่น PTT BCP ไปซื้อแบบ.. ซื้อให้เป็นเจ้าของ เลย
http://investors.beaconpower.com/stockquote.cfm
http://investors.beaconpower.com/stockquote.cfm
-
- Verified User
- โพสต์: 1401
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 65
จำสารตัวนี้ไว้นะครับ graphene
ทีมนักวิจัยเนคเทคประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีน (Graphene) โดยวิธีการทางเคมีเป็นครั้งแรกของไทย
ที่มา: NECTEC Thailand
ทีมนักวิจัยเนคเทคประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีน (Graphene) โดยวิธีการทางเคมีเป็นครั้งแรกของไทยและเป็นทีมแรกที่สามารถผลิตกราฟีนผสมในหมึกนำไฟฟ้า ใช้สร้างอุปกรณ์ซุปเปอร์เซ็นเซอร์ราคาถูกด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ต
กราฟีนเป็นวัสดุมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดที่ประกอบด้วยชั้นของคาร์บอนอะตอมที่หนาเพียง 1 ชั้น มีลักษณะเป็นแผ่นที่มีโครงสร้าง 2 มิติเหมือนตาข่ายรูปหกเหลี่ยมคล้ายรังผึ้ง โดยมีความหนาเท่ากับความหนาของคาร์บอนเพียงอะตอมเดียว หรือประมาณ 0.34 นาโนเมตร กราฟีนมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายอย่าง เช่น เป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าหลายร้อยเท่าและแม้แต่เพชร สามารถยืดหยุ่นได้ถึงร้อยละ 20 สามารถนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงหลายเท่า และยังใสโปร่งแสง นอกจากนี้อิเล็กตรอนที่อยู่บนโครงสร้างของแผ่นกราฟีน สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่ากับแสง คาดหวังว่ากราฟีนจะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
กราฟีนถูกค้นพบเมื่อปี 2004 โดยสองนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียรางวัลโนเบลในปีนี้ ได้แก่ Dr. Andre Geim และ Dr. Konstantin Novoselov จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้ได้ทำการทดลองและค้นพบความมหัศจรรย์ของกราฟีน จนทำให้มันได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลกอย่างมาก กราฟีนมีศักยภาพสูงที่จะนำมาใช้งานได้ตั้งแต่เอาไปผสมในวัสดุอื่นๆ เพื่อเพิ่มการนำไฟฟ้าและเพิ่มความแข็งแรงให้กับวัสดุพอลิเมอร์หรือพลาสติก เช่น นำไปใช้ผสมในวัสดุทำขั้วไฟฟ้าอิเล็กโทรดสำหรับจอภาพแบบสัมผัสหรือจอภาพแบบม้วนงอได้ สร้างเป็นเซ็นเซอร์ที่มีความไวพิเศษ จนกระทั้งนำไปสร้างนาโนทรานซิสเตอร์ที่เล็กได้ถึง 10 นาโนเมตร และมีความเร็วถึง 100 GHz
ทีมนักวิจัยเนคเทค สวทช นำทีมโดย ดร. อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค และทีมงาน ได้แก่ ดร. อนุรัตน์ วิศิษฐ์สรอรรถ นายชาคริต ศรีประจวบวงษ์ และ นายดิษยุทธ์ โภคารัตนกุล ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับกราฟีนมานานกว่า 6 เดือนและประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคเคมีไฟฟ้า ลอกเอาแผ่นกราฟีนบริสุทธิ์ออกจากขั้วกราไฟต์และผสานเข้าไปในเนื้อพอลิเมอร์นำไฟฟ้าทำให้ได้หมึกนำไฟฟ้าที่สามารถนำไปพิมพ์เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเทคนิคอิงค์เจ็ตราคาถูก ผลงานวิจัยนี้อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรและได้รับเชิญให้ไปนำเสนอในการประชุมวิชาการและอุตสาหกรรมระดับโลกเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์แบบพิมพ์และโค้งงอได้ที่ประเทศไต้หวัน คาดว่าผลงานวิจัยจะช่วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพลังงานของไทย เช่น ลดต้นทุนการสร้างขั้วไฟฟ้าโปร่งแสงสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์และจอภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บประจุของแบตเตอรี่ เสริมความแข็งแรงให้วัสดุคอมโพสิต สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ที่ม้วนงอได้ เป็นต้น
อีกข่าวครับ
ทึ่ง! ไทยพลิกโฉมวิจัย “กราฟีน” สำเร็จในจักรวาล
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
กราฟีนที่พิมพ์แล้ว
เผยทีมนักวิจัยเนคเทค สังเคราะห์กราฟีนสำเร็จ มุ่งเป้าใช้ทำหมึกนำไฟฟ้าสร้างเซ็นเซอร์ และเป็นทีมแรกของโลกที่ผลิตกราฟีนผสมในหมึกนำไฟฟ้าใช้สร้างอุปกรณ์ราคาถูก ด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ต ก่อนพลิกโฉมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์...
20 ต.ค. นายอดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค กล่าวว่า กว่า 6 เดือน ที่ทีมงานวิจัยกราฟีน ประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคเคมีไฟฟ้า ลอกเอาแผ่นกราฟีนบริสุทธิ์ออกจากขั้วกราไฟต์ และผสานเข้าไปในเนื้อพอลิเมอร์นำไฟฟ้าทำให้ได้หมึกนำไฟฟ้าที่สามารถนำไป พิมพ์เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเทคนิคอิงค์เจ็ตราคาถูก
ทั้งนี้ กราฟีนเป็นวัสดุมหัศจรรย์ใหม่ ประกอบด้วย ชั้นของคาร์บอนอะตอมที่หนาเพียง 1 ชั้น มีลักษณะเป็นแผ่นที่มีโครงสร้าง 2 มิติ เหมือนตาข่ายรูปหกเหลี่ยมคล้ายรังผึ้ง โดยมีความหนาเท่ากับความหนาของคาร์บอนเพียงอะตอมเดียว หรือประมาณ 0.34 นาโนเมตร กราฟีนมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายอย่าง อาทิ เป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าหลายร้อยเท่าและแม้แต่เพชร สามารถยืดหยุ่นได้ถึง 20% สามารถนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงหลายเท่า และยังใสโปร่งแสง นอกจากนี้ อิเล็กตรอนที่อยู่บนโครงสร้างของแผ่นกราฟีน สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่ากับแสง
นอกจากนี้ วิธีการทางเคมีเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นทีมแรกของโลกที่สามารถผลิตกราฟีนผสมในหมึกนำไฟฟ้าใช้สร้างอุปกรณ์ ซุปเปอร์เซ็นเซอร์ราคาถูกด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ต โดยคาดหวังว่ากราฟีนจะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
เครื่องพิมพ์
“ลักษณะเด่นกราฟีน คือการนำไฟฟ้า 2 มิติ มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าได้ดีมากกว่า ทองแดง 2 เท่าตัว และพื้นที่ผิวในการทำปฏิกิริยาได้ 2 เท่าตัว ความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้า ถึง 2 เท่า ถือว่าแข็งแรงมากที่สุดในโลก และเหนือกว่าเพชร อีกทั้ง มีความยืดหยุ่นสูงถึง 20% จึงเหมาะกับการนำไปใช้ผสมในพอลิเมอร์ต่างๆ ในการนำไฟฟ้า เพื่อไม่ให้มีการขาดตอน และนำไฟฟ้าได้อย่างดี” นายอดิสร กล่าว
ระหว่างการพิมพ์
ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค เนคเทค กล่าวต่อว่า ขณะนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานติดต่อเข้ามาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ แต่อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ โดยคาดการณ์ว่า ผลงานวิจัยจะช่วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพลังงานของไทย เช่น ลดต้นทุนการสร้างขั้วไฟฟ้าโปร่งแสงสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์และจอภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บประจุของแบตเตอรี่ เสริมความแข็งแรงให้วัสดุคอมโพสิต สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ที่ม้วนงอได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลงานวิจัยนี้อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร และได้รับเชิญให้ไปนำเสนอในการประชุมวิชาการ และอุตสาหกรรมระดับโลกเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์แบบพิมพ์และโค้งงอได้ที่ ประเทศไต้หวัน
นายอดิสร กล่าวอีกว่า กราฟีนนั้น ถูกค้นพบเมื่อปี 2547 เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา โดยสองนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียรางวัลโนเบลในปีนี้ ได้แก่ นายแอนดริ กิม และ นายคอนสแตนติน โนโวเซลอฟ จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้ได้ทำการทดลองและค้นพบความมหัศจรรย์ของกราฟีน จนได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลกอย่างมาก
ความแตกต่างก่อน-หลังพิมพ์
ล่าสุด บริษัท ไอบีเอ็ม ได้ทดลองนำแผ่นแกรฟีนมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ในคอมพิวเตอร์ พบว่า ช่วยให้การประมวลผลมีความเร็วขึ้นถึง 100 กิกะเฮิร์ตซ ขณะที ซิลิลอน ที่ใช้อยู่เดิมมีการประมวลผลสูงสุดเพียง 3-4 กิกะเฮิร์ตซ เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยศึกษาสมบัติในการเรียกเก็บประจุ หรือกักเก็บพลังงานไฟฟ้า พบว่ามีศักยภาพเก็บประจุได้สูงมาก นับเป็นความหวังที่จะนำมาใช้เก็บพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
ทีมนักวิจัยเนคเทคประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีน (Graphene) โดยวิธีการทางเคมีเป็นครั้งแรกของไทย
ที่มา: NECTEC Thailand
ทีมนักวิจัยเนคเทคประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีน (Graphene) โดยวิธีการทางเคมีเป็นครั้งแรกของไทยและเป็นทีมแรกที่สามารถผลิตกราฟีนผสมในหมึกนำไฟฟ้า ใช้สร้างอุปกรณ์ซุปเปอร์เซ็นเซอร์ราคาถูกด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ต
กราฟีนเป็นวัสดุมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดที่ประกอบด้วยชั้นของคาร์บอนอะตอมที่หนาเพียง 1 ชั้น มีลักษณะเป็นแผ่นที่มีโครงสร้าง 2 มิติเหมือนตาข่ายรูปหกเหลี่ยมคล้ายรังผึ้ง โดยมีความหนาเท่ากับความหนาของคาร์บอนเพียงอะตอมเดียว หรือประมาณ 0.34 นาโนเมตร กราฟีนมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายอย่าง เช่น เป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าหลายร้อยเท่าและแม้แต่เพชร สามารถยืดหยุ่นได้ถึงร้อยละ 20 สามารถนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงหลายเท่า และยังใสโปร่งแสง นอกจากนี้อิเล็กตรอนที่อยู่บนโครงสร้างของแผ่นกราฟีน สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่ากับแสง คาดหวังว่ากราฟีนจะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
กราฟีนถูกค้นพบเมื่อปี 2004 โดยสองนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียรางวัลโนเบลในปีนี้ ได้แก่ Dr. Andre Geim และ Dr. Konstantin Novoselov จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้ได้ทำการทดลองและค้นพบความมหัศจรรย์ของกราฟีน จนทำให้มันได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลกอย่างมาก กราฟีนมีศักยภาพสูงที่จะนำมาใช้งานได้ตั้งแต่เอาไปผสมในวัสดุอื่นๆ เพื่อเพิ่มการนำไฟฟ้าและเพิ่มความแข็งแรงให้กับวัสดุพอลิเมอร์หรือพลาสติก เช่น นำไปใช้ผสมในวัสดุทำขั้วไฟฟ้าอิเล็กโทรดสำหรับจอภาพแบบสัมผัสหรือจอภาพแบบม้วนงอได้ สร้างเป็นเซ็นเซอร์ที่มีความไวพิเศษ จนกระทั้งนำไปสร้างนาโนทรานซิสเตอร์ที่เล็กได้ถึง 10 นาโนเมตร และมีความเร็วถึง 100 GHz
ทีมนักวิจัยเนคเทค สวทช นำทีมโดย ดร. อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค และทีมงาน ได้แก่ ดร. อนุรัตน์ วิศิษฐ์สรอรรถ นายชาคริต ศรีประจวบวงษ์ และ นายดิษยุทธ์ โภคารัตนกุล ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับกราฟีนมานานกว่า 6 เดือนและประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคเคมีไฟฟ้า ลอกเอาแผ่นกราฟีนบริสุทธิ์ออกจากขั้วกราไฟต์และผสานเข้าไปในเนื้อพอลิเมอร์นำไฟฟ้าทำให้ได้หมึกนำไฟฟ้าที่สามารถนำไปพิมพ์เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเทคนิคอิงค์เจ็ตราคาถูก ผลงานวิจัยนี้อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรและได้รับเชิญให้ไปนำเสนอในการประชุมวิชาการและอุตสาหกรรมระดับโลกเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์แบบพิมพ์และโค้งงอได้ที่ประเทศไต้หวัน คาดว่าผลงานวิจัยจะช่วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพลังงานของไทย เช่น ลดต้นทุนการสร้างขั้วไฟฟ้าโปร่งแสงสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์และจอภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บประจุของแบตเตอรี่ เสริมความแข็งแรงให้วัสดุคอมโพสิต สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ที่ม้วนงอได้ เป็นต้น
อีกข่าวครับ
ทึ่ง! ไทยพลิกโฉมวิจัย “กราฟีน” สำเร็จในจักรวาล
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
กราฟีนที่พิมพ์แล้ว
เผยทีมนักวิจัยเนคเทค สังเคราะห์กราฟีนสำเร็จ มุ่งเป้าใช้ทำหมึกนำไฟฟ้าสร้างเซ็นเซอร์ และเป็นทีมแรกของโลกที่ผลิตกราฟีนผสมในหมึกนำไฟฟ้าใช้สร้างอุปกรณ์ราคาถูก ด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ต ก่อนพลิกโฉมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์...
20 ต.ค. นายอดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค กล่าวว่า กว่า 6 เดือน ที่ทีมงานวิจัยกราฟีน ประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคเคมีไฟฟ้า ลอกเอาแผ่นกราฟีนบริสุทธิ์ออกจากขั้วกราไฟต์ และผสานเข้าไปในเนื้อพอลิเมอร์นำไฟฟ้าทำให้ได้หมึกนำไฟฟ้าที่สามารถนำไป พิมพ์เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเทคนิคอิงค์เจ็ตราคาถูก
ทั้งนี้ กราฟีนเป็นวัสดุมหัศจรรย์ใหม่ ประกอบด้วย ชั้นของคาร์บอนอะตอมที่หนาเพียง 1 ชั้น มีลักษณะเป็นแผ่นที่มีโครงสร้าง 2 มิติ เหมือนตาข่ายรูปหกเหลี่ยมคล้ายรังผึ้ง โดยมีความหนาเท่ากับความหนาของคาร์บอนเพียงอะตอมเดียว หรือประมาณ 0.34 นาโนเมตร กราฟีนมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายอย่าง อาทิ เป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าหลายร้อยเท่าและแม้แต่เพชร สามารถยืดหยุ่นได้ถึง 20% สามารถนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทองแดงหลายเท่า และยังใสโปร่งแสง นอกจากนี้ อิเล็กตรอนที่อยู่บนโครงสร้างของแผ่นกราฟีน สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่ากับแสง
นอกจากนี้ วิธีการทางเคมีเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นทีมแรกของโลกที่สามารถผลิตกราฟีนผสมในหมึกนำไฟฟ้าใช้สร้างอุปกรณ์ ซุปเปอร์เซ็นเซอร์ราคาถูกด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ต โดยคาดหวังว่ากราฟีนจะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
เครื่องพิมพ์
“ลักษณะเด่นกราฟีน คือการนำไฟฟ้า 2 มิติ มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าได้ดีมากกว่า ทองแดง 2 เท่าตัว และพื้นที่ผิวในการทำปฏิกิริยาได้ 2 เท่าตัว ความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้า ถึง 2 เท่า ถือว่าแข็งแรงมากที่สุดในโลก และเหนือกว่าเพชร อีกทั้ง มีความยืดหยุ่นสูงถึง 20% จึงเหมาะกับการนำไปใช้ผสมในพอลิเมอร์ต่างๆ ในการนำไฟฟ้า เพื่อไม่ให้มีการขาดตอน และนำไฟฟ้าได้อย่างดี” นายอดิสร กล่าว
ระหว่างการพิมพ์
ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค เนคเทค กล่าวต่อว่า ขณะนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานติดต่อเข้ามาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ แต่อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ โดยคาดการณ์ว่า ผลงานวิจัยจะช่วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพลังงานของไทย เช่น ลดต้นทุนการสร้างขั้วไฟฟ้าโปร่งแสงสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์และจอภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บประจุของแบตเตอรี่ เสริมความแข็งแรงให้วัสดุคอมโพสิต สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ที่ม้วนงอได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลงานวิจัยนี้อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร และได้รับเชิญให้ไปนำเสนอในการประชุมวิชาการ และอุตสาหกรรมระดับโลกเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์แบบพิมพ์และโค้งงอได้ที่ ประเทศไต้หวัน
นายอดิสร กล่าวอีกว่า กราฟีนนั้น ถูกค้นพบเมื่อปี 2547 เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา โดยสองนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียรางวัลโนเบลในปีนี้ ได้แก่ นายแอนดริ กิม และ นายคอนสแตนติน โนโวเซลอฟ จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้ได้ทำการทดลองและค้นพบความมหัศจรรย์ของกราฟีน จนได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลกอย่างมาก
ความแตกต่างก่อน-หลังพิมพ์
ล่าสุด บริษัท ไอบีเอ็ม ได้ทดลองนำแผ่นแกรฟีนมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ในคอมพิวเตอร์ พบว่า ช่วยให้การประมวลผลมีความเร็วขึ้นถึง 100 กิกะเฮิร์ตซ ขณะที ซิลิลอน ที่ใช้อยู่เดิมมีการประมวลผลสูงสุดเพียง 3-4 กิกะเฮิร์ตซ เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยศึกษาสมบัติในการเรียกเก็บประจุ หรือกักเก็บพลังงานไฟฟ้า พบว่ามีศักยภาพเก็บประจุได้สูงมาก นับเป็นความหวังที่จะนำมาใช้เก็บพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1401
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 67
ญี่ปุ่นให้ไทยเลี้ยงสาหร่ายน้ำมันหาเงื่อนไขเพิ่มผลผลิต
วันที่ 2011-06-29 08:03:08 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - วิทยาศาสตร์
“เด็นโซ่” บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น ให้ไทยทดลองเลี้ยงสาหร่ายผลิตน้ำมัน หาสภาพที่เหมาะสมเพิ่มผลผลิต เปรียบเทียบผลผลิตที่ได้จากการเลี้ยงจริงในญี่ปุ่น เผยวิจัยตั้งรับปัญหาสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาร่วม 5 ปี ค้นพบสายพันธุ์สาหร่ายที่ให้น้ำมันสูงในบ่อน้ำพุร้อน
นายคัทซุโนริ โอคุระ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการวิจัย บริษัท เด็นโซ่ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เด็นโซ่ได้วิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำมันชีวภาพจากสาหร่ายเซลล์เดียวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยสาหร่ายเซลล์เดียวของญี่ปุ่นมาร่วมในโครงการ ทั้งนี้ มีความมุ่งหวังที่จะให้โครงการดังกล่าวเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบสนองปัญหาต่างๆ ทั้งมลภาวะสิ่งแวดล้อมและการขาดแคลนพลังงานได้
“ปีที่ผ่านมาเราได้สร้างบ่อเพาะเลี้ยงสาหร่ายภายนอกอาคารบริษัทเด็นโซ่ ซึ่งแตกต่างจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองมาก ครั้งนั้นเราได้ใช้ประโยชน์จากไอเสีย น้ำเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากโรงงานจริงๆ งานวิจัยสาหร่ายของเราเป็นผลจากการที่เราต้องการตอบโต้วิกฤตด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเมื่อเดือน มี.ค.ญี่ปุ่นได้ประสบกับภัยแผ่นดินไหวที่รุนแรงและยังเกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกูชิมะ จึงมีการเรียกร้องให้หาแหล่งกำเนิดพลังงานใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพานิวเคลียร์ ดังนั้น สาหร่ายที่เรานำมาผลิตน้ำมันจึงถือเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาเหล่านั้น” นายโอคุระกล่าว
สาหร่ายที่บริษัทเด็นโซ่ใช้ผลิตน้ำมันเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อ ซูโดคอริซิสติส เอลลิปโซอิเด (Pseudochoricystis ellipsoidae) ซึ่งนักวิจัยของญี่ปุ่นค้นพบที่บ่อน้ำพุร้อน โดยสาหร่ายชนิดนี้ให้ผลผลิตเป็นน้ำมันชีวภาพสำหรับใช้กับเครื่องดีเซล และยังให้ผลผลิตที่มากกว่าสาหร่ายสายพันธุ์อื่นที่ทางบริษัทกำลังศึกษา 30-40%
ทั้งนี้ สาหร่ายชนิดนี้จะสังเคราะห์แสงและดูดกลืนคาร์บอนไดออกไซด์แล้วให้ผลผลิตออกมาเป็นแป้งและน้ำมัน ซึ่งนักวิจัยสามารถแยกน้ำมันออกมาได้ด้วยความร้อน นอกจากนี้ ในพื้นที่เพาะเลี้ยงเท่ากันสาหร่ายดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าป่าฝนถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ดี ทางเด็นโซ่ประสบปัญหาไม่สามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากญี่ปุ่นมีสภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย บริษัทจึงได้สำรวจประเทศที่มีภูมิอากาศเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย และจากการเดินทางไปเสนองานวิจัยเกี่ยวกับสาหร่ายผลิตน้ำมันของนักวิจัยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ที่ญี่ปุ่น ทางเด็นโซ่จึงตัดสินใจร่วมมือกับ วว.เพื่อทดลองเพาะเลี้ยงสาหร่ายสายพันธุ์ดังกล่าวและหาเงื่อนไขที่เหมาะสมในการเพิ่มผลผลิตและเปรียบเทียบผลที่ได้กับการทดลองเพาะเลี้ยงที่ญี่ปุ่น
เด็นโซ่และ วว.ได้ลงนามความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็ก เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.54 ณ อาคารวิจัยและพัฒนา 1 วว.เทคโนธานี ปทุมธานี ซึ่ง นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว.กล่าวต่อทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์และสื่อมวลชนว่า จากความร่วมมือดังกล่าว วว.จะได้รับสาหร่ายซูโดคอริซิสติสซึ่งเป็นสายพันธุ์สิทธิบัตรของเด็นโซ่มาทดลองเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยง และเมื่อได้เงื่อนไขในการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสมแล้วจะได้เป็นสิทธิ์ร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น
ทางด้าน ดร.อาภารัตน์ มหาขันธ์ นักวิจัยและหัวหน้าโครงการวิจัยพัฒนาการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็ก กล่าวว่าไทยมีสายพันธุ์สาหร่ายที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันและมากกว่า แต่ทางญี่ปุ่นได้เลือกสาหร่ายพันธุ์นี้ซึ่งเป็นพันธุ์ที่คิดว่าดีที่สุดมาทดลองร่วมกัน
ทั้งนี้ ทาง วว.มีประสบการณ์วิจัยสาหร่ายแบบครบวงจรมากกว่า 25 ปี ตั้งแต่สำรวจ เก็บรวบรวม จัดตั้งคลังสาหร่าย และได้ดำเนินการด้านพลังงานจากสาหร่ายมาประมาณ 6 ปีแล้ว ซึ่งความร่วมมือล่าสุดนี้ดำเนินภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่ครอบคลุมการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพ รวมทั้งความปลอดภัยทางชีวภาพ
วันที่ 2011-06-29 08:03:08 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - วิทยาศาสตร์
“เด็นโซ่” บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น ให้ไทยทดลองเลี้ยงสาหร่ายผลิตน้ำมัน หาสภาพที่เหมาะสมเพิ่มผลผลิต เปรียบเทียบผลผลิตที่ได้จากการเลี้ยงจริงในญี่ปุ่น เผยวิจัยตั้งรับปัญหาสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาร่วม 5 ปี ค้นพบสายพันธุ์สาหร่ายที่ให้น้ำมันสูงในบ่อน้ำพุร้อน
นายคัทซุโนริ โอคุระ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการวิจัย บริษัท เด็นโซ่ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เด็นโซ่ได้วิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำมันชีวภาพจากสาหร่ายเซลล์เดียวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยสาหร่ายเซลล์เดียวของญี่ปุ่นมาร่วมในโครงการ ทั้งนี้ มีความมุ่งหวังที่จะให้โครงการดังกล่าวเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบสนองปัญหาต่างๆ ทั้งมลภาวะสิ่งแวดล้อมและการขาดแคลนพลังงานได้
“ปีที่ผ่านมาเราได้สร้างบ่อเพาะเลี้ยงสาหร่ายภายนอกอาคารบริษัทเด็นโซ่ ซึ่งแตกต่างจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองมาก ครั้งนั้นเราได้ใช้ประโยชน์จากไอเสีย น้ำเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากโรงงานจริงๆ งานวิจัยสาหร่ายของเราเป็นผลจากการที่เราต้องการตอบโต้วิกฤตด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเมื่อเดือน มี.ค.ญี่ปุ่นได้ประสบกับภัยแผ่นดินไหวที่รุนแรงและยังเกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกูชิมะ จึงมีการเรียกร้องให้หาแหล่งกำเนิดพลังงานใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพานิวเคลียร์ ดังนั้น สาหร่ายที่เรานำมาผลิตน้ำมันจึงถือเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาเหล่านั้น” นายโอคุระกล่าว
สาหร่ายที่บริษัทเด็นโซ่ใช้ผลิตน้ำมันเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวที่ชื่อ ซูโดคอริซิสติส เอลลิปโซอิเด (Pseudochoricystis ellipsoidae) ซึ่งนักวิจัยของญี่ปุ่นค้นพบที่บ่อน้ำพุร้อน โดยสาหร่ายชนิดนี้ให้ผลผลิตเป็นน้ำมันชีวภาพสำหรับใช้กับเครื่องดีเซล และยังให้ผลผลิตที่มากกว่าสาหร่ายสายพันธุ์อื่นที่ทางบริษัทกำลังศึกษา 30-40%
ทั้งนี้ สาหร่ายชนิดนี้จะสังเคราะห์แสงและดูดกลืนคาร์บอนไดออกไซด์แล้วให้ผลผลิตออกมาเป็นแป้งและน้ำมัน ซึ่งนักวิจัยสามารถแยกน้ำมันออกมาได้ด้วยความร้อน นอกจากนี้ ในพื้นที่เพาะเลี้ยงเท่ากันสาหร่ายดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าป่าฝนถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ดี ทางเด็นโซ่ประสบปัญหาไม่สามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากญี่ปุ่นมีสภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย บริษัทจึงได้สำรวจประเทศที่มีภูมิอากาศเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย และจากการเดินทางไปเสนองานวิจัยเกี่ยวกับสาหร่ายผลิตน้ำมันของนักวิจัยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ที่ญี่ปุ่น ทางเด็นโซ่จึงตัดสินใจร่วมมือกับ วว.เพื่อทดลองเพาะเลี้ยงสาหร่ายสายพันธุ์ดังกล่าวและหาเงื่อนไขที่เหมาะสมในการเพิ่มผลผลิตและเปรียบเทียบผลที่ได้กับการทดลองเพาะเลี้ยงที่ญี่ปุ่น
เด็นโซ่และ วว.ได้ลงนามความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็ก เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.54 ณ อาคารวิจัยและพัฒนา 1 วว.เทคโนธานี ปทุมธานี ซึ่ง นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว.กล่าวต่อทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์และสื่อมวลชนว่า จากความร่วมมือดังกล่าว วว.จะได้รับสาหร่ายซูโดคอริซิสติสซึ่งเป็นสายพันธุ์สิทธิบัตรของเด็นโซ่มาทดลองเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยง และเมื่อได้เงื่อนไขในการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสมแล้วจะได้เป็นสิทธิ์ร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น
ทางด้าน ดร.อาภารัตน์ มหาขันธ์ นักวิจัยและหัวหน้าโครงการวิจัยพัฒนาการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็ก กล่าวว่าไทยมีสายพันธุ์สาหร่ายที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันและมากกว่า แต่ทางญี่ปุ่นได้เลือกสาหร่ายพันธุ์นี้ซึ่งเป็นพันธุ์ที่คิดว่าดีที่สุดมาทดลองร่วมกัน
ทั้งนี้ ทาง วว.มีประสบการณ์วิจัยสาหร่ายแบบครบวงจรมากกว่า 25 ปี ตั้งแต่สำรวจ เก็บรวบรวม จัดตั้งคลังสาหร่าย และได้ดำเนินการด้านพลังงานจากสาหร่ายมาประมาณ 6 ปีแล้ว ซึ่งความร่วมมือล่าสุดนี้ดำเนินภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่ครอบคลุมการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพ รวมทั้งความปลอดภัยทางชีวภาพ
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 68
update august 3,2011
http://gbctv.us/business/2011/08/02/453/
http://gbctv.us/business/2011/08/02/453/
REUTERS – The world’s first commercial biofuel flight departed from Mexico city on Monday (August 1) night and landed in Madrid on Tuesday (August 2) after an 11-hour journey.
Mexican carrier Aeromexico flight landed in the Spanish capital at 1310 local (1110GMT). More than two hundred passengers were on board, according to Mexican media.
The pioneering trip proved it is possible to use biofuel for long-haul flights.
The Boeing 777-200ER engine ran on 70 percent traditional fuel and 30 percent biofuel, according to Aeromexico.
“We are trying to help the planet a bit… We have already saved a lot of fuel over the year and now with the biofuel we are trying to use, we have contaminated the planet less,” said the plane’s Captain Francisco Fernandez Sarda.
“The future in aviation is biofuel. We will continue to use fossil fuel but the industry has very ambitious goals to reduce emissions and to use biofuel,” he added.
The biofuel used for the flight was derived from a locally-sourced jatropha plant being farmed for aviation in Mexico.
Mexico and Spain subscribed to an agreement on the use of biofuel in aviation in 2010.
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 69
Solar Panels
Installations of solar panels on U.S. homes rose 66% in the first quarter of 2011, compared with the year prior. Why? Partly because the price of solar panel components dropped 15% over the same time period
Read more: http://moneyland.time.com/2011/07/25/10 ... z1U3cfp5fe
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 70
update..sep19-2011
Siemens shuts nuke unit
* Published: 18/09/2011 at 06:32 PM
* Online news:
http://www.bangkokpost.com/business/eco ... r-activity
Siemens shuts nuke unit
* Published: 18/09/2011 at 06:32 PM
* Online news:
http://www.bangkokpost.com/business/eco ... r-activity
German industrial giant Siemens is turning the page on nuclear energy, the group's CEO Peter Loescher told the Der Spiegel weekly in an interview published on Sunday.
German industrial giant Siemens is turning the page on nuclear energy, the group's CEO Peter Loescher has told the Der Spiegel weekly in an interview published.
"We will no longer be involved in overall managing of building or financing nuclear plants. This chapter is closed for us," he said, explaining that Siemens would restrict its activity to double-use technology.
"We will from now on supply only conventional equipment such as steam turbines. This means we are restricting ourselves to technologies that are not only for nuclear purposes but can also be used in gas or coal plants."
The German government announced its decision to abandon nuclear power by 2022 in the wake of the disaster at Japan's Fukushima nuclear plant.
Loescher also definitively buried a long-planned joint venture project with Russian group Rosatom in the nuclear sector.
"The two groups are still very interested in a partnership but it will be in another field," he said.
Loescher said his group's decision to withdraw from the nuclear industry reflected "the very clear stance taken by Germany's society and political leadership."
Germany is the first major industrialised power to agree an end to atomic power since the disaster, the world's worst since Chernobyl in 1986, with tens of thousands of people living near Fukushima evacuated.
Germany wants to boost the share of the country's power needs generated by renewable energies to 35 percent by 2020 from 17 percent at present.
Siemens produces gas turbines and equipment used to produce solar and wind power.
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 71
http://translate.google.co.th/
แปลภาษา
จากภาษา: ภาษาอังกฤษ
เป็นภาษา: ภาษาไทย
แปลข้อความหรือหน้าเว็บ
พิมพ์ข้อความหรือที่อยู่ของเว็บไซต์ หรือแปลเอกสาร
ยกเลิก
การแปลภาษา ภาษาอังกฤษ เป็นภาษา ภาษาไทย
ภาษาเยอรมันอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของซีเมนส์จะเปลี่ยนหน้าของพลังงานนิวเคลียร์ของกลุ่มซีอีโอของปีเตอร์ Loescher บอก Der Spiegel สัปดาห์ในการสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่
ภาษาเยอรมันอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของซีเมนส์จะเปลี่ยนหน้าของพลังงานนิวเคลียร์ของกลุ่มซีอีโอของปีเตอร์ได้บอก Loescher Der Spiegel สัปดาห์ในการให้สัมภาษณ์การเผยแพร่
"เราจะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการจัดการโดยรวมของอาคารหรือการจัดหาเงินทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์. บทนี้จะปิดสำหรับพวกเรา"เขากล่าวอธิบายว่าซีเมนส์จะ จำกัด กิจกรรมของการดับเบิลใช้เทคโนโลยี
"เราจะจากนี้ไปจัดหาอุปกรณ์ธรรมดาเท่านั้นเช่นกังหันไอน้ำ. ซึ่งหมายความว่าเราจะ จำกัด ตัวเองเพื่อให้เทคโนโลยีที่มีไม่เพียง แต่เพื่อวัตถุประสงค์ในการนิวเคลียร์ แต่ยังสามารถใช้ในโรงไฟฟ้าก๊าซหรือถ่านหิน."
รัฐบาลเยอรมันประกาศตัดสินใจที่จะละทิ้งพลังงานนิวเคลียร์โดย 2022 ในการปลุกของภัยพิบัติของประเทศญี่ปุ่นที่โรงงานนิวเคลียร์ใน Fukushima
Loescher ยังฝังแตกหักเป็นโครงการร่วมทุนในระยะยาวการวางแผนร่วมทุนกับกลุ่มรัสเซีย Rosatom ในภาคนิวเคลียร์
"ทั้งสองกลุ่มจะยังคงสนใจมากในการเป็นหุ้นส่วนกัน แต่จะเป็นในเขตข้อมูลอื่น"เขากล่าวว่า
Loescher กล่าวว่าการตัดสินใจกลุ่มของเขาถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่สะท้อน"ท่าทางที่ชัดเจนมากขึ้นโดยสังคมของเยอรมนีและผู้นำทางการเมือง."
เยอรมนีเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมพลังงานที่สำคัญในการตกลงสิ้นสุดการพลังงานปรมาณูตั้งแต่ภัยพิบัติของโลกที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เชอร์โนบิลในปี 1986 ที่มีนับหมื่นของผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ Fukushima อพยพ
เยอรมนีต้องการที่จะเพิ่มส่วนแบ่งของการใช้พลังงานของประเทศที่ต้องการสร้างขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อร้อยละ 35 ภายในปี 2020 จาก 17 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน
ซีเมนส์ผู้ผลิตเครื่องกังหันก๊าซและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลม
-
- Verified User
- โพสต์: 2011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 73
เคยได้ยินว่ากำลังศึกษากันอยู่ แต่ติดปัญหาอยู่ 2 อย่างblueplanet เขียน:fusion reactors
เป็นพลังงานนิวเคลียร์แบบดวงอาทิตย์
เป็นพลังานสะอาด
ไม่เหมือนพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ในปัจจุบัน
ที่อันตรายมาก
ถ้าโลกใช้ fusion reactors ได้
pollution ทุกอย่างในโลกจะหมดไป
ปัญหาโลกร้อนก็จะไม่มี
1.ไม่มีเตาปฏิกรณ์ใดที่ทนอุณหภูมิในห้องปฏิกริยาได้ ประมาณ มากกว่า 10 ล้าน ฟาเรนต์ไฮต์ อาจต้องใช้ สนามพลังเป็นผนังเตาแทน
2.ยังไม่สามารถควบคุมปฏิกริยาเสถียนได้ บริเวณนั้นอาจกลายเป็นดวงอาทิต์ขนาดย่อมได้
ดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ยังไงไม่รู้ นะครับ
Add friend in Facebook https://www.facebook.com/profile.php?id ... &ref=br_tf
Group ที่อยู่ประจำ https://www.facebook.com/groups/investedinstocks/
https://www.facebook.com/groups/blaloverandgrowthstock/
Group ที่อยู่ประจำ https://www.facebook.com/groups/investedinstocks/
https://www.facebook.com/groups/blaloverandgrowthstock/
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 74
update
http://www.ryt9.com/s/iq05/1302822PTT จัดสรร 150 ลบ.สนับสนุนวิจัยสาหร่ายพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 16:01:43 น.
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าทีบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดสรรงบลงทุน 150 ล้านบาท ในการสนับสนุนโครงการวิจัยสาหร่ายพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการใช้งบไปแล้ว 50 ล้านบาท ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตพลังงานชีวภาพจากสาหร่าย สามารถผลิตเป็นปิโตเลียม และอาหารที่สาหร่ายสังเคราะห์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นของเสียที่ได้จากการผลิตในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว
ประเทศไทย มีพื้นที่เหมาะสมในการเลี้ยงสาหร่ายได้ทั้งปี ขณะที่ปตท. มีพื้นที่ในภาคตะวันตกของออสเตเรีย ที่ได้สัมปทานอยู่แล้วเหมาะแก่การเลื้ยงสาหร่าย สำหรับการผลิตเชิงพาณิย์ในปี 60
ทั้งนี้ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ร่วมกับสถาบันปิโตรเลียมไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงวิชาการสาหร่ายนานาชาติ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2555 หรือ 2nd Asia-Oceania Algae Innovation Summit (AOAIS 2012) ในระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2555
นายไพรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสรรหาแหล่งพลังงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการร่วมกันดำเนินการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก เป็นงานที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นทุกวัน ในสถานการณ์ที่โลกและประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานและโลกร้อน ในการนี้ ปตท. ได้เล็งเห็นว่า แนวทางสำคัญอันหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และเอื้อประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย คือ การสร้างนวัตกรรมพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับศักยภาพของประเทศ
ปตท. จึงได้ให้ความสำคัญพร้อมทั้งเร่งรัดและทุ่มงบประมาณในการคิดค้นวิจัยและ พัฒนาพลังงานทดแทนออกมาให้บรรลุประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและสังคม ไทยอย่างรวดเร็ว โดยการเป็นผู้นำในการผลักดันการออกผลิตภัณฑ์แก๊สโซฮอล์ (Gasohol) และไบโอดีเซล (Biodiesel) และได้พัฒนาสูตรให้เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศ เป็นที่ยอมรับของผู้ผลิตรถยนต์และผู้บริโภค ส่งเสริมและผลักดันการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ NGV รวมทั้งพัฒนาพลังงานทดแทนใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงการผลิต หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และการผลิตก๊าซชีวภาพอัด (Compressed Biogas) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ทดแทน NGV ตลอดจนเร่งดำเนินการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานทุกๆด้าน เพื่อให้สามารถตอบสนองความคาดหวังของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้อย่างสมดุล ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/จริญยา/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 75
ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 11:22:24 น.
กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ปตท.
ด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะจัดงานแถลงข่าว “การปฏิบัติการบินเที่ยวบินพิเศษด้วยเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ” ร่วมกับพันธมิตรผู้สนับสนุนโครงการ ได้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท โบอิ้ง จำกัด พร้อมทั้งนำสื่อมวลชนร่วมเดินทางในเที่ยวบินพิเศษ “THAI Travel Green : THAI First Flight with Biofuels” ในวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2554 เวลา 12.00 น. ณ พื้นที่บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่ง (Premium Area) อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 1 สนามบินสุวรรณภูมิThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 11:22:24 น.
กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ปตท.
ด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะจัดงานแถลงข่าว “การปฏิบัติการบินเที่ยวบินพิเศษด้วยเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ” ร่วมกับพันธมิตรผู้สนับสนุนโครงการ ได้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท โบอิ้ง จำกัด พร้อมทั้งนำสื่อมวลชนร่วมเดินทางในเที่ยวบินพิเศษ “THAI Travel Green : THAI First Flight with Biofuels” ในวันพุธที่ 21 ธันวาคม 2554 เวลา 12.00 น. ณ พื้นที่บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่ง (Premium Area) อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 1 สนามบินสุวรรณภูมิ
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 77
update.. on GREEN PLASTIC thailand
http://thailand-business-news.com/envir ... n-thailandWith production becoming more ecologically safe, the term “green plastics” has entered solidly into Thailand’s industrial lexicon. PTT Plc, the country’s largest energy company, and Mitsubishi Chemical Corp. have announced a US$200 million venture to develop the world’s first factory making biodegradable plastic from sugar. Commercial production at the Rayong Province plant will start in 2014, using about 54,000 tonnes of raw sugar per year.
The PTT subsidiary IRPC is stepping up its production of acrylonitrile butadiene styrene (ABS) to meet growing demand for the product in the electrical and electronics sector. It is doing so, however, with a pro-environment twist. Creating added-value ABS, the company is mixing in rubber content to make the thermoplastic greener. IRPC has already signed an agreement to supply green ABS to Hatari Electric Co. for its manufacture of eco-friendly electric fans.
With Thailand’s abundance of cassava, sugarcane and rubber, and demand for biodegradable plastic increasing 30% annually, such projects will help make the country the Asian hub for green plastics production. Thailand is already a significant exporter of bio-plastics on outbound shipments worth US$2.92 billion in 2010, according to Ministry of Commerce statistics.
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 78
ผมคิดว่า mega trends ในอนาคต อาจจะยังมีตัวแปรและความไม่แน่นอนสูง เช่น ประชากรโลกมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการอาหารและพลังงาน มากขึ้นเร็วจนการพัฒนาพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกตามไม่ทัน อาหารผลิตได้ไม่พอกับประชากรโลก จนเกิดการแย่งชิงทรัพยากร และอาหาร โดยการแย่งชิงกัน จนเกิดสงครามเพื่อล่าอาณานิคมที่ยังมีทรัพยากรต่างต่าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ทั้งครอบงำโดยระบบเศษฐกิจ และระบบทุนนิยม หรือสงครามทำลายล้างกันเพื่อแย่งชิง ทรัพยากรต่าง ๆ เทคโนโลยีต่าง ๆ อาจจะพัฒนาขึ้นมาก แต่จิตใจมนุษย์ก็อาจจะพัฒนาตามไม่ทันเทคโนโลยีนะครับ
ผมเชื่อว่า mega trends ในอนาคตจะเป็นยังไง อาจจะขึ้นอยู่ว่า. มนุษย์จะมีการพัฒนาด้านจิตใจไปไหนทิศทางไหนด้วยนะครับ แค่เมืองไทยเรา ด้านการพัฒนาจิตใจยังมีการเอารัดเอาเปรียบกันมากขึ้น ทำทุกอย่างเพื่อสร้างความสุขความรำ่รวย จนลืมบางอย่างที่ควรจะมีในจิตใจ ผมมีความคิดว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มนุษย์มีความสามารถมากพอที่จะคิค้นหาหรือสร้าง เทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อทดแทนสิ่งที่จะหมดไปได้ แต่ มนุษย์ อาจจะไม่มีวิธีที่จะพัฒนาด้านจิตใจ ทดแทนขึ้นมาได้นะครับ
ผมเชื่อว่า mega trends ในอนาคตจะเป็นยังไง อาจจะขึ้นอยู่ว่า. มนุษย์จะมีการพัฒนาด้านจิตใจไปไหนทิศทางไหนด้วยนะครับ แค่เมืองไทยเรา ด้านการพัฒนาจิตใจยังมีการเอารัดเอาเปรียบกันมากขึ้น ทำทุกอย่างเพื่อสร้างความสุขความรำ่รวย จนลืมบางอย่างที่ควรจะมีในจิตใจ ผมมีความคิดว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มนุษย์มีความสามารถมากพอที่จะคิค้นหาหรือสร้าง เทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อทดแทนสิ่งที่จะหมดไปได้ แต่ มนุษย์ อาจจะไม่มีวิธีที่จะพัฒนาด้านจิตใจ ทดแทนขึ้นมาได้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 79
Thaivi ยังคงมีคนคุณภาพอยู่นะครับ
ข้อมูลเหล่านี้ส่วนมากอยู่ในงานวิจัย แต่เป็นประโยชน์อย่างมากครับ ถ้าคนไทยคิดจะลงทุนในการวิจัย แล้วทำให้เกิดเป็นธุรกิจได้ สังเกตได้ว่า งานวิจัยทางด้านสาหร่าย หลายๆประเทศที่ทำกันนั้น สามารถให้ผลได้ดี แต่องค์ประกอบในการเลี้ยงนั้นประเทศไทยได้เปรียบค่อนข้างมากครับ ส่วนตัวเคยทำงานวิจัยด้านนี้เช่นกัน เห็นว่าขณะนี้ ปตท. กำลังทำงานวิจัยเลี้ยงอยู่ในท่อนะครับ ลองตาม ๆ กันดู
เห็นหลาย ๆ ท่านให้ความเห็นเรื่อง พลังงานทดแทน เป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวมองเป็นเรื่องของวัฏจักรครับ เพราะพลังงานทดแทนมีหลายชนิด ซึ่งถ้าใช้น้ำมัน ก็คงไม่ใช้แก๊ส ทำให้เป็นวัฏจักรสำหรับวัตถุดิบนั้น ๆ ที่นำมาใช้
อนาคตธุรกิจที่ผมมองว่า น่าจะเติบโตอย่างยั่งยืน ยังคงอยู่ในหมวดการสื่อสารต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจการถ่ายทอดความรู้เฉพาะด้านครับ เนื่องจากคนเราส่วนใหญ่ยังคงต้องการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ได้เงินมากขึ้น เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น
ข้อมูลเหล่านี้ส่วนมากอยู่ในงานวิจัย แต่เป็นประโยชน์อย่างมากครับ ถ้าคนไทยคิดจะลงทุนในการวิจัย แล้วทำให้เกิดเป็นธุรกิจได้ สังเกตได้ว่า งานวิจัยทางด้านสาหร่าย หลายๆประเทศที่ทำกันนั้น สามารถให้ผลได้ดี แต่องค์ประกอบในการเลี้ยงนั้นประเทศไทยได้เปรียบค่อนข้างมากครับ ส่วนตัวเคยทำงานวิจัยด้านนี้เช่นกัน เห็นว่าขณะนี้ ปตท. กำลังทำงานวิจัยเลี้ยงอยู่ในท่อนะครับ ลองตาม ๆ กันดู
เห็นหลาย ๆ ท่านให้ความเห็นเรื่อง พลังงานทดแทน เป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวมองเป็นเรื่องของวัฏจักรครับ เพราะพลังงานทดแทนมีหลายชนิด ซึ่งถ้าใช้น้ำมัน ก็คงไม่ใช้แก๊ส ทำให้เป็นวัฏจักรสำหรับวัตถุดิบนั้น ๆ ที่นำมาใช้
อนาคตธุรกิจที่ผมมองว่า น่าจะเติบโตอย่างยั่งยืน ยังคงอยู่ในหมวดการสื่อสารต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจการถ่ายทอดความรู้เฉพาะด้านครับ เนื่องจากคนเราส่วนใหญ่ยังคงต้องการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ได้เงินมากขึ้น เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 80
ีupdate..
็Hickory Ridge Landfill
http://blogs.scientificamerican.com/plu ... lar-farms/
แถว อ่อนนุช เอาบ้าง ก็ดี
แต่ไม่รู้ ก๊าชมีเทน มันจะระเบิด ..รึเปล่า..
็Hickory Ridge Landfill
http://blogs.scientificamerican.com/plu ... lar-farms/
***
http://www.csrcom.com/world_show.php?id_show=33
Solar Landfill แสงสว่างใหม่ของการผลิตพลังงาน
ภูเขา Hickory Ridge เป็นพื้นที่ว่างทางนอกเมืองของ Atlanta, Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพื้นที่ว่างประมาณ 10 เอเคอร์ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็น Solar Panels และด้วย แผ่น Flexible Solar Strip 7,000 แผ่น มันสามารถผลิตไฟฟ้า 1 ล้านวัตต์ ซึ่งสามารถแจกจ่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้ใช้อย่างพอเพียง การติดตั้งระบบ Solar Landfill นี้มีมูลค่าค่อนข้างสูงแต่ว่าจะมีค่าดูแลรักษาค่อนข้างต่ำ แถมยังสามารถซ่อมแซมได้ง่ายอีกด้วย
จากข้อมูลของ U.S. Environmental Protection Agency ประเทศสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ว่างกว่า 100,000 แปลง รวมเป็นเนื้อที่กว่า 1,000 เอเคอร์ ซึ่งมีโอกาศสูงที่โครงการลักษณะแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกมากมายในสหรัฐอเมริกา
ที่มา : http://edition.cnn.com/2011/11/30/us/la ... index.html
เวลา 21:20:35 น. 27 ธันวาคม 2554
แถว อ่อนนุช เอาบ้าง ก็ดี
แต่ไม่รู้ ก๊าชมีเทน มันจะระเบิด ..รึเปล่า..
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 81
ลืมบอกไป ข้างใน มันเป็น ขยะ ที่ทิ้งขยะgarbage and solar. Not only was I observing a fairly new achievement in engineering, to me it also seemed to be something more meaningful. Below my feet were 9 million cubic yards of garbage
ภูเขาขยะ..
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 83
ีupdate..Shale gas
น่ารู้ ...มาก
ไม่รู้จะย่อ ยังไง
เนื้อหาเยอะ เละ เอามาแปะไว้ เต็ม เผื่อ อีกหน่อย หาไม่เจอ..hilight ผมทำให้
source:
http://www.scbeic.com/THA/document/note ... _shalegas/
http://www.scbeic.com/stocks/extra/3234 ... 122219.pdf
Shale gas ขุมทองแห่งพลังงานในอนาคต?
ผู้เขียน: ดร. ศิวาลัย ขันธะชวนะ และ ชนิตา สุวรรณะ
วันที่: 6 สิงหาคม 2555
..
น่ารู้ ...มาก
ไม่รู้จะย่อ ยังไง
เนื้อหาเยอะ เละ เอามาแปะไว้ เต็ม เผื่อ อีกหน่อย หาไม่เจอ..hilight ผมทำให้
source:
http://www.scbeic.com/THA/document/note ... _shalegas/
http://www.scbeic.com/stocks/extra/3234 ... 122219.pdf
Shale gas ขุมทองแห่งพลังงานในอนาคต?
ผู้เขียน: ดร. ศิวาลัย ขันธะชวนะ และ ชนิตา สุวรรณะ
วันที่: 6 สิงหาคม 2555
ทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับการค้นพบ Shale gas ในปริมาณมหาศาล ด้วยความหวังว่าจะนำก๊าซธรรมชาติในรูปแบบใหม่นี้มาใช้ทดแทนพลังงานรูปแบบ อื่น เหตุเพราะปัญหาราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูง ความเสี่ยงจากพลังงานนิวเคลียร์และถ่านหิน พลังงานหมุนเวียนที่มีกำลังการผลิตต่ำ รวมถึงทรัพยากรพลังงานแบบดั้งเดิมเริ่มร่อยหรอ ดังนั้น Shale gas อาจทำให้โลกเข้าสุ่ยุคทองของการใช้ก๊าซธรรมชาติ และพลิกโฉมธุรกิจพลังงานในอนาคตอันใกล้ ทว่า เสียงต่อต้านจากกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการขุดเจาะ อาจทำให้การพัฒนาและผลิต Shale gas ก้าวช้ากว่าที่คาด
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การขุดเจาะ Shale gas มีความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ ปริมาณสำรองที่ค้นพบใหม่รวมกับก๊าซธรรมชาติอื่น จะทำให้โลกมีก๊าซธรรมชาติใช้เพิ่มจาก 60 ปี เป็น 200 ปี Shale gas เป็นก๊าซธรรมชาติที่เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์นับล้านๆปี โดยถูกกักอยู่ในชั้นหินดินดานซึ่งยอมให้ก๊าซไหลผ่านยาก จึงต้องอาศัยกรรมวิธีการขุดเจาะที่ซับซ้อนกว่าก๊าซธรรมชาติแบบดั้งเดิม (Conventional gas) หากพิจารณาคุณสมบัติของ Shale gas พบว่าไม่แตกต่างจากก๊าซธรรมชาติที่ใช้กันทุกวันนี้อย่างมีนัยสำคัญ สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ค้นพบและพัฒนาเทคโนโลยีการขุดเจาะ Shale gas โดยใช้วิธี Hydraulic Fracturing หรือ การใช้แรงดันน้ำขนาดสูงผสมสารเคมีและทรายเพื่อทำให้หินร้าว ควบคู่กับ Horizontal Drilling หรือ การเจาะแนวราบ เพื่อช่วยเพิ่มผิวสัมผัสของหลุมเจาะกับชั้นหิน Shale ทำให้สามารถผลิต Shale gas ได้ปริมาณมากขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง
แนวโน้มการสำรวจและขุดเจาะ Shale gas พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในแหล่งที่พบมากอย่างสหรัฐอเมริกา และจีน ปัจจุบัน ค้นพบแหล่ง Shale gas 48 แห่ง ครอบคลุม 32 ประเทศ ขนาด 170 tcm (ล้านล้านลูกบาศก์เมตร) หรือประมาณ 6,000 เท่าของปริมาณที่ไทยผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2011 โดยจีนมีแหล่ง Shale gas มากที่สุด ประมาณ 36 tcm หรือ 21% รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และยุโรป ซึ่งมีอยู่ประมาณ 24 tcm และ 18 tcm หรือคิดเป็น 14% และ 11% ตามลำดับ ซึ่งในอนาคตอาจค้นพบแหล่ง Shale gas ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมากกว่านี้ องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) คาดว่าภายในปี 2035 การผลิตก๊าซธรรมชาติจะขยายตัวถึง 55% ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นอัตราการเติบโตของการผลิต Shale gas ประเทศผู้บริโภคพลังงานมากที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้ทำการขุดเจาะ Shale gas ช่วงต้นปี 2012 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 29% ส่วนจีนสนับสนุนการสำรวจขุดเจาะ Shale gas อย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันจีนยังไม่มีการผลิต Shale gas แต่จีนได้ตั้งเป้าการผลิต Shale gas ไว้ปีละ 6.5 bcm (พันล้านลูกบาศก์เมตร) ภายในปี 2015 และจะเพิ่มเป็นปีละ 60-100 bcm ภายในปี 2020
หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ค่อนข้างมากจาก Shale gas ซึ่งนับเป็นอีกแรงหนึ่งของการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ จาก ความได้เปรียบ 2 ประการ ได้แก่ ศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีการขุดเจาะอย่างต่อเนื่อง และ ลักษณะทางธรณีวิทยา ทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถนำ Shale gas ขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ปริมาณมากขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งปัจจุบันต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 3-7 $/MMBtu1 ปริมาณการผลิต Shale gas ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลนี้ ส่งผลให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ผลักดันให้ราคาก๊าซธรรมชาติในปัจจุบันปรับลดลงเหลือที่ประมาณ 2-3 $/MMBtu จากราคาเฉลี่ยที่ 6 $/MMBtu ในช่วงปี 2000-2008 หรือลดลงกว่า 50-70% สำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (US Energy Information Administration: EIA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิต Shale Gas ในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นจาก 23% ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ในปี 2010 เป็น 49% ในปี 2035 ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก นำหน้ารัสเซีย และอาจเปลี่ยนบทบาทจากประเทศผู้นำเข้าเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ มีการศึกษาว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดต่ำลงยังช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบ โตทางเศรษฐกิจ เช่น ช่วยกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน โดยภายในปี 2025 การจ้างงานในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านคน และหนึ่งครัวเรือนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยได้ถึง 926 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี 2
การค้นพบ Shale gas สร้างความท้าทายให้ธุรกิจพลังงานประเภทอื่น และอาจพลิกโฉมรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต เกิด คำถามที่ว่าการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน อย่างพลังงานลม แสงอาทิตย์ ชีวภาพ ที่มีต้นทุนสูง กำลังการผลิตต่ำ จะคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับ Shale gas ที่จะมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือในราคาถูก Shale gas ยังเป็นก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถูกกว่า ถ่านหิน นำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพื่อผลิตเม็ดพลาสติก เส้นใยต่างๆ และเป็นก๊าซเชื้อเพลิงให้รถยนต์ ซึ่ง Shale gas ถือเป็นเชื้อเพลิงสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นถึง 50% แน่นอนว่าก๊าซธรรมชาติจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่น้ำมัน และถ่านหินจะลดบทบาทลง (IEA คาดการณ์ว่าสัดส่วนความต้องการใช้น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ต่อความต้องการพลังงานรวม ปี 2010 = 32% 28% และ 21% ตามลำดับ ปี 2035 = 27% 24% และ 25% ตามลำดับ) ก๊าซธรรมชาติจะกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญอันดับสอง รองจากน้ำมัน แซงหน้าถ่านหินในอนาคต
อนาคตของ Shale gas อาจไม่สดใส เพราะผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการขุดเจาะ กำลังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามอง โดยพบว่า วิธี Hydraulic Fracturing ที่ผสมสารเคมีลงในน้ำเพื่อสร้างรอยร้าวในชั้นหิน ทำให้เกิดการเจือปนของสารพิษในน้ำใต้ดิน ส่งผลต่อคุณภาพและความสะอาดของน้ำดื่ม นอกจากนี้ อาจเกิดการรั่วซึมของก๊าซมีเทนซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน หากรั่วไหลในปริมาณมากอาจเกิดการระเบิดได้ ขณะเดียวกัน การขุดเจาะดังกล่าว สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่ระดับ 1-3 ริคเตอร์ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เกิดขึ้นบ่อย บริเวณ Fayetteville Shale ในรัฐ Arkansas ของสหรัฐอเมริกา จากการขุดเจาะ Shale gas ที่ลึกลงมากขึ้น แม้ว่าหลายประเทศให้ความสนใจในการขุดเจาะนำ Shale gas ขึ้นมาใช้ แต่ปัจจุบันหลายฝ่ายยังคงถกเถียงและไม่มั่นใจต่อผลกระทบจากวิธีการขุดเจาะ ดังกล่าว เช่น รัฐ New York, Maryland และ New Jersey ในสหรัฐอเมริกา สั่งห้ามการขุดเจาะชั่วคราว ส่วนฝรั่งเศส บัลกาเรีย ให้เลื่อนเวลาการเริ่มขุดเจาะออกไปก่อน และเยอรมนีกำลังเผชิญกับฝ่ายต่อต้านการขุดเจาะดังกล่าว นอกจากนี้ กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์อย่างธุรกิจพลังงานนิวเคลียร์ ถ่านหิน หรือแม้แต่รัสเซีย ที่เกรงว่าสหรัฐอเมริกาจะแย่งส่วนแบ่งตลาดก๊าซธรรมชาติ ก็ออกมาต่อต้านการขุดเจาะ Shale gas เช่นกัน
1 ข้อมูลจาก Policy Department Economic and Scientific Policy, European Parliament
2 ข้อมูลจาก Economist
implication
* ไทยได้รับอานิสงค์จากราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจถูกลง หากการขุดเจาะ Shale gas เป็นที่ยอมรับและมีการขุดขึ้นมาใช้จำนวนมาก จะส่งผลดีต่อไทยในฐานะที่เป็นประเทศผู้นำเข้า และมีอุปสงค์ของก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติสูงถึง 60% และ 21% ของการใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของไทย หรืออุตสาหกรรมเซรามิก แก้ว และกระจก ที่มีต้นทุนเชื้อเพลิง 40% ของต้นทุนรวม จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดต่ำลง ภาคขนส่งจะมีรถที่เปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น ซึ่งในระยะยาวก๊าซธรรมชาติจะเริ่มถูกนำมาใช้ทดแทนน้ำมันมากยิ่งขึ้น
* ดุลการค้า สหรัฐอเมริกาที่ดีขึ้น อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในเชิงมหภาค การที่สหรัฐอเมริกานำเข้าก๊าซธรรมชาติน้อยลง จนอาจนำไปสู่การส่งออก จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งขึ้น การเคลื่อนย้ายเงินทุนจะไหลกลับไปสู่สหรัฐอเมริกา ส่งผลต่อการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ทำให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกไทย นอกจากนี้ การที่ปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จะช่วยเพิ่มทางเลือกด้านพลังงานให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รวมทั้งสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ
..
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 84
more reading..
source:
Thursday, April 12, 2012
Shale Gas Revolution or Iran-Pakistan Gas Pipeline?
http://southasiainvestor.blogspot.com/2 ... istan.html
source:
Thursday, April 12, 2012
Shale Gas Revolution or Iran-Pakistan Gas Pipeline?
http://southasiainvestor.blogspot.com/2 ... istan.html
Shale gas revolution began a few years ago when an American named George P. Mitchell defied the skeptics and fought his opponents to extract natural gas from shale rock. The method he and his team used to release the trapped gas, called fracking, has paid off dramatically. In 2000, shale gas represented just 1 percent of American natural gas supplies. Today, it is over 30 percent and rising.
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 86
ถึงแม้นว่า eia คาดว่าในปี 2035
แต่ ทั่วโลก ก็ เกิดการต่อต้าน hydraulic fracturing (“fracking”)
1.
3. เกิดกระแสต่อต้าน (“fracking”) ในหลายๆ รัฐใน อเมริกา เกิดการขัดแย้งกัน..
Shale gas production increases from 5.0 trillion cubic feet in 2010 (23 percent of total U.S. dry gas production) to 13.6 trillion cubic feet in 2035 (49 percent of total U.S. dry gas production) (Figure 2).
แต่ ทั่วโลก ก็ เกิดการต่อต้าน hydraulic fracturing (“fracking”)
1.
2.On June 30, France became the first country to institute a national ban on natural gas extraction through hydraulic fracturing (“fracking”). The bill passed France’s lowest legislative chamber, the National Assembly, on June 21 and on June 30, the Senate followed suit
http://dontfrackwithny.com/france-becom ... -fracking/
Bulgaria Becomes the Second European Country To Ban Fracking
# by Gina-Marie Cheeseman
# January 28, 2012
# 8:12 am
Read more: http://www.care2.com/causes/bulgaria-be ... z2CZH3rUAb
Read more: http://www.care2.com/causes/bulgaria-be ... z2CZGyQ57D
3. เกิดกระแสต่อต้าน (“fracking”) ในหลายๆ รัฐใน อเมริกา เกิดการขัดแย้งกัน..
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 87
เพิ่มเติมเรื่อง shale gas ให้ครับ ผมลงไว้ในห้อง BHP ด้วยเหมือนกัน
Slide หน้า 39 ถึง 42 กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่อเมริกาอันเป็นผลมาจาก shale gas
การใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าแซงถ่านหินไปแล้ว อุตสาหกรรมหนักอย่างอุตสาหกรรมเหล็กและปิโตรเคมีจะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง
http://www.bhpbilliton.com/home/investo ... iefing.pdf
Slide หน้า 39 ถึง 42 กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่อเมริกาอันเป็นผลมาจาก shale gas
การใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าแซงถ่านหินไปแล้ว อุตสาหกรรมหนักอย่างอุตสาหกรรมเหล็กและปิโตรเคมีจะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง
http://www.bhpbilliton.com/home/investo ... iefing.pdf
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 88
ขอบคุณมากครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การมองแนวโน้มใหญ่ ..หลายๆมุม
โพสต์ที่ 90
แหล่ง ข้อมูล ดีีๆ จาก davos
เอา ไว้ save อ่าน ใน ipad เวลา บินบนเครื่องนานๆ คงมันดี
http://www.weforum.org/reports#
ต.ย1
http://www.weforum.org/reports/global-a ... tlook-2013
http://www3.weforum.org/docs/WEF_GAC_Gl ... k_2013.pdf
ต.ย2
http://www3.weforum.org/docs/WEF_Sustai ... t_2013.pdf
http://www.weforum.org/reports/sustaina ... -scenarios
http://www3.weforum.org/docs/WEF_Sustai ... y_2013.pdf
มี vision 2040
เอา ไว้ save อ่าน ใน ipad เวลา บินบนเครื่องนานๆ คงมันดี
http://www.weforum.org/reports#
ต.ย1
http://www.weforum.org/reports/global-a ... tlook-2013
http://www3.weforum.org/docs/WEF_GAC_Gl ... k_2013.pdf
ต.ย2
http://www3.weforum.org/docs/WEF_Sustai ... t_2013.pdf
http://www.weforum.org/reports/sustaina ... -scenarios
http://www3.weforum.org/docs/WEF_Sustai ... y_2013.pdf
มี vision 2040